สาระน่ารู้ประจำวันที่ 18 พฤษภาคม 2566

อสังหาฯ จับตา ลูกค้า”ชาวพม่า” โผล่ซื้อยูนิต สูงสุด 100 ล้าน

CBRE เผย ดีมานด์ ต่างชาติ ซื้ออสังหาฯไทยทะลัก ยอดคอนโดฯโต 383% ซื้อโครงการบ้านเพิ่มขึ้น 233% เจาะสัญชาติเอเชียมาแรง ขณะ บ้านพักตากอากาศฮอตในกลุ่มคนยุโรป แนะ จับตา ชาวพม่า หลังเข้าซื้ออสังหาฯไทย ตั้งแต่ยูนิตละ 5 ล้าน ถึงสูงสุด 100 ล้านบาท

17 พฤษภาคม 2566 – ซีบีอาร์อี ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ เผยว่า ชาวต่างชาติกลับมาให้ความสนใจซื้อที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ในไทย ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และบ้านพักตากอากาศที่ตั้งอยู่ในทำเลชั้นนำอย่างมาก ตั้งแต่เริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยในช่วงครึ่งหลังปี 2565 โดยพบว่ายอดขายผ่านซีบีอาร์อีพุ่งเกินกว่า 200-300%   ด้านผู้พัฒนาโครงการก็มีความเคลื่อนไหวเพื่อตอบรับกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น เตรียมเปิดโครงการใหม่ระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ในปี 2566 อีกหลายโครงการ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว

นานาชาติ ทะลักตลาดอสังหาฯไทย

นางสาวอาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา เริ่มมีชาวต่างชาติเดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวปีที่แล้วทั้งสิ้น 11.2 ล้านคน มาจากในเอเชีย 64%  ยุโรป 23%  อเมริกาเหนือ 5% ตามมาด้วยตะวันออกกลาง โอเชียเนียหรือกลุ่มประเทศและหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก และแอฟริกา ซึ่งสัญญาณการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมีนัยยะในเชิงบวกและสอดคล้องกับดีมานด์ของชาวต่างชาติในการซื้อที่พักอาศัยในไทย

 “จากการวิเคราะห์ข้อมูลโครงการที่ซีบีอาร์อีเป็นตัวแทนบริหารการตลาดและการขาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นตลาดระดับลักซ์ชัวรี่ขึ้นไปนั้น พบว่าผู้สนใจซื้อโครงการที่พักอาศัยจากซีบีอาร์อีตั้งแต่ปี 2565 ถึงต้นปี 2566 คิดเป็นคนไทย 89% และชาวต่างชาติ 11%  โดยลูกค้าชาวต่างชาติที่มองหาคอนโดมิเนียมและบ้านส่วนใหญ่มาจากในเอเชีย ได้แก่ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน พม่า สิงคโปร์ และญี่ปุ่น  สำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านพักตากอากาศส่วนใหญ่มาจากยุโรป ได้แก่ รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน”

ผู้ซื้อต่างชาติ ดันตลาดคอนโดใจกลางเมืองฟื้น 

นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบยอดขายโครงการที่พักอาศัยของซีบีอาร์อีในปี 2565 กับปี 2564 ยังพบว่า ลูกค้าชาวต่างชาติซื้อโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นถึง 383% และซื้อโครงการบ้านเพิ่มขึ้น 233% โดยชาวต่างชาติที่ซื้อโครงการบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว   รวมทั้งซีบีอาร์อียังพบว่าลูกค้าชาวต่างชาติกลับมาสนใจซื้อวิลล่าตากอากาศอีกครั้งหลังจากที่หายไปก่อนหน้านี้ 

เมื่อเจาะลึกถึงพฤติกรรมของผู้ซื้อชาวต่างชาติ ซีบีอาร์อีพบว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง โดยส่วนใหญ่มีวงเงินในการซื้อคอนโดมิเนียมที่ระดับราคา 15-30 ล้านบาท ต้องการคอนโดมิเนียมบนทำเลใจกลางเมือง โดยเฉพาะย่านธุรกิจอย่างสีลม สาทร ลุมพินี สุขุมวิท ปทุมวัน และทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา  ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองถึง 87%  

จับตา บทบาท ชาวพม่า ซื้อยูนิตแพง 100 ล้านก็มี

สำหรับโครงการบ้าน ลูกค้าชาวต่างชาติส่วนใหญ่มีงบประมาณในการซื้ออยู่ที่  51-80 ล้านบาท โดยเฉพาะทำเล กรุงเทพตะวันออก ใจกลางเมือง และทำเลรอบนอกฝั่งตะวันออก โดยซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองถึง 85%   และสำหรับบ้านพักตากอากาศนั้น ลูกค้าชาวต่างชาติมักจะซื้อในราคา 15-30 ล้านบาท โดยสนใจทำเลภูเก็ต และ หัวหิน ส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง 71%

จากข้อมูลของซีบีอาร์อีซึ่งเน้นตลาดระดับลักซ์ชัวรี่ ชาวจีนยังคงเป็นชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อที่พักอาศัยในไทยสูงสุด ส่วนใหญ่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมหรูขนาด 1-2 ห้องนอน ในระดับราคา 15-30 ล้านบาท บนทำเลสีลม สาทร  และซื้อเพื่อการอยู่อาศัยเองเป็นหลัก   ในส่วนของโครงการบ้าน ชาวจีนต้องการซื้อบ้านขนาด 4 ห้องนอน บนทำเลกรุงเทพตะวันออก และมีงบประมาณในการซื้อตั้งแต่ 30 ถึง 100 กว่าล้านบาท โดยส่วนใหญ่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองเช่นเดียวกัน

อีกหนึ่งตลาดต่างชาติที่ซีบีอาร์อีมองว่ามีความน่าสนใจคือตลาดผู้ซื้อชาวพม่า โดยในปีที่ผ่านมา มีลูกค้าชาวพม่าจำนวนหลายรายที่เข้าทำสัญญาซื้อขายโครงการกับซีบีอาร์อี ในระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาท ถึงมากกว่า 100 ล้านบาท โดยเป็นชาวพม่าที่อาศัยอยู่ในประเทศพม่า สิงคโปร์ และไทย โดยมีจุดประสงค์ในการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองถึง 91%    ลูกค้าชาวพม่าส่วนใหญ่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ขนาด 2 ห้องนอน ในระดับราคา 15-30 ล้านบาท และมองหาคอนโดมิเนียมบนทำเลลุมพินีและสุขุมวิท   สำหรับโครงการบ้าน ผู้ซื้อชาวพม่าส่วนใหญ่ต้องการบ้านขนาด 4 ห้องนอน ในทำเลกรุงเทพตะวันออกและใจกลางเมือง

 
ตลาดวิลล่าภูเก็ต ฮอตติดลมบน

ขณะ นางสาวประกายเพชร มีชูสาร หัวหน้าแผนกซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ให้ความเห็นเกี่ยวกับตลาดที่พักอาศัยในภูเก็ตว่า “ยอดขายที่พักตากอากาศโดยรวมที่ผ่านซีบีอาร์อีในปี 2565 เพิ่มสูงขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยที่พักอาศัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ วิลล่าหรือบ้านพักตากอากาศ ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 69% โดยตลาดต่างชาติที่สนใจโครงการที่พักอาศัยในภูเก็ตเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง  ทั้งนี้ ลูกค้าในประเทศยังอยู่ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ในขณะที่ลูกค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 93% มาจากหลากหลายเชื้อชาติที่เข้ามาลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมในภูเก็ต ซึ่งได้แก่ รัสเซีย แคนาดา อิตาลี ฝรั่งเศส จีน และอังกฤษ

“ความต้องการในตลาดวิลล่าภูเก็ตยังคงมีอยู่มากในหมู่ผู้ซื้อที่คุ้นเคยกับเกาะนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อเดิมจากโครงการก่อนหน้านี้ หรือจากเพื่อนและครอบครัวที่แนะนำ   จากการสำรวจของซีบีอาร์อีในภูเก็ตพบว่าตลาดวิลล่าภูเก็ตยังคงมีลูกค้าที่เข้ามาลงทุนซื้ออย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น รัสเซีย จีน อิตาลี อังกฤษ เยอรมัน ออสเตรเลีย อเมริกา อินเดีย และไอร์แลนด์ เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยเองและปล่อยเช่า” 

โครงการหรูรอเปิดใหม่รับโอกาส ต่างชาติ พีค! 

ทั้งนี้ ปัจจุบันซีบีอาร์อีบริหารการตลาดและการขายให้กับโครงการที่พักอาศัยชั้นนำในไทยเกือบ 30 โครงการ ทั้งในกรุงเทพมหานคร ระยอง หัวหิน และภูเก็ต  คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 4 หมื่นล้านบาท แบ่งออกเป็นโครงการบ้าน 58%  โครงการคอนโดมิเนียม 40% และโครงการรีสอร์ทหรือบ้านพักตากอากาศ 2%

โดยในปีนี้ ซีบีอาร์อียังมีโครงการใหม่รอเปิดตัวอีกหลายโครงการ โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการบ้านเดี่ยวซึ่งยังเป็นที่ต้องการของตลาด อาทิ

  • โครงการ เนอวานา คอลเลคชั่น กรุงเทพกรีฑา โครงการบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอย 553-1,005 ตารางเมตร พร้อมลิฟท์และสระว่ายน้ำส่วนตัว ราคา 80-150 ล้านบาท บนถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ติดกับเนอวานา พอร์ช คอมมูนิตี้มอลล์
  • โครงการ อาร์ค สุขุมวิท 39 โครงการบ้านระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ใจกลางสุขุมวิท 39 ทำเลหายากสำหรับโครงการบ้าน มีความเป็นส่วนตัวสูง ด้วยจำนวนเพียง 12 หลัง การันตีคุณภาพด้วยรางวัลการออกแบบระดับสากล มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ 4-5 ห้องนอน พร้อมที่จอดรถ 4-6 คัน ราคา 65-130 ล้านบาท
  • โครงการ วี อารีย์ บ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ตั้งอยู่ใจกลางย่านอารีย์ แหล่งไลฟ์สไตล์คนเมือง ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอารีย์ มีความเป็นส่วนตัวสูงด้วยจำนวนบ้านเพียงแค่ 6 หลัง ราคาเริ่มต้น 82 ล้านบาท
  • โครงการ ไฮด์พาร์ค การ์เด้น ด้วยทำเลโดดเด่น ติดโรงเรียนนานาชาติแฮร์โรว์ อยู่ใกล้สนามบินนานาชาติดอนเมือง ซึ่งมีแบบบ้านให้เลือกหลากหลาย ครบตามความต้องการของทั้งครอบครัวขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ในราคา 35-80 ล้านบาท
  •  โครงการ เมย์ฟิลด์ ปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นทาวน์โฮมส์ระดับพรีเมี่ยม เน้นพื้นที่สีเขียวโปร่งสบาย ตั้งอยู่เยื้องกับเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ราคาเพียง 13.9-19.8 ล้านบาท ซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้  และโครงการ อรุณ II คอนโดมิเนียมไฮไรส์ระดับพรีเมี่ยม เพียง 100 เมตร จาก MRT บางขุนนนท์ จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 3 สาย ที่สำคัญใกล้โรงพยาบาลศิริราช

ทั้งนี้ โครงการใหม่ที่เตรียมจะเปิดตัวและมีแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย ซีบีอาร์อีเป็นตัวแทนในปีนี้มีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเป็นผู้นำในการบริหารการตลาดและการขายโครงการที่พักอาศัยของซีบีอาร์อี โดยเฉพาะในตลาดระดับลักซ์ชัวรี่ขึ้นไป

ซีบีอาร์อีเชื่อว่าตลาดการท่องเที่ยวและตลาดการพักอาศัยแบบลองสเตย์ในปี 2566 จะกลับมาคึกคักมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมในช่วงไตรมาสที่ 2 ถึงไตรมาสที่ 4  และจะส่งผลในเชิงบวกอย่างต่อเนื่องต่อดีมานด์การซื้อที่พักอาศัยเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองและเพื่อการลงทุน   ทั้งนี้ ซีบีอาร์อีคาดการณ์ว่าความต้องการซื้อที่พักอาศัยจากชาวต่างชาติจะครอบคลุมตลาดหลายระดับ และกระจายไปยังทำเลทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดที่เป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศชั้นนำ รวมถึงครอบคลุมไปถึงตลาดเช่าอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ไรมอนแลนด์ ลุย ” อัลตร้า ลักชัวรี่ แบรนด์” กระทุ้งต่างชาติ อยากซื้ออสังหาฯไทย

บมจ.ไรมอนแลนด์ เผย Q1 ทำยอดขาย-ยอดโอนคอนโดฯ อัลตร้าลักชัวรี่ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ พุ่ง มั่นใจ ไม่นาน ปิดการขาย ขณะมองอสังหาฯไตรมาส 2 ออกตัวดี ลุยทำการตลาด ส่งโปรเจ็กต์ ” อัลตร้า ลักชัวรี่ แบรนด์” เล็งกวาดต่างชาติ พม่า, กัมพูชา, จีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์ และ รัสเซีย

17 พฤษภาคม 2566 – นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RML (บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด มหาชน) เปิดเผยว่า “ในไตรมาส 1 ปีนี้  บริษัทฯ มีผลงานที่ดี เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจากโครงการ  ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ โดยสิ้นไตรมาสแรก ยอดโอนดีเกินคาด ส่วนยอดขายกวาดไปแล้วกว่า 85%* อีกทั้ง ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ โกยยอดขายแล้วถึงประมาณ 90%* รวมถึงบริษัทฯ ยังมีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงานเกรดเอ ระดับลักชัวรี่ อย่าง ‘โอซีซี (วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์)’ ที่เป็น     ที่กล่าวถึงมากที่สุดแห่งหนึ่งในขณะนี้ โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานและพื้นที่รีเทลรวมถึงความสนใจจากลูกค้าแล้วประมาณ 70%* ตอกย้ำแบรนด์ RML ที่ลูกค้าเชื่อมั่นและไว้วางใจ 

ในขณะเดียวกัน ปีที่ผ่านมาจวบจนถึงปีนี้ บริษัทฯ สามารถบริหารต้นทุนทางการเงินได้ดี จากกลยุทธ์แอสเสท ไลท์ (Asset light) ที่ไม่ต้องซื้อที่ดิน แต่ใช้ที่ดินของเจ้าของที่ดิน ในการพัฒนาโครงการ ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าที่ดินและต้นทุนทางการเงินจากการพัฒนาโครงการในอนาคต สร้างเสถียรภาพทางการเงินมากขึ้น ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 บริษัทฯ จะมุ่งมั่นเดินหน้าตามแผนธุรกิจที่วางไว้ เพื่อให้บริษัทฯ มีรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง และก้าวเข้าสู่แบรนด์อันดับ 1 ที่เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาฯ ระดับลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่” 

บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 จำนวน 4,959* ล้านบาท ลดลงจาก 4,965 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565  สืบเนื่องมาจากการทยอยโอนการกรรมสิทธิ์ของโครงการ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ ที่เริ่มโอนตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2565  
 

” สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 2 มองว่ามีแนวโน้มสดใสจากปัจจัยบวกของเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น โดยความต้องการซื้ออสังหาฯ ระดับลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ยังคงคึกคัก ทั้งจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ทั้งพม่า, กัมพูชา, จีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์ และรัสเซีย พิสูจน์จากยอดขายไตรมาสแรกที่ผ่านมา ซึ่งแผนธุรกิจของบริษัทฯ ในไตรมาสนี้ จะรุกจัดกิจกรรมทางการตลาดมากขึ้น ประเดิมด้วยการจัด ‘RML Pop-Up Lounge’ มอบข้อเสนอสุดเอ็กคลูซีฟให้ลูกค้า ครั้งที่ 2 หลังจากที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลามในไตรมาสแรก อีกทั้งยังจัดแคมเปญทางการตลาด เพื่อมุ่งปิดการขายยูนิตที่เหลืออีก 15%* ของโครงการ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ ตลอดจนยังคงหา ผู้เช่า ‘โอซีซี’ เพื่อเติมเต็มพื้นที่เช่าของอาคารทั้งหมด 61,000 ตารางเมตร “

ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานต่อจากนี้ไปจะมุ่งมั่นทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ปรับเพิ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้อีกจำนวนมาก จากการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 3 และยอดขายจากโครงการ ‘โรสวูด เรสซิเดนซ์เซส กมลา’ (Rosewood Residences Kamala) จังหวัดภูเก็ต ที่เตรียมเปิดขายรอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ (Private Sales) ในครึ่งปีหลัง ซึ่งเรามั่นใจว่าจะเป็นโครงการอัลตร้า ลักชัวรี่ แบรนด์เด็ด เรสซิเดนซ์ (Ultra-Luxury Branded Residence) รูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทยอย่างแน่นอน 
 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 18พ.ค.ที่ระดับ 34.28 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทอาจยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า จากปัจจัยความไม่แน่นอนของการจัดตั้งรัฐบาลผสม -โมเมนตัมเงินดอลลาร์เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น เหตุจากท่าทีเจ้าหน้าที่เฟด และความกังวลปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่คลี่คลายลง

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้  18พ.ค.2566ที่ระดับ  34.28 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.26 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทได้ปรับตัวอ่อนค่าลงทะลุแนวต้านสำคัญที่เรามองไว้และอ่อนค่าต่อไปทดสอบ 34.35 บาทต่อดอลลาร์ ตามจังหวะการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว 

เราคงมองว่า ในระยะสั้น ค่าเงินบาทอาจยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า จากปัจจัยความไม่แน่นอนของการจัดตั้งรัฐบาลผสม ซึ่งจะสะท้อนผ่านแรงขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติ ดังจะเห็นได้ว่า แรงขายหุ้นและบอนด์ได้เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

นอกจากนี้ โมเมนตัมเงินดอลลาร์ที่เริ่มกลับมาเป็นฝั่งแข็งค่าขึ้นจากท่าทีของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และความกังวลปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่คลี่คลายลงก็มีส่วนที่อาจกดดันเงินบาทได้ในระยะสั้น

ขณะเดียวกัน เราคงมองว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว โดยเฉพาะในจังหวะที่ราคาทองคำได้ย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับสำคัญ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำดังกล่าวก็อาจกดดันเงินบาทได้

อย่างไรก็ดี เรามองว่า บรรดาผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะผู้เล่นต่างชาติอาจยังคงมุมมองเดิมที่คาดว่า ในระยะกลางและระยะยาว เงินบาทยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นได้ ทำให้ผู้เล่นกลุ่มดังกล่าวอาจรอจังหวะที่เงินบาทอ่อนค่าลงในการเพิ่มสถานะ Long THB นอกจากนี้ บรรดาผู้ส่งออกก็อาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ได้เช่นกัน หลังเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลง ซึ่งอาจช่วยชะลอการอ่อนค่าลงของเงินบาทได้บ้าง

ยกเว้นในกรณีที่ตลาดกลัวความวุ่นวายทางการเมืองของไทย หากการจัดตั้งรัฐบาลผสมล่าสุดล้มเหลว ก็อาจเห็นฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติไหลออกมากขึ้น กดดันให้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าต่อไปทดสอบโซนแนวต้านถัดไปแถว 34.50 บาทต่อดอลลาร์ได้เช่นกัน

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ (ประเด็นขยายเพดานหนี้) และการเมืองไทย ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.10-34.35 บาท/ดอลลาร์

ความหวังการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่มีความคืบหน้ามากขึ้น ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างกล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (Risk-On) นอกจากนี้ ความกังวลปัญหาสภาพคล่องของบรรดาธนาคารขนาดเล็กและขนาดกลางที่เริ่มคลี่คลายลงยังได้ช่วยหนุนให้บรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมดีขึ้น ทำให้ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นกว่า +1.19%

ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง -0.15% ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ (ความกังวลได้ลดลงในช่วงตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดทำการ) นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังคงถูกกดดันจากการปรับตัวลดลงของบรรดาหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (Diageo -1.5%, Kering -0.8%) จากความกังวลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน

อย่างไรก็ดี ในฝั่งตลาดบอนด์ บรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมที่กลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง และมุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งยังคงออกมาสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัว ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับ 3.57% แต่โดยรวม บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัว sideway ใกล้โซนแนวต้านแถว 3.60% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็ยังคงรอจังหวะในการเพิ่มสถานะถือครองบอนด์ (รอ Buy on Dip)

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์โดยรวมเคลื่อนไหว sideways โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แกว่งตัวใกล้ระดับ 102.9 จุด โดยในบางช่วงดัชนีเงินดอลลาร์มีจังหวะแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน 103 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงเล็กน้อย จากแรงขายทำกำไรหลังบรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมกลับมาเปิดรับความเสี่ยง

ส่วนในฝั่งราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ท่ามกลางบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาด รวมถึงจังหวะการแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์ ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 1,985 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเราคาดว่าการปรับฐานของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา อาจหนุนให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้

สำหรับวันนี้ ในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและต่อเนื่อง (Initial and Continuing Jobless Claims) หลังจากข้อมูลในสัปดาห์ก่อนหน้านั้นออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ นอกจากนี้ ความคืบหน้าของการเจรจาขยายเพดานหนี้ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดก็จะเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินได้ในระยะสั้นนี้

ส่วนในฝั่งไทย เรายังคงเฝ้าติดตามการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเราคงมุมมองเดิมว่า ความไม่แน่นอนของการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินไทยในระยะสั้นนี้ได้ สะท้อนผ่านแรงขายสินทรัพย์ไทยโดยนักลงทุนต่างชาติที่เพิ่มสูงขึ้นชัดเจน หลังผู้เล่นในตลาดได้ทยอยรับรู้ผลการเลือกตั้ง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.13-34.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.35 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.26 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทฟื้นตัวกลับมาบางส่วน หลังจากที่อ่อนค่าลงค่อนข้างมากเมื่อวานนี้

อย่างไรก็ดี อาจต้องระมัดระวังความผันผวนในระหว่างวัน เนื่องจาก sentiment ของค่าเงินบาทยังอาจเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่าจากปัจจัยทางการเมืองในประเทศ และสัญญาณของนักลงทุนต่างชาติที่สลับกลับมาขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.10-34.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่สัญญาณฟันด์โฟลว์และทิศทางสกุลเงินเอเชีย ความคืบหน้าของการเจรจาเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่  ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. ผลสำรวจแนวโน้มภาคธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนพ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


กระจายความเก่ง! ส่องเจ้าเหรียญทองแต่ละประเภทกีฬาในซีเกมส์ 2023

การแข่งขันกีฬาต่างๆ จบลงไปเรียบร้อย เหลือเพียงแค่พิธีปิดการแข่งขันช่วงหัวค่ำวันนี้เท่านั้น สำหรับซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ

วันนี้เรามีสรุปความเป็น “เจ้าเหรียญทอง” ในแต่ละประเภทกีฬามาฝาก ซึ่งในซีเกมส์ครั้งนี้ ต้องบอกว่าทัพนักกีฬาไทยโชว์ฟอร์มเฉียบในหลายประเภท โดยเฉพาะ กรีฑา, มวยสากล และ ตะกร้อ ที่กวาดเหรียญทองเป้นกอบเป็นกำ

ส่วนในกีฬาประเภทอื่นๆ ชาติใดเก่งกาจอะไรเป็นพิเศษบ้าง ลองไปติดตามกันได้เลย

เจ้าเหรียญทองในแต่ละประเภทกีฬา ซีเกมส์ 2023

กระโดดน้ำ – มาเลเซีย 4 เหรียญทอง
ว่ายน้ำ – สิงคโปร์ 22 เหรียญทอง (ไทย 4 เหรียญทอง)  
โปโลน้ำ – ไทย, สิงคโปร์ ประเทศละ 1 เหรียญทอง
อาร์นิส – ฟิลิปปินส์ 6 เหรียญทอง
กรีฑา – ไทย 16 เหรียญทอง

แบดมินตัน – อินโดนีเซีย 5 เหรียญทอง (ไทย 2 เหรียญทอง)  
บาสเกตบอล – ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, เวียดนาม ประเทศละ 1 เหรียญทอง
บิลเลียด/สนุกเกอร์ – เมียนมา 3 เหรียญทอง  (ไทย 1 เหรียญทอง)  
มวยสากล – ไทย 9 เหรียญทอง  
หมากรุก – ไทย 4 เหรียญทอง

คริกเก็ต – กัมพูชา, ไทย ประเทศละ 3 เหรียญทอง
จักรยาน – อินโดนีเซีย 5 เหรียญทอง (ไทย 2 เหรียญทอง)  
แดนสซ์สปอร์ต – เวียดนาม, มาเลเซีย ประเทศละ 1 เหรียญทอง
อีสปอร์ต  – เวียดนาม, กัมพูชา ประเทศละ 3 เหรียญทอง
ฟันดาบ –  สิงคโปร์ 7 เหรียญทอง (ไทย 1 เหรียญทอง)

ว่ายน้ำตีนกบ – เวียดนาม 14 เหรียญทอง (ไทย 2 เหรียญทอง)  
ฟลอร์บอล – ไทย, สิงคโปร์ ประเทศละ 1 เหรียญทอง
ฟุตบอล – เวียดนาม, อินโดนีเซีย ประเทศละ 1 เหรียญทอง

กอล์ฟ – ไทย 2 เหรียญทอง   
ยิมนาสติก – เวียดนาม 9 เหรียญทอง

ฮอกกี้ – มาเลเซีย 2 เหรียญทอง (ไทย 1 เหรียญทอง)  
เจทสกี – ไทย 4 เหรียญทอง   
ยูยิตสู – ไทย 6 เหรียญทอง   
ยูโด – เวียดนาม 8 เหรียญทอง (ไทย 2 เหรียญทอง)  
คาราเต้ – เวียดนาม 6 เหรียญทอง (ไทย 2 เหรียญทอง)

คิกบ็อกซิ่ง – เวียดนาม 6 เหรียญทอง
กุนขแมร์ – กัมพูชา 14 เหรียญทอง
กุน โบกาตอร์ – กัมพูชา 8 เหรียญทอง
กีฬาวิบาก – ฟิลิปปินส์ 6 เหรียญทอง
ปันจักสีลัต –  อินโดนีเซีย 8 เหรียญทอง (ไทย 2 เหรียญทอง)

เปตอง – ไทย 6 เหรียญทอง   
เรือใบ –  ไทย 4 เหรียญทอง  
เซปักตะกร้อ/ชินลง – ไทย 6 เหรียญทอง   
ซอฟต์เทนนิส – ฟิลิปปินส์ 3 เหรียญทอง
เทนนิส –  อินโดนีเซีย 4 เหรียญทอง (ไทย 2 เหรียญทอง)

เทเบิลเทนนิส –  สิงคโปร์ 4 เหรียญทอง (ไทย 2 เหรียญทอง)  
เทควันโด  – ไทย 7 เหรียญทอง
เรือยาว – ไทย 4 เหรียญทอง   
ไตรกีฬา –  ฟิลิปปินส์ 3 เหรียญทอง
วอลเลย์บอล – ไทย, อินโดนีเซีย ประเทศละ 2 เหรียญทอง

โววินัม –  กัมพูชา 10 เหรียญทอง (ไทย 5 เหรียญทอง)  
ยกน้ำหนัก – อินโดนีเซีย 5 เหรียญทอง (ไทย 2 เหรียญทอง)  
มวยปล้ำ –  เวียดนาม 13 เหรียญทอง (ไทย 1 เหรียญทอง)

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เอาให้เคลียร์! ไข่ไก่ กินวันละกี่ฟอง ถึงจะดีต่อสุขภาพ

เราเป็นคนหนึ่งที่เคยได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ ว่า เราสามารถทานไข่ไก้ได้มากกว่าวันละ 1 ฟอง แต่หากโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว ควรทานไข่ไก่แค่วันละฟองเท่านั้น แต่แล้วบางคนก็ได้ยินมาอีกเหมือนกันว่า ความเชื่อนี้ไม่จริงเสมอไป แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะ เคยได้ยินมาว่าอย่างไรบ้าง?

ทำไมไข่ไก่ถึงต้องจำกัดจำนวนฟองในการกินในแต่ละวัน?

ไข่ไก่ โปรตีนหาง่ายราคาไม่แพง ทานง่าย รสชาติดี และปรุงอาหารได้อย่างหลากหลาย เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกเพศทุกวัย จึงเป็นหนึ่งในอาหารโปรดของใครหลายๆ คนจนอาจเผลอทานจนลืมไปว่าวันหนึ่งๆ ทานไข่ไปมากเท่าใด

แม้ว่าไข่ไก่จะมีโปรตีน และสารอาหารอื่นๆ ที่ดีต่อร่างกาย แต่ก็แอบแฝงไปด้วยคอเลสเตอรอล ที่เป็นสาเหตุของโรคร้ายหลายอย่าง เช่น คอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคอ้วน ไขมันพอกตับ และอื่นๆ ดังนั้นจึงมีความเชื่อกันมาตั้งแต่อดีตว่า ควรทานไข่ไก่แค่วันละ 1 ฟองเท่านั้น

ทานไข่ไก่มากเกินไป เป็นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่?

ถ้าในแง่ของปริมาณคอเลสเตอรอลที่ได้ มีงานวิจัยหลายฉบับออกมาอธิบายว่า ปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกายที่สูงเกินไป ส่วนใหญ่มักมาจากการสร้างขึ้นเองในร่างกาย มากกว่าอาหารที่ทานเข้าไป ดังนั้นถ้าจะพูดว่าทานไข่ไก่มากๆ คอเลสเตอรอลในเลือดจะสูงขึ้นจนทำให้เป็นโรค อาจจะไม่จริงเสมอไป

แต่หากพูดถึงว่า การทานไข่ไก่เป็นอันตรายต่อร่างกายในแง่อื่นหรือไม่ การได้รับสารอาหารประเภทเดิมๆ มากจนเกินไป ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายอย่างแน่นอน นอกจากเราจะได้รับโปรตีนมากเกินพอดีแล้ว อาจทำให้ไตทำงานหนักเกินไปได้เช่นกัน

เราควรทานไข่ไก่วันละกี่ฟอง?

หากคุณมีร่างกายที่แข็งแรงปกติ ไม่อ้วนเกินมาตรฐาน ไม่เป็นโรคเบาหวาน โรคไต หรือมีความเสี่ยงคอเลสเตอรอลในเลือดสูง สามารถทานไข่ได้เฉลี่ยวันละ 1 ฟอง หรือสัปดาห์ละ 7 ฟอง

แต่ใครที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพดังกล่าว อาจหลีกเลี่ยงไข่แดงที่เป็นส่วนที่คอเลสเตอรอลสูงกว่าไข่ขาวได้

กินไข่อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด

1. ทานไข่ที่ผ่านกรรมวิธีทำอย่างหลากหลาย อย่าทานแค่เพียงไข่เจียว ไข่ดาว ลองเปลี่ยนหมุนเวียนมาทานไข่ต้ม ไข่ตุ๋น ไข่คน ไข่ดาวน้ำ หรือเมนูไข่อื่นๆ บ้าง เพื่อลดคอเลสเตอรอลส่วนเกินจากน้ำมันที่ใช้ทอดไข่

2. ไม่ควรทานไข่ดิบ หรือไข่ลวก เพราะนอกจากจะย่อยยากแล้ว ยังอาจมีเชื้อซาลโมเนลลาที่ทำให้มีไข้ อาเจียน หรือท้องเสีย และคุณค่าทางสารอาหารบางอย่างในไข่อาจให้ผลได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควรจะเป็น

3. ทานควบคู่ไปกับอาหารอื่นๆ ไม่ว่าจะข้าวกล้อง หรือผักต่างๆ เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน และดูดซับเอาคอเลสเตอรอลส่วนเกินออกไปบ้าง

4. ไม่จำเป็นต้องมีไข่เพิ่มในทุกเมนูอาหารก็ได้ หากเมนูนั้นมีปริมาณโปรตีนจากเนื้อสัตว์ และพืช มากเพียงพออยู่แล้ว

5. ในเมื่อในไข่มีทั้งโปรตีน และคอเลสเตอรอล ดังนั้นเราควรทานอาหารประเภทโปรตีน และคอเลสเตอรอลอื่นๆ ให้สมดุล อย่าให้มากจนเกินไป

6. เลือกทานไข่ไก่จากแหล่งผลิตที่สามารถเชื่อถือได้ในมาตรฐานความสะอาด ล้างไข่ก่อนนำมาปรุงอาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงการรับเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย

ไข่เป็นโปรตีนที่ดีต่อร่างกาย แต่ก็มาพร้อมกับคอเลสเตอรอล ดังนั้นทานแต่พอดี แล้วออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่กันไปด้วย รับรองว่าเจ้าไข่ไก่แสนอร่อยนี้ไม่กลับมาทำร้ายคุณแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Wear ที่ไม่ได้แปลว่าใส่

Wear แปลว่าอะไรได้บ้างเนี่ยยยยยย มาดูกันโหน่ยยยยยวัยรุ่น

Wear (v.)

แปลว่าสวม(บางสิ่งบางอย่าง),ใส่(บางสิ่งบางอย่าง) หรือแปลว่า มีอะไรอยู่บนร่างกายของเรา เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ หรืออื่นๆ

ประโยคตัวอย่าง
I’ve got nothing to wear. คำแปล ฉันไม่มีอะไรจะสวมใส่

I’m wearing a seat belt.
คำแปล ฉันกำลังใส่เข็มขัดนิรภัย

I’m wearing glasses.
คำแปล ฉันกำลังสวมแว่นตา

กรณี Wear ใช้กับเครื่องสำอาง

ประโยคตัวอย่าง
She never wears make-up.

เธอไม่เคยแต่งหน้า
I love wearing make-up.
ฉันชอบแต่งหน้า

ปล. Wear หมายถึง มี เสื้อผ้า เครื่่องสำอาง หรืออื่นๆ อยู่บนร่างกายเราแล้ว

I’m wearing a seat belt.
คำแปล ฉันกำลังใส่เข็มขัดนิรภัย

I’m wearing glasses.
คำแปล ฉันกำลังสวมแว่นตา

กรณี Wear ใช้กับ ผม

โครงสร้างคือ wear something + adj. 

She wears her hair short.
คำแปล เธอไว้ผมสั้น

กรณี Wear ใช้กับ หนวด หรือเครา

I used to wear a beard.
คำแปล ฉันเคยไว้เครา

ปล. Moustache แปลว่า หนวด

กรณี Wear ใช้บรรยาย ลักษณะบางอย่าง ที่แสดงออกบนใบหน้า 

โครงสร้าง Wear something

ประโยคตัวอย่าง
Both men wore confident smiles.
คำแปล ผู้ชายทั้งสองคนยิ้มอย่างมั่นใจ

Wear well หมายถึง ใช้ทน ทนทานดี 

ประโยคตัวอย่าง

That carpet is wearing well, isn’t it?
คำแปล พรมนั้นทนทานดี ใช่ไหม

Well-worn (adj.) ใช้บ่อยจนเก่าแล้ว

ประโยคตัวอย่าง

His jeans and checked shirt, though old and well worn, looked clean and of good quality.
คำแปล กางเกงยีนส์ และเสื้อลายตารางของเขา ถึงแม้จะเก่าและใช้จนเยินแล้ว ก็ยังดูสะอาดและคุณภาพก็ยังดีอยู่

Wear and tear (n.)  เสียหายเนื่องจากใช้มาเป็นเวลานาน,ความเสื่อมเสีย, ความสึก, การสึกหรอ

ประโยคตัวอย่าง

Seat covers on buses take a lot of wear and tear.
คำแปล ที่นั่งบนรถเมล์มีความสึกหรอมากอยู่

Wear someone down (Idiom)

หมายถึง ทำให้ใครบางคนรู้สึกเหนื่อยล้าจนสามารถความสามารถในการจัดการกับสถานการณ์หนึ่งน้อยลง

ประโยคตัวอย่าง

All the stress and extra travel is beginning to wear him down.
คำแปล ความเครียดทั้งหมดและการเดินทางเพิ่มเติมกำลังเริ่มทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้า

Wear (n.) 

1 แปลว่า เสื้อผ้า,ชุด (มักเห็นในร้านขายเสื้อผ้าที่อธิบายว่าเสื้อผ้าสำหรับอะไร หรือโอกาสไหน)

เช่น  Casual wear  (ชุดลำลอง) Children’s wear (ชุดของเด็ก)

2 แปลว่า สึกหรอ การสึก

ประโยคตัวอย่าง
The machines have to be checked regularly for wear.
คำแปล เครื่องมือต้องถูกตรวจสอบสำหรับการสึกหรอเป็นประจำ 

3 แปลว่า การใช้

ประโยคตัวอย่าง

The deck is built to withstand years of wear.
คำแปล ชั้นดาดฟ้าถูกสร้างให้ทนต่อการใช้งานหลายๆปี

ดูไม่น่าเชื่อเลยจริงๆว่าคำว่า Wear จะมีความหมายหลากหลายขนาดนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


Google เตรียมลบบัญชี Gmail ที่ไม่ได้ใช้งานเกิน 2 ปี ภายในเดือนธันวาคมนี้

Alphabet (อัลฟาเบท) บริษัทแม่ของ Google (กูเกิล) เตรียมสั่งลบบัญชี Gmail ที่ไม่ได้ใช้งานเกิน 2 ปี โดยจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนธันวาคม 2023 นี้ เพื่อป้องกันภัยคุกคามด้านความปลอดภัยของบัญชีผู้ใช้ ไปจนถึงการถูกเจาะเข้าระบบตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ส

อัลฟาเบต ได้ออกมาประกาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า หากบัญชีกูเกิลไม่ได้ใช้งานหรือลงชื่อเข้าใช้อย่างน้อย 2 ปี ทางบริษัทจะสั่งลบบัญชีและเนื้อหาใน Google Workspace ซึ่งรวมถึง Gmail , Docs , Drive , Meet และ Calendar รวมทั้งบัญชี YouTube และ Google Photos ด้วย

เริ่มต้นตั้งแต่วันอังคารนี้เป็นต้นไป กูเกิลจะเริ่มส่งการแจ้งเตือนไปยังบัญชีต่าง ๆ ที่เข้าข่ายและเก็บข้อมูลอีเมลจากบัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหวไว้ระยะหนึ่งก่อนจะลบทิ้งอย่างถาวร

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวจะมีผลกับบัญชีส่วนตัวเท่านั้น ไม่มีผลกับบัญชีขององค์กรและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ

เมื่อปี 2020 กูเกิลเคยมีแผนจะถอดเนื้อหาที่จัดเก็บในบัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน แต่ไม่ได้มีแผนที่จะลบบัญชีออกไปแต่อย่างใด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ประโยชน์ของ “ควินัว” และผลข้างเคียงในการรับประทานควินัวมากเกินไป

ควินัว จัดว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดธัญพืชที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม “ซูเปอร์ฟู้ด” หรือสุดยอดอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายที่คนรักสุขภาพหันมารับประทานกันมากมาย ควินัวเป็นธัญพืชที่มีกลิ่นเฉพาะตัวอยู่บ้าง แต่หากปรุงอย่างถูกวิธีก็จะช่วยดึงรสชาติและกลิ่นอ่อนๆ พร้อมทั้งเสริมรสชาติด้วยการปรุงรสเพิ่มจนสามารถให้รสชาติอร่อยกลมกล่อมพร้อมประโยชน์ดีๆ ต่อสุขภาพได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังรับประทานควินัวที่ผู้ที่รับประทานเป็นประจำควรทราบไว้

ประโยชน์ของควินัว

  1. ควินัวมีโปรตีนสูง
    สำหรับสายสุขภาพที่กินเจหรือกินมังสวิรัติ สามารถเลือกกินควินัวเพื่อเสริมโปรตีนให้กับร่างกายแทนเนื้อสัตว์ได้
  2. ควินัวไม่มีกลูเตน
    ในอาหารจำพวกแป้งหลายอย่างมักมีโปรตีนที่เรียก “กลูเตน” รวมอยู่ด้วย หลายคนมีอาการแพ้กลูเตน แต่สำหรับควินัว เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตน เพราะเป็นโปรตีนที่ดีต่อร่างกายโดยปราศจากกลูเตนนั่นเอง
  3. ควินัวอาจช่วยลดน้ำหนักได้
    โปรตีนที่มีอยู่มากในควินัว เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการลดน้ำหนัก ช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย ลดความหิว เพราะกินแล้วอิ่ม อยู่ท้อง และอาจช่วยป้องกันการเกิดโรคอ้วนและโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย
  4. ควินัวสามารถลดไขมันในเลือด
    มีงานวิจัยพบว่าการรับประทานควินัววันละ 50 กรัมติดต่อกันนาน 6 สัปดาห์ อาจช่วยลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลรวม คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และไขมันไตรกลีเซอไรด์ด้วย อย่างไรก็ตาม ระดับไขมันต่างๆ ลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และการรับประทานควินัวอาจไปลดระดับของไขมันคอเลสเตอรอลชนิดที่ดีอีกด้วย ดังนั้นควรจำกัดปริมาณกับกินไม่ให้มากเกินไป
  5. ควินัวลดความเสี่ยงท้องผูก
    ควินัวเป็นธัญพืชที่มีกากใยอาหารสูง ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบขับถ่ายให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดอาการท้องผูกได้
  6. ควินัวควบคุมน้ำตาลในเลือด
    มีงานวิจัยพบว่า ควินัวสามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 จากคุณสมบัติที่ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดได้
  7. ควินัวต้านการอักเสบในร่างกาย
    ควินัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งซูเปอร์ฟู้ดที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยต่อต้านการอักเสบในร่างกายได้ งานวิจัยชิ้นหนึ่งกล่าวว่าสารซาโปนิน (Saponin) ในควินัวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และอาจช่วยยับยั้งการผลิตสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบของเซลล์ในร่างกายได้ถึง 25-90%

ผลข้างเคียงในการรับประทานควินัว

ในปัจจุบันแม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจนว่าควินัวส่งผลเสียต่อร่างกายบ้างหรือไม่ แต่การรับประทานในปริมาณมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อร่างกายในแง่ของการได้รับ สารไฟเตต (Phytates) มากเกินไป โดยสารไฟเตตในควินัวอาจยับยั้งการดูดซึมแร่ธาตุสำคัญบางชนิดอย่างธาตุเหล็กและสังกะสีได้ นอกจากนี้ การรับประทานควินัวอาจมีส่วนทำให้แร่ธาตุต่างๆ รวมตัวกันจนเกิดเป็นนิ่วในไตได้

สำหรับหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่ให้นมบุตร ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ระบุถึงด้านความปลอดภัยต่อสุขภาพได้อย่างแน่ชัด ดังนั้น ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรก็ควรรับประทานธัญพืชชนิดนี้ด้วยความระมัดระวัง 

คนที่มีอาการภูมิแพ้ หากกินแล้วมีอาการแพ้ เช่น ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม ผื่นขึ้น ฯลฯ อาจมีความเป็นไปได้ว่าจะแพ้ควินัว หรือแพ้สารเคมีที่อาจตกค้างอยู่ในควินัว ดังนั้นจึงควรหยุดรับประทานแล้วปรึกษาแพทย์

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 18/05/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a32,050.0032,150.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,076.0031,472.1632,650.00
ทองรูปพรรณ 90%1,868.4028,324.94n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,660.8025,177.73n/a
ทองรูปพรรณ 50%934.0014,159.44n/a
ทองรูปพรรณ 40%727.0011,021.32n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,151.0032,609.16n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 18/05/2566



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9534.7534.7535.2434.7534.7534.7534.7534.7534.7534.75
แก๊สโซฮอล์ 9134.4834.4834.9434.4834.4834.4834.4834.4834.4834.48
แก๊สโซฮอล์ E2032.4432.4432.8432.4432.4432.4432.4432.4432.44
แก๊สโซฮอล์ E8532.8932.8932.89
เบนซิน 9542.5442.6143.0442.6942.54
ดีเซล B731.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.4431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.0641.1643.8442.6642.6641.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า