สาระน่ารู้ประจำวันที่ 3 กรกฎาคม 2566

พลิกโฉม รถไฟฟ้า6สาย บิ๊กเนมชิงทำเลทอง “ออริจิ้น” แชมป์เจ้าตลาดคอนโดใหม่

พลิกโฉม บูมแนวรถไฟฟ้า6สาย บิ๊กเนมชิงทำเลทอง “ออริจิ้น” ORI ครองแชมป์เจ้าตลาดคอนโดฯ เปิดใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 19,580 ล้านปี 2566

การขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าในหลายเส้นทางครอบคลุมพื้นที่เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลสร้างปรากฎการณ์พลิกโฉมเมืองจากการอยู่อาศัยแนวราบสู่แนวสูงสังคมแนวสูงอย่างคอนโดมิเนียม เนื่องจาก ที่ดินมีจำกัดราคาสูง ผังเมืองจูงใจต่อการใช้ประโยชน์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไลต์คนรุ่นใหม่ที่บิ๊กเนมทุกค่าย ตบเท้าแข่งขันการพัฒนากันอย่างคึกคัก

เช่นเดียวกับ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร แม้กลยุทธ์หลักในปี2566 มุ่งเน้นให้บริษัทในเครือขยายการลงทุนคอนโดมิเนียมให้ครอบคลุมทั่วประเทศ นอกเหนือเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ครั้งแรก

ในทางกลับกัน  ออริจิ้นยังไม่ทิ้งทำเลยุทธ์ศาสตร์ “ใกล้รถไฟฟ้า” ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อีกหนึ่ง Key Success ที่ทำให้คอนโดมิเนียมของออริจิ้น สามารถครองใจคนเมืองทุกเพศทุกวัย จนมียอดขายคอนโดมิเนียมในไตรมาสแรกของปี 2566 ถึง 9,459 ล้านบาท

สำหรับแผนลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมปีนี้ทั้งหมดทั่วประเทศทำเลรถไฟฟ้า6เส้นทางศักยภาพ12โครงการมูลค่า 19,580 ล้านบาท คิดเป็น 64% ของพอร์ตคอนโดมิเนียมทั้งหมดในเครือ จาก แผนเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม ใหม่ทั่วประเทศ  22 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 30,370 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงที่สุดของการเปิดคอนโดในตลาดปี 2566

ที่มีนายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด เป็นหนึ่งในผู้นำทัพ พัฒนา โดยระบุว่า ปีนี้เรายังคงบุกทำเลใกล้รถไฟฟ้า 6 สาย ต่อเนื่องจากปีที่แล้วให้ครอบคลุมหลายสถานีมากยิ่งขึ้น ทั้งสายที่เปิดให้บริการแล้วคือ สายสีเขียว-ส่วนต่อ ขยาย สายสีน้ำเงิน สายสีแดง รวมถึงสายที่จะเริ่มเปิดทดลองให้บริการอย่าง สายสีเหลือง และ สายที่จะเปิด ให้บริการ ในอนาคตอย่าง สายสีชมพู และสายสีส้ม

  •  ปักหลักสายสีเขียว เจาะครบทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่ CBD ถึงส่วนต่อขยาย

ทำเลที่เป็นจุดแข็ง ออริจิ้น ยังคงยึดฐานที่มั่นตามแนวรถไฟฟ้า “สายสีเขียวอ่อน” โดยส่งแบรนด์คอนโดมิเนียมครอบคลุมแทบทุกเซ็กเมนต์และไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่ระดับ Entry ไปจนถึงระดับ Luxury เริ่มจากย่าน ศูนย์กลางธุรกิจ หรือCBD ใกล้สถานีทองหล่อ ซึ่งเป็นย่านที่มีนักธุรกิจ และชาวต่างชาติอยู่อาศัยค่อนข้างสูง

จึงส่งแบรนด์ใหม่โครงการแกรนด์ แฮมป์ตัน ทองหล่อ (Grand Hampton Thonglor) แบรนด์คอนโดมิเนียมสุดหรูสไตล์ Hotel Serviced Residence จากเมกะโปรเจกต์ออริจิ้น ทองหล่อ เวิลด์ (ORIGIN THONGLOR WORLD) มารองรับดีมานด์กลุ่มนี้ พร้อม IP Program สร้างผลตอบ แทนสำหรับนักลงทุน

ขณะที่ย่านคลาสสิกอย่างพระโขนง อีกทำเลที่มีชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นมาอาศัยอยู่มากขึ้น ทำให้ย่านนี้คึกคัก รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและแหล่งไลฟ์สไตล์มากมาย จึงได้เห็นการกลับมาอีกครั้งของแบรนด์โซโห แบงค็อก (SOHO Bangkok) คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ในเครือพาร์ค ลักชัวรี่ ที่มีจุดเด่นตรงทำเลดี ใกล้สถานีพระโขนง จำนวนยูนิตน้อย มอบความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัย พร้อมเซอร์วิสระดับโรงแรม มาเป็นตัวบุกตลาด

 ส่วนทำเลถนัดของออริจิ้นอย่างบางนา-สมุทรปราการ บริษัทก็เตรียมส่งแบรนด์ โซ ออริจิ้น (So Origin) คอนโดมิเนียมระดับไฮเอ็นด์  ห้อง Duo Space เพดานสูง 4.2 ม. พร้อม Excellent Services ใกล้สถานีแบริ่ง ขณะที่อีกฝั่งของส่วนต่อขยาย เลือกส่งแบรนด์ออริจิ้น เพลส (Origin Place) คอนโดมิเนียมเจาะตลาด Upper Class ที่ดีไซน์ห้องพักและส่วนกลางเจาะกลุ่มคนรักสัตว์โดยเฉพาะ บนทำเลดีใกล้สถานีพหลโยธิน 59

 •  บุกฝั่งธนลุยสายสีน้ำเงิน-สีแดงต่อเนื่อง

นายอภิสิทธิ์  ย้ำว่าหลังประกาศบุกฝั่งธนบุรีในปีที่แล้ว ปีนี้ออริจิ้นยังเดินหน้าพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม เจาะทำเลตามแนวรถไฟฟ้า “สายสีน้ำเงิน”  ถึง 4 โครงการรวด ไม่ว่าจะเป็นย่านศิริราช อีกหนึ่ง Medical Hub ที่ขึ้นชื่อของกรุงเทพฯ ทั้งยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยเก่าแก่ บริษัทจึงเตรียมส่งแบรนด์โซ ออริจิ้น คอนโดมิเนียมใกล้สถานีไฟฉาย พร้อมบริการเหนือระดับ อำนวยความสะดวกให้กับผู้อยู่อาศัย เจาะกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมทั้งส่งแบรนด์ดิ ออริจิ้น เจาะโซนบางแค และ ออริจิ้น เพลส เจาะสถานีภาษีเจริญตรงข้ามซีคอน บางแค เอาใจผู้บริโภคทั้ง Gen Y Gen Z ที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมย่านฝั่งธนบุรี

ขณะเดียวกัน ออริจิ้นยังเตรียมมาเปิด ดิ ออริจิ้น อีกหนึ่งโครงการที่รถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีบางบำหรุ คาดว่าจะได้เห็นปลายปีนี้

  •  เจาะ Blue Ocean สายสีเหลือง-ชมพู-ส้ม 

ส่วนทำเล Blue Ocean  (ตลาดใหม่ที่การแข่งขันต่ำ )ตามแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ที่เตรียมเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็น “สายสีเหลือง” ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยและมีคอมมูนิตี้มอลล์ แหล่งไลฟ์สไตล์ครบครัน ทำเล “สายสีชมพู”สถานีศูนย์ราชการ

แจ้งวัฒนะ อีกหนึ่งแหล่งงานขนาดใหญ่ที่มีข้าราชการและบุคลากรถึง 25,000 คนและรถไฟฟ้า “สายสีส้ม” สถานี น้อมเกล้า ที่สามารถเชื่อมได้ทั้งรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู บริษัทจะใช้ 2 แบรนด์หลักอย่าง ออริจิ้น เพลส และออริจิ้น เพลย์ เป็นแบรนด์เรือธงในการบุกตลาด โดยมีทั้ง Duo Space ห้อง 2 ชั้น เพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้กับผู้อยู่อาศัย และคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ เจาะกลุ่ม Pet Lover และคนรุ่นใหม่ 

  ประเมินว่า แม้จะเป็นเส้นรถไฟฟ้าสายสีเดียวกัน แต่แค่ต่างสถานี ความต้องการของผู้อยู่อาศัยก็ไม่เหมือนกัน ทำให้ต้องทำการบ้านค่อนข้างมากนอกจากมองศักยภาพของทำเลแล้ว ต้องศึกษาลงลึกและเห็นภาพทุก Journey ของผู้บริโภคในทุกๆ ทำเลว่าคนย่านนี้ทำงานอะไรมีไลฟ์สไตล์แบบไหนต้องการอะไรบ้างในแต่ละวัน เพื่อให้เราออกแบบฟังก์ชันทั้งในห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางได้ตรงใจผู้อยู่อาศัยให้มากที่สุด นี่จึงเป็น Key Success ที่ทำให้คอนโดมิเนียมของออริจิ้น ยังสามารถครองใจผู้บริโภคได้ทุกทำเล

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


Avantis ระดมทุน 100 ล้านผุด SANGA ตอบโจทย์ลงทุนอสังหาฯ ตปท.

Avantis ระดมทุน 100 ล้านผุด SANGA ตอบโจทย์ลงทุนอสังหาฯ ตปท. นำร่องประเทศญี่ปุ่นและอังกฤษเป็นโฉนดดิจิทัล เอื้อนักลงทุนทั่วโลก ชูเป็นแพลตฟอร์มแรกที่ควบรวมทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุน

นายนิรันดร์ ประวิทย์ธนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท Ava Advisory และ Avantis Laboratory เปิดเผยว่า Ava Advisory เป็นการร่วมลงทุนกับกลุ่มเจมาร์ท เจ เวนเจอร์ส และ บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ด้วยการจัดตั้งบริษัท Avantis เพื่อพัฒนาโซลูชัน SANGA ในการทำธุรกิจบล็อกเชนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อแปลงโฉนดที่ดินให้เป็นโฉนดดิจิทัล

โดยเน้นที่การแปลงอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศให้กลายเป็นดิจิทัลโทเค็น เพื่อขายให้กับนักลงทุนทั่วโลก ซึ่งในระยะแรกกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่สนใจ คือ กลุ่มทรัพย์สินที่อยู่อาศัย (Residential Property) ในญี่ปุ่นและอังกฤษเป็นหลัก  

ทั้งนี้ ปัจจุบันเทรนด์การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นและที่อังกฤษ ประกอบกับที่ผ่านมาตลาดคริปโตได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก SANGA จึงนำสองสิ่งนี้มารวมกันและสร้างความแตกต่างด้วยการพัฒนาโทเค็นที่มีสินทรัพย์จริงมารองรับในรูปแบบโฉนดดิจิทัล ทำให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น 

สำหรับข้อดีของการถือโฉนดแบบดิจิทัล คือ Improved Efficiency, Global market, Easy tracking of assets และ Transparency, และในส่วนของราคาโทเค็นประเภทที่มีสินทรัพย์จริงรับรองนั้นผลตอบแทนจะอ้างอิงตามราคาอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ เนื่องจากไม่ได้นำระบบการแปลงโทเค็นมาใช้เพื่อปั่นราคา 

แต่นำมาใช้เพื่อประโยชน์ เช่น  การทำธุรกรรมที่มีต้นทุนที่ถูกลง การโอนที่ดิน การโอนโฉนด การค้ำประกัน การปล่อยกู้ และไม่ต้องถือโฉนดตัวจริงเพื่อเดินทางไปทำธุรกรรมที่ทำให้มีต้นทุนที่สูงขึ้นโดยใช่เหตุ ช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลา เป็นผลให้แนวโน้มของแต่ละประเทศ เริ่มมีการออกกฎหมายใหม่ เช่น ฮ่องกงออกกฏหมาย โดยเน้นไปที่การสนับสนุนการพัฒนาโทเค็นแบบที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันโดยเฉพาะ

โดยคาดว่าจะออกกฏหมายใหม่ในช่วงกลางปีนี้ และยังมีอีกหลายประเทศที่เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่า บล็อกเชน ไม่ได้มีประโยชน์อยู่เพียงแค่คริปโตเคอเรนซี่เท่านั้น แต่ว่ายังสามารถนำมาเป็นฐานของเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อนำมาช่วยต่อยอดการทำธุรกรรมในโลกของความเป็นจริงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้นมีทั้งรูปแบบซื้อเพื่อการลงทุนหรือซื้อเพื่อไลฟ์สไตล์ เนื่องจากบางคนซื้ออยู่เอง แต่บางคนซื้อเพื่อหวังผลตอบแทนในอนาคต โดยแพลตฟอร์ม SANGA จะเข้ามาตอบโจทย์เรื่องของไลฟ์สไตล์เป็นหลัก 

“แนวคิดของ SANGA คือ นอกจากการได้ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ดีมีศักยภาพ ที่มาจากการคัดเลือกของทีมงาน​ SANGA ที่เชี่ยวชาญในอสังหาริมทรัพย์ในแต่ละพื้นที่ ในการเฟ้นหาสินทรัพย์คุณภาพดีแล้ว อีกทั้งยังให้สิทธิ์เจ้าของบ้านในการเข้าพักในอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ในพอร์ตโฟลิโอของเราได้ด้วย” 

อย่างไรก็ดี เงินระดมทุนครั้งแรก ราว 100 ล้านบาทจะถูกนำมาพัฒนาและขยายส่วนงานด้านกฎหมาย และแพลตฟอร์มบริหารจัดการโฉนดดิจิทัล เนื่องจากธุรกิจมุ่งเป้าในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ จึงมีการจัดตั้งบริษัท SPV ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) เพื่อเป็นบริษัทกลางในการจัดเก็บโฉนดดิจิทัล ภายใต้มาตรฐานการจัดเก็บและการรักษาความปลอดภัยระดับโลก
 

ซึ่งจะเป็นส่วนของการเก็บโฉนดที่ดินจริงเพื่อแปลงออกเป็นโฉนดดิจิทัล และมีการจัดตั้งบริษัทที่ญี่ปุ่น เพื่อเข้ามาดูแลในส่วนของการจัดการอสังหาริมทรัพย์ที่จะอยู่ในระบบในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย รวมไปถึงการจ้างทีมงานบล็อกเชนเพิ่มขึ้นในการพัฒนา Smart Contract หรือรูปแบบสัญญาดิจิทัล เพื่อสร้าง เก็บและดูแลโฉนดดิจิทัลให้มีความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งทั้งหมดของการระดมทุนครั้งแรกราว 100 ล้านบาทนี้ จะมีการแบ่งส่วนของการพัฒนาระบบและขยายทีมงานเป็นหลัก

นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC) กล่าวว่า แพลตฟอร์ม SANGA ช่วยให้การซื้อ-ขายหรือมีสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ผ่านเทคโนโลยีของ Tokenization ซึ่งตอบโจทย์ในแนวทางการทำ Digital Transformation ที่กลุ่มเจมาร์ททำอยู่ 

แผนการดำเนินธุรกิจของ Avantis เฟสแรกจะมีการทำโทเค็นด้านอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการแปลงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในโลกของความเป็นจริงให้กลายเป็นดิจิทัล เพื่อลดต้นทุนในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ภายใต้แพลตฟอร์มที่ชื่อว่า SANGA ในการตอบโจทย์การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศที่สะดวกและง่ายดายแล้ว ยังสามารถได้รับผลประโยชน์ด้านไลฟ์สไตล์การเดินทางเข้าพักในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศด้วย 

โดย SANGA ตั้งเป้ามูลค่าของพอร์ตใน 2 ปีแรกที่ 10,000 ล้านบาท โดยเน้นไปที่อสังหาริมทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่นและอังกฤษ แบ่งเป็นพอร์ตที่ญี่ปุ่น 70% และพอร์ตที่อังกฤษราว 30% และอาจจะมีการขยายไปในประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติมในอนาคต ขณะที่ในเฟสสอง วางแผนที่จะขยายไปยังธุรกิจธนาคารดิจิทัลเพื่อต่อยอดธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต่อไป ซึ่งคาดว่าจะอาจจะเริ่มในอีก 1-2 ปีข้างหน้า โดยธุรกิจทั้งหมดจะโฟกัสที่ตลาดโลกเป็นหลัก

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 3 ก.ค.ที่ระดับ 35.27 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทโมเมนตัมฝั่งอ่อนค่าจะแผ่วลง ควรระวังความผันผวนจากสถานการณ์การเมืองไทย อาจกระทบต่อทิศทางฟันด์โฟลว์ หากเงินบาทแข็งค่าหลุดโซน35.15-35.25 บาทต่อดอลลาร์ อาจแข็งค่าต่อทดสอบแนวรับสำคัญแถว 35.00 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 3ก.ค 2566 ที่ระดับ  35.27 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  35.45 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า ในช่วงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทดสอบโซน 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ส่วนราคาทองคำก็รีบาวด์ขึ้นทดสอบโซน 1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลง หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด

ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ โดยเฉพาะยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) และการเติบโตของค่าจ้าง พร้อมจับตาสถานการณ์การเมืองไทย อย่างใกล้ชิด

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญที่อาจส่งผลต่อมุมมองผู้เล่นในตลาดต่อทิศทางดอกเบี้ยนโยบายเฟด คือ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยนักวิเคราะห์ต่างมองว่า ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อาจเพิ่มขึ้นราว 2 แสนตำแหน่ง ในเดือนมิถุนายน ชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้นเกือบ 3.4 แสนตำแหน่ง ในเดือนก่อนหน้า

ซึ่งการชะลอลงของการจ้างงานจะส่งผลให้อัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) อยู่ที่ระดับ +0.3%m/m หรือ +4.2%y/y ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ หากยอดการจ้างงานออกมาสูงกว่าคาดมาก เช่น +3 แสนตำแหน่ง หรือ อัตราการเติบโตของค่าจ้างมากกว่า +4.3%y/y ก็อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดมีโอกาสมากขึ้นที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในการประชุมเดือนกันยายน

ล่าสุด จาก CME FedWatch Tool ตลาดให้โอกาส 87% เฟดขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม และโอกาส 21% ในการขึ้นดอกเบี้ยต่อในเดือนกันยายน เราประเมินว่า ในกรณีดังกล่าว ที่ข้อมูลการจ้างงานนั้นออกมาดีกว่าคาดมาก เงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้พอสมควร หากตลาดให้โอกาสเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อในเดือนกันยายนไม่น้อยกว่า 40%

 ทั้งนี้ นอกเหนือจากรายงานข้อมูลตลาดแรงงาน ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (ISM Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนมิถุนายน พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานการประชุม FOMC ล่าสุด และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในอนาคต

▪ ฝั่งยุโรป – ตลาดประเมินว่า ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนพฤษภาคม ของยูโรโซน อาจขยายตัว +0.2%m/m ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า หนุนโดยตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่งและตึงตัว ทว่าปัญหาเงินเฟ้อสูงจะยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันการใช้จ่ายของครัวเรือน แม้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งยุโรปอาจมีไม่มากนัก แต่ผู้เล่นในตลาดก็จะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของทั้งสองธนาคารกลาง

▪ ฝั่งเอเชีย – ตลาดคาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะได้แรงหนุนจากแนวโน้มภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการที่ยังคงสดใส สะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ ซึ่งสำรวจโดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (Tankan Survey) ทั้งภาคการผลิตและภาคการบริการที่จะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 ทั้งในส่วนธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง สำหรับนโยบายการเงินในฝั่งเอเชีย

ตลาดมองว่า แนวโน้มการชะลอตัวลงของทั้งภาพรวมเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ อาจทำให้ ธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) และธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ตัดสินใจ “คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย” ไว้ที่ระดับ 3.00% และ 4.10% ตามลำดับ

 ฝั่งไทย – เราคาดว่า ภาคการส่งออกที่หดตัวต่อเนื่องอาจส่งผลให้ ภาคการผลิตของไทยขยายตัวในอัตราชะลอลงมากขึ้น โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตในเดือนมิถุนายน อาจลดลงสู่ระดับ 56 จุด จากระดับ 58.2 จุด ในเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ ความกังวลต่อแนวโน้มการส่งออก ต้นทุนภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง

โดยเฉพาะต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อาจกดดันให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในเดือนมิถุนายน ลดลงสู่ระดับ 49.3 จุด อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของภาคการบริการที่ดีขึ้นต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ ในส่วนรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนมิถุนายน เรามองว่า ผลของฐานราคาสินค้าและบริการที่อยู่ในระดับสูงในปีก่อนหน้า

อาจส่งผลให้ อัตราเงินเฟ้อ CPI ชะลอลงหนักสู่ระดับ 0.04% (+0.4%m/m) ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI อาจทรงตัวที่ระดับ 1.50% นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ควรติดตามสถานการณ์การเมืองไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการโหวตเลือกประธานสภาฯ ซึ่งอาจสะท้อนถึงแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลว่าจะมีความล่าช้าหรือไม่

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า แม้ว่าโมเมนตัมฝั่งอ่อนค่าจะแผ่วลง แต่ควรระวังความผันผวนจากสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งอาจกระทบต่อทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติได้ ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า แนวต้านของเงินบาทจะอยู่ในโซน 35.75 บาทต่อดอลลาร์

ขณะที่ แนวรับแรกจะอยู่ในโซน 35.15-35.25 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งหากเงินบาทแข็งค่าหลุดโซนดังกล่าวก็อาจแข็งค่าต่อทดสอบแนวรับสำคัญแถว 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ ซึ่งยังคงเคลื่อนไหวสอดคล้องกับค่าเงินบาทพอสมควรในช่วงนี้

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า หากยอดการจ้างงานสหรัฐฯ และการเติบโตของค่าจ้างชะลอลงกว่าคาด ก็อาจกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อได้ แต่หากออกมาตามคาดหรือดีกว่าคาดไม่มาก ก็อาจช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้เล็กน้อย เพราะตลาดก็ยังไม่มั่นใจว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ถึง 2 ครั้ง

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและการปรับเปลี่ยนมุมมองไปมาของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเฟด ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.90-35.75 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.10-35.40 บาท/ดอลลาร์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 35.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.30 น.) แข็งค่าเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนที่ 35.46 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค

ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน หลังข้อมูลล่าสุดสะท้อนว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ มีทิศทางชะลอลงในเดือนพ.ค. โดยดัชนี PCE ทั่วไปอยู่ที่ 3.8% YoY ในเดือนพ.ค. (ตลาดคาดที่ 3.9%) ขณะที่ ดัชนี PCE พื้นฐานอยู่ที่ 4.6% YoY ในเดือนพ.ค. (ตลาดคาดที่ 4.7%) 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 35.10-35.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์การเมืองในประเทศ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ PMI ภาคการผลิตเดือนมิ.ย. ของจีน ยูโรโซน และสหรัฐฯ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


หนึ่งเดียวจากเอเชีย! “ชัชชุอร” ลูกยางสาวไทยคว้ารับเสิร์ฟยอดเยี่ยมโลก

“บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร โมกศรี นักวอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทย สร้างผลงานกระหึ่มโลก เมื่อสามารถคว้าอันดับ 1 ผู้เล่นที่รับลูกเสิร์ฟได้อย่างยอดเยี่ยม ในการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ลีก 2023

โดยเว็บไซต์การแข่งขันอย่างเป็นทางการได้สรุปสถิติตลอดการแข่งขันทั้ง 3 สัปดาห์ของปีนี้ สรุปว่า นักตบสาววัย 23 ปี กลายเป็นเจ้าของสถิติรับเสิร์ฟได้ดีสุดของการแข่งขันในครั้งนี้จากนักกีฬาทั้งหมด 16 ชาติ และถือเป็นนักกีฬาจากเอเชียรายเดียวที่ครองสถิติอันดับ 1 จากทั้งหมด 7 สถิติ

ซึ่ง นักตบสาวไทย สามารถรับบอลสำเร็จสูงถึง 82 ครั้ง รับเสีย 18 ครั้ง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 25.23% มากเป็นอันดับ 1 ในทัวร์นาเมนต์นี้ ส่วนอันดับ 2 เป็น สติมัช อิซาเบล่า ของโครเอเชีย 80 ครั้ง และอันดับ 3 เป็น หลี หยิงหยิง จากจีน ที่ทำไปได้ 76 ครั้ง

นอกจากนี้ ชัชชุอร โมกศรี ยังถือเป็นนักกีฬาไทยที่ทำแต้มได้มากที่สุดของทีมในการแข่งขันครั้งนี้ 172 คะแนน รั้งอันดับ 9 จากผู้เล่นของทุกชาติ รวมทั้งยังเป็นผู้เล่นที่ทำคะแนนจากเกมรุกได้มากถึง 148 คะแนน รั้งอันดับ 9 เช่นกัน เรียกได้ว่าติดท็อปเทนโลกทั้ง 3 สถิติเลยทีเดียว

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ชาปลายมือปลายเท้า เป็นโรคอะไร?

ใครที่มีอาการชาตามปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า หรือแม้กระทั่งแขน ขา มือ และใบหน้า แพทย์อาจสันนิษฐานว่าเป็นโรคอันตรายที่เกี่ยวกับปลายประสาทอักเสบ อาการเหล่านี้จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคที่หนักขึ้นอย่าง โรคอัมพฤกต์ อัมพาต หรือไม่ เราจะมีวิธีป้องกันอย่างไร มาดูกันค่ะ

ปลายประสาทอักเสบ คืออะไร?

เมื่อสมองเปรียบเสมือนศูนย์ควบคุมการส่งกระแสไฟฟ้า สมองจะควบคุมการส่งกระแสไฟฟ้าไปยังอวัยวะต่างๆ ผ่านทางสายไฟ หรือในที่นี้คือเส้นประสาท และมีสายไฟฟ้าแรงสูง หรือเส้นประสาทใหญ่อยู่ที่ไขกระดูกสันหลัง ที่พร้อมกระจายไฟฟ้าไปยังเส้นประสาทอื่นๆ ต่ออีกทอดหนึ่ง

หากแต่เมื่อเส้นประสาทเริ่มมีปัญหาในจุดใดจุดหนึ่ง ทำให้อวัยวะส่วนนั้นทำงานผิดปกติ จึงอาจเป็นที่มาของปลายประสาทอักเสบ ที่ทำให้เกิดอาการชาตามปลายมือปลายเท้า เส้นประสาทไม่สามารถรับรู้ได้ถึงอาการเจ็บปวด แสบร้อน สั่นสะเทือน หรือไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้นได้

เส้นประสาท มีความสำคัญอย่างไร?

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า เส้นประสาทเปรียบเสมือนสายไฟฟ้าที่ลำเลียงพลังงานไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ดังนั้นหากเส้นประสาททำงานผิดปกติ ก็จะส่งให้อวัยวะนั้นๆ ทำงานผิดปกติไปด้วย

เส้นประสาทมี 2 ประเภทใหญ่ๆ ทั้งเส้นประสาทในสมอง ที่ควบคุมจากสมองโดยตรง ไม่ผ่านไขกระดูกสันหลัง ควบคุมการทำงานของประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น การมองเห็น การได้กลิ่น การลิ้มรส การทรงตัว การกลืนอาหาร การขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า การออกเสียง และควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณหัวไหล่ คอ และลิ้น

เส้นประสาทอีก 1 ชนิด คือ เส้นประสาททั่วไปที่กระจายอยู่ทั่วร่างกาย เป็นเส้นประสาทที่ต่อมาอีกทีจากไขกระดูกสันหลัง โดยสามารถแบ่งย่อยเป็นส่วนๆ ทั้งรากประสาทที่ต่อมาจากเส้นประสาทที่ไขสันหลังโดยตรง กลุ่มของรากประสาท และเส้นประสาทส่วนปลาย ที่ดูแลกล้ามเนื้อของอวัยวะต่างๆ

ปลายประสาทอักเสบ มีสาเหตุมาจากอะไร?

ปัจจัยเสี่ยงในการเป็นโรคปลายประสาทอักเสบ

  • พันธุกรรมจากครอบครัว ที่อาจเคยเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการทำงานผิดปกติของเส้นประสาท
  • มีประวัติการติดเชื้อจากโรคใดโรคหนึ่ง
  • ระดับน้ำตาลในเลือดสูง อาจเสี่ยงโรคเส้นประสาทที่เกิดจากโรคเบาหวาน
  • ทำงานโดยใช้ข้อมือมากๆ จนอาจเสี่ยงเป็นโรคเส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ
  • เป็นผู้ป่วยโรคไต ที่ต้องให้การรักษาโดยการฟอกเลือด ฟอกไต

ชาปลายมือปลายเท้า อันตราย เสี่ยงอัมพาต?

เพราะอาการชาตามปลายนิ้วมือนิ้วเท้า เกี่ยวข้องกับการทำงานของเส้นประสาทผิดปกติ ดังนั้นหากมีความผิดปกติจนถึงขั้นเป็นโรคเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ ก็อาจเป็นโรคอัมพาตชนิดหนึ่งที่เรียกว่า โรคอัมพาตเบลล์ ซึ่งเป็นโรคเส้นประสาทสมองที่พบบ่อยที่สุดได้เช่นกัน

ชาปลายมือปลายเท้ามากแค่ไหน ถึงควรไปพบแพทย์?

หากมีอาการชาที่บริเวณปลายมือปลายเท้าเล็กน้อยมากกว่า 2-3 วัน และไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ให้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูก่อน อาจจะออกกำลังกาย เปลี่ยนอิริยายถบ่อยๆ ระหว่างวัน หรือเปลี่ยนที่นอน เปลี่ยนหมอน หากยังไม่ดีขึ้นภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ ควบรีบพบแพทย์ก่อนมีอาการมากขึ้น

จะเห็นได้ว่าอาการชาตามปลายนิ้วมือนิ้วเท้า จะเริ่มพบมากขึ้นในกลุ่มของวัยทำงาน หรือแม้กระทั่งคนที่ทำงานใช้ข้อมือหนักๆ อย่างแม่บ้าน แม่ครัว เนื่องมาจากการใช้ชีวิตที่ทำงานหนัก ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่มีเวลาเปลี่ยนอิริยาบถระหว่างวัน และการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ หรือไม่ถูกต้อง ดังนั้นหากรู้สึกมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยอย่างทันท่วงทีก่อนสายเกินแก้ค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


คำศัพท์ TOEFL: Natural Disaster

หลายๆคนคงเคยได้ยินคำศัพท์เกี่ยวกับภัยธรรมชาติกันแล้ว ทั้งในห้องเรียน หรือจากการติดตามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว (earthquake) ดินถล่ม (landslide)  ไฟป่า (wildfire) หรือเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ (tsunami) ที่เกิดขึ้นในภูเก็ตบ้านเรา ทีนี้เรามาดูคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติธรรมชาติกันครับ

1. anticipate (V.) อ่านว่า แอน-ทิ-ซิ-เพท
คาดการณ์ล่วงหน้า ใช้คำว่า expect หรือ predict ได้เช่นกันครับ

2. catastrophic (Adj.) อ่านว่า แค-แทส-ตรอ-ฟิค
เหตุการณ์ร้าย ทำให้เกิดหายนะทั้งในเชิงกายภาพ หรือทรัพย์สิน

3. collide (V.) อ่านว่า คอล-ลายด์
พุ่งชนอย่างรุนแรง หรือแปลว่า ขัดแย้งกัน ก็ได้

4. eruption (N.) อ่านว่า อิ-รั๊พ-เชิ่น
การระเบิดอย่างกะทันหัน
มักตามหลังด้วย of (eruption of)

5. famine (N.) อ่านว่า แฟ-มิน
ภาวะความขาดแคลนอาหาร มักมาพร้อมกับโรคติดต่อ (epidemic)

6. flood (N.) อ่านว่า ฟลั่ด
น้ำท่วม

7. impact (N.) อ่านว่า อิม-แพ็คท์
ผลกระทบ ในบริบทของสื่อจะแปลว่า สิ่งจูงใจ ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมเกิดความคล้อยตามได้
มักตามหลังด้วย on หรือ of (impact on/of)

8. persevere (V.) อ่านว่า เพอ-เซอ-เวียร์
มีความมุ่งมั่น ความพยายาม คำว่า endure (อดทน) หรือ persist (ยืนกราน) มีความหมายใกล้เคียงกันครับ

9. plunge (V.) อ่านว่า พลันจ์
พุ่งลงไปอย่างแรง ใช้ได้กับสิ่งของ หรือตัวเลข เช่นผลประกอบการของบริษัท หรือยอดขาย เป็นต้น
มักจะตามหลังด้วย into (plunge into)

10. unleash (V.) อ่านว่า อัน-ลีช
ปล่อย อาจเป็นสิ่งของ หรือเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกก็ได้ครับ

แบบฝึกหัด TOEFL

Choose the word that best complete each sentence.

1. Residents of Hawaii must accept the possibility of a volcanic (eruption/perseverance).

2. Years after the accident, she was finally able to (anticipate/unleash) her feelings of anger.

3. Houses along the river often face (famine/flooding) during the rainy season.

4. Many people think it is cruel to (collide/plunge) live lobsters in boiling water.

5. A well-written essay should make some kind of (catastrophe/impact) on its readers.

.
.
.
.
.
.
เฉลย

1. eruption
2. unleash
3. flooding
4. plunge
5. impact

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


เทคโนโลยี ChatGPT จะทำให้เราตกใจหรือตกงาน?

เทคโนโลยี ChatGPT จะทำให้เราตกใจหรือตกงาน? : บทความโดยทีมสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

นาทีนี้ หากพูดถึง ChatGPT น้อยคนนัก ที่ไม่เคยได้ยินเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์สุดล้ำนี้ ผ่านจากการพัฒนาของบริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) ที่สามารถตอบคำถามได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาที่สั้นที่สุด หลายๆ คนก็ได้มีโอกาสเข้าไปทดลองใช้ ChatGPT และได้ตระหนักถึงความทรงพลังของแชตบอตนี้ 

ความดังของ ChatGPT นั้น พิสูจน์ได้ด้วยการเป็นแอพพลิเคชั่นที่มีผู้ใช้ที่เติบโตเร็วที่สุด มียอดคนเข้าถึงมากที่สุดทั่วโลกในเวลาน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีผู้สมัครใช้งานมากกว่า 100 ล้านผู้ใช้งานในระยะเวลาเพียง 2 เดือนหลังจากมีการเปิดตัว และมีผู้เข้าชมถึง 590 ล้านครั้งในระยะเวลา 1 เดือน เอาชนะ TikTok ที่ใช้เวลา 9 เดือน และ Instagram ที่ใช้เวลาถึง 2 ปี ในการมีผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านคน 

ChatGPT เป็นโมเดลการเรียนรู้ที่มีความสามารถในการสร้าง ข้อความภาษาธรรมชาติ ที่ดูเหมือนจะเขียนโดยมนุษย์ ด้วยการใช้เทคนิค Natural Language Generation หรือ NLG โดย ChatGPT สามารถตอบคำถาม สร้างข้อความ แปลภาษา และทำงานในรูปแบบสนทนาจำลองได้ดี   

ถ้าจะให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ Chatbot ที่มาจาก “Chat” และ “Robot” หรือ ซอฟแวร์ที่ทำหน้าที่เหมือนหุ่นยนต์ที่สามารถพูดคุยตอบคำถามต่าง ๆ (ซึ่งก็คือการ Chat) ได้เหมือนกับการคุยกับคนที่เป็นผู้รู้ หรือเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ ส่วนคำว่า “GPT” มาจากคำว่า Generative Pre-trained Transformer ซึ่งเป็นเสมือน “สมอง” ของโปรแกรม Chatbot นี้ 

นอกจากนี้ คำว่า GPT ได้รวมองค์ประกอบสำคัญ 3 สิ่ง โดยสิ่งแรกคือคำว่า Generative ซึ่งสะท้อนถึงการเป็น Generative Artificial Intelligence ที่มีความสามารถในการสร้างคำพูด ข้อความ หรือแม้แต่รูปภาพใหม่ ๆ ที่แตกต่าง และไม่ได้อยู่ในชุดข้อมูลที่ใช้สอนซอฟแวร์ปัญญาประดิษฐ์ (แต่ก็จะต้องมีความเชื่อมโยงกันเพื่อประสิทธิภาพของผลลัพท์) โดยอ้างอิงการรับคำสั่งจากผู้ใช้งาน ดังนั้น องค์ประกอบนี้ทำให้ ChatGPT เป็นซอฟแวร์ที่มีความ “ครีเอทีฟ” หรือสามารถช่วยงานในด้านที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้ดี 

องค์ประกอบต่อไปคือคำว่า Pre-trained ที่สะท้อนถึงลักษณะการสร้างซอฟแวร์ปัญญาประดิษฐ์ที่ถูก “สอนไว้ล่วงหน้า” หรือ “Pre-trained” แทนการสร้างซอฟแวร์ปัญญาประดิษฐ์จากศูนย์ ซึ่งจะทำให้ปัญญาประดิษฐ์ประเภทนี้สามารถถูกนำไปใช้งานได้ง่ายและรวดเร็ว  

หากอ้างอิงข้อมูลจาก BBC Science Focus ซึ่งรายงานไว้ว่า GPT-3 ซึ่งแบบจำลองปัญญาประดิษฐ์เชิงภาษาและเป็นสมองของ ChatGPT (ปัจจุบัน ChatGPT ที่เปิดให้ใช้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ใช้ GPT-3.5 ที่ได้พัฒนามาจาก GPT-3

โดยในส่วนของ ChatGPT Plus ที่คิดค่าบริการ จะใช้เทคโนโลยี GPT-4 ที่มีความสามารถสูงขึ้น)  ถูกสอนด้วยข้อมูลมากมายในอินเตอร์เนตในรูปแบบของข้อความ (Text) ที่มากถึง 570 กิกะไบต์ และเทียบเท่ากับการนำคำ (words) มากกว่า 3 แสนล้านคำมาใช้ในการสอน 

ดังนั้น สมองของ ChatGPT จึง “รู้มาก” และสามารถใช้งานโต้ตอบกับผู้ใช้ได้หลากหลายบริบท  

สำหรับส่วนสุดท้ายซึ่งคือคำว่า Transformer  ซึ่งสะท้อนถึงรูปแบบการ “เรียนรู้เชิงลึก” หรือ Deep Learning รูปแบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม โดยหนึ่งในลักษณะเด่นคือความสามารถในการ “รู้จักเลือกจุดสนใจ”  (ซึ่งก็คือการไม่ให้ความสนใจกับทุกข้อมูลอย่างเท่าเทียมกัน)

โดยลักษณะเฉพาะนี้จะมีความสำคัญเป็นพิเศษในการสร้างปัญญาประดิษฐ์เชิงภาษา  เพราะการที่คนเราจะเข้าใจภาษาได้ดีนั้น เราเองต้องรู้จักเลือกจุดสนใจ 

ตัวอย่างเช่น ในประโยคที่กล่าวว่า “หนังสือที่ฉันซื้อมาเมื่อวาน มันได้หายไปแล้ว” โดยการที่เราจะเข้าใจคำว่า “มัน” ให้ถูกต้อง เราจะต้องรู้จักเลือกจุดสนใจและรู้ว่า “มัน” หมายถึง “หนังสือ”  

ดังนั้นปัญญาประดิษฐ์เชิงภาษาที่มีลักษณะเด่นนี้ จึงมีความสามารถทางภาษาที่สูงขึ้นกว่าปัญญาประดิษฐ์เชิงภาษารุ่นก่อน ๆ ค่อนข้างมาก

จากที่เราได้เข้าใจมากขึ้นแล้วว่า ChatGPT คืออะไร แล้วงานประเภทไหนบ้างที่จะได้รับผลกระทบจากซอฟแวร์ปัญญาประดิษฐ์นี้ แม้ว่าคำถามนี้เป็นคำถาม “ยอดฮิต” ที่ได้รับความสนใจมากและมีบทความมากมายที่พยายามเขียนและตอบคำถามนี้  

อย่างไรก็ดี บทความส่วนมากหรือเกือบทั้งหมด  มักถูกเขียนขึ้นจากความเห็นส่วนตัว และไม่ได้อ้างอิงกรอบแนวคิดใด ๆ  ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาในประเด็นนี้ บทความนี้จึงอาศัยกรอบแนวคิดจากงานวิจัยของ Erik Brynjolfsson อาจารย์จากมหาวิทยาลัย Stanford (Brynjolfsson and Mitchell, 2017)  ที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Science  ซึ่งเป็นวารสารที่มี CiteScore  สูงเป็นอันดับที่ 25 (อ้างอิงจาก Scopus) ของโลกจากการจัดอันดับวารสารมากกว่า 40,000 วารสารจากทุกสาขาทั้วโลก 

งานวิจัยชิ้นนี้ได้สร้างเกณฑ์การประเมิน (Rubric) เพื่อพิจารณาว่าซอฟแวร์ปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้ Machine Learning (ซึ่ง ChatGPT ก็จัดอยู่ในประเภทนี้)  จะสามารถทำงานหรือกิจกรรมประเภทใดได้ โดยเกณฑ์การประเมินมีทั้งหมด 21 ข้อ  

โดยบทความนี้ได้คัดเลือกเกณฑ์การประเมินหลัก 8 ข้อในรูปแบบคำถามตามภาพที่ 1 ซึ่งการให้คะแนนจะเป็นการให้คะแนนตั้งแต่ 1 ถึง 5  โดยยิ่งคะแนนมากจะยิ่งหมายความว่า ซอฟแวร์ปัญญาประดิษฐ์จะมีโอกาสทำงาน หรือ กิจกรรมประเภทนี้ได้มากขึ้น 

หลังจากที่เราทราบถึงเกณฑ์การประเมินข้างต้นแล้ว  เราลองมาพิจารณากันดูว่า งาน หรือ กิจกรรมประเภทไหนที่ซอฟแวร์ปัญญาประดิษฐ์อย่าง ChatGPT จะสามารถทำได้แทบทั้งหมด ทำได้บางส่วน หรือ ทำไม่ค่อยได้

หากอ้างอิงจากการสำรวจของกรมการจัดหางานถึงสถานการณ์การทำงานในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2565 ไตรมาสที่ 3 ประเทศไทยมีผู้ทำงานคิด เป็น 39.6 ล้านคน  อยู่ในภาคบริการและการค้า 18.6 ล้านคน ภาคเกษตรกรรม 12.5 ล้านคน และภาคการผลิต 8.5 ล้านคน  ซึ่งอาชีพตัวอย่างที่เป็นที่นิยมอย่างมากใน 3 อุตสาหกรรมนี้ได้แก่ อาชีพพนักงานขายออนไลน์ อาชีพเกษตรกร และ เจ้าหน้าที่วางแผนการผลิต ภาพที่ 2 นำเสนอคะแนนการประเมินของอาชีพเหล่านี้

อาชีพแรกซึ่งเป็นหนึ่งในอาชีพที่มาแรงในหมู่คนไทย โดยเฉพาะในยุคโรคระบาดโควิด-19 คือ อาชีพค้าขายออนไลน์ในธุรกิจ E-Commerce ในอุตสาหกรรมภาคบริการและการค้า อาชีพพนักงานขายออนไลน์ หรือ Online Merchants

ตามคำอธิบายลักษณะอาชีพของ O*NET อาชีพพนักงานขายออนไลน์นั้น มีกิจกรรมงานที่ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการจัดการกับข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าในอินเทอร์เน็ต เพื่อตามสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลง  

นอกจากนี้กิจกรรมที่สำคัญอีกกิจกรรมหนึ่งคือ การทำหน้าที่ดึงดูดให้คนมาสนใจและซื้อสินค้า

และจากการให้คะแนนตามเกณฑ์นั้น พนักงานขายออนไลน์ได้คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.85 จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน เพื่อเป็นการประเมินเพิ่มเติมผู้เขียนลองถาม ChatGPT  โดยตรงว่าทำกิจกรรมเหล่านี้ได้หรือไม่ 

ปรากฏว่า ChatGPT สามารถช่วยรวบรวมข้อมูลที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของผลิตภัณฑ์ การวิเคราะห์ตลาด การเตรียมคอนเทนท์สำหรับการโฆษณาสินค้า หรือ การช่วยตอบคำถามลูกค้า 

อย่างไรก็ดี การขายของให้ผู้อื่นซึ่งรวมไปถึงการเชิญชวน โน้มน้าวใจให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อสินค้านั้น เป็นสิ่งที่ ChatGPT ยังทำไม่ได้ ChatGPT ทำได้เพียงการให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่ผู้บริโภคเท่านั้น โดยสรุป ChatGPT สามารถทำกิจกรรมงานของอาชีพพนักงานขายออนไลน์ได้ถึง 4 จาก 5 หน้าที่หลัก

อาชีพต่อมาซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมภาคเกษตรกรรม คือ เกษตรกร หรือ Farmworkers and Laborers, Crop, Nursery, and Greenhouse ตามอาชีพที่ระบุไว้ใน O*NET ซึ่งจำเป็นต้องใช้แรงงานในการปลูก ดูแลพืช และการจัดการบ้านเรือนกระจก กิจกรรมงานของอาชีพนี้ส่วนใหญ่รวมไปถึงการใช้แรงงานและงานฝีมือ ที่ต้องใช้การขยับร่างกายเป็นอย่างสูงสำหรับการดูแลผลิตผล

โดยคะแนนเฉลี่ยที่ออกมานั้นเท่ากับ 3.07 และเมื่อพูดคุยกับ ChatGPT นั้น มีกิจกรรมที่ ChatGPT ทำได้เพียง 2 จาก 5 กิจกรรมที่เป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อการพัฒนาการปฏิบัติงาน

ต่อมาอาชีพสุดท้ายคือ เจ้าหน้าที่วางแผนการผลิต หรือ Production, Planning, and Expediting Clerks หากอ้างอิงกิจกรรมงานจาก O*NET และการให้คะแนนตามเกณฑ์ข้างต้น พบว่า คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 4.02 และมีกิจกรรมถึง 4 จาก 5 กิจกรรมที่ ChatGPT สามารถช่วยปฏิบัติงานได้เมื่อถาม ChatGPT โดยตรง ซึ่งหนึ่งกิจกรรมที่ ChatGPT ไม่สามารถทำแทนผู้ปฏิบัติงานได้นั้นคือการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน 

จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมด ChatGPT สามารถช่วยงานได้หลายหลายประเภท ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า งานแทบทุกประเภท ChatGPT จะมีโอกาสที่จะเข้ามาช่วยทำงานในบางส่วน 
อย่างไรก็ดี ความสามารถของ ChatGPT นั้น ไม่สามารถทำได้ทุกอย่างตาม job description

ดังนั้น สำหรับอาชีพที่คนไทยทำอยู่เป็นจำนวนมาก มนุษย์ยังคงเป็นผู้ขับเคลื่อนที่สำคัญอยู่ (เพราะถ้าขาดมนุษย์ก็จะไม่สามารถทำงานให้ได้ครบทุกกิจกรรมของงาน) 

เพราะฉะนั้นผู้เขียนเชื่อว่า มุมมองที่เราทุกคนควรมองเทคโนโลยีอย่าง ChatGPT นั้น ควรเป็นมุมมองที่ใกล้เคียงกับคำกล่าว ที่ Ginni Rometty อดีต CEO ของ IBM ได้เคยพูดถึงปัญญาประดิษฐ์ไว้ว่า ในความเป็นจริงแล้วนั้นปัญญาประดิษฐ์จะมาช่วยเสริมสติปัญญาของเรา 

เพราะฉะนั้น หากมนุษย์เรามีสติที่จะเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้อง เราจะไม่ต้องกลัว หรือตกใจกับความสามารถของเทคโนโลยีเลย คนที่ตกใจแล้วไม่คิดที่จะเรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีต่างหากที่อาจจะตกงาน เพราะจะมีคนทำงานคนอื่นๆ ที่รู้จักใช้เทคโนโลยี และส่งผลให้พวกเค้าเหล่านั้น เป็นแรงงานมีผลิตภาพเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ได้รับความต้องการอย่างมากจากตลาดแรงงาน 


บทความโดย…ทีมสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาฯ รศ.ดร.ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์, ผศ.ดร.ภัทเรก ศรโชติ, ศ.ดร.เกื้อ วงศ์บุญสิน, รศ.ดร.พัฒนาพร ฉัตรจุฑามาส , นางสาวอินทิรา วิจิตรตระการสม  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“เมล่อน” กับ 7 ประโยชน์ที่ได้มากกว่ารสอร่อยหวานฉ่ำ

เมล่อน นับว่าเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่หลายคนชื่นชอบ ด้วยกลิ่นที่หอมหวาน และรสชาติที่หวานฉ่ำน้ำ ไม่แปลกใจเลยใช่ไหมล่ะคะว่า ทำไมเมล่อนจึงเป็นผลไม้ที่หลายคนนิยมบริโภคกันมากจนถึงปัจจุบันนี้ นอกจากรสชาติที่อร่อยถูกปากแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนไปรู้จักกับผลไม้ชนิดนี้ให้มากขึ้นกันค่ะ

ทำความรู้จัก เมล่อน (Muskmelon) ผลไม้รสหวานฉ่ำประจำฤดูร้อน

เมล่อน หรือ เมลอน (Muskmelon) เป็นพืชในตระกูล Cucurbitaceae มีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปแอฟริกา มีหลักฐานบันทึกว่าชาวอียิปต์เคยปลูกแตง (คือ เมล่อน/แคนตาลูปในปัจจุบัน) เมื่อ 500 ปีที่แล้ว โดยพระเจ้าชาร์ลส ที่ 8 พระมหากษัตริย์ประเทศฝรั่งเศส (Charles VIII l’Affable) นำแตงมายังฝรั่งเศสและประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป และตั้งชื่อผลไม้ชนิดนี้ว่า แคนตาลูป (Cantaloupe) โดยชื่อนี้นั้นมีที่มาจากเมืองหนึ่งในประเทศอิตาลี ที่มีชื่อว่า แคนตาลูโป้ (Cantalupo)


ข้อมูลโภชนาการ

เมล่อนเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ โดยข้อมูลโภชนาการของเมล่อน 1 ถ้วย ปริมาณ 177 กรัม มีดังนี้

พลังงาน 64 แคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต 16 กรัม ไฟเบอร์ 1.4 กรัม โปรตีน 1 กรัม ไขมัน 0 กรัม วิตามินซี 5 คิดเป็น 3% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน วิตามินบี 6 คิดเป็น 8% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน โฟเลต คิดเป็น 8% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน วิตามินเค คิดเป็น 6% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน โพแทสเซียม คิดเป็น 12% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน แมกนีเซียม คิดเป็น 4% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน


ประโยชน์ของเมล่อนที่คุณอาจไม่เคยรู้

  1. ลดความดันโลหิตสูง

เมล่อนเป็นผลไม้ที่มีโซเดียมต่ำและมีโพแทสเซียมสูง อาจช่วยรักษาระดับความดันโลหิตให้แข็งแรง อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจอีกด้วย

  1. บำรุงกระดูก

ในเมล่อนอุดมไปโฟเลต วิตามินเค และแคลเซียม ที่มีส่วนสำคัญในการบำรุงกระดูก ช่วยป้องกันการสึกหรอของกระดูกและช่วยเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรง

  1. เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว

หลังการออกกำลังกาย เพียงรับประทานเมล่อนหรือน้ำเมล่อน จะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้คุณพร้อมเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวอีกด้วย

  1. เสริมคอลลาเจนให้ผิว

เมล่อนมีวิตามินซีสูง ที่มีความเกี่ยวข้องในการผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนช่วยในการซ่อมแซมผิวหนังไม่ให้เสื่อมสภาพก่อนวัย นอกจากนี้วิตามินซียังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพในปกป้องผิวอีกด้วย

  1. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

เป็นที่ทราบกันดีว่า วิตามินซี นั้นช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ปกป้องผิวจากแสงแดด ป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจและรักษาระบบต่างๆภายในร่างกาย เช่น โรคปอดบวมและโรคไขข้อ

  1. ระบบย่อยอาหาร

เมล่อนนั้นมีไฟเบอร์ ที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ช่วยเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้

  1. บำรุงดวงตา

สารประกอบแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ในเมล่อนช่วยบำรุงสุขภาพดวงตา ช่วยให้การมองเห็นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 3/07/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a31,850.0031,950.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,063.0031,275.0832,450.00
ทองรูปพรรณ 90%1,856.7028,147.57n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,650.4025,020.06n/a
ทองรูปพรรณ 50%928.0014,068.48n/a
ทองรูปพรรณ 40%722.0010,945.52n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,138.0032,412.08n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 3/07/2566


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.1535.1535.1535.1535.1535.1535.1535.1535.1535.15
แก๊สโซฮอล์ 9134.8834.8834.8834.8834.8834.8834.8834.8834.8834.88
แก๊สโซฮอล์ E2032.8432.8432.8432.8432.8432.8432.8432.8432.84
แก๊สโซฮอล์ E8533.2933.2933.29
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม42.6446.3446.9446.4442.64
เบนซิน 9542.9443.8143.4443.0942.94
ดีเซล B731.9431.9432.2431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.2431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.2431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม38.9439.9439.9441.7641.7638.94
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า