LPN ซื้อที่ดิน รามอินทรา 103/3 ปั้นคอนโด 25 ชั้น มูลค่า 2,800 ล้าน
LPN ทุ่ม 444.15 ล้านบาท ซื้อที่ดินเปล่าบริเวณถนนรามอินทรา ซอย 103/3 พัฒนาโครงการคอนโดฯ 25 ชั้น 3 อาคาร ที่พักอาศัย 1,224 ยูนิต มูลค่า 2,800 ล้านบาท เริ่มโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้ภายในปี 2568 คาดผลตอบแทน 30%
วันที่ 4 กรกฎาคม 2566 นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ขอแจ้งการซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการเพื่อขาย และแสดงให้เห็นถึงกระบวนการดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพยที่โปร่งใส โดยบริษัทได้ซื้อที่ดินบริเวณถนนรามอินทรา ซอย 103/3 เพื่อพัฒนาโครงการพาร์ค 168 นพรัตน์รามอินทรา โดยทำธุรกรรมเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2566
โดยเป็นที่ดินว่างเปล่า โฉนดที่ดินเลขที่ 17045, 17046, 1704, 17048 และ 17049 เนื้อที่รวม 4,230 ตารางวา ตั้งอยู่ที่ตำบลคันนายาว อำเภอคันนายาว จังหวัดกรุงเทพมหานคร ในราคา 444,150,000 บาท
ทั้งนี้ บริษัทได้ชำระเงินสดทั้งหมดในวันโอนกรรมสิทธิ์ โดยมาจากผลกำไรจากการดำเนินงานและจากสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ ตามแผนบริษัทจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 25 ชั้น 3 อาคาร เป็นอาคารชุดเพื่อการพักอาศัย ประมาณ 1,224 ยูนิต และเพื่อการพาณิชย์ ประมาณ 4 ยูนิต มูลคาของโครงการประมาณ 2,800 ล้านบาท
ระยะเวลาการขายและการพัฒนาโครงการประมาณ 36 เดือน โดยจะเปิดตัวโครงการภายในไตรมาส 2/2566 เริ่มโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้ภายในปี 2568 คาดผลตอบแทนเบื้องต้นประมาณ 30%
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
CP LAND ปลื้ม มิวสิกมาร์เก็ตติ้งดันยอดอสังหาฯต่างจังหวัดโต 60% 800 ล้านบาท ในครึ่งปีแรก
CP LAND ประกาศความสำเร็จแคมเปญ “CP LAND Presents เจอสุข เจอนั่น เจอนี่” ดันยอดขายอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดขยายตัวเพิ่มขึ้น 60% รายได้พุ่งทะยาน 800 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรก เดินหน้า ครั้งที่ 4 จัดมินิคอนเสิร์ต สิงโต นำโชค ที่โครงการพาร์ค คอนโด ดรีม นครราชสีมา วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา เตรียมจัดครั้งที่ 5 พบกับ ป๊อบ ปองกูล ที่ทัสคานี มีนบุรี-ประชาร่วมใจ 37 ในวันที่ 2 กันยายนนี้
วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 นายดำรงศักดิ์ ถุงเงิน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขายและการตลาดโครงการ บริการหลังการขายและลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND
เปิดเผยว่า CP LAND ประกาศความสำเร็จแคมเปญ “CP LAND Presents เจอสุข เจอนั่น เจอนี่” สามารถช่วยผลักดันยอดขายอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดของ CP LAND ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565
สร้างการเติบโตรายได้ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กว่า 800 ล้านบาทภายในแค่ช่วงครึ่งปีแรกเท่านั้ โดยเป้าหมายในปี 2566 ตั้งเป้ารายได้อสังหาริมทรัพย์รวมที่ 1,200 ล้านบาท
แนวโน้มครึ่งปีหลังที่เหลืออยู่จะสามารถสร้างรายได้เกินกับเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จของแคมเปญดังกล่าว จากการเดินหน้าแคมเปญดังกล่าว ส่งผลให้ CP LAND ปิดโครงการไปได้แล้วหลายโครงการ
ปัจจุบัน CP LAND มีคอนโดฯและบ้านพร้อมอยู่ทั่วไทย เหลืออยู่ทั้งสิ้น 21 โครงการ ประกอบด้วย ภาคเหนือ 5 โครงการ
ได้แก่ 1.พาร์ค คอนโด ดรีม พิษณุโลก 2.กัลปพฤกษ์ ซิตี้พลัส พิษณุโลก 3.พาร์ค คอนโด ดรีม แม่สอด 4.กัลปพฤกษ์ แกรนด์พาร์ค เชียงราย และ 5.พาร์ค คอนโด ดรีม ลำปาง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 โครงการ ได้แก่ 6.กัลปพฤกษ์ ซิตี้ พลัส สกลนคร 7.กัลปพฤกษ์ แกรนด์ พาร์ค อุดรธานี 8.กัลปพฤกษ์ แกรนด์ อุบลราชธานี 9.กัลปพฤกษ์ มหาสารคาม
10.เดอะ คอร์ทยาร์ด เขาใหญ่ 11.บ้านเขาใหญ่ 12.พาร์ค คอนโด ดรีม นครราชสีมา และ 13.พาร์ค คอนโด ดรีม บุรีรัมย์
ภาคกลาง ตะวันออก ตะวันตก 6 โครงการ ได้แก่ 14.เดอะซีซั่น ศรีนครินทร์ 15.เอส คอนโด สมุทรสาคร 16.พาร์ค คอนโดดรีม กาญจนบุรี 17.พาร์ค คอนโด ดรีม ปราจีนบุรี 18.เดอะ คอร์ทยาร์ด ระยอง และ 19.ทัสคานีมีนบุรี-ประชาร่วมใจ 37
ภาคใต้ 2 โครงการ ได้แก่ 20.กัลปพฤกษ์ แกรนด์ สุราษฎร์ธานี และ 21.พาร์ค คอนโด ดรีม ตรัง
“CP LAND Presents เจอสุข เจอนั่น เจอนี่” ถือเป็นการเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งความสุขต่อเนื่อง หลังจากที่ CP LAND ประกาศรีเฟรชแบรนด์ใหม่ในรอบ 10 ปี ภายใต้แนวคิด “คุณภาพเพื่อทุกชีวิต” หรือ “Accessible Communities for Life”
เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกชีวิต และเพื่อต่อยอดความสำเร็จจากภาพยนตร์โฆษณา “ความสุขเกิดขึ้นได้ทุกที่รอบตัวคุณ” ที่นำแสดงโดย สิงโต นำโชค ซึ่งถูกปล่อยไปเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ให้เกิดขึ้นจริง ด้วยการขนทัพคาราวานความสุขทั่วไทย
จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นของแคมเปญนี้ ถือว่าเป็นที่น่าพอใจให้เป็นอย่างมาก นอกจากช่วยกระตุ้นยอดขายแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแกร่งด้านแบรนดิ้ง และภาพลักษณ์ใหม่ของ CP LAND ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งตอบโจทย์เป้าหมายการตลาดในการดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ และเป็นการแทนคำขอบคุณลูกบ้านโครงการ แขกที่เข้าพักโรงแรมในเครือฟอร์จูนกรุ๊ป รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจที่ให้การสนับสนุนกันมาตลอด
สำหรับแคมเปญ “CP LAND Presents เจอสุข เจอนั่น เจอนี่” ในครั้งนี้ จัดขึ้นที่โครงการพาร์ค คอนโด ดรีม นครราชสีมา คอนโดพร้อมอยู่ ทำเลดี อยู่ติดถนนมิตรภาพ ดีไซน์ทันสมัย โปร่งโล่ง ออกแบบฟังก์ชั่นตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง
ส่วนกลางครบครัน ด้วยสระน้ำระบบเกลือ ห้องฟิตเนส สนามเด็กเล่น และพื้นที่สีเขียวให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ มีแปลนห้อง 2 แบบ Type A ขนาด 28-32 ตร.ม. และ Type B ขนาด 35-40 ตร.ม.
พร้อมเปิดบ้านต้อนรับให้ทุกท่านได้เข้าเยี่ยมชมห้องตัวอย่าง และสามารถเป็นเจ้าของได้ทันที ในราคาพิเศษ เริ่มต้น 1.49 ล้านบาท
สำหรับการเดินทางครั้งต่อไปของแคมเปญ “CP LAND Presents เจอสุข เจอนั่น เจอนี่” จะพบกับนักร้อง ป๊อบ ปองกูล ที่โครงการทัสคานีมีนบุรี-ประชาร่วมใจ 37 ในวันที่ 2 กันยายน 2566
ผู้สนใจสามารถติดตามกิจกรรมสร้างความสุขเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page CP LAND และ CP LAND Property แหล่งรวมข้อมูลและกิจกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ในเครือ CP ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกชีวิต
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 5ก.ค. ที่ระดับ 34.88 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทกลับมาอยู่ใกล้โซนแนวรับสำคัญ 34.80-34.90 บาทต่อดอลลาร์ โฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินเยนจากผู้เล่นในตลาด อาจช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาท หลังเงินเยนได้ปรับตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับเงินบาท สู่ระดับ 23.95 บาทต่อ 100 เยน
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 5ก.ค.2566 ที่ระดับ 34.88 บาทต่อดอลลาร์“ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจชะลอลงได้บ้าง หลังเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา
โดยล่าสุด เงินบาทได้กลับมาอยู่ใกล้โซนแนวรับสำคัญ 34.80-34.90 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเรายังคงเห็นผู้เล่นบางส่วนในตลาด อาทิ ผู้นำเข้า ต่างรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์อยู่บ้าง นอกจากนี้ หากมองในแง่ของสกุลเงินอื่นๆ จะเห็นได้ว่า เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ได้ปรับตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับเงินบาท สู่ระดับ 23.95 บาทต่อ 100 เยน (ต่ำกว่าแนวรับ 24 บาทต่อ 100 เยนที่เราเคยประเมินไว้) ทำให้อาจเห็นโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินเยนจากผู้เล่นในตลาด ซึ่งอาจช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้บ้าง
ทั้งนี้ หากตลาดการเงินไทยยังเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น รวมถึงอัตราเงินเฟ้อออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า ธปท. อาจไม่ขึ้นดอกเบี้ยต่อ เรามองว่า เงินบาทก็อาจได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าเพิ่มเติม จากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่อาจกลับเข้ามาซื้อทั้งหุ้นและบอนด์ไทยเพิ่มเติม โดยเราประเมินไว้เบื้องต้นว่า หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อ จากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติไหลเข้า ก็อาจมีแนวรับแถว 34.75 บาทต่อดอลลาร์
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและการปรับเปลี่ยนมุมมองไปมาของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเฟด ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.75-35.00 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทแกว่งตัวในกรอบ 34.84-34.94 บาทต่อดอลลาร์ หลังจากที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องหลุดแนวรับ 34.90-35.00 บาทต่อดอลลาร์ ในวันก่อนหน้า อย่างไรก็ดี เนื่องจากตลาดการเงินสหรัฐฯ ปิดทำการในวันหยุด 4th of July ทำให้ ผู้เล่นในตลาดต่างรอปัจจัยใหม่ๆ ในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ ในวันศุกร์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันหยุด 4th of July ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในตลาดไม่มีทิศทางที่ชัดเจน นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง ข้อมูลการจ้างงานในช่วงปลายสัปดาห์
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +0.07% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาปัจจัยใหม่ๆ เพื่อประเมินทิศทางเศรษฐกิจยุโรป รวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของบรรดาธนาคารกลางหลัก อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรป ยังพอได้แรงหนุนจากการรีบาวด์ขึ้นของหุ้นกลุ่ม Healthcare (AstraZeneca +2.0%) หลังจากที่ปรับตัวลงแรงในวันก่อนหน้า
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหว sideway เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาปัจจัยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลตลาดแรงงาน ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 103 จุด (กรอบการเคลื่อนไหว 102.9-103.1 จุด ในช่วงคืนที่ผ่านมา)
ในส่วนของราคาทองคำ เนื่องจากตลาดการเงินฝั่งสหรัฐฯ ปิดทำการ ทำให้ธุรกรรมในตลาดทองคำเบาบาง อีกทั้งผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจับตาปัจจัยใหม่ๆ ทำให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) ยังคงทรงตัวใกล้ระดับ 1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่า หากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ ผู้เล่นในตลาดอาจทยอยขายทำกำไรเพิ่มเติมและโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำดังกล่าว ก็อาจช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้
สำหรับวันนี้ ในฝั่งไทย เรามองว่าผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนมิถุนายน อย่างใกล้ชิด โดยเรามองว่า ผลของฐานราคาสินค้าและบริการที่อยู่ในระดับสูงในปีก่อนหน้า อาจส่งผลให้ อัตราเงินเฟ้อ CPI ชะลอลงหนักสู่ระดับ 0.04% (+0.4%m/m) ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI อาจทรงตัวที่ระดับ 1.50%
ทั้งนี้ หากราคาสินค้าและบริการชะลอลงมากกว่าคาด ก็อาจเห็นอัตราเงินเฟ้อ CPI “ติดลบ” ได้เช่นกัน ซึ่งเรามองว่า ภาพดังกล่าวเป็นสิ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ดังนั้น หากอ้างอิง ท่าที “Outlook Dependent” ของ ธปท. ที่ยังมีความกังวลต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ตามภาพเศรษฐกิจ เราก็ยังคงมุมมองเดิมว่า ธปท. อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ +0.25% สู่ระดับ 2.25% ได้ในการประชุมเดือนสิงหาคม
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.88-34.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.45 น.) ใกล้เคียงระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.88 บาทต่อดอลลาร์ฯ ทั้งนี้เงินบาทเคลื่อนไหวเป็นกรอบ ขณะที่แรงขายเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงบางส่วน ตลาดกลับมารอติดตามสถานการณ์ทางการเมืองของไทย และปัจจัยกระตุ้นใหม่ๆ จากต่างประเทศ โดยเฉพาะถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และรายงานการประชุมเฟดในคืนนี้อย่างใกล้ชิด
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.80-35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ปัจจัยทางการเมืองและข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ข้อมูล PMI ภาคบริการเดือนมิ.ย. ของจีนและยูโรโซน รวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค. และรายงานการประชุมเฟดเมื่อ 13-14 มิ.ย.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ฉลองความสัมพันธ์ 190 ปีไทย-สหรัฐฯ นำ “มวยไทย” จัดแข่งที่วอชิงตันคนทะลักเข้าร่วมงาน
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่เนชั่นแนล มอลล์ วอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน จัดงานเทศกาลไทยในกรุงวอชิงตัน SAWASDEE DC เพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์190 ปี ไทย-สหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ประเทศไทย วัฒนธรรมไทย และส่งเสริมซอฟท์เพาเวอร์ของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ภายใต้โครงการเชื่อมความสัมพันธ์ทางการทูตด้วยการแข่งขันกีฬามวยไทย ซอฟท์เพาเวอร์สู่นานาชาติ
สำหรับโครงการเชื่อมความสัมพันธ์ทางการทูตด้วยการแข่งขันกีฬามวยไทย ซอฟท์เพาเวอร์สู่นานาชาติ มี 5 หน่วยงานหลักร่วมกันรับผิดชอบโครงการได้แก่ สหพันธ์สมาคมกีฬามวยไทยนานาชาติ (IFMA), สมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย, กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF), การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย กกท. โดยมีผู้เข้าร่วมงาน อาทิ สเตฟาน ฟ็อกซ์ เลขาธิการอิฟม่า, “ชาติซ้าย” นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย, ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) รวมไปถึง บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยไทยชื่อดัง ท่ามกลางแฟนมวยไทยชาวสหรัฐฯ ที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
เนื่องในโอกาสครบรอบ 190 ปี แห่งความสัมพันธ์ระหว่างทางการทูตไทยกับสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพระหว่างกัน และการดำเนินงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันมาอย่างยาวนานของ 2 ประเทศ และนโยบายของรัฐบาลไทยได้ให้การสนับสนุนส่งเสริมซอฟท์เพาเวอร์ของประเทศไทยสู่สากล โดยเน้นย้ำความสำคัญของนโยบายสนับสนุนซอฟท์เพาเวอร์เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก พร้อมยังแนะนำหน่วยงานรัฐให้ทำงานร่วมกับภาคเอกชน ครอบคลุมทั้งผู้ผลิต ศิลปิน บุคลากรเบื้องหลังเพื่อผลักดันให้ซอฟท์เพาเวอร์เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจสูงสุด ตามนโยบายที่มุ่งส่งเสริมวัฒนธรรม 5F ให้กลายเป็นทรัพยากรทางวัฒนธรรมสำคัญของไทย ได้แก่ อาหาร (Food) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) การออกแบบแฟชั่นไทย (Fashion) ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย (Fighting) และเทศกาลประเพณีไทย (Festival)
หนึ่งใน 5F คือ ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย(Fighting) คือ มวยไทย ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทยในการเผยแพร่ สนับสนุนให้มวยไทยสู่นานาชาติ และจากการขับเคลื่อนมวยไทย ซอฟท์เพาเวอร์สู่สากลในเวลานี้มวยไทย ซอฟท์เพาเวอร์ ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง อีกทั้งมวยไทยสามารถขับเคลื่อนไปสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในทุกรูปแบบไม่ว่าจะด้านอุตสาหกรรมสินค้าประเภทมวยไทย อุตสาหกรรมด้านบริการ และด้านการท่องเที่ยว โดยมวยไทยสามารถสร้างเศรษฐกิจได้เป็นแสนล้าน และสามารถพัฒนาต่อยอดให้สูงขึ้นเรื่อยจนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในระดับสากลและไปสู่จุดสูงสุดในระดับโลก
โครงการเชื่อมความสัมพันธ์ทางการทูตด้วยการแข่งขันกีฬามวยไทย ซอฟท์เพาเวอร์สู่นานาชาติ จะหมุนเวียนไปจัดกิจกรรมต่อเนื่องอีก 4 ประเทศได้แก่ คาซัคสถาน, ซาอุดิอาระเบีย, ออสเตรเลีย และโมร็อกโก เพื่อประชาสัมพันธ์กีฬามวยไทย ส่งเสริมให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายยิ่งขึ้นในต่างประเทศทั้ง 5 ประเทศ สามารถต่อยอดสินค้ามวยไทยสู่ต่างประเทศได้อย่างแพร่หลายทั้งในรูปแบบสินค้า และบริการด้านมวยไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม อันเป็นอัตลักษณ์ของความเป็นไทยสู่สากล
สำหรับเป้าหมายของโครงการคือ การสร้างความร่วมมือและประสานงานกับองค์กรเครือข่ายกีฬามวยไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ สร้างรายได้ให้กับนักกีฬามวยอาชีพ ค่ายมวยในประเทศได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น รวมถึงสร้างรายได้ให้กับสินค้าและบริการในอุตสาหกรรมมวยไทย สุดท้ายคือ มวยไทยอาชีพได้รับความนิยมในระดับสากลมีเอกภาพมากขึ้นอันจะนำไปสู่เป้าหมายใหญ่ของทุกภาคส่วนของประเทศไทยนั่นคือ การผลักดันกีฬามวยไทยให้ได้รับการบรรจุเข้าร่วมแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ฤดูร้อน ค.ศ.2028 ที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ทำไมเราถึง “หาว” หาวบ่อย อันตรายหรือไม่
“หาว” เมื่อไร คนรอบตัวมักจะทักว่าเมื่อคืนนอนดึกเหรอ ช่วงนี้นอนไม่พอเหรอ หรือหากกำลังนั่งคุยกันอยู่แล้วเราหาว อาจโดนทักว่าเบื่อเหรอ จริงๆ แล้วที่ร่างกายเราสั่งให้เราหาวเป็นเพราะอะไร แล้วหากเราหาวบ่อยเกินไปในหนึ่งวันจะผิดปกติหรือไม่ Sanook Health มีคำตอบจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข มาฝากกัน
ทำไมเราถึง “หาว”
การหาว เป็นกลไกหนึ่งของร่างกายที่ต้องการจะรับเอาออกซิเจนจากอากาศเข้าสู่กระแสเลือด พร้อมกันนั้นก็ช่วยขับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดออกไป เพื่อรักษาความสมดุลของร่างกาย การหาวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อร่างกายเรามีออกซิเจนไม่เพียงพอ หรือมีคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดมากเกินไป จนก่อให้เกิดอาการง่วง เหงา หาวนอนขึ้นมาได้นั่นเอง
“หาว” แค่ไหนถึงเรียกว่า “หาวบ่อย”
การหาวบ่อย ก็คือ อาการหาวที่เกิดขึ้นบ่อยๆ มากกว่า 1 ครั้งต่อนาที และถึงแม้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของการหาวอาจมาจากความง่วง หรือความอ่อนเพลีย แต่ในบางครั้งแล้วนั้นการหาวมากจนผิดปกติ อาจเป็นผลมาจากสาเหตุเหล่านี้
- นอนหลับไม่เพียงพอ
การนอนหลับไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการง่วงนอนตอนกลางวันได้ ถึงจะดูเหมือนไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงยังก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายอย่างโรคอ้วน โรคหัวใจ หรือโรคซึมเศร้า ฯลฯ ทั้งนี้ให้ลองเช็คตัวเองดูหากเป็นเช่นนั้นควรปรับพฤติกรรมการนอนและจัดตารางการนอนใหม่
- นอนไม่หลับ
นอนไม่หลับ เป็นอาการที่ร่างกายรู้สึกอยากจะนอน แต่ไม่สามารถหลับได้ อาจจะใช้เวลานานกว่าปกติ หลับไปแล้วแต่ตื่นเร็ว หรือตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วไม่สามารถนอนหลับต่อไปได้ ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เต็มที่ ดังนั้นควรเข้านอนให้เป็นเวลาเพื่อให้ร่างกายชิน และควรงดเครื่องดื่มที่มีสารออกฤทธิ์กระตุ้นสมอง เช่น สารคาเฟอีนที่มีอยู่ในชา กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น แต่หากอยากดื่มควรเลือกดื่มก่อน 14.00 น. เพราะถ้าดื่มหลัง 14.00 น. อาจทำให้ร่างกายมีปัญหานอนไม่หลับได้ หากมีปัญหานอนไม่หลับบ่อยๆ ควรพบแพทย์
- ผลข้างเคียงจากยา
กลุ่มคนที่รับประทานยา เช่น กลุ่มยารักษาโรคซึมเศร้า หรือกลุ่มยารักษาภาวะวิตกกังวล อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียง มีอาการง่วงซึม นอนไม่หลับได้
- อาการข้างเคียงจากโรคที่เป็นอยู่
มีหลายโรคที่ส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการหาวบ่อยกว่าปกติ เช่น โรคปลอกประสาทอักเสบชนิด MS (multiple sclerosis) เนื้องอกในสมอง โรคหลอดเลือดสมอง โรคลมชัก ตับวาย กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เป็นต้น
วิธีแก้อาการหาวบ่อยๆ
หากคุณเป็นคนที่หาวบ่อยจนทำให้เกิดปัญหา เช่น หาวในระหว่างทำงาน เรียน หรือประชุมบ่อยๆ คนดูไม่ดี มีวิธีแก้ไข ดังนี้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยทั่วไปมักอยู่ที่ 6-9 ชั่วโมง
- หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
- ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย
- หลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลที่มากเกินไป เพราะการรับประทานอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลมากจนเกินไป เป็นตัวการที่ทำให้ร่างกายง่วงซึมได้ เพราะตับอ่อนจะส่งอินซูลินออกมาเพื่อย่อยน้ำตาลเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ก่อให้เกิดอาการง่วงนอนตามมานั่นเอง
- ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ เมื่อนั่งเรียน นั่งทำงานในท่าเดิมนานๆ
- งดหรือลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มคาเฟอีน
หากลองปรับพฤติกรรมแล้วอาการหาวบ่อยๆ ยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และทำการรักษาอย่างตรงจุดต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Wh-question + ever ใช้ยังไงได้บ้าง?
However (ฮาวเอเวอรฺ)
หมายถึง อย่างไรก็ได้ หรือ อย่างไรก็ตาม ใช้กับสิ่งที่เป็นวิธีการ หนทาง
เช่น However you try to explain it, I still don’t understand.
ไม่ว่าคุณจะอธิบายอย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
However you dress, you always looks good.
ไม่ว่าคุณจะแต่งตัวอย่างไรก็ตาม มันก็ดูดีเสมอแหละ
Whatever (วอทเอเวอรฺ)
หมายถึง อะไรก็ได้ หรือ อะไรก็ตาม สิ่งของ หรือบางสิ่ง อันนี้ใช้ง่ายสุดค่ะ
เช่น Whatever you do, don’t forget your grandma’s birthday.
ไม่ว่ายังไงก็ตาม อย่าลืมวันเกิดของคุณยายด้วยล่ะ
You can do whatever you want.
จะทำอะไรก็ทำไปเหอะ
Ignore David, whatever he says. He’s just joking.
อย่าสนใจอะไรที่เดวิดเค้าพูดเลย เค้าก็แค่ล้อเล่น
Whichever (วิชเอเวอรฺ)
หมายถึง อันไหน หรือสิ่งไหนก็ได้ หรืออันไหนก็ตาม ใช้พูดถึงสิ่งของหรือบางสิ่งบางอย่างเช่นกัน ส่วนใหญ่มักเจอแบบเป็นสิ่งของจับต้องได้
เช่น Choose whichever earrings you like – it’s your birthday!
เลือกต่างหูอันไหนก็ได้ที่คุณชอบ วันนี้วันเกิดคุณนะ!
Choose whichever pencil you like.
เลือกดินสออันไหนก็ได้ที่คุณชอบ
Bruce will wear his red or green sweater, whichever is clean.
บรูซจะใส่เสื้อสเวตเตอร์ไม่สีแดงก็สีเขียว อันไหนก็ได้ที่สะอาด
Whenever (เว็นเนเวอรฺ)
หมายถึง เมื่อไหร่ก็ได้ หรือ เมื่อไหร่ก็ตาม ใช้กับเรื่องของเวลา
เช่น You can borrow my dictionary whenever you like.
เธอสามารถยืมพจนานุกรมของฉันเมื่อไหร่ก็ได้ที่เธอต้องการ
Whenever I go abroad, I take as many pictures as possible.
เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันไปต่างประเทศ ฉันมักจะถ่ายรูปให้มากที่สุดเท่าที่จะถ่ายได้
Whenever I plan a barbecue, it rains.
เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันวางแผนจะทำบาบีคิว ฝนก็มักจะตกตลอด
Wherever (แวเรเวอรฺ)
หมายถึง ที่ไหนก็ได้ หรือที่ไหนก็ตาม ใช้ในเรื่องของสถานที่
เช่น She’ll be happy wherever she decides to live.
เธอจะมีความสุขไม่ว่าเธอจะเลือกอยู่ที่ไหนก็ตาม
Wherever I looked there was something interesting to see.
ไม่ว่าฉันจะมองไปทางไหน มันมักมีสิ่งที่น่าสนใจให้เห็น
Wherever you go in the world, you’ll always find someone who speaks English.
ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนก็ตามในโลกนี้ คุณจะเจอคนที่พูดภาษาอังกฤษเสมอ
Whoever (ฮูเอเวอรฺ)
หมายถึง ใครก็ได้ หรือ คนไหนก็ตาม อันนี้ใช้ในกรณีพูดถึงบุคคล
เช่น Whoever comes with you is always welcome.
ใครก็ตามที่มากับคุณจะได้รับการต้อนรับเสมอ
Whoever leaves last should turn off the light.
ใครก็ตามที่ออกคนสุดท้าย ต้องปิดไฟด้วยนะ
You can invite whoever you like to the concert.
คุณสามารถเชิญใครก็ได้ที่คุณต้องการมาคอนเสิร์ต
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
นวัตกรรม AI สู่ความเป็นไปได้ในอนาคตของอุตสาหกรรมบล็อกเชน
ด้วยความล้ำหน้าของนวัตกรรม AI ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้หลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีและบล็อกเชนได้นำเทคโนโลยีนี้มาปรับใช้ โดย Binance ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ก็ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI เพื่อแก้ไขปัญหาและตั้งรับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การหลอกลวงผ่านการแลกเปลี่ยนแบบ ‘Peer-to-Peer’ (P2P) การโจรกรรมข้อมูลธุรกรรม และการโจรกรรมแอคเคาท์ (ATO) เป็นต้น
ทั้งนี้ การผสานพลังของเทคโนโลยี AI และคริปโต ถือเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อคความเป็นไปได้มากมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งผลลัพธ์จากกรณีศึกษาการประยุกต์ใช้งาน AI ในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) NFT และองค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ (DAO) ทำให้เราได้ทราบถึงข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของอุตสาหกรรมได้
เทคโนโลยี AI ในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์
ระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งการมาถึงของ AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถนี้ให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการตรวจสอบ Smart Contract เพื่อวิเคราะห์รหัสระบุปัญหาด้านความปลอดภัย หรือปัญหาทางเทคนิคที่อาจทำให้เกิดช่องโหว่ขึ้นในระบบ ซึ่ง AI ได้เข้ามาช่วยให้นักพัฒนาสามารถนำข้อมูลความเสี่ยงด้านความปลอดภัยมาสร้าง Smart Contract ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การรวมเทคโนโลยี AI เข้ากับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) จะช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนอัตโนมัติบนแพลตฟอร์ม DeFi โดยโมเดล Machine learning ของเทคโนโลยี AI จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลสำหรับการสร้างกลยุทธ์การซื้อขายอัตโนมัติล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยทำให้ประหยัดเวลา และเพิ่มประสิทธิภาพในการซื้อขายมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อรวมเทคโนโลยี AI เข้ากับกระบวนการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์แล้ว ก็จะช่วยมอบผลลัพธ์ในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ที่แม่นยำยิ่งขึ้น โดยอัลกอริทึมของเทคโนโลยี AI จะเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตและแนวโน้มของตลาดเพื่อระบุรูปแบบความเสี่ยง พร้อมให้ข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยในการตัดสินใจ แนะวิธีการจัดการความเสี่ยง และการปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสม
เทคโนโลยี AI ในโลก NFT
NFT หรือ Non-Fungible Token ได้ปฏิวัติวงการศิลปะดิจิทัลและของสะสม โดย NFT หลายชิ้นมีการใช้เทคโนโลยี AI ในการสร้างสรรค์ผลงานแบบ generative art หรืองานศิลปะที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ระบบอัตโนมัติ เพื่อผลิตผลงานที่ไม่ซ้ำใครได้โดยไม่จำกัดจำนวน ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมบนโลก NFT ให้ก้าวไปอีกขั้น
มากไปกว่านั้น เทคโนโลยี AI ยังนำมาใช้พัฒนา NFT อัจฉริยะ หรือ iNFT ซึ่งผสานเทคโนโลยี AI และ NFT เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ ซึ่งจะสร้างการมีส่วนร่วมและประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นให้แก่นักสะสม
เทคโนโลยี AI กับองค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ (DAO)
องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ (DAO) เป็นหน่วยงานที่ปกครองตนเอง และดำเนินการโดยผู้ถือสินทรัพย์ที่มีส่วนร่วมในการบริหารองค์กรผ่านการลงคะแนนเสียงร่วมกัน การเรียกใช้องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายในทางปฏิบัติเนื่องจากมีรูปแบบงานที่จำเจมากมาย ซึ่งการควบรวมเทคโนโลยี AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ผ่านการปรับปรุงการดำเนินงานให้เป็นรูปแบบอัตโนมัติ เพื่อลดกระบวนการตัดสินใจให้รวดเร็วมากขึ้น
นอกจากนี้ จากทฤษฎีการทำงานขององค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ที่กำหนดให้สมาชิกทุกคนจะต้องร่วมลงคะแนนเสียงในทุกมติ ซึ่งทำให้เสียเวลาและดำเนินการได้ยาก จึงทำให้เกิดแนวคิดที่น่าสนใจในการใช้ AI มาเพื่อทำหน้าที่เสมือนเป็นผู้มีอำนาจแทนผู้ถือสินทรัพย์ในกระบวนการลงคะแนนเสียงและการกำกับดูแล ซึ่งจะช่วยให้การเข้าร่วมลงมติมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ความเป็นไปได้ในอนาคต
จากที่กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่าการควบรวมกันของเทคโนโลยี AI และคริปโต จะช่วยสร้างความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบการจัดการความเสี่ยงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI กลไกการตรวจจับการฉ้อโกง โซลูชันความเป็นส่วนตัวที่ดีขึ้น และแบบจำลองการคาดการณ์ตลาดอัจฉริยะ
ถึงแม้การแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI จะช่วยปฏิวัติรูปแบบการซื้อขายด้วยการเพิ่มสภาพคล่องและประสิทธิภาพในการดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการพิจารณาเพื่อนำเทคโนโลยี AI มาปรับใช้ให้เกิดความรับผิดชอบและความแพร่หลายในอุตสาหกรรมคริปโตด้วยเช่นกัน อาทิ การพิจารณาด้านจริยธรรม ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และกำหนดกรอบการกำกับดูแลที่แข็งแกร่ง ซึ่งความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI และคริปโตนี้อาจนำไปสู่การใช้งานที่น่าสนใจมากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคริปโตอีโคซิสเต็มต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 5/07/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 31,750.00 | 31,850.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,057.00 | 31,184.12 | 32,350.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,851.30 | 28,065.71 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,645.60 | 24,947.30 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 926.00 | 14,038.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 720.00 | 10,915.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,132.00 | 32,321.12 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 5/07/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 | 35.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.34 | 33.34 | 33.34 | 33.34 | 33.34 | – | 33.34 | 33.34 | 33.34 | 33.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.79 | 33.79 | – | – | – | – | – | – | – | 33.79 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 43.14 | 46.84 | 46.94 | 46.94 | – | – | – | – | – | 43.14 |
เบนซิน 95 | 43.44 | – | – | – | 44.61 | – | 43.94 | 43.59 | – | 43.44 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 32.24 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.24 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 32.24 | – | 31.94 | – | 31.94 | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 38.94 | 39.94 | 39.94 | 41.76 | 39.94 | – | – | – | – | 38.94 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |