สาระน่ารู้ประจำวันที่ 5 เมษายน 2566

“เพอร์เฟค” ผนึกทุนต่างชาติ ลุยปักธง “เขาใหญ่” เพิ่ม

“พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค” ผนึกทุนต่างชาติ เปิดเกมอสังหาฯ Q2 ระอุ เตรียมส่งแบรนด์ใหม่ ชิงตลาดคอนโดฯย่านพัฒนาการ พร้อมเปิดขาย บ้านระดับกลาง ถึง หรู อีก 3 โครงการ รวมมูลค่า เกือบ 5 พันล้าน เจาะทำเลฮอต แจ้งวัฒนะ – สุวรรณภูมิ บ้านซีรีย์ใหม่ เขาใหญ่

4 เมษายน 2566 – นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีถือว่ามีสัญญาณที่ดี จากการเปิดตัวโครงการใหม่  ได้แก่ “มาร์เก็ต อเวนิว แจ้งวัฒนะ–ราชพฤกษ์” ย่านธุรกิจแห่งใหม่บนทำเลแจ้งวัฒนะ–ราชพฤกษ์

ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีในการเปิดจองรอบวีไอพี สามารถทำยอดขายได้เกินกว่า 150% จากเป้าที่วางไว้ โดยไตรมาสแรกบริษัทมียอดขาย 3,200 ล้านบาท ใกล้เคียงเป้าที่วางไว้ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าบ้านระดับกลางถึงบน ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่บริษัทเน้นมากขึ้นในปีนี้ และตลาดบ้านระดับบนโดยเฉพาะกลุ่มบ้านระดับไฮเอนด์

ในไตรมาส 2 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 4 โครงการ รวมมูลค่า 4,950 ล้านบาท ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งโครงการ “เพอร์เฟค พาร์ค” บ้านเดี่ยวใน 2 ทำเล คือ แจ้งวัฒนะ-ราชพฤกษ์ และ บางใหญ่ มูลค่ารวม 3,250 ล้านบาท ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับกลางครอบครัวเริ่มต้น  

โครงการ “วาวิล่า สุขุมวิท 77-สุวรรณภูมิ” มูลค่า 700 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้นแบรนด์ใหม่สำหรับกลุ่มลูกค้าระดับบน  และ “ไอคอนโด แอคทีฟ พัฒนาการ” มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ที่ยกระดับแบรนด์ไอคอนโดเพื่อรองรับกลุ่มที่ต้องการอยู่อาศัยในทำเลเมือง รวมถึงยังเดินหน้าพรีเซลเฟสใหม่ใน 2 โครงการ  

ได้แก่ “เบลล่า เดล มอนเต้ เขาใหญ่” เฟส 2 ในคอนเซ็ปท์ “Creek Valley” บ้านบนเนินเล่นระดับ ที่ออกแบบให้มีลำธารไหลผ่านบ้านแต่ละหลัง และ โครงการ “มาร์เก็ต อเวนิว แจ้งวัฒนะ–ราชพฤกษ์” เฟส 2 หลังมีผลตอบรับดีมากในเฟสแรก นอกจากนี้ ยังจะมีการพัฒนา Kids Club ขึ้นในสโมสรโครงการต่างๆ เน้นกิจกรรมเสริมพัฒนากล้ามเนื้อมัดต่างๆ และพัฒนาการทั้ง EQ และ IQ สำหรับเด็กๆ  โดยจะเปิดตัวแห่งแรกในไตรมาส 2 ที่สโมสรโครงการสุขุมวิท 77-สุวรรณภูมิ

บริษัทฯ ยังมุ่งสร้างการเติบโตจากโครงการร่วมทุนและธุรกิจโรงแรม โดยโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรทั้ง 3 ราย ได้แก่ ฮ่องกงแลนด์,  ซูมิโตโม ฟอเรสทรี และ เซกิซุย เคมิคอล ปีนี้วางเป้าขายไว้รวม 4,400 ล้านบาท ในไตรมาสแรกมียอดขายในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะโครงการร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์  ที่ทำยอดขายได้ 500 ล้านบาท  

ทั้งนี้  จะมีการเปิดโครงการใหม่ร่วมกับ ซูมิโตโม ฟอเรสทรี บนทำเลราชพฤกษ์ตัดใหม่ในไตรมาส 3 ซึ่งบริษัทได้มีการลงทุนขยายถนนและปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ให้สวยงาม เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ ด้านธุรกิจโรงแรมในกลุ่ม  ภาพรวมไตรมาสแรกของปีสามารถสร้างรายได้มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 321% มีการเติบโตเพิ่มขึ้นของทั้งอัตราเข้าพัก และราคาขายต่อห้องพัก ซึ่งฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าเพิ่มความมั่นคงแข็งแกร่งทางการเงิน   โดยอยู่ระหว่างการดำเนินการเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินมูลค่า 830 ล้านบาท เพื่อลดหนี้และทำกำไร  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ผุด โทเคนดิจิทัล “RealX” เหรียญลงทุนอสังหาฯ เจาะคอนโดลักชัวรี่

“โทเคน เอกซ์” ผนึก “เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล” เตรียมขายโทเคนดิจิทัล “RealX” เหรียญลงทุนคอนโดรูปแบบใหม่ อายุ 10 ปี หลัง ก.ล.ต.ไฟเขียว ล็อตแรก 19,230,769 โทเคน ราคาเสนอขาย 182 บาทต่อโทเคน นำร่อง โครงการ “พาร์ค ออริจิ้น” 3 ทำเลทอง

5 เมษายน 2566 – นางสาวจิตตินันท์ ชาติสีหราช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด หรือ Token X บริษัทภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group)  เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับบริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด ผู้ออกโทเคนดิจิทัล สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญกับการพัฒนาโทเคนดิจิทัลที่มีคอนโดมิเนียมเป็นสินทรัพย์อ้างอิง (Condo-Backed Token) ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่นักลงทุน คนรุ่นใหม่ ใช้เป็นสื่อกลางในการลงทุนคอนโดฯคุณภาพบนทำเลทองในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ที่หาได้ยาก โดยเตรียมเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (“โทเคนดิจิทัลฯ”) ที่เป็น Condo-Backed Token ภายใต้ชื่อ “เรียลเอ็กซ์” (RealX Investment Token) 

ก.ล.ต.ไฟเขียว จ่อเสนอขาย “เรียลเอ็กซ์”

ทั้งนี้ หลังจากได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายโทเคนดิจิทัลฯ เรียลเอ็กซ์ ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (ICO) ปัจจุบันได้รับการพิจารณาอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว ล่าสุด อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเสนอขายโทเคนดิจิทัลฯ เรียลเอ็กซ์ จำนวนไม่เกิน 19,230,769 โทเคน ที่ราคา 182 บาทต่อโทเคน รวมมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 3,500 ล้านบาท

โดยมีอายุโครงการ 10 ปี เพื่อนำเงินไปลงทุนในสัญญา RSTA (Revenue Sale and Transfer Agreement) ให้ได้กระแสรายรับจากทรัพย์สินของโครงการจากบริษัท เรียล เอสเตท อินทิเกรชั่น จำกัด ซึ่งจะเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์คอนโดฯ 3 แห่งที่พัฒนาโดยกลุ่มบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI และเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการทำธุรกรรม ชำระเงินกู้ยืมจากการระดมทุน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของผู้ออกโทเคนดิจิทัล โดยผู้ลงทุนที่ชำระเงินก่อนจะได้รับสิทธิจัดสรรก่อน (First come, First served) 

นำร่องลงทุนในโครงการคอนโดฯ ออริจิ้น

ผู้ถือโทเคนดิจิทัลฯ เรียลเอ็กซ์ จะได้รับผลตอบแทนการลงทุน 2 ส่วน ได้แก่ (1) ผลตอบแทนรายไตรมาสจากค่าเช่าสุทธิของคอนโดฯ ทั้ง 3 โครงการที่เป็นสินทรัพย์อ้างอิง เป็นระยะเวลา 10 ปีนับจากเริ่มต้นโครงการ โดยในปีที่ 1-5 บริษัท พาร์ค ลักชัวรี่ จำกัด ในเครือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI จะรับประกันรายรับสุทธิของโครงการที่ 4% 4.25% 4.50% 4.75% และ 5% ต่อปีของมูลค่าเสนอขายโทเคนดิจิทัลฯ ตามลำดับ และ (2) ได้รับผลตอบแทนเป็นรายไตรมาสจากการทยอยจำหน่ายคอนโดฯ ทั้ง 3 โครงการในปีที่ 6-10 (รวมกรณีขยายอายุโครงการ) รวมกับผลตอบแทนรายไตรมาสจากค่าเช่าสุทธิ โดยคอนโดมิเนียมทั้ง 3 โครงการ ได้รับการพิจารณาแล้วว่าเป็นโครงการระดับลักชัวรีที่น่าเชื่อถือ ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ และมีความเหมาะสมสำหรับการลงทุนระยะยาว 

“นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนในโทเคนดิจิทัลฯ เรียลเอกซ์ รายละไม่เกิน 300,000 บาท โดยผู้ลงทุนสามารถมั่นใจในความปลอดภัยของการทำธุรกรรมผ่านสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) บนเครือข่ายบล็อกเชน TKX Chain ซึ่งเป็นเชนที่อยู่ในรูปแบบ Ethereum-Based Blockchain และเป็น Public Permissioned Blockchain ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก โดยมีบริษัท อินสเปค จำกัด เป็นผู้ตรวจสอบสัญญาอัจฉริยะ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นทรัสตี นอกจากนี้ ในปัจจุบันอยู่ระหว่างการนำโทเคนดิจิทัลฯ เรียลเอ็กซ์ เข้าจดทะเบียนซื้อขายในศูนย์ขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากกระทรวงการคลัง ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อรองรับการซื้อขายในตลาดรองอีกด้วย” 

แปลงคอนโดให้เป็นโทเคน

ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด ในฐานะผู้ออกโทเคนดิจิทัล กล่าวว่า “อันที่จริงความคิดเริ่มต้นมาจากการที่เราต้องการลงทุนในลักซ์ชัวรีคอนโดฯ และมีความต้องการจะกระจายการลงทุนให้กับคนรุ่นใหม่และประชาชนทั่วไป จึงเกิดแนวความคิดว่า ต้องการ ‘แปลงคอนโดให้เป็นโทเคน’ และให้ ‘1 โทเคนประมาณเท่ากับ 1 ตารางนิ้ว’ แนวคิดของการออกโทเคนดิจิทัลฯ เรียลเอ็กซ์จึงเกิดขึ้น และเพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่และบุคคลทั่วไปที่สนใจ สามารถเข้าถึงการลงทุนในคอนโดฯ บนทำเลไพร์มโลเคชั่นที่นับวันจะหาที่ดินได้ยากขึ้น

โดยเฉพาะที่ดินแบบ Freehold Land ซึ่งเปรียบเสมือนของที่หายากยิ่ง (Rare Item) โดยไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อลงทุนซื้อคอนโดฯ ทั้งยูนิต และไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในช่วงที่ไม่มีผู้เช่าต่อเนื่อง โดยการลงทุนใน 1 โทเคนดิจิทัลฯ เรียลเอ็กซ์ จะมีความใกล้เคียงกับการลงทุนในพื้นที่คอนโดฯ 1 ตารางนิ้ว ทั้งนี้ โทเคนดิจิทัลฯ เรียลเอ็กซ์ ยังนับได้ว่าเป็นโทเคนดิจิทัลฯ ที่ค้ำประกันด้วยคอนโดมิเนียม ‘Condominium-backed Token’ ตัวแรกของประเทศไทยที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. อีกด้วย” 

บริษัทฯ ได้เลือกคอนโดมิเนียม 3 โครงการที่ดีที่สุดและเป็นแบรนด์ระดับท็อปจากบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรชั้นนำในประเทศไทย มาเป็นสินทรัพย์อ้างอิง ได้แก่ โครงการพาร์ค ออริจิ้น พร้อมพงษ์ (ไม่เกิน 138 ยูนิต) ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 12 ไร่ ระหว่างซอยสุขุมวิท 22-24 มีพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ จึงมีดีมานด์จากผู้เช่าที่เป็นคนทำงานในย่าน CBD และชาวต่างชาติที่เข้ามาพักอาศัยระยะยาวในประเทศไทย โครงการพาร์ค ออริจิ้น พญาไท (ไม่เกิน 123 ยูนิต) ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ 2 ไร่ติดถนนพญาไทขาเข้า มีจุดเด่นด้านทำเลที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสและแอร์พอร์ตเรลลิงก์ โรงพยาบาลและสถาบันการศึกษา

โครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (ไม่เกิน 100 ยูนิต) บนเนื้อที่ 5 ไร่ในซอยทองหล่อ 10 ซึ่งไม่เหลือที่ดินแปลงใหญ่อีกแล้ว และเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล ฯลฯ จึงเป็นนิยมจากผู้เช่าโดยเฉพาะชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยระยะยาว ซึ่งทุกโครงการออกแบบและใช้วัสดุคุณภาพสูง อาคารอยู่ในสภาพใหม่ และจะบริหารจัดการโดยบริษัท แฮมตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ในเครือ ORI 

เชื่อตลาดคอนโดฯไปต่อ

ปัจจุบันทำเลดังกล่าวมีที่ดินและซัพพลายใหม่ในตลาดค่อนข้างจำกัด ซึ่งส่งผลดีต่อราคาขายคอนโดฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยภาพรวมตลาดคอนโดฯ ระดับลักชัวรี่ในย่านพร้อมพงษ์ มีการเติบโตราคาขายเฉลี่ย ณ เดือนมีนาคม 2565 เมื่อเทียบกับปีที่เปิดตัวโครงการอยู่ที่ 8.6% ส่วนภาพรวมตลาดคอนโดฯ ระดับลักชัวรี่ ในย่านทองหล่อ มีราคาขายเฉลี่ย ณ เดือนมีนาคม 2565 เพิ่มขึ้น 9.2% เทียบกับปีที่เปิดตัวโครงการ ขณะที่ภาพรวมตลาดคอนโดฯ ระดับลักชัวรี่ในย่านพญาไท มีราคาขายเฉลี่ยในปี 2565 เพิ่มขึ้น 7% จากปีที่เปิดตัวโครงการ (ข้อมูลจากฝ่ายวิจัยเอ็ดมันต์) 

“ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปัจจุบัน ได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทำให้มีดีมานด์จากผู้เช่าที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางกลับเข้ามาทำงานหรืออยู่อาศัยในระยะยาว โดยเฉพาะทำเล CBD ที่อยู่ใกล้แหล่งงาน แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและเชื่อมต่อการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า จึงมีความต้องการซัพพลายอีกเป็นจำนวนมากและเป็นโอกาสของการลงทุนคอนโดฯ ในระยะยาว”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 5เม.ย.ที่ระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.85-34.10 บาท/ดอลลาร์ ตลาดรอแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงาน PMIเดือนมีนาคม

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้5เมษายน2566 ที่ระดับ  34.00 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.22 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นแรง ตามการปรับตัวลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (ทะลุโซนแนวต้านแถว 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้สำเร็จ)

เราประเมินว่า ในระหว่างวันนี้ การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น อาจเริ่มชะลอลงได้บ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจมีการขายทำกำไรสถานะ Short USDTHB บ้าง 

นอกจากนี้ ในฝั่งผู้ประกอบการ อย่าง ผู้นำเข้าก็อาจรอจังหวะเงินบาทแข็งค่าลงมาแถว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ในการเข้าซื้อเงินดอลลาร์บ้างได้เช่นกัน  และควรจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ 

โดยเฉพาะฟันด์โฟลว์ในฝั่งหุ้น ว่านักลงทุนต่างชาติจะเดินหน้าขายหุ้นไทยเพิ่มเติมจากวันก่อนหน้าหรือไม่ (ส่วนหนึ่งอาจขายทำกำไรเพิ่มเติม หลังเงินบาทแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ)

เพราะหากนักลงทุนต่างชาติยังไม่กลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทย ตามที่เราเคยคาดการณ์ไว้ เงินบาทก็อาจขาดปัจจัยหนุนฝั่งแข็งค่าไปบ้าง

ทั้งนี้ แม้นักลงทุนต่างชาติอาจยังไม่รีบกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย แต่เงินบาทก็ยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าจากโฟลว์ขายทำกำไรทองคำ ทำให้เราประเมินว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 33.85-34.10 บาทต่อดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ

อาทิ ดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ รวมถึง ยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP เพราะหาก รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงสดใส เงินดอลลาร์ก็มีโอกาสรีบาวด์แข็งค่าขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในวันนี้ยังคงออกมาแย่กว่าคาด

เช่นเดียวกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจก่อนหน้า เงินดอลลาร์ก็อาจปรับตัวอ่อนค่าลงต่อ ทดสอบจุดต่ำสุดของปีนี้ได้เช่นกัน ซึ่งในกรณีนี้นั้น เราคาดว่า เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นใกล้ระดับ 33.80 บาทต่อดอลลาร์ (ราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้นใกล้ 2,050-2,060 ดอลลาร์ต่อออนซ์)

ในช่วงนี้ เราคงมองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง (ค่าเงินบาทผันผวนในระดับ 9%-10% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมาที่ระดับ 5% เป็นอย่างมาก)

ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.85-34.10 บาท/ดอลลาร์


บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) โดยดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.58% หลังผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลงชัดเจนและ

เสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) มากขึ้น จากรายงานยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTs Job Openings) ล่าสุด ที่ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 9.93 ล้านตำแหน่ง แย่กว่าที่ตลาดคาดไว้มาก

นอกจากนี้ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงาน (Factory Order) ก็ลดลงต่อเนื่อง -0.7%m/m แย่กว่าคาด ทั้งนี้ ความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงมองว่า เฟดจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ก่อนที่จะทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งมุมมองดังกล่าวได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลงอีกครั้งสู่ระดับ 3.35%

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงต่อเล็กน้อย -0.08% กดดันโดยแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน (Equinor -2.1%, Shell -1.9%) หลังราคาน้ำมันดิบมีจังหวะย่อตัวลงมาบ้าง ตามความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรป ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (Hermes +1.8%, LVMH +0.8%) ซึ่งยังคงได้รับอานิสงส์จากแนวโน้ม (และความคาดหวัง) การฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องของเศรษฐกิจจีน

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 101.5 จุด (ใกล้จุดต่ำสุดของปีนี้ แถว 100.8 จุด ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์)

หลังผู้เล่นในตลาดยังคงทยอยลดสถานะถือครองเงินดอลลาร์ลง ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่า เฟดจะไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องได้ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ล่าสุดในสัปดาห์นี้ ล้วนออกมาแย่กว่าคาด ส่วนในฝั่งราคาทองคำ ความต้องการถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยที่สูงขึ้น

รวมถึงการปรับตัวลดลงของทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯและเงินดอลลาร์ ได้ช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) สามารถปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้าน 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ

ทรงตัวแถวระดับ 2,039 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ซึ่งเราคาดว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำดังกล่าว อาจหนุนให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (ISM Services PMI) เดือนมีนาคม

โดยตลาดมองว่า ภาคการบริการจะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ชี้จากดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ที่อาจอยู่ที่ระดับ 54.5 จุด (ดัชนีมากกว่า 0 หมายถึง ภาวะขยายตัว)

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลยอดการจ้างงานภาคเอกชน โดย ADP ซึ่งอาจใช้เป็นตัวชี้วัดถึงแนวโน้มข้อมูลยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ในวันศุกร์ นี้ได้ 

ทั้งนี้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มกลับมาคาดหวังว่า เฟดยังมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้

หลังจากที่ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดยังคงมุมมองเดิมว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายแถว 5.00% ก่อนที่จะทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในช่วงครึ่งหลังของปี หลังรายงานยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTs Job Openings) ออกมาแย่กว่าคาดไปมาก

ส่วนในฝั่งเอเชีย ตลาดมองว่า ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +0.25% สู่ระดับ 5.00% เพื่อให้มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถชะลอลงกลับสู่เป้าหมายได้ และในฝั่งไทย

จากภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้น หนุนโดยการบริโภคภาคเอกชน ทำให้เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI เดือนมีนาคม อาจทรงตัวที่ระดับ 1.9%

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI อาจชะลอลงสู่ระดับ 3.20% (+0.10%m/m) ตามการปรับตัวลงของราคาสินค้าพลังงานและระดับฐานราคาที่สูงในปีก่อนหน้า ทั้งนี้ แม้อัตราเงินเฟ้อจะชะลอลง

แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงอยู่ ทำให้เรามองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก +0.25% สู่ระดับ 2.00% ได้ในการประชุมครั้งถัดไป (เดือนพฤษภาคม)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 34.00 มาเคลื่อนไหวที่ระดับ 33.94-33.96 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.25 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.21 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ทั้งเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักและสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย หลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีสัญญาณอ่อนแอ ซึ่งยิ่งกระตุ้นการคาดการณ์ของตลาดว่า เฟดคงกำลังใกล้ที่จะยุติวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว

ทั้งนี้ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานเดือนก.พ. ของสหรัฐฯ ล่าสุด ปรับลดลง 632,000 ตำแหน่ง ไปอยู่ที่ 9.9 ล้านตำแหน่ง (ต่ำว่าตลาดคาดที่ 10.4 ล้านตำแหน่ง และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่พ.ค. 2564) ขณะที่ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ. หดตัวลง 0.7% MoM (ตลาดคาดที่ -0.5% MoM)

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ คาดไว้ที่ 33.90-34.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดรอติดตามตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมี.ค. ของยูโรโซนและอังกฤษ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี ISM และ PMI ภาคบริการเดือนมี.ค.   

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ปิดฉาก! “ณัฐพงศ์” ควง “ธณพล” ซิวแชมป์ประเทศไทย ศึกรถยนต์ทางเรียบ TOYO TIRES

ณัฐพงศ์ ควงคู่ ธณพล ผงาดแชมป์ประเทศไทย สุดยิ่งใหญ่ปิดศึกรถยนต์ทางเรียบ TOYO TIRES SCHAEFFLER RACING CAR THAILAND 2022 หลังเก็บแต้ม 6 สนามทำผลงานเจ๋งสุด คว้าถ้วยพระราชทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ

ปิดฉากการแข่งขันไปเรียบร้อยสำหรับ การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ TOYO TIRES SCHAEFFLER RACING CAR THAILAND เก็บคะแนนสะสมทั้ง 6 สนาม ประจำปี 2022 ที่ได้จบสิ้นไป พร้อมด้วยรถแข่งที่เข้าร่วมแข่งขันในรายการกว่า 300 คัน 

โดยงานนี้ ได้รับเกียรติจาก คุณปฎิภาณ อนันต์รัตนสุข ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยาง TOYO TIRES ร่วมเป็นเกียรติในงานมอบรางวัลแชมป์ประเทศไทย

สำหรับแชมป์ประเทศไทยปีนี้ ในรุ่น TOYO SCHAEFFLER ISUZU ONE MAKE RACE 1.9  ณัฐพงศ์ เหลาคม สามารถทำคะแนนรวมทั้งสิ้น 395 คะแนนคว้ารางวัลแชมป์ถ้วยพระราชทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ

ขณะที่ ธณพล ชูเจริญผล ไม่น้อยหน้าคว้ารางวัลแชมป์ถ้วยพระราชทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ไปครองอย่างยิ่งใหญ่เช่นกัน ในรุ่น TOYO SCHAEFFLER ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 โดยได้คะแนนรวมทั้งสิ้น 487 คะแนน รวมถึงนักแข่งมือฉมัง ต่างร่วมรับถ้วยรางวัลแชมป์ประเทศไทยอย่างพร้อมเพรียงกันในรุ่นต่าง ๆ ภายในงาน

อย่างไรก็ตามสำหรับในปีนี้ยาง TOYO TIRES ก็ยังคงได้รับเลือกเป็นยางที่ทีมแข่งและผู้จัดการแข่งขันให้ความไว้วางใจ ในประสิทธิภาพสำหรับการควบคุมและยึดเกาะถนนสำหรับรถแข่งที่เข้าร่วมทำการแข่งขันในการแข่งขัน TOYO TIRES SCHAEFFLER RACING CAR THAILAND 2023 แต่ละรุ่นตลอดปีการแข่งขันนี้เช่นเดียวกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ไขข้อสงสัย ไม่ควรดื่มน้ำจากขวดที่ทิ้งไว้ในรถจริงหรือ?

ไม่ว่าคุณจะมีรถยนต์ส่วนตัวหรือไม่ แต่เมื่อไรก็ตามที่คุณนั่งอยู่ในรถยนต์ คุณมักจะเห็นขวดน้ำอยู่ในรถ ขวดเล็ก ขวดใหญ่ หรือน้ำเป็นขวดๆ ที่แถมมาจากการเติมน้ำมันรถ ระหว่างเดินทางหากหิวน้ำก็จะควานหาใต้เบาะมาดื่ม จริงๆ แล้วน้ำดื่มที่ทิ้งไว้ในรถแบบนี้ มีอันตรายหรือไม่ Sanook! Health นำคำตอบจากรายการ Did You Know? มาฝากกันค่ะ

น้ำดื่มที่ทิ้งไว้ในรถยนต์ อันตรายต่อสุขภาพหรือไม่?

จากความเชื่อที่ว่า น้ำดื่มที่อยู่ในรถยนต์ ถูกความร้อนอบ หรือโดนแดดส่อง จนทำให้ขวดพลาสติกร้อน ละลายปนกับน้ำดื่มนั้น จริงๆ แล้วปัจจัยเสี่ยงอันตรายแบบนี้ก็ต้องมาดูว่า มีมากน้อยแค่ไหน เช่น

– อุณหภูมิความร้อนในรถยนต์ ภายในรถร้อนมากน้อยแค่ไหน

– ขวดน้ำดื่มพลาสติก เป็นขวดน้ำประเภทใด ทนความร้อนได้มากน้อยแค่ไหน

ขวดน้ำดื่มบ้านเรา เป็นขวดพลาสติกประเภทใด?

ขวดน้ำดื่มบ้านเราจริงๆ แล้วก็มีอยู่หลายประเภทนะคะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นขวด PET หรือ PETE ซึ่งทำจากพลาสติกโพลีเอทีลีนเทเรฟทาเลท จัดเป็นพลาสติกหมายเลข 1 จากพลาสติกรีไซเคิลทั้ง 7 ประเภท ลักษณะของขวดจะเป็นพลาสติกใส เหนียว แข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา ไม่แตกง่าย สามารถป้องกันการซึมผ่านของก๊าซได้ดี จึงถูกนำมาใช้บรรจุน้ำดื่ม น้ำอัดลม น้ำมัน น้ำมันพืช หรือแม้กระทั่งซอสปรุงรสต่างๆ

ขวด PET ทนทานต่อความร้อนได้มากแค่ไหน

ปัจจุบัน ในการผลิตขวด PET ต้องได้รับการตรวจสอบมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข ให้สามารถทนทานความร้อนได้สูงถึง 60-95 องศาเซลเซียส

หากขวดพลาสติกได้ความร้อน จะปล่อยสารอันตรายออกมาผสมกับน้ำข้างในขวดหรือไม่?

ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัด ว่าเป็นอันตรายจริงอย่างที่กล่าวอ้างกัน และเป็นกรณีที่วางขวดน้ำพลาสติกแบบ PET ทิ้งไว้ในรถยนต์เท่านั้น ซึ่งความร้อนในรถยนต์ไม่ถึง 60 องศาเซลเซียสแน่นอน

ถึงกระนั้น ขวดน้ำแบบที่เราซื้อมาดื่มกันอยู่ทุกวัน ถูกออกแบบให้เป็นขวดที่ใช้เพียงครั้งเดียวแล้วทิ้งเลย ดังนั้นหากต้องการจะใช้ขวดซ้ำจริงๆ ควรระมัดระวังเรื่องความสะอาด หรือแม้กระทั่งรูปลักษณ์ของขวด และสีของขวดก่อนนำไปดื่มด้วยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


มาดูกันว่า “Fast Charge” ทำลายแบตเตอรี่มือถือจริงหรือไม่?

ทุกวันนี้สมาร์ตโฟนหลายเรื่องมีการพัฒนาไปหลายๆ จุดไม่ว่าจะเป็นกล้องหรือเทคโนโลยีการใช้งานและ AI ที่เข้ามาจัดการพลังงานแต่เรื่องที่หลายคนตระหนักคือ ระบบชาร์จไฟเร็วหรือ “Fast Charge” นั่นเอง

แต่การพัฒนาระบบชาร์จไฟเร็วแบบนี้ก็สร้างความกังวลว่า ระบบชาร์จไฟเร็วแบบนี้จะทำส่งอันตรายกับมือถือมากน้อยแค่ไหน หรือทำให้อายุการใช้งานสั้นลงหรือไม่

การชาร์จไฟเร็วจะเป็นอันตรายกับมือถือหรือไม่

ด้วยเทคโนโลยีการชาร์จไฟที่เร็วขึ้นทำให้มือถือช่วยทำให้โทรศัพท์มือถือสามารถชาร์จที่พบมากสุดเป็นของ Qualcommม Dash Charge ของ OnePlus หรือ Samsung ก็ตาม ทำให้การชาร์จให้เต็มในเวลาไม่นาน เหมาะสำหรับคนที่มีเวลารอคอยจำกัด ที่หลายคนกังวลว่าการชาร์จไฟเร็วจะทำให้อายุของแบตเตอรี่สั้นลง

ด้วยแบตเตอรี่ ลิเธียมไอออนที่ใช้ในมือถือจะเป็นการนับการชาร์จเป็นรอบๆ ยิ่งปล่อยให้แบตเตอรี่หมดบ่อยอาจจะทำให้เกิดการเสื่อมได้มากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตมือถือก็จะมีการออกแบบระบบป้องกันเพื่อไม่ให้เทคโนโลยีการชาร์จไฟแบบเร็วจะปรับให้เหมาะสม โดยเมื่อถึงปริมาณหนึ่งจะมีการลดความเร็ว เพื่อให้มั่นใจว่าแบตเตอรี่จะไม่ถูกชาร์จไฟมากเกินไปจนทำให้เกิดความเสียหาย ผ่านทาง Software ช่วยในเรื่องการปรับและเรียนรู้พฤติกรรมให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งาน

สรุปแล้วระบบชาร์จไฟเร็วจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วไหม

โดยสรุปแล้ว เทคโนโลยีชาร์จไฟเร็วกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีกับมือถือยุคนี้ แม้อาจจะต้องมีความกังวลการชาร์จไฟอาจจะทำให้แบตเตอรี่เสียหายหรืออายุการใช้งานสั้นลง แต่ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบเทคโนโลยีเพื่อป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นการติดเซนเซอร์วัดอุณหภูมิ เช็คระยะเวลา และ Software

แต่สิ่งหนึ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการทำให้มือถือแบตเตอรี่เสื่อมลงนี่คือการชาร์จไฟมือถือในสภาพอากาศร้อนจัด หรือชาร์จในความเสี่ยงที่จะทำให้เครื่องร้อน เพราะแบตเตอรี่ลิเธียมแบบนี้ไม่ถูกกับความร้อนนั่นเอง ดังนั้นการชาร์จไฟเร็วไม่ได้ทำให้แบตเตอรี่มือถือเสื่อมเร็ว ดังนั้นสบายใจได้ครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เป๊ะแกรมม่าและการเขียนกับการอ่านด้วย Grammar Translation Method

Grammar-Translation Method เป็นวิธีการเรียนรู้(หรือสอน)ภาษาที่ช่วยพัฒนาแกรมม่า การเขียน และการอ่านไปได้พร้อมๆ กัน ในบทความนี้ ผมจะอธิบายให้คุณผู้อ่านเข้าใจกันว่า Grammar-Translation Method นั้นเขาทำกันอย่างไร และเราจะใช้วิธีนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาแกรมม่า การเขียน และการอ่านของเราได้อย่างไร

ทักษะ 3 อย่าง ได้แก่ ทักษะด้านแกรมม่า (Grammar Skill) ทักษะการเขียน (Writing Skill) และทักษะการอ่าน (Reading Skill) เป็นทักษะที่พัฒนาไปพร้อมๆ กันได้โดยตรง โดยในบรรดาทักษะทั้ง 3 อย่างนี้ ทักษะที่เป็นรากฐานสำคัญก็คือทักษะด้านแกรมม่า เพราะแกรมม่าคือการทำความเข้าใจโครงสร้างในภาษาหนึ่งๆ ว่าคำต่างๆ ที่เราเห็นนั้นมาร้อยเรียงกันจนเกิดเป็นกลุ่มคำหรือประโยคขึ้นมาได้อย่างไร เมื่อเราเข้าใจโครงสร้างแล้ว เราก็สามารถอ่านทำความเข้าใจกลุ่มคำหรือประโยคที่ปรากฏในสื่อต่างๆ ทั้งยังเขียนกลุ่มคำหรือประโยคขึ้นมาเพื่อสื่อความหมายให้ผู้อ่านเข้าใจได้ (แต่ก็ต้องฝึกฝนในระดับหนึ่งด้วย)

วิธีหนึ่งที่ใช้ในการพัฒนาทักษะทั้ง 3 มีชื่อว่า Grammar-Translation Method ความหมายของมันก็ตรงตามชื่อเลยครับ คือ วิธีที่อาศัยแกรมม่ากับการแปล ผู้เรียนภาษาจะได้เรียนหลักแกรมม่าแล้วนำหลักดังกล่าวมาประยุกต์ใช้โดยแปลข้อความจากภาษาที่เรียนไปเป็นภาษาของตัวเอง หรือจากภาษาของตัวเองไปเป็นภาษาที่เรียน โดยผู้เรียนจะได้เห็น pattern เดิมซ้ำไปซ้ำมาจนเกิดความคุ้นเคยกับหลักแกรมม่านั้นๆ

สมมติว่าบทที่ 2 ในหนังสือเรียนกล่าวถึงเรื่อง possessive pronouns (สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ) ได้แก่ mine, yours, his, hers, its, ours และ theirs ผู้เรียนก็จะได้ทำความเข้าใจก่อนว่าคำเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสรรพนาม คือ ใช้แทนสิ่งที่กล่าวถึงไปแล้ว คำเหล่านี้ต่างจาก possessive adjectives (คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ) ได้แก่ my, your, his, her, its, our และ their ซึ่งใช้ขยายคำนาม จากนั้นก็จะมีโจทย์สั่งให้ผู้เรียนแปลประโยคสั้นๆ ที่มี possessive pronoun อยู่ด้วย ทั้งจากภาษาอังกฤษไปเป็นภาษาของตัวเอง และในทางกลับกัน

ตัวอย่างโจทย์ที่ให้แปลจากภาษาอังกฤษไปเป็นภาษาไทย เช่น

  1. This isn’t my car. It’s yours.
  2. You talk about your family first. I’ll then talk about mine.

ตัวอย่างโจทย์ที่ให้แปลจากภาษาไทยไปเป็นภาษาอังกฤษ เช่น

  1. บ้านของฉันอยู่ใกล้บีทีเอส บ้านของคุณล่ะ
  2. ผมหาหนังสือของผมไม่เจอ ขอยืมหนังสือของคุณหน่อยได้มั้ย

นอกจากนี้ หนังสือเรียนบางเล่มยังอาจให้ผู้เรียนแปลข้อความที่ยาวขึ้นถึงระดับย่อหน้าอีกด้วย เพื่อให้ผู้เรียนคุ้นเคยกับ possessive pronouns มากขึ้น

เมื่อผู้เรียนอ่านประโยคที่ต้องแปลจากภาษาอังกฤษไปเป็นภาษาไทย ผู้เรียนจะได้ทำความเข้าใจ possessive pronouns ในบริบท รวมถึงได้พัฒนาทักษะการอ่านทำความเข้าใจประโยคในลักษณะนี้ด้วย ในขณะเดียวกันเมื่อผู้เรียนแปลประโยคจากภาษาไทยไปเป็นภาษาอังกฤษ ก็จะได้ทำความเข้าใจ possessive pronouns ในบริบท อีกทั้งได้พัฒนาทักษะการเขียนให้ถูกต้องตามหลักการใช้ possessive pronouns ด้วย

นี่คือวิธีที่เรียกว่า Grammar-Translation Method

ในสมัยโบราณ วิธีนี้เป็นหนึ่งในวิธีหลักที่ใช้ในการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ โดยมีต้นกำเนิดมาจากการเรียนการสอนภาษาละตินในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 และใช้กันเรื่อยมา ทว่าถูกนักวิชาการสมัยใหม่ปฏิเสธ หลักๆ ก็เพราะวิธีนี้ไม่ช่วยให้ “พูดคล่อง”

แต่นั่นก็เป็นเพราะนักวิชาการกลุ่มนั้นตัดสิน “คุณค่า” ของ Grammar-Translation Method โดยใช้เกณฑ์ความสามารถในการพูดคล่องเป็นหลัก หากผู้เรียนต้องการเน้นพัฒนาทักษะด้านแกรมม่า การเขียน และการอ่าน วิธีนี้ก็ยังคงใช้ได้ผลดีอยู่เสมอ และเมื่อยิ่งใช้วิธีนี้บ่อยๆ ทักษะทั้ง 3 อย่างของผู้อ่านทุกคนก็จะแน่นขึ้น นอกจากนี้ วิธีนี้ยังทำให้เราเป็นคนช่างสังเกต และต่อยอดไปถึงทักษะการระบุข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ (error identification) ได้อีกด้วย

พอจะเข้าใจ Grammar-Translation Method กันแล้วใช่มั้ยครับ คราวนี้มาลองใช้วิธีนี้กันดูบ้าง ผมจะสมมติว่าผู้อ่านกำลังเรียนเรื่อง Conditionals แบบที่เป็นความจริงตามธรรมชาติ กล่าวคือ ถ้าเกิดสิ่งหนึ่งขึ้น ก็จะมีอีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเสมอ กรณีนี้ If-clause จะอยู่ในรูป Present Simple ส่วน clause ที่อยู่หลัง If-clause ก็จะอยู่ในรูป Present Simple ด้วย เช่น

If you eat too much, you become a bear.
ถ้ากินมากเกินไป คุณก็จะกลายเป็นหมี

If he turns to the east at dawn, he sees the sun rising over the horizon.
ถ้าเขาหันไปทางทิศตะวันออกในยามรุ่งอรุณ เขาก็จะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้า

If Anne boils the water, it gets hot.
ถ้าแอนต้มน้ำ น้ำก็จะร้อน

คราวนี้ผมจะให้โจทย์แปลจากภาษาอังกฤษไปเป็นภาษาไทย กับแปลจากภาษาไทยไปเป็นภาษาอังกฤษ อย่างละ 2 ประโยค

อังกฤษไปเป็นไทย

  1. If she wears her coat, her body gets warm.
  2. If they eat cyanide, they die.

ไทยไปเป็นอังกฤษ

  1. ถ้าเขาไม่ดื่มน้ำ เขาจะตาย
  2. ถ้าพวกเด็กทารกหิว พวกเขาจะร้องไห้

หลังจากลองแปลกันแล้ว ก็มาเช็คคำตอบกันครับ โจทย์ที่ให้แปลจากภาษาอังกฤษไปเป็นภาษาไทย ข้อแรก แปลได้ว่า ถ้าเธอสวมเสื้อโค้ต ร่างกายของเธอก็จะอบอุ่น ส่วนข้อสอง แปลได้ว่า ถ้าพวกเขากินไซยาไนด์ พวกเขาก็จะตาย

ส่วนโจทย์ที่ให้แปลจากภาษาไทยไปเป็นภาษาอังกฤษ ข้อแรก ตอบว่า If he doesn’t drink water, he dies. กับข้อสอง ตอบว่า If the babies are hungry, they cry.

ในระหว่างที่เช็คคำตอบ ก็ให้สังเกตด้วยว่า If-clause กับ clause ที่ตามมานั้นอยู่ในรูปของ Present Simple ทั้งคู่ แล้วจำรูปแบบนี้ให้ขึ้นใจ พอถึงเวลาต้องเอาไปประยุกต์ใช้ในการอ่านและการเขียนจะได้เข้าใจประโยคคล้ายๆ กันนี้ได้อย่างรวดเร็ว

นี่เป็นตัวอย่างบางส่วนของ Grammar-Translation Method นะครับ ผมเชื่อว่าถ้าผู้อ่านเอาวิธีนี้ไปประยุกต์ใช้บ่อยๆ ทักษะแกรมม่า การเขียน และการอ่าน (และอาจรวมถึงทักษะการหาข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์) ของผู้อ่านจะต้องแน่นขึ้นอย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


“น้ำแร่” มีประโยชน์มากกว่า “น้ำเปล่า” จริงหรือ

เราอาจจะเคยเห็นโฆษณาเกี่ยวกับการ ดื่มน้ำแร่ ตามธรรมชาติ ผ่านทางสื่อกันมาบ้างไม่มากก็น้อย น้ำแร่เหล่านี้มักจะโฆษณากันว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย และเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการดื่มน้ำเปล่าธรรมดา แต่ความจริงแล้ว การดื่มน้ำแร่ ดีต่อสุขภาพจริงอย่างที่เขาว่ากันหรือเปล่า น้ำแร่มีประโยชน์มากกว่าน้ำเปล่าจริงหรือ หาคำตอบได้จากบทความนี้ของ Hello คุณหมอ ค่ะ

น้ำแร่ คืออะไร

น้ำแร่ (Mineral water) หมายถึงน้ำที่ได้จากแหล่งน้ำพุตามธรรมชาติ น้ำเหล่านี้เป็นน้ำที่สะสมอยู่ใต้พื้นดิน และผุดขึ้นมาในบริเวณตาน้ำ ซึ่งจะกลายเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ คลอง บึง หรือทะเลสาบ ขึ้นอยู่กับปริมาณของน้ำและสภาพภูมิศาสตร์โดยรอบ

เช่นเดียวกันกับชื่อ น้ำแร่นั้นเป็นน้ำที่มีแร่ธาตุผสมอยู่ ซึ่งชนิดและปริมาณของแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำแร่นั้น อาจจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าเป็นน้ำที่ได้จากแหล่งใด แต่โดยปกติแล้ว แร่ธาตุที่สามารถพบได้บ่อยๆ ในน้ำแร่ มักจะเป็นแร่ธาตุดังต่อไปนี้

  • แคลเซียม (Calcium)
  • แมกนีเซียม (Magnesium)
  • ไบคาร์บอเนต (Bicarbonate)
  • โซเดียม (Sodium)
  • โพแทสเซียม (Potassium)
  • คลอไรด์ (Chloride)
  • ฟลูออไรด์ (Fluoride)

นอกจากนี้ ในน้ำแร่ก็อาจจะมีส่วนผสมของคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon dioxide) ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ทำให้มีลักษณะซ่าคล้ายกับน้ำอัดลม แต่คาร์บอนไดออกไซด์เหล่านี้มักจะถูกกำจัดออกไปในระหว่างกระบวนการบรรจุขวด ทำให้ได้น้ำแร่ที่ไม่ซ่า และมีรสสัมผัสเหมือนกับน้ำเปล่าทั่วไปนั่นเอง

องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้ตั้งข้อกำหนดเกี่ยวกับน้ำแร่ว่า จะต้องเป็นน้ำที่มีแร่ธาตุอยู่ไม่ต่ำกว่า 250 ส่วนต่อล้าน และไม่อนุญาตให้เติมแต่งแร่ธาตุเพิ่มเติมในระหว่างการบรรจุขวด จึงจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นน้ำแร่ธรรมชาติ

ข้อดีของการดื่มน้ำแร่

  • ดีต่อสุขภาพกระดูกและฟัน

ภายในน้ำแร่นั้นมักจะมีแร่แคลเซียมในปริมาณที่ค่อนข้างสูง ซึ่งแคลเซียมนี้ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญในการดูแลรักษาความแข็งแรงของกระดูกและฟัน การดื่มน้ำแร่จึงทำให้ร่างกายของเราได้รับแคลเซียมมากขึ้น แตกต่างจากการดื่มน้ำเปล่าที่ไม่มีแคลเซียมนั่นเอง ฟลูออไรด์ที่มีอยู่ในน้ำแร่ยังสามารถช่วยปกป้องฟันได้อีกด้วย

  • ดีต่อสุขภาพหัวใจ

มีงานวิจัยที่พบว่า การดื่มน้ำแร่อาจสามารถช่วยลดระดับของคอเลสเตอรอล (Cholesterol) ภายในเลือด เพิ่มปริมาณของไขมันดี (HDL) นอกจากนี้ โพแทสเซียมที่สามารถพบได้ในน้ำแร่ ก็ยังอาจสามารถช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งล้วนแล้วแต่ก็ดีต่อสุขภาพหัวใจด้วยกันทั้งสิ้น

  • ช่วยแก้อาการท้องผูก

น้ำแร่ที่มีแมกนีเซียมสูง อาจสามารถช่วยป้องกันและรักษาอาการท้องผูกได้ โดยการช่วยดูดซึมน้ำมาสู่ลำไส้ และช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อของลำไส้ ทำให้อุจจาระนิ่ม และขับถ่ายได้ง่ายขึ้น

ข้อเสียของการดื่มน้ำแร่

  • อาจมีอาการท้องไส้ปั่นป่วน

บางคนที่ดื่มน้ำแร่อาจจะมีอาการท้องไส้ปั่นป่วน ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ เนื่องจากในน้ำแร่นั้นมักจะมีคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ตามธรรมชาติ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำที่มีคาร์บอนไดออกไซด์

  • อาจมีการปนเปื้อนของไมโครพลาสติก

น้ำแร่ตามธรรมชาติที่หาซื้อได้ส่วนใหญ่นั้น มักจะบรรจุอยู่ในขวดน้ำพลาสติก ขึ้นทำให้อาจมีการปนเปื้อนของไมโครพลาสติก (Microplastics) หรือพลาสติกขนาดเล็ก ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

ดื่มน้ำแร่ ดีกว่าดื่มน้ำเปล่า จริงเหรอ

หลายคนเชื่อว่า การดื่มน้ำแร่ นั้นได้ประโยชน์ มากกว่าการดื่มน้ำเปล่าธรรมดา เนื่องจากในน้ำแร่นั้นมีสารอาหารและแร่ธาตุต่างๆ มากมาย จึงน่าจะดีกว่าการดื่มน้ำเปล่า ซึ่งเป็นน้ำบริสุทธิ์ที่ไม่มีแร่ธาตุและสารอาหารใดๆ อยู่เลย

แต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าการดื่มน้ำแร่อาจจะให้สารอาหารที่มากกว่าการดื่มน้ำเปล่าก็จริง แต่ปริมาณของแร่ธาตุที่สามารถพบได้ในน้ำแร่นั้น ก็ไม่ได้มากมายหรือแตกต่างไปจากแร่ธาตุที่เราอาจจะได้รับจากการรับประทานอาหารตามปกติเลย การดื่มน้ำแร่อาจจะแค่มีส่วนช่วยเพิ่มปริมาณของแร่ธาตุเหล่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีปริมาณมากเป็นพิเศษพอที่จะส่งผลอะไรต่อร่างกาย

ในทางกลับกัน บางคนที่เชื่อว่าการดื่มน้ำแร่ดีกว่าน้ำเปล่า ก็อาจจะดื่มน้ำแร่ในปริมาณที่มากเกินไป จนส่งผลให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษ ซึ่งอาจกลายเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

สุดท้ายนี้ น้ำแร่ก็เป็นเพียงแค่อีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเสริมสารอาหารที่ร่างกายต้องการ หากคุณอยากเลือกที่จะดื่มน้ำแร่แทนการดื่มน้ำเปล่า ก็ควรเลือกดื่มแต่พอดี และรับประทานอาหารอื่นๆ ให้ครบหลักห้าหมู่เสียด้วย ร่างกายของเราจะได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 05/04/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a32,350.0032,450.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,095.0031,760.2032,950.00
ทองรูปพรรณ 90%1,885.5028,584.18n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,676.0025,408.16n/a
ทองรูปพรรณ 50%943.0014,295.88n/a
ทองรูปพรรณ 40%733.0011,112.28n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,171.0032,912.36n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 05/04/2566



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9536.6536.6537.4436.9536.9536.6536.6536.6536.9536.65
แก๊สโซฮอล์ 9136.3836.3837.1436.6836.6836.3836.3836.3836.6836.38
แก๊สโซฮอล์ E2034.3434.3434.8434.6434.6434.3434.3434.6434.34
แก๊สโซฮอล์ E8534.7934.7934.79
เบนซิน 9544.4644.8144.9644.6144.46
ดีเซล B733.4433.4433.7433.4433.4433.4433.4433.4433.4433.44
ดีเซล33.4433.4433.7433.4433.4433.4433.4433.4433.4433.44
ดีเซล B2033.4433.4433.7433.4433.4433.44
ดีเซลพรีเมี่ยม42.5642.6644.6444.1644.1642.56
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า