เอฟเฟกต์!แอชตันอโศกขายไม่ได้-ค่าเช่าลด-คอนโดในซอยบูม
แม้ว่าอนันดาจะออกมาชี้แจง 5 แนวทางแก้ไขปัญหาทางเข้าออกโครงการ “แอชตัน อโศก” ว่าอยู่ระหว่างการดำเนินการ แต่ผลกระทบต่อเนื่องกับลูกบ้านที่ต้องการขาย ขายไม่ได้และปล่อยเช่ายากขึ้น ขณะเดียวกันทำให้คอนโดในซอยบูม
ศิรประภา รักษ์สุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวลทิเนส เอสเตส จำกัด เอเจนท์อสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า หลังคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม แอชตัน อโศก (27 ก.ค.) ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการขายห้องในโครงการ แอชตัน อโศก ขายไม่ได้ เนื่องจากกระแสข่าวที่ออกมาทำให้ไม่มีใครกล้าซื้อ! เพราะไม่รู้ว่าคดีจะจบลงอย่างไร
ในฐานะคนขายต้องยอมรับขายยาก หลังจากที่เคยขายไปก่อนเกิดโควิด -19 ราคา 1 ห้องนอน ราคา 6.9-7 ล้านบาท
“การประกาศขายจากเจ้าของห้องมีประกาศขายบ้าง ราคาอยู่ที่ ตารางเมตรละ 250,000-300,000 บาท ซึ่งเป็นราคาตลาดทั่วไปส่วนการขายห้องที่เหลือของโครงการคงยังต้องรอสรุปจบทางออกของเรื่องนี้ก่อนว่าจะเป็นอย่างไรเพราะโดยส่วนตัวเชื่อว่า คนที่จะตัดสินใจซื้อในช่วงนี้คงอยากจะได้ความชัดเจนก่อนเพราะกลัวซื้อแล้วจะเกิดปัญหา”
ศิรประภา กล่าวว่า ปัจจุบันยังมีลูกค้ามาฝากขายแต่ว่าขายไม่ได้ เพราะไม่มีคนติดต่อมา ส่วนตลาดเช่าตั้งแต่ปี 2565 ที่เริ่มมีข่าว “แอชตัน อโศก” ออกมา การเช่ายังมีอยู่เพราะไม่มีใครคิดว่าผลการตัดสินจะออกมาแบบนี้จึงยังมีการปล่อยเช่าได้เนื่องจากทำเลดี! หลังจากนี้คนเช่ายังอยู่ตามสัญญาเพราะยังไม่ได้มีการสั่งทุบตึกทันที สำหรับคนเช่าใหม่เริ่มลังเลในการเข้ามาเช่าอยู่ทำให้เจ้าของห้องบางรายปรับลดค่าเช่าลงเพื่อให้มีผู้เช่า
โดยผู้เช่าส่วนใหญ่จะมีสัญญาเช่า 1 ปี ราคาเช่าที่ประกาศในช่องทางออนไลน์ ขนาด 1 ห้องนอน 25,000-35,000 บาทต่อเดือน ซึ่งยังมีการโพสต์หาผู้เช่าจากทั้งเจ้าของร่วมและนายหน้า และยังมีการหาห้องเช่าในโครงการนี้ ซึ่งราคาเช่ามีการปรับลดลงบ้างเพื่อให้ปล่อยเช่าได้ง่าย
กรณีแอชตันอโศกได้สร้างความกังวลให้กับลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติที่ต้องการซื้อคอนคอนโดติดรถไฟฟ้าเพราะเป็นเคสแรกที่เป็นข่าวใหญ่ ซึ่งมีหลายโครงการที่ทางออกติดทางเชื่อมรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที แม้ว่าจะหลายโครงการได้ออกมาชี้เแจงว่าแต่ลูกค้าก็ยังคงมีความวิตกกังวลถึงความเสี่ยงเกิดปัญหาตามมาในอนาคต จากเดิมที่ดินรถไฟฟ้า คือ “ทำเลทอง” ที่ทำกำไร แต่ลูกค้าเริ่มมีความกังวล โดยเฉพาะต่างชาติเป็นเรื่องใหญ่มาก
“เขาไม่คิดว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แม้จะไม่ได้มีการระบุว่าต้องทุบ แต่สร้างความกังวลใจ เริ่มมีคำถามกลับมาว่า ถ้าซื้อคอนโดในประเทศไทยจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้หรือไม่ เพราะอโศกเป็นทำเลที่คนต่างชาติเลือกที่อยู่อาศัยเป็นอันดับต้นๆ เพราะเป็นแหล่งรวมของอาคารสำนักงาน บริษัทขนาดใหญ่ ใจกลางเมือง หลายคนเปลี่ยนดูโครงการที่ไม่ติดทางเข้าออกรถไฟฟ้าหรืออยู่ซอยแทน”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
FPIT ปักหมุดพื้นที่ บางพลี-อยุธยา-อีอีซี รับคลื่นลงทุนไทย-ต่างชาติ
FPIT ปักหมุดพื้นที่ บางพลี-อยุธยา-อีอีซี รับคลื่นลงทุนไทย-ต่างชาติ พร้อมเสิร์ฟโซลูชันสินค้าและบริการคุณภาพสูงตอบโจทย์ทุกอุตสาหกรรม ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ โลจิสติกส์ตั้งเป้าขยายพื้นที่ 4 ล้านตร.ม.ภายในปี2569
หากสแกนประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนต้องบอกว่าไทยเป็นประเทศที่เนื้อหอมและเป็นคำตอบสำหรับนักลงทุนไทยและต่างชาติในแง่ของการเป็นฐานการผลิต ด้วยความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและทำเลที่ตั้งศักยภาพ ตอบโจทย์ด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิศาสตร์การเมืองโลก ทำให้เรากำลังเห็นนักลงทุนต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาทำธุรกิจในไทยอย่างต่อเนื่อง
นายโสภณ ราชรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “FPIT” ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมสมัยใหม่ของอาเซียน ให้ข้อมูลว่า ปีนี้เป็นปีที่บริษัทต่างชาติย้ายและขยายฐานการผลิตจากจีน โดยโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าของไทยกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก เปิดโอกาสให้ประเทศไทยเป็นฐานทุนแห่งใหม่
คาดว่าระยะเวลาของการตั้งฐานจะครอบคลุมไปอีก 2-3 ปี ซึ่งจะดึงดูดซัพพลายเออร์ของธุรกิจที่ย้ายฐานให้เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มเติมด้วย สำหรับอุตสาหกรรมที่โดดเด่นและน่าจับตามอง คือ กลุ่มยานยนต์ที่ความต้องการรถยนต์จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น และการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ประกอบการต่างชาติที่วางให้ไทยเป็นฐานการผลิต รวมถึงกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตสดใสจากดีมานด์การนำไปใช้ในภาคการผลิตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซยังขยายตัวต่อเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น
สำหรับพื้นที่ยุทธศาสตร์ของไทยที่มีศักยภาพในการรองรับการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ ได้แก่ บางพลี- บางนาในโซนจังหวัดสมุทรปราการ พื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ด้วยความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค รวมถึงโลเคชันที่สอดรับระบบโลจิสติกส์หลากหลายรูปแบบ
โดยในส่วนของบางพลี-บางนาตอบโจทย์ธุรกิจโลจิสติกส์ที่ต้องการกระจายสินค้าไปในพื้นที่กรุงเทพฯ ขณะที่อยุธยาเป็นเกตเวย์สำหรับการผลิตและขนส่งสินค้าไปยังภาคเหนือและภาคอีสาน รวมถึงอีอีซีที่เหมาะกับการรองรับธุรกิจการผลิตอย่างชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจโลจิสติกส์ให้บริการนำเข้า-ส่งออกสินค้า
ปัจจุบัน FPIT มีพื้นที่อาคารอุตสาหกรรมภายใต้การบริหารจัดการ 3.5 ล้าน ตร.ม. มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ โดยอยู่ในพื้นที่บางพลี-บางนา อยุธยา และอีอีซี รวมถึง 3.2 ล้านตร.ม. และอีก 300,000 ตร.ม.กระจายอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร ลำพูน ขอนแก่น และปราจีนบุรี รวมถึงในประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม
สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของบริษัทฯ ในการรองรับทุกความต้องการของลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรมผ่านการให้บริการโรงงานและคลังสินค้าคุณภาพสูงพร้อมด้วยโซลูชันทันสมัยในรูปแบบของอาคารอุตสาหกรรมแบบสำเร็จรูป (Ready-Built) และแบบสร้างความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit)
ในปีนี้ บริษัทฯ เสริมขีดความสามารถในการปลดล็อกประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้า ด้วยการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมรายแรกของไทยในการพัฒนาอาคารแบบสร้างตามฟังก์ชันพร้อมใช้ (Built-to-Function) ที่เสริมมาตรฐานและฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้กับอาคารอุตสาหกรรมแบบพร้อมใช้
โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาอาคารแบบ Built-to-Function แห่งแรก พื้นที่รวม 50,000 ตร.ม.ในโซนบางพลีสำหรับลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (3PL) ที่เชี่ยวชาญสินค้า/บริการเฉพาะทาง รวมถึงลูกค้ากลุ่ม FMCG และกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งมีความต้องการพื้นที่ในโซนบางพลีอย่างต่อเนื่อง
“จากประสบการณ์ของ FPIT ในฐานะผู้นำตลาดและอยู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน ประกอบกับแนวทางดำเนินงานด้วยกลยุทธ์ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric) บริษัทฯ จึงเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าทุกรายในแต่ละอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี ด้วยพื้นฐานเหล่านี้ทำให้บริษัทฯ สามารถพัฒนาสินค้าและบริการด้วยโซลูชันใหม่ ๆ ที่สอดรับกับความต้องการของลูกค้าได้เสมอ” นายโสภณกล่าว
ขณะเดียวกัน FPIT ยังเดินหน้ารักษาความเป็นผู้นำในการยกระดับมาตรฐานอาคารเพื่ออุตสาหกรรม โดยพัฒนาทุกอาคารอุตสาหกรรมของบริษัทฯ ภายใต้แนวทางด้านความยั่งยืนสอดรับเทรนด์โลกที่ให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social, Governance) และกลุ่มลูกค้าชั้นนำให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
โดยปัจจุบัน FPIT มีพื้นที่อาคารเขียวรวมกว่า 500,000 ตร.ม. ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากลของทั้ง LEED และ EDGE ซึ่งมากที่สุดในกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังคำนึงถึงการออกแบบที่เกี่ยวกับการยกระดับสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้อาคาร พร้อมตั้งเป้าหมายภายในปี 2569 จะมีพื้นที่อาคารเขียวเพิ่มเป็น 2 ล้านตร.ม.
นายโสภณ กล่าวว่า ด้วยความพร้อมด้านสินค้าและบริการหลากหลายรูปแบบในระดับพรีเมียมของ FPIT ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ทั้งพื้นที่บางพลี-บางนา อยุธยา และอีอีซี บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าสามารถรองรับดีมานด์ที่จะเข้ามาในตลาดมากขึ้น ตอบทุกโจทย์การใช้งานของลูกค้าไทยและต่างชาติได้อย่างครอบคลุม และสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจากดีมานด์โรงงานและคลังสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมด้วยศักยภาพของ FPIT จะผลักดันให้บริษัทฯ สามารถขยายพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการเป็น 4 ล้านตร.ม.ภายในปี 2569
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 5ก.ย. ที่ระดับ 35.27 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทยังมีแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า ทั้งจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น วันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 5ก.ย. 2566 ที่ระดับ 35.27 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.21 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า โดยเฉพาะจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว และในช่วงนี้ เรามองว่า การปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบในช่วงที่ผ่านมา
ก็อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ ผ่านมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่อาจประเมินว่า การขาดดุลการค้าอาจเพิ่มสูงขึ้น หากราคาสินค้าพลังงานปรับตัวขึ้น ขณะที่ยอดการส่งออกยังคงซบเซา นอกจากนี้ เรายังไม่เห็นสัญญาณการกลับเข้ามาซื้อสุทธิสินทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่องของบรรดานักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจะทำให้เงินบาทขาดแรงหนุนฝั่งแข็งค่าในระยะสั้นนี้
อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า โซนแนวต้านของเงินบาทอาจยังอยู่ในช่วง 35.30-35.40 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วน อย่าง ฝั่งผู้ส่งออกต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ในจังหวะเงินบาทอ่อนค่าลง เช่นเดียวกันกับฝั่งผู้เล่นบางส่วนที่มีมุมมองเชิงบวกต่อเงินบาท
อาจรอจังหวะทยอยเพิ่มสถานะ Long THB ได้ ส่วนแนวรับเงินบาทนั้น เรามองว่า โซน 35.10-35.20 บาทต่อดอลลาร์ อาจเป็นโซนแนวรับในช่วงนี้ได้ จนกว่าจะเห็นการกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติที่ชัดเจน
ในช่วงนี้ เรามองว่า ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และ
นอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.20-35.35 บาท/ดอลลาร์
ในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในช่วง 35.19-35.26 บาทต่อดอลลาร์) ตามทิศทางของเงินดอลลาร์และราคาทองคำ โดยเรามองว่า เงินบาทเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวเป็นหลัก ในขณะที่เงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ sideway เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญฝั่งสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันหยุด Labor Day ทั้งนี้ สัญญาณฟิวเจอร์สของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ สะท้อนว่าผู้เล่นในตลาดสหรัฐฯ ยังไม่รีบกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากนัก ซึ่งเป็นไปได้ว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ย่อตัวลงเล็กน้อย -0.04% โดยตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงแรกตามความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังทางการจีนทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปก็พลิกกลับมาย่อตัวลงตามแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด ท่ามกลางแรงกดดันจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซน อย่าง ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (Sentix Investor Confidence) ที่ออกมาแย่กว่าคาด และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ยังคงสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหว sideway เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดของฝั่งสหรัฐฯ อีกทั้ง ผู้เล่นในตลาดอาจรอติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดก่อนปรับสถานะการถือครอง ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แกว่งตัวใกล้ระดับ 104.1 จุด (กรอบ 104-104.2 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ในตลาด และการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ในบางช่วง ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ทยอยย่อตัวลงสู่ระดับ 1,963 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นบางส่วนในตลาดอาจรอทยอยซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวลงบ้าง ทำให้โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (Caixin Services PMI) ซึ่งตลาดคาดว่า ภาคการบริการของจีนอาจยังคงสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่โมเมนตัมการขยายตัวอาจชะลอลง ทว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีนก็อาจช่วยหนุนให้ ภาคการบริการของจีนกลับมาขยายตัวดีขึ้นได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้
ในส่วนนโยบายการเงิน เรามองว่า แนวโน้มการชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อ และภาพรวมเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลงมากขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน อาจทำให้ ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.10%
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินโอกาส ECB เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ (ถ้าขึ้นดอกเบี้ย จะขึ้นอีกกี่ครั้ง) โดยมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อประเด็นดังกล่าว จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อทิศทางค่าเงินยูโร (EUR) ได้
และในฝั่งไทย เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนสิงหาคม มีโอกาสเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 0.7-0.8% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าพลังงาน รวมถึงราคาสินค้าเกษตร (ข้าว ผักและผลไม้) ที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามผลกระทบจากภัยแล้ง ทั้งนี้ระดับฐานราคาที่สูงในปีก่อนหน้า
ทำให้อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย 1-3% ซึ่งเรามองว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังไม่มีความจำเป็นที่ชัดเจน จากเหตุผลด้านเงินเฟ้อในการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย แต่เราไม่ปิดโอกาสที่ กนง. อาจตัดสินใจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.50% (เราให้โอกาส 45%) จากความต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน หรือ policy space ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงินยังเอื้อต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ไทย VS ญี่ปุ่น : วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2023, เทียบสถิติ, ช่องถ่ายทอดสด
การแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์เอเชีย 2023 ที่สนาม โคราช ชาติชาย ฮอลล์, จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 6 กันยายน 2566
โดย “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ทีมอันดับ 14 ของโลก เกมเมื่อวานเอาชนะคู่ปรับอาเซียนอย่าง เวียดนาม ไปได้ 3-1 เซต ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ไปเจอกับทีมชาติ ญี่ปุ่น ในวันนี้
โดยสถิติการพบกันทั้งหมด 34 ครั้ง
ไทย ชนะ 10 ครั้ง
ญี่ปุ่น ชนะ 24 ครั้ง
สถิติ 5 ครั้งหลังสุด :
– ญี่ปุ่น ชนะ ไทย 3-0 เซต : เนชั่นลีก 01-07-2023
– ญี่ปุ่น ชนะ ไทย 3-0 เซต : ชิงแชมป์เอเชีย 21-08-2022
– ญี่ปุ่น ชนะ ไทย 3-0 เซต : เนชั่นลีก 17-06-2022
– ญี่ปุ่น ชนะ ไทย 3-0 เซต : เนชั่นลีก 13-06-2021
– ญี่ปุ่น ชนะ ไทย 3-1 เซต : ชิงแชมป์เอเชีย 21-06-2021
โปรแกรมวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2023 วันนี้
ประจำวันอังคารที่ 5 กันยายน
รอบรองชนะเลิศ
15.00 น. จีน พบ เวียดนาม (Youtube ช่อง PPTV HD)
18.00 น. ไทย พบ ญี่ปุ่น (ช่อง PPTV 36, Youtube ช่อง PPTV HD)
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
แค่ตรวจ “ชีพจร” ก็รู้ความเสี่ยงโรค “หัวใจและหลอดเลือด” ได้
เพียงวัดชีพจร 1 นาที ก็รู้ได้ว่าเราเสี่ยงโรคหัวใจมากแค่ไหน?
การวัดชีพจร ควรวัดตอนที่เรานั่งพักเฉยๆ สักระยะ หากเพิ่งทำกิจกรรมอื่นๆ ไป เช่น เพิ่งเดิน เพิ่งวิ่ง หรือทำงานหนักทำให้ใจเต้นหนักขึ้น ให้นั่งพักเฉยๆ 5-10 นาทีก่อนวัดชีพจร
วิธีตรวจชีพจรง่ายๆ เพียงวางนิ้วชี้ และนิ้วกลางลงบนข้อมือ กดเล็กน้อย จะรู้สึกถึงชีพจรที่เต้น จับเวลา 30 วินาทีหัวใจเต้นกี่ครั้ง แล้วนำตัวเลขมา x2 เพื่อให้ได้จำนวนหัวใจเต้นภายใน 1 นาที เพื่อความแม่นยำอาจลองนับ 2-3 ครั้งแล้วหาค่าเฉลี่ยได้
ในวัยผู้ใหญ่ ปกติแล้วชีพจรควรเต้น 60-100 ครั้งต่อนาที และโดยส่วนใหญ่ผู้ที่มีสุขภาพดีจะหัวใจเต้นต่ำกว่า 90 ครั้งต่อนาที
ชีพจร บอกอะไร?
หากหัวใจเต้นเป็นปกติ สามารถบอกได้ว่าปัญหาความดันโลหิต ไขมันในเส้นเลือด เช่น คอเลสเตอรอล และโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจอื่นๆ อยู่ในระดับความเสี่ยงต่ำ
ดร. เจสัน วาสฟี ผู้อำนวยการด้านคุณภาพ และการวิเคราะห์ของโรงพยาบาลหัวใจ Massachusetts General ในเครือมหาวิทยาลัย Harvard กล่าวว่า “ในกรณีนี้ การเต้นชีพจรที่ต่ำกว่า หมายถึงความสมบูรณ์ของการทำงานของหัวใจที่ดีกว่า บ่งบอกได้ว่าระดับความเสี่ยงของกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจวาย ต่ำลงด้วย ในทางตรงกันข้าม หากหัวใจเต้นเร็ว หมายถึงความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดมากกว่า เพราะหากหัวใจเต้นเร็ว อาจเป็นเพราะหัวใจทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดโลหิตไปทั่วร่างกาย”
แต่หากหัวใจเต้นช้ากว่า 60 ครั้งต่อนาที อาจหมายถึงความดันโลหิตต่ำ และอาจทำให้เกิดอาการหน้ามืด เป็นลม หมดสติได้
เช็กชีพจรเรื่อยๆ
หากรู้สึกว่าตัวเองอาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ สามารถเช็กชีพจรเรื่อยๆ 2-3 ครั้งใน 1 สัปดาห์ ในช่วงเวลาที่แตกต่างไป เช่น เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน
ก่อนวัดชีพจร ไม่ควร
- ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมหนัก เช่น ยกของหนัก เดินขึ้นบันได หากเพิ่งทำกิจกรรมหนักๆ ไป ควรนั่งพักเฉยๆ 1-2 ชั่วโมงก่อนวัดชีพจร
- ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หากดื่มไปแล้วควรหยุดดื่มราว 1 ชั่วโมงก่อนวัดชีพจร
- วัดชีพจรในตอนเช้าหลังตื่นนอน เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด
วิธีลดชีพจร หรือการเต้นของหัวใจ
หากหัวใจเต้นเร็วเกิน 100 ครั้งต่อนาที มีวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดได้ นั่นคือ ออกกำลังกายเป็นประจำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละอย่างน้อย 30 นาที แล้วอย่าลืมนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ปล่อยให้ตัวเองอ่อนเพลีย
อนึ่ง ปัจจัยในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดมีอีกมากมาย การตรวจชีพจรเป็นเพียงการตรวจด้วยตัวเองเบื้องต้นแบบง่ายๆ หากรู้สึกเหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก เมื่อทำกิจกรรมหนักๆ เช่น ออกกำลังกาย วิ่ง เดินขึ้นบันได ควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจโดยละเอียด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รวมตำแหน่งงานในภาษาอังกฤษ (Job Positions)
ตำแหน่งงาน ภาษาอังกฤษ
Administration /Secretary (เอิ้ดมินิสเตร๊เชิ่น/เซเคิ้ททรี่)
ผู้ดูแลงานด้านเอกสาร/เลขานุการ
Document Controller (ด๊อคคิวเม้นท์ คอนโทรลเล่อะ)
พนักงานฝ่ายเอกสาร
Executive Secretary (อิ๊กเซคคิวทีฟ เซเคิ้ททรี่)
เลขานุการผู้บริหาร
Office Assistant (อ๊อฟฟิศ เออะซิสเถิ่นท์)
ผู้ช่วยประจำสำนักงาน
Sales Administrator (เซลซ์ เอิ๊ดมินิสเตรเถอะ)
ผู้ประสานงานขาย
Administrative Manager (เอิ้ดมินิสเตรทีฟ แมเนเจอะ)
ผู้จัดการฝ่ายธุรการ
Airlines (แอร์ไลนส์)
สายการบิน
Flight Attendances/ Hostess/ Steward (ไฟล้ท์ เอิ้ทเทนเด๊นซ์/โฮ้สเตท/ สจ้วด)
พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
Ground Crew/Cabin Crew (กราวน์ครูว/ เคบิ้นครูว)
พนักงานต้อนรับภาคพื้นดิน/ลูกเรือ
Pilot (ไพเลิต)
นักบิน
Customer Services (คัสโตเมอะ เซอฝวิสเซส)
บริการลูกค้า
Operator (อัปเปอะเรเถอะ)
รับโทรศัพท์
Receptionist (รีเซพเชิ่นนิสต์)
ต้อนรับ
Customer Relationship (คัสโตเมอะ รีเลเชิ่นชิพ)
พนักงานฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์
Customer Services Officer (คัสโตเมอะ เซอฝวิสเซส ออฟฟิเสอะ)
พนักงานฝ่ายบริการลูกค้า
Bill Collector (บิล เคิลเล็กเถอะ)
พนักงานเก็บบิล/เงิน
Driver (ไดร้เฝอะ)
พนักงานขับรถ
Guard/ Security (การ์ด/ซิคิ้วริถิ)
พนักงานรักษาความปลอดภัย
Maid/Housekeeper (เหมด/เฮ้าส์คีพเผอะ)
แม่บ้าน/พนักงานทำความสะอาด
Messenger (เม้สซินเจอะ)
คนส่งเอกสาร
Waitress/ Waiter (เว้ท เถรส/เว้ทเถอะ)
บริกรหญิง/บริกรชาย
Engineer/Technician (เอ็นจินิเออะ/เทคนิเชี่ยน)
วิศวกร/ช่างเทคนิค
Audio/Video Engineer (ออดิโอ/ฟวิดิโอ เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรทางด้านภาพและเสียง
Design Engineer (ดีไซน์ เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรด้านการออกแบบ
Electronics Engineer (อิเล็กทรอนิคส์ เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรไฟฟ้า
Engineer (Repair & Maintenance) (เอ็นจินิเออะ (รีแพร์ แอนด์ เมนเทอะแน๊นซ์))
วิศวกรฝ่ายซ่อมบำรุง
Environmental Engineer (เอินไฟวเรินเมิ้นท์ เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรสิ่งแวดล้อม
Field technician (ฟิลด์ เทคนิเชี่ยน)
เจ้าหน้าที่สนาม
Fitter (ฟิทเถอะ)
ช่างฟิต
Industrial Engineer (อินดั๊สเทรี่ยว เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรอุตสาหกรรม
Maintenance/ Repair Technician (เมนเทอะแน๊นซ์/รีแพร์ เทคนิเชี่ยน)
เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงรักษา
Mechanic (มิ๊กแคหนิก)
ช่างเครื่อง
Mechanical Engineer (มิ๊กแคนิเคิ้ล เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรเครื่องกล
Plumber (พลัมเหมอะ)
ช่างปะปา
Sales Engineer (เซลซ์ เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรฝ่ายขาย
Service Technician/ Technical Support (เซอ ฝวิส เทคนิเชี่ยน/เทคนิเคิ้ล ซัพพอร์ต)
เจ้าหน้าที่เทคนิคฝ่ายบริการ
Structural Engineer (เสอะตรั๊คเทอะเริ้ล เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรด้านโครงสร้าง
Technical Service Adviser (เทคนิเคิ้ล เซอฝวิส เอิ๊ดไฟวเสอะ)
ที่ปรึกษาเจ้าหน้าที่เทคนิคฝ่ายบริการ
Telecommunication Engineer (เทลีคอมมิวนิเค๊เชิ่น เอ็นจินิเออะ)
วิศวกรโทรคมนาคม
Entertainment/Athletics (เอ็นเถอะเทนเมิ้นท์/แอ๊ทเลถิกส์)
บันเทิง/กีฬา
Art Director (อ๊าร์ท ไดเร๊คเถอะ)
ผู้กำกับฝ่ายศิลป์
Athlete (แอ๊ธหลีท)
นักกีฬา
Costume Attendants/Design (คอสตูม เอิ้ทเทินแด๊นทซ์/ดีไซน์)
ฝ่ายออกแบบเครื่องแต่งกาย
Dancer (ด๊านเสอะ)
นักเต้น/หางเครื่อง
Make-up Artist (เมคเอิพ อาร์ถิสท์)
ช่างแต่งหน้า
Models/Star/Singer/Musician (โม๊เดิ้ลส์/เสอะตาร์/ซิงเหงอะ/มิวสิเชี่ยน)
ดารา/นางแบบ/นักร้อง/นักดนตรี
Self – Administrator/ Manager (เซ้ลฟ์ เอิ๊ดมินิสเตร๊เถอะ)
ผู้จัดการส่วนตัว
Graphic Design/Designer (กร๊าฟฝิก ดีไซน์/ ดีไซน์เหนอะ)
กราฟฟิกดีไซน์/ นักออกแบบ
Color Technician (คัลเลอะ เทคนิเชี่ยน)
ช่างเทคนิคทางด้านสี
Computer Animator (คอมพิ้วเท้อะ เอนิเมเถอะ)
ผู้ออกแบบภาพเคลื่อนไหว
Fashion Designer (แฟ๊เชิ่น ดีไซเหนอะ)
นักออกแบบเสื้อผ้า
Accountancy (เอิกเค้าเทินสิ)
ฝ่ายบัญชี
Accounting Officer (เอิกเค้าทิ่ง ออฟฟิเสอะ)
พนักงานบัญชี
Accounting Supervisor (เอิกเค้าทิ่ง ซูเพอะไฟวเสอะ)
หัวหน้าฝ่ายบัญชี
Assistant Accounting Manager (เออะซิสเถิ่นท์ เอิกเค้าทิ่ง เมเนเจอะ)
ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบัญชี
Auditor (ออดิเถอะ)
ผู้ตรวจสอบบัญชี
Billing/ Invoice Officer (บิลลิ่ง/อิน ฟวอยซ์ ออฟฟิเสอะ)
พนักงานฝ่ายเก็บเงิน/ออกใบเสร็จ
Bookkeeper (บุ๊ค-คีพเผอะ)
พนักงานฝ่ายบัญชี
Costing/Budgeting Manager (คอสติ้ง/บั๊ดเจ๊ติ้ง เมเนเจอะ)
ผู้จัดการฝ่ายบัญชีต้นทุน/ งบประมาณ
Credit Control (เครดิต เคินโทรล)
ผู้ควบคุมบัญชีรายรับ
Field Control Officer (ฟิลด์ เคินโทรล ออฟฟิเสอะ)
เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบระบบ
Internal/External Audit (อินเทอเนิ้ล/เอ๊กซ์เทอเนิ้ล ออดิท)
ผู้ตรวจสอบภายใน/ภายนอก
Senior Accounting Manager (ซีเนีย เอิกเค้าทิ่ง เมเนเจอะ)
ผู้จัดการฝ่ายบัญชี
Senior/Chief Accountant (ซีเนีย/ชีฟ เอิกเค้าเถิ่นท์)
พนักงานบัญชี/สมุห์บัญชี
Tax Officer/Accounting (แท็กซ์ ออฟฟิเสอะ/เอิกเค้าทิ่ง)
เจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องภาษี
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
กิน “ทุเรียน” อย่างไรให้ไม่อ้วนและสุขภาพดี
“ทุเรียน” ราชาผลไม้ที่เป็นที่นิยมของใครหลายๆคน เป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่ามีน้ำตาลและแคลอรี่สูง แต่รสชาติที่หวานมันอร่อยของทุเรียน จึงยากมากที่จะอดใจไม่ให้กินได้ ดังนั้นเราควรรู้จักการกินทุเรียนอย่างไรให้ไม่อ้วนและมีสุขภาพดี
ทุเรียน ราชาผลไม้ไทยที่ใครหลายๆ คนโปรดปราน ด้วยรสชาติที่หวานมันอร่อยทำให้ทุเรียนเป็นที่นิยมของคนไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก แต่ทุกครั้งที่กินก็จะเกิดความรู้สึกผิดในใจ เพราะเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลและแคลอรี่สูง หากรับประทานมากเกินไป อาจส่งผลให้เจ็บคอ ร้อนใน และอ้วนขึ้นได้ อย่างไรก็ตามทุเรียนก็ยังถือเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเช่นกัน ดังนั้นเราควรกินทุเรียนอย่างไร ถึงจะไม่อ้วน และส่งผลดีต่อสุขภาพ
ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง มีวิตามินซี โพแทสเซียม กรดอะมิโนซีโรโทเนอร์จิก ทริปโตเฟน คาร์โบไฮเดรต โปรตีนและเป็นแหล่งไขมันสดที่ดีในอาหารประเภทที่ไม่ผ่านความร้อน นอกจากนี้ในเนื้อของทุเรียนยังมีสารประกอบซัลเฟอร์หรือกำมะถัน เช่น ไทออล ไทโออีเทอร์ เอสเทอร์ และซัลไฟต์ซึ่งทำให้ทุเรียนมีกลิ่นเฉพาะตัวที่รุนแรง โดยบางคนบอกว่าทุเรียนมีกลิ่นหอม แต่ในขณะที่บางคนกลับมองว่ามันมีกลิ่นเหม็น นิยมรับประทานได้ทั้งสุกและห่ามแล้วแต่คนชอบ ทั้งนี้ยังนำไปใช้ทำอาหารได้อย่างหลากหลาย แม้แต่เมล็ดก็รับประทานได้ แต่ต้องทำให้สุกก่อน
คุณค่าทางโภชนาการของทุเรียน
จากการศึกษาคุณค่าทางโภชนาการและปริมาณน้ำตาลที่มีอยู่ในทุเรียน โดย สำนักโภชนาการ กรมอนามัย พบว่า ทุเรียนแต่ละสายพันธุ์จะมีคุณค่าทางโภชนาการ และมีปริมาณน้ำตาลที่แตกต่างกันไปตามชนิดหรือสายพันธุ์ ดังนี้
ที่มา: สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (ตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการในอาหารไทย)
ประโยชน์ของทุเรียน มีอะไรบ้าง
- กระตุ้นการขับถ่าย
ข้อมูลจากสำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารค่อนข้างสูง เส้นใยเหล่านี้มีส่วนช่วยในการขับถ่าย โดยทุเรียนมีเส้นใยอาหารประมาณ 3-5% (แล้วแต่สายพันธุ์)
- บำรุงผิวและเส้นผม
จากข้อมูลการศึกษาของ ดร.ภญ.ภัควดี เสริมสรรพสุข พบว่า เนื้อทุเรียนมีสารโพลีฟีนอลส์ และฟลาโวนอยด์ ช่วยต้านอนุมูลอิสระและยังมีวิตามินซี วิตามินอี และ คอลลาเจน บำรุงผิวให้สวย นอกจากนี้ยังมีธาตุอาหารมากมายได้แก่ ทองแดง สังกะสี ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม แมกนีเซียมและสังกะสี ที่ช่วยบำรุงเส้นผม
- ช่วยแก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝีและหนองแห้งเร็ว
เนื้อทุเรียนมีกำมะถันเป็นส่วนประกอบหลัก จึงทำให้มีฤทธิ์ร้อน เมื่อรับประทานเข้าไปในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดร้อนในได้ แต่ความร้อนนี้สามารถช่วยแก้โรคผิวหนังได้ ทำให้ฝีและหนองแห้งเร็ว
- ช่วยขับพยาธิ
เนื้อทุเรียนมีกำมะถันที่ให้ความร้อนแก่ร่างกาย ทำให้มีฤทธิ์ขับพยาธิ ช่วยขับพยาธิไส้เดือน อีกทั้งใบทุเรียนยังมีสรรพคุณขับพยาธิได้อีกทาง แถมยังแก้ดีซ่านได้ด้วย
- แก้ท้องร่วง
รากทุเรียนเมื่อนำมาต้มกับน้ำแล้วนำมาดื่ม จะช่วยรักษาอาการท้องร่วงได้
- แก้ไข้
ใบและรากทุเรียนสามารถนำมาสกัดเป็นยาแก้ไข้ได้
- รักษากลาก เกลื้อน สมานแผล
เปลือกทุเรียนสามารถใช้รักษากลาก เกลื้อน สมานแผล แก้น้ำเหลืองเสีย รักษาแผลพุพอง แก้ฝี และตานซาง นอกจากนี้การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของทุเรียนยังพบว่า สารโพลีแซคคาไรด์ เจล (Polysaccharide gel) ที่ได้จากเปลือกทุเรียนมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด และเมื่อนำสารดังกล่าวไปพัฒนาเป็นแผ่นฟิล์มปิดแผลก็พบว่า มีสรรพคุณช่วยสมานแผลและลดการอักเสบของแผลได้เป็นอย่างดี
เคล็ดลับในการกินทุเรียนให้ไม่อ้วนและสุขภาพดี
- เลือกกินทุเรียนห่ามจะดี เพราะทุเรียนที่สุกเกินไปจะมีปริมาณน้ำตาลมาก
- ไม่ควรกินทุเรียนเกินวันละ 2 เม็ดขนาดกลาง (หนักประมาณ 80 กรัม) และไม่ควรกินถี่ทุกวัน เพราะหากกินมากเกินไป อาจส่งผลให้เจ็บคอ ร้อนใน และน้ำหนักเกินได้
- ควรหลีกเลี่ยงการกินทุเรียนกับน้ำกะทิ เพราะน้ำตาลจากทั้งทุเรียน ข้าวเหนียว และไขมันจากน้ำกะทิ อาจส่งผลให้อ้วนและเกิดอาการร้อนในได้ และควรลดอาหารกลุ่มข้าว-แป้ง 1 ทัพพีและของหวานในมื้อที่กินทุเรียน
- อาจกินทุเรียนคู่กับมังคุด ข้อมูลจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ระบุว่า มังคุดเป็นผลไม้ ที่มีฤทธิ์เย็นที่ช่วยต้านความร้อนที่เกิดจากกินทุเรียนได้ และมังคุดมีเส้นใยอาหารสูง มีสารต้านการอักเสบช่วย แก้ร้อนในและยังมีน้ำในปริมาณมาก ซึ่งเหมาะกับการกินคู่กับทุเรียน
- ไม่ควรกินทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ทุเรียนเป็นอาหารที่มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ให้พลังงานสูงเช่นเดียวกัน เมื่อกินทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่างกายจะได้รับพลังงานที่มากเกินไป ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดกระบวนการ เผาผลาญเพื่อกำจัดของเสียเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ กรดกำมะถันในทุเรียนจะทำให้เอนไซม์ที่กำจัดสารพิษจากกระบวนการเผาผลาญลดลง หากมีปัญหาสุขภาพหรือโรคประจำตัวอาจทำให้เกิดอาการหน้าแดง ชา วิงเวียนและอาเจียน
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคเบาหวาน โรคหัวใจและโรคความดันโลหิตสูง ควรระมัดระวังเรื่องการกินทุเรียนมากกว่าคนทั่วไป อาจกินได้แต่ต้องกินในปริมาณน้อยกว่าคนปกติและไม่บ่อยเกินไป เพราะการกินทุเรียนปริมาณมากหรือกินทุเรียนบ่อยเกินไป จะส่งผลต่อระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
[ลือ] Samsung จะเลือกการ์ดจอของ AMD ติดตั้งในขุมพลัง Exynos ในมือถือระดับกลาง
มีการเปิดเผย @Tech_Reve ได้เปิดเผยผ่านทาง X (Twtitter) ว่า Samsung Exynos ที่จะใช้กับมือถือระดับกลางคาดว่าจะใช้การ์ดจอ AMD ตามรุ่นท็อปภป โดยคาดว่าจะเห็นขุมพลังรุ่ใหม่นี้กับมือถือในระดับกลางในปีหน้า
ซึ่งคาดว่าขุมพลังที่ว่านั้นคือ Exynos 1430 และ 1480 โดยคการ์ดจอนั้นแม้ว่ายังไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นอะไร แต่ถ้าย้อนกลับไปแล้ว Samsung Exynos เคยเลือกใช้ GPU ของ AMD ใน Exynos 2200 ที่มีสถาปัตยกรรม RDNA 2 โดยติดตั้งเทคโนโลยี Ray Tracking มาให้ด้วย
และมีความเป็นไปได้ว่าขุมพลังใหม่อาจจะมีการติดตั้งระบบ Machine Learning ที่จะช่วยให้การประมวลผลภาพ การเล่นเกมลอื่นๆ มาแบบจัดเต็มแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 5/09/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 32,300.00 | 32,400.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,092.00 | 31,714.72 | 32,900.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,882.80 | 28,543.25 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,673.60 | 25,371.78 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 941.00 | 14,265.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 732.00 | 11,097.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,168.00 | 32,866.88 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 5/09/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 39.35 | 39.35 | 40.05 | 39.35 | 39.35 | 39.35 | 39.35 | 39.35 | 39.35 | 39.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 39.08 | 39.08 | 39.78 | 39.08 | 39.08 | 39.08 | 39.08 | 39.08 | 39.08 | 39.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 37.04 | 37.04 | 37.74 | 37.04 | 37.04 | – | 37.04 | 37.04 | 37.04 | 37.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 37.49 | 37.49 | – | – | – | – | – | – | – | 37.49 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 45.04 | 49.04 | 49.84 | 49.04 | – | – | – | – | – | 45.04 |
เบนซิน 95 | 47.14 | – | – | – | 48.31 | – | 47.64 | 47.29 | – | 47.14 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 32.44 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.44 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 32.44 | – | 31.94 | – | 31.94 | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 42.24 | 43.64 | 49.44 | 43.64 | 43.64 | – | – | – | – | 42.24 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |