MQDC ชู Health & Wellness เรื่องใกล้ตัวคนไทย ที่สุดซีเนียร์ลิฟวิ่ง
MQDC ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่ ชี้ Health & Wellness เทรนด์โลก เรื่องใกล้ตัวคนไทย ปลุกตลาดที่อยู่อาศัย ผ่านที่สุดแห่งซีเนียร์ลิฟวิ่ง “ดิ แอสเพน ทรี “
งานสัมมนาและงาน Dinner Talk “THANX Forum 2023 : Health & Wellness Sustainability” โอกาส และทิศทางการพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพของประเทศไทยแบบยั่งยืน ซึ่งจัดขึ้นโดย ฐานเศรษฐกิจ
นายวิทยา สินทราพรรณทร หัวหน้าฝ่ายการตลาด ดิ แอสเพน ทรี เดอะ ฟอเรสเทียส์ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวในเวที เสวนา หัวข้อ “Health & Wellness Destination โอกาส ศักยภาพไทย” ว่า ปัจจุบัน Health & Wellness รวมถึง Senior Living ไม่ใช่เรื่องไกลตัวในประเทศไทย
แต่มิติเปลี่ยนไปมากที่จากเดิมที่เมื่อเราพูดถึงการแพทย์ ก็มักจะให้ความสำคัญแค่ การรักษา แต่ปัจจุบัน เทรนด์ของโลก พัฒนาไปไกลโดยกำลังมุ่งเน้น เรื่องวิวัฒนาการเกี่ยวกับการป้องกันมากขึ้น ซึ่งเป็นจุดที่ประเทศไทยจะต้องให้ความสำคัญเพิ่มเติมเช่นกัน
ทั้งนี้ มาจากแนวโน้มการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยของไทยอย่างเต็มตัว โดยจากข้อมูลประชากรไทย ณ ปัจจุบันร่วม 70 ล้านคน มีสัดส่วนผู้สูงวัยประมาณ 18% แต่ยังไม่น่าเป็นห่วงเท่ากับ แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า เมื่อคนสูงวัยเยอะขึ้น แต่อัตราการเกิดลดน้อยลง ขณะคนในวัยต่างๆ ขนาดครอบครัว มีทิศทางเล็กลงเรื่อยๆ
จำนวนผู้สูงวัยที่มีแนวโน้มจะมากขึ้นเรื่อยๆ มาพร้อมๆกับแนวคิด ผู้คนอยากมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น และนำมาซึ่งการปรับพฤติกรรมในรูปแบบต่างๆ ทั้งการกิน การอยู่ และการทำกิจกรรม โดยมีไลฟ์สไตล์ที่ต่างออกไปจากคนรุ่นเก่าๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ การหาแนวทาง ที่ทำให้ชีวิตดีและอยู่ได้ยืนยาวขึ้น
นายวิทยา ขยายความ Health & Wellness ในโครงการ Healthy Living & Lifetime Care ในความหมายของ MQDC ว่า เมื่อเราเข้าสู่ คนสูงวัย หรือ วัยอิสระ การดูแลตัวเองเบื้องต้นอาจไม่เพียงพอ แต่ชีวิตจะยืนยาวได้จะขึ้นอยู่กับ 4 ด้านสำคัญ ด้วยกัน ได้แก่ ร่างกายสุขภาพ & สมอง ดี (กายภาพ), จิตใจดีและมีความสุข (อารมณ์), สังคม – แวดล้อมดี (ที่อยู่อาศัย) และ มีความปลอดภัยในชีวิต ดั่งจะเห็นว่า ผู้ใหญ่บางท่าน ที่มีช่วงอายุ 50-80 ปี พยายามทำกิจกรรม และ หาไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นให้ตนเองมีความสุขเติมเต็มทุกด้านอยู่เสมอ
อย่างไรก็ดี มิติที่น่าสนใจ คือ คุณภาพของการอยู่อาศัย ผ่านโครงการที่อยู่อาศัย ที่มีความพร้อม ส่งเสริมทั้ง 4 ด้านเบื้องต้น โดยปัจจุบันบริษัท อยู่ระหว่างการพัฒนา โครงการ ดิ แอสเพน ทรี ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของบิ๊กโปรเจ็กต์ เดอะ ฟอเรสเทียส์ บนพื้นที่ 398 ไร่ บางนาตราด กม.7 มูลค่า 1.25 แสนล้านบาท
โดยเป็นการผสานที่พักอาศัย ที่ครบพร้อมด้วยบริการและการดูแลตลอดชีวิตแบบครบวงจรด้วยมาตรฐานระดับโลก การช่วยเหลือดูแลตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน บริการดูแลทำความสะอาด รวมไปถึงประกันสุขภาพ และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่จะช่วยเหลือผู้พักอาศัยที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปโดยเฉพาะ ภายใต้แนวคิดการดูแลแบบองค์รวมตลอดชีวิต หรือ Holistic Lifetime Care ในการเป็นเจ้าของบ้าน
” โครงการ ดิ แอสเพน ทรี ถูกพัฒนาขึ้น ด้วยวิสัยทัศน์ของ MQDC ที่ให้ความสำคัญ เรื่องผู้สูงวัย ที่มีแนวโน้มมากขึ้นในอนาคต ตามรอย ญี่ปุ่น แคนาดา โดยเฉพาะ ประเทศพัฒนาแล้ว ”
สำหรับโครงการ ดิ แอสเพน ทรี จะเข้ามาตอบรับกับแนวโน้ม ผู้สูงวัยที่เริ่มมองหาการดูแลตัวเองมากขึ้น และอยากใช้ชีวิตอยู่อาศัยในสังคมคุณภาพ ช่วยส่งเสริมให้มีความสุข และ มีบุคคลากรทางการแพทย์ ช่วยดูแลสุขภาพองค์รวม ตั้งแต่การป้องกัน ไปจนถึง การดูแลเมื่อเจ็บป่วย ในช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในชีวิต
ทั้งนี้ โครงการเดอะฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อแก้โจทย์สังคมเมืองที่ห่างไกลจากธรรมชาติ โดยในมิกซ์ยูสเกือบๆ 400 ไร่ ย่านบางนา-ตราด จะมีพื้นที่สีเขียวมากถึง 65% เพื่อเป็นสวนป่าให้กับทุกๆโครงการที่อยู่อาศัยภายใน ซึ่งปัจุบันมีการตอบรับจากผู้ซื้อเป็นจำนวนมาก
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
2ทายาท เจ้าสัวเจริญ ลุยอภิโปรเจ็กต์ พลิกโฉมกรุงเทพฯมหานครระดับโลก
2 ทายาท เจ้าสัว”เจริญ สิริวัฒนภักดี” ลุยบิ๊กโปรเจ็กต์ -ช็อปอสังหาฯ ขยายอาณาจักรเก็บเข้าพอร์ตแสนล้าน “ปณต” คุม เฟรเซอร์สฯลุย 7 โปรเจ็กต์มูลค่า 1.7แสนล้าน “วัลลภา” ขับเคลื่อน AWC ปักหมุดเอเชียทีค-มิกซ์ยูส-โรงเแรมทั่วกรุง
ที่ดินบนถนนพระราม 4 และที่ดินแปลงงาม ริมโค้งนํ้าเจ้าพระยา ย่านถนนเจริญกรุง รวมถึงฝั่ง เจริญนคร อภิมหาโปรเจ็กต์ภายใต้การพัฒนาของ 2 ทายาท เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ชั้นนำของประเทศ ปัจจุบันเป็นที่จับตามอง เนื่องจากมีความเคลื่อนไหวการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยประเมินว่าจะมีมูลค่าการลงทุนรวมในมือไม่ตํ่ากว่า 3 แสนล้านบาท
โดยสองทายาท แยกกลุ่มธุรกิจที่ชัดเจนปัจจุบัน กลุ่มบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ลิมิเต็ด บริหารโดย นายปณต สิริวัฒนภักดี บุตรชายคนสุดท้องของเจ้าสัวเจริญ ที่หยิบปณิธานผู้เป็นบิดา เห็นคุณค่าทางประวัติศาสตร์บนที่ดินที่ครอบครองพัฒนาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจตอบแทนสังคม ให้เติบโตไปด้วยกัน เช่นกลุ่มโครงการบนถนนพระราม 4 รวมถึงวันแบงค็อก โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ที่มีมูลค่าลงทุนสูงที่สุดในประเทศไทยที่ 1.2 แสนล้านบาท
หลังเริ่มจุดประกาย ที่ดิน ริมแม่นํ้าเจ้าพระยาแม่นํ้าสายประวัติศาสตร์ พัฒนา โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ คอมมูนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่ พื้นที่รวมเกือบ100ไร่ ย่านเจริญกรุง ที่ มีแผนแล้วเสร็จ เมื่อปี 2555
ก่อนโอนให้อยู่ ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC บริษัทในกลุ่มทีซีซี ที่เข้าจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการเมื่อปลายปี 2562 มีนางวัลลภา ไตรโสรัส บุตรสาวเจ้าสัวเจริญ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ฯ
ขณะเดียวกัน ยังลงทุนซื้อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจภาคบริการอย่างโรงแรม รีสอร์ท ที่ดิน ฯลฯ เก็บเข้าพอร์ตต่อยอดธุรกิจ อย่างต่อเนื่องที่จุดประกายมาจากการระบาดของโควิด สร้างอาณาจักรธุรกิจอสังหาฯชั้นนำของประเทศทั้งการพัฒนาและการซื้ออสังหาฯ
AWCซื้อโรงแรมมากสุด
ที่ล่าลุดจากการรายงานของ JLL ประเทศไทย ระบุมีการซื้อขายกิจการโรงแรมในประเทศไทยปี2565 จำนวน14แห่ง มูลค่า 11 ,000 ล้านบาท โดย AWC เป็นกลุ่มที่ซื้อมากที่สุด ยกตัวอย่าง โรงแรมชื่อดัง แกรนด์ เมอร์เคียว แบงค็อก วินเซอร์ ใกล้สถานีบีทีเอส อโศก
นอกเหนือจาก เดอะ เวสทิน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต และ ดุสิต ดีทู เชียงใหม่ ซึ่งได้ทำการตกลงซื้อขายในปี 2564 แต่ธุรกรรมการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ในปี 2565 รวมมูลค่าเกือบหมื่นล้านบาท โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2564 ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ได้เข้าซื้อโครงการโรงแรมซิกมา รีสอร์ท จอมเทียน พัทยา สูง 14 ชั้น อยู่ติดถนนเลียบหาดจอมเทียน รวมค่าปรับปรุงมูลค่า กว่า1.8 พันล้านบาท
คาดว่าปีนี้จะมีการซื้อขายต่อเนื่อง จากโรงแรมสายป่านไม่ยาวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด สะท้อนว่าการซื้อโรงแรมต่อจากเจ้าของเดิมมาปรับปรุงใหม่ย่อมลดงบประมาณลงทุนได้อย่างมาก เพราะไม่ต้องมองหาที่ดินเพื่อลงทุนท่ามกลางราคาร้อนแรง อีกทั้ง การแข่งขันสูงสำหรับรายใหญ่ที่เปิดให้บริการมาก่อนหน้านี้
200โรงแรมแห่ขายAWC
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา นางวัลลภาประกาศ ตั้งกองทุนสำหรับช้อนซื้ออสังหาฯ ประเภทโรงแรม รีสอร์ท ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในทำเลศักยภาพ ไม่ตํ่ากว่า1หมื่นล้านบาทช่วงเกิดสถานการณ์โควิดรุนแรง
ยอมรับว่า ปัจจุบันมีโรงแรมกว่า 200 แห่งเข้ามาเสนอขาย ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และภูมิภาค หัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญแต่ มองว่า AWC ไม่สามารถซื้อได้ตามข้อเสนอทุกรายการ โดยจะต้องมองศักยภาพ รอบด้านที่สอดรับกับการลงทุนและนโยบายของบริษัทอย่างแท้จริง
ผุดตึก100ชั้น ริมเจ้าพระยา
นอกจากการซื้อกิจการโรงแรม เข้าพอร์ตต่อยอดการพัฒนาแล้ว จากการฟื้นตัวภาคท่องเที่ยว สถานการณ์โควิด ไม่มีท่าทีกลับมาระบาดรุนแรง นางวัลลภา ประกาศ พลิกโฉม เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนต์เฟสแรก ศูนย์การค้าเปิดโล่งขนาดใหญ่ริมแม่นํ้าเจ้าพระยา ถนนเจริญกรุงที่ ลงทุนเมื่อ 10 ปีก่อนหรือตั้งแต่ปี 2555
รวมถึงพัฒนาโครงการเอเชียทีค เฟส 2 โครงการมิกซ์ยูส สูง 450 เมตร หรือ 100 ชั้น สุงที่สุดในประเทศไทย มูลค่ากว่า3 หมื่นล้านบาท ตั้งอยู่ฝั่งขวา ของโครงการริมคุ้งนํ้าเจ้าพระยา ซึ่งจะเป็นโรงแรมสุดหรู รีเทล จุดหมายปลายทางนักท่องเที่ยวระดับโลก ที่ผลักดันให้เป็นฮวงจุยเสริมพลัง กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ตามแผนลงทุนเฟส 2 AWC ต้องพัฒนาให้เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดภายใน 10 ปีข้างหน้านับจากปีนี้
บูม “ล้ง 1919- เวิ้งนาครเขษม”
ขณะเดียวกัน ยังมีแผนพัฒนา ล้ง 1919 ทำเลศักยภาพริมแม่นํ้าเจ้าพระยา เขตคลองสาน ฝั่งธนบุรี ใกล้กับไอคอนสยาม พัฒนา รูปแบบ Wellness Destination ระยะยาว 64 ปี ซึ่งเป็นที่ดินเช่าของตระกูลหวั่งหลี มูลค่า3,436 ล้านบาท ที่ดินประวัฒศาสตร์ของชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลที่มีอายุกว่า 200 ปี
รวมถึงเวิ้งนาครเขษม 14 ไร่ ถนนเจริญกรุงมูลค่า16,513 ล้านบาท มีแผนพัฒนา มิกซ์ยูสทั้งห้องชุดและโรงแรมหรูกลิ่นอายไชน่าทาวน์ ที่คาดว่าจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2569 โดยนางวัลลภาให้เหตุผลว่าช่วงนั้นเศรษฐกิจไทยจะกลับมาแข็งแรง มีนักท่องเที่ยวกลับมามากขึ้นกว่าที่ผ่านมา ซึ่งจะเชื่อมโยงกับถนนพระราม4 อาณาจักรใหญ่ ของนายปณตกลุ่มเฟรเซอร์ฯ
วันแบงค็อกมหานครระดับโลก
ที่มี “วันแบงค็อก” โครงการมิกซ์ยูสระดับโลกที่มีมูลค่าสูงที่สุด 1.2แสนล้านบาทบนที่ดินผืนใหญ่ ขนาด 108ไ ร่ ทำเลหัวมุมถนนพระราม4 ตัดกับถนนวิทยุ ที่มีแผนเปิดให้บริการเฟสแรกปี 2567 หากเปิดให้บริการจะกลายเป็นมหานครกลางใจเมือง ที่ต้องการพลิกโฉมถนนพระราม4จากย่านการค้าเก่า เป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจใหม่
ในอนาคตจะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญเติมเต็มในย่านดังกล่าว ให้เป็นจุดหมายปลายทางของทุกกลุ่มคนและทุกเพศวัย นอกจากโครงการอาคารสำนักงาน รีเทล ศูนย์การค้า ที่เปิดให้บริการมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น อาคารเอฟวายไอเซ็นเตอร์ สามย่านมิตรทาวน์ สีลมเอจ เดอะปาร์ค ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นต้น
พลิกบางนาเมืองใหม่ 4.6พันไร่
นอกจากนี้อีก ความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองมากที่สุดของเฟรเซอร์สฯ ในระยะ 1-2 ปีนี้ หากแต่เป็นเกมพลิกแผนพัฒนาที่ดินแปลงยักษ์ 4,600 ไร่ ย่านบางนา-ตราด กม. 32 ในลักษณะ เมืองใหม่ โดย ร่วมลงทุนกับพาร์ทเนอร์ระดับท็อปของประเทศ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในไทย โดยปัจจุบัน อยู่ระหว่าง วางรูปแบบ และ ก่อสร้างสาธารณูปโภคภายใน ตัดถนนผ่ากลางแบ่งพื้นที่ 2 ฝั่ง
ภายใต้ความท้าทายนำ 3 ธุรกิจหลักในเครือ ตั้งแต่ โครงการที่อยู่อาศัยพื้นที่อุตสาหกรรม และพื้นที่คอมเมอร์เชียล มาผสมผสานอย่างกลมกลืนบนทำเลยุทธศาสตร์ประตูสู่ เขตเศรษฐกิจพิเศษ ภาคตะวันออก หรืออีอีซี ที่มีดีมานด์มหาศาลทุกด้าน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เงินบาทเปิดตลาดวันนี้(27ก.พ.)ใกล้ทะลุ 35 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทยังมีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways Upแนะจับตาตลาดหุ้นไทยที่เสี่ยงปรับฐานต่อ กดดันให้ นักลงทุนต่างชาติ อาจเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทยเพิ่ม
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้(27 กุมภาพันธ์ 2566) ที่ระดับ 34.94 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 34.82 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways Up ท่ามกลางปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าที่มีมากกว่าปัจจัยฝั่งแข็งค่า
นอกจากนี้ ควรจับตาภาพตลาดหุ้นไทยที่เสี่ยงปรับฐานต่อ กดดันให้ นักลงทุนต่างชาติ อาจเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม (สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยกว่า -1.9 หมื่นล้านบาท และขายสุทธิบอนด์ราว -5 พันล้านบาท) แต่หากตลาดหุ้นไทยรีบาวด์ในระยะสั้น (จับตาการเคลื่อนไหวของดัชนี SET ใกล้โซนแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน) แรงขายสินทรัพย์ไทยก็อาจชะลอลงได้บ้าง
ส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า ตราบใดที่ตลาดยังกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด เงินดอลลาร์ก็อาจยังไม่อ่อนค่าชัดเจน
ทว่าหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด เงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงได้บ้าง
ทั้งนี้ หากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทวีความรุนแรงขึ้นมาก จนตลาดปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น เงินดอลลาร์ก็อาจพอได้แรงหนุนจากความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย หรือการอ่อนค่าลงของเงินยูโร (EUR) รวมถึงเงินปอนด์อังกฤษ (GBP)
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.50-35.20 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.85-35.05 บาท/ดอลลาร์
สัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อ PCE ที่ไม่ได้ชะลอลงตามคาด ยังคงกดดันให้ตลาดการเงินผันผวน
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรติดตาม รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ดัชนี ISM PMI รวมถึง ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ยังคงเป็นปัจจัยที่ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม ในช่วงทยอยปรับมุมมองต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
โดยในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีผลต่อการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยหากภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงสดใสและแข็งแกร่ง ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับ 5.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ล่าสุด หรือ
สูงกว่าระดับดังกล่าวได้ ซึ่งตลาดมองว่า ภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่งและตึงตัวจะยังคงช่วยหนุนให้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) เดือนกุมภาพันธ์ ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 108.5 จุด
ทั้งนี้ต้องจับตาว่ามุมมองของผู้บริโภคต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคตเริ่มปรับตัวแย่ลงหรือไม่ นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จะช่วยหนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการบริการของสหรัฐฯ ขยายตัวต่อเนื่อง
สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (ISM Non-Manufacturing PMI) เดือนกุมภาพันธ์ ที่ระดับ 54.5 จุด (ดัชนีเกิน 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัว)
อย่างไรก็ดี ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ อาจยังคงหดตัวอยู่ (ดัชนี PMI ภาคการผลิตอาจอยู่ที่ระดับ 48 จุด) ท่ามกลางความต้องการซื้อสินค้าที่ลดลง
ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาแรงกดดันเงินเฟ้อผ่านราคาสินค้าและบริการ ซึ่งอาจสะท้อนผ่านดัชนีด้านราคาในรายงานดัชนี PMI ได้ และ
นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะให้ความสนใจ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
▪ ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยหากอัตราเงินเฟ้อ CPI ยังสูง เช่น 8.2% ตามที่ตลาดประเมิน ก็จะยิ่งหนุนโอกาสธนาคารกลางยุโรป (ECB) เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดล่าสุดคาดว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Deposit Facility Rate จนแตะระดับ 3.75% ได้ในปีนี้ จากระดับล่าสุดที่ 2.50% นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยของ ECB ในปีนี้
▪ ฝั่งเอเชีย – ตลาดคาดว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ได้แรงหนุนจากภาคการบริการ (สะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการบริการที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง) จะช่วยให้ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 4.0%y/y
อย่างไรก็ดี ตลาดจะรอจับตาภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังการผ่อนคลายมาตรการ Zero COVID โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีน
ทั้งในภาคการผลิตและภาคการบริการมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ระดับ 50.2 จุด และ 53.5 จุด ตามลำดับ
▪ ฝั่งไทย – ตลาดมองว่า การค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนมกราคมอาจยังคงถูกกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยยอดการส่งออกอาจหดตัวต่อเนื่องราว -1.0%y/y
ส่วนยอดการนำเข้าก็จะหดตัวราว -3.4%y/y และทำให้ดุลการค้า (Trade Balance) ขาดดุลราว -1.5 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ภาคการผลิตของไทยก็ยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง หลังภาพรวมเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ
อาทิ สหรัฐฯ ยุโรป จีนและเอเชีย ส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งภาพดังกล่าวจะสะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิต ที่ระดับ 53 จุด
นอกจากนี้ แนวโน้มการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในฝั่งภาคการท่องเที่ยว ก็อาจช่วยหนุนให้ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50 จุด ในเดือนกุมภาพันธ์
กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 34.80-35.10บาท/ดอลลาร์ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับตะกร้าเงินพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค มีสัดส่วนสูงกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ โดยพุ่งขึ้น 1.8% ในเดือนมกราคม และยอดขายบ้านเดี่ยวหลังใหม่ในสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 7.2% ในเดือนมกราคม
ตลาดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ (Fed Funds Rate) อาจจะพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดของวัฏจักรที่ 5.395% ในเดือนกันยายน และจะยังคงอยู่สูงกว่า 5% ในช่วงสิ้นปีนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ไอเรื้อรัง” โดยไม่ทราบสาเหตุ เสี่ยงโรค “หอบหืด”
โรคหอบหืดอาจไม่ใช่โรคที่แปลกใหม่สำหรับคุณ เนื่องจากเป็นโรคทั่วไปที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม โรคหอบหืดไม่ได้มีเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเป็นโรคหอบหืดจากการประกอบอาชีพ หอบหืดจากการออกกำลังกาย หรือโรคหอบหืดที่มีอาการไอเรื้อรังเพียงอย่างเดียว (Cough Variant Asthma) ซึ่งคุณจะมีอาการ ไอเรื้อรัง โดยไม่ทราบสาเหตุ ดังที่ได้อธิบายไว้ในบทความด้านล่างนี้
โรคหอบหืดที่มีอาการไอเรื้อรังอย่างเดียวคืออะไร
โรคหอบหืดที่มีอาการไอเรื้อรังเพียงอย่างเดียว มีอาการหลักก็คือการไอแห้งๆ ผู้ป่วยที่เป็นหอบหืดชนิดนี้จะไม่มีอาการของโรคหอบหืดประเภทอื่น อย่างเช่นอาการหายใจถี่ๆ และมีเสียงวี้ดขณะหายใจ บางครั้ง โรคหอบหืดชนิดนี้จะมีอาการไอที่เกิดขึ้นนานถึง 6-8 สัปดาห์ การไออาจเกิดขึ้นกลางดึกจนทำให้ผู้ป่วยต้องตื่นขึ้นมา หรือเกิดขึ้นตอนกลางวัน จนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาการไปจะรุนแรงขึ้นเมื่อออกกำลังกาย หรือได้รับสิ่งกระตุ้นการเกิดหอบหืดหรือสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น สปอร์เชื้อรา น้ำหอม หรือเมื่ออยู่ในสภาพอากาศเย็น โรคหอบหืดชนิดนี้เกิดขึ้นได้กับทุกช่วงอายุ แต่มักเริ่มเป็นในวัยเด็ก
ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหอบหืดที่มีอาการไอเรื้อรังอย่างเดียว
สาเหตุของโรคหอบหืดที่มีอาการไอเรื้อรัง ยังไม่ทราบอย่างชัดเจน แต่อาการไออาจเกิดขึ้นหลังจากผู้ป่วยสูดเอาสารก่อภูมิแพ้ หรืออยู่ในสภาพอากาศที่เย็น อาการไอยังอาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน หลังจากเกิดการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้ การไออาจเกิดขึ้นหลังจากการใช้ยากลุ่มเบต้า บล็อกเกอร์ (beta blockers) ซึ่งเป็นยาที่ใช้กับอาการความดันโลหิต หัวใจล้มเหลว รวมถึงโรคต้อหิน และโรคทางตาอื่นๆ ผู้ป่วยบางรายที่แพ้ยาแอสไพรินอาจเกิดโรคหอบหืดชนิดนี้ได้
การวินิจฉัยโรคหอบหืดที่มีอาการไอเรื้อรังอย่างเดียว
ในบางครั้ง ผู้ป่วยอาจมีอาการไอเพียงอย่างเดียว และอาการไออาจเป็นสัญญาณของโรคต่างๆ ได้มากมาย อย่างเช่น ไข้หวัด การวินิจฉัยโรคนี้ แพทย์จะซักประวัติและจะใช้เครื่องมือในการฟังการหายใจ แต่วิธีนี้อาจยังไม่สามารถระบุโรคที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้น การเอ็กซเรย์ทรวงอก จึงเป็นวิธีที่แนะนำร่วมกับการตรวจสภาพปอด (spirometry) โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือวัดปริมาณอากาศที่ผู้ป่วยหายใจออกมา (ขณะที่ผู้ป่วยหายใจเข้าลึกๆ และหายใจออก) รวมถึงวัดอัตราความเร็วของอากาศที่ออกจากปอด หากการตรวจสภาพปอดไม่สามารถยืนยันโรคหอบหืดชนิดนี้ได้ อาจมีการใช้สารเมธาคอไลน์ เพื่อทำให้ช่องทางเดินอากาศแคบลง ในระหว่างการตรวจ ผู้ป่วยจะสูดเอาเมธาคอไลน์เข้าออก ก่อนและหลังการตรวจสภาพปอดแบบ spirometry หลังการตรวจ แพทย์จะให้ยาขยายช่องทางเดินหายใจ เพื่อขจัดผลข้างเคียงของสารเมธาคอไลน์
การรักษาโรคหอบหืดที่มีอาการไอเรื้อรังอย่างเดียว
อาการไอจากโรคหอบหืดชนิดนี้ สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาพ่นแก้หอบหืด ซึ่งมีส่วนประกอบของอัลบูเทอรอล (albuterol) ไอพราโทรเพรียม (ipratropium) และสารสเตียรอยด์สำหรับสูดดม (inhaled steroids) อาการจะดีขึ้นภายใน 6-8 สัปดาห์ อาการไอเช่นนี้เป็นโรคหอบหืดชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะทางอาการ คือ ไอแห้งๆ แต่ผู้ป่วยก็อาจมีอาการหอบหืดอื่นๆ ด้วย ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของอาการนี้ได้ แต่การรักษาจะช่วยให้อาการดีขึ้นได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
แรงวันสุดท้าย! “ลิเลีย วู” แซง “โปรซิม” หยิบแชมป์ ฮอนด้า แอลพีจีเอ 2023
การแข่งขันกอล์ฟ แอลพีจีเอ ทัวร์ รายการ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023 ที่ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา พาร์ 72 ระยะ 6,576 หลา ชิงเงินรางวัลรวม 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 62 ล้านบาท) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566
วันสุดท้ายของการแข่งขัน ลิเลีย วู โปรสาวชาวสหรัฐฯ โชว์ฟอร์มได้อย่างเหลือเชื่อทำเพิ่ม 8 อันเดอร์พาร์ ทำให้สกอร์รวมหลังครบ 4 วัน จบที่ 22 อันเดอร์พาร์ แซงเอาชนะ “โปรซิม” ณัฐกฤตา วงศ์ทวีลาภ นักกอล์ฟสาวชาวไทย ที่เป็นผู้นำในรอบที่ 3 ที่จบ 21 อันเดอร์พาร์ ไปเพียงแค่สโตรกเดียวเท่านั้น
ทำให้ ก้านเหล็กสาวจากสหรัฐอเมริกา วัย 25 ปี คว้าแชมป์ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023 ไปครองได้สำเร็จ และถือเป็นแชมป์รายการแรกของเธอในการแข่งขันระดับแอลพีจีเอ ทัวร์ อีกด้วย
ขณะที่ “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล มือ 1 ของไทย และมืออันดับ 4 ของโลก ที่แม้วันสุดท้ายจะเก็บเพิ่มได้อีก 4 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวม 20 อันเดอร์พาร์ คว้าอันดับ 3 ไปครองเท่านั้น ส่วน ลิเดีย โค โปรมือ 1 ของโลก จากนิวซีแลนด์ รอบนี้ ทำเพิ่ม 3 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวม 16 อันเดอร์พาร์ จบอันดับ 6 ร่วมกับ โค จิน ยอง จากเกาหลีใต้ และ เนลลี่ คอร์ด้า โปรมือ 2 ของโลก
สำหรับผลงานของนักกอล์ฟไทยรายอื่นๆ ในรายการนี้ “โปรว่าน” จารวี บุญจันทร์ สกอร์รวม 13 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 17 ร่วม, ” โปรแหวน” พรอนงค์ เพชรล้ำ สกอร์รวม 10 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 27 ร่วม, “โปรเมียว” ปาจรีย์ อนันต์นฤการ “โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล สกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 38 ร่วม
ขณะที่ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล และ “โปรพราว” ชเนตตี วรรณแสน สกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 52 ร่วม “โปรเปียโน” อาภิชญา ยุบล สกอร์รวม 3 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 58 “โปรแจน” วิชาณี มีชัย สกอร์รวม 1 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ 64 สกอร์รวม 3 โอเวอร์พาร์ รั้งอันดับ 70 และ “โปรเหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ สกอร์รวม 6 โอเวอร์พาร์ รั้งอันดับ 71 ร่วม
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
บทสนทนา+ศัพท์น่ารู้ที่ใช้ในร้านอาหาร
มีใครรู้สึกประหม่าเวลาจะสั่งอาหารในร้านอาหารเวลาไปเที่ยวหรือไปเรียนต่างประเทศบ้างคะ ไม่มั่นใจว่าจะใช้ศัพท์คำไหน เริ่มต้นประโยคยังไง แล้วจะสื่อสารถูกหรือเปล่า!!? วันนี้เราได้รวบรวมคำศัพท์ที่ควรรู้ และประโยคความที่คนส่วนมากนิยมใช้กันเวลาอยู่ในร้านอาหารมาฝากค่ะ!
ประโยคยอดนิยม ที่มักใช้ในร้านอาหาร
Do you have any tables available?
คุณมีโต๊ะว่างบ้างมั้ย ?
We are fully booked.
โต๊ะร้านเราเต็มหมดแล้ว
The restaurant is full now.
ร้านของเราเต็มแล้วค่ะ
I’d like to book a table, please.
ฉันต้องการจะจองโต๊ะล่วงหน้า
I’d like to make a reservation.
ฉันต้องการจะจองโต๊ะ
Do you have a reservation?
คุณได้จองโต๊ะไว้รึเปล่าครับ?
That table is already reserved.
โต๊ะนั้นมีคนจองแล้วค่ะ
I’ve got a reservation.
ผมจองเอาไว้แล้วครับ
Under what name?
ใช้ชื่ออะไรจองไว้ครับ?
Who’s the reservation for?
จองไว้ในนามของใครครับ ?
How many people?
กี่ท่านคะ ?
How many seats?
กี่ที่คะ ?
Table for…please.
ขอโต๊ะสำหรับ…(จำนวนคน)…คนค่ะ
Could you follow me, please.
เชิญเดินตามผมมาเลยครับ
Could I see the menu, please.
ขอเมนูหน่อยได้มั้ยคะ ?
What would you like to eat ?
คุณต้องการจะทานอะไรดีคะ?
Would you like to see the menu?
คุณต้องการเมนูมั้ยครับ?
Would you like to order now?
คุณต้องการจะสั่งอาหารเลยมั้ยครับ?
Are you ready to order?
คุณพร้อมที่จะสั่งอาหารเลยมั้ยคะ?
I’ll be back for your order in a moment.
อีกสักครู่ ดิฉันจะกลับมารับออเดอร์นะคะ
What do you have for today?
วันนี้มีอาหารอะไรบ้างคะ
What tasty dishes do you have?
ร้านนี้มีอาหารอร่อยแนะนำมั้ยครับ?
What’s the special menu for today?
วันนี้มีเมนูพิเศษมั้ยครับ?
Do you have any recommended dishes?
ร้านคุณมีรายการอาหารแนะนำบ้างมั้ยคะ?
Could you recommend something?
คุณช่วยแนะนำหน่อยได้มั้ยครับ?
Can I have…?
ฉันขอ…(ชื่ออาหาร) /เป็นประโยคสั่งอาหาร
This is not what I ordered.
ฉันไม่ได้สั่งจานนี้ค่ะ
Bill please.
คิดเงินด้วยครับ
Do you accept credit cards?
คุณรับบัตรเครดิตมั้ย?
Cash only.
รับเฉพาะเงินสดค่ะ
Please pay at the cashier.
ชำระเงินที่แคชเชียร์นะคะ
Here’s your change, sir.
เงินทอนครับ
คำศัพท์น่ารู้ในร้านอาหาร
Appetizer / Starter
อาหารเรียกน้ำย่อย
Main course
อาหารจานหลัก
Drink
เครื่องดื่ม
Dessert
ของหวาน
Tax
ภาษี
regional dish
อาหารพื้นบ้าน
Well-done
เนื้อสุก
raw
ดิบ
dish
จาน
tasty
รสชาติดี / อร่อย
reservation
จองโต๊ะ
recommend
แนะนำ
Cash
เงินสด
Pay
จ่าย
และนี้ก็คือประโยคสนทนาและคำศัพท์บางส่วนที่นิยมใช้กันในร้านอาหารที่เรารวบรวมมาให้ชาว DailyEnglish ค่ะ
วันไหนไปร้านอาหารก็อย่าลืมนำเอาไปใช้กันนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
กูรูไอทีเผย แชตบอต ‘บิง’ เกรี้ยวกราด-ฟาดเหมือนมนุษย์
นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ในช่วงที่ระบบแชตบอตของเสิร์ชเอ็นจิน บิง (Bing) ของไมโครซอฟท์ เพิ่งอยู่ในระยะเริ่มต้น ระบบแชตบอตดังกล่าวมีการใช้วาทะแบบประชดประชันหรือแม้กระทั่งข่มขู่ ซึ่งมีแนวโน้มว่ามาจากการลอกเลียนสิ่งที่แชตบอตปัญญาประดิษฐ์ได้เรียนรู้มาจากบทสนทนาบนโลกออนไลน์ ตามรายงานของเอเอฟพี
ข่าวคราวเรื่องการโต้ตอบของแชตบอตปัญญาประดิษฐ์ รวมทั้งมีคำขู่และการพูดถึงความต้องการขโมยรหัสนิวเคลียร์ สร้างไวรัสอันตราย และอีกมากมาย ซึ่งกลายเป็นเรื่องราวที่ได้รับการเผยแพร่อย่างแพร่หลาย
แกรห์ม นูบิก อาจารย์จาก language technologies institute จาก Carnegie Mellon University ระบุว่า “ผมคิดว่ามันลอกเลียนบทสนทนาที่ได้เจอบนโลกออนไลน์”
แชตบอตปัญญาประดิษฐ์ ออกแบบมาเพื่อจัดเตรียมชุดข้อความที่คาดว่าจะเป็นการตอบโต้บทสนทนา โดยไม่ได้คำนึงถึงความหมายหรือบริบทของชุดข้อความเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม มนุษย์ที่มีส่วนในการปรับปรุงโปรแกรมมีแนวโน้มที่จะศึกษาอารมณ์และจุดประสงค์ที่แชตบอตต้องการจะสื่อ
โปรแกรมเมอร์ ไซมอน วิลลิสัน โพสต์ในบล็อกของเขาว่า “รูปแบบภาษาไม่มีคอนเซปต์ของ “ความจริง” พวกมันรู้แค่ว่าจะเติมเต็มประโยคในรูปแบบของความน่าจะเป็นเชิงสถิติบนพื้นฐานของข้อมูลที่ได้กับชุดข้อความที่ได้รับการฝึกฝนมา” และว่า “ระบบแชตบอตเลยสร้างชุดข้อความต่าง ๆ ขึ้นมาเอง และใช้ข้อความนั้นตอบกลับด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม”
ด้านลอเรน ดูว์เดต์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์ของฝรั่งเศส LightOn ระบุว่า แชตบอตดูเหมือนจะเกรี้ยวกราดนั้นได้รับการฝึกฝนมาให้แลกเปลี่ยนบทสนทนาที่แสดงอารมณ์ก้าวร้าวและไม่แน่ไม่นอน
ฝั่งไมโครซอฟท์ ระบุในบล็อกว่า “รูปแบบในช่วงเวลาต่าง ๆ นั้นเป็นการตอบสนองหรือการตอบโต้ในอารมณ์ที่ถูกอีกฝ่ายถามไป (และ) นั่นอาจนำไปสู่รูปแบบการตอบที่เราไม่ได้คาดหวังไว้” และว่ายังเป็นกระบวนการที่ต้องพัฒนาต่อไปอีก พร้อมกับระบุในวันศุกร์ว่าได้จำกัดจำนวนผู้คนที่สนทนากับแชตบอตนี้แล้ว เนื่องจาก “การสนทนาที่ยาวเกินไปอาจทำให้กระทบต่อรูปแบบการสนทนาของระบบได้”
แชตบอตของบิง ออกแบบโดยไมโครซอฟท์และบริษัทโอเพน เอไอ (OpenAI) ซึ่งเป็นประเด็นฮือฮาจากการเปิดตัวแชตบอตปัญญาประดิษฐ์ แชตจีพีที (ChatGPT) เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ที่สามารถสร้างงานเขียนในไม่กี่วินาทีด้วยคำสั่งง่าย ๆ ซึ่งสร้างทั้งความตื่นเต้นและน่ากังวลในศักยภาพของมัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
3 ข้อคุณสมบัติลิฟท์บ้านอัจฉริยะในปี 2023 กับคาเลีย ลิฟท์
สำหรับเทรนด์การเลือกลิฟท์สำหรับบ้านหรืออพาร์ทเม้นท์ร์ทเมนต์สมัยใหม่ นอกจากการเน้นการออกแบบภายในแล้ว เจ้าของยังสนใจความสะดวกสบายและความทันสมัยของอุปกรณ์ในลิฟท์อีกด้วย ดังนั้นเทรนด์การใช้ลิฟท์บ้านอัจฉริยะระดับไฮเอนด์จึงได้รับความสนใจมากขึ้นในสมัยใหม่ ในบทความนี้เรามาดู 3 คุณสมบัติที่ลิฟท์ระบบอัจฉริยะควรจะต้องมีกัน ดังนี้
1. ลิฟท์บ้านระบบอัจฉริยะคืออะไร?
ลิฟท์อัจฉริยะสมัยใหม่ถูกใช้เป็นอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่สามารถเชื่อมต่อและโต้ตอบกับเทคโนโลยีขั้นสูงที่รวมคุณสมบัติต่างๆ เช่น การตรวจจับบุคคล การตรวจจับท่าทาง และการเคลื่อนไหว
ประโยชน์ของการเลือกลิฟท์อัจฉริยะ
ลิฟท์ของคาเลีย ลิฟท์นั้นเป็นลิฟท์ไม่มีห้องเครื่อง ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการด้านการขึ้นลงเท่านั้น การควบคุมลิฟท์ที่ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส แต่ลิฟท์ยังทำให้การเคลื่อนย้ายสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการผสมผสานคุณสมบัติสนับสนุนอัจฉริยะมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลิฟท์ตัวนี้ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบอย่างมาก ซึ่งมีส่วนช่วยในการเพิ่มมูลค่าของงาน โดยลิฟท์ของคาเลีย ลิฟท์ มีระบบระบายอากาศที่รวดเร็ว ปรับเปลี่ยนสีและแสงในตัวตัวลิฟท์ได้ เลือกฟังเพลงที่เราชื่นชอบได้ขณะอยู่ในลิฟท์ สามารถตั้งค่าสถานะของลิฟท์ได้อีกด้วย
2. คุณสมบัติอัจฉริยะที่ติดตั้งในลิฟท์มีอะไรบ้าง
ด้วยการออกแบบใหม่ ลิฟท์จึงไม่เพียงตอบสนองความต้องการในการเคลื่อนย้ายหรือขนส่งเท่านั้น ลิฟท์อัจฉริยะที่พัฒนาในยุค 4.0 ได้รับการออกแบบให้มีคุณสมบัติมากขึ้นสำหรับการโต้ตอบกับผู้ใช้
คุณสมบัติระบบสัมผัสเซ็นเซอร์
ระบบสัมผัส เซ็นเซอร์เป็นคุณสมบัติที่ช่วยตรวจจับการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพหรือทางเคมีรอบตัว เมื่อลิฟท์รวมเข้ากับคุณลักษณะนี้ อุปกรณ์จะสามารถระบุได้ว่าปัจจัยใดที่ส่งผลต่อการจัดการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกรณีต่างๆ เช่น:
เซ็นเซอร์หยุดที่ชั้น
ระบบเซ็นเซอร์ของลิฟท์สามารถนับจำนวนชั้นและหยุดได้อย่างแม่นยำ การดำเนินการที่แม่นยำอย่างยิ่งช่วยป้องกันการเบรกฉุกเฉินที่ไม่สมดุล
เซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง
เมื่อมีคนยืนอยู่หน้าประตูหรือมีของหนักขวางกั้น ประตูลิฟท์จะเปิดทันที ทำให้การเดินทางสะดวกและหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันตรายขณะเดินทาง
เซ็นเซอร์ส่งสัญญาณบรรทุกเกินน้ำหนัก
ลิฟท์บ้านอัจฉริยะมีความสามารถในการส่งสัญญาณเมื่อโหลดเกิน ช่วยให้หลีกเลี่ยงการบรรทุกเกินน้ำหนัก
ความบันเทิงบนลิฟท์ในตัว
คุณสมบัติความบันเทิงแบบมัลติทาสกิ้งรวมถึงเครื่องมือปรับแสงและเสียงในลิฟท์ นี่ถือเป็นก้าวไปข้างหน้าที่แข็งแกร่ง ช่วยให้ลิฟท์อัจฉริยะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในการฟังเพลงและถ่ายทำแม้ในขณะใช้งาน
ความสามารถในการระบุข้อผิดพลาดโดยอัตโนมัติ
ความสามารถในการระบุข้อผิดพลาดโดยอัตโนมัติเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นของลิฟท์อัจฉริยะ การตรวจหาข้อบกพร่องเพื่อการซ่อมแซมใช้เวลานานในการตรวจสอบว่าสาเหตุมาจากส่วนใด ซึ่งลำบากในการบำรุงรักษา การจัดการการระบุข้อผิดพลาดโดยส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ผ่านซอฟต์แวร์ที่เชื่อมต่อก่อนหน้านี้ เจ้าของบ้านจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับส่วนประกอบและโครงสร้างที่เสียหายเพื่อหยุดการทำงานได้ทันเวลา ดังนั้นการจัดการจะง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี IoT
เทคโนโลยี IoT มีความสามารถในการโต้ตอบ ตรวจจับและส่งสัญญาณข้อผิดพลาด ผู้ใช้จึงมั่นใจได้อย่างเต็มที่ถึงความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพและรับประกันความปลอดภัยสำหรับเจ้าของบ้าน การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี IoT ทำงานออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันเพื่อเชื่อมต่อกับศูนย์ควบคุม เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจความเสี่ยงหรือวิธีการบำรุงรักษาได้ล่วงหน้า
ล็อคนิรภัยสำหรับเด็ก
ล็อคนิรภัยสำหรับเด็กใช้กับลิฟท์อัจฉริยะโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเล็กเคลื่อนไหวโดยพลการโดยไม่มีผู้ดูแล เมื่อเปิดใช้งาน ผู้ใช้เพียงกดค้างไว้ 3 วินาที จากนั้นลิฟท์จะมีเวลา 10 วินาทีเพื่อเริ่มโหมดปลอดภัย
นอกจากนี้ ล็อคนิรภัยยังทำงานโดยใช้รหัสพินพิเศษ ดังนั้นจึงสามารถเคลื่อนย้ายได้เมื่อผู้ใช้ระบุรหัสพินที่ถูกต้องเท่านั้น จะช่วยลดความเสี่ยงสำหรับเด็กๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ห่วงใย เมื่อบ้านมีการติดตั้งระบบลิฟท์
3. ลิฟท์อัจฉริยะของคาเลีย ลิฟท์
คาเลีย ลิฟท์ เป็นแบรนด์ชั้นนำในการจัดจำหน่ายลิฟท์บ้านอัจฉริยะที่ปลอดภัย ดังนั้น ลูกค้าจะมีตัวเลือกมากมายในการค้นหาอุปกรณ์ที่เหมาะกับพื้นที่บ้านและอพาร์ทเม้นท์ร์ตเมนต์ของพวกเขามากที่สุด
Kosmos X30 ลิฟท์โดยสารแบบไม่มีปล่องลิฟท์
ลิฟท์โดยสาร Kosmos X30 เป็นผลิตภัณฑ์ที่หลายบ้านชื่นชอบเนื่องจากการออกแบบที่ประหยัดพื้นที่ เหมาะสำหรับพื้นที่ที่เล็กที่สุดในบ้าน ลิฟท์นั้นเป็นลิฟท์ไม่มีห้องเครื่อง มีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และทันสมัย Cabin Kosmos X30 มอบข้อได้เปรียบที่โดดเด่นมากมายแก่ผู้บริโภค:
ระบบขับเคลื่อน EcoSilent 2.0 ช่วยประหยัดพลังงานและลดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โครงสร้างของอุปกรณ์มีขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับอพาร์ทเม้นท์ร์ทเมนต์ บ้านหลังเล็ก และวิลล่าที่อยู่ติดกัน ผสานเทคโนโลยีขั้นสูงที่ปุ่มรับสายชั้น แผงควบคุมปลอดภัยสำหรับครอบครัวที่มีเด็ก ผู้สูงอายุ
การออกแบบผนังห้องโดยสารของ X30 Limited หุ้มด้วยหนังคุณภาพสูง และ X30 Premium มีลวดลายเพื่อให้ผู้ใช้ดูทันสมัยและทันสมัย โดยลูกค้าสามารถนำไปใส่ในบ้านที่มีปล่องลิฟท์อยู่แล้ว
ลิฟท์อัจฉริยะ คาเลีย ลิฟท์ Kosmos K90 รุ่นแบบแพลตฟอร์ม
ลิฟท์ คาเลีย ลิฟท์ Kosmos K90 เป็นลิฟท์รุ่นล่าสุดของยูนิต คาเลีย ลิฟท์ ลิฟท์บ้านที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลเมื่อใช้งาน นอกจากนี้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเด่นทั้งหมด:
พัดลมในตัวและแสงไฟเพื่อปรับสภาพอากาศให้เหมาะกับแต่ละฤดูกาลได้อย่างยืดหยุ่น การออกแบบระบบขับเคลื่อนแบบ Ecosilent ใหม่ทั้งหมด ช่วยลดเสียงรบกวนและประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อลิฟท์ทำงาน การผสานรวมเทคโนโลยีสัมผัสขั้นสูงทำให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น ระบบจะเตือนถึงปัญหา มอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้ใช้
ติดต่อเรา
สำหรับ คาเลีย ลิฟท์ ลิฟท์บ้านมีการรับประกันสกรูและนัท ที่เป็นวัสดุที่สำคัญที่สุดของลิฟท์นานถึง 15 ปี หากสินค้ามีปัญหาในระหว่างการใช้งานสามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งลิฟท์ประหยัดทั้งค่าไฟ และค่าบำรุงรักษาเพียงแค่ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ โชว์รูม Kalea Lift 891/62 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ ได้ทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น
โทร : 02-114 6900
Line : @kalea
Website : http://www.kalealift.in.th
Facebook : https://www.facebook.com/KaleaLiftThailand/
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 27/02/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,950.00 | 30,050.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,940.00 | 29,410.40 | 30,550.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,746.00 | 26,469.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,552.00 | 23,528.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 873.00 | 13,234.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 679.00 | 10,293.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,010.00 | 30,471.60 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 27/02/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.85 | 35.85 | 36.74 | 35.85 | 35.85 | 35.85 | 35.85 | 35.85 | 35.85 | 35.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.58 | 35.58 | 36.44 | 35.58 | 35.58 | 35.58 | 35.58 | 35.58 | 35.58 | 35.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.54 | 33.54 | 34.14 | 33.54 | 33.54 | – | 33.54 | 33.54 | 33.54 | 33.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.99 | 33.99 | – | – | – | – | – | – | – | 33.99 |
เบนซิน 95 | 43.66 | – | – | – | 43.71 | – | 44.16 | 43.81 | – | 43.66 |
ดีเซล B7 | 33.94 | 33.94 | 34.44 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
ดีเซล | 33.94 | 33.94 | 34.44 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
ดีเซล B20 | 33.94 | 33.94 | 34.44 | – | 33.94 | – | 33.94 | – | – | 33.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.06 | 43.16 | 44.94 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 43.06 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |