คนกรุงฯอย่าลืมจ่ายภาษีที่ดิน เช็คช่องทางชำระ -อัตราภาษีที่ต้องจ่ายที่นี่
กทม.เตือนคนกรุงฯอย่าลืมจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้ เช็คช่องทางชำระ อัตราภาษีที่ต้องจ่าย พร้อมตรวจสอบกรณีจ่ายข้า ต้องเสียค่าปรับเท่าไร
กรุงเทพมหานคร เตือนคนกรุงฯผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินหรือเจ้าของสิ่งปลูกสร้าง อย่าลืมชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประจำปี 2566 ภายในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ หากจ่ายช้ามีปรับสูงสุด 40% ของค่าภาษี โดยเจ้าของที่ดินที่ต้องการชำระสามารถตรวจสอบอัตราภาษี และ ช่องทางการจ่ายเงินได้ดังนี้
ช่องทางการชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
- ฝ่ายรายได้ สำนักงานเขต (ที่ทรัพย์สินนั้นตั้งอยู่)
- เคาน์เตอร์เซอร์วิส ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา*
- แอปฯ Mobile Banking (หากชำระผ่านทางธนาคาร หรือ Mobile Banking จะได้รับใบเสร็จภายใน 5-7 วัน)
กรุงเทพมหานคร เปิดโอกาสให้ผ่อนชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ได้ 3 งวด โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- งวดที่ 1 ภายในเดือนสิงหาคม
- งวดที่ 2 ภายในเดือนกันยายน
- งวดที่ 3 ภายในเดือนตุลาคม
ทั้งนี้จะต้องติดต่อกับฝ่ายรายได้ สำนักงานเขต เพื่อดำเนินการขอผ่อนชำระภายใน 31 สิงหาคม 66
ในกรณีที่จ่ายช้า มีค่าปรับ
หากผู้เสียภาษีไม่มาชำระภายในเวลาที่กำหนด (วันที่ 31 สิงหาคม 2566)จะต้องเสียภาษี รวมทั้ง เสียเบี้ยปรับ ขั้นต่ำ 10 % สูงสุด 40 % และ เงินเพิ่ม อีก 1 % ของยอดภาษีค้างชำระ
- เบี้ยปรับ 10 % หากชำระก่อนออกหนังสือเตืรอ
- เบี้ยปรับ 20 % หากชำระภายในวันที่กำหนดตามหนังสือแจ้งเตือน
- เบี้ยปรับ 40 % หากชำระเกินวันที่กำหนดไว้ในหนังสือแจ้งเตือน
- หากไม่ชำระภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนดจะถูกระงับการทำธุรกรรมซื้อขายที่ดินกับสำนักงานที่ดินฯ
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- ฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตที่ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้นตั้งอยู่
- กองรายได้ สำนักการคลัง กรุงเทพมหานคร โทร 0-2224-2946
- Facebook กองรายได้ สำนักการคลัง กทม.(คลิกที่นี่)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
‘ดุสิตธานี’ เปิด รร. ใหม่ ‘จีน’ สู่ 33 แห่งใน 5 ปี ชี้วิกฤติยักษ์อสังหาฯไม่กระทบ
จากกรณียักษ์อสังหาฯ ในจีน 2 รายใหญ่ ทั้ง ‘เอเวอร์แกรนด์’ และ ‘คันทรี การ์เดน’ ประสบปัญหาการเงินอย่างหนัก! ‘ศุภจี สุธรรมพันธุ์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ยืนยันว่า “ไม่ส่งผลกระทบ” ต่อแผนขยายธุรกิจรับบริหารโรงแรมของ ‘กลุ่มดุสิตธานี’ ในจีน
เนื่องจากพันธมิตรของกลุ่มดุสิตธานีเป็นกลุ่มโรงแรม ไม่ใช่กลุ่มอสังหาฯเพื่อการอยู่อาศัยที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในตอนนี้!
ขณะนี้กลุ่มดุสิตธานีรับบริหารโรงแรมในจีนรวม 11 แห่ง เตรียมเปิดให้บริการ 2 แห่งใหม่ภายในปีนี้ และตามแผนพัฒนาโรงแรมใหม่จะเปิดเพิ่มอีกอย่างน้อย 20 แห่ง ทำให้ในช่วง 3-5 ปีนับจากนี้กลุ่มดุสิตธานีมีจำนวนโรงแรมที่รับบริหารในจีนรวมอย่างน้อย 33 แห่ง
“พอภาพรวมภาคอสังหาฯในจีนเกิดความตึงตัว จีดีพีของประเทศจีนต่ำกว่าเป้า จากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าปีนี้จะเติบโต 6% ล่าสุดปรับลดการเติบโตอยู่ที่ 4% ส่งผลกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศที่ลดลงตามไปด้วยรวมถึงภาคโรงแรมและการท่องเที่ยว ทำให้ชาวจีนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง”
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์อัตราเข้าพักโรงแรมในจีนที่กลุ่มดุสิตธานีรับบริหาร ปัจจุบันอยู่ที่ 60-70% กลับมาดีตั้งแต่ปี 2563 แล้วหลังเจอวิกฤติโควิด-19 ระบาด เนื่องจากเป็นช่วงที่จีนปิดประเทศ เน้นให้ชาวจีนเที่ยวในประเทศ
สำหรับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจจีนถดถอย จนรัฐบาลจีนต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้ยังมีชาวจีนเดินทางออกเที่ยวต่างประเทศไม่มากนัก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย กลุ่มดุสิตธานีจึงต้องปรับกลยุทธ์หาตลาดอื่นๆ มาช่วยเติม เช่น นักท่องเที่ยวจากเอเชียและตะวันออกกลาง รวมถึงตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ
“ปัจจุบันกลุ่มดุสิตธานีมีโรงแรมในเครือรวม 53 แห่ง ตามแผนการเปิดโรงแรมใหม่ของกลุ่มดุสิตธานีอยู่ที่ 10-12 แห่งต่อปี เฉพาะปี 2566 เปิดโรงแรมใหม่ 10 แห่ง”
ทั้งนี้ กลุ่มดุสิตธานีตั้งเป้ารายได้รวมปี 2566 เติบโต 30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งมีรายได้ 5,130 ล้านบาท และเพื่อสร้างการเติบโตแก่กลุ่มดุสิตธานีอย่างต่อเนื่อง เตรียมนำ “ดุสิตฟู้ดส์” จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อวัตถุประสงค์ขยายธุรกิจ เสนอขายหุ้น IPO แก่ประชาชนทั่วไปในช่วงปลายปี 2567 หลังกลุ่มดุสิตธานีได้เดินกลยุทธ์กระจายความหลากหลายสู่กลุ่มธุรกิจอาหาร ก่อตั้งดุสิตฟู้ดส์เมื่อปี 2561และสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยตอนนี้ได้ตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน ทางกฎหมาย และวางโครงสร้างของคณะกรรมการบริษัทไว้แล้ว
ศุภจี กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาคธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยยังคงมีปัญหาเรื่องราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) อย่างมาก ราคาห้องพักโรงแรมใน “กรุงเทพฯ” ถูกมาก ตอนนี้ในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง “กัมพูชา” และ “หลวงพระบาง สปป.ลาว” มีราคาห้องพักแพงกว่า แซงหน้ากรุงเทพฯไปแล้ว! จึงอยากแนะนำผู้ประกอบการโรงแรมว่าควรหากลยุทธ์อื่นๆ ในการทำโปรโมชัน มากกว่าคิดอะไรไม่ออก ก็เลือกใช้วิธี “ลดราคา” แทน
มาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) กล่าวเสริมว่า เหตุผลที่ทำให้ราคาห้องพักโรงแรมในประเทศไทยยังค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในอาเซียน เป็นเพราะมีซัพพลายโรงแรมจำนวนมากแข่งขันกันรุนแรง ทำให้ผู้ประกอบการต้องเพิ่มมูลค่าด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ลงทุนปรับปรุงโรงแรม แต่บางแห่งก็ไม่มีเงินเพียงพอในการปรับปรุง ทำให้สุดท้ายก็วนลูปกลับมาสู่วิธีลดราคาเพื่อแย่งชิงนักท่องเที่ยว
ด้านฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากการประเมินแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2566 คาดว่าจะมีจำนวน 28-29 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายของ ททท. ซึ่งตั้งไว้ที่อย่างน้อย 25 ล้านคน จากล่าสุดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-20 ส.ค. 2566 จำนวน 17 ล้านคน หรือเฉลี่ยมากกว่า 2 ล้านคนต่อเดือน
หากในช่วง 4 เดือนสุดท้าย (ก.ย.-ธ.ค.) ซึ่งเข้าสู่ไฮซีซัน มีเดินทางเข้ามา 3 ล้านคนต่อเดือน ก็น่าจะไปถึงแนวโน้มดังกล่าวได้ หวังกระแสการเดินทางดีต่อเนื่องไปจนถึงปี 2567 ซึ่งตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 35 ล้านคน ปูทางสู่ภารกิจสร้างรายได้รวมการท่องเที่ยวให้ได้ถึง 25% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2570 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 80 ล้านคน
ททท.เดินหน้าส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง “เมืองหลักเราไม่ทิ้ง เมืองรองเราไม่ถอย” โปรโมตให้คนไทยเที่ยวข้ามภาคมากขึ้น เน้นกระตุ้นเมืองรอง ใช้ทุกองคาพยพที่มี เช่น ไลฟ์สไตล์ของสายมู และสายกิน ซึ่งปี 2567 จะผลักดันให้ “มิชลินไกด์” ลงพื้นที่แบบสุ่ม สำรวจร้านที่ได้มาตรฐานมิชลินทั่วประเทศไทย ไม่จำกัดเฉพาะในจังหวัดตามกำหนดเท่านั้น หลังจากปี 2566 เพิ่งเพิ่ม จ.สุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่สำรวจใหม่ของมิชลินไกด์ พร้อมโปรโมตผ่านกลยุทธ์เจาะกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มความเคลื่อนไหวด้านวัฒนธรรมย่อย (Sub-culture Movement) รวมถึงกลุ่มเวิร์กเคชัน (Workation) เที่ยวไปด้วยทำงานไปด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 24ส.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 34.94 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทกลับมาชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง จากรายงานดัชนี PMI สหรัฐฯ ที่แย่กว่าคาด สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางฝั่งเอเชีย ทั้งธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) และ ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI)
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 24ส.ค.2566 ที่ระดับ 34.94 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.06 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทกลับมาชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง จากรายงานดัชนี PMI สหรัฐฯ ที่แย่กว่าคาด และที่น่าสนใจ คือ ในจังหวะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง (ดัชนี DXY ใกล้แตะระดับ 104 จุด)
แต่เงินบาทกลับไม่ได้อ่อนค่าไปมากนักและยังคงติดอยู่ในโซนแนวต้าน 35.20 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราได้ประเมินไว้ สะท้อนว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอจังหวะทยอยเพิ่มสถานะ Long THB หรือรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่าในการทยอยขายเงินดอลลาร์
อย่างไรก็ดี แม้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลผสมจะเสร็จสิ้นลง แต่เรายังไม่เห็นการกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยที่ชัดเจนของนักลงทุนต่างชาติ โดยมีเพียงแรงซื้อบอนด์ระยะสั้น (ซึ่งอาจเกี่ยวกับสถานะ Long THB) ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ยังคงต้องติดตามว่า นักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องได้หรือไม่
นอกจากนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอประเมินทิศทางนโยบายการเงินเฟด จากถ้อยแถลงของประธานเฟดในงานสัมมนาวิชาการ ที่ Jackson Hole ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองที่ชัดเจนขึ้นได้ ซึ่งมุมมองดังกล่าว อาจทำให้ เงินบาทอาจทยอยแข็งค่าขึ้นได้บ้าง
แต่มีแนวโน้มที่จะติดโซนแนวรับแถว 34.75-34.80 บาทต่อดอลลาร์ (ยกเว้นว่าจะเห็นฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยชัดเจน) ส่วนแนวต้านของเงินบาทก็ยังคงเป็นโซน 35.00-35.15 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้ เรามองว่า ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.75-35.05 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทผันผวนพอสมควร (แกว่งตัวในช่วง 34.90-35.13 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ตามการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินฝั่งยุโรป ทั้ง เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) และเงินยูโร (EUR) จากรายงานข้อมูลดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของฝั่งยุโรปที่ออกมาแย่กว่าคาด
อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง พร้อมกับการรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ จากรายงานดัชนี PMI ของสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาดเช่นกัน ซึ่งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แย่กว่าคาดดังกล่าว ก็ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดโอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อและโอกาสเฟดคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน ลงบ้าง
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงชัดเจน หนุนโดยความหวังว่า รายงานผลประกอบการของบริษัท Nvidia +3.2% จะออกมาแข็งแกร่ง (ล่าสุดนักวิเคราะห์ต่างคงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับเป้าราคาขึ้น) ซึ่งภาพดังกล่าวยังหนุนให้หุ้นธีม AI ต่างปรับตัวขึ้นเช่นกัน (AMD +3.6%, Alphabet +2.6%)
นอกจากนี้ รายงานข้อมูลดัชนี PMI สหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด ยังได้คลายกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยและคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงของเฟด ทำให้หุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นได้ ส่งผลให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้น +1.59% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.10%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.39% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth (SAP +1.0%, ASML +1.0%) ท่ามกลางความหวังว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจใกล้หยุดขึ้นดอกเบี้ย หลังรายงานดัชนี PMI ของยูโรโซนล่าสุดออกมาแย่กว่าคาดพอสมควร อย่างไรก็ดี รายงานดัชนี PMI จากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลักส่วนใหญ่ที่ออกมาแย่กว่าคาด ได้กดดันให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง และยังส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงเช่นกัน (Total Energies -1.7%, BP -1.4%)
ในฝั่งตลาดบอนด์ รายงานดัชนี PMI ของสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด ได้กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงสู่ระดับ 4.19% อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบกลับเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวมากนัก เพื่อรอประเมินสัญญาณการปรับนโยบายการเงินจากถ้อยแถลงของประธานเฟดในงานสัมมนาวิชาการที่ Jackson Hole ก่อน ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอลงต่อเนื่อง ทำให้เรายังคงแนะนำ ทยอยเข้าลงทุนบอนด์ระยะยาวในจังหวะย่อตัวหรือในช่วงบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง หลังตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนี PMI ของสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาดพอสมควร ทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลง สู่ระดับ 103.3 จุด (กรอบ 103.3-104 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ การพลิกกลับมาลดลงของทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
และเงินดอลลาร์ ได้หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับ 1,945 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเรามองว่า ในช่วงที่ราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้นได้นั้น อาจเริ่มมีโฟลว์ขายทำกำไรการรีบาวด์ของทองคำกลับมาและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางฝั่งเอเชีย ทั้งธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) และ ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างมองว่า BOK และ BI มีโอกาสที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.50% และ 5.75% ตามลำดับ หลังอัตราเงินเฟ้อของทั้งสองประเทศมีแนวโน้มชะลอลงเข้าใกล้ระดับเป้าหมายของธนาคารกลาง ขณะเดียวกันแนวโน้มเศรษฐกิจก็เริ่มมีการชะลอตัวลงบ้าง ตามผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา
และในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่าง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) เพื่อประเมินภาวะตลาดแรงงานและแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“บาส-ปอป้อ” ตบคว้าชัยนัดแรก “กิ๊ฟ-วิว, เอ็ม-เฟม” ลิ่วรอบสาม แบดมินตันชิงแชมป์โลก
การแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลก 2023 ที่ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม เป็นการแข่งขันในรอบสอง
ประเภทคู่ผสม “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย มืออันดับ 4 ของโลก ชนะ ตัง ชุน มัน-เซ ยิง ซวต มืออันดับ 20 ของโลกจากฮ่องกงสองเกมรวด 21-13, 21-14 ผ่านเข้าสู่รอบสาม (16 คู่) ไปพบกับ รินอฟ ริวัลดี้-พิธา ฮานิงต์ยาส เมนทารี มืออันดับ 16 ของโลกจากอินโดนีเซีย
ทางด้าน “เอ็ม” สุภัค จอมเกาะ-“เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน คู่ผสมมืออันดับ 12 ของโลก ก็เอาชนะ ตัน เคียน เม้ง-ไล่ เป่ย จิง มืออันดับ 21 ของโลกจากมาเลเซียไปสองเกมรวด 21-15, 21-18 ผ่านเข้ารอบไปพบกับ โซว เซือง แจ-แช ยู จุง มือวางอันดับ 5 จากเกาหลีใต้ต่อไป
ส่วนหญิงคู่ “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธรากุล-“วิว” รวินดา ประจงใจ มืออันดับ 8 ของโลก ชนะ แอนนา ชิง ยิก เชือง-เตียว เหม่ย ซิง มืออันดับ 251 ของโลกจากมาเลเซียสองเกมรวดเช่นกัน 21-13, 21-11
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“ผื่นผิวหนังอักเสบที่มือ” โรคฮิตวัยทำงาน จากการสัมผัส “น้ำ-ผงซักฟอก-แชมพู”
สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ เผยผู้ที่มีอาชีพที่มือต้องสัมผัสกับน้ำเป็นประจำ ผู้ที่เป็นผื่นผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ในวัยเด็ก เสี่ยงโรคผิวหนังที่มือ เหตุจากสารเคมีหรือสารที่ทำให้ระคายเคือง แนะวิธีดูแลและป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดโรคหรือกลับมาเป็นซ้ำ
โรคผื่นผิวหนังอักเสบที่มือ คืออะไร?
นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ และโฆษกกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคผื่นผิวหนังอักเสบที่มือ เป็นโรคที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะวัยทำงาน เนื่องจากมือเป็นส่วนที่ต้องสัมผัสสารระคายเคืองได้บ่อย เช่น สบู่ ผงซักฟอก แชมพู หรือแม้แต่น้ำเปล่า ซึ่งจะทำให้หน้าที่การทำงานของเกราะป้องกันผิวลดลง ทำให้เกิดเป็นผื่น
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากสารเคมีหรือสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทำให้ผิวหนังอักเสบจากการระคายเคือง หรือหากผิวหนังสัมผัสสารเคมี เช่น น้ำหอม ยาง หรือหนัง ทำให้เกิดการแพ้ จะเป็นลักษณะของผื่นแพ้สัมผัส บางรายอาจเป็นทั้งจากการระคายเคืองและการแพ้ร่วมกัน
ทั้งนี้ระยะเวลาของการเกิดโรคอาจเป็นไม่นาน แต่ในบางรายอาจเป็นรุนแรงและนานหลายปี ทำให้มีผลต่อการทำงานและส่งผลต่อคุณภาพชีวิต
กลุ่มเสี่ยงโรคผื่นผิวหนังอักเสบที่มือ
กลุ่มเสี่ยงโรคผื่นผิวหนังอักเสบที่มือ ได้แก่
- ผู้ที่มีประวัติเป็นผื่นผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ในวัยเด็ก
- ผู้ที่ทำงานโดยที่มือต้องสัมผัสน้ำบ่อยกว่า 10 ครั้งต่อวัน เช่น แม่บ้าน คนเลี้ยงเด็ก คนทำอาหาร ช่างเสริมสวย ช่างซ่อมเครื่องยนต์ ศัลยแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล คนงานก่อสร้าง เป็นต้น
อาการของโรคผื่นผิวหนังอักเสบที่มือ
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้ที่เป็นโรคผื่นผิวหนังอักเสบที่มือจะมีอาการดังนี้
- ผื่นแดง คัน แห้ง ขุย
- บางครั้งมีร่องแตก เจ็บ หรือมีตุ่มน้ำเล็ก ๆ ที่ฝ่ามือ หรือด้านข้างนิ้วมือ
- บางรายอาจมีผื่นเฉพาะที่ เช่น บริเวณง่ามมือ กลางฝ่ามือ ปลายนิ้วมือ
- หากมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน จะทำให้มี ตุ่มหนอง ผื่นบวมแดงเจ็บ มีน้ำเหลือง
การรักษาโรคผื่นผิวหนังอักเสบที่มือ
การรักษาส่วนใหญ่เป็นการควบคุมอาการ ไม่ได้ทำให้ผื่นหายขาด แต่หากผู้ป่วยทราบสาเหตุของการแพ้ หลีกเลี่ยงสารเคมีที่แพ้ได้อย่างถูกต้อง และเริ่มรักษาตั้งแต่ระยะแรกจะทำให้โรคไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก
วิธีป้องกันโรคผื่นผิวหนังอักเสบที่มือ
- การทาครีมที่ให้ความชุ่มชื้น ทำให้สารเคมีที่แพ้หรือระคายเคืองเข้าสู่ผิวหนังได้ยากขึ้น ควรทาบ่อยเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะเมื่อพบว่ามือเริ่มแห้งไม่ชุ่มชื้นและทุกครั้งหลังล้างมือ โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำหอม ไม่ใส่สี ไม่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือ ควรเลือกที่อ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของสบู่ที่จะทำให้มือแห้งระคายเคืองมากขึ้น อาจเลือกชนิดที่ผสมมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
- ไม่ควรใช้แอลกอฮอล์ ผงซักฟอก หรือน้ำยาทำความสะอาด มาใช้ทำความสะอาดมือ
- ไม่ควรล้างมือบ่อยเกินไป โดยไม่ควรเกิน 2-3 ครั้งต่อวัน
- ไม่ล้างมือด้วยน้ำอุ่นมากๆ เพราะจะทำให้ผิวหนังแห้งมากขึ้น
- หลังล้างมือซับมือให้แห้ง และทาผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นทุกครั้ง
- ควรสวมถุงมือเมื่อต้องทำงานสัมผัสกับน้ำ หรือสารระคายเคืองโดยเลือกใช้ถุงมือที่เหมาะสม ซึ่งไม่ควรใส่ถุงมือนานกว่า 20 นาที เพราะจะทำให้เกิดความอับชื้นหรือระคายเคืองได้
- หากต้องใส่เป็นเวลานาน ควรเปลี่ยนถุงมือเมื่อรู้สึกว่าด้านในถุงมือเปียกชื้น และอาจใส่ถุงมือผ้าขาวไว้ข้างในถุงมืออีก 1 ชั้น เพื่อดูดซับเหงื่อ
- ควรทายาสม่ำเสมอตามแพทย์สั่ง และไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการ และรับการรักษาต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
การใช้ Compound Adjective ไม่ยากอย่างที่คิดนะ
เอาล่ะค่ะ ก่อนที่เราจะมาพูดถึง Compound Adjective เรามาทำความรู้จักมันอย่างเป็นทางการกันก่อนสักนิดนึงนะคะ เจ้า Compound Adjective นั้นคืออะไรกันหนอ? มันก็คือคำประเภทหนึ่งของ Adjective นั่นเอง แต่มันพิเศษตรงที่ว่ามันไม่ใช่คำเดี่ยวๆ น่ะสิ Compound มีความหมายว่า “รวม” นั่นก็หมายถึง Adjective ที่ประกอบด้วยคำมากกว่าสองคำขึ้นไปและถูกเชื่อมเอาไว้ด้วย Hyphen นั่นเองค่ะ อาจจะยังไม่เห็นภาพ เรามาดูตัวอย่างกันเลยค่ะ
I am a senior-year girl from the high school nearby your home.
Gold’s shining is long-lasting.
I will read that 200-page book later.
He is a well-behaved boy.
มันก็คือคำศัพท์ที่เมื่อถูกเชื่อมกันแล้วจะกลายเป็นคำใหม่ขึ้นมาเพื่อที่จะใช้บรรยายคำนามนั่นเองค่ะ เพราะแน่นอนว่าบางอย่างเราก็อยากจะบรรยายให้เห็นภาพมากกว่าการใช้แค่ Adjective เดี่ยวๆ ธรรมดาทั่วไป ว่าแต่หลักการการใช้ของมันนั้นคืออะไรกันล่ะ? เรามาดูพร้อมกันเลยค่ะ
1. ใช้ Noun+Adjective
ซึ่งวิธีนี้ก็ไม่ยากเลยค่ะ แต่เราต้องทำความเข้าใจกันสักหน่อยว่า Adjective นั้นไม่ได้มีเพียงแค่ตัวที่เรารู้ว่า Part of Speech มันเป็น Adj. เราสามารถพบเห็นได้บ่อยครั้งนะคะว่า Verb ที่ลงท้ายด้วย ed หรือ ing นั้นก็สามารถนำมาใช้เป็น Adjective ได้เช่นกัน โดยที่หากลงท้ายด้วย ed มันจะแปลว่า “ที่ถูกกระทำ” ส่วนถ้าลงท้ายด้วย ing ก็จะมีความหมายว่า “กำลังกระทำ” ค่ะ เรามาดูตัวอย่างประโยคกันเลยนะคะ
- The breast-feeding animals survive long time ago.
- The house-keeping company launches the new business.
2. ใช้ Adjective+Adjective
สำหรับอันนี้นั้นก็ไม่ต่างจากอันแรกมากนักนะคะ ส่วนมากแล้วเราจะใช้ Adjective ธรรมดาหนึ่งตัวต่อท้ายด้วย Adjective แบบที่ลงท้ายด้วย ed หรือ ing ค่ะ มาดูตัวอย่างประโยคไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
- The diamond’s long-lasting shine makes it be the most expensive accessory in the world.
- The free-running competitor beats the others easily in the games.
- This piece of cake tastes bitter-sweet.
3. ใช้ Adjective+Noun
แบบที่สามนี้วิธีการเรียงจะสลับกับอันแรกอย่างเห็นได้ชัดเลยนะคะ แต่แบบนี้นั้นไม่เป็นที่นิยมสำหรับการใช้ Adjective แบบลงท้าย ed หรือ ing ค่ะ ส่วนมากนั้นจะเป็น adjective แบบปรกติทั่วไปไปเลย เรามาดูตัวอย่างในประโยคกันเลยดีกว่าค่ะเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
- Full-day working is not too hard for Ellison; he is not a lazy man!
- The seven-year worker quits the job because he cannot stand the small salary given to him.
4. ใช้ Prefix+Adjective
สำหรับข้อนี้นั้นเราก็ควรจะมีความรู้เรื่องคำศัพท์ Prefix มาก่อนพอสมควรนะคะ เพราะส่วนมากแล้วคำพวกนี้จะเป็นรากศัพท์โบราณ ไม่เหมือนกับภาษาอังกฤษที่เราท่องกันตั้งแต่เด็กๆ แต่ไม่มีอะไรยากเกินการเรียนรู้อยู่แล้วใช่ไหมล่ะคะ ☺ เรามาเริ่มดูตัวอย่างกันเลยดีกว่าค่ะ
5. ใช้ Adverb+Adjective
อันนี้น่าจะเป็นสิ่งที่เราพบบ่อยกันพอสมควรเลยนะคะ เพราะเป็นการ Compound แบบที่เข้าใจง่ายและใช้กันเป็นที่นิยมมากที่สุด เรามาดูตัวอย่างไปด้วยกันเลยค่ะ บางทีหลายคนอาจจะร้องอ๋อหลังจากที่เห็นประโยคก็ได้
- My father is a well-paid officer; he works so hard in order to get the massive bonus from the boss.
- The recently-released album of Justin is so popular, every radio channel talks about his album.
- The open-minded is easy-going; they can get along with anyone.
6. ใช้ Noun+Noun
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราคุ้นเคยนะคะ มีหลายคำที่เราท่องจำมาตั้งแต่ๆ เด็กๆ เลยล่ะค่ะที่ใช้การ Compound ในรูปแบบนี้ ดูตัวอย่างด้านล่างพร้อมกันนะคะ
- Maggie goes to McDonald every Sunday morning because she is a part-time worker there.
- Look! Her hair is so attractive! It is pearl-gray!
และนี่ก็คือตัวอย่างสำหรับ Compound Adjective คร่าวๆ นะคะ แต่ถึงแม้ว่ามันจะดูเก๋ไก๋เวลาใช้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราสามารถใช้มันได้ในทุกๆ บริบทนะคะ เราควรดูให้ถี่ถ้วนก่อนว่าคำๆ นี้นั้นควรจะใช้เป็น Compound Adjective หรือเปล่า ถ้าหากมันสามารถบรรยายได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ Hyphen เราก็ไม่ควรใส่ลงไปค่ะ เช่น
He is one-year-old. กับ He is one year old. นั้นมีความหมายไม่ได้ต่างกันเลย เราจึงควรที่จะเลือกใช้ตัวหลังมากกว่านะคะ
แต่ในขณะที่ Two years old boy กับ Two-year-old boy นั้นเรากลับควรที่จะเลือกใช้ตัวที่สองที่มี Hyphen กำกับเอาไว้มากกว่า เพราะ boy คนนี้คงไม่ได้เป็น Two boy หรือ years boy หรือ old boy ใช่ไหมคะ เมื่อเราไม่สามารถแยก Adjective เป็นคำออกมาได้แบบนี้ เราจึงสมควรที่จะใช้ Hyphen เพื่อรวมให้มันเป็นหนึ่ง Compound Adjective นั่นเองค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
ตำรวจอเมริกันใช้เอไอช่วยวิเคราะห์ภาพจากกล้องติดตัว
บรรดาผู้ให้การสนับสนุนการปฏิรูปการทำงานของตำรวจในอเมริกาพยายามชี้ให้เห็นมานานแล้วว่า กล้องที่ติดไว้ที่ตัวตำรวจหรือ Body Cam จะช่วยลดการใช้กำลังอันเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ และยังช่วยสร้างความไว้วางใจให้แก่ประชาชน แต่ภาพที่กล้องดังกล่าวบันทึกไว้นั้นมีความยาวหลายล้านชั่วโมง ซึ่งเป็นการยากที่บรรดาผู้บังคับบัญชาจะทำการตรวจสอบได้ แต่เทคโนโลยีระบบ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ อาจช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้
ภาพจากกล้อง Body Camera ที่ติดอยู่บนตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเมมฟิส ได้แสดงภาพเหตุการณ์ที่ตำรวจหยุดรถของชายคนหนึ่ง ก่อนที่จะทำร้ายชายผู้นั้นจนเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งห้านายถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมชายผิวสีที่ชื่อ ไทรี นิโคลส์
การตรวจสอบภาพจากกล้อง Body Cam บนตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านั้นจะเป็นหลักฐานประกอบในการดำเนินคดีอาญานี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ภาพถ่ายจากกล้องวีดีโอของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยทั่วไปนั้น ไม่ค่อยได้รับการตรวจสอบมากนัก
แอนโธนี ทัสโซเน ซีอีโอของบริษัท ทรูลีโอ (Truleo) ผู้ทำธุรกิจด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์กล่าวว่า จากการที่ได้ดูวิดีโอและพูดคุยกับเพื่อน ๆ ตลอดจนเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้รักษากฎหมายแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ภาษาแบบนั้นหรืออยู่ในสถานการณ์แบบนั้น และว่า ซอฟต์แวร์ AI สำหรับกล้องติดตัวตำรวจ จะช่วยให้ผู้บังคับบัญชาสามารถตรวจสอบการทำงานของตำรวจใต้บังคับบัญชาได้ฉับไวขึ้น
ทัสโซเน กล่าวต่อไปว่า แนวคิดในการถอดข้อมูลและวิเคราะห์การทำงานจากคลิปวีดีโอเพื่อปรับปรุงการให้บริการแก่ลูกค้านั้นมีมานานแล้ว
นอกจากนี้ ระบบปัญญาประดิษฐ์ของ Truleo จะมีการให้คะแนนเมื่อตำรวจใช้คำพูดที่เป็นทางการ ใช้คำสุภาพหรือกล่าวคำขอบคุณ ในทางกลับกัน Truleo จะส่งสัญญาณเตือนทันทีเมื่อเจ้าหน้าที่ใช้คำพูดที่เป็นการดูหมิ่น คุกคาม หรือใช้คำพูดที่หยาบคาย
อาร์ต อาเซเวโด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งเมืองออโรรา รัฐโคโลราโด ได้เริ่มทดลองใช้เทคโนโลยีระบบ AI ของบริษัท Truleo เมื่อไม่นานมานี้ และจะทดลองใช้เป็นระยะเวลาหนึ่งปี โดยมีเป้าหมายในการยกย่องชื่นชมผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ประพฤติดี และแก้ไขพฤติกรรมเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
ผู้บัญชาการอาเซเวโด กล่าวว่า “เขาต้องการให้เจ้าหน้าที่ใต้บังคับบัญชาได้ดูตัวอย่างจากทั้งพฤติกรรมที่ดีและที่ไม่ดี เพื่อที่จะได้เรียนรู้จากพฤติกรรมเหล่านั้น”
อย่างไรก็ตาม สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (American Civil Liberties Union) เตือนว่า รัฐบาลจำเป็นต้องปกป้องสิทธิของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อาจได้รับผลกระทบจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์ภาพวีดีโอจากกล้องติดตัวตำรวจด้วย
อนายา โรบินสัน แห่งสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน กล่าวว่า “เราจำเป็นต้องทราบให้แน่ชัดว่าเทคโนโลยีระบบ AI นั้นจะถูกใช้และถูกควบคุมอย่างไร และต้องทราบแน่ชัดว่ามีอะไรบ้างที่ AI ไม่สามารถทำได้” ก่อนที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับสำนักงานตำรวจต่าง ๆ ในอเมริกา
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
BCI Central ร่วมกับ มูลนิธิอาคารเขียว (TGBI) จัดงาน “TGBI networking night” ร่วมพูดคุยเสวนาให้ความรู้เกี่ยวกับเทรนวัสดุที่ใช้ในโครงการ ทำไมเราต้องให้ความสำคัญกับ Green Sustainability
เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับภาคีความร่วมมือระหว่าง TGBI และ BCI Central เชื่อมโยงผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ทั้งผู้นำเข้า-ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ร่วมกับผู้สร้างสรรค์และพัฒนาโครงการอันเป็นที่ยอมรับ และมีความน่าเชื่อถือในวงกว้าง พร้อมถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานรวมทั้งหลักเกณฑ์อาคารเขียวของไทย อันจักเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจพร้อมด้วย Project Highlight จากโครงการที่คัดสรรคุณภาพทั้งงานการออกแบบและวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง
งาน บีซีไอ ไฮไลท์ แอนด์ ที จี บี ไอ เน็ท เวิร์คกิ้ง ไนท์ จัดงานกึ่งสัมมนาที่ร่วมถ่ายทอดความรู้ด้านมาตรฐานและหลักเกณฑ์ของอาคารเขียวของไทยเบื้องต้น นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ใช้ ช่วยส่งเสริมให้เกิดความรู้ความเข้าใจเรื่องอาคารเขียวที่ถูกต้องให้กับ สถาปนิก วิศวกร หน่วยงานรัฐบาล และประชาชนทั่วไป รวมทั้งผู้ผลิตและจัดจำหน่ายที่มีคุณภาพในอุตสาหกรรมก่อสร้างของประเทศ ทั้งเรื่องการออกแบบ ก่อสร้าง และพัฒนาอาคารเขียวแบบยั่งยืน พร้อมอิง Project Highlight ของนักพัฒนาโครงการที่โดดเด่นที่เกิดขึ้นในประเทศ ให้กับผู้ที่สนใจ นักลงทุน และอื่นๆที่เกี่ยวข้องสามารถที่จะติดตามผลงานการออกแบบพัฒนาและการคัดเลือกวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง ท่ามกลางบรรยายกาศที่ผ่อนคลายง่ายต่อการสานสัมพันธ์ทางธุรกิจ ( Network) พร้อมเสิร์ฟคานาเป้ และเครื่องดื่มหลากหลาย จัดโดย บีซีไอ เซนทรัล (BCI Central) และนิตยสาร Construction Plus Asia ซึ่งเป็นนิตยสารสื่อสิ่งพิมพ์ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มคุณค่า จัดแสดง และจุดประกายความสนใจในทุกแง่มุมของการก่อสร้างและสิ่งปลูกสร้างในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค อีกทั้ง BCI Central ยังได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงานต่างๆ ในภาคเอกชน ทำให้เกิดความร่วมมือที่ดี นำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ สื่อสารเชื่อมโยงส่งเสริมเศรษฐกิจในประเทศภาพรวม เพิ่มโอกาส และสร้างความเชื่อมั่นให้กับอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศ
โปรแกรมงาน BCI & TGBI Networking Night ดังนี้
- แสดง Project Highlight ของโครงการ เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ (The Strand Thonglor) คอนโดมิเนียมระดับอัลตร้าลักชัวรี ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศสาขา “Residential High-Rise Development Thailand” จากเอเชีย แปซิฟิค พร๊อพเพอร์ตี้ อวอร์ด 2021-2022 (Asia Pacific Property Awards 2021-22) นำโดย คุณธัญทิพ เจียรวนนท์, ตำแหน่งประธานบริหาร บริษัท อีเดน เอสเตท คอร์เปอเรชั่น จำกัด
- แสดง Project Highlight ของโครงการ โกลเด้น เพลส (Golden Place) เป็นร้านค้าปลีกที่ก่อตั้งขึ้นโดยพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อดำเนินการพัฒนาช่องทางการค้าปลีกที่เหมาะสม แก่ผู้ผลิตและผู้บริโภค นำโดย คุณฐิติ อุปนันท์, Executive Project Manager บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด และ Managing Director & Co-Founder บริษัท อาธีน่า คอนซัลติ้ง แอนด์ โซลูชั่น จำกัด
- การแนะนำพันธกิจ (Mission) ที่ทาง TGBI นำโดย คุณวิญญู วานิชศิริโรจน์, เลขาธิการสถาบันอาคารเขียวไทยกับแผนและเตรียมจัดทำหรือกิจกรรมในอนาคตของทาง TGBI อันจักเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงงาน Expo ที่กำลังจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้ กล่าวโดยคุณอมรรัตน์ เดชอุดมทรัพย์, Head of Sustainability, JLL Thailand & Chief Organizer to TGBI Expo and Conference 2023
ข้อมูลเพิ่มเติม:
www.bcicentral.com
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 24/08/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 31,650.00 | 31,750.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,050.00 | 31,078.00 | 32,250.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,845.00 | 27,970.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,640.00 | 24,862.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 923.00 | 13,992.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 718.00 | 10,884.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,124.00 | 32,199.84 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 24/08/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 39.55 | 39.55 | 40.55 | 39.55 | 39.55 | 39.55 | 39.55 | 39.55 | 39.55 | 39.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 39.28 | 39.28 | 40.28 | 39.28 | 39.28 | 39.28 | 39.28 | 39.28 | 39.28 | 39.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 37.24 | 37.24 | 38.24 | 37.24 | 37.24 | – | 37.24 | 37.24 | 37.24 | 37.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 37.69 | 37.69 | – | – | – | – | – | – | – | 37.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.84 | 48.54 | 48.94 | 48.94 | – | – | – | – | – | 44.84 |
เบนซิน 95 | 47.34 | – | – | – | 48.51 | – | 47.84 | 47.49 | – | 47.34 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 32.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 32.94 | – | 31.94 | – | 31.94 | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.74 | 43.14 | 47.94 | 43.54 | 43.54 | – | – | – | – | 41.74 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |