ดูไบ ครองแชมป์เมืองที่ราคาบ้านหรูพุ่งสูงที่สุดในโลก กรุงเทพฯ รั้งอันดับ10
“ไนต์ แฟรงค์” เผย “ดูไบ” ครองแชมป์อันดับหนึ่งเมืองใหญที่มีราคาบ้านหรูพุ่งแรงที่สุดในรอบ 1 ปี ขณะที่ “กรุงเทพฯ” มาเป็นอันดับที่ 10 ของโลก
ไนต์ แฟรงค์ (Knight Frank) บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยรายงานชิ้นใหม่ Prime Global Cities Index เผยแพร่เมื่อวันพุธ (23 ส.ค.) ระบุว่า ราคาบ้านหรู ใน ดูไบ พุ่งขึ้นเกือบ 50% ในรอบ 12 เดือน (ซึ่งนับถึงเดือนมิ.ย. 2566) โดยยังคง ครองอันดับสูงสุด เป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกัน
ทั้งนี้ ราคาบ้านหรูในดูไบพุ่งขึ้น 225% นับตั้งแต่แตะระดับต่ำสุดในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดในไตรมาส 3 ของปี 2563 โดยเมืองใหญ่แห่งประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) นี้ ยังคงครองอันดับหนึ่งเมืองที่มีราคาบ้านหรูเพิ่มขึ้นมากที่สุดเป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกัน
สำหรับเมืองที่มีราคาบ้านหรูพุ่งขึ้นมากที่สุดอันดับ 2 และ 3 ได้แก่ กรุงโตเกียวของญี่ปุ่น พุ่งขึ้น 26.2% และกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ พุ่งขึ้น 19.9%
ส่วนเมืองอื่น ๆ ที่ราคาบ้านหรูเพิ่มขึ้นอย่างมาก ยังรวมถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ของจีนซึ่งราคาบ้านเพิ่มขึ้น 6.7% และกรุงเทพมหานคร เพิ่มขึ้น 4.6% ขณะที่ราคาบ้านในสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 4.2%
ทั้งนี้ 10 อันดับเมืองที่ราคาบ้านหรูพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 12 เดือน (จนถึงเดือนมิ.ย. 2566) ได้แก่
อันดับ/เมือง/ประเทศ ราคาที่เพิ่มขึ้นในระยะ 12 เดือน (%)
- ดูไบ/สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 48.8
- โตเกียว/ญี่ปุ่น 26.2
- มะนิลา/ฟิลิปปินส์ 19.9
- ไมอามี/สหรัฐ 7.5
- เซี่ยงไฮ้/จีน 6.7
- มุมไบ/อินเดีย 5.2
- มาดริด/สเปน 5.1
- ไนโรบี/เคนยา 4.7
- ลิสบอน/โปรตุเกส 4.7
- กรุงเทพฯ/ไทย 4.6
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กรมที่ดินแนะขั้นตอนเมื่อ “หลักเขตที่ดินหาย” ไม่ยุ่งยาก
“หลักเขตที่ดิน” หมุดหลักฐาน ใช้บ่งชี้แนวเขตที่ดินตามโฉนด จากการรังวัดโดยเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน หากเกิดเหตุ “หลักเขตที่ดินหาย” ไม่ต้องตกใจ กรมที่ดินแนะขั้นตอนขอหลักเขตที่ดินใหม่ ไม่ยุ่งยาก
“หลักเขตที่ดิน” คือ หลักหมายเขตที่ดิน หรือหมุดหลักฐาน ที่ลงไว้ในที่ดิน ซึ่งทำไว้โดยเจ้าพนักงานที่ดิน เพื่อการทำแบบแผนที่ และการรังวัดที่ดิน เป็นเครื่องหมายที่สามารถมองเห็นได้ว่า แนวเขตที่ดินของโฉนดแปลงนั้นๆอยู่บริเวณใด
โดยมักมีลักษณะเป็น แท่งคอนกรีตเสริมเหล็ก รูปทรงกระบอก ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8 เซนติเมตร ด้านบนของหลักเขตที่ดิน จะระบุถึงหมายเลขที่ดิน หมายเลขประจำพหลักเขต และชื่อจังหวัด
ในบางกรณีที่ “หลักเขตที่ดิน” อาจสูญหาย หรือเคลื่อนไปจากแนวเขตเดิม หรือ หมุดที่ดิน ที่เจอกับแนวเขตในโฉนดที่ดินไม่ตรงกัน สามารถดำเนินการตามคำแนะนำของกรมที่ดินได้ดังต่อไปนี้
1. ติดต่อสำนักงานเขตที่ดินที่ที่ดินตั้งอยู่ เพื่อทำการรังวัดสอบเขต
2. เตรียมเอกสารหลักฐาน เพื่อใช้ยื่นคำขอรังวัดที่ดิน ได้แก่
- บัตรประจำตัวประชาชน
- ทะเบียนบ้าน
- ทะเบียนสมรส ,หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัวชื่อสกุล (ถ้ามี)
- โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
ในกรณีขอรังวัดรวมโฉนดที่ดิน ให้เตรียมหลักฐานดังนี้
- บัตรประจำตัวประชาชน
- ทะเบียนบ้าน
- ทะเบียนสมรส หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล (ถ้ามี)
ลักษณะของโฉนดที่ดิน ที่สามารถขอรวมได้
- ต้องเป็นหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ประเภทเดียวกัน เว้นแต่ โฉนดแผนที่ กับโฉนดที่ดินให้รวมกันได้
- ต้องมีชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในโฉนดที่ดินเหมือนกันทุกฉบับและต้องยังมีชีวิตอยู่ทุกคน
- ต้องเป็นที่ดินติดต่อผืนเดียวกัน ในจังหวัดและสำนักงานที่ดินเดียวกัน
ค่าใช้จ่ายในการรังวัดที่ดิน
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการรังวัดที่ดินที่ผู้ขอจะต้อชำระตามกฎหมาย (กฎกระทรวง ฉบับที่ 47 และ 48 ออกตามความในพระราชบัญญัติ ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497) มีดังนี้
1. ค่าธรรมเนียมรังวัด
- เกี่ยวกับโฉนดที่ดิน แปลง/วัน/ละ 40 บาท
- เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แปลง/วัน/ละ 30 บาท
2. ค่าหลักเขตที่ดิน หลักละ 15 บาท (ตามที่ใช้จริง)
3. ค่าใช้จ่ายในการรังวัดลักษณะเหมาจ่าย ดังนี้
- ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าส่งหมายข้างเคียงทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ 200 บาท
- ค่าป่วยการเจ้าพนักงานผู้ปกครองท้องที่ ไม่เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
- ค่าพาหนะพนักงานเจ้าหน้าที่และคนงานรังวัด วันละไม่เกิน 1,600 บาท
- ค่าคนงานรังวัด 420 บาท/คน/วัน (ตามเขตจังหวัดที่กระทรวงการคลังกำหนด)
ทั้งนี้ การกำหนดวันทำการรังวัด ซึ่งเกี่ยวข้องกับค่าพาหนะพนักงานเจ้าหน้าที่และคนงานรังวัด รวมถึงค่าคนงานรังวัด จะกำหนดตามจำนวนเนื้อที่ ดังนี้
การรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน
- เนื้อที่ไม่เกิน 5 ไร่ เวลาทำการ 1 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่ 3,480 บาท
- เนื้อที่ไม่เกิน 15 ไร่ เวลาทำการ 2 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 6,760 บาท
- เนื้อที่ไม่เกิน 30 ไร่ เวลาทำการ 3 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 10,040 บาท
- เนื้อที่ไม่เกิน 50 ไร่ เวลาทำการ 4 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 13,320 บาท
การรังวัดเกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์
- เนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ เวลาทำการ 1 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 2,640 บาท
- เนื้อที่ไม่เกิน 50 ไร่ เวลาทำการ 2 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 5,080 บาท
ทั้งนี้ ให้เพิ่มวันทำการรังวัด 1 วัน ในกรณีดังต่อไปนี้
- กรณีเนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่ ทุก 50 ไร่ หรือเศษเกินกว่า 25 ไร่
- กรณีที่ดินตั้งอยู่ในพื้นที่องค์กรปกครองรูปแบบพิเศษ เช่น กรุงเทพมหานคร/เมืองพัทยา ฯลฯ หรือเทศบาลนคร หรือเทศบาลเมือง หรือที่สวนเป็นไม้ ยืนต้น เช่น สวนผลไม้ สวนปาล์ม สวนยาง ฯลฯ เป็นต้น
- กรณีการรังวัดต้องคำนวณจำกัดเนื้อที่
- กรณีการรังวัดมีที่ดินข้างเคียงมากแปลง ทุกๆข้างเคียง 30 แปลง หรือเศษเกินกว่า 15 แปลง
- กรณีการรังวัดแบ่งแยกจัดสรร ทุกๆ 8 แปลง หรือเศษเกินกว่า 4 แปลง
โดยหากเป็นกรณีเหตุข้อ1 และ 2 รวมอยู่ในเรื่องเดียวกัน ให้เพิ่มวันทำการรังวัดได้ในกรณีใดกรณีหนึ่งเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 28ส.ค. ที่ระดับ 35.10 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่า หากนักลงทุนเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ไทยต่อเนื่อง เงินดอลลาร์อาจย่อตัว ควรระวังความผันผวนจากฝั่งตลาดการเงินจีน
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 28ส.ค.2566 ที่ระดับ 35.10 บาทต่อดอลลาร์“ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดสัปดาหก่อนหน้า
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideway (แกว่งตัวในกรอบ 35.00-35.20 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะผันผวนสูงในช่วงตลาดทยอยรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟดในงานสัมมนาวิชาการประจำปีของเฟดที่ Jackson Hole ก่อนที่เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ หลังเงินดอลลาร์และราคาทองคำต่างก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างมีทิศทางอย่างชัดเจนหลังรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อ หลังผู้เล่นในตลาดเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยและโอกาสที่เฟดจะคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงจนถึงไตรมาส 2 ปีหน้า
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรจับตาไฮไลท์สำคัญ คือ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยเฉพาะยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) พร้อมติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยและโอกาสเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน (Higher for Longer) หลังถ้อยแถลงของประธานเฟดและบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในงานสัมมนาวิชาการประจำปีของเฟดที่ Jackson Hole ยังคงส่งสัญญาณว่า เฟดพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ หากจำเป็น เพื่อให้มั่นใจว่าเฟดสามารถคุมปัญหาเงินเฟ้อได้สำเร็จ
ซึ่งเรามองว่า หนึ่งในปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด คือ ภาวะตลาดแรงงานที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง โดยสำหรับข้อมูลตลาดแรงงานในเดือนสิงหาคมนั้น นักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อาจเพิ่มขึ้น 168,000 ราย ลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า ส่วนอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) ก็อาจชะลอลงสู่ระดับ +0.3%m/m หรือ +4.3%y/y
ขณะที่อัตราการว่างงานอาจทรงตัวที่ระดับ 3.5% เรามองว่า หากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาตามที่นักวิเคราะห์ประเมิน อาจไม่ได้หนุนให้เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง แต่อาจทำให้เฟดสามารถคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน จนกว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงมากขึ้น (เรายังคงมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงปลายปี-ต้นปีหน้า) และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลตลาดแรงงาน
ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม (ISM Manufacturing PMI) เดือนสิงหาคม โดนนักวิเคราะห์ต่างมองว่า ดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตอาจอยู่ที่ระดับ 47 จุด สะท้อนว่าภาคการผลิตสหรัฐฯ ยังคงหดตัวอยู่ (ดัชนีต่ำกว่า 50 จุด หมายถึง ภาวะหดตัว) และเป็นการหดตัวต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคมในปีก่อนหน้า
▪ ฝั่งยุโรป – เราคงมุมมองเดิมว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก +25bps สู่ระดับ 4.00% สำหรับ Deposit Facility Rate โดยเฉพาะหาก อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ของยูโรโซน ในเดือนสิงหาคม ยังคงอยู่ที่ระดับ 5.3% ตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
ซึ่งเรามั่นใจในมุมมองดังกล่าวมากขึ้น หลังถ้อยแถลงของประธาน ECB และเจ้าหน้าที่ ECB ส่วนใหญ่ ในงานสัมมนาวิชาการประจำปีของเฟดที่ Jackson Hole ยังคงส่งสัญญาณสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงก็ตาม
▪ ฝั่งเอเชีย – ภาพรวมเศรษฐกิจจีนจะยังคงซบเซาต่อเนื่อง สะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ เดือนสิงหาคม ที่อาจลดลงสู่ระดับ 49 จุด และ 50.9 จุด ตามลำดับ นอกจากนี้ ภาพดังกล่าวจะยิ่งชี้ว่า ทางการจีนจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วนเพื่อลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงหนัก
ทั้งนี้ หากรายงานดัชนี PMI ออกมาย่ำแย่กว่าที่ตลาดคาด จะยิ่งกดดันให้เงินหยวนอ่อนค่าลงต่อได้ ซึ่งในกรณีดังกล่าว ก็อาจส่งผลกระทบต่อสกุลเงินเอเชียได้เช่นกัน ทางฝั่งญี่ปุ่น แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจอาจยังดูสดใส หนุนโดยการฟื้นตัวต่อเนื่องของการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ ขณะเดียวกันภาคการผลิตในส่วนยานยนต์ก็เริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น
หลังปัญหาด้าน Supply-Chain ได้คลี่คลายลง ซึ่งภาพดังกล่าวจะสะท้อนผ่าน ตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่งและตึงตัว โดยอัตราการว่างงานในเดือนกรกฎาคมอาจทรงตัวที่ระดับ 2.5% ส่วนยอดตำแหน่งงานเปิดรับต่อจำนวนผู้หางาน ก็อาจยังอยู่ที่ระดับ 1.3 เท่า (งาน > คนหางาน) ส่วนยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนกรกฎาคม ก็อาจได้โตราว +0.9%m/m
▪ ฝั่งไทย – ภาคการผลิตของไทยอาจชะลอตัวลงมากขึ้น ท่ามกลางความต้องการสินค้าจากประเทศคู่ค้าที่ลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนสิงหาคมอาจลดลงสู่ระดับ 50 จุด สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (Business Sentiment) เดือนสิงหาคม ที่อาจลดลงสู่ระดับ 48.8 จุด ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่มีความไม่แน่นอน ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจอาจฟื้นตัวดีขึ้นในเดือนกันยายน หลังการจัดตั้งรัฐบาลผสมเสร็จสิ้นลง
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าเริ่มแผ่วลง หลังเงินบาทกลับมาอ่อนค่าในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ทว่า หากนักลงทุนต่างชาติเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ไทยต่อเนื่อง หลังการโหวตเลือกนายกฯ เสร็จสิ้นลง ก็อาจช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทได้
อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนจากฝั่งตลาดการเงินจีน ที่ยังคงเผชิญแรงกดดันจากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจจีน อนึ่ง เราประเมินแนวรับแรกของเงินบาทแถวโซน 34.90-35.00 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนแนวต้านแรกจะอยู่ในช่วง 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจย่อตัวลงได้บ้าง หากตลาดปรับลดโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อหรือคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน ซึ่งต้องลุ้นให้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาดหรือส่งสัญญาณชะลอตัวมากขึ้น
อนึ่ง หากบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ก็อาจทำให้เงินดอลลาร์ยังคงแกว่งตัว sideway หรือ แข็งค่าขึ้นได้ จากความต้องการถือเงินดอลลาร์ เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่มียีลด์สูง (High Yield Safe Haven)
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและบรรยากาศในตลาดการเงินโลก ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.75-35.50 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.00-35.20 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สิ้นสุดการรอคอย! “วิว กุลวุฒิ” ตบเหนือชั้นคว่ำ ญี่ปุ่น ผงาดแชมป์ขนไก่โลก 2023
การแข่งขัน แบดมินตัน รายการ ชิงแชมป์โลก 2023 “โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” ที่รอยัล อารีน่า ในกรุงโคเปเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม 2566
ประเภทชายเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มืออันดับ 3 ของโลกชาวไทย รองแชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้ว พบกับ โคได นาราโอกะ มืออันดับ 4 ของโลกจากญี่ปุ่น สำหรับสถิติที่พบกันมาทั้งหมด 6 ครั้ง ผลัดกันแพ้ชนะกันมาทั้งหมด 3 ครั้ง
เกมการแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือด เกมแรก โคได นาราโอกะ เป็นฝ่ายทำได้ดีกว่าในช่วงท้ายเอาชนะไปได้ 21-19 ขณะที่เกมที่สอง นักตบขวัญใจชาวไทย สู้สุดตัวก่อนปิดเกมเอาชนะไปได้ 21-18 เสมอกัน 1-1 เกม
ต้องไปตัดสินกันที่เกมสาม ปรากฏว่า กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ทำได้เหนือกว่ามากเป็นฝ่ายออกนำห่าง 19-5 ก่อนเอาชนะไปได้แบบไม่ยากเย็น 21-7 เก็บชัย 2-1 เกม ใช้เวลาแข่งขัน 1 ชั่วโมง 48 นาที
ทำให้ กุลวุฒิ วิทิตศานต์ คว้าแชมป์โลก 2023 มาครองได้สำเร็จ พร้อมกันนี้ยังถือเป็นนักแบดมินตันชายเดี่ยวของไทยคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ หลังก่อนหน้านี้มีนักกีฬาไทยที่เคยคว้าแชมป์โลกคือ “เมย์” รัชนก อินทนนท์ ในประเภทหญิงเดี่ยว เมื่อปี 2013 และ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ในประเภทคู่ผสม ปี 2021
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
4 วิธีรักษาอาการ “ปวด” โดยไม่ต้องใช้ยา
อายุที่มากขึ้น ก็มาพร้อมอาการเจ็บป่วยที่มากขึ้นตามร่างกายที่เสื่อมถอยลงไปด้วยเรื่อยๆ โดยเฉพาะอาการปวดต่างๆ เริ่มตั้งแต่ปวดศีรษะ ปวดคอ บ่า ไหล่ จากการนั่งทำงานนานๆ ปวดเข่าจากข้อเข่าเสื่อม หรือน้ำหนักมากเกินไป รวมไปถึงปวดเอว ปวดหลัง ปวดแขน ฯลฯ แต่ถ้าจะให้ทานยาแก้ปวดทุกครั้ง คุณคงจะนึกสงสารตับขึ้นมาจับใจ ดังนั้นมาลองวิธีคลายปวดที่เราไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวดกันดีกว่า ได้ผลมากกว่าที่คิดแน่นอน
- กายบริหาร
การยืดเส้นยืดสายสำคัญมากหากมีอาการปวดตามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นคอ บ่า ไหล หลัง แขน ขา เข่า ข้อเท้า ข้อมือ เอว และที่อื่นๆ คุณสามารถเปิดคลิปวิดีโอตาม YouTube แล้วทำตามแต่ละขั้นตอนได้ง่ายๆ หลักการที่สำคัญ คือการให้กล้ามเนื้อแต่ละส่วนได้ยืดตัวเพื่อผ่อนคลายมัดกล้ามเนื้อที่ใช้งานมาตลอดทั้งวันโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว เช่น การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ อาจทำให้เราเกร็งไหล่ เกร็งแขน และข้อมือตลอดเวลา รวมไปถึงการก้มคอมองจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานหลายชั่วโมงด้วย
ดังนั้น เลือกทำกายบริหารที่เน้นการยืด การคลายกล้ามเนื้อ เริ่มจากช้าไปเร็ว อย่าลืมวอล์มอัพร่างกายก่อนเริ่มลงมือทำกายบริหารด้วย เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อฉีกขาดจากการออกกำลังกายกะทันหัน
- โยคะ
ใครที่ไม่ถนัดกายบริหารให้เลือดสูบฉีดมากนัก ลองทำท่าโยคะดู แม้ว่าจะเป็นการออกกำลังกายที่ลดแรงกระแทกได้มาก แต่ขอบอกว่าได้กล้ามเนื้อมาไม่ใช่เล่น เสียเหงื่อ และเหนื่อยว่าที่คิด แต่ถึงกระนั้นโยคะก็ยังมีความดีงามตรงนี้นี่แหละ ท่าโยคะหลายๆ ท่าสามารถเลือกได้ว่าอยากจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยตรงจุดไหนเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงสามารถลดอาการเจ็บปวดเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากออกกำลังกายด้วยโยคะเป็นประจำ อาการปวดเมื่อยที่เคยเกิดขึ้นก็จะลดลง และหายไปได้เองโดยอัตโนมัติ เพราะกล้ามเนื้อส่วนนั้นๆ แข็งแรงขึ้น รองรับการใช้งานได้มากขึ้นโดยไม่มีการปวดเมื่อยเหมือนเดิมนั่นเอง
- นวด หรือฝังเข็ม
การปวดเมื่อยเนื้อตัวจะหายดีขึ้นได้ในทันทีหากได้ลองการนวดตามแพทย์แผนไทย หรือการฝังเข็มจากแพทย์แผนจีน วิธีนี้เป็นวิธีที่เหล่าบรรดาคนที่ทำงานหนักมักใช้เพื่อให้ได้รับการผ่อนคลายทันทีในช่วงเวลาที่จำกัด นอกจากนี้การนวด และการฝังเข็มยังช่วยคลายเครียดจากการทำงาน และเรื่องต่างๆ ได้ไปพร้อมๆ กับการคลายกล้ามเนื้อไปด้วย นอกจากนี้ การนวด และการฝังเข็มยังสามารถระบุส่วนที่ต้องการผ่อนคลายกล้ามเนื้อเป็นพิเศษ รวมถึงรักษาอาการปวดศีรษะจากไมเกรน ปวดเข่า และจุดอื่นๆ ได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ควรเลือกใช้บริการนวด หรือฝังเข็มจากสถานบริการที่ที่เชื่อถือได้ ได้รับการตรวจเช็กจากสาธารสุข ได้รับการยอมรับในมาตรฐานของการให้บริการ รวมถึงได้รับใบอนุญาตในการเปิดร้านอย่างถูกต้อง พนักงาน และแพทย์ที่ให้บริการ และการรักษามีใบประกอบโรคศิลป์ครบถ้วน และถูกต้อง อย่าเลือกใช้บริการในสถานที่ที่ไม่ได้รับมาตรฐานดังกล่าว เพราะอาจส่งผลอันตรายให้เกิดอาการเจ็บปวดมากขึ้นได้
- จิตบำบัด
นอกจากร่างกายภายนอกแล้ว สมอง และจิตใจภายในก็ต้องได้รับการบำบัด และเยียวยาด้วย ความคิดที่ว่า “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” ยังคงเป็นจริงในกรณีนี้ หากร่างกายเจ็บปวดมากพออยู่แล้ว เรายังมีความเศร้า ความเครียดสะสมเพิ่มเข้าไปอีก อาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นก็อาจทำให้เรารู้สึกทรมานมากขึ้นไปกว่าเดิม
จริงๆ แล้วการบำบัดจิตใจไม่ได้มีส่วนช่วยให้อาการเจ็บปวดของร่างกายลดลงโดยตรง แต่เป็นการลดความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นจากอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมากกว่า อย่างไรก็ตามหากบำบัดจิตใจช่วยให้เราลดการคิดในแง่ร้ายลง และเมื่อเราคิดบวกมากขึ้น การรู้สึกถึงร่างกายที่ค่อยๆ ปรับสภาพดีขึ้น อาการเจ็บปวดลดลงอย่างช้าๆ จะช่วยให้รู้สึกดีต่อตัวเองได้มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่กำลังใจที่จะต่อสู้กับอาการเจ็บปวดต่างๆ ได้มากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม อาการเจ็บปวดที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ การอักเสบรุนแรง อาจไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีเหล่านี้ ดังนั้นหากมีอาการเจ็บปวดที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายโดยเฉพาะ อย่าปล่อยให้มีอาการปวดรุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ และเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีจะดีที่สุด และวิธีเสริมเหล่านี้ค่อยใช้เมื่อแพทย์ยืนยันว่าสามารถช่วยให้อาการปวดลดลงได้จริงเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
หลักการใช้ Present Continuous Tense ฉบับเข้าใจง่าย
คำว่า PRESENT ในที่นี้แปลว่า ปัจจุบัน
CONTINUOUS /PROGRESSIVE ในที่นี้แปลว่า ต่อเนื่อง
อธิบายแต่ชื่ออาจจะยังนึกไม่ออกลองไปดูหน้าตากันเลยดีกว่า
I am working for CBT Company right now. (ตอนนี้ฉันกำลังทำงานให้กับบริษัทซีบีทีอยู่)
She is doing her homework. (เธอกำลังทำการบ้านของเธออยู่)
พอจะคุ้นหน้าคุ้นตากันบ้างแล้วหรือยัง (เดาว่าต้องมีบางคนตอบว่ายังแน่ๆ ) สังเกตดูความหมายของประโยคนะคะว่ามีอะไรที่เหมือนกัน
ทั้งสองประโยคนี้นำมาซึ่งกรณีอันเป็นเอกลักษณ์ของ Present Continuous Tense ดังนี้:
กรณีที่ 1: เป็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ณ ขณะนั้น และเหตุการณ์นั้นยังไม่จบไป
ตัวอย่างเพิ่มเติมอย่างเช่น
Please be quiet! The teacher is teaching (กรุณาเงียบหน่อยได้ไหม ครูกำลังสอนอยู่นะ)
I am trying to fix this car. (ฉันกำลังพยายามจะซ่อมรถคันนี้อยู่)
แต่ถ้ามาลงลึกๆ ไอ้คำว่า กำลังทำ ในที่นี้ก็ไม่ได้หมายถึงเฉพาะการกระทำที่เกิดตอนที่เรากำลังพูดตอนนี้เท่านั้นนะคะ แต่รวมถึงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในช่วงเวลานั้นก็ได้ บางครั้งเราเลยมักเห็นคำจำพวก today, this week, this month, this year, this three month etc. พ่วงติดท้ายมาบ้าง
เช่น
A: Betty is studying hard this week. (เบ็ตตี้ตั้งใจเรียนเรียนมากๆเลยนะสัปดาห์นี้)
B: Yeah, of course. She is going to have the exam next week.
(แหงล่ะ ก็อาทิตย์หน้าเธอมีสอบน่ะสิ)
อย่าเพิ่งสงสารโชคชะตาอันอาภัพของเบ็ตตี้ ลองมาสังเกตดูตัวอย่างข้างต้นนะคะ ที่ A บอกว่าสัปดาห์นี้เบ็ตตี้ตั้งใจเรียนมากๆ ไม่ได้หมายความว่าในขณะที่ A พูดเบ็ตตี้กำลังนั่งอ่านหนังสืองกๆอยู่ แต่ช่วงเวลาหลายวันอาจตั้งแต่จันทร์ถึงวันนี้ที่ผ่านมาเกือบอาทิตย์ A เห็นเบ็ตตี้ตั้งใจเรียนมากต่างหาก
มาดูอีกตัวอย่างหนึ่งค่ะเพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
Wipa wants to go to France, so she is learning French.
(วิภาอยากไปฝรั่งเศส ดังนั้นเธอก็กำลังเรียนภาษาฝรั่งเศสอยู่)
เรียนในที่นี้วิภาอาจไม่ได้กำลังเรียนในขณะที่ผู้พูดพูดก็ได้ เพียงแค่ช่วงนี้เธอกำลังเรียนอยู่เท่านั้น
กรณีที่ 2: การเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
โดยเรามักจะเจอกริยาพวกนี้ที่จะแสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์เหล่านี้กำลังจะเกิดในไม่ช้า อย่างเช่น
get = ได้รับ / เข้าใจ change = เปลี่ยน become = กลายเป็น
increase = เพิ่มขึ้น rise = สูงขึ้น/ลุกขึ้น/ปรากฏ fall = หล่น / ร่วง/ตก
grow = เติบโต improve= ทำให้ดีขึ้น begin = เริ่ม start = เริ่ม
เช่น
It is starting to rain. (ฝนกำลังจะเริ่มตกแล้ว)
Your English is getting better. (ภาษาอังกฤษของคุณดีขึ้นเรื่อยๆ)
Everything is changing. (ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป)
กรณีที่ 3: การกระทำที่แสนซ้ำซากจนน่าเบื่อ
ไอ้การกระทำนี้จะทำบ่อยจนคล้ายกิจวัตร เลยมักสับสนกับ Present Simple แต่ที่ต่างคือสิ่งที่ทำมันมากเกินพอดี
เช่น
Patrick is always coming to work late. (แพททริกมาทำงานสายตลอดเลย)
My mother is constantly complaining. (แม่ฉันนี่บ่นได้แบบไม่หยุดไม่หย่อนเลย)
สองประโยคด้านบนแม้เป็นเหตุการณ์ที่ทำเป็นประจำ แต่ลักษณะกิจกรรมมันมากเกินพอดีไปเลยให้มาใช้ Present Continuous Tense แทน
สิ่งที่ควรสังเกตว่าเมื่อไหร่จะใช้ Present Simple หรือเมื่อไหร่จะใช้ Present Continuous Tense
1. เนื้อหาบริบทของประโยคที่ดูแล้วเป็นกิจวัตรที่เกินพอดี หรือมากเกินไป
2. มี Adverb บอกความต่อเนื่องสม่ำเสมอ เช่น always, constantly, continually, endlessly หรือ phrases ที่บอกถึงความบ่อยเกินไปของกิจวัตรนั้นๆ อย่าง all the time, every minutes etc.
อย่างไรก็ตาม ก็ใช่ว่ากริยา (Verb) ทุกตัวจะสามารถนำมาใช้กับ Present Continuous ได้ มีกริยาบางประเภทที่เป็นข้อยกเว้น ได้แก่
- กริยาเกี่ยวกับประสาทสัมผัส หรือความรู้สึก เช่น
fear hate hope like love prefer want wish - กริยาเพื่อแสดงความเห็น เช่น
assume believe consider - กริยาเกี่ยวกับสภาวะภายในจิตใจหรือในสมอง เช่น
forget imagine know notice remember understand - กริยาเกี่ยวกับการวัดปริมาณ เช่น
contain cost measure weigh
เพราะอะไรกริยาเหล่านี้ถึงเป็นข้อยกเว้น?
ลองมาดูเล่นๆซักสองประโยคก็ได้ค่ะ เอากริยาที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง know ที่แปลว่า รู้/รู้จัก กับ like ที่แปลว่า ชอบ
I know him. (ฉันรู้จักเขา ไม่ใช่ I am knowing him.)
I like ice cream. (ฉันชอบกินไอศกรีม ไม่ใช่ I am liking ice cream.)
กริยาเหล่านี้เรียกอีกแบบว่า stative verb มีหน้าที่เพื่อบอกสภาพ สภาวะ ความรู้สึก สถานะ ไม่ได้แสดงออกมาในรูปของการกระทำ หรือการเคลื่อนไหวเหมือนกริยาอื่นๆ จึงไม่สามารถแสดงความต่อเนื่องได้เหมือนอย่างกริยา walk, run, study etc. นั่นเป็นสาเหตุให้ไม่สามารถนำมาใช้กับ Present Continuous ได้นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
“ซิสโก้พลิกวิกฤตสู่โอกาสช่วยการกู้คืนอัตโนมัติแบบใหม่เมื่อโดนคุกคามจากแรนซัมแวร์”
ซิสโก้ ผู้นำด้านระบบเครือข่ายและการรักษาความปลอดภัยระดับองค์กร พัฒนาโซลูชัน Extended Detection and Response (XDR) ในระดับสูงด้วยการเพิ่มการกู้คืนระบบในกระบวนการตอบสนอง Cisco XDR สร้างนิยามใหม่ให้กับสิ่งที่ลูกค้าควรคาดหวังจากผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัย เทคโนโลยีใหม่ที่เปิดตัวในวันนี้จะรองรับการกู้คืนระบบเกือบเรียลไทม์ (near real-time recovery) ช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องหลังจากที่ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์
ซิสโก้ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีสู่วิสัยทัศน์ของ Cisco Security Cloud ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการรักษาความปลอดภัยระหว่างโดเมนแบบครบวงจรที่ขับเคลื่อนด้วย AI ด้วยการเปิดตัว Cisco XDR ที่การประชุม RSA Conference ในปีนี้ ซิสโก้ได้นำเสนอระบบการวัดและส่งข้อมูลทางไกลเชิงลึก (Deep Telemetry) และระบบตรวจสอบอย่างเหนือชั้น ครอบคลุมทั่วทั้งเครือข่ายและอุปกรณ์ปลายทาง และตอนนี้ ด้วยการลดเวลาของการเริ่มต้นการระบาดของแรนซัมแวร์และข้อมูลที่มีความสำคัญต่อธุรกิจให้อยู่ในระดับ near-zero นั้น Cisco XDR จะช่วยสนับสนุนแนวทางดังกล่าว และทำให้องค์กรธุรกิจรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงานได้อีกระดับ
นวัตกรรมใหม่นี้นับว่าเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากภัยคุกคามด้านความปลอดภัยยังคงส่งผลกระทบต่อองค์กรธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทยและทั่วโลก จากผลการศึกษาล่าสุด พบว่าผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีในไทยเกือบ 9 ใน 10 (89%) คาดว่าเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จะทำให้ธุรกิจของพวกเขาหยุดชะงักในอีก 12 ถึง 24 เดือนข้างหน้า ซึ่งหากไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือ ก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายและค่าใช้จ่ายที่สูงมาก โดย 2 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่ามีเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เกิดขึ้นในองค์กรของตนในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และครึ่งหนึ่งของผู้ที่ได้รับผลกระทบระบุว่าองค์กรได้รับความเสียหายอย่างน้อย 500,000 ดอลลาร์
จีทู พาเทล รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายรักษาความปลอดภัยและการทำงานร่วมกันของซิสโก้ กล่าวว่า “การเติบโตแบบทวีคูณของแรนซัมแวร์และการขู่กรรโชกทางไซเบอร์ทำให้แนวทางการใช้แพลตฟอร์มมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับมือการโจมตีอย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายของเราคือการสร้างแพลตฟอร์มไซเบอร์ซีเคียวริตี้ที่ยืดหยุ่นและเปิดกว้าง สามารถต้านทานการโจมตีของแรนซัมแวร์และกู้คืนข้อมูลโดยส่งผลกระทบน้อยที่สุด
ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดชะงัก ในฐานะผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกที่สร้างเครือข่าย ซิสโก้ได้กำหนดนิยามใหม่เกี่ยวกับความสามารถของผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความปลอดภัย นวัตกรรมของเราที่ประกอบด้วยการกู้คืนแบบอัตโนมัติหลังจากที่ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ถือเป็นก้าวที่สำคัญในการตรวจจับและตอบสนองด้านข้อมูลแบบครบวงจรอย่างแท้จริง โดยการเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกด้านความปลอดภัยไปสู่การลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม”
วีระ อารีรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ของซิสโก้ กล่าวว่า “การโจมตีทางไซเบอร์ในปัจจุบันครอบคลุมหลายโดเมน ทำให้เป็นเรื่องท้าทายสำหรับองค์กรต่างๆ ในการปกป้องบุคลากร ข้อมูล และอุปกรณ์ปลายทางทั้งหมด และนี่เองคือจุดที่แพลตฟอร์มแบบครบวงจรอย่าง XDR จะช่วยเชื่อมเครื่องมือรักษาความปลอดภัยที่แตกต่างกัน และใช้ระบบตรวจสอบเชิงลึกและระบบวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้ทีมงานฝ่ายปฏิบัติการด้านความปลอดภัยสามารถจัดลำดับความสำคัญและจัดการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2566 ทีมงาน Cisco Talos Incident Response (IR) ได้ตรวจพบและตอบสนองต่อการโจมตีของแรนซัมแวร์จำนวนมากที่สุดในรอบกว่าหนึ่งปี ด้วยความสามารถใหม่ใน Cisco XDR ทีมงานของศูนย์ปฏิบัติการด้านการรักษาความปลอดภัย (Security Operations Center – SOC) จะสามารถตรวจจับ สร้างสแนปช็อต และกู้คืนข้อมูลที่สำคัญทางธุรกิจได้โดยอัตโนมัติทันทีที่ตรวจพบสัญญาณแรกของการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ก่อนที่การโจมตีนั้นจะกระจายผ่านเครือข่ายและเข้าถึงทรัพยากรที่มีมูลค่าสูง
ซิสโก้กำลังขยายการบูรณาการของ third-party XDR XDR ให้ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐาน การแบ็คอัพข้อมูล และบริษัทที่ทำการกู้คืนข้อมูล (recovery vendors) และวันนี้ ซิสโก้ได้เปิดตัวการบูรณาการชุดแรกเข้ากับโซลูชัน DataProtect และ DataHawk ของ Cohesity ผลิตภัณฑ์ของ Cohesity มีจุดกู้คืนที่สามารถกำหนดค่าได้ และรองรับการกู้คืนข้อมูลจำนวนมาก โดยฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยยกระดับการทำงานของฟังก์ชั่นหลักด้วยการเก็บเวอร์ชวลแมชชีนที่อาจติดเชื้อเพื่อทำการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ในภายหลัง และขณะเดียวกันก็ปกป้องข้อมูลและเวิร์กโหลดในส่วนที่เหลือได้
Cisco XDR มีวางจำหน่ายแล้วทั่วโลกเพื่อลดความซับซ้อนของการดำเนินการด้านความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดในปัจจุบันที่ประกอบด้วยเทคโนโลยีจากหลายบริษัท และภัยคุกคามหลากหลายรูปแบบ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ cisco.com/go/ xdr
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“Ksana Matcha” ชวนหลบหนีความวุ่นวายด้วยการออกแบบที่ไร้ขีดจำกัด
KSANAคาเฟ่มัทฉะส่งตรงจากเมืองอุจิ จังหวัดเกียวโตในประเทศญี่ปุ่น คำว่า “กษณา” มาจากภาษาสันสกฤต หมายถึงช่วงเวลาหนึ่งหรือความสมดุลเป็นรากศัพท์ของคำว่า “ขณะ” หรือ “ณ เวลานั้น” ในภาษาไทยและพ้องเสียงกับคำในภาษาญี่ปุ่น “刹那” อ่านว่า (เซ็ตสึนะ) หมายถึง “ช่วงเวลา”
หลังจากได้ลองชิมรสชาติมัทฉะมากคุณภาพ จึงได้ตัดสินใจสร้างเรื่องราวของแบรนด์ที่รวบรวมภาพในช่วงเวลานั้นไว้ ช่วงเวลาที่ดูเหมือนว่าได้รับการหลบหนีจากความยุ่งเหยิงเพื่อสัมผัสกับรสชาติและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของมัทฉะ ประสบการณ์นี้จะช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย เข้าถึงความสงบสุขที่แท้จริง และเข้าสู่ความสมดุลในที่สุด เริ่มจากการออกแบบโลโก้สำหรับบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์ให้สามารถเชื่อมโยงได้ทั้งสองมิติ คือเวลาและสถานที่ จึงเลือกนาฬิกาแดดเป็นวัตถุที่สามารถนำเสนอได้ทั้งเวลาและสถานที่ออกมาได้ดี รวมถึงเงาซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาซึ่งเป็นคอนเซปต์ในการออกแบบโลโก้
ในส่วนของบรรจุภัณฑ์ ใช้ภาพลักษณ์ของธรรมชาติไม่ใช่แค่แสดงถึงรสชาติของชาแต่รวมถึงการสะท้อนความเป็นมิติของปลายทางที่รสชาติของชาจะนำพาผู้ดื่มให้หลุดพ้นจากความวุ่นวาย ในเรื่องของการออกแบบภายในแบรนด์ได้ทำการอุปมาอุปไมยอากาศไร้ซึ่งรูปร่างและสี จุดประสงค์เพื่อสร้างความทรงจำดำดิ่งไปในความรู้สึก แนวคิดการออกแบบที่เรียบง่ายเหมือนอยู่ในความฝัน ความแตกต่างขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมโดยรอบของโครงสร้าง
Flagship store แห่งนี้ตั้งอยู่ชั้น 2 ของตึก OCC (ONE CITY CENTRE) อาคารสำนักงานใหญ่ย่านเพลินจิต ด้านหน้าของ OCC มีลักษณะเป็นผืนน้ำขนาดใหญ่สะท้อนตัวอาคารสูงดูคล้ายกับมีภูเขาคอนกรีตอยู่รอบบริเวณ ดังนั้น Juti architects จึงออกแบบร้านน้ำชาให้เป็นสถานที่สำหรับการหลบหนีจากเมืองเพื่อเข้ามาดื่มชาในถ้ำ
ด้านในร้านน้ำชาส่วนที่อยู่ใต้บันไดเป็นพื้นที่ลาดต่ำ ด้วยเหตุผลนี้พื้นที่ด้านในจึงถูกตกแต่งไว้คล้ายถ้ำสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เมื่อเข้ามาในร้านจะต้องผ่านกระจกคู่ โดยทางร้านจะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกสำหรับลูกค้าที่ต้องการสั่งกลับบ้านและการสั่งแบบเดลิเวอรี่เพื่อลดความวุ่นวาย ขณะที่ส่วนที่สองคือนั่งดื่มที่ร้านเผื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดเงียบสงบ
ผนังถ้ำที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์นั้นทำจากไฟเบอร์กลาสส์ขึ้นรูปด้วยโฟม CNC จากนั้นขึ้นรูป ขูดและตกแต่งด้วยมือประติมากรรม Art of Tea ข้างโต๊ะและเคาน์เตอร์สีโอ๊กตกแต่งด้วยถ้วยชาและจานขนมทำจากหินสีดำและตกแต่งด้วยดอกไม้ประดิษฐ์โดยช่างดอกไม้ชาวญี่ปุ่นชื่อ Ganon florist
สำหรับใครที่กำลังหาที่พักผ่อนหย่อนใจแต่ไม่อยากเดินทางไกลจากตัวเมือง KSANA ถือเป็นอีกทางเลือกที่คนรักความสงบควรเดินทางไปเยี่ยมเยียนสักครั้งพร้อมจิบมัทฉะหอมกรุ่น หรือหากคุณเป็นนักออกแบบและอยากมองหาไอเดียใหม่ ๆ ลองไปดื่มด่ำกับความสวยงามของดีไซน์ที่แตกต่างไม่เหมือนใครเพื่อสร้างแรงบันดาลใจได้ที่ Ksana Matcha ชั้น 2 ตึก OCC
Architects: Juti architects
Photographs:Peerapat Wimolrungkarat
ภาพและข้อมูลจาก: https://www.archdaily.com/1004147/ksana-tea-house-juti-architects?ad_source=search&ad_medium=projects_tab
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 28/08/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 31,800.00 | 31,900.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,060.00 | 31,229.60 | 32,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,854.00 | 28,106.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,648.00 | 24,983.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 927.00 | 14,053.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 721.00 | 10,930.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,135.00 | 32,366.60 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 28/08/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 39.55 | 39.55 | 40.55 | 39.55 | 39.55 | 39.55 | 39.55 | 39.55 | 39.55 | 39.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 39.28 | 39.28 | 40.28 | 39.28 | 39.28 | 39.28 | 39.28 | 39.28 | 39.28 | 39.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 37.24 | 37.24 | 38.24 | 37.24 | 37.24 | – | 37.24 | 37.24 | 37.24 | 37.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 37.69 | 37.69 | – | – | – | – | – | – | – | 37.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.84 | 48.54 | 48.94 | 48.54 | – | – | – | – | – | 44.84 |
เบนซิน 95 | 47.34 | – | – | – | 48.51 | – | 47.84 | 47.49 | – | 47.34 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 32.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 32.94 | – | 31.94 | – | 31.94 | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.74 | 43.14 | 47.94 | 43.14 | 43.14 | – | – | – | – | 41.74 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |