MQDC ปั้น “Cloud 11” 4 หมื่นล้าน สู่ ฮับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ใหญ่สุดในเอเชีย
MQDC ลุยพัฒนาโครงการ Cloud 11 มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท เป็นฮับ “คอนเทนต์ครีเอเตอร์” ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย หนุนย่านนวัตกรรมสุขุมวิทใต้ สู่ทำเล คนรุ่นใหม่ ปลุกเศรษฐกิจเทคโนโลยี คาดเปิดให้บริการปี 2567
22 กุมภาพันธ์ 2566 – เรียกว่าเป็นบิ๊กโปรเจ็กต์เปิดศักราชใหม่ของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยก็ว่าได้ สำหรับ โครงการ Cloud 11 โดยผู้พัฒนา บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC)
ตั้งอยู่บนพื้นที่ 27 ไร่ ติดถนนสุขุมวิท ใกล้ BTS สถานีอุดมสุข ที่มุ่งหวังให้เป็นฮับเพื่อคนรุ่นใหม่ที่สนใจเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ด้วยขนาดพื้นที่ใหญ่สุดในเอเชีย กับมูลค่าโครงการที่สูงถึง 40,000 ล้านบาท และเป็น 1 ใน Innovation Cluster ของย่านนวัตกรรมสุขุมวิทใต้อีกด้วย
Cloud 11 ปลุกนวัตกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก
นายณรงค์ เจียรวนนท์ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ โครงการ Cloud 11 กล่าวว่า “เทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจโลก และผลักดันให้แต่ละอุตสาหกรรมเติบโตอย่างก้าวกระโดด อุตสาหกรรมบันเทิงและการสร้างสรรค์คอนเทนต์ เป็นหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่างมาก
อาทิ การใช้ AI สร้างสรรค์คอนเทนต์หรือการใช้แพล็ตฟอร์มต่างๆ ในการกระจายคอนเทนต์ไปสู่ผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านอุตสาหกรรมคอนเทนต์ โดยเฉพาะทางด้านวัฒนธรรมอันโดดเด่นซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่สำคัญในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ อีกทั้งยังมีบุคลากรที่มีศักยภาพมากมาย แต่ปัจจุบันทรัพยากรเหล่านี้ยังกระจัดกระจาย และยังไม่ได้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้อย่างเต็มที่
Cloud 11 จึงทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองเชื่อมต่อ Ecosystem ของการสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เป็น Hub ของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย พัฒนาศักยภาพของครีเอเตอร์ ด้วยบุคลากรที่เก่ง
แหล่งเรียนรู้ เงินลงทุน และโอกาส เป็น Gateway ที่จะทำให้ครีเอเตอร์คนไทยสามารถร่วมกันผลักดันให้วัฒนธรรมที่โดดเด่นของไทยเป็น Soft Power หรือพลังทางวัฒนธรรมไปสู่ประชาคมโลกได้ และช่วยสร้างความชื่นชอบ หรือ Brand Love ในวัฒนธรรมไทยอีกด้วย
ขณะ นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ตัดสินใจลงทุนโครงการ Cloud 11 ไปพร้อมๆ กับการสร้าง Innovation Clusters ในย่านนวัตกรรมสุขุมวิทใต้ ให้เป็นย่านสำหรับคนรุ่นใหม่และการสร้างสรรค์นวัตกรรมต่อไป
ฮับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ใหญ่สุดในเอเชีย
เช่นเดียวกับ นายองศา จรรยาประเสริฐ ผู้อำนวยการโครงการ Cloud 11 ให้มุมมองเกี่ยวกับอุตสาหกรรมบันเทิง ว่า ได้เข้าสู่ยุคใหม่จากการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี คอนเทนต์ครีเอเตอร์มีบทบาทมากขึ้น
จนเกิดเทรนด์ Creator Economy ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมบันเทิงในยุคใหม่นี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาโครงการ Cloud 11 ให้เป็นฮับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียผ่านแนวคิด Empowering Creators
โดยจะเป็นศูนย์รวมระบบนิเวศการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุด ผ่านการผนึกกำลังพันธมิตรจากทั้งระดับโลกและในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นฮับของครีเอเตอร์และอุตสาหกรรมคอนเทนต์โดยเฉพาะ
นอกจากพื้นที่ทางกายภาพที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การสร้างสรรค์คอนเทนต์และตอบสนองการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้ครบทุกแง่มุมแล้ว Cloud 11 ยังมอบทั้งแรงบันดาลใจ องค์ความรู้ และโอกาสในการพัฒนาต่อยอดให้กับครีเอเตอร์
ผู้ประกอบการด้านคอนเทนต์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เรามุ่งหวังว่า Cloud 11 จะสามารถช่วยส่งเสริมและสนับสนุนครีเอเตอร์ให้ก้าวไปสู่เวทีระดับโลกได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนศักยภาพของอุตสาหกรรมคอนเทนต์ของประเทศไทยสู่ระดับแนวหน้าของโลก
Cloud 11 เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด “Empowering
Creators” ติดปีกคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ผ่านความตั้งใจที่จะเป็นฮับของคนรุ่นใหม่ที่สนใจเป็นครีเอเตอร์ ให้กล้าสานฝันต่อยอดอาชีพและธุรกิจด้านคอนเทนต์ โครงการนี้เป็นมากกว่าเพียงโครงการอสังหาริมทรัพย์ Mixed-use แต่เป็นการนำเสนอโมเดลการสร้าง Innovation Cluster รูปแบบใหม่ที่ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่
- Content Creation Ecosystem เป็นระบบนิเวศการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุด เพรียบพร้อมด้วยพื้นที่สตูดิโอ เงินทุนสนับสนุน บุคลากร และอุปกรณ์ทันสมัย สำหรับการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่หลากหลาย อาทิ เพลง พอดแคสต์ ภาพยนตร์ วิดีโอสั้น แอนิเมชั่น เกม และ งานศิลปะหรือการดีไซน์ต่างๆ โดยโครงการจะเป็นศูนย์รวมของผู้เล่นหลากหลายขนาด ตั้งแต่สตาร์ทอัพ SME ในไทย ไปจนถึงบริษัทด้านคอนเทนต์ข้ามชาติระดับโลก
- Virtual – Physical Bridge เป็นสะพานนำครีเอเตอร์ไทยสู่เวทีระดับโลก ผ่านเทคโนโลยีเชื่อมโลกจริงกับโลกเสมือน Web3 อย่าง Metaverse เปิดโอกาสให้คอนเทนต์ที่สร้างสรรค์โดยคนไทย เข้าถึงผู้ชมและฐานแฟนในต่างประเทศได้อย่างมีอรรถรส (immersive) นอกจากนี้การนำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้ จะช่วยให้เรื่องลิขสิทธิ์และการแบ่งรายได้ตลอดห่วงโซ่การสร้างสรรค์คอนเทนต์เป็นไปอย่างยุติธรรมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- Inclusive Progress การโอบกอดความแตกต่างอย่างเท่าเทียมเป็นคุณค่าที่สำคัญของ Cloud 11 โครงการจะมีการจัดโปรแกรมส่งเสริมศักยภาพให้ครีเอเตอร์รุ่นใหม่ ศิลปินที่ไม่ได้อยู่ในกระแสหลัก รวมถึงผู้ประกอบการขนาดเล็ก ให้สามารถเติบโตได้อย่างเสมอภาค นอกจากนี้ โครงการยังให้ความสำคัญกับการสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน ผ่านการออกแบบพื้นที่สีเขียว สวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ เป็นเวทีให้ทั้งครีเอเตอร์และผู้คนในชุมชนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน รวมไปถึงการสนับสนุนธุรกิจระดับท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนโดยรอบอีกด้วย
โครงการ Cloud 11 ประกอบไปด้วย 7 องค์ประกอบหลัก
Creative Office & Studio Space สำนักงาน Grade-A พร้อมพื้นที่สตูดิโอ ตอบโจทย์การทำงานวงการครีเอเตอร์ ด้วยเวลาเปิดทำการ 24 ชั่วโมง พร้อมระบบแอร์ทำความเย็นยืดหยุ่นและเงียบ ลิฟท์ส่วนตัวสำหรับศิลปินดารา พร้อมมาตรฐาน LEED ด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม มาตรฐาน WELL ด้านสุขภาวะและความเป็นอยู่ของผู้ใช้อาคาร และมาตรฐาน WiredScore SmartScore ด้านระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมระบบโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงพิเศษสำหรับการทำงานด้านคอนเทนต์
Hybrid Retail ศูนย์การค้าคอนเซปต์ใหม่ สนับสนุนธุรกิจร้านค้าของครีเอเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น Fulfillment Center สำหรับการสต๊อก แพ็ก ส่งสินค้า โดยมีหน้าร้านขนาดเล็กมีประสิทธิภาพ หรือ Cloud Kitchen สำหรับครีเอเตอร์สายอาหารที่ยังไม่ประสงค์ลงทุนหน้าร้าน
นอกจากนี้ในศูนย์การค้าจะยังมีแบรนด์ระดับโลกทำงานร่วมกับครีเอเตอร์ (creator collaboration) ต่อยอดนำลิขสิทธิ์ผลงานไปใช้ผลิตสินค้าพิเศษด้วย
Smart Hotel และ Lifestyle Hotel โรงแรมสองแบรนด์ใหม่ระดับโลก ที่จะเปิดตัวในไทยเป็นครั้งแรก ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ สตาร์ทอัพ นักลงทุน และนักธุรกิจต่างชาติ ตอบรับการสร้างย่านนวัตกรรม
Education สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย ศูนย์วิจัย พื้นที่บ่มเพาะ เพื่อสร้างบุคลากรด้าน
การสร้างสรรค์คอนเทนต์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
Cultural ประกอบไปด้วยฮอลล์จัดงานคอนเสิร์ต การแข่งขันอีสปอร์ต โรงละคร Blackbox Theatre สำหรับครีเอเตอร์และศิลปินรุ่นใหม่
Public Space สวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่สาธารณะที่เปิดให้ครีเอเตอร์ได้มาแสดงศักยภาพ และให้คนในชุมชนได้เข้ามาออกกำลังกายพักผ่อนหย่อนใจเพื่อตอบโจทย์การเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในย่านสุขุมวิทใต้
ทั้งนี้ Cloud 11 เป็นโครงการที่ถือหุ้นและลงทุน 100% โดยบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) โครงการตั้งอยู่บนพื้นที่ 27 ไร่ ติดถนนสุขุมวิท ใกล้ BTS สถานีอุดมสุข เริ่มต้นก่อสร้างปี พ.ศ. 2565 โดยบริษัท Thai Obayashi งานเสาเข็มและฐานรากเสร็จ 100% ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างงานโครงสร้างอาคาร คาดว่าจะเปิดให้บริการช่วงไตรมาส 4 พ.ศ.2567
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ที่อยู่เปิดใหม่ทะลัก 2.5 แสนล้าน สัญญาณเตือน! อสังหาฯสต็อกท่วม?
ตลาดอสังหาฯเดือด 13 บิ๊กเนม แห่ เปิดตัวโครงการ บ้าน- คอนโดฯ ใหม่ ปี2566 มูลค่าทะลักทะลุไปแล้วกว่า 2.5 แสนล้านบาท กูรูจับตาสัญญาณเตือนระวังสต็อกท่วม สวนทางเศรษฐกิจประเทศเปราะบาง
แม้ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ประเมิน ปี 2566 หน่วยที่อยู่อาศัยเข้าใหม่ มีแนวโน้มลดลง 2.1% อยู่ที่ราว 98,132 หน่วย แต่คงเป็นแค่รายกลาง – รายเล็ก บางส่วนที่ชะลอการลงทุน เพราะภาพใหญ่ ตั้งแต่เปิดต้นปีมา ผู้พัฒนาที่ดินรายใหญ่ของตลาด กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ยังคงเปิดแผนธุรกิจ ประกาศเปิดโครงการใหม่ ทำ New High ทุกแง่ อย่างไม่ยั้งมือ
ภายใต้ความเชื่อร่วมกันว่า อสังหาฯปีนี้ จะดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา หลังจาก ภาคท่องเที่ยวฟื้น โดยมีชาวจีนปลดล็อก จะหนุนให้เศรษฐกิจคึกคัก เพราะการจ้างงานมีมากขึ้น – ธุรกิจเดินหน้า ช่วยขับเคลื่อนการบริโภคภายในประเทศ อีกทั้งนโยบายกระตุ้นอสังหาฯของภาครัฐ ที่คงดำเนินต่อในปีนี้ จะส่งผลดีต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย
ทั้งนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” ประมวลมูลค่าโครงการที่จะเกิดขึ้น จากทั้งสิ้น 13 บริษัทอสังหาฯเบอร์ต้น ซึ่งมีการเปิดเผยรายละเอียดออกมาแล้วนั้น พบมีมูลค่าเบื้องต้นรวมกัน ทะลุไปแล้วกว่า 2.5 แสนล้านบาท
ประกาศนิวไฮโครงการใหม่ทะลัก
ความน่าสนใจข้างต้น ที่ชวนพิจารณากันต่อ มีตั้งแต่ บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ประกาศกลับมาเปิดโครงการมากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา 24 ปี ทำนิวไฮโครงการใหม่ 1.47 หมื่นล้านบาท , บมจ. ศุภาลัย 37 โครงการ กับมูลค่ามากสุดในรอบ 37 ปีเช่นกัน เดิมพันด้วยโปรดักส์พระเอก ‘แนวราบ’ และ กลยุทธ์ตีป้อมตลาดภูมิภาคมากถึง 18 โครงการ สะท้อนเชื่อมั่นเต็มที่ว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ดี พร้อมพ่วงอีก 3 คอนโดฯใหม่ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่า ระดับศุภาลัย น้อยๆไม่ ใหญ่ๆชอบ อย่างต่ำหลักพันยูนิตต่อโครงการ
เช่นเดียว กับ บมจ.แสนสิริ ด้วยสถิติ มูลค่าโครงการใหม่ มากถึง 7.5 หมื่นล้านบาท พร้อมส่งอีก 9 แบรนด์ใหม่ ต่อยอดในกลุ่มโครงการระดับแพง จับเศรษฐีไทย เพราะเชื่อ แม้ปีที่แล้วมี ‘เงินเฟ้อ’ เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นดี แต่ยังโกยยอดขายมาได้ถึง 5 หมื่นล้านบาท โตขึ้น 50% ฉะนั้น ภาพปีนี้ กลายเป็นเรื่องหมูๆ ไฮไลท์ คือ การรุกเปิดคอนโดฯมากขึ้น 151% ที่ 22 โครงการ บุกกลางเมือง อารีย์ ราชเทวี และดันแบรนด์ท็อป ‘ดีคอนโด’ หวนเมืองท่องเที่ยว ภูเก็ต หาดใหญ่ ด้วย จับทางหวังกำลังซื้อต่างชาติเต็มที่
อย่างไรก็ดี ยังมีกลุ่มบริษัท ที่ประกาศเดินเกมอย่างระมัดระวัง เพราะยังไม่วางใจ ปัจจัยท้าทาย นอกเหนือการควบคุม ขอประเมินทิศทางช่วงครึ่งปีหลังอีกครั้ง เช่น บมจ.ลลิล ,บมจ.ชีวาทัย และ บมจ.เฟรเซอร์ส ฯ เป็นต้น
แชมป์เก่า-ใหม่ เชื่อมั่นเศรษฐกิจ
เจาะผู้พัฒนาฯรายสำคัญ ที่เคยมีดีกรีเป็นแชมป์เจ้าตลาด บมจ.พฤกษา แม้ช่วง 2 ปีก่อนหน้า จะอ่อนแรงไปมาก ภายหลังผ่าตัดองค์กรธุรกิจ และชะลอการลงทุนจากโควิด-19 แต่ปีนี้ ประกาศว่าจะกลับมาเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวจากปีก่อน ที่ 23 โครงการ มูลค่ากว่า 2.35 หมื่นล้านบาท เพิ่มสัดส่วนตลาดกลาง-สูง และเปิด 4 คอนโดฯใหม่ราคา 4-5 ล้านบาท ขณะทาวน์เฮ้าส์อีก นับ 10 โครงการ
นายปิยะ ประยงค์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัย บมจ.พฤกษา เชื่อว่า อสังหาฯปีนี้ ยังเป็นบวก จีดีพีไทยจะเติบโตกว่าปีก่อนแน่นอน เพราะสัญญาณภาคท่องเที่ยวดีมาก แม้ภาคส่งออกยังต้องลุ้น ประเมินตลาดที่อยู่อาศัยโต 5-8% โดยเฉพาะกลุ่มเรียลดีมานด์ในคอนโดฯ และ ลูกค้าบ้านกลุ่มพนักงานประจำ เงินเดือน 5 หมื่น – 1.5 แสนบาท
ขณะ บมจ.เอพี ที่ก้าวขึ้นมาผงาดในช่วงโควิด กับตำแหน่งผู้ทุบสถิติตลาดปี 2565 และปีนี้เตรียมเปิดใหม่สูงสุดในอุตสาหกรรม ด้วยมูลค่ารายเดียว 7.7 หมื่นล้านบาทนั้น นอกจากบุกแนวราบ ยังเปิดคอนโดฯใหม่ 4 ทำเล ทั้งนี้ นายวิทการ จันทวิมล ผู้บริหารคนสำคัญ ชี้ว่า ทั้งบ้านและคอนโดฯปีนี้ มีแนวโน้มไปต่อ เพราะเมื่อเศรษฐกิจดี อสังหาฯก็จะดีตาม เมื่อบวกกับในระยะข้างหน้า ที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยมีโอกาสขยับลง จะยิ่งช่วยหนุนกำลังซื้อ โดย เอพี ชูความพร้อม ทั้งด้าน กระแสเงินทุน ,โปรดักส์ และ ช่องทางการขาย ไม่งั้นไม่กล้าเสี่ยงอย่างดุดันไม่เกรงใจใคร
นี่ยังไม่นับรวมอีก 3 บริษัทสำคัญ บมจ.ออริจิ้น ,บมจ.เสนา และ บมจ.เอสซี ที่ยังไม่ประกาศแผนปี 2566 ซึ่งต่างเป็นเจ้าตลาดแตกต่างกัน แต่โฟกัสถูกส่องไปที่ บมจ.ออริจิ้น ว่าจะทุบแชมป์เอพีหรือไม่ หลังมีกระแสข่าวก่อนหน้าว่า แค่คอนโดฯใหม่ปีนี้ ก็จะเปิดมากถึง 40-50โครงการ จึงต้องรอความชัดเจน
CBRE ผ่าเทรนด์ -ทิศทางอสังหาฯปีนี้
เจาะมุมมองบริษัทที่ปรึกษาอสังหาฯ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ระบุว่า ปีนี้ความท้าทายของอสังหาฯ ต่อ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่จะเป็นแรงส่งนั้น ขึ้นอยู่กับ รัฐบาลจะสร้างความสมดุล ระหว่างความจำเป็นที่จะลดมาตรการกระตุ้นทางการคลัง โดยไม่กระทบต่อการเติบโตด้านการบริโภคโดยรวมอย่างไร ภายใต้หนี้ส่วนบุคคลยังสูงอยู่ ขณะเป้าหมาย จีดีพี ตัวเลขจะเป็นไปตามคาดการณ์หรือไม่ ต้องลุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวและผลการดำเนินงานของภาคการส่งออกเป็นหลัก
ส่วนทิศทางอสังหาฯ คาดการณ์ ตลาดแนวราบยังคงเติบโตต่อเนื่องในทุกระดับราคา ส่วนตลาดคอนโดฯ พบผู้พัฒนา มุ่งเน้นไปการขายยูนิตที่แล้วเสร็จให้หมด มากกว่าการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ ขณะทำเลใจกลางเมือง จะค่อย ๆ ฟื้นตัวและต้องใช้เวลา
สต็อกท่วม – ปัจจัยลบอื้อ
ภาพหอมหวานแง่กำลังซื้อ จากการท่องเที่ยวดึงระบบเศรษฐกิจ หรือ มาตรการกระตุ้นอสังหาฯโดยรัฐ ก็ดี อาจเป็นเพียงอีกด้านที่ผู้พัฒนาฯ ชูเป็นปัจจัยบวก แต่อีกมุม อสังหาฯปีนี้ ยังท้าทายต่ออย่างที่ ซีบีอาร์อี หยิบยก โดยเฉพาะ สต็อกที่มีแนวโน้มจะบวมขึ้น โดยข้อมูลจาก บมจ.พฤกษา เผยว่า ณ สิ้นปี 2565 มีสต็อกที่อยู่พร้อมขาย รออยู่ในตลาด ราว 9.96 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อนหน้า โดยมีแค่สต็อกคอนโดฯที่ลดลง 0.5% อยู่ที่ 3.44 แสนล้านบาท ขณะกลุ่มทาวน์เฮ้าส์เพิ่มขึ้น 7% อยู่ที่ 2.25 แสนล้านบาท และ บ้านเดี่ยว ปีที่แล้วสต็อกเพิ่มมา 16% ที่ 4.06 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจุบัน พฤกษา มีสต็อกรอขายราว 7 หมื่นล้านบาท จาก 129 โครงการ ขณะ บมจ.อนันดา แบกสต็อกคอนโดฯ รอขาย ทั้งโครงการเก่าและที่จะแล้วเสร็จในปีนี้เช่นกัน ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท
สอดคล้องข้อห่วงใยของ นาย วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการ REIC ที่ระบุว่า ทิศทางตลาดที่อยู่ปีนี้ แม้ดูเหมือนจะสดใส แต่อยากให้ผู้พัฒนาฯ ยั้งมือไว้บ้าง ในการเปิดโครงการใหม่ โดยเฉพาะแนวราบราคาแพง เพราะ แนวโน้มดีมานด์อาจ ลดลงนับ 10% (แง่การโอนกรรมสิทธิ์) เนื่องจาก มีปัจจัยลบที่เข้ามาหลายด้าน ได้แก่ ปีนี้ ธปท.ไม่ผ่อนปรน LTV กระทบต่อคนซื้อเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุน หรือ มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่รัฐลดค่าธรรมเนียมการโอนให้ และถูกมองเป็นบวก แต่ลึกลงไป รัฐให้เงื่อนไขน้อยลง ผู้ซื้อบ้านต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 100 เท่า
ขณะเดียวกัน ปีนี้ เป็นช่วงทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น อาจสูงขึ้นอีก 0.75-1.0 % ส่วนราคาที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ ก็ปรับขึ้นทางตรงและทางอ้อม 5-10% (ส่วนลด/ของแถมน้อยลง) อาจทำให้ ‘กำลังซื้อ’ ยังไม่แข็งแกร่งพอ จนสมดุลกับซัพพลายเข้าใหม่ ที่สำคัญแง่ทิศทางเศรษฐกิจ ยังต้องติดตามต่อ ว่าจะฟื้นตัวได้เต็มที่หรือไม่ เมื่อ ค่าครองชีพสูง – ดอกเบี้ยขาขึ้น หนี้เสีย หรือ NPL ของกลุ่มธนาคาร ยังเพิ่มขึ้น เป็นที่มา สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพิ่งปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยปี 2566 เหลือการเติบโตที่ 3.2% เท่านั้น จากเดิมที่คาดอาจขยายตัวได้ถึง 4% หากเป็นเช่นนี้ อสังหาฯจะบวกหรือไม่ ต้องติดตาม…
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 34.66 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sideways หากไม่มีปัจจัยเพิ่ม เนื่องจากผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่าจะเห็นการเคลื่อนไหวของตลาดค่าเงินที่ชัดเจนมากขึ้น
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (23กุมภาพันธ์ 2566) ที่ระดับ 34.66 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.60 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า การอ่อนค่าลงของเงินบาทยังคงมาจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวและแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ
กรุงไทยประเมินว่า ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าดังกล่าวจะยังคงมีอยู่ในระยะสั้นนี้ (อย่างน้อยจนกว่าตลาดจะเลิกหรือคลายกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด)
ทำให้ เงินบาทมีโอกาสแกว่งตัว sideways และอาจเข้าใกล้โซนแนวต้าน 34.70-34.75 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนราคาที่ ผู้เล่นในตลาดบางส่วน ที่เป็นฝั่ง Long USDTHB (เชื่อว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลง) รอทยอยขายทำกำไรอยู่
นอกจากนี้ เรามองว่า หากไม่มีปัจจัยเพิ่มเติม เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sideways เนื่องจากผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่าจะเห็นการเคลื่อนไหวของตลาดค่าเงินที่ชัดเจนมากขึ้น
หลังตลาดทยอยรับรู้อัตราเงินเฟ้อ PCE อย่างไรก็ดี ในระยะสั้น เรามองว่า ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มองข้ามไม่ได้และอาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินในช่วงนี้ได้
อนึ่ง ความผันผวนของตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.55-34.75 บาท/ดอลลาร์
รายงานการประชุมเฟดล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) ยังคงสะท้อนถึงจุดยืนและความมุ่งมั่นของเฟดในการคุมปัญหาเงินเฟ้อ ด้วยการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง (โดยมีคณะกรรมการเฟดบางท่านยังคงสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.50%) ซึ่งท่าทีดังกล่าวของเฟด แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ผู้เล่นในตลาดต่างทยอยรับรู้ แต่ก็ยังคงกดดันให้ ในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก ส่งผลให้ ดัชนี S&P500 เคลื่อนไหวผันผวน ก่อนที่จะปิดตลาด -0.16%
ในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ยังคงปรับตัวลดลงต่อราว -0.33% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของบรรดาธนาคารกลางหลัก ทั้งเฟดและธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งความกังวลดังกล่าว ยังคงกดดันให้หุ้นกลุ่มเทคฯ
และหุ้นสไตล์ Growth ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง (Adyen -2.7%, ASML -0.7%) ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้างจากการรีบาวด์ขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (Diageo +3.0%, Hermes +1.0%) ท่ามกลางความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ ท่าทีของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งยังคงสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง จากรายงานการประชุมเฟดล่าสุด นั้นไม่ได้แตกต่างไปจากสิ่งที่ผู้เล่นในตลาดทยอยรับรู้ ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ แกว่งตัว sideways และย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 3.92%
อนึ่ง เรามองว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ นั้นเป็นไปตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่าเฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง จนแตะระดับ 5.50% หรือสูงกว่านั้น ทำให้เราประเมินว่า ในระยะถัดไป แม้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ แต่ก็อาจจะไม่รุนแรง ยกเว้นตลาดกังวลการ “เร่งขึ้น” ดอกเบี้ยของเฟด หรือมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา ทำให้เราคงมุมมองเดิมว่า จังหวะบอนด์ยีลด์ ปรับตัวสูงขึ้น จะเปิดโอกาสในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวได้ (Buy on Dip)
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หนุนโดยแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟดและความต้องการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven asset)
ล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 104.5 จุด ส่วนในฝั่งราคาทองคำ การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ จากแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ยังไม่สามารถผ่านโซน 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ก่อนที่จะย่อตัวลงต่อเนื่องสู่ระดับ 1,832 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เราคาดว่า การย่อตัวลงของราคาทองคำจะยังคงหนุนให้ผู้เล่นในตลาดทยอยเข้าซื้อในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานข้อมูลยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและการว่างงานต่อเนื่อง (Initial & Continuing Jobless Claims) ซึ่งจะช่วยสะท้อนภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟดว่าจะขึ้นไปถึงระดับใด
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดดังกล่าว เรามองว่า ในระยะสั้น ควรจับตาสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่อาจกลับมาร้อนแรงได้ (รัสเซียอาจเปิดฉากบุกโจมตียูเครนครั้งใหญ่อีกรอบ)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“พีพีทีวี” ยิงสด! ศึกดวลวงสวิงหญิงระดับโลก “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023”
พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 ผู้นำการถ่ายทอดสดกีฬาระดับโลกบนหน้าจอฟรีทีวี พร้อมแล้วที่จะถ่ายทอดสดทัวร์นาเมนต์กอล์ฟหญิงระดับโลกรายการ “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023” (Honda LPGA Thailand 2023)
“ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023” การแข่งขันกอล์ฟหญิงระดับ แอลจีพีเอ ทัวร์ หนึ่งเดียวในประเทศไทยที่แฟนกอล์ฟให้ความสนใจมากขึ้นทุกปี โดยปีนี้การแข่งขันจะจัดขึ้นเต็มรูปแบบอีกครั้ง โดยมีโปรกอล์ฟสาวระดับโลกกว่า 72 ชีวิต เข้าร่วมการแข่งขันอย่างคึกคัก อย่าง ลิเดีย โค นักกอล์ฟสาวชาวนิวซีแลนด์ มือ 1 ของโลก, เนลลี คอร์ดา มืออันดับ 2 ของโลกชาวอเมริกัน, อี มินจี โปรสาวเชื้อสายเกาหลีจากออสเตรเลีย แชมป์เมเจอร์ ยูเอส วีเมนส์ 2022, บรู๊ค เฮนเดอร์สัน แชมป์ฮิลตัน แกรนด์ วาเคชั่นส์ ทัวร์นาเมนต์ ออฟ แชมเปี้ยนส์ ปี 2023 เป็นต้น
ร่วมด้วยโปรกอล์ฟหญิงอีก 11 คน นำโดย จีน – อาฒยา ฐิติกุล มืออันดับ 4 ของโลก, แพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ, เมียว-ปาจรีย์ อนันต์นฤการ, แหวน-พรอนงค์ เพชรล้ำ รวมถึงนักกอล์ฟพี่น้องขวัญใจชาวไทย โม-โมรียา จุฑานุกาล และ เม-เอรียา จุฑานุกาล แชมป์ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2021ฯลฯ
ร่วมลุ้นและให้กำลังใจนักกอล์ฟสาวไทย ทั้งหน้าจอและออนไลน์แบบจุใจ ลุ้นทุกหลุม ทุกวงสวิง พร้อมเก็บภาพทุกช็อตเด็ด และช็อตประทับใจ เริ่ม พฤหัสบดีที่ 23 ก.พ. เวลา 12.00 – 15.00 น. ศุกร์ที่ 24 ก.พ. เวลา 12.00 – 15.00 น. เสาร์ที่ 25 ก.พ. เวลา 12.00 – 15.30 น. และ อาทิตย์ที่ 12.00 – 16.00 น. เต็มอิ่มผ่านทางหน้าจอที่นี่ที่เดียว พีพีทีวี เอชดี 36
นอกจากนี้แฟนๆ ยังร่วมลุ้นเต็มอิ่มยิ่งกว่าผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ Facebook, Tiktok, Youtube : PPTV HD 36 ทั้ง 4 วันรวด ตั้งแต่เวลา 10.00 น. และ เสาร์ – วันอาทิตย์ เวลา 10.30 น. เป็นต้นไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“ภูมิแพ้” สาเหตุ อาการ วิธีรักษา และวิธีป้องกัน
โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่เกิดจากร่างกายของเราที่มีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ
- ไรฝุ่น
- รังแคของสุนัขและแมว
- แมลงสาบ
- เกสรดอกหญ้า
อาการของโรคภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้ จะมีอาการแสดงมากขึ้นในบุคคลที่มีพันธุกรรมต่อการเกิดภูมิแพ้ เช่น มีพ่อ แม่ พี่ น้อง เป็นโรคภูมิแพ้ ทำให้แสดงอาการแพ้ออกมาทางระบบอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย
โรคภูมิแพ้เกิดขึ้นกับระบบใดในร่างกาย
ระบบหายใจ มีอาการตั้งแต่น้ำมูกไหล จาม คันจมูก คัดจมูก (คนทั่วไปเรียกว่าโรคแพ้อากาศ) หรืออาจมีอาการรุนแรง เช่น ไอ แน่นหน้าอก มีอาการหอบ ซึ่งเป็นอาการของโรคหืด
สาเหตุของโรคภูมิแพ้ของระบบทางเดินหายใจ ส่วนมากเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ โดยในคนไทยส่วนใหญ่มักเกิดจากการแพ้ไรฝุ่น รองลงมาคือ แมลงสาบ ขนและรังแคสัตว์เลี้ยง เช่น แมว สุนัข เกสรพืช หรือเชื้อราในอากาศ
สำหรับในเด็กเล็กๆ การแพ้อาหารเช่น นมวัว ไข่ อาจแสดงอาการออกมาทางระบบหายใจได้ เช่น หายใจครืดคราด เป็นต้น
ผิวหนัง เช่น ผื่นลมพิษ ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) หรือ ผื่นแพ้จากการสัมผัส สาเหตุใหญ่ของลมพิษมักเกิดจากอาหารและยา ส่วนผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมักเกิดขึ้นในเด็กที่มีพันธุกรรมของโรคภูมิแพ้ในครอบครัว อาจเกิดจากการแพ้อาหาร เช่น นมวัว ไข่ ซึ่งทำให้เกิดผื่น โดยมักเกิดบริเวณแก้มในเด็กเล็กหรือข้อพับในเด็กโต
ระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ อาการปวดท้อง อาเจียน ถ่ายเป็นมูกเลือด สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการแพ้อาหาร
อื่นๆ (ที่มักมีอาการรุนแรง) ผู้ป่วยบางรายมีอาการแพ้มาก อาจมีอาการเกิดขึ้นในทุกระบบ เช่น หอบ ลมพิษ ช็อค หรืออาจรุนแรงจนเสียชีวิตภายหลังจาการกินอาหารบางชนิด เช่น กุ้ง ถั่วลิสง ฯลฯ หรือภายหลังได้รับยา เช่น เพนนิซิลลิน
โรคภูมิแพ้พบมากน้อยเพียงใด ?
ปัจจุบันโรคภูมิแพ้พบมากขึ้นทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยมีอุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้มากขึ้น 3-4 เท่า เมื่อเทียบกับเมื่อ10 ปีก่อน โดยพบโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร้อยละ 23-30 โรคหืดร้อยละ 10-15 โรคผื่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ร้อยละ 15 และโรคแพ้อาหารร้อยละ 6 การพบโรคภูมิแพ้ของระบบการหายใจเพิ่มขึ้นในประเทศไทยก็เพราะวิถีของคนไทยเปลี่ยนไป ประชากรมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น อยู่กันอย่างแออัด บ้านเรือนจากเดิมที่มีลักษณะโปรง โล่ง มีการถ่ายเท อากาศดีเปลี่ยนไปเป็นแบบตะวันตกมากขึ้น มีเพดานเตี้ยประดับประดาไปด้วยเครื่องเรือน ปิดหน้าต่างตลอดเวลา เปิดเครื่องปรับอากาศ ภายในห้องมีพรมซึ่งมีไรฝุ่นมาก มีต้นไม้ประดับซึ่งมีเชื้อรา นิยมเลี้ยงสุนัข แมวในบ้าน บางคนถึงกับเอาไปนอนด้วย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่เราสูดหรือสัมผัสเข้าสู่ร่างกายตลอดเวลายิ่งกระตุ้นให้ร่างกายเกิดอาการแพ้ขึ้น
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น มลพิษในอากาศ เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ฝุ่นละอองตามถนน ควันจากท่อรถยนต์และจากโรงงานอุตสาหกรรม ควันบุหรี่ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยทำให้เกิดอุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้ในปัจจุบันเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
สาเหตุของโรคภูมิแพ้
- พันธุกรรม โรคภูมิแพ้หลายโรค จะเกิดขึ้นได้ง่ายถ้ามีพันธุกรรม เช่น โรคหืด โรคแพ้อากาศ และผื่นภูมิแพ้ในเด็กยิ่งถ้ามีประวัติว่าทั้งพ่อและแม่เป็น จะยิ่งมีโอกาสมากกว่าพ่อหรือแม่เป็นฝ่ายเดียว กล่าวคือถ้าพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้จะทำให้ลูกมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ประมาณร้อยละ 30-50 แต่ถ้าทั้งบิดาและมารดาเป็นโรคภูมิแพ้จะมีผลให้บุตรมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้นถึงร้อยละ 50-70 ในขณะที่เด็กที่มาจากครอบครัวที่ไม่มีประวัติโรคภูมิแพ้เลยมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้เพียง 10%
โรคภูมิแพ้บางอย่าง สาเหตุจากพันธุกรรมไม่ค่อยเป็นปัจจัยสำคัญมากนัก เช่น ลมพิษ แพ้จาการสัมผัส เช่น แพ้เครื่องประดับ แพ้เครื่องสำอาง เป็นต้น
- สิ่งแวดล้อม เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก เพราะสารก่อภูมิแพ้ที่จะเข้าสู่ร่างกายเราเกิดจากสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น ไม่ว่าสารก่อภูมิแพ้ที่เข้าร่างกายโดยการหายใจ การรับประทาน หรือการสัมผัส สารก่อภูมิแพ้บางอย่างสังเกตได้ง่าย เช่น มีอาการหลังจากรับประทานอาหารทะเลอาจเกิดผื่นลมพิษภายในเวลาครึ่งชั่วโมง หรือกินยาแล้วมีผื่นขึ้น ผู้ป่วยกวาดบ้าน เล่นกับแมวหรือสุนัขแล้วเกิดอาการจาม คัดจมูกหรือหอบ
สารก่อภูมิแพ้บางอย่างสังเกตได้ยากเพราะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เช่น เกสร เชื้อราในอากาศ หรือไรฝุ่นในบ้าน ซึ่งพบมากตามที่นอน หมอน โซฟา ห้องรับแขก พรม ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยร่วมที่ทำให้เกิดของโรคภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้นหรือมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น อากาศเย็น มลพิษในอากาศจากควันรถ ควันโรงงาน อุตสาหกรรม ฝุ่นละอองตามท้องถนน ควันบุหรี่อีกด้วย
อาการเบื้องต้น ของโรคภูมิแพ้
- ระบบการหายใจ ตั้งแต่จาม คันจมูก น้ำมูกไหล คัดจมูก คันตา คันคอ หรือไอเรื้อรังมีเสมหะ มีอาการหอบเหนื่อย หายใจเสียงดังวี้ดๆ อาการดังกล่าวอาจเป็นๆ หายๆ อาจมีอาการเป็นไปตามฤดูกาล หรือเป็นตลอดเกือบทั้งปี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุ
- ระบบผิวหนัง อาจแสดงเป็นลมพิษ ผื่นคันตามข้อพับ ในเด็กอาจมีผื่นแดงบริเวณแก้ม
- ระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระร่วง ปวดท้อง ถ่ายเป็นมูกเลือด
- แสดงอาการทุกระบบ ในคนไข้ที่แพ้รุนแรง อาจมีทั้งอาการหอบ หายใจลำบาก ลมพิษขึ้น ช็อคหรืออาจเสียชีวิต
การวินิจฉัยโรคภูมิแพ้
แพทย์จะซักประวัติผู้ป่วยโดยละเอียด การตรวจร่างกาย ตรวจทางห้องปฏิบัติการในบางราย หรือในรายที่ต้องการทราบสาเหตุว่าแพ้อะไรอาจใช้การทดสอบผิวหนัง
การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง
การทดสอบผิวหนัง หรือ skin prick test เพื่อตรวจหาว่าผู้ป่วยแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใดบ้าง โดยมีวิธีทดสอบ ดังนี้
- แพทย์หยดน้ำยาซึ่งเป็นสารสกัดลงบนท้องแขนหรือบริเวณหลัง
- ใช้เข็มสะกิดเบาๆ (วิธีนี้มักทำได้ในเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไปที่ให้ความร่วมมือ)
- หลังจากสะกิด แพทย์จะอ่านผลใน 15-20 นาที และจะรู้ว่าแพ้สารอะไร
* คนไข้ต้องงดรับประทานยาแก้แพ้ ยานอนหลับ ก่อนการทดสอบ 1 สัปดาห์
* หากมีการใช้ยาสเตียรอยด์ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการทดสอบ
การรักษาโรคภูมิแพ้
- หลีกเลี่ยงจากสารที่แพ้ (ถ้าเราทราบว่าแพ้สารอะไร)
หากทราบว่าแพ้สารอะไร ก็พยายามหลีกเลี่ยงสารนั้นให้มากที่สุด เมื่อสารก่อภูมิแพ้ไม่เข้าร่างกายก็จะไม่มีอาการ สารก่อภูมิแพ้บางอย่างหลีกเลี่ยงง่ายเช่น หลีกเลี่ยงจากสัตว์เลี้ยง จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการของโรคลดลงได้ สารบางอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก เช่น เกสรหญ้า เกสรต้นไม้ เชื้อราในอากาศ ที่มีอยู่ในบรรยากาศที่เราหายใจ มีมากน้อยแล้วแต่สถานที่และฤดูกาล สารบางอย่างหลีกเลี่ยงได้ยากแต่ทำให้น้อยลงได้ เช่น ไรฝุ่นตามที่นอน หมอน พรม ก็หมั่นทำความสะอาด ดูดฝุ่นสม่ำเสมอ ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนควรทำความสะอาดบ่อยๆ ถ้าซักด้วยเครื่องควรปรับุณหภูมิให้ร้อนประมาณ 60 องศาเซลเซียส และซักทุกสัปดาห์ จะช่วยลดจำนวนไรฝุ่นได้ หรืออาจใช้ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนกันไรฝุ่น ก็จะช่วยลดไรฝุ่นในที่นอน ที่ก่อให้เกิดอาการได้พอสมควร ในกรณีที่ผู้ป่วยแพ้จากการสัมผัส เช่น ผื่นคันบริเวณที่ถูกเครื่องประดับ เครื่องสำอาง ก็งดการใช้ผื่นก็จะไม่เกิด
- ให้ยาเฉพาะโรค
การใช้ยามักเป็นการควบคุมอาการไม่ให้เกิดขึ้น ในปัจจุบันเมื่อเข้าใจพยาธิสภาพของโรคต่างๆ ดีขึ้น ก็สามารถใช้ยาควบคุมอาการ ลดการอักเสบ นอกเหนือจากการใช้ยาระงับอาการ ทำให้ควบคุมโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เช่น การฉีดวัคซีนภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้ระบบหายใจ เช่น โรคแพ้อากาศ โรคหืด ที่มีสาเหตุจากาการแพ้สารก่อภูมิแพ้บางอย่างซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น เกสรพืช เชื้อรา หรือ ไรฝุ่น และถ้าผู้ป่วยมีอาการมากใช้ยาแล้วไม่ดีขึ้นอาจต้องเสริมภูมิด้วยการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ วิธีการก็คือฉีดสารสกัดที่ผู้ป่วยแพ้เข้าร่างกายครั้งละน้อยๆ ค่อยๆ เพิ่มจำนวนจนถึงระดับที่ควบคุมอาการได้แต่ต้องใช้ระยะเวลานาน ระยะแรกๆ อาจต้องฉีดทุกสัปดาห์นานประมาณ 6 เดือน ต่อไปอาจจะทุก 2 สัปดาห์ ทุก 3 สัปดาห์ และ 4 สัปดาห์ ตามลำดับ การรักษาแบบนี้ กินเวลานานอาจใช้เวลา 3-6 ปี ซึ่งทำให้อาการต่างๆ ลดน้อยลง
การป้องกันไม่ให้เกิดโรคภูมิแพ้
- ให้ทารกกินนมแม่อย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุอย่างน้อย 4-6 เดือน
- ให้นมสูตรพิเศษ กรณีที่นมแม่ไม่พอหรือจำเป็นต้องให้นมอื่นเสริม อาจมีประโยชน์ในการป้องกันการเกิดผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบในทารกกลุ่มเสี่ยง
- อาหารเสริมตามวัยสามารถให้ได้เมื่อทารกอายุ 4-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับความพร้อมของทารก โดยเริ่มจากอาหารที่มีความเสี่ยงต่อการแพ้น้อยก่อน เช่น ข้าว ผักใบเขียว ไก่ หมู เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ในบ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้องนอนทารกควรเป็นห้องโปร่ง สะอาด มีของเท่าที่จำเป็น ที่นอน หมอน ควรใช้ชนิดใยสังเคราะห์ หลีกเลี่ยงนุ่น ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนควรซักบ่อยๆ ถ้าเป็นไปได้ควรซักในน้ำร้อน ไม่ควรมีตุ๊กตาที่มีขน พรม หรือหนังสือในห้องนอน เช็ด ถู ทำความสะอาดห้องเป็นประจำ ควรเปิดให้อากาศถ่ายเทและแสงแดดเข้าได้ ไม่ควรมีผู้สูบบุหรี่ในบ้าน ให้หลีกเลี่ยงควัน สิ่งระคายทางระบบหายใจให้มากที่สุด นอกจากนั้นพยายามหลีกเลี่ยงการติดเชื้อระบบการหายใจ เพราะเชื้อไวรัสบางอย่างอาจมีผลทำให้เด็กมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้นหรือมีอาการมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ทริคง่ายๆ บอกเวลาเป็นภาษาอังกฤษ เอาไปใช้พูดจริงได้เลย!
“What’s the time?” ประโยคคำถามพื้นฐานที่อาจทำให้หลายๆคนเหวอกันได้ เพราะนึกคำตอบไม่ออก จะบอกยังไงดีให้ฝรั่งไม่งงน้า
วันนี้ DailyEnglish มีวิธีการ“บอกเวลาภาษาอังกฤษ”แบบง่ายๆ สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันครับ
สำหรับการถามเวลาเราสามารถพูดว่า:
1. What’s the time?
2. What time is it?
3. Do you have the time?
4. Have you got the time?
5. What time do you make it?
วิธีหลักๆในการบอกเวลาจะแบ่งเป็นสองแบบ
แบบแรกคือ British English – ใช้ระบบเวลาแบบ 12 ชั่วโมง (12-hour clock) โดยจะใช้เลข 1 ถึง 12 ตามด้วย a.m. และ p.m.
a.m. = ante meridiem = หลังเที่ยงคืน ถึง ก่อนเที่ยงวัน
(00.01 a.m. – 11.59 a.m.)
p.m. = post meridiem = หลังเที่ยงวัน ถึง ก่อนเที่ยงคืน
(12.00 p.m. – 11.59 p.m.)
- เวลาเต็มชั่วโมง – ให้เติมคำว่า “o’clock” ท้ายเวลา อาจเติมคำบอกเวลาหรือพูด “เอ-เอ็ม” และ “พี-เอ็ม” เพื่อให้สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นนะครับ เช่น
10.00 a.m. = ten o’clock in the morning / ten a.m. (เท็น-เอ-เอ็ม)
04.00 p.m. = four o’clock in the afternoon / four p.m. (โฟร์-พี-เอ็ม)
สำหรับเวลาเที่ยงวันให้ใช้ noon และเที่ยงคืนให้ใช้ midnight
- เวลาที่ผ่านชั่วโมงมาแล้ว แต่ไม่เกิน 30 นาที – ให้บอกนาทีนำหน้าตามด้วย “past” และชั่วโมงที่ผ่านมา เช่น
09.25 a.m. = twenty-five past nine
05.12 p.m. = twelve past five
- เวลาที่ผ่านชั่วโมง และเกิน 30 นาทีมาแล้ว – ให้บอกนาทีที่เหลือก่อนจะถึงชั่วโมงถัดไป ตามด้วย “to” และชั่วโมงถัดไปเช่น
07.50 a.m. = ten to eight
08.40 p.m. = twenty to nine
อย่าลืม นะครับว่าหากนาฬิกาเป็นเวลา 15 นาทีหรือ 45 นาที ให้ใช้คำว่า a quarter และหากเป็น 30 นาที ให้ใช้ half เช่น
06.15 a.m. = a quarter past six
06.30 a.m. = half past six
06.45 a.m. = a quarter to seven
แบบที่สองคือ American English – ใช้ระบบเวลาแบบ 24 ชั่วโมง (24-hour clock) ใช้ตั้งแต่เลข 0 ไปจนถึง 24 เลยครับ ไม่มี a.m. และ p.m.
วิธีพูดคือบอกเลขชั่วโมงก่อนตามด้วยเลขนาที มักจะใช้ในทางทหารหรืองานที่เป็นทางการหน่อยเพื่อไม่ให้สับสน เช่น
20.15 = twenty fifteen
08.05* = eight O five (เอท-โอ-ไฟฟ์) *ใช้เสียง O (โอ) แทนเลขศูนย์ครับ
17.50 = seventeen fifty
เทคนิคเล็กน้อย: การบอกเวลาสามารถเติมคำประมาณได้ด้วยนะ อย่าง about, around หรือ nearly เช่น
08.02 =It’s about eight o’clock
09.27 = It’s nearly half past nine
ส่วนตัวแล้วแอดมินชอบใช้แบบ British ตอนช่วง 30 นาทีแรกแต่ไม่ค่อยถนัดตอนใช้ “to” กับ 30 นาทีหลังเลยต้องใช้แบบ American แทนครับ แต่จริงๆแล้วต้องดูผู้ฟังด้วยนะว่าเข้าใจการบอกเวลาแบบไหน สมมติเวลา 7 โมงเช้า 50 นาที ถ้าเราบอกว่า “ten to eight ” ให้กับคนอเมริกันฟังเค้าอาจสับสนได้ จึงควรเปลี่ยนเป็น “seven fifty” แทน
เป็นไงบ้างครับเพื่อนๆ การบอกเวลาเป็นภาษาอังกฤษไม่ยากเลยใช่มั้ย ทุกคนถนัดแบบไหนกันเอ่ย? ติดตามเทคนิคการพูดภาษาอังกฤษดีๆ ใช้งานได้จริงได้ที่ DailyEnglish นะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
เอาด้วย! สตาร์ทอัพญี่ปุ่นจัด ‘ทัวร์บอลลูน’ ไม่ต้องเป็นเศรษฐีก็ท่องอวกาศได้
บริษัทสตาร์ทอัพญี่ปุ่นประกาศแผนทัวร์บอลลูนชมอวกาศเชิงพาณิชย์ ที่ตั้งเป้าว่าจะนำประสบการณ์ราคาแพงด้านอวกาศให้ทุกคนเข้าถึงได้ ตามรายงานของเอพี
บริษัทอิวายะ กิเคน สตาร์ทอัพญี่ปุ่น ในเมืองซัปโปโร ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ย้ำว่าผู้โดยสารทัวร์บอลลูนท่องอวกาศนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นมหาเศรษฐีก็ได้ เพียงแค่ต้องผ่านกระบวนการฝึกอบรมที่เข้มข้น หรือมีทักษะด้านภาษาที่จำเป็นสำหรับการขับเคลื่อนจรวดก็พอ
เคอิซูเกะ อิวายะ ซีอีโอของบริษัทอิวายะ กิเคน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในวันอังคารว่าทัวร์บอลลูนนี้ “มันมีความปลอดภัย ประหยัด และอ่อนโยนสำหรับทุกคน” และว่า “แนวคิดคือการทำให้การท่องเที่ยวอวกาศเกิดขึ้นได้กับทุกคน” และเขาต้องการที่จะ “ทำให้อวกาศเป็นประชาธิปไตย” ที่ผู้คนเข้าถึงได้
บริษัทจากแดนปลาดิบนี้เริ่มต้นโครงการดังกล่าวตั้งแต่ปี 2012 และได้พัฒนาห้องโดยสารสุญญากาศสำหรับ 2 ที่นั่ง ตัวห้องโดยสารเป็นพลาสติกใสมองเห็นภายนอกได้รอบทิศทาง ใช้เชื้อเพลิงจากแก๊สฮีเลียมที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
บอลลูนที่สามารถลอยขึ้นไปได้สูงถึง 25 กิโลเมตรจากพื้นดิน ซึ่งเป็นระยะที่มองเห็นมุมโค้งของโลกได้อย่างชัดเจน ในขณะที่ผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องออกไปนอกโลก โดยบอลลูนนี้จะลอยขึ้นไปในระดับกลาง ๆ ชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ ซึ่งจะอยู่สูงกว่าระยะการบินของเครื่องบินเจ็ทและเผยให้เห็นมุมมองนอกโลกที่ไร้สิ่งบดบัง
ระหว่างที่ภารกิจด้านอวกาศของญี่ปุ่นตามหลังบริษัทอเมริกันอย่าง สเปซเอ็กซ์ อิวายะ กล่าวว่าเป้าหมายของเขาคือการให้อวกาศเป็นเรื่องที่เอื้อมถึงได้
ทางบริษัทอิวายะ กิเคน ร่วมมือกับ JTB บริษัทท่องเที่ยวรายใหญ่ของญี่ปุ่น ที่ประกาศแผนร่วมมือกับโครงการท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์ด้วยบอลลูนนี้ สนนราคา 24 ล้านเยน หรือราว 6.2 ล้านบาท แต่อิวายะตั้งเป้าว่าจะกดราคาลงให้เหลือประมาณ 2-3 ล้านเยน หรือราว 5-8 แสนบาท ขณะที่ทริปส่ง 3 นักธุรกิจและนักบินอวกาศขึ้นไปสถานีอวกาศนานาชาติเมื่อเดือนเมษายนของบริษัทสเปซเอ็กซ์ สนนราคา 55 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,900 ล้านบาทต่อคน
สำหรับการเดินทางเที่ยวแรกของทัวร์บอลลูนญี่ปุ่นนี้จะเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดคือปลายปีนี้ โดยจะเป็นทริปกินเวลา 2 ชั่วโมง ที่มีนักบินและผู้โดยสารอย่างละ 1 คน จากฐานปล่อยในฮอกไกโด ขึ้นไปที่ความสูง 25 กิโลเมตรจากพื้นดินและอยู่ชมบรรยากาศบนนั้นเป็นเวลา 1 ชั่วโมง และบริษัทยืนยันว่าการเดินทางจะปลอดภัยและอยู่เหนือน่านฟ้าของญี่ปุ่นเท่านั้น
ผู้ที่สนใจชมวิวอวกาศทางบริษัทเปิดให้จองแล้วตั้งแต่วันอังคาร และจะปิดการจองทัวร์ปลายเดือนสิงหาคมนี้ ผู้โดยสาร 5 คนแรกที่ได้รับเลือกจะประกาศในเดือนตุลาคมนี้ และแต่ละทริปจะเกิดขึ้นห่างกันประมาณ 1 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในช่วงนั้นด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“Cloud 11 – Creator Economy Hub ฮับระดับโลกของคอนเทนต์ครีเอเตอร์”
“Cloud 11 – Creator Economy Hub ฮับระดับโลกของคอนเทนต์ครีเอเตอร์” โดย ทีมผู้บริหารโครงการ Cloud 11
โดยภายในงานท่านจะได้รับฟังการแถลงข่าว และรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดแบรนด์ Cloud 11
เป็น Creator Economy Hub ฮับระดับโลกของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ศูนย์รวมระบบนิเวศการสร้างสรรค์คอนเทนต์
ที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุด ที่จะช่วยขับเคลื่อนศักยภาพของอุตสาหกรรมคอนเทนต์ของประเทศไทย
สู่ระดับแนวหน้าของโลก และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนาย่านสุขุมวิทใต้สู่การเป็นย่านนวัตกรรม
วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 13.00 น. – 16.00 น.
ณ ห้อง แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 3 (Grand Hall) อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค เวสต์ (True Digital Park West)
BTS ปุณณวิถี ทางออก 6
กำหนดการสำหรับสื่อมวลชน
13.00 – 14.00 สื่อมวลชนลงทะเบียน
14.00 – 14.05 พิธีกรกล่าวต้อนรับ พร้อมรับชม Opening Teaser Video
14.05 – 14.45 เริ่มแถลงข่าวโดย
- คุณณรงค์ เจียรวนนท์ ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษากิตติมศักดิ์โครงการ Cloud 11
- คุณวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC
- คุณองศา จรรยาประเสริฐ ผู้อำนวยการโครงการ Cloud 11
14.45 – 15.20 การแสดงพิเศษจาก Cloud 11
15.20 – 15.30 ผู้บริหารถ่ายรูปร่วมกัน
15.30 – 16.00 สัมภาษณ์พิเศษผู้บริหารโครงการ Cloud 11 // จบงานแถลงข่าว
สื่อมวลชนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
แรบบิทส์ เทล พีอาร์ (Rabbit’s Tale PR)
คิษญากร มณีพันธุ์ (ฟิล์ม)
M: +6694-429-6361 E: film.kissayakorn@rabbitstale.com
ธนทอง วงศ์พิเศษกุล (บินน์)
M: +6695-205-5509 E: binn.thanathong@rabbitstale.com
ฝ่ายสื่อสารองค์กร MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด)
พันธมาศ เมืองรัตน์ (ตุ๊กตา)
M: +66 63 626 5229 E: Pantamas_ma@dtgo.com
มลทิพย์ เจนธรรมพัฒน์ (แองจี้)
M: +66 95 952 3942 E: Molthip_ja@dtgo.com
นณัฐ สุชีวะ (อั้ม)
M: +66 85 140 0414 E: Nanat_su@dtgo.com
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 23/02/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,850.00 | 29,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,934.00 | 29,319.44 | 30,450.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,740.60 | 26,387.50 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,547.20 | 23,455.55 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 870.00 | 13,189.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 677.00 | 10,263.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,004.00 | 30,380.64 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23/02/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.35 | 36.35 | 37.04 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.08 | 36.08 | 36.74 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.04 | 34.04 | 34.44 | 34.04 | 34.04 | – | 34.04 | 34.04 | 34.04 | 34.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.49 | 34.49 | – | – | – | – | – | – | – | 34.49 |
เบนซิน 95 | 44.16 | – | – | – | 44.21 | – | 44.66 | 44.31 | – | 44.16 |
ดีเซล B7 | 33.94 | 33.94 | 34.24 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
ดีเซล | 33.94 | 33.94 | 34.24 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
ดีเซล B20 | 33.94 | 33.94 | 34.24 | – | 33.94 | – | 33.94 | – | – | 33.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.06 | 43.16 | 44.84 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 43.06 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |