สาระน่ารู้ประจำวันที่ 6 มิถุนายน 2566

“รสนา” ถามรฟม. เวนคืนอาคารเก่า 7 คูหา สร้างทางขึ้นลงรถไฟฟ้าถูกต้องหรือไม่?

“รสนา” อดีตส.ว. โพสต์ถาม รฟม. เวนคืนอาคารโบราณสถาน 7 คูหา ถ.พระสุเมรุ สร้างทางขึ้นลงรถไฟฟ้า โดยอธิบดีกรมศิลปากรยังไม่อนุญาต ทำได้หรือไม่? ห่วงเอื้อนายทุนอสังหา

น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่าน Facebook วันที่ 4 มิ.ย.66 ว่า รฟม.เวนคืนอาคารโบราณสถาน7คูหาบน ถ.พระสุเมรุเป็นทางขึ้นลงรถไฟฟ้าโดยอธิบดีกรมศิลปากรยังไม่อนุญาต ทำได้หรือไม่ !?!

โดยระบุว่า รฟม.กำลังก่อสร้างทางขึ้นลงรถไฟฟ้าสายสีม่วงในเกาะรัตนโกสินทร์ จุดที่เป็นสถานีผ่านฟ้าทางขึ้นลงที่1 รฟม.ตั้งเป้าจะก่อสร้างบนอาคารโบราณสถานที่รอขึ้นทะเบียน 7คูหา ซึ่งตั้งอยู่บนถนนพระสุเมรุตอนปลายนั้น

รฟม.กล่าวอ้างว่าได้เวนคืนและจ่ายค่าเวนคืนให้เอกชนเจ้าของอาคารแล้ว จึงไม่พิจารณาพื้นที่อื่นที่ไม่ใช่โบราณสถาน ถ้าหากรฟม.จะอ้างเป็นเหตุผลว่าไม่สามารถเปลี่ยนสถานที่ขึ้นลงเป็นจุดอื่นได้แล้วนั้น เพราะได้เวนคืนอาคาร 7คูหาแล้ว ต้องถามว่าในเมื่ออธิบดีกรมศิลปากรยังไม่อนุญาต รฟม.เวนคืนอาคาร7 คูหา เป็นการกระทำที่ถูกขั้นตอนหรือไม่ !?

ท่านอธิบดีได้ประกาศต่อที่สาธารณะในการประชุมร่วม 3 ฝ่ายระหว่างกรมศิลปากร รฟม. และกลุ่มอนุรักษ์มรดกรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2566 ว่ายังไม่ได้อนุญาตรฟม.ใช้อาคาร7คูหาเป็นทางขึ้นลงรถไฟฟ้า และ ท่านอธิบดียังประกาศต่อท่านประธานและคณะอนุกรรมาธิการด้านศิลปะวัฒนธรรม วุฒิสภา เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2566 วันที่คณะอนุกมธ.วุฒิสภา

และท่านอธิบดีกรมศิลปากรได้ลงพื้นที่เพื่อดูสถานที่ใกล้เคียงตามที่ทางกลุ่มอนุรักษ์มรดกรัตนโกสินทร์เสนอให้รฟม. พิจารณาใช้เป็นทางขึ้นลงรถไฟฟ้า โดยไม่รบกวนโบราณสถาน การที่ รฟม. เวนคืนอาคารโบราณสถาน7คูหานั้น มีวัตถุประสงค์จะบีบคั้นให้อธิบดีกรมศิลปากรต้องยินยอมอนุญาตแบบตกกระได พลอยโจน ใช่หรือไม่

เมื่อวันที่25 พฤษภาคม 2566 ดิฉันในฐานะประธานกลุ่มอนุรักษ์มรดกรัตนโกสินทร์ได้รับหนังสือตอบจากคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า ความว่า

“คณะกรรมการกรุงฯได้รับหนังสือร้องเรียนจากดิฉัน และมีมติรับทราบที่กลุ่มอนุรักษ์มรดกรัตนโกสินทร์ขอให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)หาพื้นที่ใกล้เคียงเป็นทางขึ้นลงรถไฟฟ้าสายสีม่วงในกรุงรัตนโกสินทร์โดยไม่รบกวนโบราณสถาน และให้รฟม.ประสานกับกรมศิลปากรเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป”

ดิฉันหวังว่าการที่คณะกรรมการกรุงฯ มีมติรับทราบขอร้องเรียนของกลุ่มอนุรักษ์มรดกรัตนโกสินทร์ และให้รฟม.ประสานกับกรมศิลปากรในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปนั้น ย่อมแสดงให้เห็นว่าคณะกรรมการกรุงฯให้ความสำคัญกับข้อร้องเรียนของดิฉัน ที่รฟม.ควรนำไปพิจารณา ไม่ใช่ยืนกรานเป็นกระต่ายขาเดียวเท่านั้นว่าไม่สามารถเปลี่ยนจุดทางขึ้นลงรถไฟฟ้าที่1 บนอาคารโบราณสถานดังกล่าว

ตั้งแต่ปี2558-2565 รฟม.ได้รับหนังสือจากอธิบดีกรมศิลปากร 3 ท่านรวมทั้งสิ้น 3-4 ฉบับ ให้หลีกเลี่ยงการรื้อถอนอาคารที่มีสถานะเป็นโบราณสถาน แต่รฟม.ไม่ได้สนใจรับฟังคำทักท้วง ยังคงดื้อดึงทำตามความต้องการที่จะใช้อาคารโบราณสถานเป็นทางขึ้นลงรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีผ่านฟ้า ทั้งที่มีสถานที่ใกล้เคียงให้เลือกอีกอย่างน้อย 2 แห่ง ยิ่งกว่านั้น รฟม.ยังไปเวนคืนอาคารโบราณสถาน 7 คูหาอีกด้วย เหตุใดจึงไม่พิจารณาเปลี่ยนไปใช้สถานที่ใกล้เคียงอื่นที่มีให้เลือก เหตุใดต้องทำให้อธิบดีกรมศิลปากรลำบากใจ !?

ยิ่งกว่านั้น รฟม.ขณะนี้ได้เดินหน้าเจาะโครงสร้างภายในตึกแถวเก่า (สีส้ม 2 คูหา) มีการทุบผนังบางส่วนออก และมีการเจาะพื้นปูนเป็นช่องสี่เหลี่ยมแล้วขุดลงไปด้านล่างประมาณความกว้างยาวกว่า2เมตร× 2 เมตร แม้ภายนอกอาคารยังไม่ได้ทำอะไรก็ตาม เป็นการแสดงให้เห็นว่า รฟม.คิดว่าตนเองมีอำนาจทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ ใช่หรือไม่  การกระทำนี้กรมศิลปากรได้อนุมัติให้ทำหรือไม่ ?! และชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ช่วยตอบให้กระจ่างด้วย

การที่รฟม.ไม่พิจารณาหาพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้มีข้อสงสัยว่าเป็นการจงใจเอื้อประโยชน์เอกชนด้านอสังหาริมทรัพย์บริเวณนั้นหรือไม่ เนื่องจากบริเวณนี้ต่อไปในอนาคตจะเป็นชุมทางสำคัญ (junction) เป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ดินของเอกชนบริเวณนี้จะมีมูลค่าสูงขึ้น ในขณะที่อาคารโบราณสถานจะถูกทำลายเพราะรฟม.ไม่มีวิสัยทัศน์ในการอนุรักษ์อาคารโบราณสถานให้มีมูลค่าทั้งความงาม และเศรษฐกิจ โดยให้สิ่งเก่าอยู่ร่วมกับสิ่งใหม่ได้อย่างสมสมัย

น่าแปลกใจไหมว่า ทำไม! การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง รฟม.ต้องเจาะจงเลือกใช้แต่อาคารโบราณสถานตลอดเส้นทางในการทำทางขึ้นลงรถไฟฟ้า ทั้งที่เคยมีรายงานจากกระทรวงวัฒนธรรมส่งถึง รฟม.ว่าในพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตรที่รถไฟฟ้าสายสีม่วงผ่าน จะมีโบราณสถาน โบราณวัตถุถึง 310 แห่ง เพื่อให้รฟม.หลีกเลี่ยงการก่อสร้างที่กระทบโบราณสถาน โบราณวัตถุเหล่านั้น

แต่ปรากฎว่า รฟม. ไม่ได้สนใจคำเตือนดังกล่าว ซึ่งเห็นได้จากที่เลือกรื้อโบราณสถาน เป็นทางขึ้นลงรถไฟฟ้า ดังที่เคยทำมาแล้วที่สถานีสามยอด หรือเพราะรฟม.เห็นว่าอาคารโบราณสถานเหล่านั้นไม่สามารถทำกำไรให้เอกชน ได้เหมือนกับพื้นที่ที่ไม่ใช่โบราณสถาน จึงเลือกไม่เวนคืนพื้นที่ของเอกชนเพื่อให้เอกชนสามารถทำกำไรจากมูลค่าเพิ่มของพื้นที่ที่มีรถไฟฟ้าผ่าน ใช่หรือไม่

รฟม.จะทำลายโบราณสถานไม่ใช่แค่อาคาร 7 คูหาตรงสถานีผ่านฟ้าเท่านั้น แต่จะลุกลามไปที่โรงพิมพ์ศรีหงษ์ ที่จะก่อสร้างสถานีบางขุนพรหม และโบราณสถานตึกแขกที่จะก่อสร้างสถานีศรีย่าน ถ้าไม่สามารถหยุดยั้ง รฟม.ในการทำลายอาคาร 7 คูหานี้ อาคาร อื่นๆตามเส้นทางรถไฟฟ้าตามที่กล่าวมา ซึ่งอดีตอธิบดีกรมศิลปากรเคยมีหนังสือให้รฟม.หลีกเลี่ยงนั้น คงจะไม่สามารถหยุดยั้ง รฟม.ได้ทั้งเส้นทาง ใช่หรือไม่

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ขาใหญ่อสังหา ลุยบิ๊กโปรเจ็กต์ เจาะลูกค้าจีน ไม่รอรัฐบาลใหม่

อสังหาฯปักหมุดบิ๊กโปรเจ็กต์ เจาะตลาดลูกค้าต่างชาติโฟกัสจีน พลิกโฉมที่ดินทำเลทอง สร้างแลนด์มาร์กใหม่ ดันราคาที่ดินพุ่งไม่รอรัฐบาลใหม่

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เดินหน้า ขยายการลงทุนโครงการขนาดใหญ่มิกซ์ยูส สร้างอาณาจักรเป็นเมืองแบบครบวงจร รองรับทั้งคนไทยและต่างชาติ กันมากขึ้น รวมถึงการร่วมทุนกับพันธมิตร ข้ามชาติ ทั้งพัฒนาและดึงกำลังซื้อต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัยในไทย โดยเฉพาะจีน เนื่องจากกลุ่มกำลังซื้อภายในประเทศมีข้อจำกัด การปฎิเสธสินเชื่อมีสูง ท่ามกลางความท้าทาย จากปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ทั้งการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ภาวะเงินเฟ้อ ต้นทุนพลังงานทั้งค่าน้ำมันและค่าไฟ

รวมถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจความขัดแย้งทางการเมืองตัวแปรที่ทำให้เกิดการชะลอการตัดสินใจออกไป ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ที่ระบุว่า ครึ่งปีแรกของปีนี้ กำลังซื้อชะลอตัว เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถูกยกเลิกไปโดยเฉพาะLTV (Loan to Value) อัตราส่วนการให้สินเชื่อซื้อบ้านโดยเทียบกับมูลค่า และประเมินว่าครึ่งปีหลังสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น เพราะเริ่มเห็นหน้าตาของรัฐบาล

บริษัทพัฒนาอสังหาฯรายใหญ่ ที่มีความเคลื่อนไหว ไปล่วงหน้าไม่รอรัฐบาลใหม่ และมุ่งเจาะตลาดลูกค้าจีน เริ่มจาก กลุ่มของ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาลอดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซุ่มพลิกโฉมที่ดินลำลูกกาคลอง11 จังหวัดปทุมธานีเนื้อที่กว่า2,000ไร่ มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาทพัฒนาเป็นเมืองมิกซ์ยูส “Reignwood Park” (เรนวูด ปาร์ค)

แน่นอนว่าจะสร้างความเจริญให้กับพื้นที่ ทั้งสนามกอล์ฟ คฤหาสน์หรู คอนโดมิเนียม โรงแรมชั้นนำโรงเรียนนานาชาติ ศูนย์กีฬาหรือสปอร์ตคลับ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนา โดยนายพงษ์ศักดิ์ ได้มอบหมายให้ทายาททั้ง 3 คนเข้าบริหารเต็มตัว โดยประเมินว่าจะแล้วเสร็จเฟสแรก ปลายปีนี้ ในส่วนของสนามกอล์ฟ18 หลุมและคลับเฮ้าส์ ที่คาดจะเป็นจุดหมายปลายทางการแข่งขันทัวร์นาเมนต์กอล์ฟระดับโลกแห่งใหม่ในไทย ประเมินว่าราคาที่ดินในแถบดังกล่าวจะมีมูลค่าสูงขึ้น จากคววามเจริญเข้าถึงพื้นที่

เช่นกับ บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ หรือ CGD ต่อยอดอาณาจักรริมแม่น้ำเจ้าพระยา พลิกโฉมที่ดิน ทำเลทอง 23ไร่ พัฒนา มิกซ์ยูส ย่านพระราม3 มีโรงเรียนนานาชาติ-คอนโดหรู มูลค่ารวม 14,200 ล้านบาท ลุยนำร่องก่อสร้างโรงเรียนนานาชาติระดับพรีเมียม พร้อมหลักสูตรระดับเวิลด์คลาส คาดเปิดสอนปีการศึกษาแรกในปี 2568

นายเบน เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CGD สะท้อน บริษัทได้ต่อยอดความสำเร็จสู่การเดินหน้าพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่แห่งใหม่ บนถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ในย่านพระราม 3 ที่จะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ในย่านนี้ที่ปัจจุบันความเจริญได้แผ่ขยายมายังโซนดังกล่าว โดยเฉพาะทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นที่สนใจกับชาวต่างชาติ

ทำเลที่น่าจับตาและเป็นอาณาจักรชาวจีน ได้แก่ย่านรัชดา-ห้วยขวางที่ นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ REAL ASSET เข้าไปปักหมุดโครงการคอนโดมิเนียมหรูเจาะกลุ่มลูกค้าชาวจีน ซึ่งประเมินว่าเป็นกำลังซื้อสำคัญใกล้  MRT ห้วยขวาง เป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตร  บริษัท โซเท็ตซึ เรียล เอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัดผู้ประกอบการธุรกิจ Transportation และ อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี

สอดคล้องกับ นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า บริษัทเตรียมเม็ดเงินซื้อที่ดินมูลค่าไม่ต่ำกว่า 7-8,000ล้านบาทเจาะทำเลในเมืองติดสถานีรถไฟฟ้า และมีแผนรวมทุนโครงการหรูกับพันธมิตร จากประเทศในแถบยุโรป

ล่าสุด อนันดาฯ เดินหน้าขยายโอกาสเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ หลังเห็นดีมานด์การซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยของชาวต่างชาติกลับมาอีกครั้ง ซึ่ง อนันดาฯ มีโครงการพร้อมอยู่พร้อมโอนบนทำเลทองใจกลางเมืองกว่า 30 โครงการ มีมูลค่ารวมถึง 34,000 ล้านบาท

ที่พร้อมให้นักลงทุนและผู้อยู่อาศัยได้เป็นเจ้าของในช่วงเวลาที่ดีมานด์อสังหาริมทรัพย์ไทยจากต่างชาติพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการจับมือกับพันธมิตร บียอนด์ 360 พร็อพเพอร์ตี้ ผู้มีความเชี่ยวชาญในตลาดต่างชาติจะช่วยเสริมแกร่งให้ธุรกิจสามารถขยายสู่ตลาดในหลากหลายประเทศ เช่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยการเติบโตของกลุ่มลูกค้าต่างชาติในช่วงก่อนโควิดและหลังการฟื้นตัวในช่วงนี้มีความสำคัญกับธุรกิจเป็นอย่างยิ่ง เพราะประเทศไทยถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และเป็นการซื้อบ้านหลังที่สองของชาวต่างชาติ

หลังจากที่ตลาดอสังหาฯเมืองไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง อนันดาฯ เดินหน้าจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจต่างชาติชั้นนำกว่า 200 ราย ทั้งจากญี่ปุ่น อังกฤษ จีน เมียนมาไต้หวัน ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา เพื่อขยายฐานลูกค้าในตลาดโลก ซึ่ง อนันดาฯ ถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยเจ้าแรกที่ผนึกกำลังกับพันธมิตรต่างชาติจำนวนมาก

ล้วนมีความเชี่ยวชาญและมีข้อมูลเชิงลึกด้านความต้องการของตลาดในประเทศนั้นๆ จึงทำให้มั่นใจว่าโครงการของอนันดาฯ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ นอกจากอนันดาฯ จะเป็นที่รู้จักและได้รับความไว้วางใจจากแวดวงอสังหาริมทรัพย์แล้ว โครงการยังสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างหลากหลาย

ขณะค่าย ออริจิ้นไม่น้อยหน้า บุกตลาดอสังหาฯ บนทำเลบางนาเพื่อเชื่อมโยง เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โลจิสติกส์ โรงพยาบาลศูนย์สุขภาพ อาทิ รวมถึงค่ายศุภาลัยทีมองว่า คอนโดมิเนียมกลับมามีความต้องการหลังสถานการณ์โควิดล่าสุดได้พลิกที่ดินทำเลทองย่านพัฒนาการ-เอกมัย เนื้อที่ 13 ไร่เศษ พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและพื้นที่พาณิชย์รองรับกลุ่มกำลังซื้อและรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่กำลังเปิดทดลองให้บริการแล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 6มิ.ย.ที่ระดับ 34.77 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุแนวต้านโซน 34.90 บาทต่อดอลลาร์ ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ราคาทองคำและค่าเงินหยวนที่จะมีผลกับทิศทางเงินบาทในช่วงนี้

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้  6มิ.ย.2566ที่ระดับ  34.77 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.89 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิดวันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน)

นายพูน   พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าในช่วงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ หลังยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดไปมาก ทว่า เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ในช่วงคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา

 หลังดัชนี ISM PMI ภาคการบริการสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด นอกจากการปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็อาจทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท

สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินโดยรวมเปิดรับความเสี่ยง หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตามการปรับตัวขึ้นของหุ้นธีม AI และปัญหาเพดานหนี้ที่คลี่คลาย

ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรจับตา รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ และจีนโดย ส่วนในฝั่งไทย รอติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI เดือนพฤษภาคม

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

▪   ฝั่งสหรัฐฯ – สัปดาห์นี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาจมีไม่มากนัก และยังเป็นช่วง Black Out/Silent Period ของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดจะไม่ทราบมุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดเพิ่มเติม โดยเฉพาะหลังจากที่ตลาดรับรู้รายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ล่าสุด ที่ออกมาดีกว่าคาดไปมาก

ทั้งนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะจับตารายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (ISM Services PMI) ซึ่งนักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ภาคการบริการของสหรัฐฯ อาจขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนผ่านดัชนี ISM PMI ภาคการบริการที่อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 52.5 จุด ในเดือนพฤษภาคม หนุนโดยตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่งและตึงตัว

 อย่างไรก็ดี อัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงจะเป็นปัจจัยที่กดดันการขยายตัวในภาคการบริการ และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและการว่างงานต่อเนื่อง (Initial & Continuing Jobless Claims) เพื่อช่วยประกอบการประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ

 ▪  ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนเมษายน ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า ยอดค้าปลีกอาจขยายตัวราว +0.2% จากเดือนก่อนหน้า หนุนโดยภาวะการจ้างงานที่ยังคงดีอยู่

ทว่าปัญหาค่าครองชีพสูงจากภาวะเงินเฟ้อสูงก็เป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการบริโภคโดยรวม นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักดังกล่าว

  ▪  ฝั่งเอเชีย – ตลาดจะรอจับตาแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนอย่างใกล้ชิด หลังข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดต่างชี้ว่า เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้แย่กว่าคาด โดยเฉพาะดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรม ซึ่งตลาดคาดว่า การชะลอตัวลงของภาคอุตสาหกรรมอาจสะท้อนผ่าน ยอดการนำเข้าเดือนพฤษภาคมที่อาจหดตัว -8%y/y

ส่วนยอดการส่งออกก็อาจหดตัว -2%y/y ตามแนวโน้มเศรษฐกิจคู่ค้าหลักที่ล้วนชะลอตัวลง นอกจากนี้ โมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแรงลง ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า ทางการจีนและธนาคารกลางอาจจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในอนาคต ในส่วนนโยบายการเงิน ตลาดมองว่าธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA)

รวมถึงธนาคารกลางอินเดีย (RBI) จะตัดสินใจ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.85% และ 6.50% ตามลำดับ หลังอัตราเงินเฟ้อของทั้งออสเตรเลียและอินเดีย ชะลอตัวลงต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ภาพรวมเศรษฐกิจก็เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง

▪  ฝั่งไทย – เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI เดือนพฤษภาคมอาจชะลอลง -0.05% จากเดือนก่อนหน้า (คิดเป็น +1.2%y/y เนื่องจากระดับฐานราคาที่สูงในปีก่อนหน้า) ตามการปรับตัวลงของราคาสินค้าพลังงาน ทว่าราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มอาจยังคงปรับตัวขึ้นตามการฟื้นตัวต่อเนื่องของการบริโภคในประเทศ

ซึ่งจะสอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) ที่อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.5 จุด ในเดือนพฤษภาคม ทั้งนี้ เราจะติดตามแนวโน้มอัตราเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด เพราะหากอัตราเงินเฟ้อชะลอลงมากกว่าคาด ก็อาจลดโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคม

 สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมฝั่งอ่อนค่าของเงินบาทแผ่วลงชัดเจนมากขึ้น โดยเงินบาทยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุแนวต้านโซน 34.90 บาทต่อดอลลาร์ไปได้ ทำให้เรามองว่าผู้เล่นในตลาดอาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ในจังหวะเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งจะช่วยจำกัดการอ่อนค่าของเงินบาท

ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ เพราะหากนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อสุทธิสินทรัพย์ไทยก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้เช่นกัน และควรจับตาทิศทางราคาทองคำและค่าเงินหยวนซึ่งมีผลกับเงินบาทในช่วงนี้

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เราคงมองว่า Upside เงินดอลลาร์อาจมีไม่มาก โดยเฉพาะในสัปดาห์ที่ขาดถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ทำให้หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด ผู้เล่นในตลาดจะยิ่งมองว่า เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน กดดันให้เงินดอลลาร์มีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและการปรับเปลี่ยนมุมมองไปมาของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเฟด ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.40-34.95 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.65-34.85 บาท/ดอลลาร์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.77-34.79 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.00 น.) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดในออฟชอร์วานนี้ที่ระดับ 34.89 บาทต่อดอลลาร์ฯ (แต่อ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับปิดในประเทศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 34.54 บาทต่อดอลลาร์ฯ) 

ทั้งนี้ เงินบาทแข็งค่ากลับมาเล็กน้อย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุน หลังดัชนี ISM ภาคการบริการของสหรัฐฯ ซึ่งปรับตัวลงมากกว่าที่ตลาดคาด (ลดลงมาที่ระดับ 50.3 ในเดือนพ.ค. ตลาดคาดที่ 51.5) กระตุ้นแรงขายเงินดอลลาร์ฯ เพื่อทำกำไร หลังจากที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา รับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่ง (เพิ่มขึ้นถึง 339,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ตลาดคาดที่ 190,000 ตำแหน่ง)

อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของเงินบาทในระหว่างวันอาจยังคงผันผวน เนื่องจากตลาดกำลังอยู่ระหว่างการประเมินโอกาสความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. นี้   

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.70-34.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามจะอยู่ที่สถานการณ์การเมืองและอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ส่องอันดับ+ผลงาน “วอลเลย์บอลสาวไทย” อยู่ตรงไหนในศึกลูกยางเนชั่นส์ลีก 2023

ทีมวอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทย ที่เดินทางไปร่วมแข่งขันในรายการใหญ่อย่าง วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ ลีก 2023 สัปดาห์แรก ที่เมืองอันตาลยา, ประเทศตุรกี รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 4 มิถุนายน 2566

โดยหลังแข่งขันครบทั้ง 4 แมตช์ในสัปดาห์แรก “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ทำผลงานได้ดีทีเดียว ด้วยการชนะ 2 แพ้ 2 เก็บไปได้ทั้งหมด 7 คะแนน รั้งอันดับ 8 ของตาราง ซึ่งถือเป็นอันดับที่มีลุ้นผ่านเข้าไปเล่นรอบไฟนอลส์

ผลงานของ วอลเลย์บอลหญิงไทย ในสัปดาห์แรก
นัดแรก : แพ้ อิตาลี 2-3 เซต
นัดสอง : ชนะ แคนาดา 3-0 เซต
นัดสาม : แพ้ โปแลนด์ 0-3 เซต
นัดสี่ : ชนะ เกาหลีใต้ 3-0 เซต

อย่างไรก็ตามยังเหลือโปรแกรมการแข่งขันอีกทั้งหมด 8 เกมในรอบแรก ให้ “สาวไทย” ได้ลุ้นทำอันดับให้ติด 1 ใน 8 ทีมที่ดีที่สุด ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย ที่สหรัฐฯ รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพในปีนี้

สำหรับสนามต่อไปของ วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ ลีก 2023 สัปดาห์ที่สอง ทีมชาติไทย มีโปรแกรมจะต้องเดินทางไปแข่งขันที่เมืองบราซิเลีย ประเทศบราซิล ระหว่างวันที่ 13 -18 มิถุนายน นี้ แฟนๆ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ทาง ช่อง 7HD ทุกเกม

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ทาน “อาหารเช้า” อย่างไร ให้ช่วยลดน้ำหนักอย่างได้ผล?

ปัจจุบันคนนิยมลดน้ำหนักแบบ Low Carb โดยการเลือกปฏิบัติเอง จริงๆ แล้ว Low Carb คืออะไร สามารถทำเองได้จริงหรือ มีข้อดีหรือข้อเสียในการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ 

อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตนั้น เป็นสารอาหารที่ส่งผลต่อระดับฮอร์โมนหลายชนิด ได้แก่ อินซูลิน (Insulin) กลูคากอน (Glucagon) และเกรลิน (Ghrelin) ซึ่งเป็นตัวสั่งให้ร่างกายใช้ไขมันเผาผลาญไขมัน รวมทั้งทำให้เกิดความรู้สึกหิว อยาก และอิ่ม แต่คาร์โบไฮเดรตก็มีหลายชนิด โดยคาร์โบไฮเดรตกลุ่มที่เรียกว่า Refined Carbohydrate ได้แก่ น้ำตาลและแป้งขัดขาว หลังจากรับประทานจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้หิวบ่อยกว่าปกติ รับประทานเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม 

ถ้าย้อนมองกลับไป คนสมัยก่อนบริโภคไขมันที่ได้จากสัตว์กันมากมาย แต่ไม่อ้วนกันมากขนาดนี้ สิ่งที่ทำให้คนอ้วนขึ้น เป็นเพราะเมื่อการเกษตรและอุตสาหกรรมเจริญขึ้น อาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตผ่านกระบวนการมากขึ้น คนบริโภคน้ำตาลกันมากขึ้น ข้าวถูกขัดเอาเปลือกออก แล้วโม่เป็นแป้ง น้ำตาลจากอ้อยหรือน้ำเชื่อมจากพืชที่เต็มไปด้วยน้ำตาลฟรุคโทส (Fructose) อาหารพวกนี้ผ่านกระบวนการกลายเป็นน้ำตาลบริสุทธิ์ที่รับประทานเข้าไปแล้วย่อยง่าย ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว มีผลต่อฮอร์โมน เกิดการเก็บไขมันสะสมมากผิดปกติ 

ปัจจุบันนี้ คนบริโภคน้ำตาลกันมาก ระดับฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงยิ่งทำให้อยากรับประทานน้ำตาล อยากรับประทานอาหารมากขึ้นไปอีก การรับประทานน้ำตาลเข้าไปจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ฮอร์โมนอินซูลินจะถูกหลั่งออกมาเพื่อปรับระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อปริมาณฮอร์โมนอินซูลินสูงส่งผลให้น้ำตาลในเลือดถูกกดจนต่ำกว่าปกติ เราก็จะรู้สึกหิว ไม่มีแรง และเมื่อเรารู้สึกเช่นนั้น ก็จะอยากรับประทานขนมและหาขนมมารับประทาน

การลดน้ำหนักแบบ “Low Carbohydrate Diet” 

เนื่องจากร่างกายคนเราใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก การจำกัดคาร์โบไฮเดรตทำให้ร่างกายมีน้ำตาลที่จะเผาผลาญเป็นพลังงานน้อยลง ร่างกายจะสลายไขมันมาใช้เป็นพลังงานแทน ไขมันที่สะสมอยู่ถูกสลายออกมาก ทำให้น้ำหนักลดลง มีการสร้างสารคีโตนมากขึ้น สารคีโตนในเลือดจะยับยั้งความอยากอาหาร ทำให้รู้สึกไม่หิวและกินน้อยลง เป็นผลส่งเสริมให้น้ำหนักลดลง 

แต่ผู้ที่นำไปปฏิบัติเองต้องระวัง เนื่องจากการงดรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเป็นเวลานาน จะส่งผลต่อระดับเกลือแร่ในเลือด เมื่อสมดุลเกลือแร่เสียไปอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ปวดหัว ผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้จึงควรเสริมวิตามินและเกลือแร่ที่เหมาะสม การใช้อาหารชนิดนี้ลดน้ำหนักในระยะยาวจึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เกิดการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิผลและปลอดภัย

ทางเลือกการลดน้ำหนักแบบใหม่ กินได้ไม่จำกัด หรือที่เรียกว่า High Protein Diet คืออะไร ทำได้อย่างไร มีข้อดีอย่างไร 

การลดน้ำหนักด้วย “High Protein Diet” เริ่มต้นมาจากสูตรอาหารของแอตกินส์ (Atkin’s Diet) โดยแอตกินส์เป็นนามสกุลของ นายแพทย์โรเบิร์ต ซี. แอตกินส์ หมอแอตกินส์จบแพทย์มาจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ในปี 1955  เป็นแพทย์ทางด้านโรคหัวใจ ซึ่งเป็นอาชีพที่ทำให้หมอแอตกินส์ต้องสนใจเรื่องโภชนาการ เพราะโรคหัวใจคร่าชีวิต คนอเมริกันแต่ละปีนับเป็นแสนคน และหนทางแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือการใช้โภชนบำบัด 

ปัญหาใหญ่ของคนอเมริกันคือ โรคอ้วน และโรคนี้เองที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนอเมริกันเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากโรคหัวใจแล้ว โรคอ้วนยังก่อโรคอีกหลายโรค ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เกาต์ 

หลักการของแอตกินส์ นั่นคือ หาวิธีทำให้อินซูลินในร่างกายอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากร่างกายจะหลั่งอินซูลินออกมาเมื่อน้ำตาลในเลือดมีระดับสูง เป็นเพราะหน้าที่ของอินซูลิน คือเร่งกลไกการดึงน้ำตาลจากเลือดเข้าสู่เซลล์ ช่วยในการสลายน้ำตาลให้เป็นพลังงาน ร่างกายจะหลั่งอินซูลินได้ก็เมื่อมีกลูโคสจากอาหารถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด และกลูโคสเข้าสู่ร่างกายได้ก็ต่อเมื่อร่างกายได้รับอาหารประเภทแป้งหรือน้ำตาล หรือได้รับคาร์โบไฮเดรตนั่นเอง 

จึงเกิดเป็นสูตรอาหารโปรตีนสูง (High Protein Diet) โดยงดการรับประทานคาร์โบไฮเดรต (Low Carbohydrate Diet) เน้นการรับประทานโปรตีน เนื่องจากโปรตีนไม่มีผลกับระดับน้ำตาลในเลือด อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มการเผาผลาญ ยิ่งรับประทานโปรตีนมากเท่าไหร่จึงยิ่งเป็นการเพิ่มการเผาผลาญ เมื่อไม่มีคาร์โบไฮเดรต ระดับน้ำตาลในร่างกายก็ลดลง ร่างกายจะตอบสนองโดยการสลายเอากรดไขมันออกจากเนื้อเยื่อไขมันนำไปเผาผลาญเป็นพลังงานทดแทนกลูโคส เพื่อให้ร่างกายใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานแทน น้ำหนักจึงลดลงได้จากการสลายไขมัน โดยไม่ต้องอดอาหาร ในทางตรงกันข้าม ยิ่งรับประทานโปรตีนมากเท่าไหร่น้ำหนักก็จะยิ่งลดลง 

แต่การรับประทานอาหารเช่นนี้ด้วยตัวเองอาจเกิดผลเสียได้ เนื่องจากส่งผลต่อระดับเกลือแร่และอิเลคโตรไลท์ของร่างกายผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคไต ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนนำไปปฏิบัติ เนื่องจากระหว่างการลดน้ำหนักด้วยวิธีจำเป็นต้องเสริมด้วยวิตามิน และแร่ธาตุในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดผลที่ดีและมีความปลอดภัยต่อผู้ลดน้ำหนัก

“การลดน้ำหนักแบบ Low Carb ที่มีชื่อเต็มว่า Low Carbohydrate Diet เป็นการลดการรับประทานอาหารประเภทแป้งทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นขนมปัง มันฝรั่ง ข้าว พาสต้า เค้ก ขนมต่างๆ ที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ เนื่องจากอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเมื่อรับประทานเข้าไป ร่างกายจะย่อยเป็นน้ำตาล เมื่อร่างกายใช้น้ำตาลเหล่านี้ไม่หมด ก็จะเปลี่ยนเป็นไขมันเพื่อเก็บสะสมเกิดเป็นภาวะอ้วนได้ เมื่อลดการรับประทานคาร์โบไฮเดรต จะเป็นการบังคับให้ร่างกายดึงไขมันที่สะสมอยู่ออกมาใช้เป็นพลังงานแทน ส่งผลให้เกิดการลดน้ำหนักจากการเผาผลาญไขมันในร่างกายโดยตรง 

นอกจากนี้ยังสามารถรับประทานโปรตีนได้อย่างไม่จำกัด โดยส่วนของโปรตีนร่างกายจะไม่นำมาใช้เป็นพลังงานจะใช้ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและเพื่อการเจริญเติบโตเท่านั้น การลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้จึงมีข้อดีที่ไม่ทำให้เกิดภาวะเครียดจากการอดอาหาร เป็นที่นิยมในผู้ที่ลดน้ำหนัก

แต่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จจากการรับประทานด้วยวิธีนี้ ก็เพราะการเลือกรับประทานที่ไม่ถูกวิธี คนส่วนใหญ่มักมีความเข้าใจเรื่องคาร์โบไฮเดรตไม่ถูกต้อง คือ เมื่อพูดถึงคาร์โบไฮเดรตก็มักจะนึกถึงข้าว การลดคาร์โบไฮเดรต คือการลดข้าว แต่กลับไปรับประทานผักผลไม้แทน ซึ่งความจริงแล้วผัก ผลไม้ ก็เป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง จึงทำให้รับประทานเท่าไหร่น้ำหนักก็ไม่ลด นอกจากความเข้าใจเรื่องคาร์โบไฮเดรตแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกที่ควรศึกษาก่อนทำการลดน้ำหนักด้วยวิธี Low Carbohydrate Dietซึ่งคุณหมอได้สรุปไว้ดังนี้คือ

เริ่มแรกควรทำความรู้จักคาร์โบไฮเดรตก่อน เพื่อการเลือกรับประทานอย่างถูกต้อง

   o   คาร์โบไฮเดรต คือ อาหารจำพวกแป้ง ข้าว ผัก  ผลไม้ โดยแบ่งคาร์โบไฮเดรตออกได้ 2 แบบคือ

   o   แบบ Simple Carbohydrate คือ คาร์โบไฮเดรตในรูปที่ดูดซึมง่าย เปลี่ยนเป็นน้ำตาลในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เช่น ขนมเค้ก ของหวาน ครัวซองต์ ข้าวขาว ข้าวเหนียว

   o   แบบ Complex carbohydrate คือ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เมื่อรับประทาน ร่างกายจะค่อยๆ ดูดซึม ไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว เช่น พืชผัก ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต ซีเรียล ธัญพืช

ดังนั้นการรับประทานคาร์โบไฮเดรตแบบ Complex Carbohydrate จึงดีกว่า Simple Carbohydrate 

  • การรับประทานอาหารแบบ Low Carbohydrate Diet เป็นเวลานาน จะส่งผลต่อระดับเกลือแร่ในเลือดได้ เช่น ทำให้ระดับโปรแตสเซียมในเลือดต่ำ สารคีโตนสูง หรือทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด เป็นอันตรายกับ    ร่างกายได้ จึงควรทำการตรวจวัดระดับในเลือดเป็นระยะๆ
  • ถ้ารับประทานในระยะยาว ร่างกายจะขาดเส้นใยอาหาร ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการขับถ่าย การเสริมอาหาร พวกไฟเบอร์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และอาจทำให้ร่างกายขาดวิตามินบางตัวในอาหารประเภทแป้ง ผัก และ  ผลไม้ได้ จึงควรเสริมด้วยวิตามินและเกลือแร่ในปริมาณที่เหมาะสม
  • ในผู้ที่มีภาวะอ้วนแต่ละคนจะมีสาเหตุที่แตกต่างกันไป จึงควรรู้จักพฤติกรรมการรับประทานอาหารของตนเองว่าเป็นอย่างไร มีระบบการย่อยหรือการเผาผลาญที่ดีหรือไม่ หรือที่เรียกว่า Metabolism โดยบางคนรับประทานน้อยก็ยังมีน้ำหนักเกินได้ เนื่องจากระบบการเผาผลาญไม่ดี ซึ่งอาจเกิดได้จากฮอร์โมนที่ช่วยในเรื่องการเผาผลาญ เป็นต้น การลดน้ำหนักที่ดี จึงควรวิเคราะห์ถึงสาเหตุและปรับแก้ไข
  • ผู้ที่มีร่างกายไม่แข็งแรงหรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคตับ หรือโรคไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการ ลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้
  • ถ้าต้องการใช้วิธี Low Carbohydrate Diet ลดน้ำหนักในระยะยาวนานกว่า 1 เดือน ควรปรึกษาแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ และนักโภชนาการ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก อีกทั้งป้องกันภาวะที่อาจเกิดเป็นอันตรายแก่ร่างกายได้

ดังนั้นการจะเลือกวิธีลดน้ำหนักแบบใดก็ตาม ควรศึกษาให้ละเอียดก่อนว่าวิธีใดที่เหมาะกับตนเองและมีความปลอดภัยที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


อะไรคือ Adverbs of Frequency มาดูตัวอย่างกัน

Adverbs of frequency คือ คำกริยาวิเศษณ์บอกความถี่ เป็นชนิดหนึ่งของคำที่ใช้ขยายคำกริยา ซึ่งมีหลายประเภทด้วยกัน

โดยมีหลักการใช้ง่าย ๆ ด้วยกัน คือ ใช้นำหน้า main verb (กริยาหลัก) หรือหลัง helping verb (กริยาช่วย) ซึ่งคำชนิดนี้จะใช้เพื่อเป็นการบอกความถี่ ว่าบ่อยมากหรือน้อย มาดูตัวอย่างการใช้งานกันค่ะ

1. Always = เสมอๆ
: He always gives flowers to Mary.
เขาให้ดอกไม้แก่แมรี่เสมอๆ

2. Usually = โดยปกติ
: I usually take a shower twice a day.
โดยปกติฉันจะอาบน้ำสองครั้งต่อวัน

3. Frequently = ถี่ ๆ บ่อยมาก ๆ
: She frequently goes to the park.
หล่อนไปสวนสาธารณะบ่อยมาก ๆ

4. Often = บ่อย ๆ
: We often miss the English class.
พวกเราพลาดคลาสเรียนวิชาภาษาอังกฤษบ่อย ๆ

5. Sometimes = บางครั้ง
: They sometimes play soccer until the night.
พวกเขาเล่นฟุตบอลจนตกดึกเป็นบางครั้ง

6.Occasionally = ครั้งคราว (ตามโอกาส)
: I occasionally travel by work.
ฉันไปเที่ยวโดยไปทำงานด้วยเป็นครั้งคราว (ตามโอกาส)

7. Rarely = แทบจะไม่
: I rarely have a drink after work.
ฉันแทบจะไม่ดื่ม (มักหมายถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) หลังเลิกงาน

8. Seldom = แทบจะไม่
: His father seldom tells anything to me.
พ่อของเขาแทบจะไม่บอกอะไรกับฉันเลย

9. Hardly ever = เกือบจะไม่
: Surachet hardly ever plays computer games.
สุรเชษฐ์แทบจะไม่เล่นเกมคอมพิวเตอร์เลย

10. Never = ไม่เคย
: My sister and I never go out without money.
พี่สาวฉันและฉันไม่เคยออกไปข้างนอกโดยไม่นำเงินไปเลย

*ข้อสังเกตและควรระวัง* rarely, seldom, hardly (ever), never เป็นกลุ่มคำวิเศษณ์ที่ใส่แล้วมีความหมายทำให้เป็นประโยคปฏิเสธอยู่แล้ว ไม่ควรใช้ในประโยคปฏิเสธ (ที่เป็น don’t, doesn’t, isn’t เป็นต้น) อีก เพราะจะทำให้กลายเป็นประโยค double negative sentences จะเกิดความสับสนได้ค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


Apple เผยโฉม Mac Studio ใหม่ พร้อมนำ Apple silicon มาอยู่บน Mac Pro

Apple เปิดตัว Mac Studio และ Mac Pro ใหม่ โดย Mac Studio พร้อมชิป M2 Max และ M2 Ultra ใหม่คือขุมพลังด้านประสิทธิภาพที่มาในดีไซน์กะทัดรัด ในขณะที่ Mac Pro ใหม่นำชิป M2 Ultra ที่ทรงพลังสุดขั้วมารวมเข้ากับช่องต่อขยาย PCIe และทำให้การเปลี่ยนมาใช้ Apple silicon ใน Mac นั้นครบสมบูรณ์

นายจอห์น เทอร์นัส (John Ternus) รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ของ Apple   กล่าวว่าApple เปิดตัว Mac Studio และ Mac Pro ใหม่ ซึ่งเป็น Mac สองรุ่นที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา Mac Studio มาพร้อมชิป M2 Max และ M2 Ultra ใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด และความสามารถในการเชื่อมต่อที่ดียิ่งขึ้นในดีไซน์ที่กะทัดรัด

ในขณะที่ Mac Studio เร็วขึ้นสูงสุด 6 เท่า เมื่อเทียบกับ iMac รุ่น 27 นิ้ว ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่ทรงพลังที่สุด และเร็วขึ้นสูงสุด 3 เท่า เมื่อเทียบกับ Mac Studio ที่มาพร้อมชิป M1 Ultra รุ่นก่อนหน้า  

วันนี้ Mac Pro ซึ่งมาพร้อมชิป M2 Ultra นำประสิทธิภาพในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนจากชิปที่ทรงพลังที่สุดของ Apple มารวมเข้ากับความอเนกประสงค์ของช่องต่อขยาย PCIe ทำให้ Mac Pro เร็วขึ้นสูงสุด 3 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel

นอกจากนี้ Mac Studio พร้อมชิป M2 Ultra และ Mac Pro ยังมีหน่วยความจำแบบรวมสูงสุด 192GB ซึ่งนำหน้าการ์ดกราฟิกระดับเวิร์กสเตชั่นที่ล้ำสมัยที่สุดไปไกล จึงสามารถรับมือกับเวิร์กโหลดหนักๆ ในระดับที่ระบบอื่นยังประมวลผลไม่ได้เลยด้วยซ้ำ และ Mac Pro ใหม่ยังทำให้การเปลี่ยนมาใช้ Apple silicon ใน Mac นั้นครบสมบูรณ์ ซึ่งเมื่อรวมกับระบบระดับโปรของ Apple ที่เหลือแล้ว จึงเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับโปรที่ทรงพลังและมากความสามารถที่สุดเท่าที่ Apple เคยมีมาเลยทีเดียว Mac Studio และ Mac Pro จะเปิดให้สั่งซื้อเร็วๆ นี้

Mac Studio และ Mac Pro ใหม่ พร้อม Apple silicon เป็น Mac สองรุ่นที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เราเคยสร้างมา  Mac Studio ปฏิวัติวงการสำหรับมือโปรทุกกลุ่ม และเป็นหัวใจสำคัญของสตูดิโอทั้งที่บ้านและระดับมืออาชีพหลายแสนแห่งทั่วโลก มาวันนี้ Mac Studio ดียิ่งกว่าเดิมด้วยชิป M2 Max และ M2 Ultra ใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพที่เหนือชั้นยิ่งขึ้น และความสามารถในการเชื่อมต่อที่ดีขึ้นไปอีกระดับ และสำหรับผู้ที่ต้องการความอเนกประสงค์ของการต่อขยายภายในนั้น Mac Pro ก็นำช่องเสียบ PCIe มารวมเข้ากับชิปที่ทรงพลังที่สุดของเรา เรียกได้ว่าทั้ง Mac Studio และ Mac Pro ใหม่ได้เข้ามาเสริมทัพระบบระดับโปรอื่นๆ ของเราเพื่อให้ผู้ใช้มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับโปรที่ทรงพลังและมากความสามารถที่สุดเท่าที่ Apple เคยมีให้”

ราคาและความพร้อมในการวางจำหน่าย

 Mac Studio และ Mac Pro ใหม่พร้อมให้สั่งซื้อเร็วๆ นี้ทางแอปเปิลสโตร์ และในแอป Apple Store

– Mac Studio วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 74,900 บาท และราคาส่งเสริมการศึกษาเริ่มต้นที่ 67,400 บาท นอกจากนี้ยังสามารถดูตัวเลือกในการปรับแต่งตามความต้องการได้ที่ แอปเปิลสโตร์

– Mac Pro ซึ่งมีจำหน่ายทั้งในแบบทาวเวอร์และยึดกับแร็ค มีราคาเริ่มต้น (สำหรับตัวเครื่องแบบทาวเวอร์) ที่ 249,900 บาท และราคาส่งเสริมการศึกษาเริ่มต้นที่ 235,600 บาท ในขณะที่ Mac Pro (ตัวเครื่องแบบแร็ค) มีราคาเริ่มต้นที่ 269,900 บาท และราคาส่งเสริมการศึกษาเริ่มต้นที่ 251,900 บาท

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


10 ประโยชน์ดีๆ ของ “มะระ” ขมแต่ดีจริง

10 ประโยชน์ดีๆ ของ มะระ ขมแต่ดีจริง

1. ช่วยลดโอกาสในการเป็นโรคเบาหวาน ก็เพราะมะระขมไง ก็ไม่หวาน ก็เลยไม่เป็นเบาหวาน ง่ายๆ เลยเนอะ แถมยังช่วยเสริมการหลั่งอินซูลินในตับอ่อน เพื่อลดการสร้างน้ำตาลจากตับอีกด้วย

2. ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งแน่นอนว่าลดโอกาสในการเกิดมะเร็ง และผิวพรรณผ่องใส ไม่เหี่ยวย่นง่าย

3. ช่วยรักษาโรคตับได้ ตามตำรับยาไทย

4. เห็นขมๆ แบบนี้ แต่ทานแล้วช่วยเจริญอาหารนะ

5. ช่วยขับพยาธิ

6. คั้นดื่มสด เป็นยาระบายอ่อนๆ ได้

7. แก้อาการข้อเข่าเสื่อม บำรุงข้อ

8. ช่วยฟอกเลือด รักษาโรคที่เกี่ยวกับตับ

9. ช่วยย่อยอาหาร

10. เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง

เคล็ดลับในการปรุงมะระไม่ให้ขม

ต้มมะระในน้ำเดือดจัดที่ใส่เกลือเล็กน้อย หรือจะทานโดยราดน้ำกะทิลงไปนิดหน่อย ทานกับน้ำพริก หากต้มมะระยัดไส้ก็ควรต้มนานๆ เพื่อลดความขมลง หรือปรุงรสเผ็ดแทน เช่น เมนูพะแนงมะระ เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 6/06/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a32,150.0032,250.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,083.0031,578.2832,750.00
ทองรูปพรรณ 90%1,874.7028,420.45n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,666.4025,262.62n/a
ทองรูปพรรณ 50%937.0014,204.92n/a
ทองรูปพรรณ 40%729.0011,051.64n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,159.0032,730.44n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 6/06/2566



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9534.6534.6535.1434.6534.6534.6534.6534.6534.6534.65
แก๊สโซฮอล์ 9134.3834.3834.8434.3834.3834.3834.3834.3834.3834.38
แก๊สโซฮอล์ E2032.3432.3432.7432.3432.3432.3432.3432.3432.34
แก๊สโซฮอล์ E8532.7932.7932.79
เบนซิน 9542.4443.0142.9442.5942.44
ดีเซล B731.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.4431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.0641.1642.9442.3642.3641.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า