สาระน่ารู้ประจำวันที่ 26 กรกฎาคม 2566

เขย่าตลาดบ้านลักซ์ชัวรี เจาะคนอายุน้อย แสนสิริ ปูพรม 10 โครงการ  21,900 ล้าน

เขย่าตลาด”บ้านลักซ์ชัวรี” เดือด แสนสิริ ปูพรม 10 โครงการ  21,900 ล้าน ดันแบรนด์เศรษฐสิริ เจาะกลุ่มเศรษฐีใหม่ อายุน้อย ประสบความสำเร็จเร็ว ประเดิม ทำเลยุทธศาสตร์ “วงแหวน-จตุรโชติ”

หลังจากบริษัทแสนสิริจำกัด(มหาชน) ประสบความสำเร็จ โครงการบ้านลักซ์ชัวรี ช่วงครึ่งปีแรก2566  มียอดขายสูงถึง25,000 ล้านบาท จากโครงการระดับลักซ์ชัวรี 3 แบรนด์  ประกอบด้วย นาราสิริ พหล-วัชรพล – บูก้าน กรุงเทพกรีฑา – เศรษฐสิริ ดอนเมืองมาแล้ว

ล่าสุดในช่วงครึ่งปีหลัง แสนสิริประกาศเปิดตัวโครงการ “บ้านลักซ์ชัวรี” ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าซึ่งขยายวงเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งผลศึกษาที่ทีมวิจัยตลาดของแสนสิริพบ มีอายุราว30-45ปี ประสบความสำเร็จเร็ว จากธุรกิจเอสเอ็มอี ค้าขายออนไลน์ กลายเป็นเศรษฐีใหม่ ช่วงเกิดสถานการณ์โควิด

ส่งผลให้ เขาเหล่านั้นต้องการสร้างตัวด้วยการซื้อบ้านเดี่ยวสภาพแวดล้อมที่ดี เป็นของตนเอง ส่งผลให้ “บ้านแพง” สามารถเติบโตสวนทางความท้าทายเศรษฐกิจในปัจจุบัน และมองว่าผู้ประกอบการแต่ละค่ายหันมาเจาะตลาดในกลุ่มนี้มากขึ้น ท่ามกลางข้อจำกัด ที่ดิน หายากและมีราคาสูงจึงเป็นปัจจัยที่ทำให้บ้านมีราคาสูงตามไปด้วย

นายอภิชาต จูตระกูล ประธานกรรมการ บมจ. แสนสิริ สะท้อนว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มีอัตราการเติบโต แม้ไม่สูงมากแต่มองว่า ตลาดยังไปได้ดี โดยเฉพาะตลาดลักซ์ชัวรี และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี เพราะเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม ที่มีกำลังซื้อโดยไม่ต้องพึ่งพาสถาบันการเงินหรือพึ่งพาน้อยที่สุด และเป็นเป้าหมายตอกย้ำผู้นำตลาดกลุ่มนี้ ที่บริษัทให้ความสำคัญ พัฒนาอย่างต่อเนื่อง มุ่งให้แสนสิริเป็นแบรนด์ลักซ์ชัวรีเท่านั้น

“ยอมรับว่าการแข่งขันมีสูงในทำเลเดียวกันมีหลายค่ายเปิดโครงการ และการที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อโครงการของแสนสิริ นั่นเป็นเพราะการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง   จับต้องได้ เข้าถึงคนรุ่นใหม่”

ดังนั้นช่วงครึ่งปีหลัง แสนสิริจึงเปิดโครงการบ้านเดี่ยวลักซ์ชัวรี  แบรนด์ “เศรษฐสิริ”ล็อตใหญ่ 10โครงการมูลค่า 21,900ล้านบาท ในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ประเดิม ทำเลแรก ไตรมาส3 เศรษฐสิริ “วงแหวน -จตุรโชติ  ระดับราคา 15-30ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่ามีแลนด์แบงก์สะสมพอขยายโครงการต่อเนื่อง และสำหรับเหตุผลที่เลือกทำเลนี้ เพราะเป็นทำเลศักยภาพ เข้าใจกลางเมืองสะดวกในหลายเส้นทางอาทิ ทางพิเศษ(ทางด่วน)  

ขณะทำเลอื่นมีแผนขยายต่อไป อาทิ เศรษฐสิริ ราชพฤกษ์ -สาย1 ราคาเริ่มต้น30ล้านบาท เนื่องจากเป็นทำเลศักยภาพ ราคาที่ดินปรับตัวสูง และไตรมาส4 มีแผนพัฒนาโครงการเศรษฐสิริบางนา-สุวรรณภูมิ เศรษฐสิริพหลโยธิน-สายไหม เศรษฐสิริรวมโชค(เชียงใหม่)จังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยวทางภาคเหนือ

นอกจากนี้ยังมีเศรษฐสิริราชพฤกษ์-นครอินทร์ เศรษฐสิริกรุงเทพ-ปทุมธานี2 และเศรษฐสิริราชพฤกษ์ -พรานนก ส่วนโครงการบ้านแนวราบกลุ่มอื่นรวมถึงคอนโดมิเนียมมีแผนเปิดตัวอีกหลายโครงการ

นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการอาสุโสฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบบมจ.แสนสิริเสริมว่า ในทำเลจตุโชติ ยอมรับว่า มีทุกค่ายทุกแบรนด์เข้ามาในพื้นที่ ซึ่งแน่นอนว่า ทุกที่ที่ไปมีการแข่งขัน โดยในปีนี้ แสนสิริเตรียมเปิดโครงการใหม่จำนวน18โครงการมูลค่า 38,400ล้านบาทคลุมทั้ง5แบรนด์โดยไฮไลต์สำคัญคือการขยายพอร์ตสินค้าในกลุ่มบ้านเดี่ยวมากขึ้นด้วยบ้านระดับลักซ์ชัวรีแบรนด์เศรษฐสิริระดับราคา 12-30ล้านบาท ที่เจาะกลุ่มลูกค้าที่อายุน้อยลงและประสบความสำเร็จเร็ว

ที่ผ่านมาแสนสิริประสบความสำเร็จในแบรนด์เศรษฐสิริมาแล้ว เกือบ30โครงการ มูลค่ากว่า70,000ล้านบาท ที่ตอกย้ำจุดแข็งของแบรนด์บ้านเดี่ยวเศรษฐสิริภายใต้แนวคิด Portrait of Success และเดินหน้าที่จะพัฒนาต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


อสังหาฯไทยถึงทางแยก โตแค่เมืองใหญ่ เมืองรองซบเซา

KKP Research ประเมินภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยมีแนวโน้มชะลอ จากผลกระทบจำนวนประชากรที่ใกล้หดตัว อย่างไรก็ดีอสังหากรุงเทพฯปริมณฑลและจังหวัดใหญ่ยังขยายตัวต่อได้ จากการย้ายถิ่นฐานเข้าสู่เมืองที่มากขึ้น สวนทางกับเมืองรองเสี่ยงซบเซา

KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ประเมินว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงในระยะข้างหน้า เนื่องจากเป็นหนึ่งในธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากจากการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและการหดตัวลงของจำนวนประชากรที่จะเริ่มต้นในปี 2030 ( พ.ศ. 2573 ) ตามการการคาดการณ์ของ UN อย่างไรก็ตามภาค อสังหาฯ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงจังหวัดหัวเมืองใหญ่จะยังขยายตัวต่อได้ตามแนวโน้มการย้ายถิ่นฐานของประชากรเข้าสู่เมืองใหญ่ที่มีมากขึ้น ทำให้ทิศทางอสังหาฯ ไทยจะแตกต่างกันระหว่างเมืองใหญ่และเมืองรองมากขึ้น โดยการเติบโตของภาคอสังหาฯ ในอนาคตมีแนวโน้มที่จะกระจุกตัวอยู่เฉพาะในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใหญ่เท่านั้น

ทิศทางอสังหาฯ ชะลอตัว เมื่อจำนวนประชากรใกล้หดตัว

จำนวนประชากรและความหนาแน่นของประชากรในพื้นที่ ถือเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนภาคอสังหาฯ ที่ส่งผลให้ทั้งความต้องการซื้อทั้งตลาดที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์อย่างศูนย์การค้า สำนักงาน และคลังสินค้าเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเติบโตของจำนวนประชากรไทยที่มีแนวโน้มซื้อที่อยู่อาศัยมากที่สุด คือช่วงอายุระหว่าง 25-54 ปีได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วนับตั้งแต่ปี 2015 (ปี 2558 ) และเริ่มมีจำนวนลดลง ในขณะที่จำนวนประชากรไทยในภาพรวมจะเริ่มลดลงในปี 2030 (ปี 2573) ซึ่งจะทำให้ภาคอสังหาฯ ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่รุนแรงมากขึ้น
 

4 ปัจจัย กดดันการเติบโตของอสังหาฯ ไทย

นอกจากปัจจัยด้านประชากร ภาคอสังหาฯ ที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษปี 2010 ( ปี 2553 ) โดยไม่ได้เกิดจากเฉพาะโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไป แต่ยังมาจากอีก 4 ปัจจัยภายในประเทศที่เริ่มเปลี่ยนทิศทางและกดดันการเติบโตของภาคอสังหาฯ คือ

  • (1) การขยายพื้นที่เขตเมืองในต่างจังหวัด หรือ Urbanization ชะลอตัวตามภาคอุตสาหกรรมและบริการที่อาจไม่สามารถเติบโตได้ดีเท่ากับในอดีตตามภาวะ Deglobalization
  • (2) กำลังซื้อคนไทยหดตัว จากรายได้ที่เติบโตช้าลงตามภาวะเศรษฐกิจ ในขณะที่ราคาบ้านยังคงเพิ่มขึ้นเร็ว
  • (3) อัตราดอกเบี้ยที่อาจค้างสูงนานจะเป็นปัจจัยที่ลดกำลังซื้อและเพิ่มภาระหนี้ให้กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัย และ
  • (4) ระดับหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูงมากแล้วในปัจจุบันและมีแนวโน้มที่ไทยกำลังจะเข้าสู่ช่วงขาลงของวัฏจักรสินเชื่อ (Deleveraging) ส่งผลให้การกู้ยืมอาจมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดขึ้นและความสามารถในการก่อหนี้เพิ่มเติมของผู้กู้ทำได้น้อยลง

เมืองใหญ่ยังรอดจากการย้ายถิ่นฐานเข้าเมือง

ถึงแม้ภาคอสังหาฯ ไทยโดยรวมจะชะลอตัวลง แต่อสังหาฯในกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ยังไปต่อได้ โดยมีแรงสนับสนุนที่แตกต่างจากภาพรวมของประเทศไทย คือ

  • (1) การย้ายเข้าเมืองใหญ่ สะท้อนจากจำนวนครัวเรือนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลขยายตัวที่ 5.6% ต่อปีหรือมากกว่าค่าเฉลี่ยทั้งประเทศถึง 5 เท่า
  • (2) การขยายตัวของเส้นทางรถไฟฟ้าในเมืองใหญ่
  • (3) กำลังซื้อจากต่างชาติที่มีบทบาทมากขึ้นต่อการเติบโตของยอดขายอสังหาฯ ในไทย และคาดว่าในอนาคตจะมีโอกาสเพิ่มเติม จากภาครัฐที่มีแนวโน้มผ่อนคลายและเปิดเสรีให้ต่างชาติเข้ามาทำ งานในประเทศได้มากขึ้นเพื่อชดเชยจำนวนประชากรในประเทศที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม KKP Research ยังประเมินว่า การพึ่งพากำลังซื้อจากต่างชาติโดยเฉพาะจากจีนที่มีสัดส่วนมากกว่าครึ่งอาจมีความเสี่ยงในระยะยาวจาก

  • (1) ความมั่งคั่งของคนจีนมีแนวโน้มลดลงตามเศรษฐกิจจีนที่ไม่อาจเติบโตได้เร็วเท่ากับในอดีต
  • (2) ไทยอาจไม่ใช่ตัวเลือกแรกในเอเชีย หากเน้นแข่งขันด้วยราคาเป็นหลัก และ
  • (3) Capital Control จากรัฐบาลจีนเพื่อสกัดการไหลออกของเงินทุนจีน

อสังหาฯ เมืองรองเสี่ยงซบเซาจากจำนวนครัวเรือนหดตัว

ภาคอสังหาฯ ในเมืองรองและเขตชนบทอาจซบเซา มีความเสี่ยงราคาบ้านปรับตัวลดลง ความต้องการที่อยู่อาศัยในจังหวัดเล็กหดตัวลง ตามจำนวนครัวเรือนที่ย้ายไปยังเมืองใหญ่มากขึ้นสะท้อนจากจำนวนครัวเรือนในภาคอีสานและภาคเหนือที่เริ่มหดตัวที่ 1.2% ต่อปี โดยในปัจจุบันเริ่มเห็นตัวเลขปริมาณอุปทานของบ้านมากกว่าจำนวนครัวเรือน ซึ่งสวนทางกับกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่จำนวนบ้านในตลาดยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาด KKP Research ประเมินว่าปัญหา “บ้านล้นตลาด” ในต่างจังหวัดจะยิ่งถูกกดดันมากขึ้นจากความต้องการที่หดตัวลงต่อเนื่องตามจำนวนครัวเรือนที่ลดลง ประกอบกับสินเชื่ออสังหาฯ ในต่างจังหวัดที่มีแนวโน้มลดลงในภาพรวม ส่งผลให้มีแนวโน้มที่ในอนาคตจะมีจำนวนบ้านเหลือมากขึ้นและเป็นแรงกดดันให้ราคาบ้านต้องปรับลดลงได้เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นและจีนที่ประสบปัญหาราคาบ้านแถบชนบทหดตัว

อสังหาฯ ชะลอส่งผ่านเศรษฐกิจชะลอตัวตาม

ถึงแม้บทบาทของภาคอสังหาฯ ต่อเศรษฐกิจไทยจะมีจำกัด แต่การปล่อยให้ภาคอสังหาฯ ชะลอต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบไปยังภาคส่วนอื่นในเศรษฐกิจได้ทั้งในภาคเศรษฐกิจจริงผ่านกลุ่มธุรกิจเกี่ยวเนื่องในภาคอสังหาฯและภาคการเงินผ่านกลุ่มธนาคารและตลาดตราสารหนี ้ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อคุณภาพสินทรัพย์ เพราะสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีสัดส่วนมากกว่า 30% ของสินเชื่อรายย่อยทั้งหมดและภาคอสังหาฯ มีการระดมทุนผ่านตลาดสารหนี้ที่มากที่สุดกลุ่มหนึ่ง หากเกิดการชะลอตัวรุนแรงอาจส่งผลต่อเนื่องสู่ตลาดการเงินได้

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 26ก.ค.”แข็งค่า” ที่ระดับ 34.45 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจยังไม่กลับมาแข็งค่าชัดเจน จนกว่าปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าจะเริ่มคลี่คลายลง ควรระวังความผันผวนช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลประชุม FOMC ของเฟด

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 26ก.ค.2566 ที่ระดับ  34.45 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.51 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า ท่าทีของผู้เล่นในตลาดที่รอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟด รวมถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ เงินบาทไม่ได้กลับมาแข็งค่าขึ้นชัดเจน หรือ

ได้รับอานิสงส์น้อยจากการพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินหยวนจีน (CNY) ในช่วงวันก่อนหน้า หลังทางการจีนส่งสัญญาณพร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ทำให้เราคงมองว่า ค่าเงินบาทก็อาจจะยังไม่สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ชัดเจน จนกว่าปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าจะเริ่มคลี่คลายลง

อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด โดยเรามองว่า หากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตามคาด พร้อมส่งสัญญาณชัดเจน เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องตาม Dot Plot ล่าสุด

จนทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มปรับเพิ่มโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมครั้งถัดๆ ไป ภาพดังกล่าวก็อาจหนุนให้ เงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นได้บ้าง (จะแข็งค่าขึ้น มาก หรือ น้อย อาจขึ้นกับ ความชัดเจน/หนักแน่นของเฟด และ

โอกาสที่ผู้เล่นในตลาดมองสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งปัจจุบัน ตลาดให้โอกาสไม่เกิน 36%)  แต่ทว่า หากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนพร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่อ หรือ ส่งสัญญาณว่า เฟดจะรอประเมินสถานการณ์ก่อน สำหรับการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งถัดไป และ

ผู้เล่นในตลาดปรับลดโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยต่อของเฟดลง ในกรณีนี้ เราคาดว่า เงินดอลลาร์จะเผชิญแรงขายทำกำไร (Sell on Fact) กดดันให้เงินดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าลงต่อและอาจพอได้ลุ้นดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทดสอบระดับ 100 จุด ได้ไม่ยาก

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและบรรยากาศในตลาดการเงินที่อาจพลิกไปมาในช่วงนี้ ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.35-34.60 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุม FOMC  และคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.20-34.75 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC 

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 34.38-34.57 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวมที่ส่งผลให้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงบ้าง ส่วนราคาทองคำก็สามารถรีบาวด์ขึ้นได้เล็กน้อย

ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงต่อเนื่อง ท่ามกลางความหวังว่า รายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่จะออกมาสดใสและดีกว่าคาด โดยเฉพาะผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ (Nvidia +2.4%, Microsoft +1.7%) ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 สามารถปิดตลาด +0.28% ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่ได้ปรับตัวขึ้นร้อนแรงมากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุมเฟดในวันพฤหัสฯ นี้

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องกว่า +0.48% นำโดยการปรับตัวขึ้นแรงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ (Anglo American +4.8%, Rio Tinto +4.2%) ที่ได้รับอานิสงส์จากการที่ทางการจีนส่งสัญญาณพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังการประชุม Politburo ได้เสร็จสิ้นลงในวันก่อน อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นยุโรปยังคงถูกจำกัดโดยท่าทีของผู้เล่นในตลาดที่ต่างรอลุ้นผลการประชุมเฟดรวมถึงธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ในฝั่งตลาดบอนด์ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินฝั่งสหรัฐฯ รวมถึงรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดย Conference Board ที่ปรับตัวขึ้นดีกว่าคาดนั้น ได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องใกล้ระดับ 3.90% อีกครั้ง (แกว่งตัวในกรอบ 3.88%-3.93% ในช่วงคืนก่อนหน้า) ซึ่ง เราคงแนะนำให้ นักลงทุนรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวปรับตัวสูงขึ้น เพื่อทยอยเข้าซื้อ

ทางด้านตลาดค่าเงิน แม้ว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ จะออกมาดีกว่าคาด แต่ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดก็ทำให้ ผู้เล่นในตลาดต่างทยอยลดสถานะการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย อย่าง เงินดอลลาร์ลง ทำให้เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงใกล้ระดับ 101.3 จุด (กรอบการเคลื่อนไหว 101.2-101.7 จุด ในช่วงคืนที่ผ่านมา)

ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าตลาดจะเปิดรับความเสี่ยงและบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ปรับตัวสูงขึ้น แต่การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ยังพอช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) รีบาวด์ขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 1,966 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ ทั้งนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะยังไม่ปรับสถานะถือครองทองคำที่ชัดเจน จนกว่าจะรับรู้ผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทั้งทิศทางเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ระยะยาว

สำหรับวันนี้ ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอาจมีไม่มากนัก โดยในฝั่งไทย บรรดานักวิเคราะห์มองว่า ดุลการค้า (Trade Balance) เดือนมิถุนายนอาจขาดดุล -800 ล้านดอลลาร์ หลังยอดการส่งออก (Exports) หดตัวต่อเนื่องกว่า -6.3%y/y ตามการชะลอตัวลงของบรรดาเศรษฐกิจคู่ค้า

และนอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน รวมถึงไฮไลท์สำคัญอย่างการประชุม FOMC ของเฟด ที่จะรับรู้ผลการประชุมในช่วงเวลา 01.00 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยเรามองว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +25bps สู่ระดับ 5.25-5.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาอย่างใกล้ชิดว่า เฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าพร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง หรือ รอประเมินสถานการณ์ไปก่อน อนึ่ง เราคงมุมมองเดิมว่า การขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกรกฎาคมนี้ จะเป็น “ครั้งสุดท้าย” ของวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ หลังแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงมากขึ้น (อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE เดือนมิถุนายน ที่จะรายงานในวันศุกร์นี้ ก็อาจชะลอลงสู่ระดับ 4.2%) อีกทั้งภาวะสินเชื่อ (Credit Condition) ก็ตึงตัวมากขึ้นชัดเจน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.50-34.52 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.00 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.51 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทและสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียแกว่งตัวเป็นกรอบ ขณะที่แรงหนุนเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงบางส่วน

เนื่องจากตลาดยังคงรอติดตามผลการประชุมเฟดและถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลประธานเฟดในคืนนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินโอกาสความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องอีกในช่วงที่เหลือของปี ภายหลังการประชุมรอบนี้ (25-26 ก.ค.)  ซึ่งถูกคาดหมายว่า จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ไปอยู่ที่กรอบ 5.25-5.50% นอกจากนี้ตลาดยังคงรอติดตามปัจจัยการเมืองของไทยอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.35-34.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนมิ.ย. สถานการณ์การเมือง รวมถึงผลการประชุมเฟด และข้อมูลยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สิงห์ อัดฉีดทัพนักกีฬาพาราไทยเพิ่ม 2 ล้าน หลังสร้างความสำเร็จ ใน “อาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12”

“สิงห์” ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของทุกสมาคมกีฬาคนพิการ มอบเงินโบนัสพิเศษเพิ่ม เป็นจำนวนกว่า 2 ล้านบาท เพื่อขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับทัพนักกีฬาพาราไทย จากทั้ง 4 สมาคมกีฬา ที่ลงสู้ศึก “อาเซียนพารา เกมส์ ครั้งที่ 12” ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 3-9 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา หลังจากที่ทุกคนได้ทุ่มเท ฝึกซ้อม ร่วมกันสร้างความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศ จนประสบความสำเร็จคว้ามาได้ 126 เหรียญทอง 110 เหรียญเงิน และ 92 เหรียญทองแดง รวมทั้งสิ้น 328 เหรียญ คว้าอันดับ 2 ในตารางเหรียญรวม พร้อมกับสามารถทำลายสถิติในหลายรายการ

การมอบเงินสนับสนุนดังกล่าวเป็นการมอบให้กับนักกีฬาพาราไทยทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขัน ตลอดจน ผู้ฝึกสอน และเจ้าหน้าที่ ที่มีส่วนร่วม จาก 4 สมาคมกีฬาคนพิการ ได้แก่ สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ, สมาคมกีฬาคนพิการทางสมองแห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬาคนพิการทางปัญญาแห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย จำนวน 478 คน เพราะถือว่าทุกคนล้วนมีส่วนร่วมในความสำเร็จทั้งสิ้น รวมถึงได้มอบเงินพิเศษให้กับนักกีฬาที่สามารถสร้างผลงานจนทำลายสถิติได้สำเร็จ รวม 30 รายการ รวมเป็นเงิน 1.973 ล้านบาท

โดยในงานได้รับเกียรติจาก คุณภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เป็นผู้มอบ โดยมี ร.ท.ณัยณพ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย ผู้แทนสมาคม 4 สมาคมกีฬาประกอบด้วย นายชูเกียรติ สิงห์สูง นายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย, นายอำนวย กลิ่นอยู่ นายกสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย, พล.อ.วิภาส ตันสุหัส นายกกิตติมศักดิ์สมาคมกีฬาคนพิการทางปัญญาแห่งประเทศไทย, นายอนุสรณ์ พิมงา เลขาธิการสมาคมกีฬาคนพิการทางสมองแห่งประเทศไทย รวมถึง ตัวแทนนักกีฬา ได้แก่ ประวัติ วะโฮรัมย์ และ พงศกร แปยอ สองนักกีฬาวีลแชร์เรซซิ่งระดับโลก, รุ่งโรจน์ ไทยนิยม และ พิสิษฐ์ หวังผลพัฒนศิริ นักเทเบิลเทนนิส, อัญชญา เกตุแก้ว นักว่ายน้ำดาวรุ่ง, วรวุฒิ แสงอำภา และ อรรคเดช ชูชื่นกลิ่น นักกีฬาบอคเซีย, ประคอง บัวใหญ่ และ ปัญญาวุฒิ คุพันธ์ นักกีฬาฟุตบอลตาบอด ร่วมรับมอบ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


8 สัญญาณเตือนสภาวะโรคจิต

อาการที่บ่งบอกว่าเริ่มมีความผิดปกติทางจิตที่สามารถสังเกตเอง ได้ก่อนมาพบแพทย์ คือความผิดปกติของการรับรู้ การตัดสินใจ อารมณ์ หากพบอาการต้องสงสัยควรรีบไปพบแพทย์ก่อนที่จะมีอาการรุนแรง

สัญญาณเตือนของโรคจิต เป็นอาการที่พบได้บ่อย ไม่ใช่เกณฑ์ในการวินิจฉัย บางอาการอาจไม่ได้มีความจำเพาะแต่กับโรคจิตอาจเป็นโรคทางจิตเวชชนิดอื่นๆก็ ได้ ดังนั้นหากมีความสงสัยเกิดขึ้น ก็ควรปรึกษาจิตแพทย์

1. แยกตัว เก็บตัวมากขึ้น (Social withdrawal)

2. มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง/แปลกไป (Unusual behavior) เช่น การสะสมของบางอย่าง ลักษณะการแต่งกาย การดูแลตนเอง

3. มีความยากลำบากในการคิด/ตัดสินใจ (Difficulty making choices)

4. หลงลืม/สนใจอะไรได้ไม่นาน/ไม่มีสมาธิ (Problems with concentration and attention)

5. มีปัญหาในการสื่อสาร/การเข้าใจความหมายของคนอื่นหรือสังคม (Problems with communication and perception)

6. มีความคิดแปลกๆ ไม่เหมือนเดิม เริ่มเชื่อในสิ่งที่ไม่เป็นจริง (Unusual thoughts)

7. หูแว่ว เห็นภาพหลอน (Hallucinations)

8. เริ่มมีความถดถอยในการดำเนินชีวิตประจำวัน/การเรียน/การทำงาน 

หากเกิดอาการต่างๆ เหล่นี้อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน และค่อยๆแย่ลงไปในช่วงเวลาเป็นปีควรรีบปรึกษาจิตแพทย์

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Measure word คืออะไรพร้อมหลักการใช้

เอ๊ะ? measure words เคยได้ยินชื่อนี้คุ้นๆ ว่าแต่มันคืออะไรกันน้า จะใช่ คำแม่ใช่ เอาไว้พูดตอนที่เราเห็นด้วยกะแม่รึเปล่า แบบ ใช่ แม่ใช่ โอนมาเลยแม่ บัญชีหนูนั่นแหละแม่ ใช่ๆ ฮ่าๆ (มีใครเข้าใจมุกแอดมั้ย) คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคะ อีกอยาก คำนี้ measure อ่านว่า เมช เช่อะ เป็นคำกริยาในภาษาอังกฤษ ที่แปลว่า วัด (ที่ไม่ใช่ temple!!) หรือเป็นคำนาม ที่แปลว่า หน่วยการวัด ก็ได้ อธิบายมาแบบนี้เพื่อนๆคงทราบกันแล้วนะคะว่า measure words ที่เราจะมาเรียนกันในวันนี้คืออะไร มันคือคำที่ใช้บอกปริมาณของคำนามต่างๆนั่นเอง แอดมายด์รวบรวมมาให้เพื่อนๆได้เรียนกันถึง 4 ประเภทด้วยกัน จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

คำบอกปริมาณของคำนามประเภทอาหาร เช่น

  • A bowl of …. ถ้วย ได้แก่ a bowl of rice, cereal, maccaroni
  • A dish/plate of …. จาน ได้แก่ a dish/plate of spaghetti
  • A pound of …. ปอนด์ ได้แก่ a pound of meat, cheese
  • A piece of …. ชิ้น ได้แก่ a piece of cake, pie
  • A can of …. กระป๋อง ได้แก่ a can of soup
  • A box of …. กล่อง ได้แก่ a box of cereal
  • A bag of …. ถุง ได้แก่ a bag of flour, rice
  • A carton of …. กล่อง ได้แก่ a carton of milk, ice cream
    (carton ส่วนใหญ่จะทำจากกระดาษลูกฟู กระดาษแข็ง ไม่ทนทานและทำมาได้จากหลายวัสดุเหมือน box) 
  • A jar of …. กระปุก ได้แก่ a jar of peanut butter, jam
  • A loaf of …. แถว ได้แก่ a loaf of bread
  • A slice of …. สไลซ์ ได้แก่ a slice of bread, pizza, cheese
  • A package of …. ห่อ ได้แก่ a package of pasta
  • A dash of …. จำนวนเล็กน้อย ได้แก่ a dash of salt, sugar, cinnamon
  • A cube of …. ก้อน ได้แก่ a cube of ice, 
  • A pack of …. ห่อ ได้แก่ a pack of gum
  • A head of …. หัว ได้แก่ a head of lettuce, cabbage
  • An ear of …. รวง ได้แก่ a ear of corn, rice, wheat, barley
  • A grain of …. เมล็ด ได้แก่ a kernel of corn, wheat
  • A stalk of …. ก้าน ได้แก่ a stalk of celery, broccoli 
  • A clove of …. กลีบ ได้แก่ a clove of garlic, ginger

    คำบอกปริมาณของคำนามประเภทของเหลว เช่น
  • A teaspoon of …. ช้อนชา ได้แก่a teaspoon of medicine, salt
  • A tablespoon of …. ช้อนโต๊ะ ได้แก่ a tablespoon of vinegar, ketchup
  • A glass of …. แก้ว ได้แก่ a glass of water, wine
  • A cup of …. ถ้วย/แก้วเล็กมีหูจับ ได้แก่ a cup of coffee, tea, hot milk
  • A pint of …. ไพท์ 500 ml ได้แก่ a pint of blood, whiskey, beer
  • A quart of …. 1/4 แกลลอน ได้แก่ a quart of milk, ice cream
  • A half gallon of …. ครึ่งแกลลอน ได้แก่ a half gallon of  juice, milk, water
  • A gallon of …. แกลลอน ได้แก่ a gallon of punch, oil, petrol
  • A tank of …. ถัง ได้แก่ a tank of gas
  • A jug of …. เหยือก ได้แก่ a jug of lemonade, juice
  • A bottle of …. ขวด ได้แก่ a bottle of wine, coke, water
  • A keg of …. ถังเบียร์ ได้แก่ a keg of beer
  • A shot of …. ช็อต (แก้วเล็ก) ได้แก่ a shot of vodka
  • A drop of …. หยด ได้แก่ a drop of rain, oil, water

    คำบอกปริมาณของคำนามประเภทของใช้ส่วนตัว เช่น
  • A bar of …. ก้อน ได้แก่ a bar of soap
  • A tube of …. หลอด ได้แก่ a tube of toothpaste, ointment
  • A stick of …. แท่ง ได้แก่ a stick of deodorant
  • A bottle of …. ขวด ได้แก่ a bottle of perfume
  • A roll of …. ม้วน ได้แก่ a roll of toilet paper
  • A ball of …. ก้อน ได้แก่ a ball of cotton

คำบอกปริมาณของคำนามประเภทเครื่องเขียน เช่น

  • A piece of …. แผ่น ได้แก่ a bar of paper, wood
  • A pad of …. แผ่น ได้แก่ a pad of paper
  • A roll of …. ม้วน ได้แก่ a roll of tape, wire, film, stamps
  • A stick/piece of …. แท่ง/อัน ได้แก่ a stick/piece of chalk
  • A tube of …. ขวด ได้แก่ a tube of glue, paint
  • A jar of …. เหยือก ได้แก่ a jar of paste
  • A pair of …. คู่ ได้แก่ a pair of scissors

ซึ่งคำบอกปริมาณพวกนี้ จะใช้นำหน้าคำนามต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ ที่ใหญ่มาก จะเป็นคำนามที่นับไม่ได้ (แต่ในบางกรณีก็เป็นคำนามนับได้นะคะเช่น ที่ยกตัวอย่างไป a roll of stamps เป็นแสตมป์ที่มาเป็นม้วน ม้วนละหลายดวง ในกรณีนี้ก็อย่าลืมเติม s, es หลังคำนามกันล้าา)

ถ้ามีสิ่งเดียว เราจะใส่ article a, an นำหน้าคำบอกปริมาณ เช่น

  • A tube of toothpaste
  • A bag of chips

แต่ถ้ามีปริมาณนั้นๆมีเยอะ เราจะใส่จำนวนนำหน้า และอย่าลืม! เติม s,es ไว้ด้านหลังคำบอกปริมาณเพื่อเเสดงความเป็นพหูพจน์ด้วย เช่น 

  • Three jugs of lemonade
  • Two slices of toast

Exercise

  1. I’ll get a __________of matches to light the fire.
  2. Can I buy a __________of tuna and make tuna salad tonight?
  3. There are five __________ of strawberry jam on the shelf.
  4. I always bring a __________ of water to the gym.
  5. Give me two ________ of toilet paper. It’s in the cupboard.

Answer

  1. box
  2. can
  3. jars
  4. bottle
  5. rolls

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


เปิดตัว Sony WF-1000XM5 หูฟังไร้สายที่ตัดเสียงดีที่สุด และขนาดใส่สบายขึ้น

Sony เผยโฉมหูฟัง TWS ตัวท็อปรุ่นใหม่หลังจากที่ปล่อยภาพหลุดมานานกับ WF-1000XM5 อย่างเป็นทางการ โดย Sony ได้โปรยคำเปิดตัวว่า “Sony’s biggest ever step forward in noise cancelling” โดยมีการปรับปรุงในเรื่องของการตัดเสียงรบกวนที่จัดเต็มกว่าที่เคย

โดยตัวเครื่องจะมาพร้อมกับไมโครโฟน 3 ตัวทั้ง 2 ข้างรวมกันเป็น 6 ตัว ค่อยฟังเสียงรอบข้างและลดเสียงรบกวนทุกย่านให้ดีขึ้น รวมถึงการพัฒนาให้ย่านความถี่ต่ำเก็บรายละเอียดดีขึ้น ด้วยการทำงานของชิป V2 และ QN2e ทำให้เสียงรบการนั้นปรับปรุงทำให้เสียงที่เราไม่ต้องการนั้นทำได้ดีมากขึ้น

ไม่ได้มีดีแค่เรื่องการตัดเสียงรบกวนแต่รอบนี้มีการเปลี่ยน Driver ใหม่แบบ Dynamic X ทำให้เสียงย่านความถี่ต่ำรวมถึงเสียงคนร้องทำได้ดีขึ้นอีกด้วย และในเรื่องของเทคโนโลยีการฟังเสียงที่มีคุณภาพสูงยังคงทำได้ดีเช่น การเข้ารหัส LDAC, DSEE ทำให้เสียงที่ได้นั้นมีความคมชัดและคุณภาพสูง พร้อมกับเทคโนโลยี 360 Reality Audio ทำให้ฟังเสียงได้รอบทิศทำงานร่วมกับเกม VR ได้อย่างสบายๆ

และนอกจากนี้ยังติดตั้ง AI Base Noise Reduction Algorithm ช่วยวิเคราะห์เรื่องของระบบเสียงรบกวนและยังมี DNN หรือ Deep Neural Network พร้อมกับจับเสียงที่ขากรรไกรได้หรือ Bone Conduction Sensor ช่วยให้เสียงพูดมีความใสได้อีก

บอดี้ของ WF-1000XM5 จะมีขนาดเล็กลงกว่าเดิม 25% และเบาลง 20% เมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว แถมยังออกแบบให้ใส่สบาย และยังเชื่อมต่อกับ Apps ฟังเพลงเช่น Endel, Apple Music รวมถึง Spotify และยังมีระบบ Adaptive Sound Control ปรับเสียงให้เหมาะกับสภาพที่อยู่และ Speak To Chat จะหยุดเพลงเมื่อคุณพูด และยังเชื่อมต่อได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์

ส่วนแบตเตอรี่นั้นใช้งานได้สูงสุด 8 ชั่วโมง วางชาร์จไฟแค่ 3 นาทีสามารถใช้งานได้ 1 ชั่วโมง และยังรองรับ Wireless Charge ละกันน้ำแบบ IPX4 ส่วนสีมีให้เลือกทั้งสีดำ และ เงิน ส่วนราคานั้นอยู่ที่ 299 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือ 10,400 บาท ส่วนประเทศไทยรอติดตามราคาเร็วๆ เพราะจะวางจำหน่ายในเดือนสิงหาคม ที่จะถึงนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


‘สมาร์ทบอร์ดและหลังคา เอสซีจี’ แบรนด์สินค้านวัตกรรมและโซลูชันอันดับ 1 ในใจคนไทย มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ เพื่อการอยู่อาศัยที่ดีขึ้น

‘สมาร์ทบอร์ดและหลังคา เอสซีจี’ แบรนด์สินค้านวัตกรรมและโซลูชันอันดับ 1 ในใจคนไทย

มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ เพื่อการอยู่อาศัยที่ดีขึ้น

สมาร์ทบอร์ดและหลังคา เอสซีจี คว้ารางวัล No.1 Brand Thailand 2023 พัฒนานวัตกรรมสินค้าและโซลูชันตอบโจทย์ลูกค้าอย่างมุ่งมั่น ครองใจคนไทยในฐานะแบรนด์ผู้นำเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีขึ้น ด้วยการส่งมอบสินค้านวัตกรรมและบริการที่ดีที่สุดถึงมือผู้บริโภค พร้อมตอกย้ำประสบการณ์ที่ดีของแบรนด์ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม

อัญชลี ชวนะลิขิกร Head of Housing Product Solution Business บริษัท สยามไฟเบอร์ซีเมนต์กรุ๊ป จำกัด และบริษัท เอสซีจี รูฟฟิ่ง จำกัด ในธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า“ความสำเร็จอีกครั้งกับการคว้ารางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2023 ต้องขอบคุณลูกค้าที่เชื่อมั่นและไว้ใจมาเนิ่นนาน เอสซีจีจะพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาสิ่งที่ดีขึ้น ครอบคลุมในทุกเทรนด์ความต้องการ ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเจ้าของบ้าน ช่าง ผู้รับเหมา สถาปนิก และร้านค้า พร้อมส่งต่อประสบการณ์ที่ดี สะดวก และรวดเร็วกับแบรนด์ ผ่านช่องทางดิจิทัลบนแพลตฟอร์มที่ทางเอสซีจีได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยรูปแบบ Brand Engagement through Digital Platform ซึ่งการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการ จะช่วยให้ลูกค้าประทับใจ เชื่อมั่นในสินค้าบริการและ    แบรนด์ และสิ่งสำคัญที่เรายังคงเน้นย้ำคือการพัฒนาควบคู่กับการรักษาสภาพแวดล้อม นี่คือสิ่งที่แบรนด์ยึดมั่นเพื่อความเป็นหนึ่งตลอดไปในใจคนไทย”

ตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ดีกว่าด้วย ‘เทคโนโลยีและนวัตกรรม เอสซีจี’

สำหรับปีนี้เอสซีจีได้เน้นกลยุทธ์หลักในการพัฒนาสินค้าและบริการ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ดียิ่งขึ้น (Innovation for Better Living) โดยมี 3 ปัจจัยหลักในการพัฒนาเพื่อให้เข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ได้แก่

  1. ด้านความสวยงาม เอสซีจีได้พัฒนาเทคโนโลยี Digital Printing นำมาสร้างสรรค์ลวดลายบนวัสดุให้มีความสวยงาม โดดเด่น แตกต่าง สมจริง แต่ยังคงซึ่งคุณสมบัติและคุณภาพที่ดีของผลิตภัณฑ์ อาทิ หลังคาเซรามิก รุ่น EXCELLA CRESTA หลังคาที่สามารถรังสรรค์งานศิลปะบนหลังคาอย่างไร้ขีดจำกัดรายแรกและรายเดียวของประเทศไทย ถือเป็นอีกขั้นของการพิมพ์ลวดลายบนแผ่นกระเบื้องด้วยเทคโนโลยีระบบดิจิตอล ก่อนนำไปเผาด้วยอุณหภูมิ 1,100 องศาเซลเซียส เพื่อให้สีสวยทน ไม่ซีดจาง เปิดตัวคอลเลคชันแรกด้วยลวดลายธรรมชาติเสมือนจริง 3 เฉดสี แต่ละสีมีลวดลายสูงสุด 33 ลาย เพื่อความสวยสมจริง ลูกค้าสามารถนำมาสร้างความแตกต่างที่ลงตัวได้ตามต้องการ, ผนังตกแต่ง เอสซีจี รุ่น วูดดี ที่พิมพ์ลวดลายแบบพิเศษบนผิววัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์ ด้วยเทคโนโลยีระบบดิจิตอล ให้ความสมจริงของลวดลายและสีสันที่เหมือนไม้จริง พร้อมเคลือบผิวหน้าด้วย Polyurethane Coating เกรดอุตสาหกรรม สำหรับการใช้งานภายนอกโดยเฉพาะ สามารถทนต่อรังสี UV ได้ดีทำให้สีและลวดลายไม่ซีด จืดจางไว เป็นต้น นอกจากนี้สามารถเพิ่มความสวยงามบนแผ่นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจีด้วยเทคนิคฉลุลายกับ ผนังตกแต่ง เอสซีจี รุ่น เฟรทเวิร์ค ที่ฉลุลายได้หลากหลายรูปแบบ สามารถนำมามิกซ์แอนด์แมทช์ ตกแต่งให้เข้ากับสไตล์ของผู้ใช้งานได้อย่างมีเอกลักษณ์

ด้านความอยู่สบาย โจทย์หลักในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีขึ้น สบายขึ้น อาทิ เทคโนโลยีระบายความร้อนเพื่อทำให้บ้านเย็น ด้วยฝ้าสมาร์ทบอร์ด รุ่น ระบายอากาศ-โพรเทคชั่น สูตร ซูเปอร์โมเลกุล ระบายความร้อนจากโถงหลังคาทำให้บ้านเย็น พร้อมตาข่ายกันแมลง ทำให้การอยู่อาศัยดีขึ้น นอกจากนี้ยังได้พัฒนาเทคโนโลยี Zoundless สร้างความเงียบเป็นส่วนตัวสู่นวัตกรรมระบบผนังกันเสียง SCG Smart Wall Privazy ตอบโจทย์การกั้นห้องทำงาน ห้องโฮมเธียเตอร์ ติดตั้งง่ายด้วยระบบ Board & Frame ทำให้ระบบผนังมีความแข็งแรง และการพัฒนาเทคโนโลยี NoiseTECH ในหลังคาเมทัลรูฟ ที่เอสซีจีผสานเทคโนโลยีลดเสียงดังบนหลังคาเมทัลชีท นวัตกรรมการเคลือบสีที่สามารถลดเสียงฝนตกกระทบบนหลังคาได้ดีกว่าหลังคาเมทัลชีททั่วไปสูงสุด 18 % อยู่สบายด้วยเสียงรบกวนที่เบาลง สร้างความสุขให้แก่พื้นที่อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี

  1. ด้านการประหยัดพลังงาน เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยสร้างสมดุลด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงซึ่งประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด SCG Solar Roof Solutions จึงเข้ามาตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มีการใช้ไฟฟ้าในปริมาณสูงผ่านพลังงานทดแทน ช่วยประหยัดพลังงาน ลดค่าใช้จ่าย และลดภาวะโลกร้อน

ผลิตภัณฑ์และโซลูชันเพื่อความยั่งยืน ด้วยแนวคิด ESG

หลักคิดความยั่งยืนที่อยู่ในดีเอ็นเอของเอสซีจี ทำให้เราได้พัฒนาสินค้าและโซลูชันในรูปแบบ Green Innovation ตอบรับเทรนด์โลกที่มุ่งเป้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ การกำกับดูแลตามหลัก ESG รวมถึงการบรรลุเป้าหมาย Net Zero Carbon โดยกระบวนการทั้งหมดเริ่มต้นตั้งแต่การผลิตจนถึงการส่งมอบสินค้าสู่ผู้บริโภค

ปัจจุบัน เอสซีจี ได้เริ่มกระบวนการ Zero Waste ตั้งแต่การผลิตภายในโรงงาน ทุกอย่างที่เหลือจากการผลิตสามารถนำกลับมาใช้ได้หมดโดยไม่เหลือฝังกลบ ทำให้ใช้วัสดุที่มีได้เต็มประสิทธิภาพ สำหรับการใช้พลังงานในการผลิต เพิ่มการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ลดการใช้พลังงานภายในโรงงานลง และผลิตภัณฑ์ที่ผลิตแล้วเสร็จ ตรงกับความต้องการ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นด้วยนวัตกรรมสินค้าที่คิดอย่างเข้าใจ

******************************

ขอขอบคุณในการเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ สอบถามเพิ่มเติม

ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ บริษัท เอ็นเนเบิ้ล เอท จำกัด

มณีรัตน์ มีรัตน์  (ฝน)          E-mail: fon.maneerat@enable8pr.com       โทร. 063-915-6999

บัณฑิต  ประทุมตะ (ณดิษ)  E-mail: golf.bundit@enable8pr.com           โทร. 082-665-5964

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 26/07/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a31,950.0032,050.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,070.0031,381.2032,550.00
ทองรูปพรรณ 90%1,863.0028,243.08n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,656.0025,104.96n/a
ทองรูปพรรณ 50%932.0014,129.12n/a
ทองรูปพรรณ 40%725.0010,991.00n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,145.0032,518.20n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 26/07/2566



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9538.3538.3538.8538.3538.3538.3538.3538.3538.3538.35
แก๊สโซฮอล์ 9138.0838.0838.5838.0838.0838.0838.0838.0838.0838.08
แก๊สโซฮอล์ E2036.0436.0436.5436.0436.0436.0436.0436.0436.04
แก๊สโซฮอล์ E8536.4936.4936.49
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม42.9446.7447.9446.8442.94
เบนซิน 9546.1446.9146.6446.2946.14
ดีเซล B731.9431.9432.2431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.2431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.2431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม40.4441.4442.9441.8441.8440.44
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า