สาระน่ารู้ประจำวันที่ 22 มิถุนายน 2566

รถไฟฟ้าสายสีเหลือง พลิกโฉมเมืองโซนตะวันออก 

เปิดทำเลทองน่าจับตา รถไฟฟ้าสายสีเหลือง พลิกโฉมเมืองโซนตะวันออก บิ๊กทุนขยับพื้นที่พัฒนา ถนนลาดพร้าว แยกบางกะปิ ลำสาลี ศรีนครินทร์ ได้อานิสงส์ ผู้ใช้บริการคึกคัก บีทีเอสคาด คนใช้บริการ2แสนคนต่อเที่ยววัน

คึกคักไม่น้อยสำหรับ การเปิดให้บริการเสมือนจริงรถไฟฟ้ามหานคร MRT สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร ครบทั้ง 23 สถานี  นับตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ได้รับสัมปทาน ยืนยันว่าเมื่อเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์แล้วจะมีผู้โดยสารเดินทางมาใช้บริการสูงสุดเฉลี่ย 200,000 เที่ยวคนต่อวัน ส่งผลให้คนบนถนนลาดพร้าว แยกบางกะปิ ลำสาลี ศรีนครินทร์ และเทพารักษ์ ไม่ต้องผจญกับจราจรติดขัด อีกต่อไป 

จากการสำรวจของ “ฐานเศรษฐกิจ” พบว่าแต่ละสถานี มีของดี ทั้งที่ “กิน-ดื่ม-ช็อป”  โครงการคอนโดมิเนียม-ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศหรูมีเกิดขึ้น  เริ่มจากสถานีต้นทาง MRT สายสีเหลือง สถานีลาดพร้าวเชื่อมกับ MRTใต้ดินสายสีนํ้าเงิน บริเวณนี้นอกจากเป็นจุดที่รับส่งคนในปริมาณมากแล้ว ยังส่งต่อเข้าเมืองได้สะดวก และมีความได้เปรียบเป็นทำเลทอง แยกถนนรัชดา-ลาดพร้าวถนนสายสำคัญที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจ ปัจจุบันมีโครงการคอนโดมิเนียมปักหมุดจำนวนมากทั้ง ของค่ายออริจิ้น  และค่ายโนเบิล 

ที่น่าจับตา “สถานีโชคชัย4”  มีที่ดินแปลงขนาดใหญ่ อยู่ในความดูแลของบริษัท ลาดพร้าวโชคชัยพัฒนา จำกัด บอกเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าอาคารพาณิชย์เดิมและขายต่อให้กับนายทุนใหม่ ประเมินว่าจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์หรือแนวสูง  

 สถานีลาดพร้าว83  บริเวณด้านข้างบิ๊กซี หรืออิมพิเรียลเวิล์ดเก่า ปัจจุบันเป็นของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี แหล่งรวม “ของกิน-ช็อป” เริ่มมีชีวิตชีวารับคนเข้ามาช็อปปิ้ง สถานีมหาดไทย ทำเลดีไม่แพ้กัน มีทั้งโรงพยาบาลลาดพร้าว ขยายพื้นที่รองรับกลุ่มผู้ป่วย ด้านในซอยฟู้ดแลนด์ ลาดพร้าว 95 มีทาวน์โฮม หรูราคา 10ล้านบาทขึ้นไป ของแพทโก้ กรุ๊ป บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในภาคตะวันออก ปัจจุบันประสบความสำเร็จอย่างมาก

ขณะเดียวกันในซอยมหาดไทย หรือลาดพร้าว112 ยังเป็นย่านสถานบันเทิง “ถนนข้าวสาร2” รวมถึงโรงพยาบาลเวชธานีที่ปรับปรุงขยายพื้นที่รองรับบริการให้กว้างขวางขึ้น 

ฮือฮามากที่สุดสถานีบางกะปิคอนโดมิเนียมบิ๊กแบรนด์ดังของค่ายพฤกษาตั้งอยู่บริเวณด้านหลังศูนย์การค้าเดอะมอลล์ และอีกด้านติดถนนรามคำแหงใกล้สถานีลำสาลีสายสีส้ม น่าจับตาเพราะ มีสถานีอยู่บริเวณด้านหน้า แม็คโครศูนย์ค้าส่งเพื่อผู้ประกอบการมืออาชีพ ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือเครือซีพี

บริเวณนี้ อยู่ระหว่างสร้างสกายวอล์ค เชื่อมกับโครงการตะวันนา ของเจ้าสัวเจริญสิริวัฒนภักดี และศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ของนางศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ที่อยู่ระหว่างปรับปรุง ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ สร้างปรากฎการณ์จับมือระหว่างทุนยักษ์แถวหน้าของเมืองไทยด้วยกัน โดย เดอะมอลล์กรุ๊ปเป็นฝ่ายจับมือกับ  2 เจ้าสัว ปั้นย่านบางกะปิสู่ “มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์”

โดยเจรจากับตระกูลเจียรวนนท์ หรือเครือซีพี ซึ่งมีแม็คโครบนที่ดินราว 30 ไร่ และยังมีโลตัส ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องศูนย์การค้าเดอะมอลล์ รวมถึงได้เจรจากับนางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ทายาทเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งมีทั้งโครงการตะวันนา บนที่ดิน 24 ไร่ ติดกับ ศูนย์การค้าเดอะ มอลล์ บางกะปิ และยังมีที่ดินด้านข้างที่รอการพัฒนาเป็นเรสซิเดนท์เชียล

ที่จะพัฒนาเป็นเนื้อเดียวกันรวมถึง ศูนย์การค้าพันธ์ทิพย์ บางกะปิ  และโรงแรม เดอะพันธุ์ทิพย์โฮเทล ลาดพร้าว แบงค็อก ในการร่วมกันพัฒนาโครงการให้เดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้อนาคตที่นี่จะกลายเป็น “มัลติ มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์” ทำเลยุทธศาสตร์สำคัญ  บนถนนลาดพร้าว   แยกบางกะปิ และลำสาลี  ย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพมหานคร หลังจากสายสีเหลืองเปิดให้บริการ  ปัจจุบันมีโครงการเดอะออริจิ้น  ลาดพร้าว-บางกะปิ คอนโดมิเนียม ไฮไรส์ ห่างสถานีบางกะปิ 111 เมตรและ ใกล้กับแม็คโคร  

สถานีแยกลำสาลี จุดเชื่อมรถไฟฟ้า 3 สาย สายสีเหลือง สายสีส้ม และสายสีนํ้าตาล ที่นี่จะเป็นศูนย์การเปลี่ยนถ่ายการเดินทาง เป็นแหล่งรวมที่อยู่อาศัยและเชื่อมการช็อปปิ้งที่ย่านบางกะปิที่สามยักษ์ใหญ่จับมือร่วมกันพัฒนา นอกจากนี้ยังมีโครงการ ดอะ ลิฟวิ่น รามคำแหง ของค่าย ริชแลนด์ ทุนยักษ์ฮองกง ตั้งห่างจากสถานี อินเตอร์เชนจ์ ลำสาลี  เพียง 100เมตร

 เมื่อวิ่งข้ามมายังถนนศรีนครินทร์ สถานีหัวหมาก เชื่อมกับแอร์พอร์ตลิงก์ และรถไฟไทยสายตะวันออกหากสกายวอล์คเชื่อมถึงกัน ปัจจุบันมีกลุ่มของคอนโดมิเนียมเกิดขึ้น อย่างเดอะริช พระราม 9-ศรีนครินทร์ ของค่ายริชชี่เพลส และย่านพาณิชย์กรรมในอนาคต สถานีที่น่าสนใจของบิ๊กเนม คือบริเวณซีคอนสแควร์ และพาราไดซ์ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่ชานเมืองอีกต่อไปจากการมาของรถไฟฟ้าและมีที่ดินรอพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส  ขณะสถานีทิพวัล มีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้น อย่างค่ายออริจิ้น และสถานีปลายทางสถานีสำโรงเชื่อมต่อสายสีเขียว ปัจจุบันเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงมีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมาก

   นี่คือความเจริญที่แผ่ขยายมาพร้อมกับสายสีเหลือง !!!

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


จับสัญญาณต่างชาติแห่โอนคอนโดไตรมาสแรกทะลุ1.7หมื่นล.สูงสุดรอบ5ปี!

ตลาดคอนโดมิเนียมเริ่มฟื้นตัว!หลังพบสัญญาณยอดโอนต่างชาติไตรมาสแรกทะลุ17,000 ล้านบาท สูงสุดรอบ 5 ปี!เพิ่มขึ้น 67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน “จีน” รั้งแชมป์โอนสูงสุด ทึ่ง! เมียนมา ซื้อคอนโดต่อหน่วยสูงสุดเฉลี่ย 6.5 ล้านบาท

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติไตรมาส 1/2566 จากการประมวลภาพการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดให้ชาวต่างชาติทำให้เห็นว่าทั้งในมิติของจำนวนหน่วย มูลค่า และพื้นที่ มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน แต่ยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์ที่สูงขึ้นในไตรมาสนี้เป็นผลจากทุกๆ ประเทศทั่วโลกเปิดให้ประชาชนมีการเดินทางระหว่างกันได้ โดยเฉพาะประเทศจีน

“การเปิดประเทศและการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ระหว่างประเทศทั่วโลกเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญช่วยทำให้จำนวนหน่วย มูลค่า และพื้นที่ ที่มีการขายและโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งยุโรป สหรัฐ ออสเตรเลีย รัสเซีย และเอเชีย”

การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดของคนต่างชาติทั่วประเทศในไตรมาส 1/2566 พบว่าทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยหน่วยโอนคอนโดของคนต่างชาติทั่วประเทศมีจำนวน 3,775 หน่วย ขยายตัว 79.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 

ส่วนมูลค่าการโอน 17,128 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นมูลค่าที่สูงต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2565 ขณะที่พื้นที่โอนคอนโดให้คนต่างชาติทั่วประเทศมีจำนวน 168,664 ตร.ม.เพิ่มขึ้น73.8%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

จีนรั้งแชมป์โอนคอนโดสูงสุด

สำหรับสัญชาติของผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ ชาวจีน ยังคงมีการโอนคอนโดมากที่สุด 1,747 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 46.3% ของหน่วยทั้งหมด รองลงมา คือ รัสเซีย 387 หน่วย 10.3%  สหรัฐ  156 หน่วย 4.1% สหราชอาณาจักร 146 หน่วย 3.9% เยอรมนี 131 หน่วย 3.5%

ส่วนมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์คอนโด 3 เดือนแรกปี 2566 มีการโอนให้ชาวจีน มูลค่าสูงสุด 8,191 ล้านบาท  คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 47.8% ของมูลค่าทั้งหมด ตามด้วย รัสเซีย 1,364 ล้านบาท สัดส่วน 8% สหราชอาณาจักร 703 ล้านบาท 4.1% สหรัฐ 653 ล้านบาท 3.8% และเยอรมนี 611 ล้านบาท 3.6%

เมียนมาโอนต่อหน่วยสูงสุดเฉลี่ย6.5ล้าน

ช่วงไตรมาส 1 ปี 2566 คอนโดที่ชาวต่างชาติโอนกรรมสิทธิ์มีพื้นที่เฉลี่ย 44.7 ตร.ม./หน่วย มูลค่าเฉลี่ย 4.5 ล้านบาท/หน่วย หรือตร.ม.ละ 101,553 บาท ขณะที่ “เมียนมา” เป็นสัญชาติที่มีมูลค่าการโอนต่อหน่วยสูงสุด เฉลี่ย 6.5 ล้านบาทต่อหน่วย และอินเดีย เป็นสัญชาติที่โอนห้องชุดขนาดใหญ่ที่สุดเฉลี่ย 77.7 ตร.ม.

โดยชาวจีน ซึ่งเป็นสัญชาติที่มีสัดส่วนการโอนมากที่สุด มีมูลค่าการโอนเฉลี่ย 4.7 ล้านบาท/หน่วย และพื้นที่ห้องชุดเฉลี่ย 38.8 ตร.ม./หน่วย

 ชลบุรีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์สูงสุดในรอบ5ปี

จังหวัดที่มีจำนวนหน่วยโอนคอนโดคนต่างชาติมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ชลบุรี กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และประจวบคีรีขันธ์ ส่วนใหญ่อยู่ใน 2 จังหวัดแรก คือ ชลบุรี 1,601 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 42.4% และกรุงเทพฯ 1,423 หน่วย สัดส่วน 37.7%  ทั้ง 2 จังหวัดมีจำนวนหน่วยรวมกันสูงถึง 80.1% ของทั่วประเทศ 

และเมื่อพิจารณาย้อนหลังไปปี 2561 ชลบุรีมีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติมากกว่ากรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี

ขณะที่จังหวัดที่มีจำนวนมูลค่าโอนคอนโดคนต่างชาติมากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ และประจวบคีรีขันธ์ ส่วนใหญ่อยู่ใน 2 จังหวัดแรก คือ กรุงเทพฯ มูลค่า 9,976 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 58.2% และชลบุรี มูลค่า 4,557 ล้านบาท สัดส่วน 26.6% ทั้ง2 จังหวัดมีสัดส่วนมูลค่ารวมกัน 84.8% ของทั่วประเทศ 

เมื่อพิจารณาย้อนหลังไปถึงปี 2561 พบว่า กรุงเทพฯ และชลบุรี ยังคงเป็นจังหวัดที่มีจำนวนมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติในสัดส่วนมากที่สุดเช่นเดียวกัน  รองลงมาเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ ภูเก็ต และเชียงใหม่

ต่างชาตินิยมราคาไม่เกิน 3 ล้าน

ทางด้านระดับราคาคอนโดพบว่า การโอนกรรมสิทธิ์ของคนต่างชาติ ไตรมาส 1/2566 มีจำนวนหน่วยมากที่สุดในช่วงราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท  มีการโอน 1,900 หน่วย มูลค่า 3,431 ล้านบาท มีสัดส่วนของหน่วยโอนสูงสุด 50.3% แต่มีสัดส่วนมูลค่าโอนเพียง 20% เท่านั้น ทั้งนี้พบว่า ห้องชุดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทเป็นระดับราคาที่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่นิยมซื้อตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน

สำหรับคอนโดที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติน้อยสุดคือ ช่วงราคา 7.5 – 10 ล้านบาท มีจำนวนน้อยที่สุด ทั้งจำนวนหน่วยเพียง 203 หน่วย มีมูลค่า 1,729 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5.4% และ 10.1% ตามลำดับ 

แม้ว่า ห้องชุดที่ราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป มีจำนวน 303 หน่วย สัดส่วน 8% แต่มีมูลค่าการโอนสูงสุดถึง 5,475 ล้านบาท สัดส่วน 32%

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 22มิ.ย.แข็งค่าที่ระดับ 34.79 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้น หาก BOE ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยตามคาดย้ำตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและการปรับเปลี่ยนมุมมองไปมาของผู้เล่นในตลาด แนะปิดความเสี่ยง

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 22มิ.ย.2566 ที่ระดับ  34.79 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.84 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน   พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าต่อได้บ้าง แต่ทว่า เรายังคงมองว่า เงินบาทอาจไม่สามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 34.80-34.90 บาทต่อดอลลาร์ ไปได้ง่ายนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่า ในการทยอยขายทำกำไรสถานะ Short THB และขายเงินดอลลาร์ สำหรับผู้ส่งออกบางส่วน

นอกจากนี้ ในช่วงเย็นราว 18.00 น. เงินบาทก็มีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้นได้ หาก BOE ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยตามคาด พร้อมส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า พร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอีกหลายครั้ง จนกว่าจะสามารถคุมปัญหาเงินเฟ้อได้สำเร็จ

ซึ่งภาพดังกล่าว จะช่วยหนุนให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ทยอยแข็งค่าขึ้น กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้บ้าง แต่ทั้งนี้ เงินบาทก็อาจไม่ได้แข็งค่าขึ้นมาก โดยเราประเมินว่า แนวรับในระยะสั้นอาจอยู่ในโซน 34.60-34.70 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางแรงซื้อเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะฝั่งผู้นำเข้าที่จะเริ่มทยอยซื้อเงินดอลลาร์ สำหรับธุรกรรมช่วงปลายเดือน รวมถึงแรงซื้อเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องในช่วงนี้

นอกจากนี้ ทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มเป็นฝั่งขายสุทธิ โดยเฉพาะในฝั่งหุ้น หลังดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากที่รีบาวด์ขึ้นชัดเจนในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติอาจทยอยกลับเข้าซื้อบอนด์ไทยมากขึ้นได้ หลังจากที่บอนด์ยีลด์ได้ปรับตัวขึ้นบ้างในช่วงที่ผ่านมา และเราก็เริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาซื้อบอนด์ไทยของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและการปรับเปลี่ยนมุมมองไปมาของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเฟด ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.70-34.90 บาท/ดอลลาร์

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า เงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลง ทดสอบโซนแนวต้าน 34.90 บาทต่อดอลลาร์ อีกครั้ง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวลงใกล้แนวรับ ก่อนที่เงินดอลลาร์จะพลิกกลับมาอ่อนค่าลง หลังตลาดมองว่า ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ไม่ได้มีความแตกต่างจากสิ่งที่ได้กล่าวในช่วงการประชุมเฟดมากนัก

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง กดดันโดยแรงขายหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth (Tesla -5.5%, Alphabet -2.1%) หลังผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า เฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อได้ จากถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสที่ยังคงย้ำจุดยืน เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย เพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ลดลง -1.21% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.52%

ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวลงต่อเนื่อง -0.50% หลังผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่า บรรดาธนาคารกลางหลัก โดยเฉพาะ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องได้ จากรายงานอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงมาก ซึ่งความกังวลดังกล่าวได้กดดันให้ หุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ฝั่งยุโรปปรับตัวลดลง เช่นเดียวกันกับในฝั่งสหรัฐฯ (Adyen -1.7%, ASML -1.6%) อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน (BP +2.2%, Shell +1.8%) ตามการรีบาวด์ขึ้นของราคาน้ำมันดิบ

ในส่วนตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลดลงใกล้ระดับ 102 จุด หลังผู้เล่นในตลาดประเมินว่า ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสที่ไม่ได้แตกต่างจากการแถลงหลังประชุมเฟด เนื่องจากประธานเฟดยังคงเน้นย้ำจุดยืนเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย เพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งตลาดก็ได้รับรู้มุมมองดังกล่าวไปมากแล้ว

ส่วนในฝั่งราคาทองคำ แม้ว่าราคาทองคำจะมีจังหวะปรับตัวลงแรงทดสอบโซนแนวรับ แต่การปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังตลาดทยอยรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) รีบาวด์ขึ้นสู่โซน 1,940-1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง ซึ่งเรามองว่าผู้เล่นบางส่วนอาจทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของทองคำได้ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงคืนที่ผ่านมา

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โดยเราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนพฤษภาคมที่ออกมาสูงถึง 8.7% (สูงกว่าที่ตลาดคาดและเป็นการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ) จะส่งผลให้ BOE จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย +25bps สู่ระดับ 4.75% พร้อมกับส่งสัญญาณชัดเจนว่า การเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องยังมีความจำเป็น (ผู้เล่นในตลาดคาดว่า BOE อาจขึ้นดอกเบี้ยจนถึงระดับ 5.75%)

นอกจากนี้ ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและการว่างงานต่อเนื่อง (Initial & Continuing Jobless Claims) ของสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มตลาดแรงงาน พร้อมทั้งจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะการแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสในวันที่ 2

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.78-34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ (8.48 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ไม่ได้รับแรงหนุนมากนักจากถ้อยแถลงของประธานเฟด

เพราะแม้นายเจอโรม พาวเวลจะยังคงกล่าวย้ำถึงโอกาสของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับผลการประชุมเฟดรอบล่าสุดและตลาดก็ปรับตัวตอบรับประเด็นนี้ไปมากแล้ว  

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.75-34.9จ บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดรอติดตามทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์การเมืองของไทย ผลการประชุมธนาคารกลางอินโดนีเซีย ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ สุนทรพจน์ของประธานเฟดต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค.

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


10 โรคร้ายที่เกิดจาก “ต่อมไร้ท่อ” ทำงานผิดปกติ

หลายคนอาจจะไม่ทราบ หรือไม่คุ้นเคยกับ “ต่อมไร้ท่อ” ว่ามันอยู่ในส่วนใดของร่างกาย ทำหน้าที่อะไร จริงๆ แล้วมีอวัยวะหลายส่วนที่อยู่ในเครือข่ายของต่อมไร้ท่อ ซึ่งหากเกิดความผิดปกติของส่วนใดส่วนหนึ่ง ก็อาจกระทบกับการทำงานของอวัยวะส่วนนั้น หรืออาจจะกระทบไปทั้งร่างกายเลยก็เป็นได้

ต่อมไร้ท่อ อยู่ที่ไหนของร่างกาย?

ต่อมไร้ท่อกระจายอยู่ไปทั่วร่างกาย ได้แก่ สมองส่วนไฮโปธาลามัส ต่อมไพเนียล ต่อมใต้สมอง ต่อมไทรอยด์ ต่อมพาราไทรอยด์/ต่อมเคียง ไทรอยด์ (ควบคุมการทำงานของแคลเซียม) ต่อมไทมัส (ดูแลระบบภูมิคุ้มกันโรค) ต่อมหมวกไต ตับอ่อน รังไข่ และอัณฑะ

ต่อมไร้ท่อ มีหน้าที่อะไร?

ต่อมไร้ท่อเหล่านี้จะทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างฮอร์โมนต่างๆ และควบคุมการทำงานทุกชนิดของร่างกาย  รวมไปถึงการสืบพันธุ์ ตั้งครรภ์ และการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ด้วย

10 โรคร้ายที่เกิดจาก “ต่อมไร้ท่อ” ทำงานผิดปกติ

1. โรคเบาหวาน

– เกิดจากการทำงานผิดปกติของเซลล์ต่อมไร้ท่อของตับอ่อน

2. โรคพีซีโอเอส

หรือกลุ่มอาการที่รังไข่มีถุงน้ำหลายใบ ประจำเดือนมาผิดปกติ ไม่สม่ำเสมอ หรือมากเกินไป

– เกิดจากการทำงานผิดปกติของเซลล์ต่อมไร้ท่อของรังไข่

3. ภาวะนกเขาไม่ขัน

– เกิดจากการทำงานผิดปกติของเซลล์ต่อมไร้ท่อในอัณฑะ

4. ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ

– เกิดจากการทำงานผิดปกติของเซลล์ต่อมไร้ท่อในต่อมไทรอยด์

5. โรคอ้วน

– อาจเกิดจากการทำงานผิดปกติของเซลล์ต่อมไร้ท่อในต่อมหมวกไต หรือต่อมใต้สมอง

6. โรคเนื้องอกในสมอง

– เกิดจากการทำงานผิดปกติของเซลล์ต่อมไร้ท่อในต่อมหมวกไต หรือต่อมไต้สมอง

7. โรคมะเร็งในตับอ่อน

– เกิดจากการทำงานผิดปกติของเซลล์ต่อมไร้ท่อในตับอ่อน

8. โรคออโต้อิมมูน หรือโรคภูมิต้านตัวเอง

– เกิดจากการทำงานผิดปกติของเซลล์ต่อมไร้ท่อในต่อมไทรอยด์

9. โรคมะเร็งต่อมไทรอยด์

– เกิดจากการทำงานผิดปกติของเซลล์ต่อมไร้ท่อในต่อมไทรอยด์

10. โรคเนื้องอกตับอ่อน

– เกิดจากการทำงานผิดปกติของเซลล์ต่อมไร้ท่อในตับอ่อน

คำแนะนำ

เมื่อมีความผิดปกติของร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่ง ให้รีบพบแพทย์ เพราะการตรวจหาความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ ต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตรวจเท่านั้น นอกจากนี้โรคที่เกิดจากต่อมไร้ท่อมักเป็นโรคเรื้อรัง ที่อาจจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดภายในช่วงเวลาสั้นๆ ดังนั้นการพบแพทย์ตามเสลาจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“ฟูจิฟิล์ม” จัดมินิมาราธอนการกุศล “NEVER STOP Running 2023”

บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้าน One-stop, Total Healthcare Solution ชูความสำเร็จในการจัดกิจกรรม “FUJIFILM NEVER STOP Running 2023” งานมินิมาราธอนการกุศลสุดยิ่งใหญ่ ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) รวมตัวนักวิ่งและเหล่าคนรักสุขภาพรวม 1,200 คนที่มาร่วมออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งของโครงการดี ๆ เพื่อสังคม โดยฟูจิฟิล์ม ประเทศไทย ได้มอบรายได้ทั้งหมดจากการจัดกิจกรรมโดยไม่หักค่าใช้จ่ายให้แก่มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทรา

บรมราชชนนี (พอ.สว.) เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์และช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกล สอดคล้องกับแคมเปญระดับโลก NEVER STOP ของฟูจิฟิล์มที่เปิดตัวเมื่อปี 2018 ภายใต้เป้าหมายในการสร้างสรรค์สังคมที่ดีขึ้น พร้อมขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนด้วยนวัตกรรมที่ช่วยสร้างโลกที่ดีขึ้น ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันแฮลท์แคร์ที่ครบวงจร ฟูจิฟิล์มนำเสนอไลน์อัพผลิตภัณฑ์อันล้ำสมัยที่ครอบคลุมโซลูชันเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ อาทิ เครื่องเอกซเรย์, CT และ MRI, โซลูชันไอทีและ AI, ระบบส่องกล้อง (Endoscopy), อัลตราซาวน์ และเครื่องมือการแพทย์สำหรับวินิจฉัยภาพนอกร่างกาย (IVD) ซึ่งล้วนช่วยขับเคลื่อนการตรวจพบโรคได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที พร้อมยกระดับการรดูแลรักษาในวงการสาธารณสุข

บรรยากาศในงานคึกคักและคับคั่งไปด้วยเหล่านักวิ่งและมือสมัครเล่นทุกเพศทุกวัยที่มาร่วมวิ่งออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ พร้อมส่งต่อความสุขและสุขภาวะที่ดีด้วยการสนับสนุนการทำงานของบุคลากรในมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) ฟูจิฟิล์ม มุ่งช่วยลดช่องว่างในการเข้าถึงการรักษาของผู้คนในพื้นที่ห่างไกล พร้อมเดินหน้าส่งเสริมสุขภาพและยกระดับความเป็นอยู่ของคนในสังคมไทย

การจัดงาน FUJIFILM NEVER STOP Running 2023 นับเป็นการตอกย้ำพันธกิจของฟูจิฟิล์มในการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันทางการแพทย์ล้ำสมัยเพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดีขึ้นให้คนในสังคม มร. โซ มารูโอะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงความสำเร็จในการจัดงานการกุศลและการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้เข้าร่วม โดยกล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดงาน FUJIFILM NEVER STOP Running 2023 เพื่อส่งเสริมสังคมสุขภาพดีพร้อมส่งมอบรายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายให้แก่มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) เป็นจำนวนทั้งสิ้น 587,800 บาท เพื่อสนับสนุนการทำงานอย่างทุ่มเทของบุคลากรทางการแพทย์ในการเดินทางออกตรวจสุขภาพให้แก่ผู้คนในถิ่นทุรกันดาร เราภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมไทย” นอกจากนี้ กิจกรรมในครั้งนี้ยังส่งเสริมการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อเพิ่มโอกาสในการพบโรคได้อย่างทันท่วงทีอีกด้วย

ด้าน นายเอบิซา ทาเคเล่ ผู้ชนะรางวัล Top Speed ระยะทาง 9 กิโลเมตร ประเภทชาย กล่าวว่า “ดีใจและเป็นเกียรติมาก ๆ ที่ได้รับรางวัล Top Speed จากงาน FUJIFILM NEVER STOP Running 2023 นอกจากจะได้เอาชนะใจตัวเองแล้วยังได้มีโอกาสสนับสนุนมูลนิธิดี ๆ เพื่อสังคมที่ช่วยดูแลสุขภาพของคนในพื้นที่ห่างไกลอีกด้วย ขอขอบคุณฟูจิฟิล์ม ที่จัดงานวิ่งการกุศลที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมได้เป็นรูปธรรมเช่นนี้”

เหล่านักวิ่งมืออาชีพ คนรักสุขภาพ ตลอดจนเหล่าคนใจบุญที่อยากสนับสนุนงานการกุศลได้มารวมตัวกันอย่างคึกคัก เพื่อเข้าร่วมแข่งขันในการวิ่งทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ 1) มินิมาราธอนระยะทาง 9 กิโลเมตร 2) ฟันรันระยะทาง 4 กิโลเมตร และ 3) เดิน-วิ่งระยะทาง 2 กิโลเมตร พร้อมชิงรางวัลมูลค่ารวม 137,940 บาท (สำหรับประเภทมินิมาราธอนระยะทาง 9 กิโลเมตรเท่านั้น) อาทิ รางวัล Top Speed (ชาย/หญิง) โดยได้รับถ้วยรางวัลและผลิตภัณฑ์กล้องมิลเลอร์เลส Fujifilm X-S10 พร้อมเลนส์ Fujinon XC 15-45mm F.3.5-5.6 OIS PZ

นอกจากนี้ ผู้วิ่งในรุ่น Echo Boomer (อายุไม่เกิน 40 ปี) และ Baby Boomer (อายุ 40 ปีขึ้นไป) 3 อันดับแรก ยังได้รับถ้วยรางวัลและผลิตภัณฑ์ Instax Link WIDE, Instax SQ1 และ Instax mini 12 ตามลำดับ พร้อมลุ้นรับรางวัล Lucky Draw เป็น Instax mini 11 จำนวน 3 รางวัลอีกด้วย

การจัดงาน FUJIFILM NEVER STOP Running 2023 เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่คนไทยและมอบเงินสนับสนุนให้แก่มูลนิธิ พอ.สว. เพื่อช่วยสมทบทุนการดำเนินงานของบุคลากรทางการแพทย์ผู้เสียสละในครั้งนี้ นับเป็นเครื่องยืนยันความมุ่งมั่นตั้งใจของฟูจิฟิล์ม ในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยให้ผู้คนมีสุขภาวะที่ดีขึ้นด้วยนวัตกรรมอันทรงคุณค่า

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ศัพท์แสลงที่สายฝอใช้กันจริง #ภาษาอังกฤษนอกตำราเรียน

เกริ่นมาเยอะแล้ว ไปดูกันดีกว่าาา

1. Vibe Check (V.)

ใช้พูดเพื่อตรวจสอบดูว่าคนๆนึงผ่านการคัดกรอง หรือมาตรฐานของเราไหม ฟีลแบบ แกว่าผ่านปะ?

– Hey, gurl, let’s vibe check this guy. เฮ้ สาวๆ หมอนี่เป็นไงผ่านมั้ย? โอเครป่ะ

2. Bussin’ (Adj.)

คำนี้ส่วนใหญ่มักใช้พูดกับอะไรที่มันดีมากๆ โดยเฉพาะเมื่อได้กินอาหารที่อร่อยแบบแสงพุ่งออกปาก

– This food is bussin’. อาหารนี่โคตรอร่อยเลยแม่

– Omg! I can’t stop eating. This pizza is bussin’ bussin’ โอ้ยคุณพระคุณเจ้าช่วยด้วย ลูกหยุดกินไม่ได้เลย บ้าจริง พิซซ่านี่มันอร่อยมากแบบมากมากก

3. Caught in 4k (Adv.)

จับได้คาหนังคาเขา มีหลักฐานชัดเจนคมชัดระดับ 4k เป็นรูปภาพหรือวิดีโอก็ได้ เห็นชัดว่าคนๆนั้นทำอะไร

– Ayo! I saw you do it and I have evidence. You got caught in 4k. เห้ยๆ ฉันเห็นนะว่าแกทำอ่ะ และฉันก็มีหลักฐานด้วย แกถูกจับได้แล้ว

4. Sus (Adj.)

แปลว่า น่าสงสัย ย่อมาจากคำว่า Suspicious 

– He is the only one who looks sus. เขาคนเดียวเลยที่ดูน่าสงสัย

5. Cheugy (Adj.) (ออกเสียง choo-gee)

– Gen Z has come up with a new word ‘cheugy’ to make fun of millennials.
คนเจน z คิดคำใหม่มาว่า cheugy เพื่อล้อเลียนพวกผู้ใหญ่มิลเลนเนี่ยน (ล้อว่าเชย)

– This type of jeans is so cheugy. It’s not fit for my party. กางเกงยีนส์ประเภทนี้นี่เชยมาก มันไม่เหมาะกับงานปาร์ตี้ฉันเลย

6. Rent free (Adv.)

เป็นได้ทั้งความคิด ภาพ เสียง หรือเพลง ที่มันอยู่ในหัวตลอดเวลา มาค้างอยู่แบบไม่จ่ายค่าเช่า จะเชิญออกไปก็ไม่ยอมออก มักใช้ขยายกริยา live

– That song is living rent free. I can’t stop thinking about it! เพลงนี้มันวนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดเวลาเลย ฉันหยุดคิดถึงมันไม่ได้!

– I think I have a crush on him. His face is living in my head rent free. ฉันคิดว่าว่าฉันคงชอบเขาแล้วล่ะ หน้าเขามันติดอยู่ในหัวฉันตลอดเลยอ่ะ

7. CEO (n.)

ใช้เพื่อบอกความเป็นเลิศในด้านใดด้านหนึ่ง ตัวแม่ ดาว 

– CEO of tiktok. ดาวติ้กต่อก

8. Wicked (Adj.)

เป็นสแลงที่ทุกคนต้องคุ้นหูแน่ๆ เพราะรอนได้พูดไว้ใน Harry Potter ภาคที่ 1 ซึ่งมันก็แปลว่า ยอดเยี่ยม, สุดเท่, ร้ายกาจ

–  Ronald: So, is it true? I mean, do you really have the scar?

   Harry: Oh, yeah.

   Ronald: WICKED!

9. Lit (Adj.)

“ดี เริ่ด ปัง สุดคูล” ความหมายแบบ cool, awesome

– I’ve never seen this type of car before. It’s so lit! ฉันไม่เคยเห็นรถประเภทนี้มาก่อนเลยในชีวิต มันสุดจะปังมากก

10. Bread (n.)

ไม่ใช่ขนมปังนะ แต่มันแปลว่า “เงิน” คุ้นๆหูก็จะเป็นเพลง Money จาก lisa นั่นเอง

 All this bread so yummy, yeah. เงินพวกนี้นี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ

11. Bro (n.)

แปลว่า “เพื่อน” ใช้เรียกคนที่สนิทกันไม่ว่าจะอายุมากกว่า, น้อยกว่า หรือวัยเดียวกัน 

– Hey, bro, what’s up? เฮ้ยเพื่อน เป็นไง?

12. Salty (Adj.)

แปลว่า หงุดหงิด ไม่พอใจ

– Why are you so salty? What’s wrong? ทำไมแกหงุดหงิดจังอ่ะ? มีอะไรป่าว?

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


สุดเจ๋ง แว่น AR เปลี่ยนเสียงเป็นข้อความ ช่วยผู้มีปัญหาการได้ยินบกพร่อง

โลกกำลังมีนวัตกรรมที่เรียกว่า เทคโนโลยีเสริมจริง (Augmented Reality หรือ AR) นำมาใช้เปลี่ยนบทสนทนาให้กลายเป็นตัวอักษร เพื่อช่วยให้ผู้ที่มีความบกพร่องด้านการได้ยิน สามารถเข้าใจบทสนทนาที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ในทันที

สำนักข่าววีโอเอ สื่อใหญ่ของสหรัฐอเมริกา รายงานประสบการณ์ตรงของจอช คิงสลีย์ หนึ่งใน ผู้มีปัญหาการได้ยินบกพร่อง หลังจากที่เขาสูญเสียการได้ยินตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อเริ่มพูด เขาก็จะพูดไม่เต็มประโยค ปัจจุบัน จอชอาศัยอยู่กับครอบครัวของไมเคิล ฝาแฝดของเขา จอชมีโอกาสได้ใช้งานแว่นตาจากบริษัท XRAI Glass ซึ่งเป็น แว่นตา AR ที่ผสาน เทคโนโลยี AR ทำหน้าที่เปลี่ยน “คำพูด” ของคนรอบข้างให้กลายเป็น “ตัวอักษร” คล้ายคำอธิบายภาพ และสิ่งนี้ก็ช่วยให้จอชใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นมาก

สำหรับจอชถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากที่ได้ลองสวมแว่นตานี้เป็นครั้งแรก ทุกคำที่เขาพูดจะปรากฏเป็นตัวอักษรบรรยายภาพบนกระจกแว่นราวกับปาฏิหาริย์

ไม่เพียงแต่แสดงผลคำพูดบนเลนส์แว่นตาเท่านั้น แต่ซอฟท์แวร์ยังแปลคำพูดที่ได้ยินผ่านแว่น XRAI Glass แล้วส่งบทสนทนาที่เป็นตัวอักษรนั้นผ่านไปยังแอพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย ซึ่งจอชได้ใช้งานลักษณะนี้เมื่ออยู่ในที่ประชุม

ไมเคิล คู่แฝดของจอชเล่าว่า “มันสร้างโอกาสความเท่าเทียม อย่างในที่ประชุมที่มีคนประมาณ 50 ถึง 60 คน จอชจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และคนทั้งหมดก็ไม่สามารถมาอธิบายให้เขาเข้าใจได้ แต่เมื่อสวมแว่น AR ที่แปลบทสนทนาเป็นตัวอักษร ไม่ว่าจะอ่านผ่านหน้าจอบนแว่นหรือบนจอโทรศัพท์มือถือ จอชก็สามารถทำในสิ่งไม่เคยคิดว่าเขาจะทำได้”

เทคโนโลยีเพื่อผู้พิการ

พอล มีลลี ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท XRAI Glass กล่าวว่า ตัวเขาเองเติบโตขึ้นมาพร้อมๆกับการเห็นคุณพ่อของเขาช่วยคนพิการหางานทำ “ผมเชื่อมาโดยตลอดว่า มันต้องมีหนทางที่จะสามารถนำคอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีมาช่วยผู้พิการ ไม่ว่าจะมีความบกพร่องมากน้อยแค่ไหน ความแตกต่างนั้นสามารถชดเชยได้ด้วยเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นตัวสร้างความเท่าเทียมที่ยิ่งใหญ่”

ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท XRAI Glass ยังชี้ให้เห็นว่า แว่นตา AR ไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะสำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยินเท่านั้น แต่อุปกรณ์ดังกล่าวยังสามารถแปลได้หลากหลายภาษาในแบบเรียลไทม์ (real time) ด้วย ซึ่งหมายความว่า ผู้ที่ได้ยินปกติ ก็ยังสามารถใช้อุปกรณ์นี้เป็นเครื่องมือช่วยแปลภาษา

นอกจากกรณีของผู้มีปัญหาการได้ยินแล้ว อุปกรณ์นี้ยังใช้งานได้ดีในสถานการณ์ที่การได้ยินหรือการฟังเป็นเรื่องยาก เช่น ในร้านอาหารที่มีเสียงดังอื้ออึง

แว่นตานี้ยังอาจนำไปใช้เพื่อประโยชน์ด้านความบันเทิงได้ด้วย เช่น ในโรงภาพยนตร์ หรือการชมโทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งการชมคลิปผ่าน YouTube เพราะแว่นนี้สามารถช่วยผลิตคำบรรยายให้กับผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี

ที่มา วีโอเอ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


จริงหรือไม่? กาแฟ เป็นหนึ่งในสาเหตุโรคมะเร็ง?

ไม่นานมานี้หลายคนอาจเคยได้ยินข่าวจากทั้งใน และต่างประเทศว่า “การดื่มกาแฟ ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง” เพราะผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ องค์การวิจัยมะเร็งนานาชาติ หรือ IARC เคยระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่กาแฟจะเป็นสารก่อมะเร็ง แต่ล่าสุด องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ออกมาชี้แจงว่า “ไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดว่า การดื่มกาแฟ ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง หากไม่ดื่มกาแฟขณะที่ร้อนจัดจนเกินไป”

ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นกาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ก็ไม่ควรจะดื่มในขณะที่ร้อนเกินไป ร้อนเกินไปในที่นี้คือ ไม่ควรมีความร้อนเกิน 65 องศาเซลเซียส ไม่เช่นนั้น อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เป็นมะเร็งที่หลอดอาหารได้ โดยเฉพาะคนในประเทศที่นิยมการดื่มเครื่องดื่มในขณะร้อนจัด อย่างจีน อิหร่าน ญี่ปุ่น ตุรกี รวมทั้งอเมริกาใต้ ควรเพิ่มความระมัดระวังในการดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ เพราะพบว่าผู้คนจากประเทศเหล่านี้ มีความเสี่ยงในมะเร็งหลอดอาหาร เพราะนิยมดื่มเครื่องดื่มที่อาจมีอุณหภูมิสูงกว่า 65 องศาเซลเซียสนั่นเอง

มะเร็งหลอดอาหาร เป็นหนึ่งในมะเร็ง 8 ชนิด ที่ทำให้ผู้ป่วยต้องเสียชีวิตลงเป็นจำนวนมากในแต่ละปี โดยในปี 2012 มีการบันทึกว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ ประมาณ 400,000 คนเลยทีเดียว ดังนั้นจึงควรระมัดระวังไม่น้อยไปกว่ามะเร็งในส่วนของอวัยวะอื่นๆ

ทางด้านของ Gregory Hartl โฆษกขององค์การอนามัยโลกในกรุงเจนีวา กล่าวว่า นอกจากการดื่มเครื่องดื่มร้อนจัดแล้ว ยังพบว่า การสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็มีความเสี่ยงต่อมะเร็งหลอดอาหารเช่นกัน และการศึกษาเรื่องการดื่มของร้อน ของ IARC ก็ควรต้องได้รับการขยายผล และศึกษาเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้งเช่นกัน

ทางด้านศาสตราจารย์  David Spiegelhalter จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ กล่าวถึงผลงานของ IARC ในครั้งนี้ว่า อาจจะทำให้ผู้คนสับสนได้ เมื่อปีที่แล้ว ก็ออกมาประกาศว่า เบคอน เป็นอาหารก่อมะเร็ง ต่อมาก็บอกผลยังไม่ชัดเจน คราวนี้ ก็มาเตือนเรื่องเครื่องดื่มร้อน จริงอยู่ผลงานน่าสนใจ แต่น่าจะสรุปออกมาให้ชัดเจนกว่านี้ว่า อัตราความเสี่ยง มีมากน้อยแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม Sanook! Health ขอแนะนำให้ทุกคนทานอาหารแต่ละชนิดอย่างพอดี ทานอาหารให้หลากหลาย ไม่ทานอาหารใดๆ ซ้ำๆ กันเป็นเวลานานเกินไป เพราะนอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคจากการรับสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งมากจนเกินไปแล้ว อาจยังมีความเสี่ยงต่ออาการขาดสารอาหารด้วยค่ะ แล้วอย่าลืมออกกำลังกายเป็นประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอด้วยล่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 22/06/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a31,850.0031,950.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,063.0031,275.0832,450.00
ทองรูปพรรณ 90%1,856.7028,147.57n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,650.4025,020.06n/a
ทองรูปพรรณ 50%928.0014,068.48n/a
ทองรูปพรรณ 40%722.0010,945.52n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,138.0032,412.08n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 22/06/2566



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.4535.4535.9435.4535.4535.4535.4535.4535.4535.45
แก๊สโซฮอล์ 9135.1835.1835.6435.1835.1835.1835.1835.1835.1835.18
แก๊สโซฮอล์ E2033.1433.1433.5433.1433.1433.1433.1433.1433.14
แก๊สโซฮอล์ E8533.5933.5933.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม42.9446.6446.9446.7442.94
เบนซิน 9543.2443.8143.7443.3943.24
ดีเซล B731.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.4431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.0641.1642.9442.3642.3641.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า