สาระน่ารู้ประจำวันที่ 23 มีนาคม 2566

ตลาดที่อยู่อาศัยราคา 20 ล้านขึ้นไป ยังโต

ตลาดที่อยู่อาศัยราคา 20 ล้านขึ้นไป ยังโตต่อเนื่อง AREA  จำนวน 3,902 หน่วย 1.8% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมดที่ยังเหลือขาย   มีมูลค่ารวม สูงถึง147,290 ล้านบาท 15.9% ของทั้งตลาด

ตลาดที่อยู่อาศัยระดับบนราคาตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป พบ บ้านเดี่ยวขายดีที่สุดขณะ ห้องชุด ขายได้ยาก ขายได้ช้ากว่ามาก อนาคตตลาดนี้ ยังเติบโต  และมีขนาดใหญ่มากทั้งนี้

นายโสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส  จำกัด  หรือ AREA เปิดเผยว่าตลาดที่อยู่อาศัยที่มีราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปนั้นในขณะนี้มีอยู่ทั้งหมด 3,902 หน่วยหรือเพียง 1.8% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมดที่ยังเหลือขาย   มีมูลค่ารวมมูลค่า 147,290 ล้านบาท หรือประมาณ 15.9% ของทั้งตลาด แสดงว่าตลาดนี้มีความสำคัญมากเป็นตลาดสำหรับผู้ที่มีรายได้ระดับสูงจริงๆ

ในจำนวนบ้านราคาเกิน 20 ล้านบาทนี้ เป็นบ้านเดี่ยวและห้องชุดเป็นหลัก โดยเป็นบ้านเดี่ยว 1,849 หน่วย และเป็นห้องชุด 1,819 หน่วย รวมมูลค่าถึง 94% ของทั้งหมด (อย่างละ 47%) นอกจากนี้เป็นทาวน์เฮาส์ 167 หน่วยหรือ 4% และเป็นบ้านแฝด 67 หน่วยหรือ 2% เท่านั้น ตลาดที่อยู่อาศัยระดับบนนี้จึงเน้นเฉพาะบ้านเดี่ยวและห้องชุด

ในแง่ของมูลค่าที่ยังรอผู้มาซื้ออยู่ 147,290 ล้านบาทนั้นเป็นห้องชุด 72,470 ล้านบาท หรือ 49% และเป็นบ้านเดี่ยว 68,407 ล้านบาทหรือ 46% ที่เหลือเป็นทาวน์เฮาส์และบ้านแฝดอย่างละเล็กน้อยเท่านั้น แต่ปรากฏว่าสินค้าที่ราคาแพงที่สุดกลับเป็นห้องชุดมากกว่าเป็นบ้านเดี่ยวราคาเฉลี่ยของบ้านที่มีราคาเกิน 20 ล้านบาทขึ้นไปนั้นอยู่ที่ 37.75 ล้านบาท แต่ห้องชุดมีราคาเฉลี่ยสูงกว่าคือ 39.84 ล้านบาท

ในขณะที่บ้านเดี่ยวมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 37 ล้านบาท ส่วนบ้านแฝดและทาวน์เฮ้าส์มีราคาเฉลี่ยประมาณ 27 ล้านบาทใกล้เคียงกัน การที่ห้องชุดนั้นมีราคาสูงกว่าก็เพราะมีห้องเพนท์เฮ้าส์ที่มีราคาแพงตัวอย่างห้องชุดที่มีราคาสูงสุดที่ยังขายอยู่ในขณะนี้คือชื่อโครงการ อมัน นายเลิศ เรสซิเดนเซส อยู่ซอยร่วมฤดี 2 ถนนเพลินจิต พัฒนา

โดย บจก.นายเลิศ ปาร์ค ดีเวลลอปเม้นท์ ราคาห้องละ 887.2 ล้านบาท รูปแบบห้องเป็น Penthouse พื้นที่ใช้สอย 1,109 ตารางเมตร  ราคาต่อตารางเมตร 800,000 บาท

ส่วนตัวอย่าง บ้านเดี่ยวที่ขายให้ราคาสูงสุดในขนาดนี้และยังเหลือขายอยู่คือชื่อโครงการ อาลียาห์ รีเซิร์ฟ ตั้งอยู่ซอยพัฒนาการ 32 ถนนพัฒนาการ พัฒนาโดย คือ บริษัท อาลียาห์ คอร์ป จำกัด บ้านเดี่ยว 3 ชั้น+ห้องใต้ดิน (AR1) พื้นที่ใช้สอย 1,900 ตารางเมตร เนื้อที่ดิน 200 ตารางวา ราคาหลังละ 297 ล้านบาท

ที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งคือบ้านเดี่ยวจำนวน 1,849 หน่วยนี้จะใช้เวลาขายอีกไม่เกิน 21 เดือน ในขณะที่ห้องชุดราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปที่ยังรอขายอยู่ 1,1819 หน่วยนั้นจะต้องใช้เวลาขายอีกเฉลี่ยประมาณ 43 เดือนถึงจะหมด ตลาดบ้านเดี่ยวราคาแพงจึงมีศักยภาพสูงกว่าตลาดห้องชุดราคาแพงนั่นเอง

ในการนี้สอดคล้องกับการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2565 ซึ่งปรากฏว่าบ้านเดี่ยวราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปเปิดตัวถึง 1,640 หน่วย มูลค่ารวม 65,738 ล้านบาท เฉลี่ยหน่วยละ 40 ล้านบาท ในขณะที่ห้องชุดราคาเกิน 20 ล้านบาท เปิดตัวเพียง 214 หน่วยรวมมูลค่า 5,890 ล้านบาท เฉลี่ยหน่วยละ 27.5 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามทั้งห้องชุดบ้านเดี่ยวที่มีราคาสูงมากเกิน 100 ล้านบาทขึ้นไปมักจะเป็นที่ต้อนรับของผู้บริโภคที่มีรายได้สูงเพราะเป็นสินค้าที่มีจำนวนจำกัดมากและเป็นสินค้าที่มีคุณภาพพิเศษจริงๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


คอนโดหรู ขยับพรึบ รับต่างชาติเข้าไทย ทำเลกลางเมือง รอบสวนลุมพินีน่าจับตา

คอนโดหรู ขยับรับต่างชาติเข้าไทย บิ๊กอสังหาฯเชื่อมั่นเศรษฐกิจ กูรูชี้ทำเลใจกลางเมือง รอบสวนลุมพินีน่าจับตา

ที่ดินเป็นต้นทุนส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20  30% ของมูลค่าในการพัฒนาโครงการทั้งหมด ดังนั้น เมื่อราคาที่ดินสูงจะมีผลต่อการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บนที่ดิน รูปแบบและประเภทของโครงการบนที่ดินจึงเหลือเพียงไม่กี่อย่างที่เพียงพอจะสร้างผลตอบแทนที่สอดคล้องกับราคาที่ดินได้ แต่ในความเป็นจริงจะเห็นเพียงการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมบนที่ดินราคาแพงเท่านั้น

โดยเฉพาะที่ดินในพื้นที่ ซีบีดี  หรือใจกลางกรุงเทพมหานคร รวมไปถึงที่ดินที่อยู่ในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าทุกเส้นทางจะเห็นว่ามีแต่การพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมเท่านั้น เนื่องจากสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบและสามารถยกระดับของโครงการเพื่อตั้งราคาขายได้สูงขึ้น โดยการตั้งราคาขายสูงๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สอดคล้องกับมูลค่าที่ดิน

นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด (Property DNA) บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร  ระบุว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาแทบไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมราคาแพงเปิดขายใหม่เลยเมื่อเทียบกับช่วงปี 2560 -2561 เพราะด้วยภาวะเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจระยะยาว รวมไปถึงการหายไปของชาวต่างช่าติที่เป็นกำลังซื้อส่วนหนึ่งในตลาดคอนโดมิเนียมราคาแพง

ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เลือกที่จะเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมในราคาขายที่ไม่เกิน 80,000-90,000 บาทต่อตารางเมตร หรือยูนิตละไม่เกิน 3.5 ล้านบาท เพื่อให้เข้าถึงกำลังซื้อส่วนใหญ่ของประเทศไทย  โครงการส่วนใหญ่ที่เปิดขายในช่วงปี 2563 – 2565 จะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครรอบนอก หรือตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง แทบไม่มีโครงการที่อยู่ในพื้นที่เมืองชั้นในหรือในพื้นที่ซีบีดี  มีเพียงไม่กี่โครงการเท่านั้นที่เปิดขายในพื้นที่นี้ และการซื้อขายที่ดินก็ไม่มีให้เห็นในตลาดหรือตามข่าวต่างๆ เช่นกัน

ช่วงปี 2563-2565 อาจจะเริ่มมีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ซีบีดี บ้าง โดยเฉพาะในพื้นที่รอบสวนลุมพินี ในเรื่องของการซื้อ-ขายที่ดินราคาแพงๆ แต่เป็นการซื้อมาเก็บไว้ก่อนเพื่อรอการพัฒนา เช่นการที่แสนสิริซื้อที่ดินพร้อมอาคารสำนักงานบนถนนสารสินมาด้วยมูลค่าเฉลี่ยประมาณ 3.9 ล้านบาทต่อตารางวา และยังไม่มีการพัฒนาโครงการใดๆ บนที่ดิน แต่คาดว่าจะเป็นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมราคาแพง

โดยราคาขายอาจจะมากกว่าโครงการ 98 ไวร์เลสของพวกเขาที่เคยเปิดขายมาหลายปีก่อนหน้านี้ หรือโครงการที่กำลังจะโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้อย่าง สโคป หลังสวนที่เคยเป็นที่ดินที่มีราคาซื้อขายแพงที่สุดมาก่อนด้วยราคาประมาณ 3.1 ล้านบาทต่อตารางวา แต่เป็นการซื้อขายที่ดินที่เกิดขึ้นในปี 2561 และไม่มีการซื้อขายที่ดินในราคาแพงเกิดขึ้นในพื้นที่อีกเลย โครงการคอนโดมิเนียมราคาแพงก็ไม่มีเช่นกัน

สอดคล้องกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ พื้นที่ตามแนวถนนสุขุมวิทหรือพื้นที่อื่นๆ ในซีบีดี อาจจะไม่มีการเคลื่อนไหวมาก ทั้งในเรื่องของการซื้อขายที่ดินราคาแพง และการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมราคาแพง โครงการที่เปิดขายก่อนหน้านี้ก็ยังมียูนิตเหลือขายอยู่ยังไม่ปิดการขาย โครงการใหม่ๆ จึงยังน้อยมาก

การจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมราคามากกว่า 250,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป ไม่ใช่ว่าเพราะซื้อที่ดินมาแพงแล้วต้องพัฒนาโครงการราคาแพงเท่านี้เท่านั้น แต่ในความเป็นจริง การจะซื้อที่ดินราคาแพงมาพัฒนาโครงการ ผู้ประกอบการต้องมั่นใจในศักยภาพของตนเองตั้งแต่ก่อนซื้อที่ดินแล้ว

ดังนั้นผู้ประกอบการไม่กี่รายเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับในตลาด และมีอัตราการขายที่สูงมากในโครงการคอนโดมิเนียมราคาแพง หรือปิดการขายได้ แม้ว่าจะใช้เวลในการขายนานหลายปีก็ตามทำเลของโครงการประเภทนี้ นอกจากในพื้นที่ซีบีดี เช่น พื้นที่รอบๆ สวนลุมพินี สุขุมวิทตอนต้น สีลม สาทร พระราม 4 แล้ว พื้นที่ริมแม่นํ้าเจ้าพระยาก็เป็นอีก 1 พื้นที่ที่มีโครงการคอนโดมินเยมราคาแพงเช่นกัน เพียงแต่จำนวนโครงการจะน้อยกว่าเมื่อกับในพื้นที่ ซีบีดี

ช่วงปลายปี 2565 เป็นต้นมา เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวของตลาดคอนโดมิเนียมราคาแพงมากขึ้น แต่น่าจะชัดเจนและมากขึ้นในปี 2566 เพราะสัญญานการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ดังนั้น ผู้ประกอบการหลายรายจึงเริ่มมีการขยับตัวหรือเริ่มมีการเปิดเผยถึงโครงการที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ ซีบีดี หลายโครงการมีการเปิดเผยหรือเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว

รวมไปถึงมีการก่อสร้างไปแล้วด้วย ซึ่งทั้งหมดที่มีข่าวออกมาทั้งก่อนหน้านี้และในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาอยู่ในพื้นที่รอบๆ สวนลุมพินีทั้งนั้น แม้ว่าหลายโครงการชะลอการพัฒนาหรือยังไม่ชัดเจนว่าจะเปิดขายตอนไหน เพียงแต่มีการเปิดเผยข้อมูลบางส่วน และมีการพูดถึงบ้างแล้ว

สำหรับ โครงการคอนโดมิเนียมราคาแพงในพื้นที่รอบๆ สวนลุมพินี ทั้งที่เปิดขายแล้ว และโครงการที่ยังไม่มีข้อมูลใดๆ ได้แก่

               1. โครงการคอนโดมิเนียมของแสนสิริบนที่ดินที่ซื้อมาในราคาตารางวาละ 3.9 ล้านบาทก็น่าสนใจ เพราะต้องเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่มีราคาแพงที่สุดแน่นอนเมื่อเปิดขาย

                2. โครงการสโคป หลังสวนที่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ปีนี้ของบริษัทที่มีเอสซี แอสเสทฯ ร่วมทุนด้วย

               3. โครงการคอนโดมิเนียมบนที่ดินที่เป็นเดอะ พอร์ติโกปัจจุบันของ ณวรางค์ แอสเซ็ท ที่เคยออกข่าวว่าจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งราคาขายก็คงต้องไม่น้อยเช่นกัน

               4. โครงการอมัน นายเลิศ เรสซิเดนเซส กรุงเทพฯ ที่เปิดขายมาสักระยะแล้ว บนที่ดินที่เป็นโรงแรมปาร์ค นายเลิศถนนวิทยุ โครงการคอนโดมิเนียมพร้อมการบริหารโดยโรงแรมระดับโลก

               5. โครงการคอนโดมิเนียมบนที่ดินที่เพิ่งมีการซื้อขายกันไปล่าสุดของไสวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์, เอชเคอาร์ และซิตี้เรียลตี้ ก็น่าติดตามเพราะที่ดินแปลงใหญ่มาก

               6. โครงการสุนทรียา ราชดำริ ของอารียา พร็อพเพอร์ตี้ โครงการคอนโดมิเนียมบนที่ดินเช่าระยะยาวติดถนนราชดำริ

               7. โครงการดุสิต เรสซิเดนเซส และดุสิต พาร์คไซด์ ในโครงการดุสิต เซ็นทรัลพาร์ค โครงการร่วมทุนของดุสิตธานี และเซ็นทรัลพัฒนา 2 ส่วนพักอาศัยในราคาและรูปแบบโครงการที่แตกต่างกันที่มีพร้อมการบริหารโครงการโดยแรงแรม 5 ดาว

               8. โครงการคอนโดมิเนียมบนที่ดินที่เป็นโครงการวัน แบงค็อก ซึ่งคาดว่าจะขายในราคา แพงพร้อมส่วนบริหารโครงการที่เป็นโรงแรม 5 ดาว

               9. โครงการนิมิต หลังสวนที่การก่อสร้างยังเดินหน้าแบบช้าๆ  ก็น่าสนใจเช่นกัน เพราะด้วยทำเลที่ตั้งโครงการและเรื่องราวที่ผ่านมา

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 23มี.ค.ที่ระดับ 34.20 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทวันนี้อาจแกว่งตัว sideways ในกรอบ 34.10-34.30 บาทต่อดอลลาร์ หลังแข็งค่าขึ้นแรงจากทั้ง การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ

เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 23มีนาคม2566ที่ระดับ  34.20 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.44 บาทต่อดอลลาร์
 
นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแข็งค่ามากกว่าที่เราคาด หากเกิดกรณีที่ เฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด

แต่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนคาดการณ์ดอกเบี้ย หรือ Dot Plot มากนัก ซึ่งเรามองว่า ปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทมาจากทั้ง การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ

ส่วนในวันนี้ เรามองว่า ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ในกรอบ 34.10-34.30 บาทต่อดอลลาร์ หลังจากปรับตัวแข็งค่าขึ้นแรงจากวันก่อนหน้า แต่มองว่า เงินบาทมีโอกาสผันผวนพอสมควร 

เพราะบรรยากาศในตลาดการเงินเริ่มกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ทำให้มีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะยังไม่รีบกลับเข้าซื้อหุ้นไทย (แต่แรงขายเริ่มลดลงต่อเนื่องแล้ว)

อย่างไรก็ดี แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าก็อาจถูกลดทอนด้วยโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้
 
ส่วนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) หาก BOE ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด และไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องที่ชัดเจน 

แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ก็อาจกดดันให้ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) อ่อนค่าลงได้บ้าง และหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งก็อาจเป็นปัจจัยกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าได้บ้าง
 
ทว่า หาก BOE ขึ้นดอกเบี้ย +0.50% ตามเดิม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง สวนทางกับสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็มีโอกาสที่จะเห็นเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) เดินหน้าแข็งค่าขึ้นต่อ กดดันให้เงินดอลลาร์เคลื่อนไหว sideways หรืออ่อนค่าลงได้
 
ในช่วงนี้ เรามองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง (ค่าเงินบาทผันผวนในระดับ 9%-10% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมาที่ระดับ 5% เป็นอย่างมาก)

 ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
 
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.10-34.30 บาท/ดอลลาร์

แม้ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินเฟด (FOMC) จะมีมติขึ้นดอกเบี้ย +0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่มุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดที่ยังคงสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อจนแตะระดับ 5.25% และ

ไม่ได้มองว่าเฟดจะจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้า (เฟดหยุดการขึ้นดอกเบี้ยที่ 5.00% ก่อนจะทยอยลดดอกเบี้ยลงแตะระดับ 4.25% ปลายปี)

 ได้กดดันบรรยากาศในฝั่งตลาดการเงินสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) อีกครั้ง กอปรกับ ผู้เล่นในตลาดยังคงสับสนต่อท่าทีของทางการสหรัฐฯ ในการคุ้มครองเงินฝาก 100% ทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารกลับมาเผชิญแรงขายต่อ (BofA -3.3%, JPM -2.6%) ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ดิ่งลงกว่า -1.65%
 
อย่างไรก็ดี แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับตัวลงแรง แต่ในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +0.15% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังผู้เล่นในตลาดคลายความวิตกกังวลต่อปัญหาเสถียรภาพของระบบธนาคารยุโรป 

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมพอสมควร (Hermes +1.1%, Kering +0.7%) ท่ามกลางความหวังแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
 
ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ แม้เฟดจะส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง แต่ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลว่าปัญหาในระบบธนาคารที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาและแนวโน้มการคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงของเฟด อาจยิ่งกดดันภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ 

และเพิ่มโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงมุมมองเดิมว่า เฟดจะกลับมาลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องหลังจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคมได้ ซึ่งมุมมองดังกล่าว

 รวมถึงภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 3.45% ซึ่งเรามองว่า ตลาดอาจมีมุมมองเชิงลบที่มากเกินไป แต่แนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่งเสี่ยงต่อการปรับมุมมอง (Repricing) 

หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด ทำให้เรามองว่า นักลงทุนควรใช้จังหวะที่บอนด์ยีลด์ระยะยาวปรับตัวลดลง ในการทยอยขายทำกำไรบ้าง และรอจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อสะสม (อาจไม่ต้องรอให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทะลุระดับ 4.00%)
 
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 102.2 จุด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดก็ยังคงมองว่า สุดท้ายเฟดจะต้องกลับมาทยอยลดดอกเบี้ยลง 

แม้ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยแตะระดับ 5.25% ตามที่เฟดเคยคาดการณ์ไว้ในการประชุมเดือนธันวาคม ส่วนในฝั่งราคาทองคำ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด

 รวมถึงการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับ 1,973 ดอลลาร์ต่อออนซ์
 
สำหรับวันนี้ ในฝั่งโซนเอเชีย ตลาดคาดว่า การชะลอตัวต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อ และภาพเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก จะส่งผลให้ธนาคารกลางไต้หวัน (CBC) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ต่อ 

ขณะที่ ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) อาจจำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 6.25% หลังอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงถึง 8.6%
 
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนกุมภาพันธ์ของอังกฤษ ได้เร่งตัวขึ้นแตะระดับ 10.4% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 

ทำให้ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดคาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะตัดสินใจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย +0.25% สู่ระดับ 4.25% (จากระดับปัจจุบันที่ 4.00%) ท่ามกลางความกังวลต่อเสถียรภาพของระบบธนาคารฝั่งยุโรปและแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษที่ชะลอลง แต่ปัญหาเงินเฟ้อสูงก็ยังแก้ไขไม่สำเร็จ
 
และในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและการว่างงานต่อเนื่อง ซึ่งหากออกมาดีกว่าคาด ก็อาจทำให้ตลาดเริ่มปรับมุมมองต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดได้บ้าง

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เล่นไม่เลิก! ทีมชาติไทย ยู-23 ไล่ตีเจ๊า ซาอุดิอาระเบีย ทดเจ็บ 2-2 ประเดิมศึกโดฮา คัพ

การแข่งขันฟุตบอลโดฮา คัพ 2023 นัดแรก ทีมชาติไทย ยู-23 พบกับ ซาอุดิอาระเบีย ยู-23 ที่ อัล อาห์ลี สเตเดียม เมื่อคืนวันพุธที่ 22 มีนาคม 2566

เกมนี้ อิสสระ ศรีทะโร วาง สามตัวรุกเป็น อนันต์ ยอดสังวาลย์, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย และ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว

เริ่มเกม ซาอุฯ มาได้โอกาสลุ้นก่อนสองครั้ง แต่โสภณวิชญ์ รักญาติ ยังป้องกันไว้ได้

และนาทีที่ 10 ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ไปตัดบอลจากกองหลังซาอุฯ ได้ก่อนลากไปยิงด้วยซ้ายเข้าไปให้ ทีมชาติไทย ยู-23 นำก่อน 1-0

นาทีที่ 23 โมฮาเหม็ด วาฮีบ อาบู ชามัต เปิดให้ โมฮัมเหม็ด คาลิล มาร์ราน โขกเข้าไปให้ สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1

นาทีที่ 32 อนันต์ ยอดสังวาลย์ มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว และเป็น ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท ที่ลงมาเล่นแทน

ช่วงเวลาไม่มีประตูเพิ่มเติมจบครึ่งแรกยังเสมอกัน 1-1

ครึ่งหลังนาทีที่ 48 จากฟรีคิก แล้วเป็น รายาน โมฮัมหมัด ที่โขกเข้าไป แม้จะยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าแต่ไลน์แมนไม่ยกธง ให้ ซาอุฯ นำ 2-1

ทดเจ็บนาทีสุดท้ายจากฟรีคิก ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว เปิดให้ โจนาธาร เข็มดี โขกเข้าไป แล้วจบทีมชาติไทย ยู-23 เสมอ ซาอุฯ ไป 2-2

โปรแกรมนัดต่อไป ทีมชาติไทย ยู-23 จะพบกับ กาตาร์ ยู-23 ที่ อัล ดูฮาอิล สเตเดียม  คืนวันที่ 25 มีนาคม 2566 เวลา 02.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ถ่ายทอดสดทาง AIS Play

รายชื่อ 11 ตัวจริงทีมชาติไทย
โสภณวิชญ์ รักญาติ (GK), ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์, โจนาธาร เข็มดี, ทรงชัย ทองฉ่ำ, อิรฟาน ดอเลาะ (C), ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย, อนันต์ ยอดสังวาลย์, ลีออน พิชญ เจมส์, เศรษฐสิทธิ์ สุวรรณเศรษฐ์, บุคฆอรี เหล็มดี

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ไข้เลือดออก มีอาการอย่างไร วิธีรักษาป้องกันโรคไข้เลือดออก

ไข้เลือดออก บางคนเดินเข้าโรงพยาบาลไปนอนรักษาง่ายๆ ไม่กี่วันก็กลับบ้าน แต่บางคนสามารถมีอาการหนักจนถึงขั้นเข้าห้องไอซียู ให้เลือด ให้น้ำเกลือ หากร่างกายอ่อนแอจนไม่สามารถต้านทานไหว หรือเข้าสู่ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ก็อาจเสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่วันได้เช่นกัน

ปัจจุบันไข้เลือดออกกำลังเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขและการแพทย์ของประเทศไทย เพราะแต่ละปีมีผู้ป่วยจากทุกภาคเป็นจำนวนมากส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี และโรคนี้มักระบาดมากในฤดูฝนเพราะมียุงลายชุกชุม

ไข้เลือดออก เกิดจากอะไร

ไข้เลือดออกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเด็งกีซึ่งเป็นไวรัสชนิดหนึ่ง มียุงลายเป็นพาหะนำโรค กล่าวคือ ยุงลายจะกัดคนที่เป็นโรคไข้เลือดออกก่อนแล้วจึงไปกัดคนที่อยู่ใกล้เคียงก็จะเป็นการแพร่เชื้อให้คนอื่นๆ ต่อไป 

อาการของโรคไข้เลือดออก แบ่งเป็น 3 ระยะได้แก่

  • ระยะที่ 1 ระยะไข้สูง ผู้ป่วยจะมีไข้สูงเกิดขึ้นฉับพลันและไข้จะสูงลอยตลอดเวลาอยู่ประมาณ 2-7 วัน กินยาลดไข้ ไข้มักจะไม่ลด หน้าแดง ตาแดง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ กระหายน้ำ เบื่ออาหาร อาเจียน ซึม บางรายอาจปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงขวาหรือปวดท้องทั่วไป และอาจมีท้องผูกหรือถ่ายเหลวร่วมด้วย ส่วนมากมักไม่มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลหรือไอมากแต่บางรายอาจมีอาการเจ็บคอ คอแดงและไอเล็กน้อยประมาณวันที่ 3 อาจมีผื่นแดง ไม่คันขึ้นตามแขนขาและลำตัวอยู่ประมาณ 2-3 วัน บางรายอาจมีจ้ำเขียวหรือจุดเลือดออกเกิดขึ้นซึ่งมีลักษณะเป็นจุดสีแดงเล็กๆ ขึ้นตามหน้า แขนขา ซอกรักแร้ ในช่องปาก และอาจคลำพบตับโตกดเจ็บเกิดขึ้นได้ ในระยะนี้ถ้ามีอาการรุนแรงจะปรากฏอาการระยะที่ 2 ต่อไป
  • ระยะที่ 2 ระยะช็อกและมีเลือดออก อาการมักจะเกิดช่วงวันที่ 3 – 7 ของโรคซึ่งถือว่าเป็นช่วงวิกฤต โดยอาการไข้จะลดลงอย่างรวดเร็วแต่ผู้ป่วยมักมีอาการทรุดหนักและมีภาวะช็อกเกิดขึ้น คือ กระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวเย็น มือเท้าเย็น ปัสสาวะออกน้อย ชีพจรเต้นเบาแต่เร็ว ความดันเลือดต่ำ ซึม นอกจากนี้อาจมีเลือดออกตามผิวหนังหรือมีจ้ำเขียวพรายย้ำขึ้น เลือดกำเดาไหล อาเจียน และถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสดๆ หรือเป็นสีกาแฟ ระยะนี้กินเวลาประมาณ 24 – 48 ชม. ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงทีอาจอันตรายถึงชีวิตได้ แต่ถ้าผู้ป่วยสามารถผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้ก็จะเข้าสู่ระยะที่ 3
  • ระยะที่ 3 ระยะฟื้นตัว ในรายที่ได้รับการรักษาถูกต้องและทันท่วงที ภาวะช็อกไม่รุนแรงอาการต่างๆจะเริ่มดีขึ้น และอาการที่แสดงว่าผู้ป่วยดีขึ้น คือ เริ่มรับประทานอาหารได้ ลุกนั่งได้ และร่างกายจะค่อยๆฟื้นตัวสู่สภาพปกติ ระยะนี้อาจกินเวลาประมาณ 2-3 วัน รวมระยะเวลาของโรคไข้เลือดออกที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนประมาณ 7-10 วัน 

ไข้เลือดออก อันตรายถึงชีวิต

ผู้ป่วยบางรายแค่มีอาการไข้ขึ้นสูง พอไข้ลดก็กลับบ้านได้เลย แต่ผู้ป่วยบางรายอาการหนัก ทั้งนี้ขึ้นอยู่เชื้อที่ได้รับ และภูมิต้านทานโรคของตัวผู้ป่วยเอง จึงทำให้ความรุนแรงของอาการไข้เลือดออกในแต่ละคนไม่เท่ากัน

ช่วงที่อันตรายที่สุด ของโรคไข้เลือดออก

ในช่วงที่รักษาตัวจนไข้ลด ภายใน 48 ชั่วโมง ผู้ป่วยที่มีอาการหนักอาจเกิดอาการช็อก หรือเลือดออกตามร่างกาย ซึ่งสาเหตุจากการเสียชีวิตในโรคนี้ก็มาจากอาการช็อก ร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรง (แม้เราจะไม่เห็นผู้ป่วยมีอาการขาดน้ำจากภายนอกแต่ย่างใด) น้ำในหลอดเลือดจะไหลไปอยู่ในเนื้อเยื่อข้างเคียง ความดันเลือดลดลง จนเกิดอาการช็อกตามมา แต่หากไม่แสดงอาการใดๆ ก็จะถือว่าปลอดภัยแล้ว

โรคไข้เลือดออก ติดต่อได้อย่างไร

โรคไข้เลือดออก มักติดต่อจากคนไปสู่คน ซึ่งมียุงลายเป็นตัวพาหะที่สำคัญ (Aedes aegypt) โดยยุงตัวเมียจะกัดและดูดเลือดของผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสเดงกี จากนั้นเชื้อจะเข้าไปฟักตัวและเพิ่มจำนวนในตัวยุงลาย ทำให้มีเชื้อไวรัสอยู่ในตัวของยุงตลอดระยะเวลาของมันประมาณ 1 – 2 เดือน แล้วถ่ายทอดเชื้อไปสู่คนที่ถูกกัดได้ ยุงลายเป็นยุงที่อาศัยอยู่ในบริเวณบ้าน มักออกกัดเวลากลางวัน มีแหล่งเพาะพันธุ์ คือ น้ำนิ่งที่ขังอยู่ในภาชนะเก็บน้ำต่างๆ อาทิ โอ่ง แจกันดอกไม้ ถ้วยรองขาตู้ จาน ชาม กระป๋อง หม้อ ยางรถยนต์ หรือกระถาง เป็นต้น

โรคไข้เลือดออก พบโดยมากในฤดูฝน เนื่องจากในฤดูนี้เด็กๆ มักจะอยู่บ้านมากกว่าฤดูอื่นๆ อีกทั้งยุงลายยังมีการแพร่พันธุ์มากในฤดูฝน ซึ่งในเมืองใหญ่ๆ อย่าง กรุงเทพฯ อาจพบโรคไข้เลือดออกนี้ได้ตลอดทั้งปี

ลักษณะของยุงลาย

ยุงลายที่เป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก คือ ยุงลายตัวเมีย มีลักษณะเป็นลายสีขาวสลับดำที่ท้อง ลำตัวและขา พบมากตามบ้านอยู่อาศัยและในสวน ออกหากินในเวลากลางวันและขยายพันธุ์โดยวางไข่ในน้ำนิ่ง พบบ่อยตามภาชนะที่มีน้ำขัง เช่น โอ่งน้ำ แจกันดอกไม้ จานรองขาตู้กับข้าว ยางรถยนต์เก่า และเศษวัสดุอื่นๆ เป็นต้น 

การรักษาโรคไข้เลือดออก

การรักษา โรคไข้เลือดออก นั้นยังไม่มียาต้านเชื้อไวรัสที่มีฤทธิ์เฉพาะตัวสำหรับกำจัดเชื้อไวรัสเดงกี การรักษาตามอาการจึงเป็นสิ่งที่สมควรทำมากที่สุด ในขั้นแรกเมื่อมีไข้สูงจะให้ยาพาราเซตามอล ห้ามให้ใช้ยาแอสไพรินเด็ดขาด เพราะจะทำให้เลือดออกรุนแรงขึ้น หากมีอาการคลื่นไส้อาเจียนให้ใช้ยาแก้คลื่นไส้และให้ดื่มน้ำเกลือแร่ หรือน้ำผลไม้ครั้งละน้อยๆ แต่บ่อย รวมถึงสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดภาวะช็อคได้ ซึ่งภาวะช็อคส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในช่วงที่ไข้ลด ผู้ปกครองควรทราบอาการ ได้แก่ อาการปวดท้อง ปัสสาวะน้อยลง มีอาการกระสับกระส่าย หรือเซื่องซีม มือเท้าเย็นพร้อมๆ กับไข้ลด หน้ามืด เป็นลมง่าย หากเกิดอาการเช่นนี้ให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที

การป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงลายกัด

  1. นอนในมุ้งหรือห้องที่มีมุ้งลวด
  2. จุดยากันยุงหรือใช้ยาทาหรือยาฉีดกันยุง และควรใช้อย่างระมัดระวัง
  3. ไม่ควรอยู่ในบริเวณที่อับลมหรือเป็นมุมมืด มีแสงสว่างน้อย
  4. หมั่นอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดเพราะเหงื่อจะดึงดูดให้ยุงกัดมากขึ้น

วิธีควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ทำได้ดังนี้

  1. กำจัด – ทำลาย – ฝัง – เผา เศษภาชนะที่ไม่ใช้ภายในบ้านและบริเวณรอบบ้านไม่ให้มีน้ำขัง
  2. ควรปิดฝาโอ่งน้ำดื่ม น้ำใช้ ให้สนิท
  3. ใส่ผงซักฟอกหรือน้ำส้มสายชูหรือเกลือแกงหรือขี้เถ้าหรือทรายอะเบต หรือเทน้ำเดือดลงในจานรองขาตู้ทุกสัปดาห์
  4. ใส่ปลาหางนกยูงลงในอ่างบัว ถังเก็บน้ำในห้องน้ำเพื่อกินลูกน้ำ
  5. ขัดล้างภาชนะเก็บกักน้ำ เพื่อขจัดยุงลาย
  6. เปลี่ยนน้ำในแจกันดอกไม้ทุก 7 วัน เพื่อทำลายไข่ยุงลาย
  7. ทำความสะอาดรางระบายน้ำฝนให้สะอาด
  8. ปรับปรุงสภาพแวดล้อมรอบบ้าน ชุมชน ให้สะอาด

การดูแลตนเองหากเป็นโรคไข้เลือดออก

  1. ในระยะ 2 – 3 วันแรกของการเป็นไข้ถ้ายังรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ ไม่อาเจียน ไม่ปวดท้อง ไม่มีจ้ำเลือดขึ้นและยังไม่มีอาการเลือดออกหรือภาวะช็อกเกิดขึ้น ควรปฏิบัติดังนี้
    • ให้ผู้ป่วยพักผ่อนมากๆ
    • หากมีไข้สูงให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวบ่อยๆและให้ยาลดไข้พาราเซตามอล ผู้ใหญ่กิน 1-2 เม็ด เด็กโต ½ – 1 เม็ด เด็กเล็กใช้ชนิดน้ำเชื่อม 1- 2 ช้อนชา ถ้ายังมีไข้รับประทานซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมง
      ห้ามให้ยาแอสไพริน โดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้มีเลือดออกได้ง่ายขึ้น
    • ถ้าเป็นผู้ป่วยเด็กและเคยชัก ควรให้รับประทานยากันชักไว้ก่อน
    • รับประทานอาหารอ่อนๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก และดื่มน้ำมากๆ
    • เฝ้าสังเกตอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
  2. ถ้าผู้ป่วยอาเจียนมากหรือมีเลือดออกหรือมีภาวะช็อกเกิดขึ้นควรรีบส่งโรงพยาบาล

เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับไข้เลือดออก

ถึงแม้ว่าเราจะรู้สาเหตุว่า ‘โรคไข้เลือออก’ นั้นเกิดมาจากอะไร และควรที่จะปฏิบัติตัวเพื่อให้ห่างไกลสิ่งเหล่านั้นอย่างไร แต่ก็ยังข้อมูลอีกไม่น้อยที่เป็นความเชื่อผิด รวมถึงสิ่งที่ยังไม่รู้อีกมาก วันนี้เราจะลองเอาให้ได้ทบทวนกันอีกครั้ง เพื่อให้การป้องกันไข้เลือดออกสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

  1. เมื่อเป็นไข้เลือดออกแล้วจะไม่กลับมาเป็นอีกจริงๆ เรื่องนี้ก็มีทั้งถูกและผิด เพราะเมื่อเป็นไข้เลือดออกครั้งแรกแล้ว ร่างกายของเราก็จะมีภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นอีก แต่ ! เชื้อไว้รัสที่เป็นต้นตอของไข้เลือดออกนี้มีอยู่ 4 สายพันธุ์ หากติดเชื้อจากสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งแล้วก็จะมีภูมิคุ้มกันของสายพันธ์นั้น ถ้าหากเราติดเชื้อเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นคนละสายพันธุ์กันกับในตอนแรก ภูมิคุ้มกันที่มีก็จะป้องกันสายพันธุ์ใหม่นี้ไม่ได้ทั้งหมด ก็อาจทำให้เป็นไข้เลือดออกได้อีก และอาจรุนแรงกว่าเดิมมาก 
  2. กลุ่มอายุที่ป่วยเป็นไข้เลือดออก
    จากเก็บรวบรวมข้อมูล ก็ยังพบว่ากลุ่มอายุที่ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกสูงสุด คือ กลุ่มอายุ 10 – 14 ปี รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 5 – 9 ปี , 15 – 24 ปี , 25 – 34 ปี ปิดท้ายด้วยกลุ่มอายุ 0 – 4 เดือน ซึ่งผู้ป่วยที่พบได้มากที่สุดจะเป็น นักเรียน ฉะนั้น เมื่อต้องใช้ชีวตอยู่ในโรงเรียนก็ต้องระมัดระวังไม่ให้อยู่กัด หรืออยู่ในบริเวณน้ำขังที่อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงได้
  3. ถึงมีผู้ป่วยมาก แต่ก็ยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสเดงกี่
    รู้กันดีว่าโรคไข้เลือดออกนั้นเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ ซึ่งตอนนี้ทางการแพทย์ยังไม่มียาสำหรับฆ่าเชื้อให้หายได้ 100% เปอร์เซ็นต์ ทำได้เพียงรักษาไปตามอาการ ทั้งยังต้องเฝ้าระวังภาวะช็อกและเลือดออกอย่างใกล้ชิด โดยแพทย์ก็จะมีหลักในการรักษา คือ ให้ยาพาราเซตามอลในระยะที่มีไข้สูง ห้ามใช้ยาแอสไพริน เพราะจะทำให้อาการเลือดออกรุนแรงขึ้น ดูการเปลี่ยนแปลงของเกร็ดเลือดเป็นระยะ และมีให้สารน้ำชดเชยเพราะผู้ป่วยจะเบื่ออาหาร มีอาการอาเจียน ทำให้ขาดน้ำและโซเดียม นอกจากนั้น ยังต้องเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่จะตามมาด้วย 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


