อัดแสนล้านลุยรถไฟฟ้า เวนคืนตัดถนน ใหม่ พลิกโฉมศาลายาบูม”นครปฐม”
คมนาคม ปูพรม ระบบรางรถไฟฟ้า เวนคืนตัดถนนใหม่ พรึบแสนล้าน ดันนครปฐมบูมเมืองอยู่อาศัย -อุตสาหกรรม เกษตรชุมชน ยกระดับผังเมืองเอื้อพัฒนา พุทธมณฑลดงบ้านหรู ลากสายสีแดง เชื่อมศาลายา ปั้น TOD เมืองมหาวิทยาลัยมหิดลเชื่อมกทม.
นครปฐม จังหวัดปริมณฑลตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุงเทพมหานคร (กทม.)เมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมโบราณด้วย จุดเด่นชัยภูมิติดต่อจังหวัดใกล้เคียง รอบทิศทาง และมีระยะทางห่างจากกรุงเทพฯเพียง 56 กิโลเมตรโดยมีถนนบรมราชชนนีและสะพานพระราม8 เชื่อมเข้าใจกลางเมือง
ปัจจุบัน มีความเจริญอย่างมากจากการลงทุนโครงพื้นฐานรัฐส่งผลให้เกิดการไหลบ่าของการพัฒนาที่อยู่อาศัยออกมายังฝั่งนครปฐมมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯ ที่เบื่อหน่ายความแออัดคับคั่งในเมืองหลวง ต้องการมองหาความเงียบสงบชานเมืองแต่ใช้เวลาเดินทาง เข้าสู่ใจกลางเมืองได้สะดวกรวดเร็ว
พุทธมณฑลทำเลฮอตเชื่อมกทม.
โดยเฉพาะ พื้นที่3 อำเภอ ศักยภาพด้านที่อยู่อาศัยและการลงทุน ได้แก่ 3 อำเภอ ใกล้กรุงเทพฯ ได้แก่ 1. อำเภอพุทธมฑล 2. อำเภอสามพราน 3.อำเภอนครชัยศรี โดยพุทธมณฑล มีจุดเด่นเชื่อมกับกรุงเทพฯเป็นเนื้อเดียว โดยเขตปกครองของนครปฐม เริ่มตั้งแต่พุทธมณฑลสาย4 เป็นต้นไป ที่ปัจจุบันเต็มไปด้วยหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ อาณาจักรบ้านหรูของบิ๊กแบรนด์ที่ปัจจุบันมีโครงข่ายถนนตัดใหม่ของกรุงเทพมหานคร จากพรานนก ไปยังพุทธมณฑสาย4 ถนนตัดใหม่ในพื้นที่ กรุงเทพฯ (ฝั่งธนบุรี) และจังหวัดนครปฐมโดยต่อขยายถนนพรานนกจากสามแยกไฟฉายไปบรรจบถนนพุทธมณฑลสาย 4 ระยะทาง 16.4 กิโลเมตร
เส้นทางลัดเข้าออกเมืองที่สำคัญและมีบ้านจัดสรรเข้าจับจองพื้นที่กันมากรวมถึงการเวนคืนตัดถนนลากจากพุทธมณฑลสาย4 เชื่อมทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) บางใหญ่-กาญจนบุรี และยังมีส่วนต่อขยายสายสีนํ้าเงินลากต่อจากฝั่งธนบุรี ต่อจากสถานีหลักสอง กรุงเทพฯ ไปยังพทุธมณฑลสาย4 คาดว่าราคาที่ดินขยับสูงและมีการจัดจองที่ดินพัฒนาคอนโดมิเนียมกันอย่างสนุกมือ รวมถึงตำบลศาลายามีความเจริญอย่างมากมีมหาวิทยาลัยและศูนย์การค้าอย่างเซ็นทรัลมาลงในพื้นที่
ขณะอำเภอสามพรานส่วนใหญ่เน้นเมืองเกษตกรรมแหล่งผลิตส้มโอขนาดใหญ่และ สวนกล้วยไม้ ส่งออกระดับโลก ทำให้ พื้นที่ดังกล่าวถูกกำหนดเป็นพื้นที่สีเขียว โดยเฉพาะตำบลทรงคะนอง ติดกับแม่นํ้า ท่าจีนจึงห้ามพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรเพราะเสี่ยงนํ้าเสียที่ปล่อยมาจากบ้านจัดสรรทำให้ผลผลิตเสียหายส่วนอำเภอนครชัยศรีเป็นเมืองโรงงานสีเขียวรองรับเกษตรกรรมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้พื้นที่และประเทศจำนวนไม่น้อย
รายงานข่าวจากสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนครปฐม สะท้อนว่าพุทธมณฑล เป็นอำเภอเดียวที่เชื่อมต่อกับกรุงเทพฯแบบไร้รอยต่อเหมือนนนทบุรี เพราะเป็นพื้นที่รองรับการขยายตัวของบ้านจัดสรรมาจากกรุงเทพฯปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำผังเมืองรวมชุมชนอำเภอพุทธมณฑล เพื่อศักยภาพการพัฒนา รองรับเป็นเมืองอยู่อาศัยโดยใช้ FAR สัดส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดินเหมือนกับกรุงเทพฯ เพื่อสร้าง
ปั้น TOD รอบ “มหิดล” รับสายสีแดง
ขณะเดียวกันรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีแผนขยาย จากตลิ่งชันมาตำบลศาลายา อำเภอ พุทธมณฑล ปลายทางที่มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมีแผนพัฒนาเชิงพาณิชย์รอบสถานี หรือTOD ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหิดลศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต โดยจะใช้รูปแบบเดียวกัน ที่มีสายสีแดงพาดผ่าน ซึ่งผังเมืองกำหนดให้บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่สีแดง (พ.5 ) สร้างได้10เท่าของแปลงที่ดิน มุ่งเน้นพัฒนาเชิงพาณิชย์โดยมีมหาวิทยาลัยเป็นศูนย์กลาง
ส่วนบริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัล ศาลายา เป็นแม่เหล็กสร้างความเจริญเข้าพื้นที่โดยรอบแต่ผังเมืองกำหนดให้เป็น พื้นที่สีเขียว (ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม) โซนที่อยู่อาศัยชั้นดีพัฒนาได้เฉพาะบ้านเดี่ยว ขณะราคาที่ดินติดถนนอยู่ในราว 15-20 ล้านบาทต่อไร่ และมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากความต้องการที่ดินเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง
ปูพรมรถไฟฟ้า3สาย
ด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรองรับความเจริญมีต่อเนื่อง มีรายงานข่าวจากกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ว่า กรมฯได้ ศึกษาโครงการเพื่อพัฒนาแบบจำลองการคาดการณ์ความต้องการเดินทางด้วยระบบราง และการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล (พื้นที่ต่อเนื่อง) ระยะที่ 2 หรือ M-MAP 2โดยได้ดำเนินการศึกษาแนวเส้นทางโครงข่ายรถไฟฟ้าจากการทบทวนแผน M-MAP เดิม และแผน M-MAP 2 Blueprint ซึ่งทาง JICA เคยศึกษาไว้ ร่วมกับข้อเสนอแนะจากหน่วยงานและประชาชนในเขตจังหวัดปริมณฑลที่รับฟังความคิดเห็นและที่ปรึกษานำเสนอเพิ่มเติมเพื่อตอบโจทย์นโยบายการพัฒนา
แนวเส้นทางใหม่ระบบรางที่มีความเป็นไปได้ในจังหวัดนครปฐม จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการรถไฟสายสีแดงช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา ระยะทาง 14.8 กิโลเมตร วงเงิน 10,670 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าจ้างที่ปรึกษาจัดประกวดราคา 7 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาวิศวกรอิสระ (ICE) 30 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง (CSC) 271 ล้านบาท ค่างานโยธาและระบบราง จำนวน 8,076 ล้านบาท ค่างานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล 2,284 ล้านบาท
ขณะนี้รฟท.อยู่ระหว่างเตรียมเสนอขออนุมัติโครงการฯหลังจากมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้เสนอส่วนต่อขยายสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา คาดว่าจะเสนอต่อครม.ใหม่ เดือนตุลาคมนี้จากนั้นจะเปิดประมูลในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี พร้อมเปิดให้บริการ 2570
2.N10 รถไฟฟ้าสายศาลายา- มหาชัย และ 3.M8 รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีนํ้าเงิน ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4 ระยะทาง 8 กิโลเมตร 21,197 ล้านบาท ซึ่งเป็นระบบขนส่งมวลชนที่เชื่อมต่อจากสายสีนํ้าเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ
สายสีนํ้าเงิน ไปพุทธมณฑลสาย4
ส่วนต่อขยายสายสีนํ้าเงิน ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4 แนวเส้นทางลากต่อจากสายสีนํ้าเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค ที่สถานีหลักสอง โดยมีลักษณะเส้นทางเป็นทางยกระดับไปตามเกาะกลางของถนนเพชรเกษม ข้ามแยกเพชรเกษม-พุทธมณฑลสาย 2 ซึ่งจะมีโครงการสะพานข้ามแยกในอนาคตจากนั้นแนวเส้นทางจะลดระดับลงเพื่อลดสายส่งไฟฟ้าแรงสูงบริเวณหน้าโรงไฟฟ้าบางกอกน้อย แล้วจึงยกระดับขึ้นไปยังสถานีพุทธมณฑลสาย2 (BS21) และยกระดับเพิ่มขึ้นเพื่อข้ามโครงการสะพานข้ามแยกไปยังสถานีทวีวัฒนา (BS22)
คงระดับเดิมต่อไปจนถึงสิ้นสุดโครงการผ่านสถานีพุทธมณฑลสาย 3 (BS23) ข้ามแยกเพชรเกษม-พุทธมณฑลสาย 3 และโครงการสะพานข้ามทางแยกวิ่งข้ามทางแยกมาเจริญ (ซอยเพชรเกษม 81) และโครงการสะพานข้ามแยกเข้าสู่สถานีพุทธมณฑลสาย 4 (BS24) ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายของโครงการ โดยจะมีอาคารจอดแล้วจรทั้ง 2 ฝั่งของสถานี จำนวน 4 สถานี และอาคารจอดแล้วจร 2 แห่ง
ทางคู่นครปฐม เปิดใช้ก.ย. นี้
ส่วนความคืบหน้ารถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-ชุมพร 421 กิโลเมตร 3.39 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันมีความก้าวหน้างานโยธา 5 สัญญา 96.92% ขณะนี้ได้เปิด ใช้ทางคู่ ช่วงเขาเต่า-ประจวบคีรีขันธ์ประมาณ 78 กิโลเมตร (กม.) แล้ว โดย รฟท. อยู่ระหว่างพิจารณาทยอยเปิดการใช้งานเป็นช่วงๆ เริ่มจากสถานีบางเค็มถึงสถานีหนองศาลา ระยะทาง 48 กิโลเมตร (กม.) ช่วงที่หยุดรถบ้านดอนทรายถึงที่หยุดรถหนองมงคล ระยะทาง 23.77 กิโลเมตร (กม.) คาดว่าจะทยอยเปิดภายในเดือนกันยายน 2566
โดยใช้ระบบเครื่องทางสะดวกและมอบตั๋วทางสะดวก (กรฟ.3) ตามเดิมไปพลางก่อนในระหว่างที่รอติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคมตามสัญญา 6 ปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปประมาณ 50%
ลุยถนน“สาย4-มอเตอร์เวย์ บางใหญ่”
รายงานข่าวจากกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่เชื่อมถนนพุทธมณฑลสาย 4 กับทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 6.5 กิโลเมตรรวมวงเงิน 6,125 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้าง 4,310 ล้านบาท และค่าเวนคืนที่ดิน 1,815 ล้านบาท ปัจจุบันกรมฯได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาออกแบบความเหมาะสมของโครงการฯและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) จะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2566
“หลังจากนั้นกรมฯจะเสนอรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการฯ ต่อคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.)และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) อนุมัติ ภายในปี 2567-2568”
ขณะการเวนคืนและการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินภายในปี 2569-2570 หลังจากนั้นจะดำเนินการหาผู้รับจ้างและเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในปี 2571-2573 คาดว่าจะเปิดใช้บริการภายในปี 2574
ส่วนแนวเส้นทางโครงการก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่เชื่อมโยงถนนพุทธมณฑลสาย 4 กับทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี มีจุดเริ่มต้นบริเวณทางหลวงหมายเลข 3310 หรือ ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ที่เชื่อมต่อกับทางหลวงชนบทหมายเลข นฐ.4006 (แยกหอนาฬิกาศาลายา) จากนั้นแนวเส้นทางมุ่งทิศเหนือผ่านทางรถไฟสายใต้ คลองมหาสวัสดิ์ และคลองนราภิรมย์จากนั้นแนวเส้นทางจะตัดกับทางหลวงชนบท นบ.1011 โครงการถนนต่อเชื่อมถนนนครอินทร์-ศาลายา ทางหลวงชนบท นบ.5014 คลองบางใหญ่ ทางหลวงชนบท นบ.1009 และไปสิ้นสุดที่จุดบรรจบกับทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี โดยรูปแบบถนนเป็นทางหลวงขนาด 6 ช่องจราจร รวมระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร (กม.)
ขณะความคืบหน้ามอเตอร์เวย์ หมายเลข 8 หรือ M8 สายนครปฐม-ชะอำ ระยะทาง 109 กิโลเมตร แบ่งการก่อสร้างออกเป็น2ช่วง ช่วงที่ 1 ช่วงนครปฐม-ปากท่อ ระยะทาง 61 กิโลเมตร และ ช่วงที่ 2 ช่วงปากท่อ-ชะอำ 48 กิโลเมตร ซึ่งกรมฯจะเริ่มดำเนินการนำร่องช่วงนครปฐม-ปากท่อ วงเงิน 43,227 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่างานโยธา 29,156 ล้านบาท งานระบบ 1,783 ล้านบาท และค่าเวนคืนที่ดิน 12,288 ล้านบาท โดย คาดว่าจะเสนอต่อกระทรวงคมนาคมและครม. ใหม่พิจารณารูปแบบการลงทุนในช่วงแรกก่อน ภายในปี 2567
ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างเสนอแผนความต้องการเงินกู้ระยะปานกลาง 5 ปี (เริ่มตั้งแต่ปี 2567-2571) หาก ครม. ใหม่เห็นชอบ จะเริ่มจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและเวนคืนที่ดินภายในปี 2568-2569 หลังจากนั้นจะเริ่มเปิดประมูลให้เอกชนร่วมลงทุนภายในปี 2568 เริ่มก่อสร้างในปี 2569 ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี คาดว่าจะเปิดให้บริการปี 2573
สำหรับแนวเส้นทางมอเตอร์เวย์ สายนครปฐม-ชะอำ (M8) แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ประกอบด้วย ช่วงที่ 1 ช่วงนครปฐม-ปากท่อ 61 กิโลเมตร (กม.) จุดเริ่มต้นโครงการต่อเชื่อมกับ M81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ที่บริเวณทางแยกต่างระดับนครชัยศรี อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม สิ้นสุดเชื่อมต่อมายังทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนธนบุรี-ปากท่อ) อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี
นครอินทร์-ศาลายาคืบ
รายงานข่าวจากกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการถนนต่อเชื่อมถนนนครอินทร์-ศาลายา จ.นนทบุรี, นครปฐม ระยะทางรวมประมาณ 12 กิโลเมตร งบประมาณค่าก่อสร้าง 4,432 ล้านบาท ปัจจุบันกรมฯได้ของบประมาณปี 67 ประมาณ 900 ล้านบาท เพื่อเวนคืนที่ดินในโครงการฯบางส่วน แต่งบเวนคืนที่ดินถูกตัดเหลือ 450 ล้านบาท ซึ่งต้องดูว่าจะได้รับจัดสรรปี 2567 เท่าใด คาดว่าจะต้องรอรัฐบาลใหม่เป็นผู้พิจารณา
แนวเส้นทางโครงการถนนเชื่อมต่อถนนนครอินทร์-ศาลายา จ.นนทบุรี, นครปฐม มีจุดเริ่มต้นจากทางหลวงชนบท นฐ.5035 ที่ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม แนวเส้นทางวางตัวไปทางทิศตะวันออก ผ่านคลอง ตาพริ้ง ผ่านทางหลวงชนบท นฐ.3004 ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ข้ามคลองนราภิรมย์ ตัดผ่านทางหลวงชนบท นบ.5014 ข้ามคลองสามท้าว ตัดทางหลวงชนบท นบ.1001 ตำบลบางใหญ่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ข้ามคลองจีนบ่าย ข้ามคลองขุนเจน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ตลาดคอนโด ตีปีก “ฟรีวีซ่าจีน” รัฐบาลเศรษฐา1
ตลาดคอนโดตีปีก ฟรีวีซ่าจีน รัฐบาล”เศรษฐา1” หนึ่งในนโยบายกระชากเศรษฐกิจ “คอนโด”อานิสงส์ ต่างชาติ โฟกัสจีนเข้าซื้อ
การกระชากกำลังซื้อในหลายด้าน ของรัฐบาล “เศรษฐา1” หลายฝ่ายมองว่าเป็นสัญญาณที่ดี ให้เศรษฐกิจเดินไปข้างหน้าได้ โดยเฉพาะ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประกาศ ให้ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมบริการและท่องเที่ยว ที่ระบุว่า อาจมีการยกเลิการขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว หรือคนจีนที่ต้องการเข้าประเทศไทย
นายสุรเชษฐกองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด บริษัทวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ ประเมินว่า มีผลดีต่อธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยที่ต้องการนักท่องเที่ยวจีนให้กลับเข้ามาประเทศไทยเยอะแบบก่อนหน้านี้ ปัจจุบัน พบว่ามีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเข้ามาในประเทศไทยช่วงตั้งแต่เดือนมกราคม- กรกฎาคมประมาณ 1.853 ล้านคน ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้สิ้นปีคงไม่ได้ 5 ล้านคนตามที่ตั้งเป้าไว้แน่นอน
ดังนั้นเรื่องของการปล่อยฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจากประเทศจีนจึงได้รับการพูดถึงเป็นลำดับแรกๆ และตลาดคอนโดมิเนียม จะได้รับอานิสงค์ไปด้วยแน่นอน แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศของพวกเขาจะไม่ดีก็ตาม
อย่างไรก็ตามยังมีคนจีนที่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อยู่ และเมื่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศพวกเขาไม่น่าสนใจในระยะยาวแล้ว การลงทุนในตลาดประเทศไทยเป็นทางเลือกที่พวกเขาให้ความสนใจแน่นอน เพียงแต่ต้องมีความสะดวกหรือไม่ยุ่งยากต่อพวกเขาเช่นกัน เพราะพวกเขามีทางเลือกที่ค่อนข้างหลากหลายในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นอกประเทศจีน ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่คนจีนต้องการเข้าไปซื้ออสังหาริมทรัพย์มากเป็นอันดับที่ หนึ่ง เหมือนช่วงโควิด-19 อีกต่อไป ดังนั้น ถ้าต้องการกำลังซื้อจากคนจีนก็ต้องเพิ่มความสะดวกในประเทศเรา ส่วนปัญหาในประเทศของเขานั้นก็ให้พวกเขาจัดการเอง
ชาวต่างชาติยังคงเป็นหนึ่ง ในกลุ่มผู้ซื้อสำคัญในตลาดคอนโดมิเนียมของประเทศไทยในทุกๆ ปีจะมีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมโดยชาวต่างชาติคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10-15% ของยูนิตที่มีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยๆเลย และเป็น 1 ในปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการพยายามเหลือเกินที่จะเพิ่มสัดส่วนตรงนี้ให้มากขึ้น เพราะลำพังกำลังซื้อของคนไทยอาจจะไม่เพียงพอในการขับเคลื่อนตลาดคอนโดมิเนียมในระยะยาว
จากข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติในประเทศไทย ช่วงครึ่งแรกของปีพ.ศ.2566ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ คนจีนยังเป็นกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในประเทศไทยมากที่สุด โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมไปทั้งหมด 3,448 ยูนิต มูลค่าคอนโดมิเนียมที่มีการโอนกรรมสิทธิ์รวมแล้ว 16,992 ล้านบาท ซึ่งคิดแล้วเป็นสัดส่วนประมาณ 47%ของคอนโดมิเนียมทั้งหมดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์โดยชาวต่างชาติในประเทศไทยช่วง 6 เดือนแรกของปีพ.ศ.2566
การที่คนจีนโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในประเทศไทยในช่วงครึ่งแรกปีพ.ศ.2566 มากเป็นอันดับที่ หนึ่ง ไม่ใช่เรื่องใหม่ และน่าตกใจเท่าไหร่ เพราะเป็นแบบนี้มาต่อเนื่องมาหลายปี และคงจะมากแบบนี้ไปอีกนาน เพราะเป็นผลพวงจากการที่คนจีนจำนวนมากเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากกว่า 1-2 ครั้ง และโดยทั่วไปแล้วคนจีนที่มีเงินหรือมีรายได้มากพอที่จะเก็บออมส่วนใหญ่เลือกที่จะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศจีนเพื่อการลงทุน
เมื่อรัฐบาลประเทศจีนเริ่มออกกฎระเบียบเพื่อควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ทำให้การลงทุนคอนโดมิเนียมในประเทศจีนเป็นเรื่องไม่ง่ายแบบก่อนหน้านี้ อีกทั้งเมื่อเข้าสู่ช่วงโควิด-19 ปีพ.ศ.2563 เป็นต้นมาทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนจำนวนมากมีปัญหาในเรื่องของเงินทุนหมุนเวียน และมีผลต่อเนื่องไปยังกลุ่มผู้ซื้อจำนวนไม่น้อยที่จ่ายเงินไปแล้วทั้งหมด หรือบางส่วนแต่ยังไม่ได้บ้านหรือคอนโดมิเนียมจากผู้ประกอบการ เพราะยังก่อสร้างไม่เสร็จ และหลายผู้ประกอบการหยุดการก่อสร้างโครงการตนเองไปแล้ว
กลุ่มคนจีนส่วนหนึ่งที่ยังต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จึงเลือกที่จะออกไปลงทุนหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่พวกเขาเลือกเป็นจุดหมายปลายทางในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนจีนที่เข้ามาทำงาน ทำธุรกิจ อีกทั้งยังมีบางส่วนที่ซื้อเพื่อเป็นที่พักอาศัยของบุตรหลานที่เขามาเรียนหนังสือในระดับต่างๆ
ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของคนจีนในประเทศไทยมีจำนวนมากเป็นอันดับที่ 1 ต่อเนื่องมานานหลายปีแล้ว แม้ว่ารัฐบาลจะมีการกำหนดการโอนเงินออกนอกประเทศของคนจีนไว้ที่ 50,000 ดอลล่าร์สหรัฐต่อปีต่อคนหรือประมาณ 1,750,000 บาทก็ตาม แต่ก็ยังมีการพยายามหาช่องทางต่างๆ กันเพื่อนำเงินออกมาซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทย
ช่วงก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนมีความเข้มงวดในการตรวจสอบธุรกิจหลายประเภททั้งขนาดใหญ่ และเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจาสีเทาหรือสีดำ ทำให้เกิดการย้ายของกลุ่มคนจีนที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจเหล่านี้มาอาเซียนโดยเฉพาะประเทศที่อยู่รอบประเทศไทย แล้วอาศัยประเทศไทยเป็นฐานในการเดินทาง พักผ่อน เพราะการเดินทางสะดวก ซึ่งเมื่อการตรวจสอบเริ่มเข้มงวดและเริ่มขยายวงกว้างออกไปในต่างประเทศมากขึ้น ประกอบกับการที่ประเทศจีนเพิ่งผ่านช่วงของซีโร่โควิดมาทำให้รัฐบาลจีนขอความร่วมมือกับประเทศไทยให้นักท่องเที่ยวจีนที่ต้องการเข้าประเทศไทยต้องขอวีซ่านักท่องเที่ยว และเป็นการขอวีซ่าเดี่ยวหรือรายบุคคลเท่านั้น ไม่สามารถขอวีซ่าแบบหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ได้
ก่อนหน้านี้มีสมาคมต่างๆ ด้านธุรกิจการท่องเที่ยวพยายามออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกเรื่องนี้ เพราะทำให้นักท่องเที่ยวจีนจำนวนไม่น้อยหายไป แต่มีบางหน่วยงานบอกว่าเพื่อเป็นการรับทราบข้อมูลของคนจีนที่ต้องการเข้ามาในประเทศไทย และเป็นการตรวจสอบ เฝ้าระวังกลุ่มคนจีนที่อยู่ในฐานข้อมูลของรัฐบาลจีนซึ่งอาจจะมีความเกี่ยวข้องในธุรกิจที่ไม่ถูกต้องในประเทศอื่นๆ แต่ก็มีคนจีนหลายคนที่มีกำลังซื้อมีเงินมากพอก็ใช้พาสปอร์ตจากประเทศอื่นๆ ที่ได้มาจากการลงทุนตามระเบียบของประเทศนั้นๆ ในการเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะพาสปอร์ตของประเทศในสหภาพยุโรป
การที่มีข่าวออกมาว่ารัฐบาลใหม่อาจจะมีการยกเลิกการขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวหรือคนจีนที่ต้องการเข้าประเทศไทยก็อาจจะมีผลดีต่อธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยที่ต้องการนักท่องเที่ยวจีนให้กลับเข้ามาประเทศไทยเยอะแบบก่อนหน้านี้ ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเข้ามาในประเทศไทยช่วงตั้งแต่เดือนมกราคม- กรกฎาคมประมาณ 1.853 ล้านคน ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้สิ้นปีคงไม่ได้ 5 ล้านคนตามที่ตั้งเป้าไว้แน่นอน ดังนั้นเรื่องของการปล่อยฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจากประเทศจีนจึงได้รับการพูดถึงเป็นลำดับแรกๆ และตลาดคอนโดมิเนียมก็จะได้รับอานิสงค์ไปด้วยแน่นอน
แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศของพวกเขาจะไม่ดีก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามยังมีคนจีนที่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อยู่ และเมื่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศพวกเขาไม่น่าสนใจในระยะยาวแล้ว การลงทุนในตลาดประเทศไทยเป็นทางเลือกที่พวกเขาให้ความสนใจแน่นอน เพียงแต่ต้องมีความสะดวกหรือไม่ยุ่งยากต่อพวกเขาเช่นกัน เพราะพวกเขามีทางเลือกที่ค่อนข้างหลากหลายในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นอกประเทศจีน ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่คนจีนต้องการเข้าไปซื้ออสังหาริมทรัพย์มากเป็นอันดับที่ 1 เหมือนช่วงโควิด-19 อีกต่อไป
ดังนั้น ถ้าต้องการกำลังซื้อจากคนจีนก็ต้องเพิ่มความสะดวกในประเทศเรา ส่วนปัญหาในประเทศของเขานั้นก็ให้พวกเขาจัดการเอง !!!
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 4ก.ย.ที่ระดับ 35.12 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทอาจแกว่งตัว sideway หลังโมเมนตัมการแข็งค่าแผ่วลงควรระวังความผันผวนจากฝั่งตลาดการเงินจีน ที่ยังคงเผชิญแรงกดดันจากแนวโน้มเศรษฐกิจจีน อาจกระทบเงินบาทผ่านการอ่อนค่าลงของเงินหยวน
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 4ก.ย.2566 ที่ระดับ 35.12 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาหก่อนหน้า ที่ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่านับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร (แกว่งตัวในกรอบ 34.89-35.16 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าเร็ว
ในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้รายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ของสหรัฐฯ ก่อนที่จะพลิกกลับมาอ่อนค่าลง หลังเงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้น จากรายงานยอดการจ้างงานที่ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงไม่มั่นใจต่อแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของเฟด
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หลังผู้เล่นในตลาดปรับลดโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยและโอกาสเฟดคงดอกเบี้ยได้นานขึ้น
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลักอื่นๆ อาทิ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) พร้อมรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – สัปดาห์นี้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อาจมีไม่มากนัก ทว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (ISM Services PMI) เดือนสิงหาคม โดยนักวิเคราะห์ต่างมองว่า ดัชนี ISM PMI ภาคการบริการอาจอยู่ที่ระดับ 52.5 จุด
สะท้อนว่าภาคการบริการสหรัฐฯ ยังสามารถขยายตัวต่อเนื่องได้ (ดัชนีสูงกว่า 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัว) อย่างไรก็ดี โมเมนตัมการขยายตัวของภาคการบริการนั้นก็ชะลอลงต่อเนื่อง กดดันโดยผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงภาวะการจ้างงานที่เริ่มชะลอตัวลง และนอกเหนือจากรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจโดยเฟด หรือ Fed’s Beige Book
โดยเรามองว่า ผลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจดังกล่าว อาจชี้ว่า ภาคธุรกิจในหลายพื้นที่ของเฟดอาจมีความกังวลต่อแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจมากขึ้น และอาจได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงภาวะสินเชื่อที่ตึงตัว ซึ่งเรามองว่า ภาพดังกล่าว กอปรกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ทั้งอัตราเงินเฟ้อและข้อมูลตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง อาจทำให้เฟด “คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย” ไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนกันยายนนี้ และเราคงมุมมองเดิมว่า เฟดได้ถึงจุดยุติการขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้ไปแล้วและอาจเป็นเรื่องยากที่เฟดจะกลับมาขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤศจิกายน (ล่าสุด ตลาดให้โอกาสราว 35% ในการขึ้นดอกเบี้ย) หากทั้งภาพรวมเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อมีทิศทางชะลอตัวลงมากยิ่งขึ้นในช่วงดังกล่าว
▪ ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) และบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB โดยเราคาดว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ ECB อาจยังคงส่งสัญญาณสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ
เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน แม้ว่าจะชะลอลงบ้าง แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายไปมาก ทั้งนี้ การขึ้นดอกเบี้ยของ ECB อาจมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป หรือ ใกล้ถึงจุดยุติการขึ้นดอกเบี้ย หลังภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวลงมากขึ้น
ซึ่งก็สอดคล้องกับ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (Sentix Investor Confidence) เดือนกันยายน ที่อาจปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ -19.6 จุด (ดัชนี ต่ำกว่า 0 สะท้อนว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ)
▪ ฝั่งเอเชีย – นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างประเมินว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังคงซบเซาอยู่ โดยยอดการส่งออก (Exports) เดือนสิงหาคม อาจหดตัวเกือบ -10%y/y ตามการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจคู่ค้า ขณะเดียวกันผลกระทบจากภาคการส่งออกที่ย่ำแย่อยู่
รวมถึงความต้องการบริโภคในประเทศที่ยังไม่ได้ฟื้นตัวดีขึ้นมาก จะทำให้ยอดการนำเข้า (Imports) อาจหดตัว -8.8%y/y ทั้งนี้ ภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ยังมีปัญหาอยู่ อาจยิ่งหนุนให้ทางการจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ในฝั่งญี่ปุ่น ตลาดคาดว่า เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 อาจขยายตัวกว่า +6%y/y หนุนโดยการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว
ขณะที่ปัจจัยกดดันอาจมาจากฝั่งการส่งออกสินค้า ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ซึ่งตลาดมองว่า RBA อาจเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.10% หลังอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายพอควร
▪ ฝั่งไทย – เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนสิงหาคม มีโอกาสเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 0.7-0.8% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าพลังงาน รวมถึงราคาสินค้าเกษตร (ข้าว ผักและผลไม้) ที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามผลกระทบจากภัยแล้ง
ทั้งนี้ระดับฐานราคาที่สูงในปีก่อนหน้า ทำให้อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย 1-3% ซึ่งเรามองว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังไม่มีความจำเป็นที่ชัดเจน จากเหตุผลด้านเงินเฟ้อในการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย
แต่เราไม่ปิดโอกาสที่ กนง. อาจตัดสินใจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.50% (เราให้โอกาส 45%) จากความต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน หรือ policy space ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงินยังเอื้อต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideway หลังโมเมนตัมการแข็งค่าแผ่วลง ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติว่าจะกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์ไทยต่อเนื่องได้หรือไม่ หลังล่าสุด ทิศทางฟันด์โฟลว์ยังคงผันผวนและไม่แน่นอน
นอกจากนี้ ควรระวังความผันผวนจากฝั่งตลาดการเงินจีน ที่ยังคงเผชิญแรงกดดันจากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ซึ่งอาจกระทบเงินบาทผ่านการอ่อนค่าลงของเงินหยวนจีนได้ อนึ่ง เราประเมินแนวรับแรกของเงินบาทแถวโซน 34.80-35.00 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนแนวต้านแรกจะอยู่ในช่วง 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจยังได้แรงหนุนอยู่ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้สะท้อนภาพเศรษฐกิจชะลอตัวลงชัดเจนและบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างย้ำจุดยืนพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงนี้ ตลาดการเงินยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย
อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.75-35.50 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.00-35.20 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ย้ำแค้นอีกครั้ง! “สาวไทย” ตบคว่ำ เกาหลีใต้ ศึก วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย
การแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2023 ทีมชาติไทย พบ เกาหลีใต้ ที่สนาม โคราช ชาติชาย ฮอลล์, จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 2566
เกมนี้ “โค้ชด่วน” ดนัย ศรีวัชรเมธากุล ส่งผู้เล่นชุดแรกประกอบไปด้วย พรพรรณ เกิดปราชญ์, ทัดดาว นึกแจ้ง, ศศิภาพร จันทรวิสูตร, พิมพิชยา ก๊กรัมย์, วิภาวี ศรีทอง, หัตถยา บำรุงสุข และ ปิยะนุช แป้นน้อย เป็นตัวรับอิสระ
เซตแรก “นักตบสาวไทย” ออกนำ 5-3 จากนั้นทั้งสองทีมสู้กันได้อย่างสนุกเสมอกัน 15-15 ก่อนที่ “สาวไทย” จะฉีกนำห่าง 20-16 ก่อนปิดเกมเอาชนะไปได้ที่ 25-20 คว้าชัยได้ก่อน 1-0 เซต
เซตสอง เกาหลีใต้ ออกนำ 4-2 เกมเป็นไปอย่างสนุกกลับมาเสมอกัน 8-8 แม้ “สาวแดนโสม” จะทิ้งห่างไป 12-10 แต่ “สาวไทย” ก็พลิกขึ้นนำ 17-15 ก่อนแซงเอาชนะไปได้ 25-22 นำห่าง 2-0 เซต
เซตสาม ทั้งสองทีมออกมาเปิดเกมบุกสู้กันเสมอ 6-6 จากนั้นดวลกันเดือดเสมอ 20-20 ก่อนที่ในช่วงท้าย “สาวไทย” จะนิ่งกว่าเบียดเอาชนะไปได้ 25-23 เก็บชัยไปได้ 3-0 เซต
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันของ นักตบลูกยางสาวไทย ในรายการชิงแชมป์เอเชีย 2023 นัดต่อไปจะพบกับ เวียดนาม ในวันจันทร์ที่ 4 กันยายน 2566 เวลา 18.00 น. แฟนๆ สามารถรับชม และเชียร์ ได้ผ่านการถ่ายทอดสดทาง ช่อง PPTV 36
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
กรดไหลย้อน ภัยจากความเครียด อันตรายถ้าไม่รักษา
โรคกรดไหลย้อน พบได้ทุกเพศ ทุกวัย มักมีอาการแสบร้อนกลางหน้าอกหรือมีการเรอเปรี้ยว หรือมีอาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วย โรคนี้อาจรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือทำให้เสียบุคลิกภาพ แต่หากไม่ทำการรักษาปล่อยไว้เรื้อรังอาจส่งผลรุนแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งหลอดอาหารและเสียชีวิตได้ หากมีอาการกรดไหลย้อน ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยาที่ไม่ถูกวิธีได้
นพ. อนุพงศ์ ตั้งอรุณสันติ แพทย์ชำนาญการด้านโรคระบบทางเดินอาหาร รพ. สมิติเวช สุขุมวิท ระบุว่า “โรคกรดไหลย้อน” คือภาวะที่กรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปอยู่ในหลอดอาหาร ส่งผลให้เกิดอาการแสบร้อนกลางหน้าอกหรือมีการเรอเปรี้ยว ตลอดจนอาการไอหรืออาการเจ็บหน้าอกในบางราย ซึ่งพบได้ทุกเพศทุกวัย รวมถึงสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
กรณีอาการไม่รุนแรงหรือไม่กำเริบบ่อย โรคกรดไหลย้อน อาจเพียงสร้างความรำคาญและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน แต่หากถูกละเลยจนกลายเป็นผู้ป่วยเรื้อรัง อาจส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ โดยเฉพาะภาวะอักเสบเรื้อรังของหลอดอาหารจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุหลอดอาหารส่วนปลาย (Barrett’s esophagus) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งหลอดอาหารในที่สุด
สาเหตุของกรดไหลย้อน
- ความผิดปกติของหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ ซึ่งหูรูดของหลอดอาหารเริ่มเสื่อมสภาพ น้ำย่อยและอาหารในกระเพาะจึงไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหารทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก ซึ่งมักถูกกระตุ้นได้ง่ายจากการรับประทานยาบางชนิด ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
- ความผิดปกติในการบีบตัวของหลอดอาหาร ส่งผลให้หลอดอาหารบีบตัวไล่น้ำย่อยที่ย้อนขึ้นมาได้น้อยลง ทำให้น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารค้างอยู่ในหลอดอาหารนานขึ้น
- กระเพาะอาหารบีบตัวน้อยลง จนไม่สามารถนำอาหารที่ย่อยแล้วลงสู่ลำไส้ได้หมด อาหารจึงค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเป็นเวลานาน เกิดแรงดันในกระเพาะอาหารจนไปดันให้หูรูดเปิดออก อาหารและน้ำย่อยจึงย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหาร
- ปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ
– บุหรี่ การสูบบุหรี่ส่งผลให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมามากขึ้น รวมถึงกระเพาะอาหารบีบตัวน้อยลง จึงทำให้น้ำย่อยและอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหาร
– ความเครียดยังส่งผลให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมามากเกินไป จนเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคกรดไหลย้อน
– การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด ส่งผลให้หูรูดหลอดอาหารคลายตัว โดยเฉพาะอาหารไขมันสูง คาเฟอีน แอลกอฮอล์ และเปปเปอร์มินต์
– การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรดสูง เช่น ส้ม มะนาว รวมถึงอาหารรสจัด ทำให้หูรูดเกิดการระคายเคืองได้
– การรับประทานยาบางชนิด อาจไปกระตุ้นให้เกิดภาวะกรดไหลย้อน โดยผลข้างเคียงของยาจะส่งผลแตกต่างกันในแต่ละบุคคล หากสงสัยควรปรึกษาแพทย์ ไม่ควรหยุดยาหรือซื้อยามารับประทานเอง
– ความอ้วน เนื่องจากคนอ้วนมีความดันในช่องท้องมากกว่าคนทั่วไป ทำให้เกิดความดันในกระเพาะอาหารสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงโรคกรดไหลย้อนเพิ่มขึ้น
– การตั้งครรภ์ เมื่อครรภ์ใหญ่ขึ้นความดันในกระเพาะก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย คุณแม่ตั้งครรภ์จึงมีเสี่ยงต่อการเป็นกรดไหลย้อนมากขึ้น
วิธีตรวจกรดไหลย้อนด้วยตัวเอง
การเช็กอาการของกรดไหลย้อนด้วยตัวเองสามารถทำได้ ดังนี้
- สังเกตอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่ บางครั้งอาจปวดร้าวไปยังลำคอ เหมือนมีก้อนจุกอยู่ กลืนลําบาก แสบคอ คลื่นไส้ เรอบ่อย และมีน้ำย่อยไหลย้อนขึ้นมาจนรู้สึกขมที่คอ
- จุกเสียด แน่นท้อง เหมือนอาหารไม่ย่อย อาจมีกลิ่นปาก หรือเสียวฟันร่วมด้วย
- หลังรับประทานอาหารมักเกิดอาการท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน หรือไอแห้ง ๆ บ่อย ๆ
- เสียงแหบในช่วงเช้า หรือแหบเรื้อรัง ซึ่งอาจเกิดจากกรดที่ไหลย้อนขึ้นมาทำให้กล่องเสียงอักเสบ
- สำลักน้ำลาย หรือหายใจไม่ออกขณะนอนหลับ
วิธีรักษากรดไหลย้อน
- รับประทานยาลดกรด ช่วยลดการหลั่งกรดในกระเพาะ ซึ่งควรรับประทานตามแพทย์สั่ง โดยไม่ซื้อยามารับประทานเองเด็ดขาด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยาที่ไม่ถูกวิธี
- ผ่าตัด สำหรับผู้ป่วยเรื้อรังและผู้ที่ไม่สามารถรักษาด้วยการรับประทานยา หรือได้รับผลข้างเคียงจากยา
วิธีป้องกันกรดไหลย้อน
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดมากเกินไป เช่น อาหารไขมันสูง และอาหารรสจัด งดเครื่องดื่มคาเฟอีนและ แอลกอฮอล์ รวมถึงเลิกสูบบุหรี่
- ลดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ควบคุมน้ำหนัก โดยการควบคุมอาหารและหมั่นออกกำลังกาย
- ไม่นอนราบ ออกกำลังกาย หรือทำงานที่ต้องก้ม ๆ เงย ๆ ทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ โดยควรรอให้อาหารย่อยประมาณ 2-3 ชั่วโมง
- ไม่ควรนอนหลังรับประทานอาหารทันที ควรรออย่างน้อย 3 ชั่วโมง
โรคกรดไหลย้อนระหว่างตั้งครรภ์
คุณแม่ตั้งครรภ์มักประสบกับภาวะกรดไหลย้อน โดยเฉพาะเมื่อครรภ์เข้าสู่ไตรมาสท้ายๆ เนื่องจากขนาดของมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นไปเบียดกระเพาะอาหาร จนกรด และอาหารในกระเพาะไหลย้อนกลับขึ้นมายังหลอดอาหาร รวมถึงผลกระทบจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงขณะตั้งครรภ์ ส่งให้ระบบย่อยอาหารทำงานลดลง
อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่ตั้งครรภ์เกิดอาการกรดไหลย้อนไม่ควรซื้อยาลดกรดมารับประทานเองเด็ดขาด เนื่องจากยาบางชนิดอาจมีผลกระทบต่อทารกในครรภ์หรือตัวคุณแม่เอง โดยควรปรึกษาแพทย์เพื่อดูอาการและทำการรักษา
โรคกรดไหลย้อนอาจรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือทำให้เสียบุคลิกภาพ แต่หากไม่ทำการรักษาปล่อยไว้เรื้อรังอาจส่งผลรุนแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งหลอดอาหารและเสียชีวิตได้ ดังนั้นควรดูแลสุขภาพอนามัยอยู่เสมอ พยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่างๆ ที่ให้เกิดโรคกรดไหลย้อน รวมถึงปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อห่างไกลจากกรดไหลย้อนอย่างจริงจังและยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รวมคำนามที่ไม่ต้องมี article นำหน้า
หลักๆแล้ว คำนามที่ไม่ต้องเติม Article หรือ A An The นำหน้า คือคำนามที่กล่าวขึ้นมาลอยๆโดยไม่มีวลี (phrase) หรืออนุประโยค (clause) อื่นใดมาขยายตามหลัง เพื่อให้เป็นคำนามเฉพาะ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท นั่นคือนามนับไม่ได้และนามพหูพจน์ค่ะ
คำนามพหูพจน์ (Plural Noun) หรือคำนามที่แสดงออกถึงสิ่งของที่มีมากกว่า 1 ชิ้นนั่นเอง ยกตัวอย่าง เช่น Students should wear school uniform สังเกตได้เลยว่า students คำนี้เป็นนักเรียนทั่วๆไป ไม่เฉพาะเจาะจงว่าเป็นนักเรียนคนไหน แต่ถ้ามีประโยคมาขยายต่อ ต้องไม่ลืมที่จะใส่ article กันด้วยนะจ๊ะ
อย่างเช่นประโยคนี้เลย The students in this class are very nice.
คำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun) หรือคำนามที่ไม่สามารถระบุจำนวนได้ เช่น rice tea homework เป็นต้น ถ้าเจอคำนามเหล่านี้ โดยไม่มีวลีหรืออนุประโยคมาขยายต่อ คำนามนั้นจึงไม่ต้องเติม article นำหน้านั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น Water is good for your health. แต่ถ้ามี phrase หรือ clause มาต่อท้าย ก็ต้องไม่ลืมที่จะใส่ The เช่นกันค่ะ
ต่อไปเป็นคำนามประเภทต่างๆที่ไม่ต้องเติม Article หรือ A An The นำหน้าค่ะ
1. คำนามที่เป็นชื่อวิชาและภาษา
Math is my favorite subject.
คณิตศาสตร์เป็นวิชาโปรดของฉัน
He teaches English and Thai.
เขาสอนวิชาภาษาอังกฤษและภาษาไทย
2. คำนามที่เป็นชื่อกีฬา
My favorite sport is boxing.
กีฬาโปรดของฉันคือต่อยมวย
3. คำนามที่เป็นชื่อทวีป ประเทศ เมือง มหาวิทยาลัย โรงเรียน
Bangkok is my home town.
กรุงเทพคือบ้านเกิดของฉัน
My sister graduated from Chulalongkorn University.
พี่สาวฉันเรียนจบจากจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย
4. คำนามที่เป็นชื่อมื้ออาหาร ฤดูกาล ศาสนา วัน เดือน
My family often eat dinner after 6pm.
ครอบครัวของฉันมักจะกินข้าวหลังหกโมงเย็น
April is the hottest month of the year.
เมษายนเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในรอบปี
5. คำนามที่เป็นชื่อสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อน้ำตก ชายหาด สวนสาธารณะ สถานี สนามบิน ปราสาท พระราชวัง วัด
I will arrive at Suvarnabhumi Airport in the evening.
ฉันจะถึงสนามบินสุวรรณภูมิตอนบ่าย
Erawan Falls is located in Kanchanaburi Province.
น้ำตกเอราวัณอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี
6. คำที่ใช้เรียกสมาชิกในครอบครัว เครือญาติ
Father has to work hard to take care of family members.
คุณพ่อต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงครอบครัว
Mother loves gardening.
คุณแม่ชอบทำสวน
7. คำนามที่อยู่ในบันทึก ป้ายประกาศ สัญญาณ ป้ายสินค้า การพาดหัวข่าว ชื่อหนังสือ และโทรเลข
Speed Limit จำกัดความเร็ว
Narrow Bridge สะพานแคบ
8. คำนามที่ไปเรียงตามสำนวน king of, sort of, type of, make of, brand of, variety of, species of
ในกรณีที่มีความหมายว่า “แบบ” “ยี่ห้อ” หรือ “ชนิด” เราจะไม่ใช้ article นำหน้าค่ะ เช่นประโยคนี้
Which type of bags do you use ?
คุณใช้กระเป๋าแบบไหนอยู่?
9. คำนามที่เป็นชื่อเฉพาะของคน (Proper Noun)
Where is Mr. Somsak?
คุณสมศักดิ์อยู่ที่ไหน?
10. คำนามประเภท ชื่อถนน, สวนสัตว์, วงเวียน, วันสำคัญทางศาสนา และวันหยุดทางราชการ
Nawamin Road ถนนนวมินทร์
Ladprao Road ถนนลาดพร้าว
11. คำนามที่เป็นชื่อของโรคต่างๆ
AIDS โรคเอดส์
Malaria โรคไข้จับสั่น
Cancer โรคมะเร็ง
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
ชี้เป้า! ขายมือถือมือ 2 ที่ไหนให้ได้ราคาดีที่สุด
อย่างที่เราทราบอยู่แล้วว่าการขายมือถือมือ 2 ให้ได้ราคาดีที่สุด ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สภาพของมือถือ รุ่นของมือถือ และความต้องการซื้อในตลาด ดังนั้นวันนี้เราเลยจะเสนอบทความที่จะทำให้คุณสามารถขายมือถือมือ 2 ที่ใช้งานแล้วให้ได้ราคาสูงแบบไม่ต้องกลัวโดนโกงหรือกดราคาอีกต่อ
1. หากให้ได้ราคาดีสุด คงหนีไม่พ้นกับคนใกล้ตัว เพราะยังไงเราก็ขายตามสภาพราคาจริงได้แบบไม่โดนกด
2. การขายมือถือมือ 2 ด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ซื้อขายสินค้ามือสอง หรือกลุ่มซื้อขายสินค้ามือสองบนโซเชียลมีเดีย มักจะได้ราคาสูงกว่าการขายให้กับร้านรับซื้อมือถือมือ 2 เนื่องจากผู้ซื้อสามารถเปรียบเทียบราคาจากแหล่งต่างๆ ได้ และสามารถต่อรองราคาได้เอง
3. ขายร้านตู้ หลักๆ ก็จะนำไปขายกันที่ มาบุญครอง เพราะมีราคาให้เลือกเยอะมาก ขายง่าย ได้รับเงินสดทันใจ แต่แน่นอนว่าราคาก็จะโดนกด โดนต่อรองจะน่าใจหาย เพราะทางร้านต้องนำไปขายต่อ แถมเช็คสภาพละเอียดไหว ข้อดีของร้านตู้คือร้านรับซื้อมือถือมือ 2 มักจะให้ราคาต่ำกว่าการขายด้วยตัวเอง แต่มีข้อดีคือสะดวกและรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องรอผู้ซื้อมาต่อรองราคา
4. นำรุ่นที่มีอยู่ไปแลกซื้อกับค่ายหรือโอเปอร์เรเตอร์ที่ร่วมรายการในแคมเปญเก่าแลกใหม่ก็ได้ราคาดีอยู่นะครับ
เอาจริงไม่ว่าจะเอาไปขายราคาก็ลดลงใจหายหมดแหละ และหากขายเองด้วยแล้วละก็ค่อนข้างเหนื่อยใจ เพราะการขายมือถือมือ 2 ด้วยตัวเองอาจต้องใช้ความพยายามมากกว่า เช่น ถ่ายภาพสินค้าให้สวยงาม เขียนรายละเอียดสินค้าอย่างละเอียด และตอบคำถามผู้ซื้ออย่างรอบคอบ
ดังนั้น สถานที่ขายมือถือมือ 2 ให้ได้ราคาดีที่สุด ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น และผู้ขายควรพิจารณาถึงปัจจัยเหล่านี้ก่อนที่จะตัดสินใจขายมือถือมือ 2
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
URUPE TOWER: สถาปัตยกรรมสีเขียวเชื่อมโยงสิ่งมีชิวิตและธรรมชาติในเซาเปาโล
เซาเปาโลเมืองที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วของชุมชนสีเขียว ทีมออกแบบของ Victor Ortiz Architecture
เปิดตัวโปรเจกต์ล่าสุด ตึก URUPE TOWER ซึ่งเป็นแบบผสมผสานที่ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อเป็นการประกาศให้เห็นถึงทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองโดยรอบ ในขณะเดียวก็ทำให้เห็นถึงหลักการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและนโยบายสถาปัตยกรรมยั่งยืน ส่วนหน้าของอาคารเป็นฟาซาดที่ประกอบไปด้วยพืชพันธุ์เขียวชอุ่มซึ่งเป็นไม้เลื้อยปรากฏออกมาจากระเบียง ตัวอาคารดังกล่าวจึงเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมสีเขียวในเมืองบราซิล อาคาร URUPE TOWER คือรากฐานจากความมุ่งมั่นของความสมดุลทางระบบนิเวศและการออกแบบที่มีแนวคิดก้าวหน้า
การเติบโตของฟังไจสู่แรงบันดาลใจในการออกแบบสถาปัตยกรรม
ในการออกแบบของ URUPE TOWER สถาปนิก Victor B. Ortiz ได้รับแรงบันดาลใจจากการเจริญเติบโตของฟังไจที่พบในลำต้นของต้นไม้ นำมาออกแบบองค์ประกอบในการสร้างพื้นที่โดยการนำกระถางต้นไม้กระจายไปทุกชั้นของตัวตึก เป็นการสะท้อนถึงการยืดหยุ่นและการปรับตัวได้ของเชื้อรา โดยพยายามผสานโครงสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้นเข้ากับโลกของธรรมชาติ แม้ว่ากลยุทธ์การออกแบบนี้จะเน้นความสวยงามของลวดลายทางธรรมชาติแต่ไม่ลืมที่จะคำนึงถึงการดำรงอาศัยภายในอาคาร
กลยุทธ์นี้ขับเคลื่อนโดยแนวคิดของการออกแบบทางชีวภาพ ซึ่งเป็นแนวทางการเรียนรู้จากกระบวนทางธรรมชาติและการปรับใช้ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเชื่อมโยงกับธรรมชาติ สถาปนิกได้เรียงร้อยหลักการโครงสร้างของอาคาร URUPE เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางชีวภาพระหว่างพื้นที่และสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ กระถางต้นไม้ที่กระจัดกระจายสะท้อนถึงการเจริญเติบโตของฟังไจที่เกาะอยู่ตามลำต้นของต้นไม้ซึ่งเป็นมากกว่าเครื่องประดับแต่เป็นแหล่งรวมสิ่งมีชีวิตที่ทำให้เกิดอากาศบริสุทธิ์และยังเป็นแหล่งรักษาความหลากหลายทางชีวภาพช่วยให้ผู้อยู่อาศัยได้เชื่อมโยงโดยตรงกับธรรมชาติท่ามกลางบริบทของเมืองที่วุ่นวาย
การออกแบบที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
Victor B. Ortiz สร้างอาคาร URUPE TOWER เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็วและความกังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น สถาปนิกตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญของอุตสาหกรรมในการบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการก่อสร้าง ด้วยความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืน โครงการ UROPE TOWER จึงพยายามชดเชยผลกระทบทางนิเวศน์ที่เกิดจากการสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงการจัดสรรพืชพรรณ การสร้างสภาพอากาศเฉพาะพื้นที่และการใช้วัสดุหมุนเวียน ตึก URUPE TOWER จะเป็นตัวอย่างของการทำงานร่วมกันระหว่างการก่อสร้างสมัยใหม่และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ข้อมูลโครงการ: URUPE TOWER
สถาปนิก: Victor B. Ortiz
ที่ตั้ง: เซาเปาโล ประเทศบราซิล
ภาพจาก @victorbortiz_architecture
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 4/09/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 32,150.00 | 32,250.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,083.00 | 31,578.28 | 32,750.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,874.70 | 28,420.45 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,666.40 | 25,262.62 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 937.00 | 14,204.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 729.00 | 11,051.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,159.00 | 32,730.44 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 4/09/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 39.35 | 39.35 | 40.05 | 39.35 | 39.35 | 39.35 | 39.35 | 39.35 | 39.35 | 39.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 39.08 | 39.08 | 39.78 | 39.08 | 39.08 | 39.08 | 39.08 | 39.08 | 39.08 | 39.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 37.04 | 37.04 | 37.74 | 37.04 | 37.04 | – | 37.04 | 37.04 | 37.04 | 37.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 37.49 | 37.49 | – | – | – | – | – | – | – | 37.49 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 45.04 | 49.04 | 49.84 | 49.04 | – | – | – | – | – | 45.04 |
เบนซิน 95 | 47.14 | – | – | – | 48.31 | – | 47.64 | 47.29 | – | 47.14 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 32.44 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.44 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 32.44 | – | 31.94 | – | 31.94 | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 42.24 | 43.64 | 49.44 | 43.64 | 43.64 | – | – | – | – | 42.24 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |