สาระน่ารู้ประจำวันที่ 29 สิงหาคม 2566

เอกสารสิทธิที่ดิน 6 ประเภท เจ้าของต้องรู้เมื่อซื้อ และ ขายที่ดิน

เอกสารสิทธิที่ดิน 6 ประเภท สิ่งที่เจ้าของต้องรู้เมื่อซื้อ-ขายที่ดิน หรือ เช่า และ ให้บุคคลอื่นเช่า ต้องมีเอกสารสิ่งเหล่านี้ถูกต้องตามกฎหมายถึงจะสามารถทำประโยชน์บนที่ดินได้

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ที่ดิน เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากที่สุด  โดยเฉพาะที่ดินกลางใจเมือง  ที่ดิน มีประโยชน์ในการใช้เป็นที่อยู่อาศัย หรือ แม้แต่การเกษตรกรรม ไม่เพียงเท่านี้ ที่ดิน ยังเป็นเครื่องแสดงฐานะอีกด้วย

บทบาทหน้าที่ กรมที่ดิน คือ การดำเนินงานออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินให้ราษฎร ได้แก่ให้บริการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน และ อสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น รังวัดออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงในที่ดินสาธารณประโยชน์และในที่ราชพัสดุ การรังวัดและทำแผนที่ จัดที่ทำกินให้ประชาชนตามประมวลกฎหมายที่ดิน เป็นต้น

เอกสารสิทธิเกี่ยวกับที่ดิน มีดังนี้

1.แบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1)

  • แบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) คือ หลักฐานที่แสดงว่าผู้แจ้งเป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ (ก่อน 1 ธันวาคม 2479 ) (แต่ปัจจุบันไม่มีการแจ้งส.ค.1 อีกแล้ว) ส.ค. 1 ไม่ใช่หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเพราะไม่ใช่หลักฐานที่ทางราชการออกให้ เพียงแต่เป็นแบบการแจ้งการครอบครองที่ดินของราษฎรเท่านั้น ดังนั้น ที่ดินที่มี ส.ค. 1  นี้ จึงทำการโอนกันได้เพียงแสดงเจตนาสละการครอบครอง พร้อมส่งมอบที่ดิน และ ส.ค. 1 ให้ผู้รับโอนไปเท่านั้นถือว่าเป็นการโอนกันโดยชอบแล้ว ปัจจุบันผู้มี ส.ค. 1 มีสิทธิ์นำมาขอออกโฉนดที่ดิน หรือ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก หรือ น.ส 2 ข.) ได้ในกรณีการขอออกโฉนดที่ดิน หรือ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3  น.ส.3  ก. หรือ น.ส. 3 ข.) เฉพาะราย โดยให้ไปยื่นคำขอ  ณ สำนักงานที่ดินที่ที่ตั้งอยู่

2.ใบจอง ( น.ส.2 , น.ส.2 ก.)

  • ใบจอง คือ หนังสือที่ทางราชการออกได้เพื่อเป็นการแสดงความยินยอมให้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเป็นการชั่วคราว ซึ่งใบจองนี้ออกให้แก่ราษฎรที่ทางราชการได้จัดที่ให้ทำกินตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งปัจจุบันไม่มีนโยบายในการออกใบจองแล้วผู้มีใบจองจะต้องเริ่มทำประโยชน์ในที่ดินตามใบจองภายใน 6 เดือน ต้องทำประโยชน์ในที่ดินให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี นับแต่วันที่ได้รับใบจอง และ จะต้องทำประโยชน์ให้ได้อย่างน้อย 3 ใน 4 ส่วนของที่ดินที่จัดให้ ที่ดินที่มีใบจองนี้จะโอนให้แก่บุคคลอื่นไม่ได้ เว้นแต่จะตกทอดทางมรดก เมื่อทำประโยชน์ตามเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว ก็มีสิทธินำใบจองนั้นมาขายออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 น.ส 3  ก. หรือ น.ส.3ข.) หรือโฉนดที่ดินไห้ แต่หนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือโฉนดที่ดินนั้นจะต้องตกอยู่ในบังคับห้ามโอนตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด

3. หนังสือรับรองการประโยชน์ (น.ส. 3 น.ส.3ก. หรือ น.ส.3 ข.)

  • หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 น.ส.3 ก. หรือ น.ส.3 ข.) หมายความว่า หนังสือคำรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าได้ทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว ถือว่ามีสิทธิครอบครอง น.ส. 3 ออกให้แก่ผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินทั่วๆ ไป ในพื้นที่ที่ไม่มีระวาง มีลักษณะเป็นแผนที่รูปลอย ไม่มีการกำหนดตำแหน่งที่ดินที่แน่นอนหรือออกในท้องที่ที่ไม่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ ซึ่งรัฐมนตรียังไม่ได้ประกาศยกเลิกอำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายที่ดินของนายอำเภอ (นายอำเภอท้องที่เป็นผู้ออก) น.ส. 3 ก. ออกในท้องที่ที่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ โดยมีการกำหนดตำแหน่งที่ดินในระวางรูปถ่ายทางอากาศ น.ส. 3 ข. ออกในท้องที่ที่ไม่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ เช่นเดียวกับ น.ส.3  แต่เป็นพื้นที่ที่รัฐมนตรีได้ประกาศยกเลิกอำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายที่ดินของนายอำเภอ (เจ้าพนักงานที่ดินเป็นผู้ออก)

4.ใบไต่สวน (น.ส. 5)

  • ใบไต่สวน คือ หนังสือแสดงการสอบสวนเพื่อออกโฉนดที่ดินเป็นหนังสือแสดงให้ทราบว่าได้มีการสอบสวนสิทธิ์ในที่ดินแล้ว สามารถจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายที่ดินได้ ใบไต่สวนไม่ใช่หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ แต่สามารถจดทะเบียนโอนให้กันได้ ถ้าที่ดินมีใบไต่สวนและมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์แสดงว่าที่ดินนั้นนายอำเภอได้รับรองการทำประโยชน์แล้ว เมื่อจดทะเบียนโอนจะต้องจดทะเบียนในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก่อน แล้วจึงนำมาจดแจ้งหลังใบไต่สวน แต่ถ้าใบไต่สวนมีแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) หรือไม่มีหลักฐานที่ดินใด ๆ และเป็นที่ดินที่นายอำเภอยังไม่รับรองการทำประโยชณ์ จะจดทะเบียนโอนกันไม่ใด้ เว้นแต่เป็นการจดทะเบียน

5.โฉนดที่ดิน

  • โฉนดที่ดิน คือ หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งออกให้ตามประมวลกฎหมายที่ดินปัจจุบัน นอกจากนี้ยังรวมถึงโฉนดแผนที่โฉนดตราจอง และตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” ซึ่งออกให้ตามกฎหมายเก่า แต่ก็ถือว่ามีกรรมสิทธิ์เช่นกันผู้เป็นเจ้าของโฉนดที่ดิน ถือว่ามีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นอย่างสมบูรณ์ เช่น มีสิทธิ์ใช้ประโยชน์จากที่ดิน มีสิทธิ์จำหน่าย มีสิทธิ์ขัดขวางไม่ให้ผู้ใดเข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

6.ประโยชน์ของโฉนดที่ดิน

  • ทำให้ผู้ถือครองที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้มีหนังสือสำคัญ
  • แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินยืดถือไว้เป็นหลักฐาน
  • ทำให้เกิดความมั่นคงในหลักกรรมสิทธิ์แก่ผู้เป็นเจ้าของที่ดิน
  • ใช้เป็นหลักฐานในการพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดินของตนทั้งต่อรัฐและในระหว่างเอกชนด้วยกัน
  • ทำให้รู้ตำแหน่งแหล่งที่ตั้ง ตลอดจนขอบเขตและจำนวนเนื้อที่ของที่ดินแต่ละแปลงได้ถูกต้อง
  • ทำให้สามารถป้องกันการบุกรุกขยายเขตครอบครองเข้าไปในที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นที่รกร้างว่างเปล่าที่สงวนหวงห้าม ที่สาธารณประโยชน์และที่ดินที่ทางราชการได้กันไว้เป็นเขตป่าไม้
  • ทำให้สามารถระงับการทะเลาะวิวาท การโด้แย้งหรือแย่งในที่ดินหรือการรุกล้ำแนวเขตที่ดินซึ่งกันและกัน
  • ทำให้ปัจจัยพื้นฐานในการผลิตทางเศรษฐกิจมีความมั่นคงและมีผลเป็นการลดต้นทุนการผลิตด้วย เป็นต้น.

ที่มา: กรมที่ดิน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


วัน แบงค็อกดึงเทคโนโลยีอัจฉริยะฮันนี่เวลล์ยกระดับมาตรฐานอาคารดิจิทัล

โครงการวัน แบงค็อก แลนด์มาร์กของกรุงเทพฯ นำโซลูชัน ฮันนี่เวลล์ ฟอร์จ ฟอร์ บิวดิงส์ มาใช้ เพื่อผลการดำเนินงานจัดการระบบอาคารดิจิทัล เพื่อผลลัพธ์ด้านความยั่งยืน

แอนโทนี่ อรันเดลล์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเมืองอัจฉริยะ โครงการ วัน แบงค็อก กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายในการพัฒนาอาคารที่ยั่งยืนและลดการปล่อยคาร์บอนให้น้อยที่สุด วัน แบงค็อก ได้รับการออกแบบให้เป็นเมืองอัจฉริยะที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยตั้งเป้าเป็นโครงการแรกของประเทศไทยที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) for Neighborhood Development ระดับ Platinum 

รวมถึงมาตรฐาน WiredScore และ Smartscore ระดับ Platinum เพื่อการเชื่อมต่อทางเทคโนโลยีดิจิทัลที่ดีที่สุดและการให้บริการต่างๆ ในเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน โดยล่าสุด วัน แบงค็อก ได้สร้างมาตรฐานใหม่ด้านความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีในประเทศไทย ด้วยการเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกที่ผ่านการรับรองโดยมาตรฐาน WiredScore Platinum ทั้งนี้ ฮันนี่เวลล์ ฟอร์จ เป็นอีกหนึ่งในโซลูชันสำคัญในการจัดการการใช้พลังงานภายในโครงการฯ ทำให้เรามั่นใจได้ว่าจะสามารถพัฒนาและบริหารจัดการอาคารที่ยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต

นายธีรพันธุ์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.ซี.ซี. เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า ทีซีซี เทคโนโลยี มีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมโครงการด้านเทคโนโลยีใน วัน แบ็งคอก  ด้วยวิสัยทัศน์ที่เน้นการสร้างเสริมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ความยั่งยืน การเชื่อมต่อทางดิจิทัล เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี การมีส่วนร่วมของชุมชน และการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย โดยจุดแข็งของฮันนี่เวลล์ในการใช้งานโซลูชัน IoT สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขั้นสูงจะช่วย ทำให้โครงการได้รับข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการดำเนินงาน

ปัจจุบัน ผู้จัดการอาคารและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากต่างเผชิญปัญหาเร่งด่วนในการควบคุมการใช้พลังงานและลดการปล่อยคาร์บอน โดยผลวิจัยแสดงให้เห็นว่า อาคารพาณิชย์ใช้พลังงานเกือบ 1 ใน 3 ของทั่วโลก และมีส่วนในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้พลังงานถึง 37% ของทั่วโลก ขณะที่ 28% ของการปล่อยคาร์บอนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของอาคาร ทั้งนี้ ฮันนี่เวลล์สนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนของลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และพร้อมใช้งาน ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ประหยัดพลังงาน วัดผลและลดผลกระทบจากคาร์บอน และสนับสนุนการนำแหล่งพลังงานหมุนเวียนมาใช้

ซาดิก ซัยยิด  รองประธานฝ่ายอาคารอัจฉริยะของฮันนี่เวลล์ กล่าวว่า ฮันนี่เวลล์รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาที่ไม่เหมือนใครในภูมิภาคนี้  จากการประเมินความต้องการของโครงการ วัน แบงค็อก อย่างละเอียดรอบคอบ ทำให้เราตระหนักว่าการสร้างสมดุลระหว่างต้นทุนกับความสะดวกสบายของผู้อยู่อาศัยคือกุญแจสำคัญสู่ระบบนิเวศที่ยั่งยืน เราตั้งตารอที่จะนำเสนอเทคโนโลยีที่พร้อมใช้งานอย่างต่อเนื่องให้แก่พันธมิตรในภูมิภาค โดยถือเป็นพันธกิจของเราในการสนับสนุนความพยายามด้านความยั่งยืนทั่วโลก

Honeywell Forge for Buildings นำเสนอซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และบริการที่ให้ผลลัพธ์หลักเพื่อช่วยเจ้าของอาคารและผู้ดำเนินการในการดำเนินการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และพัฒนาสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนมากขึ้น Honeywell Forge for Buildings นำเสนอวิธีการที่ครอบคลุมในการปฏิบัติการและการจัดการระบบอาคาร เพื่อช่วยให้เจ้าของอาคารและผู้ปฏิบัติงานบรรลุผลลัพธ์ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่โซลูชัน ฮันนี่เวลล์ ฟอร์จ ฟอร์ บิวดิงส์ สามารถช่วยเจ้าของอาคารและผู้ดูแลอาคารในการยกระดับความยั่งยืน ประสิทธิภาพการดำเนินงาน ประสบการณ์ผู้อยู่อาศัย การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ การรักษาความปลอดภัย และเป้าหมายด้านความยืดหยุ่น

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 29ส.ค. “แข็งค่า”ที่ระดับ 35.21 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอย่างจำกัด เนื่องจากราคาทองคำเริ่มปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน ฝั่งตลาดการเงินเอเชียที่ดีขึ้น ท่ามกลางความหวังทางการจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ช่วยหนุนสกุลเงินฝั่งเอเชีย

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 29ส.ค.2566 ที่ระดับ  35.21 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  35.27 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน   พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา อาจเริ่มชะลอลงบ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ ต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะรายงานข้อมูลตลาดแรงงานในช่วงวันศุกร์

นอกจากนี้ เราพบว่า ในช่วงปลายเดือน ยังคงเห็นแรงซื้อเงินดอลลาร์จากบรรดาฝั่งผู้นำเข้า รวมถึงแรงซื้อสกุลเงินอื่น โดยเฉพาะ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลังค่าเงินเยนญี่ปุ่น อ่อนค่าลงพอสมควรเมื่อเทียบกับเงินบาท และที่สำคัญ

การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่ยังมีความไม่แน่นอนก็อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติยังไม่กล้ากลับมาซื้อสินทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่อง ตามที่เราเคยประเมินไว้ โดยล่าสุด นักลงทุนต่างชาติกลับมาเป็นฝั่งขายสุทธิทั้งหุ้นและบอนด์ไทยรวมกันกว่า -2.5 พันล้านบาท ในวันก่อนหน้า

อนึ่ง แม้ว่าเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง แต่เรามองว่า การอ่อนค่าของเงินบาทจะเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากราคาทองคำก็เริ่มมีการปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน ทำให้ผู้เล่นบางส่วนอาจทยอยขายทำกำไรทองคำ ขณะเดียวกัน ผู้ส่งออกบางส่วนต่างก็รอจังหวะให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง ในการทยอยปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

นอกจากนี้ บรรยากาศในฝั่งตลาดการเงินเอเชียที่ดีขึ้น ท่ามกลางความหวังว่า ทางการจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและพลิกฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนเพิ่มเติม ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนสกุลเงินฝั่งเอเชีย ทำให้เรายังคงประเมินโซนแนวต้านของเงินบาทอาจอยู่ในช่วง 35.30 บาทต่อดอลลาร์

และมีโซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวต้านสำคัญถัดไป ส่วนโซนแนวรับของเงินบาทอาจยังอยู่ในช่วง 35.00 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะเห็นการกลับมาซื้อสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติที่ชัดเจนและต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้ เรามองว่า ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.10-35.30 บาท/ดอลลาร์

ในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในลักษณะทยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 35.18-35.30 บาทต่อดอลลาร์) ตามจังหวะการอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ขายทำกำไรการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านอีกครั้ง

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หลังผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า แม้เฟดมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ (โอกาสราว 61% จาก CME FedWatch Tool) แต่เฟดก็ใกล้ถึงจุดยุติการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ทำให้บรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth สามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ (Nvidia +1.8%, Meta +1.7%) ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.84% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.63%

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวขึ้นกว่า +0.89% นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นที่เกี่ยวกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน อาทิ กลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (Hermes +1.8%, LVMH +1.7%) หลังทางการจีนปรับลดภาษีอากรแสตมป์ในการซื้อขายหุ้นเพื่อพลิกฟื้นความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ซึ่งส่งผลให้ตลาหุ้นจีนปรับตัวขึ้นแรงในช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของหุ้นกลุ่มเทคฯ (ASML +2.1%, SAP +1.4%) เช่นเดียวกับในฝั่งสหรัฐฯ

ในฝั่งตลาดบอนด์ แม้ว่าผู้เล่นในตลาดจะปรับเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่ต่างก็มองว่า เฟดก็ใกล้ถึงจุดยุติการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งมุมมองดังกล่าวทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนคลายความกังวลต่อความเสี่ยงที่บอนด์ยีลด์จะปรับตัวขึ้นแรงและทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวเพิ่มเติม

ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.20% ทั้งนี้ เรายังคงแนะนำ ทยอยเข้าลงทุนบอนด์ระยะยาวในจังหวะย่อตัวหรือในช่วงบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเราประเมินว่า การปรับตัวขึ้นต่อของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ นั้นอาจจำกัดอยู่ใกล้โซนจุดสูงล่าสุดแถว 4.30% ขณะที่ Risk-Reward ของการถือบอนด์ระยะยาวก็ยังมีความคุ้มค่า

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยปรับตัวอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทยอยปรับตัวลดลง สู่ระดับ 103.9 จุด (กรอบ 103.9-104.2 จุด) โดยเงินดอลลาร์เผชิญแรงขายทำกำไรตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน (ทำให้เงินดอลลาร์มีความน่าสนใจน้อยลง) และการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์อาจไม่ได้อ่อนค่าลงชัดเจน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ ในส่วนของราคาทองคำ การทยอยปรับตัวลดลงของทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ ได้หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.)

ทยอยปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเรามองว่า ในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้าน อาจมีผู้เล่นบางส่วนทยอยเข้ามาขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางดอกเบี้ยเฟด ผ่านรายงานข้อมูลตลาดบ้านของสหรัฐฯ รวมถึง รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดย Conference Board และ ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTs Job Openings)

ส่วนในฝั่งยุโรป ตลาดจะรอจับตาการปรับประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจของยูโรโซน โดยทางคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ซึ่งอาจช่วยสะท้อนถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของทางธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


กรีฑา : กาลครั้งหนึ่งไทยเคยครองความยิ่งใหญ่ศึกระยะสั้นในเอเชียนเกมส์

กรีฑาเป็นหนึ่งในกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ นอกจากจะเป็นกีฬาที่มีการชิงเหรียญรางวัลมากที่สุดแล้ว อีเวนต์ไฮไลท์อย่างการแข่งวิ่งระยะสั้น 100 ม., 200 ม., หรือ ผลัด 4×100 ม. ซึ่งตัดสินผลการแข่งขันกันด้วยการประลองความเร็ว เชือดเฉือนชัยชนะกันเพียงเสี้ยววินาที แม้จะใช้เวลาแข่งขันเพียงไม่กี่ลมหายใจ แต่ทำเอาบรรดากองเชียร์ได้ยืนลุ้นส่งเสียงเชียร์กันแบบก้นไม่ติดเก้าอี้ในทุก ๆ วินาทีนับตั้งแต่ออกจากจุดสตาร์ท

แล้วรู้หรือไม่ว่าในเอเชียนเกมส์นักกรีฑาของไทยก็เคยครองความยิ่งใหญ่ในการแข่งวิ่งระยะสั้นมาแล้ว แต่จะเป็นช่วงเวลาไหน เมื่อไหร่ มาย้อนความทรงจำไปค้นหาคำตอบพร้อมกันได้ที่นี่

พื้นฐานของกีฬา

ตามบันทึกกล่าวว่ากรีฑาถือกำเนิดขึ้นตั้งเมื่อประมาณ 776 ปีก่อนคริสตกาล โดยชาวกรีกสมัยโบราณ คิดค้นขึ้นเป็นกิจกรรมหลังทำพิธีบวงสรวงต่อเทพเจ้าที่สถิตอยู่บนเทือกเขาโอลิมปัสที่พวกเขาให้ความเคารพนับถือ ซึ่งภายหลังเสร็จพิธีจะต้องมีการเล่นกีฬา ณ ลานเชิงเขาโอลิมปัสเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองต่อเทพเจ้า

สำหรับกรีฑานั้นเป็นกีฬาที่ใช้ทักษะทางการเคลื่อนไหวพื้นฐานของร่างกายครบทุกด้าน ประกอบด้วย การวิ่ง เดิน กระโดด ทุ่ม พุ่งและขว้าง ตัดสินกันด้วยสถิติระยะหรือเวลา ขณะเดียวกันยังเป็นการฝึกพื้นฐานทางด้านร่างกายที่ทำให้มีสุขภาพที่ดี และยังสามารถนำไปต่อยอดในการทำกิจกรรมหรือฝึกฝนกีฬาชนิดอื่นได้อีกด้วย

ปัจจุบันการแข่งขันกรีฑาแบ่งออกเป็น 6 ประเภท ประเภทลู่, ประเภทลาน, ประเภทถนน, ประเภทเดิน, ประเภทครอสคันทรี่ และประเภทรวมหรือทศกรีฑา

โดยกรีฑานั้นถูกบรรจุอยู่ในเอเชียนเกมส์มาตั้งแต่ครั้งแรกในปี 1951 และถูกกำหนดให้เป็น 1 ใน 2 กีฬาบังคับที่เจ้าภาพจะต้องจัดการแข่งขันในเอเชียนเกมส์และโอลิมปิกเกมส์

จีน-ญี่ปุ่น 2 ชาติผูกขาดเอเชียนเกมส์

มีเพียง 2 ชาติเท่านั้นที่ครองเจ้าเหรียญทองกรีฑาในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ 18 ครั้งที่ผ่านมา โดยเป็นญี่ปุ่นทำได้ 8 ครั้ง ส่วนอีก 10 ครั้งเป็นของจีน และเป็นการแบ่งช่วงเวลากันอย่างชัดเจน

สำหรับยุครุ่งเรืองของกรีฑาญี่ปุ่นเริ่มต้นตั้งแต่เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 1 ปี 1951 ที่อินเดีย จนถึงเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 7 ปี 1974 ที่อิหร่าน ซึ่งนักกีฬาจากแดนปลาดิบครองเจ้าเหรียญทอง 7 ครั้งติดต่อกัน นับแล้วเป็นระยะเวลายาวนานถึง 23 ปีที่ญี่ปุ่นผูกขาดครองความยิ่งใหญ่ ก่อนจะถูกโค่นลงได้โดยจีนที่ครองเจ้าเหรียญทองครั้งแรกได้ในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 8 ปี 1978 ที่กรุงเทพ โดยเป็นการปาดหน้าเอาชนะไปเพียง 2 เหรียญทองเท่านั้น

อย่างไรก็ตามในอีก 4 ปีต่อมาที่กรุงนิวเดลี ญี่ปุ่นก็ทวงบัลลังก์กลับมาได้ แต่นั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้อยู่บนจุดสูงสุดของเอเชียนเกมส์ เพราะนับตั้งแต่เอเชียนเกมส์ 1986 ที่กรุงโซล จนถึงปี 2018 ที่จากาตาร์-ปาเลมบัง ทัพกรีฑาจากจีนจบด้วยตำแหน่งเจ้าเหรียญทอง 9 สมัยติดต่อกัน รวมแล้วเป็น 10 สมัย โดยความสำเร็จของกรีฑาจีนส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นจากผลงานของนักกีฬาหญิง ที่แข็งแกร่งมาก ๆ ทั้งในประเภทลู่และประเภทลาน 

ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา นอกจากกรีฑาญี่ปุ่นจะดรอปลงไปแล้ว ยังมีอีกหลายประเทศที่พัฒนาขึ้นมาเบียดแย่งเหรียญรางวัลกับจีน โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียตะวันตกและเอเชียกลางที่ยกระดับขึ้นมา มีทั้ง บาห์เรน ที่คว้ารองแชมป์ได้ถึง 3 จาก 4 หนหลังสุด โดยครั้งล่าสุดในปี 2018 ก็แพ้จีนไปเพียงแค่ 2 เหรียญทอง นอกจากนั้นยังมีอินเดียและคาซัคสถานที่เป็นผู้ท้าชิงในหลาย ๆ รายการ

1970-1978 ความยิ่งใหญ่ของลมกรดไทย

ถึงแม้ว่ากรีฑาไทยจะไม่เคยครองเจ้าเหรียญทองได้เลยสักครั้ง แต่ก็เคยมีช่วงเวลาที่เราได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่ในอีเวนต์ที่เป็นไฮไลท์อย่างวิ่งระยะสั้น โดยเฉพาะอีเว้นท์ วิ่ง 4×100 ม. ชาย ที่ไทยคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 3 สมัยติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 1970-1978 และยังเป็นชาติแรกที่คว้าเหรียญทองอีเวนต์นี้ได้ 3 สมัยติดต่อกัน ก่อนจะมาเสียแชมป์ให้กับจีนในปี 1982 

หลังจากนั้นทัพไต้ฝุ่นชายไทยก็ห่างหายจากความสำเร็จไปนานถึง 16 ปี ก่อนจะกลับมาเป็นผู้ท้าชิงและได้เหรียญเงินอีกครั้งในปี 1998 ที่กรุงเทพ โดยแพ้ให้กับญี่ปุ่น 4 ปีต่อมาที่ปูซาน ทีมไต้ฝุ่นไทยก็ทวงความยิ่งใหญ่กลับคืนมาได้สำเร็จ หลังเบียดเอาชนะญี่ปุ่นคว้าเหรียญทอง 4×100 ม.ชาย ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี ก่อนจะป้องกันแชมป์ได้ที่โดฮา ซึ่งเป็นการย้ำแค้นเอาชนะญี่ปุ่นไปได้แบบสุดมันส์อีกครั้ง

ส่วนไต้ฝุ่นสาวไทยก็เคยคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2 สมัย ในปี 1978 ทีม 4×100 ม. สาวไทยล้มญี่ปุ่นแชมป์ 3 สมัยรวดในตอนนั้นลงได้ พร้อมกับคว้าเหรียญทองได้เป็นครั้งแรก นับจากนั้นมาจนถึงปี 2002 ทีมผลัด 4×100 สาวไทยก็รักษาความยอดเยี่ยมมาตลอด ทำอันดับติด 1 ใน 3 ของการแข่งขันเอเชียนเกมส์ เว้นแค่เพียงปี 2006 เท่านั้นที่ไม่ได้เหรียญรางวัล เพราะถูกปรับฟาวล์ในรอบชิงชนะเลิศ อย่างไรก็ตามในกวางโจวเกมส์ 2010 ทีมไต้ฝุ่นสาวไทยสามารถลบฝันร้ายเมื่อ 4 ปีก่อนลงได้ หลังเบียดเอาชนะนักวิ่งเจ้าภาพต่อหน้ากองเชียร์ชาวจีน คว้าเหรียญทองไปได้ชนิดที่เป็นหนึ่งในโมเมนต์แห่งความทรงจำของคนไทย และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ทีมผลัดสาวไทยได้สัมผัสเหรียญรางวัลในเอเชียนเกมส์

ส่วนในประเภทบุคคล ความยิ่งใหญ่ของ อาณัติ รัตนพล ถ้าไม่ถูกเอ่ยถึงก็คงถือว่าผิด เพราะเขาเป็นนักวิ่งระยะสั้นไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยในปี 1970 เปิดตัวต่อหน้าคนในกรุงเทพได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการคว้า 2 เหรียญทองจากวิ่ง 200 ม. กับผลัด 4×100 ม. โดยอีเวนต์ 200 ม. เจ้าตัวได้สร้างสถิติการแข่งขันเอเชียนเกมส์ขึ้นมาใหม่ได้อีกด้วย นอกจากนี้นก็ยัง 1 เหรียญเงินจากวิ่ง 100 ม. 

จากนั้นในปี 1974 ที่กรุงเตหะราน เขากวาด 3 เหรียญทองในการวิ่งระยะสั้นเพียงคนเดียว ทั้งวิ่ง 100 ม., 200 ม., และพาทีมผลัดป้องกันแชมป์ 4×100 ม. เอาไว้ได้สำเร็จ โดยระยะ 200 ม. อาณัติ ยังได้สร้างสถิติเอเชียนเกมส์ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง 

ส่วนเหรียญทองเหรียญสุดท้ายของเจ้าตัวทำได้ในปี 1978 พาทีม 4×100 ม. คว้าแชมป์ครั้งที่ 3 ติดต่อกัน สรุปแล้ว อาณัติ คว้าไปทั้งหมด 6 เหรียญทองในเอเชียนเกมส์ 

ความสำเร็จของกรีฑาไทยยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมี​ สุชาติ แจสุรภาพ คว้าเหรียญทองวิ่ง 100 ม. ชาย ในเอเชียนเกมส์ 1978  เช่นเดียวกับ อุษณีย์ เล่าปิ่นกาญจน์ ที่คว้าเหรียญทองวิ่ง 200 ม. หญิง ในเอเชียนเกมส์ 1978 ซึ่งเป็นเหรียญทองประเภทบุคคลเพียงเหรียญเดียวของกรีฑาประเภทลู่สาวไทย ขณะที่ บัวบาน ผามั่ง ก็เป็นนักกรีฑาประเภทลานเพียงคนเดียวของไทยที่คว้าเหรียญทองในเอเชียนเกมส์ โดยทำได้จากพุ่งแหลนในปี 2006

บิวนำทัพไต้ฝุ่นไทยลุ้นทองรอบ 17 ปี

สำหรับเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 หรือหางโจวเกมส์ ที่ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพ โดยกรีฑา จะแข่งขันระหว่างวันที่ 29 กันยายนถึง 5 ตุลาคมนี้ ชิงชัยทั้งหมด 48 เหรียญทอง แข่งขันกันภายในสนามกีฬาศูนย์กีฬาโอลิมปิกหางโจว 

ในส่วนของกรีฑาไทยได้คัดเลือกนักกีฬาที่มีสถิติดีที่สุดไปแบบจัดเต็ม นำทีมโดย “บิว” ภูริพล บุญสอน ลดกรดตัวความหวังวัย 17 ปี ได้ลุยแข่งเอเชียนเกมส์เป็นสมัยแรก จะผนึกกำลังกับเพื่อนร่วมทีมผลัด 4×100 ม. ชาย ซึ่งกำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม เพิ่งคว้าแชมป์เอเชีย 2023 พร้อมสร้างสถิติใหม่ขึ้นมาเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป้าหมายคือการทวงเหรียญทองในอีเวนต์นี้กลับสู่เมืองไทยอีกครั้ง หลังห่างหายมานานถึง 17 ปี ครั้งสุดท้ายที่ไต้ฝุ่นไทยคว้าเหรียญทองในเอเชียนเกมส์ ต้องย้อนกลับไปในปี 2006 ที่กรุงโดฮา ซึ่งในปีนั้นเจ้าบิวเพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น

 นอกจากนั้นนักกีฬาที่ทำผลงานได้ดีจากเมื่อ 5 ปีก่อนก็ยังอยู่กันครบ อาทิ คีริน ตันติเวทย์ เจ้าของเหรียญทองแดงวิ่ง 10,000 ม., สุทธิศักดิ์ สิงห์ขรณ์ ทศกรีฑาดีกรีรองแชมป์เก่าและรองแชมป์เอเชียคนล่าสุด, ปริญญา เฉื่อยมะเริง เหรียญเงินเขย่งก้าวกระโดด, สุเบญรัตน์ อินแสง เหรียญเงินขว้างจักรหญิง และชญาณิศา ชมชื่นดี เหรียญเงินกระโดดค้ำถ่อ พร้อมลงเป็นความหวังให้ทีมกรีฑาไทยอีกครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


12 เหตุผลที่คุณควรเปลี่ยนมากิน “ข้าวไรซ์เบอร์รี่”

กระแสข้าวไรซ์เบอร์รี่กำลังมาแรง และเราก็ยินดีที่จะให้กระแสนี้อยู่ด้วยกันกับคนไทยไปนานๆ เพราะของดีของเด็ดอยู่ในมือคนไทยแล้ว ไม่อยากให้คนไทยต้องเสียเงินไปซื้ออาหารเสริมอื่นๆ ให้เปลืองเงิน เพราะข้าวดีๆ ในบ้านเราทั้งรสชาติดี และมีประโยชน์มากเสียจนเราไม่อยากให้พลาด

เรามาดูกันดีกว่าว่า ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ที่ได้มาจากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างข้าวเจ้าหอมนิล กับข้าวขาวหอมมะลิ 105 มีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกายบ้าง

12 เหตุผลที่คุณควรเปลี่ยนมากิน “ข้าวไรซ์เบอร์รี่”

  1. มีโอเมก้า 3 ที่ช่วยในการทำงานของระบบประสาท สมองและตับ
  2. ลดไขมัน คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในหลอดเลือด
  3. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส
  4. ลดอัตราเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมอง และหัวใจ
  5. ป้องกันโรคเหน็บชา
  6. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
  7. แก้ท้องเสีย ท้องร่วง
  8. ป้องกันจอประสาทตาเสื่อม
  9. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ
  10. ลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน
  11. ลดความดันโลหิตสูง
  12. มีกากใยอาหาร ที่เป็นประโยชน์ต่อระบบการขับถ่าย

วิธีการหุงข้าวไรซ์เบอร์รี่ให้อร่อย

ปกติแล้วข้าวไรซ์เบอร์รี่มักจะสีในแบบที่ยังมีเยื่อหุ้มเมล็ดติดมาด้วย ดังนั้นจึงอาจทำให้เวลาหุงข้าวไรซ์เบอร์รี่แล้วดูไม่ค่อยฟูขึ้นหม้อเท่าที่ควร และข้าวอาจจะไม่นุ่มมากเท่าข้าวขาว

ใครที่ไม่คุ้นชินกับรสชาติของข้าวไรซ์เบอร์รี่ในช่วงแรกๆ อาจผสมหุงกับข้าวหอมมะลิอัตราส่วน 1:1 หรืออาจจะลองใส่น้ำในอัตราส่วน 1:2 ก็ได้ แล้วหม้อที่ใช้หุงด้วยค่ะ

หรือจะลองแช่ข้าวในน้ำก่อน 2-3 ชั่วโมงแล้วค่อยหุง ก็จะได้ข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่นุ่มขึ้นมาก

ลองหาข้าวไรซ์เบอร์รี่มาทานกันดูนะคะ รับรองว่าได้ประโยชน์ดีๆ พร้อมกับรสชาติอร่อยๆ ทานเท่าไรก็ไม่มีวันเบื่อแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


อยากแสดงความคิดเห็นเป็นภาษาอังกฤษ พูดยังไงดี?

หากรู้สึกเห็นด้วยกับความคิดเห็นหรือเรื่องราวนั้นๆ สามารถใช้ประโยคต่อไปนี้ได้ค่ะ

I think you’re right.
ฉันคิดว่าคุณพูดถูกนะ

I agree with you.
ฉันเห็นด้วยกับคุณนะ

I think so too.
ฉันก็คิดแบบนั้นเช่นกัน

So do I.
ฉันก็เห็นด้วยเหมือนกัน

หากรู้สึกเห็นด้วยมากๆ ประหนึ่งว่านี่แหล่ะคือสิ่งที่เราก็คิด ก็รู้สึกเช่นกัน สามารถแสดงออกความรู้สึกเห็นด้วยแบบสุดๆ นี้ ผ่านทางประโยคเหล่านี้ได้เลยค่ะ

I couldn’t agree with you more.
ฉันเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง (แปลตรงตัวคือ ฉันไม่สามารถจะเห็นด้วยไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว!)

You’re absolutely right.
เห็นด้วยกับคุณมากๆ (แปลตรงตัวคือ คุณพูดถูกต้องที่สุด!)

I agree entirely.
ฉันเห็นด้วยกับคุณทั้งหมด

I totally agree.
ฉันเห็นด้วยกับคุณทั้งหมด

I see exactly what you mean!
ฉันเห็นด้วยที่สุด(แปลตรงตัวคือ ฉันรู้อย่างแจ่มแจ้งเลยว่าคุณหมายถึงอะไร!)

You’re right. That’s good point.
คุณพูดถูกต้องตรงประเด็นดีมาก

I completely agree.
ฉันเห็นด้วยจริงๆ

หากรู้สึกเห็นด้วย แต่อยากพูดอย่างกระชับ แบบสั้นๆ ง่ายๆ สามารถใช้คำพูดดังต่อไปนี้

That’s right!
ถูกต้องเลย!

Absolutely!
ใช่เลย!

Exactly!
แน่นอนเลย!

หากรู้สึกเห็นด้วยแค่บางส่วน และอยากแสดงความเห็นเพิ่มเติม สามารถใช้ประโยคดังต่อไปนี้ค่ะ

I agree up to a point, but…..
ฉันเห็นด้วยกับประเด็นนี้ แต่…..

I see your point, but…..
ฉันเข้าใจประเด็นของคุณนะ แต่…..

That’s partly true, but…..
มันก็ถูกส่วนหนึ่งนะ แต่…..

I’m not sure about that.
ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนะ

I agree with you in principle, but…..
ฉันเห็นด้วยกับทฤษฏีของคุณนะ แต่…..

I agree to some extent but…..
ฉันเห็นด้วยกับบางเรื่องนะ แต่…..

On the whole, I agree with you but…..
ทั้งหมดนี้ฉันเห็นด้วยนะ แต่…..

หากรู้สึกไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ได้ยิน สามารถพูดบอกออกไปได้ด้วยประโยคดังต่อไปนี้ค่ะ

I’m not sure I agree with you.
ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะเห็นด้วยกับคุณนะ

(I’m afraid) I don’t agree.
(ฉันเกรงว่า) ฉันไม่เห็นด้วย

(I’m afraid) I disagree.
(ฉันเกรงว่า) ฉันไม่เห็นด้วย

(I’m afraid) I can’t agree with you.
(ฉันเกรงว่า) ฉันไม่สามารถเห็นด้วยกับคุณได้นะ

หากไม่เห็นด้วยมากๆ แถมรู้สึกว่าความเห็นนั้นช่างแตกต่างจากความคิดเห็นของเราเหลือเกิน ให้ใช้ประโยคเหล่านี้ค่ะ

I don’t agree at all.
ฉันไม่เห็นด้วยเลยสักนิด

I totally disagree.
ฉันไม่เห็นด้วยจริงๆ

I really can’t agree with you there.
ฉันไม่สามารถเห็นด้วยกับคุณได้จริงๆ

หากต้องการเสนอความคิดเห็นของตัวเอง ให้เริ่มต้นด้วยประโยคดังต่อไปนี้ ก่อนใส่ความคิดเห็นเข้ามาค่ะ

In my opinion…..
ในความคิดเห็นของฉันนั้น…..

Personally, I think that…..
โดยส่วนตัวแล้ว ฉันคิดว่า…….

If you ask me, I think that…..
ถ้าถามฉัน ฉันคิดว่า…….

เพิ่มเติม หากอยู่ในสถานการณ์อยากแทรกความคิดเห็นของตัวเองขึ้นมาในขณะที่บุคคลอื่นกำลังแสดงความคิดเห็นอยู่นั้น สามารถใช้ประโยคดังต่อไปนี้ได้ค่ะ

Can I add something here?
ฉันขอเสอแนะอะไรหน่อยได้ไหม?

Is it okay if I jump in for a second?
จะเป็นอะไรไหม หากฉันขอร่วม(แสดงความคิดเห็น)ด้วยสักนิด?

หากอยากยุติการแสดงความคิดเห็นหรือจบการโต้เถียงในที่ประชุม ให้ใช้ประโยคดังต่อไปนี้ค่ะ

Let’s just move on, shall we?
เราควรไปต่อที่ประเด็นอื่นกันดีไหม?

Let’s drop it.
จบประเด็นนี้เถอะ

Whatever you say.
แล้วแต่คุณเลย (ตามใจคุณเลย)

If you say so.
ถ้าคุณว่าอย่างนั้นนะ (ว่าไงว่าตามกัน)

อย่าลืมจดจำประโยคทั้งหมดนี้แล้วนำไปใช้ในการประชุมครั้งต่อๆ ไปกันด้วยนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


การจัดส่ง iPhone 15 Pro Max ไปยัง Apple จะเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้

อัปเดตข่าวสักหน่อยสำหรับใครที่รอคอย iPhone 15 Series ที่จะเปิดตัวในปีนี้ ซึ่งล่าสุด Ming-Chi Kuo ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า ตอนนี้ Apple เริ่มเดินสายการผลิต iPhone 15 Pro Max แล้ว แต่เริ่มไปได้เพียง 35 – 40% ที่พร้อมจะส่งมอบโดยคาดว่าจะวางจำหน่ายภายในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ได้

หากเทียบกับปีที่แล้วพบว่า Apple ตั้งใจที่จะให้ iPhone 15 Pro Max มีการส่งมอบมากขึ้นถึง 10 – 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เท่ากับจะสามารถทันก่อนที่เปิดตัว iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ในวันที่ 12 หรือ 13 กันยายน นี้

มาดูรายละเอียดสรุปกันดีกว่า 4 รุ่นจะมาพร้อมกับพอร์ต USB-C และ Dynamic Island ในขณะที่ฟีเจอร์ใหม่เพิ่มเติมมากมายที่มีข่าวลือสำหรับรุ่น iPhone 15 Pro และ 15 Pro Max ที่ตามกระแสข่าวลือจะมาพร้อมกับกรอบไทเทเนียม, ปุ่ม Action ที่ปรับแต่งได้ตามการใช้งาน, ชิป A17 Bionic ที่เร็วขึ้น, รองรับ Wi-Fi 6E

ส่วนสเปกอื่นๆ คาดว่า  iPhone 15 Pro Max จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว เท่ากับขนาดของ iPhone 14 Pro Max แต่มีขอบรอบหน้าจอที่บางกว่า แม้จะมีข่าวลือออกมาว่าในปีหน้า iPhone 16 Pro Max จะมาพร้อมกับจอแสดงผลที่ใหญ่กว่า 6.9 นิ้ว ออกมาให้เห็นบ้างแล้วก็ตาม

ซึ่งยังมีอีกคุณสมบัติพิเศษที่คาดว่าจะมีเฉพาะใน iPhone 15 Pro Max เท่านั้นในปีนี้คือการมาพร้อมกับ “เลนส์เทเลโฟโต้” ที่สามารถซูมไกล หรือ Periscope โดยสามารถซูมได้มากสุดที่ 5-6 เท่า แบบ Optical

และที่สำคัญคือราคาก็คาดว่า iPhone 15 Pro จะแพงกว่ารุ่น iPhone 14 Pro โดยอาจขึ้นราคาได้ 100 ถึง 200 ดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงข้อมูลที่ว่า Apple อาจเปลี่ยนรุ่นความจำเริ่มต้นเป็น 256GB และสูงสุดที่ 2TB อีกด้วย (ราคาขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศครับ)

วันที่และกำหนดการเปิดตัว iPhone 15 Series อย่างเป็นทางการ

ตามข่าวลือที่มีออกมาให้เห็นในตอนนี้มีความเป็นไปได้ว่า Apple เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 15 Series ใหม่ในวันอังคารที่ 12 กันยายน แม้ว่าเราจะยังคงรอการยืนยันอย่างเป็นทางการก็ตาม

iPhone 15 Series คาดว่าราคาเท่าไร

ส่วนราคาของ iPhone 15 Series  นั้นตามกระแสข่าวลือที่ออกมาว่ามีความเป็นไปได้ราคาของ iPhone 15 Pro, 15 Pro Max จะแพงกว่า iPhone 14 Pro, 14 Pro Max เหมือนทุกปีที่มีการปรับราคาขึ้นเสมอ และคาดว่าจะมีสีใหม่อย่าง Crimson เป็นสีพิเศษของปี 2023 ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ทีมงานคาดการณ์ ราคา iPhone 15 Series ดังนี้

ราคา iPhone 15

  • iPhone 15 ขนาด 128GB คาดว่าราคาประมาณ 32,900 บาท
  • iPhone 15 ขนาด 256GB คาดว่าราคาประมาณ 36,900 บาท
  • iPhone 15 ขนาด 512GB คาดว่าราคาประมาณ 45,900 บาท

ราคา iPhone 15 Plus

  • iPhone 15 Plus ขนาด 128GB คาดว่าราคาประมาณ 37,900 บาท
  • iPhone 15 Plus ขนาด 256GB คาดว่าราคาประมาณ 41,900 บาท
  • iPhone 15 Plus ขนาด 512GB คาดว่าราคาประมาณ 50,900 บาท

ราคา iPhone 15 Pro

  • iPhone 15 Pro ขนาด 256GB คาดว่าราคาประมาณ 45,900 บาท
  • iPhone 15 Pro ขนาด 512GB คาดว่าราคาประมาณ 54,900 บาท
  • iPhone 15 Pro ขนาด 1TB คาดว่าราคาประมาณ 63,900 บาท
  • iPhone 15 Pro ขนาด 2TB คาดว่าราคา จะสูงกว่า 65,000 บาท

ราคา iPhone 15 Pro Max

  • iPhone 15 Pro Max ขนาด 256GB คาดว่าราคาประมาณ 48,900 บาท
  • iPhone 15 Pro Max ขนาด 512GB คาดว่าราคาประมาณ 57,900 บาท
  • iPhone 15 Pro Max ขนาด 1TB คาดว่าราคาประมาณ 66,900 บาท
  • iPhone 15 Pro Max ขนาด 2TB คาดว่าราคา จะอยู่ประมาณ 75,000 บาท

ราคาดังกล่าวเป็นการคาดการณ์เท่านั้น ต้องรอ Apple ออกมายืนยันและเปิดตัวอีกครั้งในเดือนกันยายน 2023 นี้ รอลุ้นกับสเปก และราคาของ iPhone 15 Series กันว่าจะเป็นไปตามนี้หรือไม่

นอกเหนือจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 15 แล้ว ในอีเว้นท์ที่กำลังจะมาเราคาดว่าแอปเปิลจะเปิดตัว Apple Watch Series 9 และ Apple Watch Ultra 2 รุ่นใหม่ด้วย

ทั้งหมดจะเป็นจริงหรือไม่ต้องติดตามกันต่อไปและอย่าลืมเก็บตังค์สำรองกันเอาไว้ด้วยครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Doing Good Rather Than Merely Less Bad: การออกแบบเชิงฟื้นฟูในวิถีของ Regenerative Design

ณ ห้วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับภัยพิบัติและความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ทั้งน้ำแข็งขั้วโลกที่กำลังละลาย ส่งผลกระทบกับวิถีชีวิตของสัตว์ในเขตขั้วโลก ไฟป่าที่ลุกโชนจนเผาไหม้บ้านเรือนที่พักอาศัยของผู้คนบนเกาะฮาวาย หรือกระทั่งปัญหามลพิษทางอากาศในสหรัฐฯ การยึดหลักความยั่งยืน (Sustainability) สำหรับการดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิตได้กลายเป็นแนวคิดหนึ่งที่เราใช้ชะลอความเสื่อมโทรมของโลก อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยพยุงให้โลกก้าวเดินไปยังอนาคตของคนรุ่นหลัง หลักความยั่งยืนอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ Regenerative Design จึงอุบัติขึ้นเพื่อช่วยกอบกู้สภาพแวดล้อมที่ผุพัง

Regenerative Design คืออะไร

ประโยคที่มักจะได้ยินเกี่ยวกับ Regenerative Design ในเวทีเสวนาอยู่บ่อยครั้งแล้วกลายเป็นคำอธิบายแบบกระชับคือ “ ‘doing good’ rather than merely ‘less bad.’ ” หรือแปลให้เข้าใจง่าย ๆ คือ การสร้าง ‘ผลบวก’ มากกว่าการลด ‘ผลกระทบ’ ฟังแล้วอาจสับสน เราจะมาขยายความถึงที่มาที่ไปของ Regenerative Design กันก่อนที่จะคลายความมึนงงต่อจากนี้

Regeneration ในนิยามเชิงชีววิทยาหมายถึง การต่ออายุ (Renew) การฟื้นฟู (Restore) หรือการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในอวัยวะและในระบบนิเวศ เมื่อมองในมุมของนักออกแบบ เราสามารถมองได้ในเชิงของการฟื้นฟูแล้วซ้อนทับด้วยการใช้แนวความคิดไปข้างหน้า (Forward-Thinking Approach) อีกนัยหนึ่งคือการฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโลก หรือการสร้างความยั่งยืนด้วยตัวเอง (Self-Sustaining) โดยคำนึงถึงโลกในอนาคต

Regenerative Design VS Sustainability

เมื่อเข้าใจคำนิยามแบบหลวม ๆ ของ Regenerative Design แล้ว การวกกลับมามองหลักความยั่งยืนอาจทำให้เห็นเส้นบาง ๆ ที่ซ้อนทับกันของทั้งสองแนวคิด ทว่าหากเจาะลึกเพื่อให้เข้าใจที่มาของการกล่าวถึงแนวกระแสความคิดดังกล่าว เราจะเห็นถึงความเชื่อมโยงของ Regenerative Design กับหลักความยั่งยืนในแง่ของการคำนึงถึงทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ทว่าสิ่งที่เน้นย้ำในหลักของ Regenerative Design คือ การมองอนาคตในทรรศนะที่ยืดหยุ่น (Resilience) ปรับสมดุล (Rebalance) และฟื้นฟู (Regenerative) ภายใต้บริบทของความผันผวนตามกาลเวลา นั่นจึงทำให้นักออกแบบหันเหมาปรับใช้แนวความคิดนี้ในงานดีไซน์กันมากขึ้น

ออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ

นอกจากการสร้างความยืดหยุ่นเพื่อการปรับตัวในอนาคตแล้ว Regenerative Design ยังมองแนวทางการออกแบบที่ปรับใช้แนวคิดแบบองค์รวม อันประกอบไปด้วย สังคม สิ่งแวดล้อม และธุรกิจในแง่ของการพึ่งพาอาศัยกัน เช่น เศรษฐกิจที่สร้างคุณค่าให้กับระบบนิเวศน์และสังคม รวมไปถึงการสร้างความอุดมสมบูรณ์และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชน

Kampung Admiralty โดย WOHA ภาพจาก ArchDaily

ดังที่ Colin Rohlfing – Director of Sustainable Development ที่ HDR ให้ความเห็นในบทความของ BUILDINGS ไว้ว่า “Regenerative Design ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการสร้างความสวยงามหรือการเขียนแบบ แต่มันเริ่มที่มุมมองเชิงลึกในแง่ของสถานที่ เช่น ระบบน้ำ (Site Hydrogy) สุขภาพชุมชน (Community Health) ความเสมอภาคทางสังคม (Social Equity) วัฏจักรคาร์บอน (Carbon Cycles) และความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) มันคือการประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และชีววิทยาที่ไม่ค่อยมีให้เห็นกันในโปรเจกต์ทั่วไป”

การมองอนาคตแบบ Long-Term ของวงการออกแบบ-ก่อสร้าง

ความผันผวนของสภาพอากาศและความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อม ทำให้มนุษย์คิดหาวิถีทางเอาตัวรอดเพื่อดำรงชีวิตอยู่ในระยะยาวและสร้างอนาคตที่เป็นไปได้ให้กับรุ่นลูกรุ่นหลาน Regenerative Design ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดหรือทฤษฎีที่มีขึ้นแล้วยากที่จะจับต้องได้ ทว่ามันคือหลักที่ชี้ทางให้นักออกแบบได้เป็นหนึ่งในผู้ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและสร้างคอนเซ็ปต์แปลกใหม่ในงานดีไซน์ที่สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 29/08/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a31,900.0032,000.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,066.0031,320.5632,500.00
ทองรูปพรรณ 90%1,859.4028,188.50n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,652.8025,056.45n/a
ทองรูปพรรณ 50%930.0014,098.80n/a
ทองรูปพรรณ 40%723.0010,960.68n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,141.0032,457.56n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29/08/2566



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9540.0540.0540.5540.0540.0540.0540.0540.0540.0540.05
แก๊สโซฮอล์ 9139.7839.7840.2839.7839.7839.7839.7839.7839.7839.78
แก๊สโซฮอล์ E2037.7437.7438.2437.7437.7437.7437.7437.7437.74
แก๊สโซฮอล์ E8538.1938.1938.19
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม45.3449.0448.9449.0445.34
เบนซิน 9547.8449.0148.3447.9947.84
ดีเซล B731.9431.9432.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม42.2443.6447.9443.6443.6442.24
แก๊ส NGV17.5917.5917.59


 

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า