คำศัพท์ TOEFL: Natural Disaster

สำหรับคำศัพท์ TOEFL ในวันนี้ DailyEnglish ขอเสนอคำศัพท์ในหมวดหมู่ของภัยพิบัติธรรมชาติ (natural disaster)

หลายๆคนคงเคยได้ยินคำศัพท์เกี่ยวกับภัยธรรมชาติกันแล้ว ทั้งในห้องเรียน หรือจากการติดตามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว (earthquake) ดินถล่ม (landslide)  ไฟป่า (wildfire) หรือเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ (tsunami) ที่เกิดขึ้นในภูเก็ตบ้านเรา ทีนี้เรามาดูคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติธรรมชาติกันครับ

1. anticipate (V.) อ่านว่า แอน-ทิ-ซิ-เพท
คาดการณ์ล่วงหน้า ใช้คำว่า expect หรือ predict ได้เช่นกันครับ

2. catastrophic (Adj.) อ่านว่า แค-แทส-ตรอ-ฟิค
เหตุการณ์ร้าย ทำให้เกิดหายนะทั้งในเชิงกายภาพ หรือทรัพย์สิน

3. collide (V.) อ่านว่า คอล-ลายด์
พุ่งชนอย่างรุนแรง หรือแปลว่า ขัดแย้งกัน ก็ได้

4. eruption (N.) อ่านว่า อิ-รั๊พ-เชิ่น
การระเบิดอย่างกะทันหัน
มักตามหลังด้วย of (eruption of)

5. famine (N.) อ่านว่า แฟ-มิน
ภาวะความขาดแคลนอาหาร มักมาพร้อมกับโรคติดต่อ (epidemic)

6. flood (N.) อ่านว่า ฟลั่ด
น้ำท่วม

7. impact (N.) อ่านว่า อิม-แพ็คท์
ผลกระทบ ในบริบทของสื่อจะแปลว่า สิ่งจูงใจ ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมเกิดความคล้อยตามได้
มักตามหลังด้วย on หรือ of (impact on/of)

8. persevere (V.) อ่านว่า เพอ-เซอ-เวียร์
มีความมุ่งมั่น ความพยายาม คำว่า endure (อดทน) หรือ persist (ยืนกราน) มีความหมายใกล้เคียงกันครับ

9. plunge (V.) อ่านว่า พลันจ์
พุ่งลงไปอย่างแรง ใช้ได้กับสิ่งของ หรือตัวเลข เช่นผลประกอบการของบริษัท หรือยอดขาย เป็นต้น
มักจะตามหลังด้วย into (plunge into)

10. unleash (V.) อ่านว่า อัน-ลีช
ปล่อย อาจเป็นสิ่งของ หรือเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกก็ได้ครับ

แบบฝึกหัด TOEFL

Choose the word that best complete each sentence.

1. Residents of Hawaii must accept the possibility of a volcanic (eruption/perseverance).

2. Years after the accident, she was finally able to (anticipate/unleash) her feelings of anger.

3. Houses along the river often face (famine/flooding) during the rainy season.

4. Many people think it is cruel to (collide/plunge) live lobsters in boiling water.

5. A well-written essay should make some kind of (catastrophe/impact) on its readers.

.
.
.
.
.
.
เฉลย

1. eruption
2. unleash
3. flooding
4. plunge
5. impact

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


ชาวโซเชียลตั้งข้อสงสัย #ซีเซียม-137 ปลอดภัยแน่นะวิ?

จากกรณีท่อบรรจุสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 นิ้ว หายไปอย่างปริศนาจากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งมีการประกาศตามหาและให้รางวัลสำหรับผู้พบเบาะแสเป็นเงินทั้งสิ้น 1 แสนบาท ข่าวนี้ทำให้โซเชียลตื่นตระหนกพร้อมความกังวลใจเพราะสารกัมมันตรังสีดังกล่าวเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว หากสารกัมมันตรังสีภายในออกมาจากท่อเหล็กที่ห่อหุ้มเอาไว้

ด้วยเหตุนี้ บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE ระหว่างวันที่ 14-21 มีนาคม 2566 พบว่า ข้อความที่เกิดขึ้นทั้งหมดมากกว่า 12,000 ข้อความ และมีเอ็นเกจเมนต์มากกว่า 7,000,000 เอ็นเกจเมนต์ จากผู้ใช้งานทั้งสิ้น 2,700 แอคเคาต์ เฉลี่ยในช่วงระยะเวลาการเก็บข้อมูลมีเอ็นเกจเมนต์ต่อวันสูงถึง 870,000 ต่อวัน

ข้อความส่วนมากเกิดขึ้นบน Facebook เป็นหลักคิดเป็น 61.56% ตามมาด้วย Twitter (17.7%), YouTube (10.26%) และช่องทางอื่นๆ (10.48%)

เปิดไทม์ไลน์ ‘ซีเซียม-137’ สารกัมมันตรังสีอันตราย 

มีการนำเสนอข่าวผ่าน Bugaboo.tv เป็นที่แรกในช่วง 0.00 นาฬิกาของวันที่ 14 มีนาคม ใจความว่า ‘ประเด็นเด็ด 7 สี – เกิดเหตุ ซีเซียม 137 ซึ่งเป็นวัตถุกัมมันตรังสี หายออกไปจากโรงผลิตไฟฟ้าแห่งหนึ่งที่จังหวัดปราจีนบุรี ขณะที่เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติวอนร้านรับซื้อของเก่าโรงหลอม หากพบหรือรับซื้อไว้ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ อย่าแกะภาชนะห่อหุ้ม เพราะเป็นอันตรายต่อชีวิต’ ซึ่งเพียงวันแรกของการเสนอข่าว ชาวโซเชียลต่างให้ความสนใจมากถึงเกือบ 1 ล้านเอ็นเกจเมนต์! 

หลังจากนั้น ข่าวค่อนข้างเงียบหายไปจากโซเชียลมีเดีย คอมเมนต์จากชาวโซเชียลบ้างก็เกิดความสงสัยว่าทำไมข่าวนี้ยังไม่เป็นวาระแห่งชาติเนื่องจากส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างมาก หรือสื่อที่นำเสนอข่าวนี้น้อยกว่าข่าวดาราเลิกกันด้วยซ้ำ จนกระทั้งวันที่ 19 มีนาคม ข่าวนี้กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง เนื่องจากค้นพบ #ซีเซียม-137 แล้วที่โรงหลอมเหล็กของบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) ในสภาพถูกบีบอัดเป็นก้อนสี่หลี่ยม เจ้าหน้าใช้เครื่องมือตรวจจับรังสีได้ทันเวลาก่อนเกิดเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ในวันนี้มีการพูดถึงข่าวดังกล่าวมากกว่า 600,000 เอ็นเกจเมนต์ และกราฟการพูดถึงได้ขึ้นสูงสุดในวันที่ 20 มีนาคม กวาดเอ็นเกจเมนต์รวมเกือบ 4,000,000 เอ็นเกจเมนต์ ถือว่าชาวโซเชียลให้ความสนใจมากขึ้นเกือบ 7 เท่า ซึ่งคอนเทนต์ที่ได้รับเอ็นเกจเมนต์ดีมาก คือ คลิปสรุปข่าวทั้งหมดบนช่องทาง TikTok จากผู้ใช้งานทั่วไป และคลิปที่นำเสนอแนวทางป้องกันตัวสำหรับคนที่มีโอกาสสัมผัสซีเซียม-137 หรืออยู่ในละแวกใกล้เคียงในจังหวัดปราจีนบุรี หากพบอาการตามในคลิป ให้รีบไปพบแพทย์

ความกังวลและข้อสงสัยแพร่กระจายไปในทุกช่วงอายุ

ถึงแม้จะมีประกาศข่าวยืนยันจากเจ้าหน้าที่ว่าควบคุมไม่ให้สารกัมมันตรังสีแผ่ออกไปภายนอก พร้อมแสดงภาพทดสอบระบบวัดสารกัมมันตรังสีด้านนอกเป็นปกติ ในวันที่ 20 มีนาคม พร้อมภาพยืนยันว่าได้ทำการซีลปิดระบบ ห้องที่เก็บบิ๊กแบ็ค ฝุ่นปนเปื้อนซีเซี่ยม-137 เรียบร้อยแล้ว ไม่มีผลกระทบกับประชาชนด้านนอกแน่นอน แต่ชาวโซเชียลทุกเพศ ทุกวัย ก็ยังกังวลกับเรื่องดังกล่าวอยู่ เช่น ตัวอย่างโพสต์บน Instagram ของคุณบุ๋ม ปนัดดา ซึ่งเป็นแคปเจอร์หน้าจอการคุยกับลูกสาวโดยตั้งแคปชั่นว่า ‘เมื่อลูกสนใจข่าว #ซีเซียม137 แล้วบอกลูกว่าเจอแล้ว แต่ไม่กล้าบอกเต็มปากว่า เจอแบบไหน? ปลอดภัยรึเปล่า? หรือข้อความจากผู้ใช้งานทาง Twitter ใจความว่า ‘เรื่องสารกัมมันตรังสี​ที่หายไปและถูกเอาไปหลอมในโรงงานหลอมเหล็กเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก​ และจะส่งผลกระทบถึงสุขภาพและร่างกาย​ของคนแถบนั้นอาจจะทั้งอำเภอหรือทั้งจังหวัดว่าฝุ่นรังสีกระจายไปถึงไหน แต่รัฐบาลคือเฉยมากเหมือนไม่มีอะ​ไร​เกิดขึ้น’ หรือแม้กระทั่งเพจสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าวเอง ก็ออกมาโพสต์รูปถามถึงการเก็บฝุ่นแดงปนเปื้อนซีเซียม-137 ว่า ‘อยู่ในระบบปิดแน่นะวิ’ เรียกได้ว่า ไม่ว่าจะช่วงอายุไหน หรือ Generation ใด ก็ล้วนกังขาในเรื่องความปลอดภัยและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในระยะยาวทั้งสิ้น 

ประชาชนต้องการข้อมูลโปร่งใส ชัดเจน และรวดเร็ว

การให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผลกระทบ และแนวทางการป้องกัน คือ สิ่งที่ชาวโซเชียลต้องการทราบมากที่สุดในขณะนี้ เช่น การฟุ้งกระจายเกิดขึ้นจริงไหม ไกลแค่ไหน พื้นที่ไหนควรเฝ้าระวัง อาการที่อาจจะเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง รัฐมีแผนการเยียวยาอย่างไร

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญ คือ ความชัดเจนและความรวดเร็วในการสื่อสารของภาครัฐ อีกทั้งยังมีการสื่อสารเรื่องการบริหารจัดการหลังเกิดเหตุที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กลับมา เนื่องจากในตอนนี้ชาวโซเชียลหลายกลุ่มยังได้ข้อมูลแบบกระจัดกระจาย และบางข้อมูลอาจเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งชาวโซเชียลก็ยังคงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีประกาศอะไรเพิ่มเติมจากผลกระทบของวิกฤตในครั้งนี้ และจะส่งผลกระทบต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้หรือไม่ในอนาคต

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง? เมื่อจะรีโนเวทบ้านเพื่อติดตั้ง Screw Driven Home Lift กับซีเบส ลิฟท์

การรีโนเวทบ้านกลายเป็นหัวข้อยอดนิยมเนื่องจากผู้คนมีเวลาอยู่ในบ้านมากขึ้นเพราะมาตรการการทำงานที่บ้าน และยิ่งการมีผู้สูงอายุในบ้าน ยิ่งทำให้ผู้คนตระหนักถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงการตกแต่งภายในและรวมถึงการต้องการติดลิฟท์ เป็นผลให้เจ้าของบ้านจำนวนมากเริ่มพิจารณาโครงการรีโนเวทบ้านเพื่อติดตั้งลิฟท์นั่นเอง โดยหลายคนอาจจะกังวลเรื่องของการปรับปรุงบ้าน ซึ่งการรีโนเวทบ้านนั้นอาจจะเป็นการทำเฉพาะส่วน หรือทำทั้งหลังได้นั่นเอง 

โดยการติดลิฟท์ส่วนใหญ่จะเป็นการรีโนเวทเฉพาะพื้นที่ที่จะติดตั้งลิฟท์ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ในบทความนี้ เราได้รวมประเด็นหลักที่ต้องพิจารณาก่อนที่คุณจะเริ่มดำเนินการรีโนเวทเพื่อติดตั้งลิฟท์

7 สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนเริ่มรีโนเวทและติดตั้งลิฟท์บ้าน

1.ประเมินงบประมาณและวางแผนล่วงหน้า

การวางแผนควรเป็นขั้นตอนแรกในการพิจารณาลงทุนในโครงการรีโนเวทบ้าน มองหาตัวเลือกทางการเงินที่มีอยู่ รวมถึงหากโครงการต้องมีใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร จะช่วยคุณในการกำหนดระยะเวลาโดยประมาณและงบประมาณโครงการโดยรวมอีกด้วย โดยราคาปกติของลิฟท์ของทางเรานั้นจะอยู่ไม่ได้ห่างกันมากเท่าไหร่ ซึ่งขนาดของลิฟท์ไม่ได้มีผลกับราคาเท่าเรื่องของ Feature ต่าง ๆ เช่น การติดพัดลมในลิฟท์ เป็นต้น โดยสิ่งที่ต้องคำนวณ คือ ค่าออกแบบโดยสถาปนิก, ค่าผู้รับเหมา และค่าเช่าที่อยู่อาศัย (กรณีไม่มีที่อยู่สำรอง)

2.พื้นที่ตรงไหนภายในบ้านที่จะติดลิฟท์บ้าน

เนื่องจากบ้านที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ไม่ได้มีแผนจะติดตั้งลิฟท์แต่แรก การหาพื้นที่ติดลิฟท์อาจจะเป็นเรื่องท้าทายสำหรับเจ้าของบ้าน ตรงนี้คุณสามารถปรึกษาทีม ซีเบส ลิฟท์ ได้ฟรี โดยปกติสถานที่หลัก ๆ ที่คนทั่วไปจะติดจะมี ข้างบันได วางลิฟท์ตรงมุมบ้าน หรือเป็นลิฟท์กลางแจ้ง ลิฟท์บ้านสำหรับผู้ที่มีปล่องอยู่แล้ว เป็นต้น ซึ่งลิฟท์ของเราในปัจจุบันสามารถมีที่ยืนได้สูงถึง 73%! ลิฟท์สามารถเคลื่อนที่ตั้งแต่ 0-20 เมตร หรือประมาณ 6 ชั้น โดยสิ่งสำคัญให้คำนึงถึงเวลาเปิด-ปิดประตูลิฟท์ว่าควรที่จะรองรับสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของบ้านด้วยเช่นกัน

3.ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรีโนเวทบ้าน

การก่อสร้าง ดัดแปลง ต่อเติมอาคาร อาจจะต้องดูข้อกฎหมายให้ดีก่อน โดยเฉพาะลิฟท์กลางแจ้ง กึ่งกลางแจ้ง เช่น ระยะห่างผนังที่กำหนด ระยะห่างชายคา/กันสาด การดัดแปลงอาคาร ความปลอดภัยที่กำหนดไว้ โดยบันไดจะต้องมีความกว้างไม่น้อยกว่า 80 เซนติเมตรอีกด้วยสำหรับอาคารพักอาศัย ถ้ามีลิฟท์ควรจะมีบันไดเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน

4.กำลังไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าในบ้าน

เนื่องจากลิฟท์นั้นใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน เจ้าของบ้านควรให้ความสนใจเรื่องนี้ด้วย ลิฟท์บ้านของทางซีเบสนั้น สามารถใช้กระแสไฟ 1 เฟสหรือ 3 เฟสได้ ขึ้นอยู่กับระดับโหลดและจำนวนชั้น ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาเรื่องกระแสไฟฟ้า คุณควรเตรียม BREAKER ขนาด 20A แยกไว้สำหรับลิฟท์ของคุณโดยเฉพาะ และที่สำคัญลิฟท์ของซีเบส ลิฟท์นั้นขึ้นชื่อเรื่องประหยัดพลังงานด้วยเทคโนโลยี EcoSilent 2.0 อีกด้วย

5.ใส่ใจกับพื้นที่การทำบ่อลิฟท์

ลิฟท์ของเรานั้นไม่ต้องทำบ่อลิฟท์ โดยการสร้างหลุมลิฟท์บ้านเป็นขั้นตอนสำคัญ เจ้าของบ้านต้องใส่ใจจำเป็นต้องออกแบบเพื่อประหยัดพื้นที่มากที่สุด การเลือกลิฟท์ที่มีชื่อเสียง ทีมงานด้านเทคนิคมืออาชีพจะให้คำแนะนำและช่วยเหลือเจ้าของบ้านเกี่ยวกับประเภทของลิฟท์บ้านที่เหมาะสมที่สุด ลูกค้าต้องเตรียมบ่อลิฟท์มีความลึก 60 มิลลิเมตร ตามขนาดที่กว้างและยาวที่กำหนดไว้ใน cut-out-size จากทางซีเบส ลิฟท์ ต้องมีการปรับระดับพื้นบ่อให้สม่ำเสมอ

6.การเตรียมพื้นที่เพื่อรับประตูลิฟท์

ในกรณีที่คานหรือพื้นที่แต่ละชั้นไม่เสมอกันเมื่อเช็คระดับจากแนวดิ่ง อาจจะต้องตัดหรือเพิ่มขึ้นอยู่กับหน้างาน ให้พื้นที่ทุกชั้นเสมอกัน โดยพื้นที่ทำใหม่ต้องได้ระดับแนวนอนและแข็งแรงเพื่อรับประตูลิฟท์ โดยตรงคานอาจจะสามารถมีจุดยึดลิฟท์ได้ ตามลักษณะหน้างาน โดยฝั่งทำประตูของซีเบส ลิฟท์นั้นสามารถเลือกได้และไม่จำเป็นต้องอยู่แค่ทางเดียวเท่านั้น สามารถเปิดตามชั้นที่มีพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดข้อจำกัดในการติดในแต่ละชั้น 

7.ระยะเวลาในการติดตั้งลิฟท์

สำหรับเวลาในการติดตั้งลิฟท์บ้านทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 10 วัน แต่การติดตั้งลิฟท์ของเรานั้นเร็วมาก ใช้เวลาเพียง 3-7 วันก็จะแล้วเสร็จ (ขึ้นอยู่กับความยาก-ง่ายและความสูงของแต่ละอาคาร)  โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการติดตั้งลิฟท์ซีเบสในบ้านที่สร้างใหม่ คือเมื่อตกแต่งบ้านไปประมาณ 90% หรือก่อนที่จะนำเฟอร์นิเจอร์เข้าในบ้านประมาณ 7 วัน เพื่อหลังจากติดตั้งลิฟท์เสร็จแล้วนั้นผู้รับเหมาของคุณสามารถเก็บงานรอยต่อระหว่างลิฟท์และบ้านเพื่อความกลมกลืนได้อย่างง่ายดาย

เนื่องจากซีเบสเป็นแบรนด์ที่มาจากประเทศสวีเดน ให้บริการโซลูชั่นลิฟท์แบบครบวงจรสำหรับอาคารที่พักอาศัยทุกประเภทในไทย เรามาเปิดตรงในไทยโดยเป็นสำนักงานจึงไม่ต้องกังวลว่าทางเราจะปิดตัวลง 

โดยลิฟท์บ้านของเรานั้นมีให้เลือกหลายรุ่น ดังนี้

Home Lift รุ่น Cibes Classic:

เป็นรุ่นคลาสสิค ราคาเริ่มต้นของทางเรา แต่มาพร้อมกับคุณสมบัติอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ผลิตภัณฑ์นี้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เพราะมีลิฟท์ให้เลือกมากถึง 17 ขนาด รับน้ำหนักได้ 300-400 กิโลกรัม เลือกปล่องลิฟท์เป็นกระจกได้สูงสุดถึง 5 ด้าน เพื่อความสวยงามและยังทำให้บ้านดูโปร่ง โล่ง ไม่อึดอัด สามารถเห็นวิวรอบ ๆ ลิฟท์ได้ 360 องศา 

Home Lift รุ่น Cibes V90/ Cibes V80/ Cibes V70:

นี่คือลิฟท์สายผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุดของซีเบส มีทั้ง V90 ลิฟท์เคบิ้น (ลักษณะแบบลิฟท์โดยสาร), V80 ลิฟท์แพลตฟอร์ม และ V70 ลิฟท์ไม่มีปล่อง ด้วยซีรี่ส์รุ่น Aurora, Galaxy และ Elegance มีตัวเลือกมากมาย แผงอิเล็กทรอนิกส์ หน้าจอสัมผัสที่ทันสมัย ลิฟท์บ้านอัจฉริยะ มีทั้งประตูลิฟท์แบบสวิงบานคู่ ชุดขับเคลื่อนเวอร์ชั่นใหม่ ลวดลายบนแผงคอนโทรล ปล่องลิฟท์เป็นกระจกใสขนาดใหญ่ทั้ง 4 ด้าน มีลิฟท์ให้เลือกมากถึง 41 ขนาด

Home Lift รุ่น Cibes Air:

ลิฟท์สไตล์สแกนดิเนเวียน แผงควบคุมมี 3 แบบให้เลือก: โลหะ/ไม้/ผ้า เลือกสีลิฟท์จากชาร์ตสี RAL ได้มากถึง 300 เฉดสี มีแพลตฟอร์มลิฟท์ 17 ขนาดให้เลือกเพื่อให้พอดีกับพื้นที่ในบ้านคุณ สามารถเลือกทำปล่องลิฟท์เป็นกระจกได้ถึง 360 องศา

ไม่เพียงแต่การมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเท่านั้น ซีเบส ลิฟท์ยังเอาชนะใจลูกค้าด้วยขั้นตอนการติดลิฟท์ที่ง่ายและรวดเร็ว เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้ห้องเครื่อง ไม่จำเป็นต้องสร้างบ่อลิฟท์จึงไม่กระทบต่อสถาปัตยกรรมเดิมของตัวบ้าน

ท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดของลิฟท์บ้านทุกรุ่นของซีเบส ได้ที่ Home Lift

ถ้าคุณสนใจติดตั้งลิฟท์บ้าน หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อเรามาได้ที่

บริษัท ซีเบส ลิฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด

โทรศัพท์ (ฝ่ายขาย) : 02-114-6499

โทรศัพท์ (บริการหลังการขาย 24 ชม.) : 02-114-6998

อีเมล : support_th@cibeslift.com

เว็บไซต์ : https://www.cibeslift.co.th/

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 23/03/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a31,750.0031,850.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,057.0031,184.1232,350.00
ทองรูปพรรณ 90%1,851.3028,065.71n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,645.6024,947.30n/a
ทองรูปพรรณ 50%926.0014,038.16n/a
ทองรูปพรรณ 40%720.0010,915.20n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,132.0032,321.12n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23/03/2566



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9534.8534.8535.9434.8534.8534.8534.8534.8534.8534.85
แก๊สโซฮอล์ 9134.5834.5835.6434.5834.5834.5834.5834.5834.5834.58
แก๊สโซฮอล์ E2032.5432.5433.3432.5432.5432.5432.5432.5432.54
แก๊สโซฮอล์ E8532.9932.9932.99
เบนซิน 9542.6642.7143.1642.8142.66
ดีเซล B733.9433.9434.2433.9433.9433.9433.9433.9433.9433.94
ดีเซล33.9433.9434.2433.9433.9433.9433.9433.9433.9433.94
ดีเซล B2033.9433.9434.2433.9433.9433.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.0643.1645.1444.2644.2643.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า