ผ่าสูตร “ASW” บิ๊กดีล เจาะ 3 ทำเลฮอต “ภูเก็ต” ดึงกำลังซื้อต่างชาติหมื่นล้าน
“แอสเซทไวส์” เปิดกลยุทธ์ตลาดอสังหาฯภูเก็ต เจาะ3 ทำเลทอง ดันต่างชาติแห่ลงทุน-ซื้อที่อยู่อาศัยเพียบ ลุ้นเทกโอเวอร์เข้าพอร์ตในอนาคต
“แอสเซทไวส์” หรือ ASW บริษัทอสังหา ริมทรัพย์ ชั้นนำของไทยที่วางรากฐานความสำเร็จสร้างการเติบโตแบบOrganic จากการร่วมทุน (Joint Venture) บริษัท ข้ามชาติ อย่าง “ทาคาระ เลเบ็น” บริษัท อสังหา รายใหญ่จากญี่ปุ่น จุดเริ่มต้นโครงการ “Atmoz บางนา” มูลค่ากว่า 2,200 ล้านบาท เมื่อปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังการร่วมกับพันธมิตรพัฒนาแพลตฟอร์ม ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่
กลยุทธ์ที่สำคัญที่ ทำให้ “ASW” เติบโตอย่างรวดเร็ว นั่นคือ การดีลซื้อกิจการ ต่อจากผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ช่วงสถานการณ์โควิด-19เช่นคอนโด Maxxi ย่านห้วยขวาง จากบริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน จำกัด ที่โครงการสามารถต่อยอดการรับรู้รายได้ทันที
บิ๊กดีล สู่การขยายฐานภูเก็ต
ล่าสุด สร้างเสียงฮือฮาในแวดวงอสังหาฯ เข้าซื้อหุ้นในบมจ.ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ หรือ TITLE บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 1 ใน 2 บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ใน จังหวัดภูเก็ต ต่อยอดพัฒนา 9 โครงการมูลค่า14,000 ล้านบาท มีเป้าหมายสร้างรายได้กว่า 10,000 ล้านบาท ผ่านกำลังซื้อต่างชาติ โดยประเมินจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัวจึงเป็นเหตุให้ ASW ขยายธุรกิจไปสู่ภูเก็ตโดยอาศัยความเชี่ยวชาญของพันธมิตรที่มี
“ฐานเศรษฐกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์ กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 ว่าเป็นปัจจัยบวก เนื่องจากปลายปีจะมีการจัดตั้งรัฐบาลที่แน่นอน รวมทั้งการผ่อนคลายการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ส่วนอัตราเงินเฟ้อเชื่อว่ายังคงที่จนถึงสิ้นปีนี้ หลังจากนั้นอัตราเงินเฟ้อจะลดลงภายในปี 2567
ขณะเดียวกันภูเก็ตถือเป็นจังหวัดพิเศษ มีประชากรหลากหลายทั้งประชากรในท้องถิ่นและชาวต่างชาติ เช่นรัสเซีย จีน อินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ พบว่าต่างชาติเข้ามาลงทุนในภูเก็ตค่อนข้างมาก โดยเฉพาะชาวรัสเซียและกลุ่มชาวยุโรปเข้ามาตั้งบริษัททั้งเอเย่นต์และดีเวลลอปเปอร์ ปัจจัยที่ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนส่วนใหญ่มาจากการซื้อขายให้กับเพื่อนร่วมชาติ ทั้งนี้หลังจากเกิดโควิด ภูเก็ตถือเป็นจังหวัดแรกที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเต็มตลอดทุกเทศกาล
ไตรมาสแรก ต่างชาติพุ่ง
สะท้อนจากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในไตรมาส 1 ปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาภูเก็ต 12% สร้างรายได้กว่า 30% ดังนี้ เดือนมกราคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 583,067 คน มีรายได้ 26,130 ล้านบาท ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 687,998 คน มีรายได้ 27,934 ล้านบาท และเดือนมีนาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 749,154 คน มีรายได้ 29,186 ล้านบาท
“ภูเก็ตเป็นจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ เนื่องจากมีหาดทรายท่องเที่ยวได้ทั้งเกาะ ด้านซ้ายของจังหวัด บริเวณด้านนอกติดทะเลอันดามัน ส่วนด้านในหาดทรายแม้จะไม่สวยมาก แต่เรือส่วนใหญ่จะจอดในบริเวณนี้ เพราะเป็นบริเวณไม่เกิดคลื่นสึนามิ”
นอกจากนี้ยังพบว่าชาวต่างชาติมักจะซื้อบ้านพักตากอากาศในรูปแบบพูลวิลล่าและคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยใกล้ทะเลและการพักผ่อน โดยร่วมกับ TITLE เจาะตลาดอสังหาริมทรัพย์กลุ่มพรีเมียมที่มีราคาสูง ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติค่อนข้างมาก
3ทำเลทองราคาที่ดินพุ่ง
ปัจจุบันที่ดินในภูเก็ตสร้างที่อยู่อาศัยได้อยู่ที่ 30-40 ล้านบาทต่อไร่ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ช่วงโควิด พบว่าที่ดินหาดลายัน อยู่ที่ 20 ล้าบบาทต่อไร่ โดยช่วงต้นปี 2566 ที่ดินติดริมชายหาด อยู่ที่ 70 ล้านบาทต่อไร่ หากไม่ติดชายหาด อยู่ที่ 30-40 ล้านบาทต่อไร่ ส่วนบริเวณป่าตอง, กมลา, กะตะ และกะรน ปัจจุบัน แทบไม่มีที่ดินเหลืออยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมและคอนโดมิเนียมหนาแน่น
ที่ดินภูเก็ตมีความพิเศษคือ ไม่ใช่ที่ดินทุกที่สามารถซื้อและดำเนินการได้ เนื่องจากมีเขตป่าและเขตทะเล ซึ่งมีข้อกำหนดว่าหากเป็นที่ดินติดชายหาดสร้างได้ไม่เกิน 4 ชั้น รวมทั้งยังมีเรื่องโฉนดที่ดินที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องด้วย ฯลฯ ด้วยความที่มีกฎระเบียบเหล่านี้ ทำให้มีที่ดินน้อย ดังนั้น ต้องหาความเชี่ยวชาญว่าที่ดินแปลงใดดำเนินการได้หรือไม่
ปักหมุด 9 โครงการกระหึ่ม
แผนพัฒนาโครงการจากนี้ TITLE มีโครงการพัฒนถึงปี 2569 9 โครงการ 14,000 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 80 ไร่ ใน 3 ทำเล ได้แก่ หาดในยาง 5 โครงการ อาทิ TITLE HALO1 มูลค่า 1,500 ล้านบาท TITLE X มูลค่า 1,400 ล้านบาท ฯลฯ หาดบางเทา 3 โครงการ อาทิ TITLE MORI 1 มูลค่า 3,750 ล้านบาท ฯลฯ หาดราไวย์ 1 โครงการ ประกอบด้วย TITLE RAWAI 4 มูลค่า 900 ล้านบาท นอกจากนี้จังหวัดภูเก็ตยังอยู่ในระหว่างการขยายสนามบินฯเฟสที่ 2 คาดว่าโครงการฯเหล่านี้จะเป็นปัจจัยเสริมสร้างรายได้ 10,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายภายใน 3 ปี (2567 – 2569)
ลุยเทกโอเวอร์เข้าพอร์ต
กรมเชษฐ์ ทิ้งท้ายว่าในช่วงโควิด มีผู้ประกอบการหลายรายขายกิจการค่อนข้างมากบริษัทมีโอกาสเข้าซื้อกิจการหลายรายเช่น คอนโด Maxxi ย่านห้วยขวาง ฯลฯ ส่งผลให้งบการเงินของบริษัทเติบโตต่อเนื่องทั้ง 8 ไตรมาส และหากมีโอกาสบริษัทอยากเทคโอเวอร์ โครงการในภูเก็ตรายอื่นๆ แต่ต้องไม่เสี่ยง เกินตัว
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บ้าน-คอนโดเปิดศึกชิงผู้รับเหมารับตลาดฟื้น!
ตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวราบยังคงเติบโตและมีการลงทุนขยายโครงการต่อเนื่อง แน่นอนว่าปัญหาที่ตามมา คือ การขาดแคลนแรงงานและผู้รับเหมาที่จะเข้ามาพัฒนาโครงการ ยิ่งเมื่อ “คอนโด” ฟื้น งานรับสร้างบ้านเพิ่มขึ้น สถานการณ์แย่งชิง “ผู้รับเหมา-แรงงานก่อสร้าง” จึงร้อนระอุ
วรวุฒิ กาญจนกูล ประธานบริหาร บริษัท ดับบลิวเฮ้าส์ จำกัด และ กรรมการกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า สถานการณ์ผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ แนวราบขณะนี้ขาดแคลนผู้รับเหมาอย่างมาก กระทบการส่งมอบบ้านให้ได้ทันกำหนด
“แม้จะมีความต้องการสูงแต่ซัพพลายมีปัญหา หลายบริษัทมีงานเข้ามาแต่ไม่สามารถที่หาคนมาทำงานให้ทันได้ตามกำหนด หลายงานเริ่มส่งมอบช้า ผู้รับเหมาหายาก เพราะต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ทำให้บางรายทำแล้วขาดทุน โดยเฉพาะงานโครงการบ้านแนวราบ ก่อนหน้านี้ ยังพอมีบริษัทรับเหมารายใหญ่ทำโครงการบ้านแนวราบ แต่เมื่อเศรษฐกิจดีก็หันไปทำงานโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และคอนโด ไม่กลับมาทำบ้าน แม้จะหลังใหญ่ก็หาคนทำยาก บางโครงการต้องดึงผู้รับเหมาจากภูเก็ตเข้ามาก่อสร้างให้”
ประกอบกับที่ผ่านมาการโครงการอสังหาฯ แนวราบ มีราคาขายที่กำหนดมาแล้วตั้งแต่เปิดโครงการทำให้มีต้นทุน กำไร ในระดับหนึ่ง ดังนั้น จึงมีการ “ตัดทอน” ค่าก่อสร้างลง ทำให้ราคารับเหมาก่อสร้างของโครงการต่ำ! เมื่อเทียบกับการรับงานบริษัทรับสร้างบ้าน หรือรับงานตรงกับลูกค้า
ยกตัวอย่าง บ้านสร้างเองของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านปีนี้ บริษัทใหญ่ยังคงมีออร์เดอร์จากลูกค้าไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา จึงต้องการคนทำงานเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการดึงแรงงานผู้รับเหมาเข้าไปช่วยก่อสร้างบ้านให้ลูกค้าในราคาที่ดีกว่า และไม่ถูกบีบคั้นระยะเวลาในการส่งมอบมากเหมือนกับโครงการบ้านที่ต้องเร่งทำ จึงต้องทำโอที ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เมื่อต้นทุนผู้รับเหมาสูง เทียบกับราคาจ้างไม่ดีนัก ทำให้หาผู้รับเหมายาก
“ผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่พัฒนาโครงการแนวราบก่อนจะได้เปรียบ เทียบกับกลุ่มผู้ประกอบการที่เพิ่งมาทำ จะหาผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการยาก เพราะผู้รับเหมาเดิมจะติดกับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ทำกันอยู่แล้ว ส่วนผู้รับเหมารายใหม่ เลือกงานที่ได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า จึงเกิดการแย่งชิงผู้รับเหมาและแรงงานอีกระลอก กลายเป็นปัญหาทำให้ขาดแคลนแรงงาน ก่อสร้างไม่ทันตามกำหนดหลายโครงการ”
สอดคล้องกับ รณชัย ไตรยสุนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายปฏิบัติการ บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันต้องยอมรับว่าประสบปัญหาขาดแคลนผู้รับเหมาที่เข้ามาพัฒนาโครงการแนวราบ เนื่องจากช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ดีเวลลอปเปอร์ที่เคยพัฒนาคอนโด ซึ่งตลาดชะลอตัว ได้หันมาทำแนวราบ
แต่เมื่อต้นปี 2566 ตลาดคอนโดเริ่มกลับมา! ผู้ประกอบการกลับมาพัฒนาคอนโดพร้อมดึงผู้รับเหมา และแรงงาน กลับมาด้วย นอกจากนี้ที่ผ่านมา ผู้รับเหมาบางรายมีการเลิกกิจการทำให้จำนวนผู้รับเหมาในภาพรวมน้อยลง
“เนอวานาฯ ขยายโครงการเพิ่มขึ้นถึง 9 โครงการ เป็นคอนโด 2 โครงการ แนวราบ 7 โครงการในปีนี้ ผู้รับเหมาที่มีอยู่จึงไม่เพียงพอ”
สำหรับแนวทางการแก้ปัญหา นอกจากหาผู้รับเหมารายใหม่เข้ามาเสริม ขณะเดียวกันมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผู้รับเหมารายเดิมให้มากขึ้น เพื่อรองรับการขยายโครงการให้สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งอาจต้องเพิ่มค่าจ้างแรงงานเพื่อจูงใจทั้งผู้รับเหมาและแรงงานเข้ามาทำงาน แต่อยู่ในระดับราคาที่ไม่กระทบต่อต้นทุนและราคาขาย!
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 20ก.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 34.01 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทอาจเริ่มชะลอลงบ้าง หลังเงินดอลลาร์มีจังหวะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการอ่อนค่าลงของเงินปอนด์ -วันนี้ ผู้เล่นในตลาดรอติดตามรายงานภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ลุ้นรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 20ก.ค. 2566 ที่ระดับ 34.01 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.15 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทอาจเริ่มชะลอลงบ้าง หลังเงินดอลลาร์เริ่มรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้บ้าง ขณะเดียวกัน ปัจจัยการเมืองในประเทศก็มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น
ซึ่งอาจกระทบต่อทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติได้ โดยมีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติอาจเลือกขายทำกำไรสถานะถือครองหุ้นไทย/Futures ออกมาก่อนได้ โดยเฉพาะในจังหวะที่ดัชนีหุ้นใหญ่ อย่าง SET50 เริ่มชะลอการปรับตัวขึ้นและอาจติดโซนแนวต้านในระยะสั้นได้
นอกจากนี้ เรายังคงเห็นแรงซื้อของบรรดาผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะผู้นำเข้ากลับเข้ามาบ้าง โดยเฉพาะในช่วงโซน 33.90-34.00 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ช่วงดังกล่าวอาจยังพอเป็นแนวรับได้บ้าง แต่หากเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นหลุดโซนดังกล่าว เรามองว่า แนวรับถัดไปก็ไม่น่าจะต่ำกว่าระดับ 33.80 บาทต่อดอลลาร์
ส่วนแนวต้านเงินบาทในช่วงนี้ อาจอยู่ในโซน 34.20 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะเห็นปัจจัยเสี่ยงเข้ามากดดันให้เงินบาทอ่อนค่าชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยการเมืองในประเทศ หรือ ปัจจัยภายนอก อย่าง ทิศทางของเงินดอลลาร์ (ซึ่งปัจจุบัน เงินดอลลาร์ก็ยังไม่ได้กลับตัวเป็นขาขึ้นชัดเจนอีกครั้ง)
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและบรรยากาศในตลาดการเงินที่อาจพลิกไปมาในช่วงรับรู้รายงานผลประกอบการ ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.85-34.15 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 34.00-34.19 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ และการพลิกกลับมาอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ท่ามกลางภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด หลังบริษัทจดทะเบียนในฝั่งสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ต่างรายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ถูกกดดันโดยการปรับตัวลดลงของหุ้นเทคฯ ใหญ่ ทั้ง Alphabet -1.4%, Microsoft -1.2% จากรายงานว่า Apple กำลังพัฒนา AI เพื่อมาแข่งกับ ChatGPT ของทาง Microsoft และ Bard ของ Google (Alphabet) ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาดเพียง +0.24%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวขึ้นต่อ +0.26% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นในฝั่งตลาดหุ้นอังกฤษ (ดัชนี FTSE100 อังกฤษ พุ่งขึ้น +1.8%) หลังอัตราเงินเฟ้ออังกฤษชะลอลงมากกว่าคาด ทำให้ตลาดต่างคาดหวังว่า
ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ไม่มากนัก อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังคงถูกกดดันโดยการปรับตัวลงของบรรดาหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (LVMH -1.0%, Dior -0.6%) ตามความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ระยะยาวเคลื่อนไหวผันผวน โดยในช่วงแรกบอนด์ยีลด์ระยะยาวย่อตัวลงบ้าง หลังตลาดปรับลดคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของ BOE ตามรายงานอัตราเงินเฟ้ออังกฤษล่าสุดที่ชะลอลงกว่าคาด (เดิมตลาดมอง BOE อาจขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับ 6.50% แต่ล่าสุด ตลาดมองเพียง 5.75%-6.00%)
อย่างไรก็ดี บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวปรับตัวขึ้นได้บ้าง โดยบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 3.75% (แกว่งตัวในกรอบ 3.70%-3.80% ในช่วงวันก่อนหน้า)
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการอ่อนค่าลงของเงินปอนด์ (GBP) จากรายงานอัตราเงินเฟ้ออังกฤษที่ชะลอลงกว่าคาด ก่อนที่เงินดอลลาร์จะย่อตัวลงบ้าง ท่ามกลางภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ส่งผลให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) เคลื่อนไหวใกล้ระดับ 100.2 จุด (กรอบการเคลื่อนไหว 100.2-100.4 จุด ในช่วงคืนที่ผ่านมา)
ในส่วนของราคาทองคำ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม และการเคลื่อนไหวในกรอบของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทำให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 1,980 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นบางส่วนอาจยังคงทยอยขายทำกำไรทองคำและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) นอกจากนี้ ตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวก็จะมีผลต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ในช่วงนี้
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจรวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนดังกล่าว เรามองว่า ควรติดตามสถานการณ์การเมืองไทย หลังล่าสุดการโหวตเลือกนายกฯ อาจยืดเยื้อและยังมีความไม่แน่นอนอยู่พอสมควร ซึ่งภาพดังกล่าวก็อาจกระทบต่อมุมมองของนักลงทุนต่างชาติต่อการลงทุนในสินทรัพย์ไทยได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“บาส-ปอป้อ” ประเดิมสุดเฉียบ ตบคู่มาเลย์ 2 เกมรวด ลิ่วรอบสอง ศึก “โคเรีย โอเพ่น 2023”
แบดมินตัน รายการ “โคเรีย โอเพ่น 2023” ทัวร์นาเมนต์ระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 500 ชิงเงินรางวัลรวม 14,700,000 บาท ที่จินนัม สเตเดียม เมืองยอซู ประเทศเกาหลีใต้ ประเภทคู่ผสม “บาส-ปอป้อ” มืออันดับ 3 ของโลก และมือวางอันดับ 2 ของรายการ เจอกับ โฮ ปัง รอน-เตียว เหม่ย ซิง มืออันดับ 39 ของโลกจากมาเลเซีย ซึ่งทั้งสองคู่ไม่เคยเจอกันมาก่อน
ปรากฏว่า บาสกับปอป้อเล่นด้วยฟอร์มดุดัน ใช้เวลา 27 นาที เอาชนะไป 2-0 เกม 21-17, 21-10 ผ่านเข้ารอบสอง หรือรอบ 16 คู่ไปพบกับผู้ชนะระหว่าง ตัน เคียน เม้ง-ไล่ เป่ย จิง มืออันดับ 19 ของโลกจากมาเลเซีย กับ ยูกิ คาเนโกะ-มิซากิ มัตสุโตโมะ มืออันดับ 20 ของโลกจากญี่ปุ่นต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
6 สัญญาณอันตราย ร่างกายเตือนให้เราต้อง “พักผ่อน”
ไม่ว่าจะเรียน ทำงาน สิ่งเหล่านี้ก็สามารถสร้างความเครียด ความกดดันให้กับเราได้ ส่วนใหญ่มันจะค่อยๆสะสมความเหนื่อย ความเครียดให้กับร่างกายและจิตใจของเรา จนถึงจุดที่ตัวเราจะส่งสัญญาณออกมา ถ้าเรามี 6 สัญญาณนี้ ก็ควรรีบหยุดพักให้เร็วที่สุด
หยุดพักก่อนเถอะ ถ้าคุณมี 6 สัญญาณตามนี้
6 สัญญาณอันตราย ร่างกายเตือนให้เราต้อง “พักผ่อน”
- ไม่มีสมาธิ
อาการแรกเรามักไม่มีสมาธิ กระสับกระส่าย รู้สึกกังวล อาการนี้มักเกิดขึ้นจากการไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ความกังวลถึงงานที่มีปัญหา ทำให้คุณภาพงานที่ได้ออกมาน้อยลง
- นอนหลับยาก
กว่าจะหลับก็ยาก ตื่นกลางดึก พยายามนอนเท่าไรก็ไม่หลับ อาการเหล่านี้หากติดต่อกันนานๆ จะส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต ส่วนใหญ่มักมาจากความเครียด ความกังวลใจที่ได้เจอ
- กินไม่ปกติ
กินมากกว่าปกติ กินน้อยกว่าปกติ เป็นสัญญาณของความเครียดอย่างหนึ่งที่บอกกับตัวเราว่า เราควรต้องหยุดพักจากกิจกรรมที่ทำให้เราเครียด และสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อยคือ มักไม่กินอาหารมื้อหลัก แต่กินของว่าง ขนมแทน อันนี้ก็เป็นสัญญาณบอกว่าเราควรพักได้เช่นกัน
- ไม่มีแรงจูงใจ
หมดกำลังใจ ไม่อยากลุกไปเรียน ไม่อยากลุกไปทำงาน ทั้งๆที่ปกติเคยอยากทำมากๆ หรือแม้กระทั่งไม่อยากออกไปเจอผู้คน ไม่อยากไปทำอะไรที่ชอบ อาการนี้ส่วนใหญ่มาจากความเบื่อ อยู่ในจุดที่เบื่อมากๆไม่อยากทำอะไร
- ป่วยตลอดเวลา
รู้สึกไม่สบายตัว ปวดหัว ปวดท้อง ไม่สบายตลอดเวลา อาการนี้ความเครียด ความกังวล การพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจจะส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของเรา ทำให้เราป่วยได้ง่ายขึ้น
- ไม่สนุกกับสิ่งที่ชอบอีกต่อไป
จากเป็นคนที่ชอบดูหนัง ชอบไปคาเฟ่ กลับกลายเป็นไม่ชอบอีกต่อไป ไม่รู้สึกว่าทำแล้วมันจะมีความสุข อาการนี้อาจจะเป็นอาการของภาวะสิ้นยินดี หรือภาวะซึมเศร้าก็ได้ หากรู้สึกแบบนี้ควรพักหรือปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป
หากเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นกับตัว ทางที่ดีควรหาเวลาให้ตัวเองได้พักผ่อน ลางาน ออกไปเที่ยว มีเวลาให้กับตัวเอง หากมากจนไม่สามารถแก้ได้ด้วยตัวเองก็ให้ปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สระภาษาอังกฤษ และวิธีการอ่านออกเสียงที่ถูกต้อง
สระภาษาอังกฤษ A
1. a = แอ
เช่น bat, fan, pan hand, land, map, tax, pack
2. a = เอ (มักจะลงท้ายด้วย -ay)
เช่น play, may, pay, day, say, way
3. a = อา (มักจะลงท้ายด้วย -ar)
เช่น car, dark, sharp, farm, park, card
สระภาษาอังกฤษ E
1. e = อี (มักจะมี -ea ตรงกลาง)
เช่น tea, meat, bean, leaf, weak, beach
2. e = เอ
เช่น pet, red, desk, lend, tell, send, rent
สระภาษาอังกฤษ I
1. i = อิ
เช่น rid, fish, big, ring, pin, fix
2. i = ไอ
เช่น shine, nine, knife, wife, ride, line
สระภาษาอังกฤษ O
1. o = โอ
เช่น rose, nose, note, rope, home
2. o = ออ
เช่น lock, box, long, bomb, clock, top
3. oo = อุ, อู
เช่น good, book, look, food, room, noon
สระภาษาอังกฤษ U
1. u= อะ
เช่น cut, bus, gun, us, run, dust
นอกจาก a e i o u แล้วรู้หรือไม่ว่า y สามารถเป็นได้ทั้งพยัญชนะและสระภาษาอังกฤษ ได้ด้วยนะ
สระภาษาอังกฤษ Y
1. y = อาย
เช่น fly, cry, eye, dry, spy, why, deny
2. y= อี
เช่น daily, rainy, baby, sunny
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
‘เอชพี’ เผยแผนย้ายฐานผลิตโน้ตบุ๊กไปเม็กซิโก-ไทย
บริษัทคอมพิวเตอร์ เอชพี (HP) กำลังทำงานร่วมกับบริษัทซัพพลายเออร์หลายรายเพื่อย้ายฐานการผลิตคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กหลายล้านเครื่องไปยังประเทศไทยและเม็กซิโกภายในปีนี้ ถือเป็นการขยับตัวก้าวแรกของบริษัทคอมพิวเตอร์รายใหญ่จากสหรัฐฯ ในการกระจายการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานไปยังประเทศอื่นนอกเหนือจากจีน
สื่อนิคเคอิเอเชีย รายงานว่า เอชพี ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่อันดับสองของโลกรองจากเลโนโว (Lenovo) ของจีน มีแผนย้ายการผลิตโน้ตบุ๊กสำหรับภาคธุรกิจบางส่วนไปยังเม็กซิโก และย้ายการผลิตโน้ตบุ๊กสำหรับบุคคลทั่วไปไปยังประเทศไทย
นอกจากนี้ เอชพียังจะย้ายฐานผลิตโน้ตบุ๊กบางส่วนไปยังเวียดนามภายในปีหน้าด้วย อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลกับสื่อนิคเคอิเอเชีย
ข้อมูลของบริษัทคานาลิส ชี้ว่า เมื่อปีที่แล้ว เอชพีขายคอมพิวเตอร์ทั้งหมด 55.2 ล้านเครื่องทั่วโลก
เมื่อวันจันทร์ เอชพีมีแถลงการณ์บนเว็บไซต์ว่า กำลังจะขยายการผลิตไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่น ๆ พร้อมระบุในอีเมลที่ส่งให้นิคเคอิเอเชียว่า เมืองฉงชิ่งของจีนจะยังคงเป็นฐานการผลิตสำคัญของบริษัทต่อไป
ปัจจุบัน ไทยและเวียดนามต่างเป็นฐานการผลิตคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์สำคัญของบริษัทชั้นนำหลายบริษัท ขณะที่โรงงานเม็กซิโกจะช่วยให้เอชพีสามารถรองรับตลาดอเมริกาเหนือได้ดีขึ้น
ก่อนหน้านี้ บริษัทเดลล์ (Dell) คู่แข่งของเอชพี ประกาศแผนผลิตโน้ตบุ๊กอย่างน้อย 20% ในเวียดนามภายในปีนี้ ขณะที่บริษัทแอปเปิล (Apple) ก็เริ่มการผลิตคอมพิวเตอร์แม็คบุ๊ก (MacBook) จากโรงงานในเวียดนามแล้วเช่นกัน ซึ่งถือเป็นประเทศแรกนอกเหนือจากจีนที่ผลิตแม็คบุ๊กให้แอปเปิล
นักวิเคราะห์เชื่อว่า การตัดสินใจของเอชพีครั้งนี้จะช่วยให้เวียดนามและไทยสามารถสร้างระบบห่วงโซ่อุปทานด้านคอมพิวเตอร์ของตนเองขึ้นมาได้ เช่นเดียวกับที่จีนทำไว้ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา และจะยิ่งทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นภูมิภาคที่ดึงดูดการลงทุนในด้านนี้มากขึ้น ท่ามกลางสภาพการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ไม่แน่นอนและเต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ประโยชน์ของ “ทับทิม” ที่คนญี่ปุ่นเชื่อว่าช่วยให้ความจำดี
รู้หรือไม่? รับประทานทับทิมทุกเช้าจะช่วยให้ความจำของผู้สูงอายุดีขึ้น
ในอดีตคนญี่ปุ่นรู้จักทับทิมว่าเป็นผลไม้ที่รับประทานกันทั่วไปในต่างประเทศและถูกใช้เป็นยาสมุนไพรจีน เพราะว่ารากและเปลือกของมันมีคุณสมบัติในการควบคุมการทำงานของลำไส้และฆ่าพยาธิ ในญี่ปุ่นเองก็มีการปลูกต้นทับทิมไว้เป็นไม้ประดับ แต่ปัจจุบันนี้พวกเขานิยมนำผลทับทิมมารับประทานทั้งในรูปน้ำทับทิมและน้ำทับทิมทั้งกากและนำมาปรุงเป็นเมนูอาหารด้วย มารู้ประโยชน์ของทับทิมในด้านต่างๆ รวมถึงประโยชน์ในด้านที่ช่วยให้ความจำของผู้สูงอายุดีขึ้นกันค่ะ
ประโยชน์ของทับทิม
ทับทิมหรือซาคุโระ (ザクロ) เป็นผลไม้ที่มีสารอาหารซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ได้แก่ แอนโทไซยานิน กรดเอลลาจิก (Ellagic Acid) และแทนนิน สารเหล่านี้มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคที่เกิดจากการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น โดยมีรายละเอียดของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของทับทิมดังนี้
แอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารสีแดงที่ช่วยบำรุงสายตาและชะลอความแก่
กรดเอลลาจิก ซึ่งทำหน้าที่ช่วยกดการสร้างสารสีเมลานิน ช่วยป้องกันการเกิดฝ้า อีกทั้งยังช่วยกดการหลั่งของฮอร์โมนที่มีชื่อว่า รีซีสติน (Resistin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ส่งเสริมให้อ้วนและเกิดโรคเบาหวานได้ง่าย
แทนนิน ซึ่งเป็นสารประกอบโพลีฟีนอลที่มีฤทธิ์ในการต้านการเจริญของแบคทีเรีย ควบคุมการทำงานของลำไส้และฆ่าพยาธิ
ไฟโตเอสโตรเจนชื่อ Coumestrol ซึ่งมีอยู่ทั้งในเนื้อและเมล็ดทับทิม สารชนิดนี้มีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเพศหญิง คือ เอสโตรเจน ซึ่งเหมาะสำหรับคุณผู้หญิง
โพแทสเซียม ซึ่งช่วยขับเกลือส่วนเกิดออกจากร่างกายและป้องกันการบวมน้ำของร่างกาย
กรดซิตริก ซึ่งช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้าจากการทำงานได้ดี
การรับประทานทับทิมเป็นประจำจะช่วยป้องกันสมองเสื่อมและทำให้ความจำในผู้สูงอายุดีขึ้น
มีรายงานการวิจัยจำนวนมากยืนยันว่าสารประกอบโพลีฟีนอลซึ่งมีมากในทับทิมจะมีประสิทธิภาพในการต้านการอักเสบและเป็นสารอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง โดยมีรายงานว่าผู้สูงอายุที่ดื่มน้ำทับทิมทุกวันในตอนเช้ามีผลการทดสอบด้านความจำที่ดีขึ้น โดยมีเหตุผลที่อธิบายผลการศึกษานี้คือ สารต้านอนุมูลอิสระที่มีมากในน้ำทับทิมจะช่วยป้องกันการอักเสบของหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองดี ส่งผลให้เซลล์สมองได้รับสารอาหารและทำงานได้ดีขึ้น
ทับทิมเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและช่วยป้องกันโรคหรือภาวะที่ไม่พึงประสงค์ วิธีนำมารับประทานทำได้โดยรับประทานทั้งเมล็ดหรือพ่นเมล็ดออก นำมาคั้น และปั่นเป็นสมูทตี้ เป็นต้น บ้านเราสามารถหาซื้อทับทิมมารับประทานได้ง่าย หากอยากให้ผู้ใหญ่ที่เรารักมีความจำดีไปนานๆ ลองให้ท่านรับประทานหรือดื่มน้ำทับทิมที่ไม่เติมน้ำตาลทุกเช้าดูนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 20/07/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 31,800.00 | 31,900.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,060.00 | 31,229.60 | 32,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,854.00 | 28,106.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,648.00 | 24,983.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 927.00 | 14,053.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 721.00 | 10,930.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,135.00 | 32,366.60 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 20/07/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.39 | 35.39 | – | – | – | – | – | – | – | 35.39 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 42.94 | 46.74 | 46.94 | 46.84 | – | – | – | – | – | 42.94 |
เบนซิน 95 | 45.04 | – | – | – | 45.81 | – | 45.54 | 45.19 | – | 45.04 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 32.24 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.24 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 32.24 | – | 31.94 | – | 31.94 | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 38.94 | 39.94 | 39.94 | 39.94 | 39.94 | – | – | – | – | 38.94 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |