ทาวน์โฮมราคาไม่เกิน 3 ล้าน ห่างรถไฟฟ้าไม่เกิน 3 กิโลเมตร มีจริงไหม?
ทาวน์โฮม ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อยู่ใกล้รถไฟฟ้าไม่เกิน 3 กิโลเมตร เป็นตัวเลือกสำหรับคนอยากมีบ้านพักอาศัย ที่ไม่ใช่ห้องแคบ ๆ ในคอนโดมิเนียม แถมเดินทางสะดวก มีในตลาดบ้านหรือไม่ ประชาชาติธุรกิจ พาไปสำรวจ
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวประชาชาติ สำรวจทาวน์โฮมระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และอยู่ใกล้รถไฟฟ้า ไม่เกิน 3 กิโลเมตร ตอบโจทย์ของคนอยากมีบ้าน พบว่า ในตลาดทุกวันนี้ มีอย่างน้อย 5 โครงการที่น่าจะเป็นทางเลือก ดังนี้
ศุภาลัย เบลล่า วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 6
- เจ้าของโครงการ : บริษัท ศุภาลัย จํากัด (มหาชน)
- ที่ตั้ง : จังหวัดปทุมธานี
- ราคาเริ่มต้น : 1.89 ล้านบาท
- รายละเอียด : เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 113 ตารางเมตร มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม สถานีวงแหวนรอบนอกตะวันออก 2.6 กิโลเมตร
โกลเด้น ทาวน์ รัตนาธิเบศร์-เวสต์เกต
- เจ้าของโครงการ : บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
- ที่ตั้ง : จังหวัดนนทบุรี
- ราคาเริ่มต้น : 2.39 ล้านบาท
- รายละเอียด : เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น มี 3 แบบ ได้แก่
- เลซิน่า พื้นที่ใช้สอย 117 ตารางเมตร 4ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- มิลาโน พื้นที่ใช้สอย 103 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
- ซอร์เรนโต้ พื้นที่ใช้สอย 96 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
- ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางพลู 2.5 กิโลเมตร และสถานีคลองบางไผ่ 2.6 กิโลเมตร
Pleno รัตนาธิเบศร์-บางใหญ่
- เจ้าของโครงการ : บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
- ที่ตั้ง : จังหวัดนนทบุรี
- ราคาเริ่มต้น : 2.39 ล้านบาท
- รายละเอียด : เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 105.42 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีคลองบางไผ่ 2.5 กิโลเมตร
อินดี้ เวสต์เกต
- เจ้าของโครงการ : บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จํากัด (มหาชน)
- ที่ตั้ง : จังหวัดนนทบุรี
- ราคาเริ่มต้น : 2.65-4 ล้านบาท
- รายละเอียด : เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น มี 2 แบบ ได้แก่
- Familia พื้นที่ใช้สอย 122 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- Gemini พื้นที่ใช้สอย 89 ตารางเมตร 2ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
- ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีคลองบางไผ่ 2.8 กิโลเมตร
สิริ เพลส ราชพฤกษ์ – พระราม 5
- เจ้าของโครงการ : บริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน)
- ที่ตั้ง : จังหวัดนนทบุรี
- ราคาเริ่มต้น : 2.99 ล้านบาท
- รายละเอียด : เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น มี 3 แบบ ได้แก่
- LOFT128 พื้นที่ใช้สอย 128 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- LOFT111 พื้นที่ใช้สอย 111 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- LOFT93 พื้นที่ใช้สอย 93 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
- ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางพูล 2.8 กิโลเมตร
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
“สามารถ” เปิดข้อกังขา ปม คมนาคม ปัดชงครม.เคาะประมูลสายสีส้มก่อนศาล
“สามารถ” จับพิรุธ ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม หลังคมนาคมยัน รอศาลปกครองพิพากษา ก่อนชงครม.ไฟเขียว แนะไม่ควรลดคุณสมบัติผู้เดินรถไฟฟ้า เอื้อเอกชนบางราย
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่จะไม่นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) จนกว่าศาลจะตัดสินถึงที่สุดว่า กรณีที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประกาศก้องว่าจะไม่เสนอผลการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มให้ ครม. พิจารณาจนกว่าศาลปกครองจะพิพากษาถึงที่สุด จึงน่าติดตามว่าจะเป็นจริงตามคำประกาศหรือไม่
ปัจจุบันมีคดีรถไฟฟ้าสายสีส้มค้างอยู่ในศาลปกครอง 3 คดี ดังนี้
1. บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 (คณะกรรมการคัดเลือกฯ) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กรณีเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลครั้งที่ 1
วันที่ 3 กรกฎาคม 2563 รฟม. ประกาศเชิญชวนหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ) และเดินรถตลอดสายทั้งช่วงตะวันตกและตะวันออก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี) โดยเปิดขายเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (RFP) ในวันที่ 10-24 กรกฎาคม 2563
วันที่ 6 สิงหาคม 2563 หลังจากปิดขายเอกสาร RFP บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ซึ่งเป็นผู้ซื้อเอกสาร RFP รายหนึ่งมีหนังสือขอให้ รฟม. เปลี่ยนเกณฑ์ประมูล
วันที่ 21 สิงหาคม 2563 รฟม. (โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ) มีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนเกณฑ์ประมูล หลังจาก ITD ได้ขอให้เปลี่ยนเพียงประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้น ทั้งๆ ที่ รฟม. ได้ใช้เวลาศึกษามาอย่างละเอียดรอบคอบถึงเกือบ 2 ปี
ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้เกณฑ์ประมูลใหม่ไว้เป็นการชั่วคราว และต่อมาได้พิพากษาว่าการเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลครั้งที่ 1 เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่คณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. ได้ยื่นอุทธรณ์ คดีนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด
2. BTSC ฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. กรณียกเลิกการประมูลครั้งที่ 1
เมื่อคณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. ไม่สามารถเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลได้ เนื่องจากศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้เกณฑ์ประมูลใหม่ไว้เป็นการชั่วคราว คณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. จึงได้ยกเลิกการประมูลครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564
ศาลปกครองกลางได้พิพากษาว่าการยกเลิกการประมูลครั้งที่ 1 เป็นการใช้ดุลยพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่คณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. ได้ยื่นอุทธรณ์ คดีนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด
3. BTSC ฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม. กรณีกีดกันและเอื้อประโยชน์เอกชนบางรายในการประมูลครั้งที่ 2 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง
ส่วนการกีดกันและเอื้อประโยชน์เอกชนบางรายในการประมูลครั้งที่ 2 นั้น พบว่า
1.ผู้ยื่นประมูลจะต้องประกอบด้วยผู้เดินรถไฟฟ้าและผู้รับเหมา ในการประมูลครั้งที่ 2 รฟม. ลดคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าลง แต่เพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาขึ้น การทำเช่นนี้เป็นการกีดกันและเอื้อประโยชน์เอกชนรายใดรายหนึ่งหรือไม่
ด้านคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าที่ลดลง เช่น ไม่ต้องมีผลงานการเดินรถในไทย และไม่ต้องมีผลงานจัดหาหรือผลิตระบบรถไฟฟ้าพร้อมติดตั้ง เป็นต้น ซึ่งในการประมูลครั้งที่ 1 กำหนดให้ต้องมีผลงานดังกล่าว อีกทั้ง การประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองของ รฟม. ก็ต้องมีผลงานดังกล่าวเช่นเดียวกัน
ขณะที่คุณสมบัติของผู้รับเหมาที่เพิ่มขึ้น เช่น ผู้รับเหมาต้องมีผลงานกับหน่วยงานของรัฐบาลไทย และต้องเป็นผลงานที่แล้วเสร็จ เป็นต้น ซึ่งการประมูลครั้งที่ 1 ไม่ได้กำหนดให้มีผลงานกับหน่วยงานของรัฐบาลไทย และไม่ต้องเป็นผลงานที่แล้วเสร็จ
หาก รฟม. ไม่ลดคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าลง จะทำให้ Incheon Transit Corporation หรือ ITC ผู้เดินรถไฟฟ้าจากเกาหลีใต้ไม่สามารถร่วมยื่นประมูลกับ ITD ได้ และหาก รฟม. ไม่เพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาขึ้น จะทำให้ BTSC ร่วมกับบริษัท ซิโน–ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ที่เคยยื่นประมูลครั้งที่ 1 จะสามารถยื่นประมูลครั้งที่ 2 ได้ด้วย
2.การลดคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าลง แต่เพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาขึ้น เป็นการเปิดกว้างการแข่งขันมากกว่าการประมูลครั้งที่ 1 นั้น
การเปิดโอกาสให้ผู้เดินรถไฟฟ้าต่างประเทศสามารถเข้าร่วมประมูลได้ ดูเหมือนว่าเป็นการเปิดกว้างการแข่งขัน แต่ในความเป็นจริง ผู้เดินรถไฟฟ้าต่างประเทศจะต้องยื่นประมูลร่วมกับผู้รับเหมา ซึ่งผู้รับเหมาที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในโลกนี้มีเพียง 2 รายเท่านั้น และทั้ง 2 รายเป็นผู้รับเหมาไทย อันเป็นผลมาจากการเพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มีผู้เดินรถไฟฟ้าต่างประเทศเข้าร่วมประมูลแค่เพียงรายเดียวเท่านั้น นั่นคือ ITC จากเกาหลีใต้ โดยประมูลร่วมกับ ITD ซึ่งเป็นผู้รับเหมา 1 ใน 2 รายที่มีคุณสมบัติครบถ้วน
ทั้งนี้การลดคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าลง แต่เพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาขึ้น จึงไม่เป็นการเปิดกว้างการแข่งขันมากกว่าการประมูลครั้งที่ 1 แต่อย่างใด
3.การประมูลครั้งที่ 2 รฟม. ให้ผู้รับเหมาเป็นผู้นำกลุ่มผู้ยื่นประมูลได้ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใดรายหนึ่งหรือไม่
การยอมให้ผู้รับเหมาสามารถเป็นผู้นำกลุ่มได้ ทำให้ ITD สามารถเป็นผู้นำกลุ่ม ITD Group ซึ่งประกอบด้วย ITD และ ITC ได้ หากผู้รับเหมาไม่สามารถเป็นผู้นำกลุ่มได้ ผู้เดินรถไฟฟ้าจะต้องเป็นผู้นำกลุ่มเหมือนกับการประมูลครั้งที่ 1 ถามว่า ITC ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างประเทศ จะเป็นผู้นำกลุ่มได้หรือ
ดร.สามารถ กล่าวต่อว่า ในทางที่ถูกต้อง ผู้นำกลุ่มควรเป็นผู้เดินรถไฟฟ้า เนื่องจากเขาจะต้องรับผิดชอบการบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้ารวมทั้งซ่อมบำรุงรักษารถไฟฟ้าสายสีส้มตลอดทั้งสายเป็นเวลาถึง 30 ปี ไม่ใช่ผู้รับเหมาที่ทำการก่อสร้างสายสีส้มตะวันตกเพียง 6 ปี
“ผมคาดว่าการตัดสินคดีเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลครั้งที่ 1 และคดียกเลิกการประมูลครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดคงใช้เวลาอีกไม่นาน แต่การตัดสินคดีกีดกันและเอื้อประโยชน์เอกชนบางรายซึ่งอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองกลางคงใช้เวลาอีกพอสมควร”
ทั้งนี้จึงต้องติดตามกันอย่างไม่กะพริบตาว่า จะมีการเสนอผลการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ในเร็ววันนี้หลังจากทราบผลพิพากษา 2 คดี จากศาลปกครองสูงสุด โดยไม่รอคดีที่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลางหรือไม่
“ข้อสงสัยดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกังขาที่ผมและประชาชนทุกคนชอบที่จะต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 34.68 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทมีโอกาสแกว่งตัว sideways และอาจเข้าใกล้โซนแนวต้าน 34.70-34.75 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนราคาที่ ผู้เล่นในตลาดบางส่วน รอทยอยขายทำกำไรอยู่
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้(24กุมภาพันธ์2566) ที่ระดับ 34.68 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.66 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า การอ่อนค่าลงของเงินบาทยังคงมาจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวและแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเราประเมินว่า
ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าดังกล่าวจะยังคงมีอยู่ในระยะสั้นนี้ (อย่างน้อยจนกว่าตลาดจะเลิกหรือคลายกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด)
ทำให้ เงินบาทมีโอกาสแกว่งตัว sideways และอาจเข้าใกล้โซนแนวต้าน 34.70-34.75 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนราคาที่ ผู้เล่นในตลาดบางส่วน ที่เป็นฝั่ง Long USDTHB (เชื่อว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลง) รอทยอยขายทำกำไรอยู่
อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน โดยเฉพาะในช่วงที่ ตลาดทยอยรับรู้อัตราเงินเฟ้อ PCE ซึ่งหากอัตราเงินเฟ้อไม่ได้ชะลอลงอย่างที่ตลาดคาดและกลับเร่งตัวขึ้น
เราประเมินว่า ตลาดอาจกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟดต่อ หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
และกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านถัดไป แถว 34.80-34.90 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก แต่เรามองว่า แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอาจจะไม่มาก หลังตลาดเริ่มทำใจกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงช้า ตั้งแต่รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ก่อนหน้ามาสักพักแล้ว
ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อ PCE ชะลอลงมากกว่าคาด ก็อาจช่วยหนุนให้ ตลาดคลายกังวลแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดได้บ้าง ซึ่งในภาพดังกล่าวอาจเห็นเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นทดสอบแนวรับ 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์ได้
อนึ่งในระยะสั้น เรามองว่า ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มองข้ามไม่ได้และอาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินในช่วงนี้ได้
ทั้งนี้ ความผันผวนของตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.55-34.80 บาท/ดอลลาร์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวน โดยในช่วงแรก ตลาดยังคงเผชิญแรงกดดันจากความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานยังคงออกมาดีกว่าคาด
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ จากแรงหนุนการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่ม Semiconductor หลัง Nvidia (ราคาหุ้น +14%) รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด พร้อมทั้งปรับคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคตดีขึ้นมาก ส่งผลให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.72% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.53%
ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 3.89% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ที่จะรับรู้ในวันนี้ ก่อนที่จะมีการปรับสถานะการถือครองบอนด์ที่ชัดเจน ตามมุมมองต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดต่อไป
นอกจากนี้ เรามองว่า การย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ นั้นส่วนหนึ่งมาจากการทยอยเข้าซื้อบอนด์ (Buy on Dip) ของผู้เล่นในตลาด ซึ่งยังคงมีมุมมองว่า ต่อให้เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ 2-3 ครั้ง เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเสี่ยงชะลอตัวลงหนักในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งบอนด์ยีลด์ระยะยาวก็อาจปรับตัวลดลง จากระดับปัจจุบันได้
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หนุนโดยแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาสดใสและดีกว่าคาด
ล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 104.6 จุด ส่วนในฝั่งราคาทองคำ การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ จากแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด และภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ย่อตัวลงต่อเนื่องใกล้ระดับ 1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทั้งนี้ เราคาดว่า การย่อตัวลงของราคาทองคำจะยังคงหนุนให้ผู้เล่นในตลาดทยอยเข้าซื้อในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นข้อมูลด้านเงินเฟ้อที่เฟดให้คงามสำคัญ โดยตลาดจะรอลุ้นว่า อัตราเงินเฟ้อ PCE
โดยเฉพาะในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในภาคการบริการที่ไม่รวมที่พักอาศัย (Core PCE Services ex. housing) จะส่งสัญญาณชะลอตัวลงต่อ หรือ กลับมาเร่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจปรับดอกเบี้ยของเฟดได้
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟดว่าจะขึ้นไปถึงระดับใด
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดดังกล่าว เรามองว่า ในระยะสั้น ควรจับตาสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่อาจกลับมาร้อนแรงได้ (รัสเซียอาจเปิดฉากบุกโจมตียูเครนครั้งใหญ่อีกรอบ)
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า
เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.70-34.72 บาทต่อดอลลาร์ฯ (9.10 น.) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.67 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่า ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนเพิ่มเติมจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด อาทิ การปรับตัวลงของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจีดีพีสหรัฐฯ ซึ่งแม้จะมีการปรับทบทวนลงจากที่ประกาศรอบแรก แต่ก็สะท้อนว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงประคองทิศทางการขยายตัวไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.60-34.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดรอติดตามทิศทางฟันด์โฟลว์และการเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย
รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ยอดขายบ้านใหม่ อัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ตัดเกรดแข้ง แมนฯ ยูไนเต็ด แซงดับ บาร์เซโลนา 2-1 ศึก ยูโรปาลีก เมื่อคืนที่ผ่านมา – Player Ratings
ฟุตบอล ยูโรป้า ลีก
รอบเพลย์ออฟ นัดที่สอง
วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 – 1 บาร์เซโลน่า
(รวมผล 2 นัด แมนฯยูไนเต็ด ผ่านเข้ารอบด้วยประตูรวม 4-3)
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ผู้ตัดสิน : เคลม็องต์ ตูร์แป็ง (ฝรั่งเศส)
คะแนนนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด
ดาบิด เด เคอา – 7/10
เกือบทำให้ทีมเสียประตูช่วงท้ายครึ่งแรก แต่เขาเซฟสำคัญจากลูกโหม่งของ ชูลส์ กุนเด้ ในครึ่งหลัง
อารอน วาน-บิสซาก้า – 6.5/10
มีส่วนร่วมในการเติมเกมรุกหลายครั้ง กล้าเลี้ยง กล้าลุย เขาทำการแท็คเกิ้ลไป 2 ครั้ง
ราฟาแอล วาราน – 7.5/10
อยู่ถูกที่ถูกเวลา ช่วยบล็อคจังหวะสำคัญไม่ให้ทีมเสียประตูที่สองช่วงท้ายครึ่งแรก ส่วนช่วงท้ายครึ่งหลังเขาช่วยดักจังหวะสำคัญ และสกัดบอลหน้าประตูจากลูกยิงของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
ลิซานโดร มาร์ติเนซ – 8/10
ดุดัน แข็งแกร่ง เล่นด้วยความมั่นใจ ช่วยซ้อนได้หลายจังหวะ โดดเด่นไม่แพ้กันในแผงหลัง เขาทำการแท็คเกิ้ล และ เคลียร์บอล ไปอย่างละ 4 ครั้ง
ลุค ชอว์ – 6.5/10
ครึ่งหลังดูมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น เขามีส่วนช่วยให้ทีมได้ประตูที่สอง
กาเซมิโร่ – 7.5/10
บอลยาวแม่นยำ สายตาเฉียบแหลม เปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้ดี เขาโดดเด่นมาก เฉพาะอย่างยิ่งครึ่งแรก
เฟร็ด – 8/10
ครึ่งแรก ช่วงต้นเกมเข้าเพรสซิ่งได้ดี แต่เขายืนระยะได้ไม่นาน บางครั้งจังหวะที่ควรเล่นง่ายๆ ทำให้เป็นเรื่องยาก และต้องมาตามแก้ไขด้วยการทำฟาวล์ เขาไม่สามารถรับมือกับ เฟรงกี้ เดอ ยอง ได้
แต่ครึ่งหลังจู่ๆ องค์ก็ลงใส่เขา เขาเคลื่อนที่ได้ดี และมายิงประตูตีเสมอให้ทีม หลังจากนั้นเขาคึกสุดๆ คอยก่อกวน เดอ ยอง เป็นครึ่งหลังที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
บรูโน่ แฟร์นันด์ส – 7/10
เกือบยิงให้ทีมออกนำเร็วช่วงต้นเกม อย่างไรก็ตาม เขามาทำให้ทีมเสียจุดโทษ แม้ว่าจะเป็นจังหวะฟาวล์ที่เบาสุดๆ แต่เขาเสียค่าโง่เต็มๆ อย่างไรก็ตาม ครึ่งหลังเขาแก้ตัวได้จากการจ่ายเร็วให้ เฟร็ด ทำประตูตีเสมอ
เจดอน ซานโช่ – 5/10
ออกสตาร์ทด้วยการถูกจับมายืนตำเเหน่งหมายเลข 10 เขาไม่ค่อยสร้างผลกระทบในเชิงบวกสักเท่าไหร่
มาร์คัส แรชฟอร์ด – 6/10
เริ่มต้นได้น่าตื่นเต้นในครึ่งแรก แต่หลังจากที่ทีมโดนนำ เขาเหมือนช็อตไปดื้อๆ แต่ครึ่งครึ่งหลังดูดีขึ้น พยายามสร้างความลำบากใจให้กับแนวรับทีมเยือน
เวาต์ เว็กฮอร์สต์ – 4/10
จริงอยู่ที่เขามีประโยชน์ในบทบาทกองหน้าตัวรับ แต่เมื่อถูกจับไปเล่นหอกเป้าเหมือนอย่างนัดนี้ เขาไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับคู่เซ็นเตอร์แบ็ก บาร์ซ่า ได้เลยแม้แต่หนเดียว ไม่แปลกใจเลยที่เขาโดนเปลี่ยนออกทันที หลังจากเริ่มครึ่งหลัง
สำรอง
อันโตนี่ (แทน เวสฮอร์สต์ น.45) – 8/10
ลงมาเล่นด้วยความมั่นใจ ก่อนจะมาซัดชัยสุดสวย
อเลฮานโดร การ์นาโช่ (แทน ซานโช่ น.67) – 6/10
วูบวาบ สร้างปัญหาให้กับแนวรับ บาร์ซ่า ได้หลายครั้ง
ดีโอโก้ ดาโลต์ (แทน วาน-บิสซาก้า น.67) – 6/10
ได้ความสดใหม่ เทน ฮาก ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพเกมรุกทางฝั่งขวา
สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ (แทน แรชฟอร์ด น.88) – ไม่มีคะแนน
มีเวลาน้อยไป ไม่สามารถให้คะแนนได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
โรควูบ หรือล้มทั้งยืน อันตรายอาจถึงตาย
โรควูบคือ อาการเป็นลมเกือบหมดสติ หรือบางรายหมดสติไป การเป็นลมหมดสติ มีตั้งแต่เป็นลมธรรมดา จนถึงเป็นลมเนื่องจากความผิดปกติขั้นรุนแรงของหัวใจ
อาการวูบหรือการเป็นลมหมดสติ เป็นอาการที่พบบ่อย เป็นภาวะที่ร่างกายสูญเสียความรู้สึกตัวและแรงของกล้ามเนื้อชั่วคราว อันเป็นผลมาจากเลือดไปเลี้ยงก้านประสาทสมองลดลง ซึ่งมีปัจจัยเกี่ยวข้องจากปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจและแรงต้านทานของหลอดเลือดทั่วร่างกาย อาการวูบนี้มักจะฟื้นกลับเป็นปกติได้เอง และอาจเป็นซ้ำได้อีก
จากการสำรวจในต่างประเทศพบว่าเกือบ 10% ของผู้ป่วยที่มาพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา และผู้ใหญ่กว่า 50% ต่างเคยมีอาการวูบมาแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง
ผู้ป่วยโรควูบหมดสติที่หาสาเหตุไม่ได้ มีอัตราเสียชีวิตในปีแรกที่เป็น สูงถึง 6% โดย 4% เสียชีวิตแบบเฉียบพลัน แต่หากมีสาเหตุจากโรคหัวใจ อัตราเสียชีวิตในปีแรกที่เป็นจะสูงถึง 18 – 33% โดยที่ 24% เป็นการเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน
สำหรับคนที่ปฏิบัติวิชาชีพ เช่น พนักงานขับรถ นักบิน กรรมกรก่อสร้าง หรือปฏิบัติงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ยิ่งมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตหลังจากอาการวูบได้สูงขึ้น
โรควูบแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีอาการวูบจากภาวะโลหิตต่ำชั่วคราว แต่ไม่ใช่อาการโรคหัวใจ หรือเรียกง่ายๆ ว่า อาการเป็นลมทั่วไป เนื่องจากร่างกายทนกับสภาพแวดล้อมไม่ได้ โดยมีสาเหตุจากความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ยืนหรือนั่งนานเกินไป ส่วนอีกกลุ่มคือ อาการวูบจากโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ การอุดตันของเส้นเลือด
สาเหตุของการเป็นลมเกือบหมดสติหรือหมดสติ มีหลายสาเหตุ ดังนี้
- ภาวะตกใจหรือเสียใจรุนแรง
- ไอหรือจามแรงมากเกินไป
- ขณะยืนถ่ายปัสสาวะ หรือหลังถ่ายปัสสาวะ หลังจากที่กลั้นมานาน
- ออกกำลังกายมากเกินไป
- หลังอาหารมื้อหนัก
- เส้นประสาทสมองที่ 5,9 อักเสบ
- เป็นโรคสมองเสื่อมหรือสมองฝ่อ
- โรคพาร์กินสัน บางรายที่มีระบบประสาทอัตโนมัติผิดปกติร่วมอยู่ด้วย
- โรคเบาหวาน ในรายที่เส้นประสาทโดนทำลายจากเบาหวาน
- จากยาบางชนิดเช่น รับประทานยาลดความดันมากเกินไป
- ดื่มสุรามากเกินไป
- จุดกำเนิดไฟฟ้าของหัวใจเสื่อมสภาพ
- เสียเลือดมาก หรือเสียน้ำออกจากร่างกายมากเกินไป เช่น ท้องร่วงรุนแรง อาเจียนรุนแรง
- มีการกระตุ้นในระบบทางเดินอาหาร เช่น ล้วงคอ อาเจียน เบ่งถ่ายอุจจาระ ปวดท้องรุนแรง
- ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรง
- ระบบทางเดินไฟฟ้าในหัวใจเสื่อมสภาพหรือผิดปกติ
- สาเหตุจากการเสียสมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมหัวใจและหลอดเลือด
- ภาวะเสียเลือดจากหัวใจอุดตัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติ
- เนื้องอกในห้องหัวใจ
- ลิ้นหัวใจตีบรุนแรง
- ภาวะที่มีน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจมาก และมีการกดการทำงานของหัวใจ
- ภาวะเสียเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจแตก หรือมีการฉีกขาดรุนแรง
- มีลิ่มเลือดใหญ่ไปอุดตันเส้นเลือดในปอด
- ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงมากเกินไป
วิธีปฏิบัติเมื่อกำลังจะเป็นลมหมดสติ เมื่อเริ่มมีอาการ ให้หาที่พักเกาะยึดไว้ และซอยเท้า เพื่อให้เลือดกลับสู่หัวใจได้มากขึ้น ถ้ายังไม่บรรเทา ให้นั่งลง และถ้ายังไม่ดีขึ้นให้นอนราบเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น และจะสามารถป้องกันการเป็นลมได้ รวมทั้งยังลดการเกิดการบาดเจ็บหากล้มกระแทกพื้นหรือวัตถุอื่นๆ
ถ้าขับรถอยู่ ควรจอดทันที แล้วปรับที่นั่งให้อยู่ในท่านอนราบ ถ้าอยู่ในรถโดยสารควรหาที่นั่ง/นอนในรถ แล้วรีบแจ้งคนรอบข้างว่ากำลังจะเป็นลม ไม่ควรรีบลงจากรถ เพราะอาจหมดสติตรงทางลง ทำให้เกิดอันตรายได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
คำศัพท์น่ารู้: ถนนหนทาง
วันนี้เพื่อนๆได้ไปเที่ยวไหนกันรึเปล่าเอ่ย DailyEnglish นำคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆบนท้องถนนมาฝากกันครับ ใครขับรถออกนอกบ้านละก็ต้องเจอกับสิ่งเหล่านี้แน่นอนเลย มาดูศัพท์ on the road กันครับ
1. crosswalk – ครอส-ว้อค
คือ ทางม้าลาย นั่นเองครับ ถ้าให้ตรงๆหน่อยก็เรียกว่า zebra crossing นอกจากนี้ยังสามารถเรียกว่า pedestrian crossing ก็ได้นะครับ
2. expressway – เอกซ์เพรส-เวย์
แปลว่า ทางด่วน ที่เราสามารถจ่าย ค่าผ่านทาง (toll) เพื่อให้ถึงจุดหมายได้อย่างรวดเร็ว
3. junction – จังค์-ชัน
คือ ทางแยกครับ เป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้บ่อยบนท้องถนน สามารถใช้คำว่า intersection หรือ crossroad ได้เพราะมีความหมายเดียวกัน
สำหรับ 3 ทางแยกก็ให้เรียกว่า three way junction 4 ทางแยกก็ four way junction ครับ ถ้าให้ใช้แบบไม่เป็นทางการหน่อยก็เรียกทางแยกนั้นตามรูปร่างได้เลย เช่น Y-junction หรือ T-junction
4. overpass – โอเวอร์-แพส
แปลว่า สะพานลอย ที่ตั้งอยู่บนถนน ข้ามได้ทั้งคนและรถยนต์ เป็นศัพท์แบบ American English แต่ถ้าจะให้ใช้แบบ British English คงต้องเรียกว่า flyover สองคำนี้แตกต่างจาก bridge (สะพาน) ตรงตำแหน่งที่ตั้งนี่แหละ เพราะ bridge นอกจากจะเป็นสะพานบนถนนแล้วยังสามารถใช้ข้ามแม่น้ำได้ด้วย
5. roundabout – ราวน์-ดะเบาท์
แปลว่า วงเวียน เป็นวงกลมที่จะอยู่ตรงกลางทางแยก สังเกตเห็นใช่มั้ยครับ เวลาขับรถจะต้องขับในวงเวียนไปในทิศทางเดียวกันหมด
6. side street – ซายด์-สตรีท
คือ ซอย ที่อยู่ข้างถนนหลัก สามารถใช้ alley ได้เช่นเดียวกัน แต่ alley จะเป็นคล้ายๆกับตรอกมากกว่าซอยเพราะเล็กกว่าครับ
นอกจากคำศัพท์ที่เกี่ยวกับถนนหนทางเหล่านี้แล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่พบเห็นบ่อยบนท้องถนน คือ traffic light (สัญญาณไฟจราจร)
ช่วงซัมเมอร์นี้ขับขี่รถบนถนนอย่างระมัดระวังกันด้วยนะ พบกันใหม่กับ DailyEnglish คราวหน้า จะเป็นคำศัพท์น่ารู้แบบไหนต้องติดตามกันต่อไปนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
เอาด้วย! ‘เมตา’ เตรียมทดสอบเก็บค่าบริการเดือนละ 11.99 ดอลลาร์ หรือประมาณ 411 บาท
เมตา แพลตฟอร์มส บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก ประกาศในวันอาทิตย์ว่าอยู่ระหว่างการทดสอบระบบสมาชิกเก็บค่าบริการรายเดือน ในชื่อ Meta Verified ให้ผู้ใช้ยืนยันตัวตนในบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ด้วยบัตรประชาชนและได้รับแถบสีฟ้าอันเป็นสัญลักษณ์ยืนยันตัวตนดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นแผนการช่วยเหลือบรรดานักผลิตคอนเทนต์ให้สร้างชุมชนและเครือข่ายของพวกเขาได้ ตามรายงานของรอยเตอร์
รูปแบบการเรียกเก็บค่าบริการรายเดือนของเมตา ซึ่งจะเปิดตัวในสัปดาห์นี้ ครอบคลุมการยืนยันตัวตนและระบบป้องกันการปลอมแปลงบัญชีสำหรับสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ด้วยค่าบริการเริ่มต้น 11.99 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับระบบเว็บไซต์หรือ 14.99 ดอลลาร์ต่อเดือน สำหรับรูปแบบการใช้สื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าวผ่านระบบ iOS และแอนดรอยด์
Meta Verified จะเริ่มเปิดตัวในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในสัปดาห์นี้ ก่อนจะเปิดตัวในประเทศอื่น ๆ ตามมา ซึ่งซีอีโอเฟซบุ๊ก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าบริษัทมีแผนออกผลิตภัณฑ์ที่จะ “เปิดทางให้นักสร้างคอนเทนต์ผลิตและสร้างสรรค์ผลงานได้มากขึ้น” แต่ได้ระบุว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อฐานผู้ใช้ในวงกว้าง
เมตา ปรับแผนเข้าสู่บริการสมัครสมาชิก ตามหลังทวิตเตอร์ ที่ประกาศแผนในเดือนก่อนว่า Twitter Blue ของทวิตเตอร์จะมีค่าบริการที่ 11 ดอลลาร์ต่อเดือน
ด้านสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ อย่างสแนปแชตและเทเลแกรม ก็เปิดตัวระบบสมาชิกจ่ายเงินรายเดือนเมื่อปีก่อน เพื่อเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของบริษัทเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
9 ผลไม้น้ำตาลน้อย อร่อย ดีต่อสุขภาพ
ผลไม้นอกจากจะเป็นแหล่งของสารอาหารสำคัญอย่างวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ แล้ว ผลไม้ก็ยังมีน้ำตาลอยู่ด้วย ซึ่งถ้าหากเลือกรับประทานผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงและต้องการผลลัพธ์ในการควบคุมอาหารหรือลดน้ำหนัก การกินผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงก็อาจจะให้ผลตรงกันข้ามก็ได้ มากไปกว่านั้นยังอาจเสี่ยงต่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวานอีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าใครที่กำลังอยู่ในช่วงควบคุมแคลอรี่ ต้องการลดน้ำตาล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หรืออยากลดน้ำหนักล่ะก็ Hello คุณหมอ ได้รวบรวมเอา ผลไม้น้ำตาลน้อย มาฝาก
ผลไม้น้ำตาลน้อย มีอะไรบ้าง
- มะนาว หรือ เลมอน
มะนาว หรือ เลมอน เป็นผลไม้ที่ให้รสชาติเปรี้ยวถึงเปรี้ยวจี๊ด กัดเข้าไปแค่เพียงเสี้ยวเดียวก็ทำเอาน้ำลายหก เปรี้ยวจนต้องหลับตากันเลยทีเดียว ซึ่งผลไม้จำพวกมะนาวหรือเลมอนนี้จะให้สารอาหารประเภทวิตามินโดยเฉพาะวิตามินซีในปริมาณที่สูงมาก แต่ในทางกลับกันคือ มะนาว หรือ เลมอน จะให้น้ำตาลในปริมาณที่น้อยมาก
มะนาว หรือ เลมอน หนึ่งลูก ให้ปริมาณน้ำตาลเพียง 1-2 กรัมเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากเลือกรับประทานเป็นน้ำมะนาวหรือน้ำเลมอน ก็อาจจะต้องระวังว่าจะได้น้ำตาลเพิ่มไปจากนี้ เพราะอาจมีการเพิ่มน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมเพื่อลดความเปรี้ยวของผลไม้ได้
- เบอร์รี่ต่างๆ
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ หรือราสเบอร์รี่ แม้จะมีรสชาติออกหวานอมเปรี้ยว แต่ก็จัดว่าเป็นอีกหนึ่ง ผลไม้น้ำตาลต่ำ แต่ให้วิตามินซีสูง โดยการกินเบอร์รี่ชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงหนึ่งถ้วย จะได้น้ำตาลแค่เพียง 5-7 กรัมเท่านั้นเอง
- แตงโม
อ่านถึงตรงนี้หลายคนคงจะขมวดคิ้วสงสัยอยู่ไม่น้อย แตงโมที่หวานฉ่ำขนาดนั้นน่ะหรือ ที่มีน้ำตาลน้อย คำตอบคือใช่แล้วค่ะ แม้ว่าแตงโมจะมีรสชาติที่หวานจับใจมากแค่ไหน แต่การรับประทานแตงโมหั่นเต๋าหนึ่งถ้วย ให้ปริมาณน้ำตาลไม่ถึง 10 กรัมด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าถ้าใครที่กำลังอยู่ในช่วงงดน้ำตาล แต่ก็ยังต้องการความหวานอยู่บ้าง แตงโมคือคำตอบนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
- เกรปฟรุต
เกรปฟรุต เป็นผลไม้ตระกูลส้ม ตระกูลเดียวกับซิตรัส (Citrus) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูง แต่มีน้ำตาลน้อย โดยการรับประทานเกรปฟรุตขนาดกลางครึ่งผล ให้น้ำตาลแค่เพียง 9 กรัมเท่านั้น
- กีวี่
กีวี่ เป็นผลไม้ที่สามารถหารับประทานได้ตลอดทั้งปี และยังเป็นอีกหนึ่ง ผลไม้น้ำตาลต่ำ แต่ให้วิตามินสูง โดยกีวี่หนึ่งลูก ให้ปริมาณของน้ำตาลเพียง 6 กรัมเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม ควรระวังกีวี่อบแห้ง เพราะอาจมีส่วนผสมของน้ำตาล อาจจะได้ปริมาณน้ำตาลมากกว่าการกินกีวี่แบบสด
- ฝรั่ง
ฝรั่งเป็นผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูงมาก ถ้าหากไม่รับประทานส้ม การกินฝรั่งก็ได้วิตามินซีในปริมาณที่สูงเหมือนกัน แต่นอกจากวิตามินซีสูงแล้ว ฝรั่งก็ยังให้ไฟเบอร์สูงอีกด้วย ซึ่งดีต่อระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายอย่างยิ่ง
มากไปกว่านั้น การกินฝรั่งหนึ่งผล จะได้น้ำตาลประมาณ 4.9 กรัมเพียงเท่านั้นเอง แต่…ใครที่ชอบกินฝรั่งจิ้มบ๊วยหรือจิ้มพริกเกลือ ก็อาจจะต้องระวังว่าจะได้น้ำตาลสูงกว่านี้
- แอปริคอต
แอปริคอต เป็นผลไม้ที่นิยมนำมาอบหรือตากแห้ง แช่อิ่ม แช่บ๊วย หรือเชื่อม เพื่อที่จะได้ถนอมไว้รับประทานได้นานๆ ซึ่งนั่นก็อาจจะทำให้แอปริคอตที่ผ่านกรรมวิธีในการถนอมอาหารมีน้ำตาลสูงได้
การกินแอปริคอตสดเพียงหนึ่งผล(ขนาดเล็ก) จะได้ปริมาณน้ำตาลแค่เพียง 3.2 กรัมเท่านั้น ถ้าใครอยู่ระหว่างควบคุมน้ำตาลล่ะก็ เลือกกินแอปริคอตแบบสดอาจจะดีกว่าแอปริคอตที่อบแห้งหรือเชื่อมมาแล้ว
- อะโวคาโด
อะโวคาโด เป็นหนึ่งในผลไม้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ และมักปรากฏในสูตรอาหารเพื่อสุขภาพต่างๆ อยู่เสมอ และแน่นอนว่าอะโวคาโดก็เป็นอีกหนึ่ง ผลไม้น้ำตาลต่ำ ด้วย เพราะการกินอะโวคาโดหนึ่งผล ให้ปริมาณน้ำตาลเพียง 1 กรัมเท่านั้น
- มะเดื่อฝรั่ง
สำหรับมะเดื่อฝรั่ง อาจจะไม่ค่อยเป็นที่คุ้นเคยกันเท่าไหร่นักสำหรับบ้านเรา แต่มะเดื่อฝรั่งนี้จัดว่าเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ดีที่สุดในโลก เพราะให้สารอาหารที่หลากหลาย ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ในส่วนของปริมาณน้ำตาลนั้นจะให้เพียง 6.5 กรัม (ต่อมะเดื่อฝรั่งผลเล็ก 1 ผล) เท่านั้นเอง
การรับประทานผลไม้หนึ่งในพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ดี เนื่องจากสารอาหารในผลไม้จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงได้ แต่ถ้าหากมีอาการทางสุขภาพที่เกี่ยวเนื่องกับระดับน้ำตาลในเลือด เช่น เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรืออาจกำลังงดกินหวานเพื่อลดน้ำหนัก การเลือกรับประทาน ผลไม้น้ำตาลต่ำ อาจเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 24/02/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,900.00 | 30,000.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,937.00 | 29,364.92 | 30,500.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,743.30 | 26,428.43 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,549.60 | 23,491.94 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 872.00 | 13,219.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 678.00 | 10,278.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,007.00 | 30,426.12 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 24/02/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.35 | 36.35 | 37.04 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.08 | 36.08 | 36.74 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.04 | 34.04 | 34.44 | 34.04 | 34.04 | – | 34.04 | 34.04 | 34.04 | 34.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.49 | 34.49 | – | – | – | – | – | – | – | 34.49 |
เบนซิน 95 | 44.16 | – | – | – | 44.21 | – | 44.66 | 44.31 | – | 44.16 |
ดีเซล B7 | 33.94 | 33.94 | 34.24 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
ดีเซล | 33.94 | 33.94 | 34.24 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
ดีเซล B20 | 33.94 | 33.94 | 34.24 | – | 33.94 | – | 33.94 | – | – | 33.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.06 | 43.16 | 44.84 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 43.06 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |