สาระน่ารู้ประจำวันที่ 24 กรกฎาคม 2566

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2566 ต้องจ่ายทุกเดือนเมษายน ชำระล่าช้าต้องเสียภาษีค้างชำระ รวมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ขณะที่ กทม.ลงพื้นที่สำรวจภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 2567 แล้ว

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2566 เพิ่งบังคับใช้ปี 2563 การมาของภาษีที่ดิน คือ การยกเลิกโรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง และ บำรุงท้องที่ และ ปัจจุบันได้ใช้คำว่า ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จากนั้นเป็นต้นมา

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2566 ผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

  • เจ้าของที่ดิน/สิ่งปลูกสร้าง
  • เจ้าของห้องชุด
  • ผู้ครองทรัพย์สิน หรือ ทำประโยชน์ในทรัพย์สินของรัฐ (ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง)
  • ขณะที่ผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันก็ต้องรับผิดชอบภาษีที่ดินร่วมกันทั้งสองฝ่าย
  • เริ่มครอบครองวันที่ 1 มกราคม

ยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

บ้านหลังหลัก 1 หลัง

  • ส่วนของมูลค่าที่ไม่เกิน 50 ล้านบาท ในกรณีที่เป็นเจ้าของบ้านและที่ดิน
  • ส่วนของมูลค่าที่ไม่เกิน 10 ล้านบาท ในกรณีที่เป็นเจ้าของเฉพาะบ้าน

ที่ดินเกษตรกรรมของบุคคธรรมดา

  • ไม่ต้องเสียภาษ๊ใน 3 ปีแรก
  • ปีที่ 4 เป็นต้นไป ได้รับยกเว้นมูลค่าของฐานภาษีในแต่ละ อปท. รวมกันไม่เกิน 50 ล้านบาท เป็นการถาวร
  • ทรัพย์สินของรัฐที่ไม่ได้หาผลประโยชน์ ทรัพย์สินที่ใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ (รัฐ/เอกชน)
  • สหประชาชาติ สถานทูต
  • ทรัพย์ส่วนกลางของอาคารชุด ที่ดินสาธารณูปโภคหมู่บ้านจัดสรรและนิคมอุตสาหกรรม

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จากเดิมชำระภายในเดือน เม.ย. 2566 ปีนี้ขยายถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2566 แต่หากต้องจ่ายภาษีเป็นจำนวนเกิน 3,000 บาท ผู้เป็นกรรมสิทธิ์ที่ดินสามารถใช้สิทธิ์ขอผ่อนชำระภาษีได้ 3 งวดเท่า ๆ กัน โดยไม่เสียดอกเบี้ย

สำหรับสถานที่ชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สามารถชำระภาษีที่ดินได้ด้วยตัวเอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของพื้นที่ คือ 

  • กรุงเทพ : ชำระภาษีที่สำนักงานเขตในพื้นที่ที่ทรัพย์สินตั้งอยู่ 
  • พัทยา : ชำระภาษีที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา 
  • ต่างจังหวัด : ชำระภาษีที่สำนักงานเทศบาล/ที่ทำการขององค์การบริหารส่วนตำบล/ที่ทำการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีกฎหมายกำหนด หรือสถานที่อื่นที่ผู้บริหารท้องถิ่นกำหนด รวมทั้งจุดบริการเคลื่อนที่ที่ อปท. กำหนด

หากชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เกินระยะเวลาที่กำหนด ต้องเสียภาษีค้างชำระ รวมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม 

  • หากไม่มาชำระภาษีภายในเวลาที่กำหนด แต่ต่อมาได้มาชำระภาษีก่อนจะได้รับหนังสือแจ้งเตือน ให้คิดเบี้ยปรับ 10% ของจำนวนภาษีค้างชำระ
  •  หากมาชำระภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนดในหนังสือแจ้งเตือน ให้คิดเบี้ยปรับ 20% ของจำนวนภาษีค้างชำระ 3. หากมาชำระภาษีภายหลังจากที่กำหนดในหนังสือแจ้งเตือน ให้คิดเบี้ยปรับ 40% ของจำนวนภาษีค้างชำระ 
  • หากไม่ได้ชำระภาษีภายในเวลาที่กำหนด ให้เสียเงินเพิ่มอีก 1% ต่อเดือนของจำนวนภาษีค้างชำระ เศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน 
  •  กรณีที่ผู้บริหารท้องถิ่นให้ขยายกำหนดเวลาชำระภาษี และได้ชำระภายในกำหนดเวลาที่ขยายให้นั้น ให้คิดเงินเพิ่มลดลงเหลือ 0.5% ต่อเดือน หรือเศษของเดือน 
  • เบี้ยปรับอาจงดได้ในกรณีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างถูกยึดหรืออายัดตามกฎหมาย โดยเราจะต้องยื่นคำร้องเป็นหนังสือต่อผู้บริหารท้องถิ่น เพื่อของดเบี้ยปรับของภาษีที่ค้างชำระ

ล่าสุด กรุงเทพมหานคร หรือ กทม. เตรียมลงพื้นที่สำรวจที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อใช้จัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประจำปีภาษี พ.ศ.2567 โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 กำหนดระยะเวลาสำรวจตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป.

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


อสังหาเปิดศึกโปรโมชั่นวอร์ หนีการเมืองวุ่น-แข่งเก็บแต้มตุนรายได้

ไตรมาส 3/66 บิ๊กแบรนด์อสังหาริมทรัพย์งัดหมัดเด็ดประชันขันแข่ง เพื่อเข้าสู่เส้นชัยผลประกอบการตามที่ประกาศแผนไว้เมื่อตอนต้นปี ท่ามกลางบิ๊กดาต้าจาก REIC ที่ส่งสัญญาณอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ เกี่ยวกับสถิติยอดขายไตรมาสแรก ภาพรวมยอดขายปรับตัวลดลง -29% เป็นภาพสะท้อนที่บ่งบอกว่ากำลังซื้อยังเผชิญปัจจัยกดดันรอบด้านในครึ่งปีหลัง

Q1/66 ยอดขายร่วงแรง -29.1%

“ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์” ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยไตรมาส 1/66 เขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 5 จังหวัด มีการเสนอขายบ้านและคอนโดมิเนียมสะสม 204,226 หน่วย ขยายตัว 2.3% มูลค่า 989,251 ล้านบาท ขยายตัว 4.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/65

ในจำนวนนี้มีการเปิดตัวใหม่สัดส่วน 10.62% จำนวน 21,680 หน่วย ลดลง -26.0% มูลค่า 82,246 ล้านบาท สัดส่วน 8.31% ลดลง -22.5%

ด้านยอดขายใหม่มีจำนวน 21,291 หน่วย ลดลง -29.1% มูลค่า 105,768 ล้านบาท ลดลง -22.0% มีอัตราการดูดซับลดลงเล็กน้อยจาก 3.5% ต่อเดือน หรือใช้เวลาขายหมด 26 เดือน ลดลงจากปีก่อน 5.0% ที่ใช้เวลาขายหมด 17 เดือน แสดงให้เห็นว่า ภาพรวมตลาดบ้านและคอนโดฯปรับตัวลงค่อนข้างแรงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/65 โดยเฉพาะยอดขายคอนโดฯ

ประกอบกับส่วนต่างของหน่วยเปิดตัวใหม่ มีมากกว่าหน่วยที่ขายได้ใหม่ เพิ่มขึ้น 389 หน่วย ส่งผลให้หน่วยเหลือขายในภาพรวมเพิ่มขึ้นเป็น 182,935 หน่วย ขยายตัว 7.8% มูลค่า 883,484 ล้านบาท ขยายตัว 9.4%

เมื่อแยกวิเคราะห์เฉพาะตลาดบ้านแนวราบ ในไตรมาส 1/66 มีการเสนอขายสะสม 124,723 หน่วย ขยายตัว 6.9% มูลค่า 679,672 ล้านบาท ขยายตัว 13.0% โดย “บ้านเดี่ยว” มีหน่วยเพิ่มขึ้น 13.0% มูลค่าเพิ่มขึ้น 21.5% กับ “ทาวน์เฮาส์” เพิ่มเล็กน้อย 2.8% มูลค่าขยายตัวเล็กน้อยเช่นกันที่ 2.0%

จุดโฟกัสอยู่ที่บ้านแนวราบมียอดขายใหม่เพิ่มขึ้น แต่มีหน่วยเปิดตัวใหม่น้อยกว่าหน่วยที่ขายได้ใหม่ -2,882 หน่วย ส่งผลให้หน่วยเหลือขายเพิ่มขึ้นเป็น 113,142 หน่วย เพิ่มขึ้น 7.1% มูลค่า 610,073 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.7%

การที่อัตราขยายตัวของมูลค่าที่เพิ่มมากกว่าจำนวนหน่วย สะท้อนให้เห็นว่าบ้านแนวราบมีการปรับราคาขึ้น หรือแพงขึ้นเมื่อเทียบปีก่อน เพราะมีแรงกดดันจากต้นทุนพัฒนาโครงการที่สูงขึ้น ทั้งราคาที่ดิน วัสดุก่อสร้าง ค่าแรง ฯลฯ

ศุภาลัยขายครึ่งปีแรก 1.7 หมื่นล้าน

ประเดิมโชว์ยอดครึ่งปีแรก 2566 ด้วย “ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการสร้างยอดขายรวม 17,285 ล้านบาท คิดเป็น 48% จากเป้ายอดขาย 36,000 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านแนวราบ 11,304 ล้านบาท คอนโดฯเปิดใหม่และสร้างเสร็จพร้อมอยู่ 5,981 ล้านบาท โดยมีสินค้าสต๊อกพร้อมอยู่มูลค่ามากกว่า 20,000 ล้านบาท รองรับการเติบโตของยอดขายในครึ่งปีหลัง

โดยครึ่งปีหลัง 2566 เดินหน้าพัฒนา 27 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 28,610 ล้านบาท แบ่งเป็นแผนเปิดตัวบ้านแนวราบ 26 โครงการ คอนโดฯ 1 โครงการ พร้อมกับบุกตลาดต่างจังหวัดเพิ่ม 4 จังหวัดใหม่ที่ “นครปฐม ลำปาง ราชบุรี จันทบุรี” กับคอนโดฯแบรนด์ใหม่

ในขณะที่ไตรมาส 3/66 เตรียมโอนห้องชุดโครงการศุภาลัย พรีเมียร์ สี่พระยา-สามย่าน ที่จะเข้ามาเสริมแกร่งให้กับเป้ารายได้ของบริษัทสู่ตัวเลข 36,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้

เพอร์เฟคประกบโรงเรียนนานาชาติ

ถัดมา “วงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต” กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF ตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดโครงการลักเซอรี่ทำเลใกล้โรงเรียนนานาชาติชื่อดัง ซึ่งพฤติกรรมลูกค้ากำลังซื้อศักยภาพสูงมองเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในการตัดสินใจซื้อ โดยคำนึงถึงความสะดวกปลอดภัยในการรับ-ส่งบุตรหลาน และประหยัดเวลาเดินทาง

ทั้งนี้ เพอร์เฟคมีโครงการบ้านหรูบนทำเลใกล้โรงเรียนนานาชาติ 6 โครงการ ได้แก่ กลุ่ม SISB ได้เปิดโรงเรียนนานาชาติเอสไอเอสบี นนทบุรี แห่งใหม่ สร้างความคึกคักเพิ่มขึ้นให้กับโครงการเลค เลเจ้นด์ แจ้งวัฒนะ และเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ แจ้งวัฒนะ ซึ่งอยู่หน้าโรงเรียนนานาชาติ

นอกจากนี้ โครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา ทำเลแหล่งรวมโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง เช่น เวลลิงตันคอลเลจ, ไบรท์ตันคอลเลจ, โครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ รามคำแหง อยู่ติดกับโรงเรียนร่วมฤดีวิเทศศึกษา หรือ RIS โรงเรียนนานาชาติเก่าแก่ที่เปิดมาแล้ว 66 ปี, เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ สุขุมวิท 77 อยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติชาร์เตอร์ และคอนคอร์เดียน รวมถึง เลค เลเจ้นด์ บางนา-สุวรรณภูมิ อยู่ใกล้เวอร์โซ โรงเรียนนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ

“เพอร์เฟคมีแผนรุกทำการตลาดร่วมกับโรงเรียนนานาชาติชั้นนำ ทั้งเอสไอเอสบี ร่วมฤดีวิเทศศึกษา บรอมส์โกรฟ เวลลิงตันคอลเลจ และไบรท์ตันคอลเลจ เพื่อสื่อสารโดยตรงไปยังกลุ่มผู้ปกครองนักเรียน”

แสนสิริเล็งเป้า Q3 11,000 ล้าน

บุกหนักเต็มไตรมาสเป็นเกมของ “อุทัย อุทัยแสงสุข” ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไตรมาส 3/66 แสนสิริเล็งเห็นถึงความต้องการลูกค้าในที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ที่มีดีมานต์ต่อเนื่อง นำบ้านและคอนโดฯ 79 โครงการ จัดโปรโมชั่นกระตุ้นการตัดสินใจซื้อทั่วประเทศ ตั้งเป้ายอดโอน 11,000 ล้านบาท

แคมเปญประกอบด้วย “โปร ติดสปีด ดีลด่วนทันใจ” ใน 33 โครงการบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด มอบส่วนลดสูงสุด 3 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำ 1.99% นาน 3 ปี หรือผ่อนล้านละ 3,000 บาท 3 ปี ในแบรนด์บ้านเดี่ยวเศรษฐสิริ บุราสิริ สราญสิริ คณาสิริ อณาสิริ

“โปร ติดสปีด ดีลด่วนทันใจ” สำหรับ 21 คอนโดฯ รับคืนสูงสุด 1.5 ล้านบาท ลดสูงสุด 3 แสนบาท ผ่อนต่ำล้านละ 3,000 บาท 3 ปี (เฉพาะโครงการพร้อมอยู่) ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน ฟรีค่าส่วนกลางสูงสุด 5 ปี

และ “โปรหมู ๆ กู้เกิน 100%” กับทาวน์โฮมพร้อมอยู่ 25 โครงการ รับคืนสูงสุด 3 แสน กู้เกิน 100% ดอกเบี้ยต่ำ 0% นาน 1 ปี

เงื่อนไขสุดจ๊าบ สำหรับยอดจองซื้อและโอนภายใน 30 กันยายน 2566 นี้

AP บุกอภิทาวน์ นครปฐม

ขณะที่ “เมธา รักธรรม” รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮม บมจ.เอพี ไทยแลนด์ หรือ AP สร้างสรรค์เกมบุกด้วยการเปิดตัว “อภิทาวน์ นครปฐม (เพชรเกษม-นครชัยศรี)” มูลค่าโครงการ 850 ล้านบาท ภายใต้คอนเซ็ปต์ Location is Everything บนทำเลที่ดีที่สุดในนครปฐม นำเสนอบ้านเดี่ยวหรู บ้านแฝดแนวคิดใหม่ และทาวน์โฮมซีรีส์ใหม่ บนราคาคุ้มค่าและดีที่สุด

บริษัทวางแผนจัดอีเวนต์เปิดพรีเซล 29-30 กรกฎาคมนี้ ลูกค้าจองซื้อในงานรับส่วนลด 2 แสนบาท

“ที่ผ่านมาเอพีพัฒนาโครงการอภิทาวน์แล้ว 8 จังหวัดทั่วไทย มูลค่ารวม 7,440 ล้านบาท ได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่องจากลูกค้า ไตรมาส 3/66 เตรียมเปิดเพิ่ม 2 จังหวัดใหม่ ได้แก่ นครปฐม และสุราษฎร์ธานี”

รายละเอียด อภิทาวน์ นครปฐม ตั้งอยู่ตำบลท่าตำหนัก อำเภอนครชัยศรี ติดถนนเพชรเกษม เชื่อมต่อนครปฐม และกรุงเทพฯ เนื้อที่ 35 ไร่ จำนวน 232 หลัง ออกแบบพิเศษเพื่อครอบครัวคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ ฟังก์ชั่น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ในราคาที่ไม่เคยมีมาก่อนในทำเล เริ่มต้น 3.59-8 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 24ก.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 34.41 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทยังไม่กลับมาเป็นเทรนด์แข็งค่าต่อเนื่อง ส่วนเงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้น หากเฟดพร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่อ ด้าน ECB และ BOJ ไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มมากขึ้น อาจส่งผลให้เงินยูโร และเยนอ่อนค่าลงบ้าง

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 24ก.ค.2566 ที่ระดับ  34.41 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  34.45 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่าในช่วงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาทยังคงเคลื่อนไหว sideway ในกรอบใกล้แนวต้าน 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาสถานการณ์การเมืองไทยและการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลักในสัปดาห์นี้

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น ตามความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยช่วงตลาดผันผวน และแรงเทขายสกุลเงินหลักอื่นๆ โดยเฉพาะ JPY และ GBP

ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรเตรียมรับมือความผันผวนในช่วงวันพฤหัสฯ ที่จะมีทั้ง การประชุมเฟด และ ECB รวมถึง การเลือกนายกฯ ของไทย ทั้งนี้ ตลอดสัปดาห์ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน

 ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่การประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด โดยเรามองว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +25bps สู่ระดับ 5.25-5.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาอย่างใกล้ชิดว่า เฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าพร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง หรือ รอประเมินสถานการณ์ไปก่อน

อนึ่ง เราคงมุมมองเดิมว่า การขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกรกฎาคมนี้ จะเป็น “ครั้งสุดท้าย” ของวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ หลังแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงมากขึ้น (อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE เดือนมิถุนายน ที่จะรายงานในวันศุกร์นี้ ก็อาจชะลอลงสู่ระดับ 4.2%)

อีกทั้งภาวะสินเชื่อ (Credit Condition) ก็ตึงตัวมากขึ้นชัดเจน ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์ต่างคาดว่า ภาคการผลิตและภาคการบริการสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องสะท้อนผ่านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (S&P Manufacturing & Services PMIs) เดือนกรกฎาคม ที่จะลดลงสู่ระดับ 46.2 จุด และ 54 จุด ตามลำดับ

(ดัชนีต่ำกว่า 50 จุด หมายถึง ภาวะหดตัว) ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังพอได้แรงหนุนจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) เดือนกรกฎาคม ที่อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 112 จุด หนุนโดยแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอลงต่อเนื่องและตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะบริษัทเทคฯ ขนาดใหญ่ อาทิ Microsoft, Alphabet, Meta เป็นต้น

▪ ฝั่งยุโรป – สำหรับการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) เรามองว่า ECB จะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) +25bps สู่ระดับ 3.75% ทั้งนี้ ตลาดจะรอลุ้นว่า ECB จะส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า พร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องหรือไม่ในการประชุมครั้งถัดไป หลังอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงมาก

แม้ว่าจะชะลอลงต่อเนื่องก็ตาม โดยเรามองว่า หนึ่งในปัจจัยที่บรรดาเจ้าหน้าที่ ECB อาจใช้พิจารณาถึงความจำเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยต่อ คือ รายงานภาวะสินเชื่อ (Bank Lending Survey) ในไตรมาส 2  และรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของยูโรโซนในเดือนกรกฎาคม ซึ่งจะสะท้อนผลกระทบจากการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของ ECB ในช่วงที่ผ่านมา

▪ ฝั่งเอเชีย – ตลาดมองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจเริ่มชะลอลงบ้างหลังจากที่ภาคการบริการได้ฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากอานิสงส์การเปิดประเทศ โดยล่าสุดดัชนี PMI ภาคการบริการเดือนกรกฎาคมอาจชะลอลงสู่ระดับ 53 จุด ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมอาจอยู่ที่ระดับ 49.8 จุด สะท้อนว่าภาคการผลิตอาจหดตัวต่อเนื่องตามแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจหลัก

ทั้งนี้ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยเราคาดว่า BOJ อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.10% แต่เราจะรอจับตาอย่างใกล้ชิดว่า BOJ จะปรับนโยบาย Yields Curve Control หรือไม่ (เราคาดว่า BOJ จะยังไม่มีการปรับนโยบาย YCC ในครั้งนี้)

โดยหาก BOJ ไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมปรับ YCC ก็อาจส่งผลให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อ่อนค่าต่อได้บ้าง นอกจากนี้ ควรรอติดตาม คาดการณ์เศรษฐกิจใหม่ของ BOJ ที่อาจส่งสัญญาณต่อแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของ BOJ ในอนาคต ส่วนธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ก็อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.75% หลังอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงต่อเนื่อง อีกทั้งเงินรูเปียะห์ (IDR) ก็มีเสถียรภาพมากขึ้น

▪ ฝั่งไทย – ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก และนักลงทุนต่างชาติบางส่วนอาจทยอยขายทำกำไรได้บ้าง อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติก็พร้อมกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์ไทยมากขึ้น หากการโหวตเลือกนายกฯ และการจัดตั้งรัฐบาลผสมมีความชัดเจนมากขึ้น

ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์มองว่า ดุลการค้า (Trade Balance) เดือนมิถุนายนอาจขาดดุล -800 ล้านดอลลาร์ หลังยอดการส่งออก (Exports) หดตัวต่อเนื่องกว่า -6.3%y/y ตามการชะลอตัวลงของบรรดาเศรษฐกิจคู่ค้า

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมฝั่งอ่อนค่าเริ่มกลับมาอีกครั้ง แต่เงินบาทจะยังไม่ได้อ่อนค่าไปมาก จนทะลุแนวต้านโซน 34.75 บาทต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นต่างชาติเริ่มมองเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นและทยอยเพิ่มสถานะ Long เงินบาท (มองเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้น)

อย่างไรก็ดี เรามองว่า เงินบาทจะยังไม่กลับมาเป็นเทรนด์แข็งค่าต่อเนื่อง จนกว่าจะเห็นความชัดเจนของการโหวตเลือกนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาลผสม

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้ ในกรณีที่ 1) เฟดส่งสัญญาณชัดเจนพร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่อ แต่ทั้ง ECB และ BOJ กลับไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยหรือใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้สกุลเงินหลัก อย่าง เงินยูโร (EUR) และ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อ่อนค่าลงได้บ้าง หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หรือ 2) ตลาดปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ในกรณีที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนออกมาน่าผิดหวัง ซึ่งต้องระวังรายงานจากบรรดาบริษัทเทคฯ ใหญ่

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและภาวะตลาดการเงินในช่วงรับรู้รายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 2 ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.00-34.75 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.30-34.50 บาท/ดอลลาร์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.48-34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.10 น.) “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” เมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 34.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่า ขณะที่ตลาดยังคงรอติดตามปัจจัยทางการเมืองของไทยอย่างใกล้ชิด ส่วนเงินดอลลาร์ฯ ขยับแข็งค่าขึ้นก่อนการประชุมเฟด (25-26 ก.ค.) ซึ่งถูกคาดหมายว่า จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ไปอยู่ที่กรอบ 5.25-5.50% 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.30-34.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์การเมืองไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และข้อมูลPMI ขั้นต้นเดือนก.ค. ของยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“ต๊อด ปิติ” พา มาเอซาวา เรซซิ่ง จบอันดับห้า “จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย 2023” สนามสี่ ที่โมเตกิ ญี่ปุ่น

“ต๊อด” ปิติ ภิรมย์ภักดี นักขับชาวไทยยิ่งขับยิ่งดี ควงคู่ นาโอกิ โยโกมิโซ นักขับชาวญี่ปุ่น นำทีม มาเอซาวา เรซซิ่ง ทีมแข่งสัญชาติญี่ปุ่น พา เฟอร์รารี 488 จีที3 จบอันดับห้าโอเวอร์ออล ในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย 2023 สนามที่สี่ ที่ ทวิน ริง โมเตกิ เซอร์กิต สนามความยาว 4.801 กม. ในจังหวัดโทะชิงิ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา  

โดยเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมาเป็นเรซแรกของสนามนี้ “ต๊อด” ปิติ ภิรมย์ภักดี นักขับชาวไทยในรถเฟอร์รารี 488 จีที3 อีโว หมายเลข 555 ของทีมมาเอซาวา เรซซิ่ง เป็นนักขับมือแรกออกสตาร์ตในกริดสตาร์ตอันดับ 12 ก่อนขยับขึ้นไปห้าอันดับไปอยู่ในอันดับเจ็ด ก่อนช่วงครึ่งหลังของการแข่งขันจะเปลี่ยนมือให้ นาโอกิ โยโกมิโซ นักขับชาวญี่ปุ่น ขับเข้าเส้นชัยในอันดับที่ห้าโอเวอร์ออล ด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 2 นาที 31.967 วินาที ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดของ มาเอซาวา เรซซิ่ง หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งจบอันดับหกที่ ซูซูกะ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

ส่วนอันดับหนึ่งโอเวอร์ออลเป็น ออดี อาร์ 8 แอลเอ็มเอส จีที 3 อีโว หมายเลข 11 จากทีม ออดี้ สปอร์ต เอเชีย ทีม แอบโซลูท ที่เข้าเส้นชัยด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 1 นาที 52.951 วินาที โดยวิ่งไปทั้งหมด 32 รอบของ ทวิน ริง โมเตกิ  อันดับสอง ปอร์เช่ 911 จีที3 อาร์ หมายเลข 18 ของทีมปอร์เซ่ เซนเตอร์ โอกาซากิ สถิติ 1 ชั่วโมง 2 นาที 14.916 วินาที และอันดับสาม เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที3 อีโว หมายเลข 37 ของทีมคราฟต์-แบมบู เรซซิง เข้าเส้นชัยด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 2 นาที 15.732 วินาที

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ทำไมใครๆ ก็เป็นโรค “หลอดเลือดหัวใจตีบตัน”

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน

จากไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ ต้องเคร่งเครียดกับการทำงาน เวลาจะออกกำลังกายก็แทบจะไม่มี แถมยังสูบบุหรี่อีก อาหารที่รับประทานส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารประเภทจานด่วน เพราะมันรวดเร็วดี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่ประกอบไปด้วยไขมันอิ่มตัวสูง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้โรคต่างๆ ถามหาได้ง่ายขึ้น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ซึ่งเมื่อเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันขึ้นแล้วจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ต้องได้รับยาตลอดชีวิต

นายแพทย์นาวี ตันจรารักษ์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท สละเวลามาให้ความรู้เรื่องของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน พร้อมทั้งวิธีป้องกันเพื่อให้ห่างไกลจากโรคหัวใจตีบตันกัน

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันเกิดจากการมีไขมันและหินปูนไปพอกอยู่ภายในหลอดเลือดแดง จนเกิดการอุดตัน หรือเส้นเลือดเกิดการปริแตกขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยง ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่ทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบตัน ทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ปัจจัยที่ควบคุมได้ ได้แก่ โรคประจำตัว (โรคเบาหวาน ความดัน และไขมันในเลือดสูง)น้ำหนักตัว รวมถึงไลฟ์สไตล์ เช่น การรับประทานอาหาร การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ รวมไปถึงความเครียด และปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ได้แก่ อายุ เพศ และเชื้อชาติ

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดเฉียบพลัน และชนิดเรื้อรัง

โรคหลอดเลือดหัวใจชนิดเฉียบพลัน มีโอกาสทำให้เสียชีวิตสูงถ้าไม่รีบมาพบแพทย์ คนไข้อาจมีอาการเหนื่อยง่าย เจ็บแน่นหน้าอกช่วงกึ่งกลางหน้าอก เป็นถี่ขึ้น รุนแรงมากขึ้นแม้ขณะไม่ได้ออกกำลัง อาจมีอาการใจสั่น เหงื่อออก หายใจไม่สะดวกร่วมด้วย เมื่อมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดแบบเฉียบพลัน อาจทำให้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพได้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและระยะเวลาที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยงว่านานเท่าไหร่ ดังนั้น จะต้องรีบนำคนไข้มาพบแพทย์ให้เร็วที่สุด หรืออย่างช้าภายในเวลา 6-12 ชั่วโมง หลังจากผู้ป่วยเริ่มมีอาการครั้งแรก เพื่อทำการเปิดหลอดเลือดหัวใจที่ตีบ โดยการให้ยาสลายลิ่มเลือด หรือทำบอลลูนขยายหลอดเลือด

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันชนิดเรื้อรัง จะมีลักษณะแบบค่อยเป็นค่อยไป เป็นๆ หายๆ ซึ่งอาการมักสัมพันธ์กับการออกกำลัง เช่น การเดิน การออกกำลังกาย หรือการขึ้นบันได อาจมีอาการเจ็บแน่นบริเวณกึ่งกลางหน้าอกแต่พอได้นั่งพักอาการก็จะหายไป และบางครั้งอาจมีอาการปวดร้าวไปหัวไหล่ซ้ายขึ้นไปถึงกรามด้วย หากเกิดอาการเหล่านี้จะต้องรีบมาพบแพทย์

การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

ในกรณีที่เป็นไม่มาก การรักษาหลัก คือ การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ร่วมกับการรับประทานยา ซึ่งเมื่อเป็นโรคนี้แล้วต้องรับประทานยาไปตลอดชีวิต เพื่อป้องกันการพอกตัวของไขมันเพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย

ในกรณีที่มีอาการมาก คือ เส้นเลือดตีบมากทำให้การบีบตัวของหัวใจลดลง คนไข้ต้องได้รับการสวนหัวใจเพื่อขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน การสวนหัวใจ คือ การฉีดสารทึบรังสีดูช่องทางเดินของหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถประเมินได้ว่า หลอดเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบ ตัน บ้างหรือไม่ กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงเพียงใด ลิ้นหัวใจเปิดปิดได้ดีเพียงใด อีกทั้งยังสามารถวัดความดันภายในหัวใจและส่วนต่างๆ ของหัวใจได้ด้วย สามารถทำได้ 2 วิธีคือ การสวนหัวใจผ่านทางขาหนีบ (Femoral Artery) และสวนหัวใจผ่านทางข้อมือ (Radial Artery) โดยแต่ละวิธีขึ้นอยู่กับความชำนาญและความถนัดของแพทย์

เมื่อทำการสวนสีหัวใจดูแล้ว หากพบว่าหลอดเลือดตีบหรือตันตรงไหน ก็จะทำการรักษาโดยการทำบอลลูนเพื่อขยายหลอดเลือด การทำบอลลูน คือ การใส่ขดลวดเพื่อถ่างหรือดันไขมันสะสมที่มาขวางทางเดินของหลอดเลือดอยู่ ทำให้หลอดเลือดที่ตีบตันโล่งขึ้น เลือดสามารถไหลผ่านได้สะดวกยิ่งขึ้น

ส่วนในรายที่มีหลอดเลือดตีบหลายตำแหน่ง มักใช้วิธีการผ่าตัดทำบายพาส โดยแพทย์จะใช้เส้นเลือดแดงบริเวณแขนซ้ายหรือเส้นเลือดดำบริเวณขา ตั้งแต่ข้อเท้าด้านในจนถึงโคนขาด้านในมาเย็บต่อเส้นเลือดเพื่อนำเลือดแดงจากเส้นเลือดแดงใหญ่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจส่วนที่ขาดเลือดโดยข้ามผ่านเส้นเลือดส่วนที่ตีบ

สำหรับบุคคลที่แพทย์สงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ แพทย์จะแนะนำให้ทำการตรวจคราบหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ ด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ Calcium Score CT ที่มีความแม่นยำสูง เพื่อตรวจหาปริมาณแคลเซียมที่ผนังของหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งแพทย์จะสามารถนำข้อมูลจากผลเอกซเรย์คอมพิวเตอร์มาช่วยในการตัดสินใจ เพื่อวางแผนการรักษาแต่เนิ่นๆ ให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละรายไปโดยไม่ต้องรอให้เกิดอาการ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตแบบเฉียบพลันจากโรคหัวใจได้

กันไว้ดีกว่าแก้

ถึงแม้เทคโนโลยีทางการแพทย์ จะมีการพัฒนากันอย่างไม่หยุดยั้ง ช่วยให้สามารถรักษาโรคต่างๆ ได้ง่ายและดียิ่งขึ้น แต่การดูแลตัวเองคือสิ่งสำคัญเพื่อเป็นเกราะป้องกันให้เราห่างจากโรคภัย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนควรปฏิบัติ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยง ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถ้าเป็นเนื้อสัตว์ ควรรับประทานอาหารประเภทปลา หรือเนื้อไก่ไม่ติดหนัง และอาหารที่มีเส้นใยสูง อย่างผักและผลไม้ ควรลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เช่น อาหารประเภททอด และอาหารประเภทเนื้อแดง น้ำมันที่ใช้ในการประกอบอาหารควรใช้น้ำมันรำข้าว

และสิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปกับการรับประทานอาหาร คือ การออกกำลังกายแบบแอโรบิค ซึ่งเน้นการทำงานของปอดและหัวใจ ควรออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที สำหรับพฤติกรรมที่ต้องหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาดคือ การสูบบุหรี่ รวมถึงควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาโอกาสมาตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำทุกปี เพียงเท่านี้ก็จะทำให้คุณห่างไกลจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


8 วลีภาษาอังกฤษที่ใช้สื่ออารมณ์ความรู้สึก

เพราะว่าภาษามีความสร้างสรรค์ ดังนั้น เวลาจะพูดจะบอกจะบรรยายอะไรออกไปนั้น บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องพูดตรงๆ อย่างเดียวเสมอไป โดยเฉพาะกับอารมณ์ความรู้สึกที่บางทีนั้น แค่พูดตรงๆ ธรรมดา อาจจะสื่อความรู้สึกได้ไม่หมด ต้องอาศัยคำเปรียบเปรยหรือวลีต่างๆ มาช่วยเพื่อให้เข้าใจได้มากขึ้น (หรือบางครั้ง วลีเหล่านี้ ก็ยังช่วยเลี่ยงความลำบากใจในการพูดตรงๆ ได้อีกด้วย) ลองมาดูกันว่า 8 วลีที่ใช้สื่ออารมณ์ความรู้สึก จะมีอะไรกันบ้าง

1. Scared Stiff

มีความหมายถึง อาการกลัว ที่รู้สึกกลัวมากๆ , กลัวจนตัวแข็ง

ตัวอย่างประโยค

I’m scared stiff of flying especially during landing.
ฉันกลัวการนั่งเครื่องบินมากๆ โดยเฉพาะช่วงที่เครื่องบินกำลังจะลงจอด

2. Tongue-tied

มีความหมายถึง อาการเขินหรืออายจนไม่กล้าพูดอะไรออกมา เปรียบเหมือนลิ้นถูกผูกไว้ ทำให้พูดไม่ได้นั่นเอง

ตัวอย่างประโยค

Barbara was tongue-tied in the presence of her parent.
บาร์บาร่ารู้สึกอายจนพูดไม่ออก เมื่อครอบครัวของเธอปรากฏตัวขึ้น

3. Fish out of water

มีความหมายถึง ความรู้สึกอึดอัด ไม่สะดวกสบาย รู้สึกไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม เปรียบเสมือนปลาที่ไม่ได้อยู่ในน้ำ ย่อมรู้สึกไม่สบายตัวและรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ที่เหมาะสม

ตัวอย่างประโยค

As a non-golfer. I felt like a fish out of the water at the clubhouse.
ด้วยความที่ไม่ใช่นักกอล์ฟ ฉันจึงรู้สึกแปลกแยกและอึดอัดเมื่อต้องอยู่ในคลับเฮาส์นี้

4. Go bananas

มีความหมายถึง ความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ สะเทือนใจ อันส่งผลให้เกิดอาการบ้าคลั่ง

ตัวอย่างประโยค

If you leave school, your parent will go bananas.
ถ้าเธอลาออกจากโรงเรียน ครอบครัวเธอต้องคลั่งมากแน่ๆ

5. Head over heels in love

มีความหมายถึง ความรู้สึกลุ่มหลงในความรัก หลงใหลในความรักจนหัวปักหัวปำ

ตัวอย่างประโยค

He’s head over heels in love with her!
เขาตกหลุมรักเธออย่างหัวปักหัวปำ!

6. Keep a stiff upper lip

มีความหมายถึง การเก็บอารมณ์ เก็บซ่อนความรู้สึก ไม่แสดงออกมา

ตัวอย่างประโยค

When she heard the bad news, she kept a stiff upper lip.
เธอเก็บอารมณ์เมื่อได้ยินข่าวร้าย

7. Proud as a peacock

มีความหมายถึง ความภูมิใจอย่างยิ่ง ซึ่งในวลี Proud as a peacock เป็นการนำความภาคภูมิใจไปเปรียบกับ นกยูง ที่เป็นสัญลักษณ์ของความมีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จ

ตัวอย่างประโยค

When his son won first prize, Bill was as proud as a peacock.
บิลรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อลูกชายของเขาได้รับรางวัลที่หนึ่ง

8. Over the moon

มีความหมายถึง ความยินดี ความปิติเป็นอย่างยิ่ง , ความรู้สึกดีอกดีใจ

ตัวอย่างประโยค

We were all over the moon when we heard the good news.
เราทั้งหมดดีใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รับข่าวดี

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


The Next REAL Change for Better Living: ทีทีบี และ โกลบอลเฮ้าส์ สองพันธมิตรผนึกกำลังนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่ส่งเสริมประสบการณ์ชอปของแต่งบ้านและอุปกรณ์ก่อสร้างที่คุ้มที่สุด

“สร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้านให้กับคนไทย” เป้าหมายสำคัญที่ตอกย้ำความร่วมมือระหว่าง ทีเอ็มบี ธนชาต หรือ ทีทีบี กับ สยามโกลบอลเฮ้าส์ ผู้นำธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ส่งมอบโซลูชันทางการเงินให้กับลูกค้าในการยกระดับชีวิตที่ดีขึ้นอย่างรอบด้าน

เมื่อวันที่ 21 กรกฏาคม 2566 นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต ได้มีการแถลงข่าวร่วมกับ นายวิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสดร่วม ttb Global House ผ่านกลยุทธ์หลัก Ecosystem Play ในการสร้างจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าสู่โซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์สำหรับลูกค้าผ่าน Home Owner Ecosystem โซลูชันทางการเงินที่ช่วยสร้างประสบการณ์การชอปเพื่อบ้านที่คุ้มค่าที่สุด

นอกจากความมุ่งหวังในการเพิ่มกำลังซื้อ (Purchasing Power) ให้กับลูกค้าโกลบอลเฮ้าส์ ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสดร่วม ttb Global House ยังมาพร้อมข้อเสนอและสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าและตรงใจ อันได้แก่ ส่วนลดพิเศษ สิทธิประโยชน์จากรายการส่งเสริมการขาย หรือจากรายการแบ่งชำระค่าซื้อสินค้า โดยจะครอบคลุมไปถึงการสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งช่วยสร้างความคุ้มค่าให้กับลูกค้า และที่สำคัญลูกค้าที่ซื้อวัสดุก่อสร้างก็ยังจะได้รับคะแนนสะสมอีกด้วย

นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ทีทีบี ตั้งเป้าหมายการมุ่งสู่ Top 4 ผู้นำตลาดบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลภายใน 3 ปี ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ ก็คือการผนึกความแข็งแกร่งกับ บริษัท สยามโกลเฮ้าส์ พันธมิตรกลุ่มธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านชั้นนำของไทย และยังช่วยให้ลูกค้าโกลบอลเฮ้าส์ได้เข้าถึงบริการทางการเงินได้สะดวกมากขึ้น

สำหรับบัตรเครดิต ttb Global House มอบสิทธิประโยชน์ส่วนลดเพิ่ม 3% เมื่อชอปผลิตภัณฑ์ใด ๆ ยกเว้นวัสดุก่อสร้าง ส่วนลด 5% เมื่อใช้บริการใด ๆ ที่โกลบอลเฮ้าส์ สิทธิประโยชน์จากการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน ที่โกลบอลเฮ้าส์ และยังทำรายการแบ่งจ่าย 0% นาน 3 เดือน ได้ด้วยตัวเองผ่านแอป ttb touch ได้ทุกรายการใช้จ่ายที่มียอดตั้งแต่ 1,000 บาท ขึ้นไป / เซลล์สลิป กับบริการ ttb so goood สิทธิประโยชน์จากการสะสมคะแนน ทุก 25 บาท รับ 1 คะแนน รวมถึงวัสดุก่อสร้าง และรับสิทธิประโยชน์จากการใช้จ่ายที่ร้านค้าอื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับบัตรกดเงินสด ttb Global House มอบสิทธิประโยชน์ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 36 เดือนที่โกลบอลเฮ้าส์

นอกจากนี้ ลูกค้ามีบ้านจะได้รับความสะดวกเพิ่มมากขึ้นผ่านฟีเจอร์ My Home ในแอป ttb touch ที่ช่วยบริหารจัดการทุกเรื่องเกี่ยวกับบ้านได้ง่ายขึ้นเพียงปลายนิ้วสัมผัส ผู้สนใจสามารถสมัครบัตรได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ สมัครที่สยามโกลบอลเฮ้าส์ และทีทีบี ทุกสาขา สมัครผ่านแอป ttb touch และสมัครผ่านทางเว็บไซต์ ttbbank.com

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


เคล็ดลับการบำรุงดูแลรักษาโทรศัพท์มือถือให้ปลอดภัย ในช่วงหน้าฝน

การใช้งานมือถือทุกวันนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เปิด Social หรือการโทรเท่านั้นหลายคนอาจจะใช้งานทุกเวลาจนกระทั่งอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นอยู่ดีๆ ฝนตกหนัก มือถือถูกน้ำ หรือเจอคนชนแล้วมือถือตกน้ำ หรือล้างมืออยู่ผลักมือถือลงไปในอ่างล้างมือ และแน่นอนว่าถ้าเป็นมือถือกันน้ำอาจจะไม่ซีเรียดแล้วถ้าเป็นมือถือทั่วไปล่ะเราจะทำอย่างไร

วันนี้ Sanook! Hitech มีคำแนะนำมาฝากคุณกันอีกแล้ว หน้าฝนแบบนี้ป้องกันไว้ดีกว่าครับ มือถือราคาไม่ใช่ถูกๆ 

หยิบออกจากจุดที่โดนน้ำให้ไวที่สุด 

เพราะละอองฝนเล็กน้อยก็สามารถทำอันตรายมือถือได้ อาจจะเกิดความเสียหายเพราะน้ำเข้าไปที่ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องก็เป็นไปได้ ฉะนั้นการหยิบออกมาจากจุดที่โดนน้ำหรือตกน้ำก่อนจะดีที่สุด แม้กระทั่งฝนอาจจะถูกได้เล็กน้อยแต่ถ้าเลี่ยงได้ควรจะเลี่ยงดีกว่า

หากโดนน้ำตรวจสอบเบื้องต้นว่าน้ำเข้าไปในเครื่องหรือไม่

ภายในเครื่องคือแบตเตอรี่และชิ้นส่วนต่าง ๆ แบตเตอรี่ หรือ Mainboard ของเครื่องหากน้ำเข้าไปหลังจากตกน้ำถ้าถอดชิ้นส่วนอะไรได้ควรถอดออก เช่นมือถือสมัยนี้ถอดช่องใส่ซิมได้ควรจะถอดออกมาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคราบน้ำ

ทำให้ตัวเครื่องแห้งไว้เร็วเท่าที่จะเป็นไปได้

ถ้าตรวจสอบแล้วมีคราบน้ำอยู่โดยรอบให้เช็ดทำความสะอาดให้ทั่วมากที่สุด โดยใข้กระดาษซับน้ำส่วนพอร์ดและช่องต่างๆ ก็ควรหาสำลีขนาดเล็กค่อยๆ เขี่ยเข้าไปเพื่อให้เกิดความแห้งมากที่สุด แต่อย่าเหย่าหรือเอาไดร่เป่าให้แห้ง เพราะอาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้

อย่าเพิ่งเปิดเครื่องจนกว่าจะแน่ใจว่าเครื่องแห้งทั้งหมด

เมื่อทำทุกอย่างแล้วไม่ควรเปิดเครื่องทันที เพราะอาจจะความชื่นหลงงเหลือทำให้ Mainboard และขั้วแบตเตอรี่ช็อตจนทำให้เครื่องไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ ดังนั้นควรตามกมือถือสัก 2 – 3 ชั่วโมงเพื่อให้แน่ใจว่าแห้งแล้วถึงจะเปิดเครื่อง

กรณีเปิดไม่ติดให้นำไปให้ช่างไล่ความชื้น

แต่เมื่อถึงเวลาหลังจากทำให้เครื่องแห้งแล้ว ถ้ายะงเปิดไม่ติด แนะนำว่าควรจะนำเครื่องเข้าซ่อมทั้งศูนย์บริการหรือร้านซ่อมที่คุณไว้วางใจเพื่อแก้ปัญหาและตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้ง ก็จะทำให้คุณทราบสาเหตุและขั้นตอนต่อไปในการปฏิบัติกับมือถือ ของคุณ

ทางที่ดีที่สุดนั้น การใช้งานมือถือก็ควรคำนึงถึงเหตุการณ์และสถานที่ว่าควรใช้ด้วยหรือไม่ แต่ถ้ามือถือตกน้ำไม่ต้องตกใจ ลองทำตามดูแล้วมือถือของคุณจะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 24/07/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a31,900.0032,000.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,066.0031,320.5632,500.00
ทองรูปพรรณ 90%1,859.4028,188.50n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,652.8025,056.45n/a
ทองรูปพรรณ 50%930.0014,098.80n/a
ทองรูปพรรณ 40%723.0010,960.68n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,141.0032,457.56n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 24/07/2566



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9537.5537.5537.5537.5537.5537.5537.5537.5537.5537.55
แก๊สโซฮอล์ 9137.2837.2837.2837.2837.2837.2837.2837.2837.2837.28
แก๊สโซฮอล์ E2035.2435.2435.2435.2435.2435.2435.2435.2435.24
แก๊สโซฮอล์ E8535.6935.6935.69
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม42.9446.7446.9446.8442.94
เบนซิน 9545.3446.1145.8445.4945.34
ดีเซล B731.9431.9432.2431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.2431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.2431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม39.9440.9441.9441.4441.4439.94
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า