สาระน่ารู้ประจำวันที่ 22 พฤษภาคม 2566

อสังหา”ลักซ์ชัวรี่”ไทยฮ็อตต่างชาติรุมซื้อเตรียมลองสเตย์

“ซีบีอาร์อี” เชื่อ ตลาดการท่องเที่ยวและตลาดการพักอาศัยแบบลองสเตย์ปี 2566 จะกลับมาคึกคักตั้งแต่ไตรมาส 2 ยิงยาวถึงไตรมาส 4 หนุนดีมานด์ต่างชาติซื้อที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่สำหรับอยู่ยาวพุ่งสูงโดยเฉพาะชาวจีน

“ซีบีอาร์อี” มองอสังหาฯ 2566 ส่งสัญญาณบวกหลังดีมานด์ต่างชาติซื้อที่อยู่ในไทยสูงขึ้นตั้งแต่ไตมาส 2 ไปจนถึง ไตรมาส 4 โดยเฉพาะชาวจีน กว้านซื้อที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ ดันโครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และบ้านพักตากอากาศโตยกแผง

นางสาวอาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลว่า ชาวต่างชาติกลับมาให้ความสนใจซื้อที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ในไทย ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และบ้านพักตากอากาศที่ตั้งอยู่ในทำเลชั้นนำ ตั้งแต่เริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทย โดยในช่วงครึ่งหลังปี 2565 มียอดขายผ่านซีบีอาร์อีเกินกว่า 200-300% 

ด้านผู้พัฒนาโครงการก็มีความเคลื่อนไหวเพื่อตอบรับกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น เตรียมเปิดโครงการใหม่ระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ในปี 2566 อีกหลายโครงการ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว ทั้งนี้ โครงการใหม่ที่เตรียมจะเปิดตัวและมีแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย ซีบีอาร์อีเป็นตัวแทนในปีนี้มีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท 

 “จากการวิเคราะห์ข้อมูลโครงการที่ซีบีอาร์อีเป็นตัวแทนบริหารการตลาดและการขาย พบว่าผู้สนใจซื้อโครงการที่พักอาศัยจากซีบีอาร์อีตั้งแต่ปี 2565 ถึงต้นปี 2566 คิดเป็นคนไทย 89% และชาวต่างชาติ 11% โดยลูกค้าชาวต่างชาติที่มองหาคอนโดมิเนียมและบ้านส่วนใหญ่มาจากในเอเชีย ได้แก่ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน พม่า สิงคโปร์ และญี่ปุ่น สำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านพักตากอากาศส่วนใหญ่มาจากยุโรป ได้แก่ รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน”

เทียบยอดขายโครงการที่พักอาศัยของซีบีอาร์อีในปี 2565 กับปี 2564

ลูกค้าชาวต่างชาติซื้อโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นถึง 383% และซื้อโครงการบ้านเพิ่มขึ้น 233% โดยชาวต่างชาติที่ซื้อโครงการบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว รวมทั้งซีบีอาร์อียังพบว่าลูกค้าชาวต่างชาติกลับมาสนใจซื้อวิลล่าตากอากาศอีกครั้งหลังจากที่หายไปก่อนหน้านี้

พฤติกรรมของผู้ซื้อชาวต่างชาติ

ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง หรือมีวงเงินในการซื้อคอนโดมิเนียมที่ระดับราคา 15-30 ล้านบาท ต้องการคอนโดมิเนียมบนทำเลใจกลางเมือง โดยเฉพาะย่านธุรกิจอย่างสีลม สาทร ลุมพินี สุขุมวิท ปทุมวัน และทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองถึง 87%

สำหรับโครงการบ้าน ลูกค้าชาวต่างชาติส่วนใหญ่มีงบประมาณในการซื้ออยู่ที่ 51-80 ล้านบาท โดยเฉพาะทำเล กรุงเทพตะวันออก ใจกลางเมือง และทำเลรอบนอกฝั่งตะวันออก โดยซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองถึง 85% และสำหรับบ้านพักตากอากาศนั้น ลูกค้าชาวต่างชาติมักจะซื้อในราคา 15-30 ล้านบาท โดยสนใจทำเลภูเก็ต และ หัวหิน ส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง 71%

ตลาดระดับลักซ์ชัวรี่ ชาวจีนยังคงต้องการซื้อที่พักอาศัยในไทยสูงสุด

ส่วนใหญ่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมหรูขนาด 1-2 ห้องนอน ในระดับราคา 15-30 ล้านบาท บนทำเลสีลม สาทร และซื้อเพื่อการอยู่อาศัยเองเป็นหลัก ในส่วนของโครงการบ้าน ชาวจีนต้องการซื้อบ้านขนาด 4 ห้องนอน บนทำเลกรุงเทพตะวันออก และมีงบประมาณในการซื้อตั้งแต่ 30 ถึง 100 กว่าล้านบาท โดยส่วนใหญ่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองเช่นเดียวกัน

ตลาดต่างชาติที่มีความน่าสนใจคือ ตลาดผู้ซื้อชาวพม่า 

ปีที่ผ่านมามีลูกค้าชาวพม่าที่อาศัยอยู่ในประเทศพม่า สิงคโปร์ และไทยหลายรายเข้าทำสัญญาซื้อขายโครงการกับซีบีอาร์อี ในระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาท ถึงมากกว่า 100 ล้านบาท  โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ขนาด 2 ห้องนอนระดับราคา 15-30 ล้านบาทบนทำเลลุมพินีและสุขุมวิท สำหรับโครงการบ้าน ผู้ซื้อชาวพม่าส่วนใหญ่ต้องการบ้านขนาด 4 ห้องนอน ในทำเลกรุงเทพตะวันออกและใจกลางเมืองเพื่ออยู่อาศัยเองถึง 91%

ด้านนางสาวประกายเพชร มีชูสาร หัวหน้าแผนกซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผยเพิ่มเติมว่าตลาดที่พักอาศัยในภูเก็ตมียอดขายที่พักตากอากาศในปี 2565 ผ่าน“ซีบีอาร์อี”  เพิ่มสูงขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าโดยที่พักอาศัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ วิลล่าหรือบ้านพักตากอากาศ ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 69% โดยตลาดต่างชาติที่สนใจโครงการที่พักอาศัยในภูเก็ตเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง 

ทั้งนี้ ลูกค้าในประเทศยังอยู่ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ในขณะที่ลูกค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 93% มาจากหลากหลายเชื้อชาติที่เข้ามาลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมในภูเก็ต ซึ่งได้แก่ รัสเซีย แคนาดา อิตาลี ฝรั่งเศส จีน และอังกฤษ

“ความต้องการในตลาดวิลล่าภูเก็ตยังคงมีอยู่มากในหมู่ผู้ซื้อที่คุ้นเคยกับเกาะนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อเดิมจากโครงการก่อนหน้านี้ หรือจากเพื่อนและครอบครัวที่แนะนำทำให้ตลาดวิลล่าภูเก็ตยังคงมีลูกค้าที่เข้ามาลงทุนซื้ออย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น รัสเซีย จีน อิตาลี อังกฤษ เยอรมัน ออสเตรเลีย อเมริกา อินเดีย และไอร์แลนด์ เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยเองและปล่อยเช่า” 

“ซีบีอาร์อี” เชื่อตลาดการท่องเที่ยวและตลาดการพักอาศัยแบบลองสเตย์ในปี 2566 คึกคัก

มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมในช่วงไตรมาสที่ 2 ถึงไตรมาสที่ 4 และจะส่งผลในเชิงบวกอย่างต่อเนื่องต่อดีมานด์การซื้อที่พักอาศัยเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองและเพื่อการลงทุน ทั้งนี้ ซีบีอาร์อีคาดการณ์ว่าความต้องการซื้อที่พักอาศัยจากชาวต่างชาติจะครอบคลุมตลาดหลายระดับ และกระจายไปยังทำเลทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดที่เป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศชั้นนำ รวมถึงครอบคลุมไปถึงตลาดเช่าอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


Telehouse ยึดทำเลพระราม9 เปิดตัว “ดาต้าเซ็นเตอร์” แห่งแรกในไทย

Telehouse เบอร์ใหญ่ด้านดาต้าระดับโลก ผุด “ดาต้าเซ็นเตอร์” แห่งแรกของไทย ย่านพระราม 9 พื้นที่ 9,000 ตร.ม. หวังดันเป็นศูนย์รวม เชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ต คลาวด์ และ คอนเท้นท์

21 พฤษภาคม 2566 – Telehouse หนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก ประกาศ เปิดตัว “ดาต้าเซ็นเตอร์” แห่งแรกในประเทศไทยแล้ววันนี้ โดยตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 9 ในกรุงเทพฯ ด้วยเงินลงทุน 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 2.5 พันล้านบาท โดยดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้ มุ่งที่จะเป็นศูนย์รวมในการเชื่อมต่อภายในภูมิภาคและทั่วโลก และยังเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100%

งานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นายคะสุยะ นะชิดะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น ประจำราชอาณาจักรไทย นางสาวซ่อนกลิ่น พลอยมี รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจมากมายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เดินทางมาเข้าร่วมงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ที่กรุงเทพฯ

Telehouse เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก ที่ได้ขยายการเติบโตมายังกรุงเทพฯ ซึ่งนับเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ที่แรกในประเทศไทย เป็นแห่งที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จาก Telehouse ทั้งหมด 45 แห่งทั่วโลก Telehouse ประเทศไทย มีพื้นที่อาคารกว้างขวางถึง 9,000 ตร.ม. พร้อมด้วยกำลังการรับไฟฟ้าสูงสุด 9.5 เมกะโวลต์แอมแปร์ (MVA) นอกจากนี้ ยังโดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งใจกลางกรุงเทพฯ – พระราม 9 ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้ยังมุ่งเป็นผู้นำการเชื่อมต่อโครงข่าย 

โดยตั้งเป้าเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ที่เป็นศูนย์รวมอินเทอร์เน็ต สำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคมและผู้ให้บริการอื่นๆ เช่นคลาวด์และคอนเท้นท์ต่างๆได้เชื่อมต่อกัน ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนการรับส่งข้อมูลทั้งในและต่างประเทศ ให้ถึงผู้ใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
 

นอกจากเป้าหมายในการพัฒนาและส่งเสริมระบบโครงข่ายในประเทศไทย Telehouse ยังเล็งเห็นความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายทั่วโลกของ Telehouse ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2569

นอกจากนี้ ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก เคอิจิ โมริ รองกรรมการผู้จัดการ และกรรมการ บริษัท เค ดี ดี ไอ คอร์เปอร์เรชัน และ เคน มิยาชิตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเลเฮ้าส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนของ Telehouse ในการกล่าวตอนรับ และนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจในงาน

เคน มิยาชิตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเลเฮ้าส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “พวกเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ประกาศการเปิดตัว Telehouse ในกรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ ด้วยที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ใจกลางเมือง ทำให้ Telehouse ประเทศไทย เป็นดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทำให้สามารถใช้งานเครือข่ายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมต่อยอดสู่การเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ และเรามีความพร้อมที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคแห่งนี้และสนันสนุนการพัฒนาสังคมดิจิตัลของประเทศไทยและภูมิภาคต่อไป”

ปัจจุบัน Telehouse ประเทศไทย มีพันธมิตรแล้วมากกว่า 10 ราย ไม่ว่าจะเป็น ผู้ให้บริการโทรคมนาคม  คลาวด์ หรือผู้ให้บริการคอนเท้นต์ รวมถึงพาร์ทเนอร์ที่ส่งมอบโซลูชันส์ให้ลูกค้าองค์กร  ที่ช่วยสร้างความพร้อมของระบบนิเวศทาง “การเชื่อมต่อ” ในดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้ 

 
สำหรับ Telehouse เป็นผู้นำการให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ชั้นนำระดับโลก โดยมีสาขามากกว่า 45 แห่ง ใน 10 กว่าประเทศทั่วโลก พร้อมด้วยพันธมิตรทางธุรกิจมากกว่า 3,000 ราย ซึ่งรวมถึงผู้ให้บริการโทรคมนาคม ผู้ให้บริการมือถือ และคอนเทนต์ องค์กรต่างๆ และบริษัทที่ให้บริการทางการเงิน Telehouse ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2532 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 22พ.ค.ที่ระดับ 34.28 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.15-34.35 บาท/ดอลลาร์ แนะติดตามทิศทางเงินดอลลาร์ ราคาทองคำ ความไม่แน่นอนของการเมืองไทยอาจส่งผลกระทบต่อฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติได้

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 22พ.ค.2566ที่ระดับ  34.28 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  34.39 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน     พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่าในช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น เงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าใกล้โซน 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์และแรงซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว

ก่อนที่เงินบาทจะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง จากถ้อยแถลงของประธานเฟดที่มองว่าเฟดอาจไม่จำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยมาก ขณะเดียวกันผู้เล่นในตลาดก็เริ่มกลับมากังวลความคืบหน้าการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ
 
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตอบรับความหวังการเจรจาขยายเพดานหนี้อาจประสบความสำเร็จได้เร็วและแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรจับตา รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ และรายงานดัชนี PMI ของบรรดาเศรษฐกิจหลัก นอกจากนี้ ควรติดตามการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ พร้อมรอติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลผสมของไทย
 
โดยในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้
 
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (S&P Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนพฤษภาคม


 โดยตลาดคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังคงได้แรงหนุนจากการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการบริการ โดยดัชนี PMI ภาคการบริการอาจอยู่ที่ระดับ 52.5 จุด (ดัชนีสูงกว่า 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัว) ซึ่งภาคการบริการของสหรัฐฯ ก็ยังคงได้รับอานิสงส์จากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและตึงตัวอยู่

 สะท้อนผ่านยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและต่อเนื่อง (Initial and Continual Jobless Claims) ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำหรือไม่ได้เพิ่มขึ้นชัดเจน และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว

 ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงรายงานการประชุม FOMC ล่าสุด และรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE เดือนเมษายน ซึ่งผู้เล่นในตลาดมองว่าอาจอยู่ที่ระดับ 4.3% (อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE อาจทรงตัวที่ระดับ 4.6%) 

หากอัตราเงินเฟ้อ PCE ออกมาสูงกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดเพิ่มโอกาสที่เฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในการประชุมเดือนมิถุนายนได้ (แต่เราคงมุมมองเดิมว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25%)


 อนึ่ง ปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ โดยผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามความคืบหน้าของการเจรจาขยายเพดานหนี้ (Debt Ceiling) อย่างใกล้ชิด
 
▪ ฝั่งยุโรป – ตลาดมองว่า เศรษฐกิจยูโรโซนอาจเริ่มเผชิญผลกระทบจากการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยภาคการผลิตอุตสาหกรรมอาจยังคงหดตัวต่อเนื่อง ชี้จากดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพฤษภาคมที่ระดับ 46 จุด


 อย่างไรก็ดี การขยายตัวของภาคการบริการ ซึ่งสะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการบริการที่ระดับ 55.5 จุด จะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยประคองเศรษฐกิจยูโรโซน เช่นเดียวกันกับในฝั่งอังกฤษ การขยายตัวต่อเนื่องของภาคการบริการ (ดัชนี PMI ภาคการบริการ อาจอยู่ที่ระดับ 55.5 จุด) ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจอังกฤษเช่นกัน 

 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI ของอังกฤษ ในเดือนเมษายน อาจยังคงอยู่ที่ระดับสูงถึง 8.1% แม้ว่าจะเป็นการชะลอลงจากระดับ 10.1% ในเดือนก่อนหน้า แต่อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงดังกล่าว อาจหนุนให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องจนแตะระดับ 4.75% ได้ในปีนี้
 
▪ ฝั่งเอเชีย – ตลาดคาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดีขึ้น หนุนโดยการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการบริการสะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการบริการในเดือนพฤษภาคมที่ระดับ 55.7 จุด

 ขณะที่ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นอาจยังคงหดตัวต่อเนื่อง ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตอาจต่ำกว่าระดับ 50 จุด ต่อ ในส่วนของนโยบายการเงิน ตลาดคาดว่า ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย +25bps สู่ระดับ 5.50% หลังเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี 


ส่วนอัตราเงินเฟ้อก็ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) และธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) อาจเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.50% และ 5.75% หลังอัตราเงินเฟ้อของทั้งเกาหลีใต้และอินโดนีเซียชะลอลงต่อเนื่อง และที่สำคัญสำหรับ BI ค่าเงินรูเปียะห์ (IDR) ก็มีเสถียรภาพมากขึ้นหลังการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงก่อนหน้า
 
▪  ฝั่งไทย – ตลาดประเมินว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าอาจส่งผลให้ยอดการส่งออก (Exports) เดือนเมษายน หดตัวต่อเนื่อง -2.2%y/y อย่างไรก็ดี ยอดการส่งออกมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจฝั่งเอเชีย ทว่าแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจหลัก อย่าง สหรัฐฯ และยุโรปก็อาจเป็นปัจจัยกดดันการส่งออกของไทยได้
 
 
 สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า นอกเหนือจากทิศทางเงินดอลลาร์และราคาทองคำ ความไม่แน่นอนของการเมืองไทย หลังการเลือกตั้ง อาจส่งผลกระทบต่อฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติได้


 โดยเราคาดว่านักลงทุนต่างชาติจะยังไม่รีบกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยในระยะสั้น ซึ่งในเชิงเทคนิคัล โซนแนวต้านจะอยู่ที่โซน 34.50-34.60 บาทต่อดอลลาร์ และเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วัน แถว 34.20 บาทต่อดอลลาร์ จะกลายมาเป็นโซนแนวรับในระยะสั้นนี้


 อนึ่ง หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นหลุดเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วัน ก็มีโอกาสเห็นการแข็งค่ากลับไปทดสอบโซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์อีกครั้งได้
 
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินดอลลาร์อาจเริ่มแผ่วลง หลังตลาดเริ่มมองว่าเฟดอาจไม่เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ ขณะเดียวกัน

 ความกังวลปัญหาเพดานหนี้ก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง จากการเจรจาขยายเพดานหนี้ที่ยังไม่แน่นอน อย่างไรก็ดี หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ก็อาจหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อได้ ในส่วนของค่าเงินบาท
 
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ (ประเด็นขยายเพดานหนี้) และการเมืองไทย ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
 
 
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.00-34.60 บาท/ดอลลาร์
 
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.15-34.35 บาท/ดอลลาร์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 34.38-34.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.15 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ก่อนหน้าที่ 34.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทยังมีแรงกดดันด้านอ่อนค่าสอดคล้องกับทิศทางเงินหยวน และสัญญาณที่สะท้อนว่า นักลงทุนต่างชาติยังน่าจะมีสถานะขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย ขณะที่จุดสนใจในประเทศน่าจะอยู่ที่ MOU ในการจัดตั้งรัฐบาล

อย่างไรก็ดี กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในระหว่างวันอาจผันผวน เนื่องจากตลาดยังคงรอติดตามการเจรจาเกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ (ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ) อย่างใกล้ชิด ประกอบกับตลาดตีความถ้อยแถลงของประธานเฟดไปในเชิงที่ว่าเฟดมีโอกาสคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุม FOMC เดือนมิ.ย.นี้ 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.20-34.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดรอติดตามสถานการณ์การเมืองไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ การประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ของธนาคารกลางจีน และผลการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“ต้นน้ำ” ผนึกกำลังเพื่อนร่วม “ชมรมว่ายน้ำสิงห์” คว้าทองสร้างชื่อศึกซีเกมส์

“เจ้าหนุน” ต้นน้ำ กันตีมูล ฉลามหนุ่มวัย 18 ปี  ตอกหมุดความสำเร็จคว้าทองซีเกมส์  ครั้งที่ 32 ให้ชมรมว่ายน้ำสิงห์ ยิ้มได้ต่อเนื่อง พร้อมรวมพลังเพื่อนในทีมช่วยกันทุบสถิติอีก 9 รายการกับผลงานรวมสุดประทับใจ 1 ทอง 2 เงิน 3 ทองแดง

ภายใต้การคุมทีมของ  “โค้ชยุทธ”ยุทธนา กุลตัน ผู้ฝึกสอนชมรมว่ายน้ำสิงห์ และหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดซีเกมส์กัมพูชา, ณัชฐานันตร์ จันทร์กระจ่าง ผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย และเป็นผู้ฝึกสอนชมรมว่ายน้ำสิงห์ และ“โค้ชเก่ง”  ศักย์วริษฐ์ จรูญศรี ผู้ฝึกสอนชมรมว่ายน้ำสิงห์ศูนย์ธันเดอร์

โดยผลงานในซีเกมส์ครั้งนี้ “เจ้าหนุน” ต้นน้ำ กันตีมูล ฉลามหนุ่มวัย 18 ปี ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ให้ชมรมว่ายน้ำสิงห์ภาคภูมิใจกับการพลิกโผมือวางอันดับ 4 ของรายการก้าวกระโดดขึ้นสู่โพเดี้ยมคว้าเหรียญทอง  กรรเชียง 200 เมตร มาครองได้สำเร็จพร้อมทุบสถิติประเทศไทย กลุ่ม 1 และกลุ่มทั่วไป ด้วยผลงานสุดยอดเยี่ยม 2:01.29  นาที

นอกจากนี้ประเภทผลัดผสม 4×100 เมตร ชาย ต้นน้ำ ยังคว้าเหรียญเงินมาครองอีกด้วยเวลา 3:41.75 นาที พร้อมทำลายสถิติประเทศไทยกลุ่มทั่วไป ส่วน  กรรเชียง 100 เมตร คว้าอันดับ 4 สถิติ 56.34 วินาที(ทำลายสถิติประเทศไทย กลุ่ม 1 และกลุ่มทั่วไป)  เช่นเดียวกับ ผลัดฟรีสไตล์ 4×100 เมตร ชาย คว้าอันดับ 4 สถิติ 3:21.69 นาที (ทำลายสถิติประเทศไทย)

ขณะที่ “เงือกออย” เสาวนีย์ บุญอำไพ อีกหนึ่งความหวังของชมรมว่ายน้ำสิงห์ ไม่น้อยหน้าคว้าเหรียญเงินมาได้เช่นกัน  ในกรรเชียง 50 เมตร ทำลายสถิติประเทศไทยกลุ่มทั่วไป ด้วยผลงาน 28.97 วินาที

และยังเก็บอีก 2 เหรียญทองแดงได้จาก ผลัดผสม Mixed 4×100 เมตร สถิติ 3:58.18 นาที (ทำลายสถิติประเทศไทยกลุ่มทั่วไป) กับ ประเภทผลัดผสม 4×100 เมตร “เงือกออย” เสาวนีย์ ยังทำลายสถิติประเทศไทยกลุ่มทั่วไปได้สำเร็จเนื่องจากออกตัวเป็นคนแรกในท่ากรรเชียงด้วยเวลา 1:03.56 นาที คว้าเหรียญทองแดงร่วมกับเพื่อนร่วมค่ายคนเก่ง ”แกรมม่า” ภูริชญา จันยะมิตรี ด้วยสถิติรวม  4:14.06 นาที

ส่วนอีกหนึ่งเหรียญทองแดง ได้จาก“มีอา” มีอา มิลลาร์ คว้าประเภทผลัดฟรีสไตล์ 4×100 เมตร หญิง ด้วยสถิติ 3:50.01 นาที  ขณะเดียวกัน “มังกร” ปรินทร เกตตะพันธ์ ทำได้ดีสุดคว้าอันดับ 6 เดี่ยวผสม 400 เมตร สถิติ 4:36.04 นาที และอันดับ 9 ฟรีสไตล์ 200 เมตร สถิติ 1:55.12 นาที ส่วน “มาเรีย” มาเรีย เนดเดลกา คว้าอันดับ 8 ผีเสื้อ 50 เมตร สถิติ 28.58 วินาที

อย่างไรก็ตามการต่อยอดความสำเร็จของฮีโร่จากชมรมว่ายน้ำสิงห์ในครั้งนี้ ได้สร้างความสุข ความประทับใจให้เกิดขึ้นอีกครั้งในเวทีระดับชาติ นับเป็นแรงบันดาลใจให้แก่น้องๆรุ่นหลัง ที่ปัจจุบันชมรมว่ายน้ำสิงห์ ได้สนับสนุนเด็กๆจำนวนมากเข้ามาเรียนว่ายน้ำ และฝึกฝนสู่ความเป็นเลิศอย่างจริงจังในหลายรุ่นอายุ สร้างผลผลิตทีมชาติ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์กล่าวขานจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบันดังเช่น “โค้ชอุ้ม” ณัชฐานันตร์ จันทร์กระจ่าง อดีตเงือกสาวชื่อดังระดับตำนาน ที่ทางชมรมว่ายน้ำสิงห์ได้ให้การสนับสนุนมากว่า 15 ปีตั้งแต่ปี 2550 และปัจจุบันได้ผันตัวเองมาเป็นโค้ชและเป็นแบบอย่างให้แก่น้องๆในเวลานี้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เส้นผมบังภูเขา !! เรื่องพังๆ ปวดหลังเพราะ…ที่นอน

     เราไม่ควรประมาทกับอาการปวดหลัง การปวดหลังที่บางทีเราเห็นว่าเล็กๆ น้อยๆ เดี๋ยวก็หายเอง ส่งผลกับการดำเนินชีวิตเราทั้งก่อความรำคาญ ทำให้เราทำงานไม่เต็มที่บ้าง หงุดหงิด อารมณ์เสียบ้าง หลายคนก็พยายามหาสาเหตุว่ามันมาจากไหน อาจจะนั่งผิดท่า หรือยกของหนัก ก็ไปแก้ไขโดยการนวด แปะแผ่นแก้ปวด ทายา หรืออาจไปหาหมอหมดไปเป็นแสนๆ ก็มี แต่แท้จริงแล้ว สาเหตุอาจจะไม่ได้มาจากสิ่งเหล่านั้นก็ได้ ซึ่งอาการปวดหลังนี่แหละก็เป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งว่า ร่างกายเรากำลังมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น และใครจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว มันอาจเกิดจากที่เรานอนผิดท่า หรือที่นอนไม่เหมาะสมกับสรีระ!!

     ที่เป็นแบบนี้เพราะ กระดูก เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อต่างๆ ของเรา ไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในขณะที่เราหลับอยู่ และต้องอยู่แบบนั้นไปนานๆ หลายชั่วโมงในเวลากลางคืน ดังนั้นเมื่อเวลาเราตื่นขึ้นย่อมเกิดอาการเมื่อย หรือปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง หรืออาจร้ายแรงถึงกับอักเสบเลยทีเดียว ไม่มีที่นอนไหนที่ดีที่สุด เพราะการที่เราจะตีความว่าที่นอนอันนั้นดี อันนี้ดี มันขึ้นกับความชอบของเราเป็นส่วนใหญ่ บางคนชอบนิ่ม บางคนชอบแข็ง แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่เราชอบอาจไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องก็ได้ เพราะคนแต่ละคนมีสรีระแตกต่างกัน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ ที่นอนอันเดียวกันจะสามารถ ตอบสนองความต้องการของทุกๆ คนในทุกๆ ปัญหาได้หมด ซึ่งที่นอนที่ดี ที่ไม่ทำให้เราปวดหลัง และนอนหลับได้สบาย คือที่นอนที่เหมาะกับรูปร่าง และสรีระ เพราะฉะนั้นการรองรับระหว่างที่นอนกับร่างกายต้องเหมาะสมถึงจะทำให้นอนแล้วไม่ปวดหลัง

    อาจจะเห็นภาพยาก เรามาลองดูภาพเปรียบเทียบกันว่าที่นอนแต่ละแบบมีผลกับสรีระการนอนของเราอย่างไร?

  – แบบที่ 1 เป็นแบบที่ถูกต้อง สามารถรองรับน้ำหนักได้ทั่วตัว จะเห็นได้ว่าแนวเส้นของลำตัวจะอยู่ในแนวตรง ซึ่งจะไม่สร้างแรงกดทับให้กับที่ใดที่หนึ่งไม่ว่าเราจะนอนท่าไหนก็ตาม ซึ่งแบบนี้จะไม่ทำให้เราปวดหลัง
     – แบบที่ 2 นิ่มเกินไป ซึ่งที่นอนจะยุบตัวในบริเวณกลางลำตัวของเรามากเนื่องจากช่วงกลางลำตัวของเราจะมีน้ำหนักมากกว่าที่อื่นนั้นเอง ส่งผลให้เรานอนเป็นแอ่งโดยไม่รู้ตัว ย่อมเกิดแรงกดทับที่ไม่พึงประสงค์กับกระดูกและกล้ามเนื้อของเรา และแน่นอนว่า เมื่อตื่นมาจะปวดเมื่อยตามตัวและที่สำคัญปวดหลังแน่นอน
     – แบบที่ 3 แข็งเกินไป หลายคนเชื่อว่าที่นอนแข็งไม่ปวดหลัง ในความเป็นจริงสรีรระของเรามีส่วนเว้าส่วนโค้งตลอดลำตัว ถ้าที่นอนแข็งเกินไปจะไม่มีพื้นที่รองรับกับสรีระอย่างเหมาะสม จะทำให้แนวเส้นกลางลำตัวโค้งเช่นกัน แต่เป็นในทิศทางตรงกันข้ามกับแบบนิ่ม แต่มันจะส่งผลให้เกิดการกดทับที่กระทำกับกระดูกและกล้ามเนื้อที่ไม่พึงประสงค์เช่นกัน และแน่นอนว่าอาการปวดหลังจะรอเราอยู่เมื่อเราตื่นเหมือนกันกับที่นอนแบบนิ่ม

ข้อสังเกต

     – ที่นอนที่นิ่มมากๆ เวลานอนตัวก็ยุบลงไปทั้งตัว ทำให้กระดูกสันหลัง และกล้ามเนื้อหลังอยู่ในลักษณะโค้งทั้งคืน
ดังนั้นควรสำรวจที่นอนด้วยว่า มีการยุบตัวหรือยวบตัวลงมากเกินไปหรือยัง?
     – ที่นอนนุ่นที่เก่าแล้วก็เช่นเดียวกัน มักจะยุบลงไปตรงกลางเป็นแอ่ง เวลานอนหลังจะเสียรูปไปจากธรรมชาติ ลองเอามือลูบตั้งแต่หัวที่นอนมาทางปลายเท้า ถ้าพบว่าตรงกลางเป็นแอ่ง แสดงว่าถึงเวลาเปลี่ยนที่นอนได้แล้ว

     พูดง่ายๆ ว่าเรื่องที่นอนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากจริงๆ ดังนั้นการจะเลือกที่นอนก็ต้องพิถีพิถัน เลือกผู้ผลิตที่รู้จริง มีสินค้าให้เราเลือกหลากหลาย เพราะจะยิ่งทำให้เราเลือกที่นอนที่เข้ากับเราได้มากที่สุด รวมไปถึงคุณภาพ ความไว้ใจ และการบริการ ที่ดูแลเอาใจใส่ลูกค้า ดังเช่นที่นอนของ Springmate ที่มีการพัฒนา และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการนอน มาอย่างยาวนานมากกว่า 40 ปี รวมถึงโรงแรมชั้นนำมากมายได้ไว้วางใจเลือกใช้ที่นอน  Springmate เพื่อให้ผู้เข้าพักได้หลับพักผ่อนอย่างเต็มที่  คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับการพักผ่อนที่ดีที่สุด ไม่เพียงแค่นั้น Springmate ยังไม่หยุดนิ่ง พัฒนา และคิดค้นที่นอนที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค เข้าใจในเรื่องความแตกต่างในสรีระของแต่ละคน ทำให้เกิดที่นอนหลากหลายรูปแบบ หลากหลายรุ่น สามารถเข้าไปปรึกษาข้อคำแนะนำ หรือเยี่ยมชมสินค้าต่างๆ ได้ที่สปริงเมทโฮม ศรีนครินทร์ 34 และ SB Design Square ทุกสาขา หรือเข้าไปดูรายละเอียดสินค้าต่างๆ ได้ที่ www.springmate.com หรือ Facebook Page รักหลับ by Springmate

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


คำศัพท์และสำนวนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับความตาย

ถ้าพูดถึงความตาย ก็คงไม่ค่อยมีใครอยากคุยกับแอดแน่ๆเลยใช่มั้ยคะ เพราะความตายหรือการจากลา ได้ยินแล้วก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาเลย แต่ไม่ต้องห่วงไปนะ เพราะแอดจะแบ่งปันคำศัพท์และสำนวนเกี่ยวความตาย ในบรรยากาศที่อ่านแล้วสนุก ไม่รู้สึกเศร้าใจแน่นอนค่า เพราะแอดจะแชร์วิธีการจำฉบับของแอดเอง อาจมีผิดถูกไม่เข้าตามทฤษฎีบ้าง แต่รับรองว่าวิธีของแอดจะสามารถช่วยทำให้เห็นภาพง่ายขึ้นแน่นอน

At peace

ตาย (เป็นการกล่าวว่าใครตายแล้วอย่างสุภาพและอ่อนโยนขึ้น)

Be as dead as a doornail

ตายอย่างสนิท, ตายอย่างไม่ต้องสงสัย ( doornail หมายถึงตะปูที่ใช้ตรึงประตูหรือถ้าเป็นของก็คือเสียชนิดที่ซ่อมไม่ได้)

Be on your deathbed

กำลังจะตาย

Death (n.)

การตาย

Depart this life

ตายจากไปแล้ว

Die (v.)

ตาย

Dropping like flies 

ล้มตายจำนวนมาก (ตรงนี้แสดงถึงการตายในจำนวนเยอะมาก จนเหมือนฝูงแมลง)

Extinction (n.)

การสูญพันธุ์

Gone to glory 

ขึ้นสวรรค์ไปแล้ว, จากไปแล้ว, ตาย (คำว่า glory แสดงถึงความงดงาม หรือแนวสวรรค์)

Food for worms/worm food 

ตายและถูกฝังไปแล้ว (แปลตามตรงคือตายจนกลายเป็นอาหารของหนอนไปแล้ว)

Let nature take its course

ปล่อย/ยอมให้ (บางคน) ได้ตายอย่างธรรมชาติ
(ถ้าจะยื้อก็ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจไปตลอดหรือไม่งั้นก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า)

Mortality (n.)

อัตราการตาย

Six feet under 

ตายและถูกฝังไปแล้ว (ลึกลงไป 6 ฟุต เปรียบเทียบให้เห็นภาพว่าอยู่ในดินแล้ว เท่ากับถูกฝัง)

Stone-dead

ตาย (แข็งจนกลายเป็นหินแล้ว)

To be on one’s last legs 

เข้าใกล้ความตายมากแล้ว (เหมือนกับเหลือขาข้างเดียว ไม่มั่นคงมากพอ)

To have one foot in the grave

ไม้ใกล้ฝัง สภาวะที่ใกล้ตาย (มีอายุมากหรือป่วยหนักมาก จวนจะไม่ไหวเหมือนกับมีเท้าหนึ่งข้างก้าวเข้าไปในสุสานแล้ว)

To kick the bucketตาย
(สมัยก่อนจะมีการแขวนสัตว์ไว้แล้วให้ยืนบนถัง พอถึงเวลาก็เตะถังออก ถือเป็นคำไม่สุภาพ ห้ามใช้เพื่อพูดกับผู้อื่น)

Wiped out 

กวาดล้าง, สูญพันธุ์ (จริงๆคำนี้เราน่าจะคุ้นกับที่แปลว่า เช็ดถู อันนี้ก็เหมือนกัย เช็ดถูออกไปจนหมด ไม่เหลืออะไรเลย)

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


SAP และ Google Cloud ขยายความร่วมมือเพื่อสร้างอนาคตของข้อมูลแบบเปิดและ AI สำหรับองค์กร

SAP SE (NYSE: SAP) และ Google Cloud ได้ประกาศการขยายความร่วมมืออย่างกว้างขวาง โดยการเปิดตัวข้อเสนอข้อมูลแบบเปิดที่ครอบคลุม ซึ่งออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนของภูมิทัศน์ข้อมูลและปลดปล่อยพลังของข้อมูลธุรกิจ ข้อเสนอนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างระบบคลาวด์ดาต้าแบบ end-to-end ที่ข้อมูลถูกดึงมาใช้ได้จากทั่วทั้งองค์กร

โดยใช้โซลูชัน SAP® Datasphere ร่วมกับระบบคลาวด์ดาต้าของ Google ดังนั้น ธุรกิจต่างๆ สามารถตรวจดูพื้นที่ข้อมูลทั้งหมดได้แบบเรียลไทม์ และเพิ่มประสิทธิภาพได้สูงสุดจากการลงทุนในซอฟต์แวร์ Google Cloud และ SAP ของพวกเขา

ข้อมูลเป็นรากฐานที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ผ่านมา องค์กรต่าง ๆ ใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการสร้างศูนย์รวมรวมข้อมูลที่ซับซ้อน เครื่องมือวิเคราะห์แบบกำหนดได้เอง รวมถึง Generative AI และการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มตระหนักถึงความคุ้มค่าจากการลงทุนด้านข้อมูลเหล่านั้น

ในขณะที่ข้อมูลที่มาจาก ระบบ SAP โดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดขององค์กร และสามารถให้ข้อมูลที่สำคัญอย่างข้อมูลด้านซัพพลายเชน การพยากรณ์ทางการเงิน การบันทึกทรัพยากรบุคคล ข้อมูลระบบ Omnichannel Retail และอื่น ๆ ได้ โดย SAP Datasphere จะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลที่มีความสำคัญต่อภารกิจเหล่านี้ เข้ากับข้อมูลทั่วทั้งองค์กร จากหลากหลายแหล่งที่มา

ซึ่งความสามารถในการรวมข้อมูลทั้งจากซอฟต์แวร์ SAP และที่ไม่ใช่มาจาก SAP (มาจากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ) ไว้บน Google Cloud ได้อย่างง่ายดายนั้น ย่อมหมายความว่าองค์กรต่างๆ สามารถเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วด้วยรากฐานข้อมูลที่กำหนดไว้อย่างสมบูรณ์ และยังคงรักษาบริบททางธุรกิจที่ครบถ้วนไว้ได้

Christian Klein ซีอีโอและคณะกรรมการบริหารของ SAP SE กล่าวว่า “การนำระบบและข้อมูลของ SAP มารวมกับข้อมูลในคลาวด์ของ Google ได้นำเสนอโอกาสใหม่สำหรับองค์กรต่างๆ ให้ได้รับคุณค่าที่มากขึ้นจากดาต้าฟุตปริ้นท์ทั้งหมด โดย SAP และ Google Cloud มีความมุ่งมั่นร่วมกันต่อข้อมูลแบบเปิด และการเป็นพันธมิตรของเราก็ได้ขยายออกไปเพื่อช่วยทลายกำแพงกั้นระหว่างข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในระบบ ฐานข้อมูล และสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ลูกค้าของเราไม่เพียงแต่ได้รับประโยชน์จาก AI ของธุรกิจที่สร้างไว้ในระบบของเราเท่านั้น แต่ยังได้รับประโยชน์จากรากฐานข้อมูลที่เป็นหนึ่งเดียวด้วย”

Thomas Kurian, ซีอีโอของ Google Cloud กล่าวว่า “ตอนนี้ SAP และ Google Cloud นำเสนอระบบคลาวด์ข้อมูลแบบเปิดที่ครอบคลุมอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งเป็นรากฐานสำหรับอนาคต AI ขององค์กร. แหล่งทรัพยากรเพียงบางแห่งอาจสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลพอ ๆ กับข้อมูล แต่ด้วยการผสานรวมข้อมูลและระบบ SAP เข้ากับคลาวด์ข้อมูลของเราอย่างลึกซึ้ง ลูกค้าจะสามารถใช้งานความสามารถในการวิเคราะห์ของเราได้เช่นเดียวกับเครื่องมือ AI ขั้นสูงและ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ เพื่อค้นหาข้อมูลเชิงลึกใหม่จากข้อมูลของพวกเขา”

องค์กรต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น Blue Bird Group, JB Cocoa, Kopi Kenangan, Link Net, NTUC Enterprise, Ocean Network Express, Siam Cement Group (SCG) และ Vingroup เป็นต้น ได้ใช้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกันของ Google Cloud และ SAP เสนอเพื่อช่วยให้พวกเขาดำเนินธุรกิจอย่างชาญฉลาดและยั่งยืนมากขึ้น และบรรลุผลลัพธ์ที่มีผลกระทบ

ข้อเสนอข้อมูลแบบเปิด ใหม่จาก SAP และ Google Cloud ช่วยส่งเสริมโซลูชัน RISE with SAP และจะช่วยให้ลูกค้าสามารถ:

เข้าถึงข้อมูลสำคัญทางธุรกิจแบบเรียลไทม์: การผสานรวมระหว่าง SAP Datasphere และ Google Cloud BigQuery ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญที่สุดได้อย่างง่ายดายแบบเรียลไทม์โดยไม่มีข้อมูลซ้ำซ้อน ข้อเสนอร่วมนี้สามารถรวมข้อมูลจาก ระบบซอฟต์แวร์ SAP เช่น SAP S/4HANA® และ SAP HANA® Cloud ทำให้องค์กรต่างๆ มีมุมมองที่ครอบคลุมเกี่ยวกับข้อมูลที่สำคัญที่สุดของตนบนคลาวด์ดาต้าของ Google

ลดความซับซ้อนของภูมิทัศน์ข้อมูล: SAP และ Google Cloud ได้ร่วมกันสร้างวิศวกรรมการจำลองข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและเทคโนโลยีการรวมศูนย์ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถรวมข้อมูลจากซอฟต์แวร์ SAP เข้ากับ สภาพแวดล้อม BigQuery ได้อย่างง่ายดาย และใช้ประโยชน์จากความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลชั้นนำของ SAP และ Google Cloud ปัจจุบันนี้ ลูกค้าสามารถรวมข้อความค้นหาระหว่าง SAP Datasphere และ BigQuery เพื่อผสมผสานข้อมูลจาก ซอฟต์แวร์ SAP และ ที่ไม่ใช่ของ SAP ซึ่งช่วยขจัดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลทั่วไปจากแหล่งที่มาที่ครอบคลุมทั้งด้านการตลาด การขาย การเงิน ห่วงโซ่อุปทาน และอื่นๆ ตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่ทำธุรกิจค้าส่ง สามารถเห็นผลิตภัณฑ์ของตนได้อย่างสมบูรณ์ขณะที่พวกเขากำลังดำเนินการจำหน่ายสินค้าและเข้าถึงลูกค้า

สร้างข้อมูลเชิงลึกที่เชื่อถือได้ด้วย โมเดล AI และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) ขั้นสูงของ Google Cloud: ธุรกิจต่างๆ จะสามารถใช้ บริการ AI และ ML ของ Google Cloud เพื่อฝึกโมเดลบนข้อมูลทั้งจาก ระบบ SAP และ ไม่ได้มาจาก SAP

ทำการวิเคราะห์ขั้นสูง: องค์กรสามารถใช้ความสามารถในการวิเคราะห์ของโซลูชัน SAP Analytics Cloud ใน Google Cloud เพื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์ทางการเงินและธุรกิจ พร้อมปรับปรุงความแม่นยำของโมเดล ด้วยการผสานรวมกับข้อมูลใน BigQuery ด้วย SAP Datasphere ลูกค้าสามารถวางแผนด้วยมุมมองเดียวที่ครอบคลุมธุรกิจของตน

ใช้โซลูชันร่วมกันเพื่อความยั่งยืน: SAP และ Google Cloud กำลังค้นหาแนวทางที่จะรวม SAP Datasphere เข้ากับ ชุดข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ที่กว้างขึ้น รวมถึงข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนโดย Google Cloud เพื่อเร่งการเดินทางสู่ความยั่งยืนด้วยข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง

ใช้ SAP Business Technology Platform (SAP BTP) บนระบบ Google Cloud ทั่วโลก: SAP จะพัฒนาข้อเสนอมัลติคลาวด์โดยขยายการรองรับ SAP BTP และ SAP HANA Cloud บน Google Cloud ระดับภูมิภาค ซึ่งรวมถึงการสนับสนุน SAP Analytics Cloud และ SAP Datasphere SAP และ Google Cloud ตั้งใจที่จะเปิดตัว SAP BTP ใน 5 ภูมิภาคใหม่ในปีนี้ รวมถึงจะเพิ่มการรองรับเป็น 8 ภูมิภาคภายในปี 2568

ทั้งสองบริษัทยังวางแผนเป็นพันธมิตรกันในการริเริ่มเข้าสู่ตลาดสำหรับโครงการข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดขององค์กร ทำให้ลูกค้าสามารถนำผลิตภัณฑ์ข้อมูลจากทั้ง SAP และ Google Cloud มาใช้ได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ภาพวิวสุดสดใส: 7 เมืองแห่งสถาปัตยกรรมหลากสี

สีสันของเมืองและความน่าหลงใหลมักดึงดูดสายตาไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวในทุก ๆ ปีแต่รวมถึงนักออกแบบจากทั่วทุกมุมโลก เมื่อมองจากมุมสูงเราจะสามารถมองเห็นภาพสีสันสดใสที่เกิดจากเฉดสีของหลังคาที่แตกต่างกัน สีสันเหล่านี้จึงเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของนักท่องเที่ยวยามที่มองออกนอกหน้าต่างเครื่องบิน

มีเหตุผลที่แตกต่างกันสำหรับสีสันที่หลากหลาย บางเมืองใช้สีที่มีความจำเพาะตามนโยบายด้านภูมิอากาศในขณะเดียวกันยังคงความเรียบง่ายตามวัฒนธรรมของการทาสีอาคารด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง

เมืองหลากสีเหล่านี้มีภาพลักษณ์ที่ดึงดูดสายตาอย่างไม่ต้องสงสัย เริ่มจาก

เมืองโบราณเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี

เมืองโบราณเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี หลักฐานเกี่ยวกับตึกเหล่านี้ในอดีตคือภาพถ่ายทางอากาศของพื้นที่ส่วนหนึ่งซึ่งเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเนเปิลส์ ที่แสดงการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่สีจัดและค่อย ๆ จางลงของหลังคาซึ่งทำให้เห็นถึงความแตกต่างของโครงสร้างตึกในสมัยก่อน

บูราโน่ของประเทศอิตาลี

เกาะแห่งสีสันของบูราโน่อยู่ในประเทศอิตาลีเช่นเดียวกัน เกาะแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองเวนิสประมาณ 7 กิโลเมตรและดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วทุกมุมโลกในทุก ๆ ปี ต้นกำเนิดของบ้านหลากสีนั้นไม่ทราบชัดเจนแต่บางคำเล่าขานกล่าวว่าเกิดจากการที่ชาวประมงเดินทางกลับมายันหมู่บ้านแต่ไม่สามารถจำบ้านของตนได้เนื่องจากหมอกที่ลงมาปกคลุมอย่างหนาแน่น พวกเขาจึงเริ่มทาสีเพื่อเพิ่มความง่ายต่อการแยกบ้านแต่ละหลัง

สถาปัตยกรรมของลาส ปาลมาส

สถาปัตยกรรมของลาส ปาลมาสหนึ่งในเมืองหลักของเกาะคะแนรี่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับบ้านสุด
คัลเลอร์ฟูลทั้งทางด้านหน้าของตัวบ้านและหลังคา ซึ่งในอดีตภาพเหล่านี้จะปรากฏอยู่บนโปสต์การ์ดของเกาะแห่งนี้ นอกจากความดึงดูดสายตาแล้วสีของระเบียงและหลังคายังช่วยลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ในวันที่อากาศร้อน ทำให้พื้นที่ภายในเย็นสบายมากขึ้น

เขตคลองสามวา ประเทศไทย

กลยุทธ์ที่คล้ายกันพบได้ที่คลองสามวา หนึ่งใน 50 เขตของกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ซึ่งกระเบื้องมุงหลังคาจะถูกทาสีด้วยสีอ่อนเพื่อสะท้อนแสงแดดและลดอุณหภูมิภายในบ้าน เขตนี้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2540 และมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยหลายแห่งที่ทำให้สามารถระบุได้ง่ายจากภาพถ่ายทางอากาศเนื่องจากสีที่เด่นชัด

บ้านหลากสีเขตจตุจักร Djemaa ประเทศโมร็อกโก

จากภาพมุมสูงนี้เราสามารถสังเกตเห็นสีหลังคาที่หลากหลายของบ้านในเขตจตุจักร Djemaa ใน
คาซาบลังกา ประเทศโมร็อกโก แม้ว่าชื่อของเมืองจะหมายถึงบ้านสีขาวแต่ความหลากหลายของรูปแบบสถาปัตยกรรมที่พบในเมืองนี้ช่วยให้อาคารมีเฉดสีที่ไม่ซ้ำกันและน่าดึงดูด

สีสันจากธรรมชาติ: ซามาร์คันด์ในอุซเบกิสถาน

อย่างไรก็ตาม มุมมองที่มีสีสันของเมืองจากด้านบนนี้ไม่ได้เกิดจากสถาปัตยกรรมเพียงอย่างเดียวเสมอไปบางครั้งเกิดจากสีต่าง ๆ ของหลังคาผสมผสานกับสีธรรมชาติ เช่น คลอง แม่น้ำ และพืชพรรณต่าง ๆ ตัวอย่าง เช่น ซามาร์คันด์ในอุซเบกิสถาน สถานที่ซึ่งประกอบไปด้วยสีแดง สีขาว สีน้ำเงินล้อมรอบหลังคา และทำให้เด่นด้วยสีเขียวจากลานนอกบ้านและสวนภายในบ้าน

บอยน์ตันบีช ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในบอยน์ตันบีช สหรัฐอเมริกา เมืองที่ล้อมรอบด้วยสีเขียวจากต้นไม้ตามผังเมืองที่วางไว้ เมื่อถ่ายภาพมุมสูงจะทำให้เห็นผืนน้ำสีน้ำเงินเข้ม เป็นองค์ประกอบที่เห็นได้บ่อยในการวางผังเมืองของเมืองต่าง ๆ ในฟลอริดา หลังคาหลากสีสันผสมผสานกับองค์ประกอบทางธรรมชาติเหล่านี้และผังเมืองที่คดเคี้ยวทำให้ได้ภาพทางอากาศที่น่าทึ่ง

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 22/05/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a32,100.0032,200.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,079.0031,517.6432,700.00
ทองรูปพรรณ 90%1,871.1028,365.88n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,663.2025,214.11n/a
ทองรูปพรรณ 50%936.0014,189.76n/a
ทองรูปพรรณ 40%728.0011,036.48n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,154.0032,654.64n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 22/05/2566



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9534.7534.7535.2434.7534.7534.7534.7534.7534.7534.75
แก๊สโซฮอล์ 9134.4834.4834.9434.4834.4834.4834.4834.4834.4834.48
แก๊สโซฮอล์ E2032.4432.4432.8432.4432.4432.4432.4432.4432.44
แก๊สโซฮอล์ E8532.8932.8932.89
เบนซิน 9542.5442.6143.0442.6942.54
ดีเซล B731.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.4431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.0641.1643.8442.6642.6641.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า