กรุที่ดินรัฐทุบทิ้งตึกเก่าคลองเตยเชื่อมอาณาจักร พระราม4“เจ้าสัวเจริญ”
เปิดกรุที่ดินรัฐกลางเมือง สำนักทรัพยสินฯ เล็งเปิดประมูล ทุบทิ้งตึกเก่าซอยโรงงานยาสูบ คลองเตย ถนนพระราม 4 เชื่อมอาณาจักรเจ้าสัวเจริญ จับตาที่ดินทีโอทีเก่า -การไฟฟ้านครหลวงชิดลม บิ๊กทุนจ้องตาเป็นมัน
ที่ดินใจกลางเมืองย่านศูนย์กลางธุรกิจ นอกจากเป็นที่ดิน ฟรีโฮลด์ (Freehold)ซื้อขายเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชนแล้ว ที่ดิน ลีสโฮลด์ (Leasehold) หรือสิทธิการเช่าซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ จำนวนหลาย แปลงที่น่าจับตา มีมูลค่าแพงระยับ ที่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ให้ความสนใจเช่า ต่อยอดสร้างอาณาจักรมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ประเมินว่าการเช่าที่ดินกลางเมืองในระยะยาว มีความคุ้มค่ามากกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อที่ดินลงทุนเอง
เพราะนอกจากมีต้นทุนที่สูงแล้ว อาจเสียเปรียบคู่แข่งขันเพราะราคาที่ดินในเมืองวิ่งไปไกลที่ตารางวาละ 2-3 ล้านบาท โดยเฉพาะทำเลที่มีกลุ่มตึกสูง รอบสถานีรถไฟฟ้าอย่าง สุขุมวิท สยามแควร์ เพลินจิต ชิดลม พระราม4 สีลม สาทร ฯลฯ ปัจจุบันมีที่ดินของรัฐใกล้หมดสัญญาเช่าหลายแปลง ทั้ง ที่ดินวชิราวุธวิทยาลัยหรือที่ดินทรัพย์สินเดิมที่ถ่ายโอนให้กับโรงเรียนดังกล่าว เพื่อหารายได้จากค่าเช่าบำรุงการศึกษา
ทำเลรอบสถานีบีทีเอสราชดำริ ย่านปทุมวัน เนื้อที่ 63 ไร่ เชื่อมถนนพระราม4 ซึ่งแน่นอนว่ามักมีกลุ่มนายทุนทั้งไทยและต่างชาติให้ความสนใจเพื่อนำที่ดินที่ได้พัฒนาบิ๊กโปรเจ็กต์ระดับลักชัวรี่ รองรับกลุ่มลูกค้าไฮเอ็นด์
เปิดกรุทำเลทองฝังเพชร
โฟกัสที่ดินทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ มีที่ดินที่หมดสัญญาและทุบทิ้งตึกเก่า เพื่อเปิดประมูลหาผู้เช่ารายใหม่ บนที่ดินบนถนนพระราม4 ทำเลทองคำฝังเพชรบริเวณอาณาจักรเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้รื้อตึกคลองเตยซอยโรงงานยาสูบ ยกเวิ้ง ไม่ตํ่ากว่า100คูหารวมเนื้อที่ประมาณกว่า20 ไร่หลังชาวบ้านหมดสัญญาเช่า 30 ปี เจ้าพนักงานสำนักทรัพย์สินฯระบุว่า ที่ดินแปลงดังกล่าว เป็นที่ดินผืนเดียวกับ โรงงานยาสูบเก่า สวนป่าเบญจกิติ ที่มีพื้นที่รวม 580 ไร่ ขณะที่ที่ดินโรงงานยาสูบที่เหลือเป็นอาคารสำนักงานและโรงพยาบาล รวม 77 ไร่ ทางสำนักทรัพย์สินฯ มีแผนหาผู้เช่าพัฒนาเชิงพาณิชย์เติมเต็มศักยภาพในอันดับต่อไป
เชื่อมอาณาจักรเจ้าสัวเจริญ
ทั้งนี้หากยืนมองจาก แปลงที่ดิน ที่กำลังรื้อซากอาคารซอยโรงงานยาสูบเก่าทิ้ง และหันหน้าไปทางศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะมองเห็นกลุ่มโครงการมิกซ์ยูส ขนาดใหญ่ของเจ้าสัวเจริญ ทั้ง อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ บริเวณแยกคลองเตย เดอะปาร์ค และ วัน แบงค็อก (One Bangkok) ทำเลหัวมุมวิทยุตัดกับถนนพระราม4 ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และสามารถเชื่อมทะลุไปฝั่งสุขุมวิท
ไปยังที่ดินเก่าทีโอที เนื้อที่ 12 ไร่เศษ ของสำนักทรัพย์สินฯอีกแปลง ติดสถานีบีทีเอสชิดลม ทำเลศักยภาพแปลงสุดท้ายบนถนนเพลินจิต ที่หมดอายุสัญญาลงเมื่อปีที่ผ่านมา ล่าสุดปรับพื้นที่จนโล่งเตียนไม่ทิ้งร่องรอยของ อาคารเก่าแก่ที่คอยให้บริการชำระบิลค่าโทรศัพท์บ้านอินเทอร์เน็ตอีกต่อไป
ที่ดินแปลงดังกล่าวมีคนสนใจสะท้อนจาก น้องชาย อดีตนักการเมืองชื่อดัง เคยมีคดี เจ้าหน้าที่รับสินบนจนกลายเป็นคดีครึกโครมไปแล้วแต่ ปัจจุบัน อยู่ระหว่างประเมินมูลค่าที่ดิน เพื่อนำออกให้บริษัทเอกชนประมูล ซึ่งหากพิจารณาตามราคาประเมินของกรมธนารักษ์จะอยู่ที่1ล้านบาท ต่อตารางวาขณะราคาซื้อขายที่ดินแปลงอยู่ที่ 3.3ล้านบาทต่อตารางวา และที่ดินแปลงติดกันที่กำลังหมดสัญญาคือ
การไฟฟ้านครหลวงเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ติดสถานีบีทีเอสชิดลมเช่นเดียวกัน ที่นับเป็นขุมทองกลางใจเมืองตั้งอยู่กลางวงล้อมของกลุ่มอาคารระดับเวิลด์คลาส ไม่ห่างกันมากนัก จะเป็นที่ดินแปลงตลาดเฉลิมลาภเก่า เนื้อที่ 7 ไร่ ปรับพื้นที่ใหม่และรอกลุ่ม แพลทินัม เข้าพื้นที่พัฒนา ราคาที่ดินปัจจุบันอยู่ที่ 1.5 ล้านบาทต่อตารางวาคาดว่าหากรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกพาดผ่านจะสร้างความคึกคักให้กับพื้นที่
ปลุกย่าน ศูนย์กลางธุรกิจใหม่
อย่างไรก็ตามทำเลบนถนนพระราม4 ยาวไปจรด ที่ดินโรงงานยาสูบที่อยู่ระหว่างรื้อย้าย กำลังกลายเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจหรือซีบีดี ที่มีความเคลื่อนไหวมากกว่าฝั่งสุขุมวิท จากการมีกลุ่มอาคารสูงอาคารขนาดใหญ่พิเศษเกิดขึ้นมาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินลิสโฮลด์หรือสิทธิการเช่าบนที่ดินรัฐ หากแล้วเสร็จ นายสุรเชษฐ กองชีพกรรมการผู้จัดการบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ดีเอ็นเอ จำกัด ประเมินว่า บริเวณนี้ จะเป็น “เมืองในเมือง” ซีบีดีใหม่ จากการเปลี่ยนแปลง เป็นย่านแหล่งงานมีอาคารสำนักงานเกิดขึ้น ขณะราคาที่ดินอยู่ที่ 2 ล้านบาทต่อตารางวา
“ฐานเศรษฐกิจ”ลงพื้นที่สำรวจการรื้อย้ายตึกคลองเตยภายในซอยโรงงานยาสูบ ย่านถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นพื้นที่ของสำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พบว่า พื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านได้ทยอยออกจากพื้นที่ดังกล่าวหมดแล้ว ปัจจุบันเริ่มมีการกั้นรั้ว,ปิดทางเข้า-ออก ไม่ให้ผ่านเส้นทางนี้ รวมทั้งในพื้นที่ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างบางส่วน แต่ยังมีร้านค้าและชุมชมบางส่วนบริเวณใกล้เคียงยังไม่ถูกรื้อถอน โดยการรื้อถอนพื้นที่ในครั้งนี้ตั้งอยู่บนซอยโรงงานยาสูบ ใกล้บริเวณแยกคลองเตย ตั้งแต่ชุมชนเทพประทาน ตลอดจนถนนดวงพิทักษ์ ซึ่งอยู่ใกล้ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ที่มีแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงิน เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายบีทีเอส
แหล่งข่าววงใน กล่าวว่า การรื้อย้ายตึกคลองเตย ภายในซอยโรงงาน ยาสูบนั้น เป็นพื้นที่ของสำนักทรัพย์สินฯ มีสัญญาเช่า 30 ปี ปัจจุบันสัญญาสิ้นสุดลงมากกว่า 5-6 ปี แต่ทางสำนักทรัพย์สินฯยังไม่มีแผนที่จะนำพื้นที่ดังกล่าวคืน เนื่องจากหากจะนำที่ดินบริเวณดังกล่าวไปพัฒนาจะต้องเป็นกลุ่มนายทุนขนาดใหญ่ที่จะพัฒนาที่ดินให้เกิดประโยชน์
ที่ผ่านมาสำนักทรัพย์สินฯได้มีการประกาศแจ้งชาวบ้านในพื้นที่ย้ายออกเมื่อ 2-3 ปีก่อน ซึ่งชาวบ้านได้มีการต่อรองขออาศัยในพื้นที่ฯดังกล่าว ประมาณ 3-5 ปี จนถึงขั้นมีการฟ้องร้องขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่รายบุคคล ทำให้ปัจจุบันสำนักทรัพย์สินฯไม่มีการต่อสัญญาเช่าพื้นที่กับชาวบ้าน
“เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา มีชาวบ้านทยอยออกจากพื้นที่ครบแล้ว คาดว่าพื้นที่ที่มีการรื้อถอนตึกนั้นจะมีการก่อสร้างตึก,คอนโด หรือโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูส เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีทำเลดี อยู่ติดริมถนนใหญ่ เชื่อว่าในอนาคตจะทำให้ราคาที่ดินแพงขึ้น”
แหล่งข่าวจากชุมชนระบุว่า เท่าที่ทราบมี กลุ่มทีซีซี ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนบริเวณพื้นที่บริเวณตึกคลองเตย ซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านบาท เพื่อรวมเป็นพื้นที่ผืนเดียวในการพัฒนาเป็นศูนย์ประชุมนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ จำนวน 500 ไร่ คาดว่าทางสำนักทรัพย์สินฯ จะมีการเปิดประมูลโครงการฯ ตามขั้นตอน สัญญาสัมปทานราว 30-50 ปี ขณะที่พื้นที่ฝั่งชุมชนเทพประทาน ซึ่งเป็นพื้นที่ของสำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่ถูกรื้อถอน เนื่องจากสัญญาเช่าจะสิ้นสุดอีก 6-7 ปี หรือภายในปี 2572-2573
ท่าเรือปั้น “Smart City Port”
สำหรับโครงการที่มีแผนพัฒนาบริเวณถนนพระราม 4 ดังนี้ โครงการ Smart City Port ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ที่ผ่านมากทท.มีแผนนำที่ดินท่าเรือกรุงเทพ เนื้อที่ 2,353 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 4.92 แสนล้านบาท โดยเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนพัฒนาเชิงพาณิชย์เพิ่มรายได้ให้กับองค์กรในระยะยาว 30 ปี ทั้งนี้แนวทางพัฒนาที่ดินท่าเรือกรุงเทพ บริเวณท่าเรือกรุงเทพและพื้นที่นอกเขตรั้วศุลกากร มีรูปแบบการพัฒนาเป็น Smart Commercial เน้นการพัฒนาเมืองธุรกิจขนาดใหญ่
เพื่อเป็นแลนด์มาร์คของประเทศ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวใหม่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวทางนํ้า และ Cruise Terminal ซึ่งมีแนวคิดออกแบบเป็นอาคารแบบ Mixed-use ที่มี Shopping Mall พื้นที่จอดรถและโรงแรม รวมถึงเชื่อมการเดินทางภายใน-นอกพื้นที่ โดยรักษาการท่าเรือเอาไว้ด้วยรูปแบบของ Smart Port ในพื้นที่ด้านตะวันออกของโครงการ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามถนนพระราม 4 บริเวณทางแยกหมอมีจากถนนเจริญกรุง ผ่านสถานีหัวลำโพง, สามย่าน จนถึงถนนสุขุมวิท มีเอกชนต่างให้ความสนใจเข้ามาลงทุนพัฒนา เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นทำเลทองอีกแห่งของกรุงเทพฯ อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น สวนเบญจกิติ, สวนลุมพินี, โครงการ One Bangkok ,โครงการ Dusit Central Park ฯลฯ ขณะที่บริเวณแยกถนนพระราม 4 ยังมีสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, สวนป่าเบญจกิติ,โรงพยาบาลเมดพาร์ค, สวนเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จย่า ฯลฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ทรูลิงค์ พร็อพเพอร์ตี้” รุกคอนโดหรูใจกลางอารีย์ทำเลท็อป 50 โลก
“ทรูลิงค์ พร็อพเพอร์ตี้” รุกคอนโดหรูใจกลางอารีย์ทำเลท็อป 50 โลก ชูจุดเด่นห้องมุมทุกยูนิต เน้นสร้างความรู้สึกของพื้นที่รวมถึงใช้วัสดุคุณภาพสูงสัมผัสถึงธรรมชาติ รวมถึงแสงที่ออกแบบให้มาเป็นส่วนสำคัญของชีวิต
นายคมสัน วุฒิพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูลิงค์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (TrueLink Property) เปิดเผยว่า กลยุทธ์การทำธุรกิจของบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมนำเสนอโครงการที่ย่านอารีย์ ซึ่งเป็นย่านธุรกิจและที่พักอาศัยคุณภาพสูง โดยรวมหลากหลายไลฟ์สไตล์
ซึ่งเป็นทำเลที่ติดอันดับ 1 ใน 50 ย่านที่น่าอยู่ที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของ Time out: the Coolest Neighborhoods in the World 2021 โดยยังคงแนวคิด Rare Item, Rare Location
ทั้งนี้ จะทำให้ได้สัมผัสถึงความมีคุณค่าของโครงการ Aritier Penthouse at ARI คอนโดไฮเอนด์ 7 ชั้น 24 ยูนิต โดยทุกยูนิตเป็นรูปแบบ Penthouse ห้องมุมทุกยูนิต เน้นสร้างความรู้สึกของพื้นที่ทุกยูนิตกว้าง
รวมถึงใช้วัสดุคุณภาพสูงสัมผัสถึงธรรมชาติ รวมถึงแสงที่ออกแบบให้มาเป็นส่วนสำคัญของชีวิต
นายภัทร์ เตชะโสภณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูลิงค์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ด้วยรูปแบบโครงการที่มี Rooftop facility ,พื้นที่จอดรถ 150% ,รูปแบบห้องชุดที่กว้างขวาง ขนาดพื้นที่ใช้สอยเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย และวัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างตามแนวคิด All European specs
นายกิจเสริม เวศย์ไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูลิงค์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า โครงการดังกล่าวยังมีการออกแบบที่สวยตามแนวทางของทรูลิงค์ที่ทำมาตลอด โดยจะมีการเปิดขายทั้งรูปแบบทั่วไปและรูปแบบการลงทุน น่าจะทำมให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ที่สนใจ
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาทุกโครงการของ Truelink Property ได้รับการตอบรับจากทางลูกค้าเป็นอย่างดี เช่น โครงการ The Quartier Ratchada: The very first business penthouse in town ทาวน์โฮมระดับพรีเมี่ยมใจกลาง New CBD ย่านรัชดา และโครงการบ้านเดี่ยวแห่งเดียวใจกลางรัชดา The Privatier Ratchada 32: Private living collection ที่เน้นพัฒนาในทำเลที่ดี Rare, Item, Rare Location เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 4ก.ค. “แข็งค่า”ที่ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทยังมีแนวโน้มผันผวนสูงอยู่ ท่ามกลางปัจจัยการเมืองในประเทศที่เริ่มมีผลกับตลาดการเงินไทยมากขึ้นในระยะนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ควรจับตาอย่างใกล้ชิด คือ ผลการโหวตเลือกประธานสภาฯ ในวันนี้
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 4 ก.ค.2566ที่ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.22 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มผันผวนสูงอยู่ ท่ามกลางปัจจัยการเมืองในประเทศที่เริ่มมีผลกับตลาดการเงินไทยมากขึ้นในระยะนี้
อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นแผ่วลงมากขึ้น ทำให้หากเงินบาทอ่อนค่าลงก็อาจจะยังคงติดโซนแนวต้านแถว 35.50 บาทต่อดอลลาร์ หรือโซนแนวต้านสำคัญที่เราเคยประเมินไว้ก่อนหน้าแถว 35.75 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการเลือกประธานสภาฯ เพราะหากผลการเลือกเป็นไปตามที่ทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเสนอและแถลงในคืนก่อนหน้า เรามองว่า ตลาดการเงินอาจตอบรับในเชิงบวก หนุนให้เงินบาทมีโอกาสพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง
ทดสอบโซนแนวรับ 34.90 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก ทว่า หากผลการเลือกประธานสภาฯ ผิดจากคาด และสะท้อนความวุ่นวายทางการเมืองหรือความไม่แน่นอนของการจัดตั้งรัฐบาล เราประเมินว่า เงินบาทก็มีโอกาสพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้เช่นกัน
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและการปรับเปลี่ยนมุมมองไปมาของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเฟด ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.85-35.20 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นและเคลื่อนไหวในกรอบ 34.95-35.25 บาทต่อดอลลาร์ ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ หลังดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงแย่กว่าคาด นอกจากนี้ เงินบาทยังได้แรงหนุนจากความกังวลปัญหาการเมืองไทยต่อประเด็นการเลือกประธานสภาฯ ที่เริ่มคลี่คลายลง
แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเปิดทำการเพียงครึ่งวัน แต่ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างยังคงเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร (BofA +1.8%, Wells Fargo +1.7%) หลังผลการทดสอบ Stress Test ออกมาเป็นที่น่าพอใจและทำให้บรรดาธนาคารดังกล่าวประกาศจ่ายปันผล
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นแรงของหุ้น Tesla +6.9% ตามรายงานยอดส่งมอบรถยนต์ที่โตกว่า +10%q/q (+83%y/y) อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับเผชิญแรงขายหุ้นกลุ่มเทคฯ ใหญ่ (Apple -0.8%, Microsoft -0.8%) จากความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ส่งผลให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.12%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 พลิกกลับมาปรับตัวลง -0.21% กดดันโดยการปรับตัวลงแรงของหุ้นกลุ่ม Healthcare นำโดย AstraZeneca -8.0% หลังนักวิเคราะห์ประเมินว่าบริษัทอาจได้รับอานิสงส์จากยารักษามะเร็งปอดน้อยกว่าคาด อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน (BP +2.7%) และหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ (Rio Tinto +2.1%) ท่ามกลางความหวังว่า ทางการจีนอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก กดดันโดยทั้งบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ ที่เปิดรับความเสี่ยงต่อเนื่องและรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตที่ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลดลงใกล้ระดับ 103 จุด (กรอบการเคลื่อนไหว 102.9-103.2 จุด ในช่วงคืนที่ผ่านมา)
ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าจะเผชิญแรงกดดันจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด แต่ทว่า การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ก็มีส่วนช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) รีบาวด์ขึ้นเข้าใกล้ระดับ 1,940 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนเผชิญแรงขายทำกำไรและย่อตัวลงมาใกล้ระดับ 1,929 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่า โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำดังกล่าว ก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอาจมีไม่มากนัก และอาจมีเพียงผลการประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ที่อาจมีความน่าสนใจ โดยผู้เล่นในตลาดต่างคาดว่า RBA จะกลับมาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.10% ตามภาพเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอมากขึ้น
ทั้งนี้ เรามองว่า ไฮไลท์สำคัญที่ควรจับตาอย่างใกล้ชิด คือ ผลการโหวตเลือกประธานสภาฯ ในวันนี้ ซึ่งการประชุมสภาฯ จะเริ่มต้นในเวลา 9.00 น. และกระบวนการโหวตเลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ทั้งสองตำแหน่ง อาจใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ช่วงสั้นๆ ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.05-35.07 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.10 น.) แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.23 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับทิศทางสกุลเงินเอเชีย
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังขาดปัจจัยใหม่ๆ มาหนุน โดยในวันนี้เป็นวันหยุดของตลาดการเงินเนื่องในวันชาติสหรัฐฯ ทั้งนี้ แม้เงินบาทจะแข็งค่าขึ้น แต่คงติดตามประเด็นทางการเมืองภายในประเทศในระหว่างวันอย่างใกล้ชิด
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.90-35.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์การเมืองในประเทศ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางออสเตรเลีย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ห้าวมาเลย! “ธิอาโก้” ประกาศท้า “แซมมี่” หลังกุนแขมร์แพ้มวยไทย 2 รอบ
ยังคงสร้างความเจ็บช้ำให้กับแฟนมวยกัมพูชาเป็นอย่างมากกับความพ่ายแพ้ของ เชิง ลวาย นักมวยเจ้าถิ่นที่แพ้ให้กับ แซมมี่ มวยไทยยิม นักชกจากไทย ในการแข่งขัน กุน แขมร์ ทั้งสองครั้งที่ผ่านมา
โดยเกมการชกครั้งแรกจัดขึ้นที่เสียมเรียบ เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ผลปรากฎว่า เชิง ลวาย แพ้น็อกให้กับนักชกไทยในยกที่ 4 ทำให้ นายสเร จันทร รองประธานสหพันธ์มวยกัมพูชา ออกมาแสดงมุมมองถึงการชกว่ามีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้นจนทำให้เกิดไฟต์รีแมตช์ขึ้นอีกครั้งที่กรุงพนมเปญ
ซึ่งการชกครั้งที่สองก็ยังเป็น แซมมี่ มวยไทยยิม ที่สามารถเอาชนะน็อกไปได้อีกครั้ง แถมครั้งนี้จบลงอย่างรวดเร็วเพียงแค่ยกแรกเท่านั้น แน่นอนงานนี้สร้างความไม่พอใจให้กับวงการมวยเขมรหนักกว่าเดิม
ทำให้ เสน จันทรฤทธิ กุน หรือ ธิอาโก้ เตเซร่า นักมวยชาวบราซิลหัวใจเขมร ที่ร่ำเรียนมวยไทยมานาน แต่สุดท้ายเปลี่ยนใจไปเชื่อใน กุน แขมร์ ศิลปะการป้องกันตัวของกัมพูชา ออกตัวว่าพร้อมขึ้นสังเวียนกู้ศักดิ์ศรีให้กับประเทศใหม่ของเขา
“ฉันขอท้าทาย แซมมี่ ในการชกครั้งต่อไปเพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับความพ่ายแพ้ของ เชิง ลวาย พี่น้องของฉัน” (I challenge Sammy for next fight to revenge my Brother’s chheung Lvai loss)
ด้าน แซมมี่ มวยไทยยิม นักมวยไทยที่กลายเป็นเป้าหมายของบรรดานักมวยเขมรอยากจะเจอในตอนนี้ ก็ได้ออกมาพูดถึงประเด็นนี้ว่าพร้อมเจอกับใครก็ได้ แต่ขอให้อยู่ในน้ำหนักชกพิกัดเดียวกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ไขข้อสงสัย หักนิ้วบ่อยๆ เป็นอันตรายหรือไม่?
เพื่อนสนิทของเราคนหนึ่งเป็นคนที่ชอบหักนิ้วตัวเองมากค่ะ ลองนึกภาพตามนะว่า กำมือข้างหนึ่งไว้ อีกมือหนึ่งแบมือจับมือข้างที่กำนิ้วอยู่ แล้วทำการกดนิ้วของตัวเองหักดังกร๊อบๆ เห็นแล้วเจ็บแทน พอเราลองทำดูบ้างก็ปรากฏว่า “เจ็บ” ไม่เห็นสบายมือ ผ่อนคลายความเมื่อยของนิ้วเหมือนที่เพื่อนบอกเลย
แต่จริงๆ แล้ว การหักนิ้วแบบนี้ เป็นอันตรายต่อนิ้วมือของเราหรือไม่ Sanook! Health มีคำตอบค่ะ
“หักนิ้ว” เป็นอันตรายหรือไม่?
หากถามถึงอันตรายที่เกิดจากการหักนิ้วที่เสี่ยงต่อการเป็นอะไรร้ายแรง เช่น โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ คงตอบได้ว่าไม่มี แต่หากพูดถึง “ผลเสีย” ที่จะตามมาจาก นั่นคือ กระดูกอาจจะโปนใหญ่ได้ โดยเฉพาะกระดูกของเด็กเล็กที่ยังมีการพัฒนาเจริญเติบโตยังไม่เต็มที่ การหักกระดูกนิ้ว หรือรบกวนในส่วนของกระดูกนิ้วมากเกินไป อาจทำให้กระดูกเจริญเติบโตผิดปกติ นอกจากจะโปนใหญ่ขึ้นแล้ว อาจทำให้กระดูกผิดรูป บิดเบี้ยว ไม่ได้รูปทรงตามปกติได้
แต่ไม่ได้หมายความว่า ใครก็ตามที่หักนิ้ว จะมีอาการเช่นนี้ทุกคน บางคนก็โชคดีที่หักนิ้วแล้ว กระดูกของนิ้วไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะเป็นกระดูกนิ้วของผู้ใหญ่ที่มีการเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว หรืออาจเป็นเพราะไม่ได้หักนิ้วบ่อยครั้ง ไม่ได้รบกวนกระดูกนิ้วจนมากเกินไปนั่นเอง
เพราะฉะนั้นแล้ว การหักนิ้ว ไม่ได้ส่งผลดีอะไรต่อร่างกาย นอกเสียจากผ่อนคลายความเมื่อยนิ้วในแบบที่บางคนอาจจะเป็น แต่ถ้าใครไม่ได้เมื่อยนิ้วจนอยากหักนิ้ว หรือเมื่อยนิ้วแต่ไม่อยากหักนิ้ว สามารถเปลี่ยนเป็นการเหยียดนิ้วให้ตรง ดัดนิ้วไปด้านหลังมือ สะบัดนิ้วเบาๆ 30 วินาที ก็ช่วยผ่อนคลายกระดูก และกล้ามเนื้อของนิ้วได้เช่นเดียวกันค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
คำศัพท์น่ารู้: ถนนหนทาง
วันนี้เพื่อนๆได้ไปเที่ยวไหนกันรึเปล่าเอ่ย DailyEnglish นำคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆบนท้องถนนมาฝากกันครับ ใครขับรถออกนอกบ้านละก็ต้องเจอกับสิ่งเหล่านี้แน่นอนเลย มาดูศัพท์ on the road กันครับ
1. crosswalk – ครอส-ว้อค
คือ ทางม้าลาย นั่นเองครับ ถ้าให้ตรงๆหน่อยก็เรียกว่า zebra crossing นอกจากนี้ยังสามารถเรียกว่า pedestrian crossing ก็ได้นะครับ
2. expressway – เอกซ์เพรส-เวย์
แปลว่า ทางด่วน ที่เราสามารถจ่าย ค่าผ่านทาง (toll) เพื่อให้ถึงจุดหมายได้อย่างรวดเร็ว
3. junction – จังค์-ชัน
คือ ทางแยกครับ เป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้บ่อยบนท้องถนน สามารถใช้คำว่า intersection หรือ crossroad ได้เพราะมีความหมายเดียวกัน
สำหรับ 3 ทางแยกก็ให้เรียกว่า three way junction 4 ทางแยกก็ four way junction ครับ ถ้าให้ใช้แบบไม่เป็นทางการหน่อยก็เรียกทางแยกนั้นตามรูปร่างได้เลย เช่น Y-junction หรือ T-junction
4. overpass – โอเวอร์-แพส
แปลว่า สะพานลอย ที่ตั้งอยู่บนถนน ข้ามได้ทั้งคนและรถยนต์ เป็นศัพท์แบบ American English แต่ถ้าจะให้ใช้แบบ British English คงต้องเรียกว่า flyover สองคำนี้แตกต่างจาก bridge (สะพาน) ตรงตำแหน่งที่ตั้งนี่แหละ เพราะ bridge นอกจากจะเป็นสะพานบนถนนแล้วยังสามารถใช้ข้ามแม่น้ำได้ด้วย
5. roundabout – ราวน์-ดะเบาท์
แปลว่า วงเวียน เป็นวงกลมที่จะอยู่ตรงกลางทางแยก สังเกตเห็นใช่มั้ยครับ เวลาขับรถจะต้องขับในวงเวียนไปในทิศทางเดียวกันหมด
6. side street – ซายด์-สตรีท
คือ ซอย ที่อยู่ข้างถนนหลัก สามารถใช้ alley ได้เช่นเดียวกัน แต่ alley จะเป็นคล้ายๆกับตรอกมากกว่าซอยเพราะเล็กกว่าครับ
นอกจากคำศัพท์ที่เกี่ยวกับถนนหนทางเหล่านี้แล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่พบเห็นบ่อยบนท้องถนน คือ traffic light (สัญญาณไฟจราจร)
ช่วงซัมเมอร์นี้ขับขี่รถบนถนนอย่างระมัดระวังกันด้วยนะ พบกันใหม่กับ DailyEnglish คราวหน้า จะเป็นคำศัพท์น่ารู้แบบไหนต้องติดตามกันต่อไปนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
Lotus’s Pick & Go by True Digital ร้านค้าอัจฉริยะไร้พนักงาน แห่งแรกในไทย
โลตัส ร่วมกับ ทรู ดิจิทัล เปิดตัว Lotus’s Pick & Go by True Digital ร้านค้าอัจฉริยะไร้พนักงานแห่งแรกในไทย เปิดประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดล้ำเพียงหยิบสินค้าแล้วเดินออก ดึง RetailTech พลิกโฉมธุรกิจค้าปลีก ตอบโจทย์ทุกมิติความต้องการ
นายมนต์ชัย อินทรพรอุดม ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานพัฒนาการปฏิบัติการธุรกิจ โลตัส กล่าวว่า โลตัสเดินหน้าเติมเต็มประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบสมาร์ท ล่าสุด เปิดตัว Lotus’s Pick & Go by True Digital ร้านค้าอัจฉริยะแบบไร้พนักงานแห่งแรกในไทย ให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบสมาร์ทด้วยเทคโนโลยี AI อัจฉริยะ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็วและความสะดวกในการใช้บริการ
เพียงหยิบสินค้าแล้วเดินออกจากร้านได้เลย โดยระบบจะทำการคำนวณราคาสินค้าโดยอัตโนมัติ เชื่อมต่อกับ TrueMoney Wallet ของลูกค้า
Lotus’s Pick & Go by True Digital อยู่ในโลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ โซนอัจฉริยะ บนพื้นที่กว่า 30 ตร.ม. คัดสรรสินค้ากว่า 400 รายการ กว่า 90% เป็นสินค้าประเภทเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว และ 10% เป็นสินค้าทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น ผ้าอนามัย กระดาษทิชชู่ สำหรับลูกค้าที่มีความจำเป็นซื้อสินค้าแบบเร่งด่วนโดยไม่ต้องเข้าไปใช้บริการในไฮเปอร์มาร์เก็ต จากการทดลองการใช้บริการของลูกค้าตั้งแต่สแกนเข้าร้านจนเดินออกจากร้าน สามารถซื้อสินค้าและชำระเงินอัตโนมัติผ่าน TrueMoney Wallet ได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ถือเป็นการเปิดประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เร็ว สะดวก และอัจฉริยะที่สุด”
“โลตัส เดินหน้าพัฒนาธุรกิจในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้ลูกค้าของเรา รู้สึกดีดีทุกวัน ที่โลตัส โดยเดินหน้าเปิดสาขารูปแบบใหม่และปรับปรุงสาขาเดิมให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละพื้นที่มากขึ้น โดยปีที่ผ่านมา เราได้เปิดตัว โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ สาขาต้นแบบ SMART Community Center ศูนย์รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทที่รองรับไลฟ์สไตล์ของคนทุกเจเนอเรชั่นในย่านราชพฤกษ์ โดยเป็นสาขาที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตรอบด้าน (SMART Life Solutions) มีสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวัน และมีพื้นที่สำหรับชุมชนในการทำกิจกรรมมากมายในศูนย์การค้า พร้อมใช้เทคโนโลยีมาช่วยอำนวยความสะดวกและยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งให้กับลูกค้า”
นายเอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ด้วยความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัยยกระดับการใช้ชีวิตของคนไทย และขับเคลื่อนภาคธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม
ทรู ดึงศักยภาพบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยี ทรานส์ฟอร์มอุตสาหกรรมค้าปลีกไทย พัฒนาแพลตฟอร์มค้าปลีกอัจฉริยะ “True Virgo AI” (ทรู เวอร์โก เอไอ) นวัตกรรม RetailTech ล้ำสมัยที่ผสานหลากหลายเทคโนโลยีดิจิทัลพลิกโฉมร้านค้าปลีกแบบเดิม ๆ ให้เป็นร้านค้าปลีกที่มีระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Fully Automated) ประเดิมให้บริการครั้งแรกที่ Lotus’s PICK & GO by True Digital ร้านค้าอัจฉริยะไร้พนักงานเต็มรูปแบบแห่งแรกในไทย ภายใต้ความร่วมมือกับโลตัส ปลดล็อกข้อจำกัดในการบริหารจัดการร้านค้า ช่วยผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกรับมือกับความท้าทายรอบด้าน
ไม่ว่าจะเป็น ระบบปฏิบัติการของร้านที่มีหลายระบบทำให้เกิดความซับซ้อนและยุ่งยากในการบริหารจัดการ การจัดการกำลังคนและแรงงาน รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค หาข้อมูลเชิงลึก (Insight) เพื่อนำไปวางแผนการตลาด เพิ่มโอกาสเติบโตของธุรกิจจากการเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้งและตรงจุด True Virgo AI จึงนับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่ทรู ดิจิทัล ได้พัฒนาขึ้น เพื่อตอบโจทย์ทั้งดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ ยกระดับประสบการณ์ในการช้อปปิ้ง และสนับสนุนธุรกิจค้าปลีกทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน คุ้มค่าต่อการลงทุน
อีกทั้งยังสามารถต่อยอดใช้งานในธุรกิจค้าปลีกได้อีกหลายมิติ อาทิ การนำเสนอสินค้าและโปรโมชันแบบเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น (Hyper-Personalization) การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) การจัดชั้นวางสินค้าและพื้นที่ในร้านค้า การใช้พลังงานอย่างเหมาะสม ระบบความปลอดภัย รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงเรื่องสินค้าในร้านสูญหาย เป็นต้น ทั้งนี้ ระบบร้านค้าไร้พนักงานจะไม่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าที่อาจนำไปสู่การระบุตัวบุคคล เช่น ภาพใบหน้า เป็นต้น ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ในความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Data Privacy)”
นายเอกราช กล่าวเสริมว่า True Virgo AI เป็นแพลตฟอร์มค้าปลีกอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบของร้าน Lotus’s PICK & GO by True Digital และยังช่วยยกระดับประสบการณ์ชีวิตดิจิทัลของผู้บริโภคยุคใหม่ ช้อปปิ้งฉับไวแบบไร้เงินสดผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวชำระเงิน โดยผสานการทำงานของหลากหลายเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างลงตัวแบบไร้รอยต่อ ประกอบด้วย
-True Virgo AI แพลตฟอร์มอัจฉริยะเชื่อมต่อการทำงานของกล้อง AI ที่สามารถเพิ่มฟังก์ชันอีกหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของร้านค้าปลีกยุคใหม่
-กล้อง AI อัจฉริยะ สามารถเรียนรู้และเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับและบันทึกข้อมูลภายในร้าน
– Digital Price Label ป้ายราคาระบบดิจิทัล ปรับเปลี่ยนราคาสินค้าต่าง ๆ ได้ทันทีตามต้องการ
– Digital Payment System ระบบชำระเงินแบบดิจิทัล
– DataVisor แพลตฟอร์มบริหารจัดการข้อมูลแบบองค์รวม วิเคราะห์และประมวลผลแบบเรียลไทม์ พร้อมแสดงผลข้อมูลในรูปแบบต่างๆ ผ่านแดชบอร์ด เพื่อให้ร้านค้าสามารถนำข้อมูลเชิงลึกไปใช้ในการบริหารจัดการร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Lotus’s Pick & Go by True Digital พร้อมให้บริการช้อปปิ้งแบบสมาร์ทแล้ววันนี้ ที่โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ เปิดตั้งแต่เวลา 07.00 – 20.00 น. โดยสามารถใช้บริการได้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet โดยต้องมียอดเงินขั้นต่ำ 200 บาท สำหรับการเข้ารับบริการ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อาหารต้าน “มะเร็งลำไส้” ควรกิน-ไม่ควรกินอะไรบ้าง?
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colorectal cancer) หรือที่มักเรียกกันติดปากว่า โรคมะเร็งลำไส้ ถือเป็นโรคมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับต้นๆ ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งลำไส้เพิ่มขึ้นทุกปี แม้โรคนี้จะอันตรายถึงชีวิต คุณก็สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้ด้วยหลากหลายวิธี เช่น การออกกำลังกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใส่ใจเรื่องอาหารการกิน Hello คุณหมอ เลยมี อาหารต้านมะเร็งลำไส้ มาแนะนำ คุณจะได้รู้ว่า อาหารชนิดใดบ้างที่ควรกินและควรเลี่ยง เพื่อให้ความเสี่ยงโรคนี้ลดลงได้
อาหารต้านมะเร็งลำไส้ ที่คุณควรบริโภค
- พืชตระกูลถั่ว
พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วลันเตา ถั่วชิกพี ถั่วเลนทิล จัดเป็นแหล่งของโปรตีน ไฟเบอร์ วิตามินบี และวิตามินอี ทั้งยังมีสารประกอบที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ซึ่งช่วยป้องกันและชะลอการเจริญเติบโตของเนื้องอกได้ นอกจากนี้ในพืชตระกูลถั่วยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่อาจช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ได้ด้วย
- นมวัว และผลิตภัณฑ์จากนมวัว
ผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นพบว่า อาหารที่มีแคลเซียม (Calcium) สูงอย่างนมวัว และผลิตภัณฑ์จากนมวัว ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอก และมะเร็งลำไส้ได้
- ผักและผลไม้หลากสี
ผักและผลไม้มีสารประกอบทางเคมีที่เรียกว่า สารพฤกษเคมี หรือไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytochemical หรือ Phytonutrients) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้พืช ผักหรือผลไม้ชนิดนั้น ๆ มีกลิ่น สี หรือรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะสารพฤกษเคมีในพืชยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ด้วย โดยผู้เชี่ยวชาญเผยว่า คุณควร บริโภค ผักและผลไม้ให้หลากหลาย เพื่อให้ได้รับสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลาย ๆ ชนิด
- ธัญพืชเต็มเมล็ด
ธัญพืชเต็มเมล็ด หรือโฮลเกรน (Whole Grains) เช่น โอ๊ตมีล ขนมปังโฮลวีต ข้าวกล้อง เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารนานาชนิด โดยเฉพาะไฟเบอร์และแมกนีเซียม (Magnesium) กินแล้วจึงช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่มขึ้น และทำให้คุณขับถ่ายได้ง่ายคล่องขึ้นด้วย ทั้งยังอาจช่วยกำจัดสารประกอบในลำไส้ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งได้ด้วย
- ปลาไขมันสูง
ปลาที่อุดมไปด้วยไขมันดีอย่างกรดโอเมก้า 3 เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า นอกจากจะเป็นอาหารต้านมะเร็งลำไส้แล้ว ยังดีต่อสุขภาพหัวใจด้วย แต่แนะนำว่า คุณควรเลือกปลาให้ถูกประเภท เพราะปลาบางชนิด เช่น ปลาดาบ ปลาฉลาม ปลาอินทรี มักปนเปื้อนสารพิษ เช่น สารปรอท ซึ่งสามารถเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ หากได้รับมากเกินไป
อาหารเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ ที่ควรลดหรือเลี่ยงในการบริโภค
- เนื้อแดง
เนื้อแดง อย่างเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ น่าจะเป็นอาหารโปรดของใครหลายๆ คน แต่คุณรู้ไหมว่า เนื้อแดงแสนอร่อยนั้นอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพลำไส้ของคุณได้ โดยนักวิทยาศาสตร์เผยว่า การบริโภคเนื้อแดงสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ ซึ่งอาจเป็นเพราะเมื่อเนื้อแดงโดนความร้อนสูง อาจก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หากคุณอยากลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ ก็ไม่ควรกินเนื้อแดงเกิน 500 กรัมต่อสัปดาห์
- เนื้อสัตว์แปรรูป
เนื้อสัตว์แปรรูป หมายถึงเนื้อสัตว์ที่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งรสชาติ การบ่ม การหมัก หรือการรมควัน เพื่อยืดอายุ เช่น เบคอน ไส้กรอก แฮม เนื้อตากแห้ง กุนเชียง หมูหยอง หมูยอ ซึ่งการ บริโภค เนื้อสัตว์แปรรูปเหล่านี้เป็นประจำ นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้แล้ว ยังอาจทำให้คุณเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้ด้วย
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือดื่มหนักเกินไป (2-3 แก้วต่อวัน) จะทำให้คุณมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้เพิ่มขึ้นถึง 20% เลยทีเดียว และหากคุณดื่มหนักกว่านั้น ความเสี่ยงก็จะยิ่งมากขึ้นไปอีก ฉะนั้น หากไม่อยากเป็นมะเร็งลำไส้ หรือเป็นโรคจากการดื่มสุราอื่นๆ เช่น โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคตับแข็ง โรคความดันโลหิตสูง คุณก็ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยด่วน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 4/07/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 31,850.00 | 31,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,063.00 | 31,275.08 | 32,450.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,856.70 | 28,147.57 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,650.40 | 25,020.06 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 928.00 | 14,068.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 722.00 | 10,945.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,138.00 | 32,412.08 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 4/07/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.34 | 33.34 | 33.34 | 33.34 | 33.34 | – | 33.34 | 33.34 | 33.34 | 33.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.79 | 33.79 | – | – | – | – | – | – | – | 33.79 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 43.14 | 46.84 | 46.94 | 46.94 | – | – | – | – | – | 43.14 |
เบนซิน 95 | 43.44 | – | – | – | 44.61 | – | 43.94 | 43.59 | – | 43.44 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 32.24 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.24 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 32.24 | – | 31.94 | – | 31.94 | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 38.94 | 39.94 | 39.94 | 41.76 | 39.94 | – | – | – | – | 38.94 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |