สาระน่ารู้ประจำวันที่ 8 มิถุนายน 2566

รถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู ดัน ราคาที่ดินชานเมืองพุ่ง!

รถไฟฟ้าสายสีเหลือง-สายสีชมพู ดัน ราคาที่ดินชานเมืองพุ่ง! ศรีนครินทร์ -สำโรง ขยับ140% ตารางวาละ6แสนบาทต่อตารางวา ลาดพร้าวขยับ60% 8แสนบาทต่อตารางวา นนทบุรี รามอินทรา มีนบุรี ทำเลรุ่ง

เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง)เปิดให้บริการบางส่วน 13 สถานีไปแล้วเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ส่วนสายสีชมพู (แคลาย-มีนบุรี) ความคืบหน้าก่อสร้างเกือบ 100% คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี2567 โดยรถไฟฟ้าทั้ง 2 เส้นทางเป็นเส้นทางรถไฟฟ้ารางเบา ไม่ใช่เส้นทางรถไฟฟ้าขนาดใหญ่แบบที่คุ้นเคยกัน รูปแบบการให้บริการจะเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าที่ผ่านกรุงเทพ มหานครรอบนอกตอนเหนือ

โดยเส้นทางสายสีชมพูจะเชื่อมจังหวัดนนทบุรี กรุงเทพ มหานครตอนเหนือ และตะวันออก ส่วนเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองจะเชื่อมกรุงเทพมหานครตอนเหนือ กรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก กับสมุทรปราการ โดยทั้ง 2 เส้นทางรถไฟฟ้ารางเบานี้จะทำหน้าที่เป็นเส้นทางรถไฟฟ้าที่ลำเลียงคนจากพื้นที่ต่างๆ เข้าสู่เส้นทางรถไฟฟ้าหลัก อย่างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีนํ้าเงิน และสายสีส้มในอนาคต โดยทั้ง 2 เส้นทางมีสถานีร่วมกับเส้นทางรถไฟฟ้าเส้นทางที่กล่าวไปแล้ว

เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองมีจุดเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง เช่น สายสีนํ้าเงินที่สถานีลาดพร้าว สายสีส้มที่สถานีลำสาลี แอร์พอร์ตลิงค์ที่สถานีหัวหมาก และสายสีเขียวที่สถานีสำโรง เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองยังเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าที่ผ่านถนนเส้นทางสำคัญของกรุงเทพมหานคร คือ ถนนลาดพร้าว และศรีนครินทร์ เรียกได้ว่าเกือบ 100% ของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองอยู่บนถนน 2 เส้นทางนี้

หากเส้นทางเชื่อมต่อส่วนต่อขยายจากสถานีลาดพร้าวขึ้นไปตามถนนรัชดาภิเษกจะมีเพิ่มอีก 2 สถานี และเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีรัชโยธิน แต่ต้องรอต่อไป เพราะยังไม่ชัดเจนในเรื่องของ 2 สถานีนี้ รวมไปถึงสถานีลำสาลีก็อาจจะเป็นสถานีร่วมกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีนํ้าตาล และสถานีลาดพร้าว 83 ที่อาจจะกลายเป็นสถานีร่วมกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเทาในอนาคต นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้อีกถ้าสายสีเงินก่อสร้างก็จะมีสถานีร่วมกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเช่นกัน

เนื่องจากเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองผ่านถนนเส้นทางสำคัญของกรุงเทพมหานครทั้งลาดพร้าว และศรีนครินทร์ โดยพื้นที่ตามแนวถนนลาดพร้าวเป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนามายาวนานมากกว่า 30 ปี แทบไม่มีพื้นที่เหลือให้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อะไรได้มากนัก เพราะที่ดินตลอดแนวเส้นทางมีการพัฒนาเป็นอาคารพาณิชย์หรือโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบอื่นๆ จนเต็มพื้นที่แล้ว

การจะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อะไรก็ตามในพื้นที่จำเป็นต้องซื้อบ้าน อาคารพาณิชย์หรือสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ไปพัฒนา ซึ่งราคาที่ดินในพื้นที่ตามแนวถนนลาดพร้าวก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาโดยตลอด ช่วงก่อนปี 2560 ราคาที่ดินตามแนวถนนลาดพร้าวอยู่ที่ 150,000- 500,000 บาทต่อตารางวา แต่ ปัจจุบันราคาที่ดินอยู่ในช่วงระหว่าง 200,000-800,000 บาทต่อตารางวา เพิ่มขึ้นสูงสุด 60% เป็นต้น และสำหรับพื้นที่ตามแนวถนนศรีนครินทร์ไปจนถึงสถานีสำโรงปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 200,000 – 600,000 บาทต่อตารางวา เพิ่มขึ้นสูงสุด140%

เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูเป็นเส้นทางทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร แนวเส้นทางผ่านถนนติวานนท์ แจ้งวัฒนะ และรามอินทรา ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีสถานีร่วมกับเส้นทางรถไฟฟ้าอื่นๆ เช่นกัน สถานีศูนย์ราชการนนทบุรีก็เป็นสถานีร่วมกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีหลักสี่เป็นสถานีร่วมกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม สถานีวัดพระศรีมหาธาตุเป็นสถานีที่เชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว

สถานีมีนบุรีเป็นสถานีร่วมกับสายสีส้ม และถ้าเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเทามีการพัฒนาขึ้นก็จะมีสถานีร่วมกับสายสีชมพูที่สถานีวัชรพล ซึ่งการเป็นเส้นทางรถไฟฟ้ารางเบาอาจจะไม่ได้มีเส้นทางที่วิ่งเข้าเมืองชั้นใน แต่เป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อการเดินทางกับเส้นทางรถไฟฟ้าเส้นทางอื่นๆ ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของคนตามแนวเส้นทาง ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล

การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน ราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในช่วงปี2561-2562 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ราคาที่ดินในพื้นที่ตํ่ากว่าปัจจุบัน 20-30% สถานีที่อยู่จังหวัดนนทบุรี ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 230,000-300,000 บาทต่อตารางเพิ่มขึ้นประมาณ 13-20% ถนนรามอินทราราคาขายที่ดินปัจจุบันอยู่ในช่วง 200,000-300,000 บาทต่อตารางวา

ปรับเพิ่มกว่า 15-25% ตลาดมีนบุรีปัจจุบันอยู่ที่ 200,000 บาทต่อตารางวา เพราะมีรถไฟฟ้า ผู้ประกอบการเข้าไปซื้อที่ดินกันมาก ทำให้ราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้ตลาดแนวเส้นทาง โดยเฉพาะในพื้นที่รอบสถานีที่เป็นสถานีร่วมหรือใกล้กับศูนย์การค้า หรือชุมชนเดิม

 เรียกว่าเป็นอีกทำเลชานเมืองที่น่าจับตา เมื่อ 2 รถไฟฟ้า สายสีเหลืองและสายสีชมพู เปิดให้บริการเต็มระบบ!!

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“ชัชชาติ” want ภาษีโรงเรือน อสังหาฯ ชี้ใช้ระบบเดิมคือถอยหลังลงคลอง

การปรับโครงสร้างภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกลับมาเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคมอีกครั้ง ภายหลังที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรี มีการหารือร่วมกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเป็นวาระที่ตรงกันกับเรื่องการจัดเก็บภาษีที่ดิน ที่ผู้ว่าราชการ กทม.ฝากฝังรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะเรื่องการจัดเก็บภาษีโรงเรือนแบบเดิม ซึ่งคิดร้อยละ 12.5 ของรายได้ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่คิดตามมูลค่าที่ดิน

โดยการปรับโครงสร้างภาษีนี้ ผู้ว่าฯ กทม.คาดว่าจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจน เนื่องจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ในปัจจุบันไม่ส่งเสริมให้เกิดการลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนและคนรวย แต่กลับให้ผลตรงกันข้าม โดยผู้มีรายได้มากไม่ได้เสียภาษีมากขึ้น เช่น ห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางกรุงในเขตพญาไท เดิมเสียภาษีปีละ 10 ล้านบาท แต่เมื่อใช้ระบบจัดเก็บภาษีใหม่ กลับจ่ายเพียงแค่ปีละ 1 ล้านบาท ซึ่งลดลงกว่า 10 เท่า หรือกรณีของอาคารสำนักงานบางแห่งที่ เดิมเสียภาษีมากกว่า 11 ล้านบาทต่อปี เพราะคำนวณจากค่าเช่าภายในสำนักงาน แต่เมื่อคิดภาษีรูปแบบใหม่เหลือเพียง 3 ล้านบาท

สำหรับเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น โดยนโยบายแล้วพรรคก้าวไกล มีนโยบายเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดความร่วมมือในการผลักดันให้แก้ไข หรือปรับโครงสร้างภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ หากพรรคก้าวไกลสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จมีโอกาสเกิดขึ้นสูงมาก

ทั้งนี้ การผลักดันให้เกิดการปรับโครงสร้างภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ผู้ว่าฯ กทม. ในช่วงเมื่อปลายปี 2565 กทม.ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังเพื่อขอให้พิจารณาปรับเพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประเภทที่ดินเกษตรกรรมแยกย่อยตามโซนผังเมืองรวม ได้แก่ โซนสีแดงที่ดินประเภทพาณิชยกรรม โซนสีน้ำตาลที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก โซนสีม่วงที่ดินประเภทอุตสาหกรรม และโซนสีเม็ดมะปรางที่ดินประเภทคลังสินค้าในกรณีเจ้าของนำที่ดินมาปลูกพืชแทนการใช้ประโยชน์อื่นๆ เช่น ปลูกมะม่วง มะนาว กล้วย

โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นการเลี่ยงไม่ให้เข้าเกณฑ์ที่ดินรกร้างว่างเปล่าและเพื่อให้เข้าเกณฑ์เกษตรกรรมตามที่กฎหมายกำหนดโดยจะปรับอัตราเพิ่มจากปัจจุบันเก็บในอัตรา 0.01-0.1% เป็นเก็บเต็มเพดาน 0.15% หรือจากล้านละ 100 บาท เป็นล้านละ 1,500 บาทแต่คำร้องของ กทม. ถูกตีตก เพราะคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิจารณาว่าจะเกิดความเหลื่อมล้ำกับพื้นที่เกษตรบริเวณชานเมืองของ กทม.และขัดต่อกฎหมายภาษีที่ดิน

นายสุรเชษฐ์ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด กล่าวว่า ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ประกาศออกมาปี 2562 และมีผลบังคับใช้ปี 2563 มีขึ้นมาเพื่อทดแทนภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ซึ่งใช้กันมานาน หลายๆ อย่างไม่สอดคล้องกับตลาดปัจจุบัน โดยภาษีโรงเรือนและที่ดินยังเป็นการจัดเก็บภาษีที่ยังต้องใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องและจัดเก็บที่ร้อยละ 12.5 ของค่ารายปี ซึ่งการคำนวณค่ารายปีจะมีส่วนที่ต้องพึ่งพาการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่

นอกจากนี้ อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นการใช้ประโยชน์เชิงพาณชิยกรรมยังสามารถจัดทำบัญชีรายรับ รายจ่ายที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น ค่าเช่าส่วนที่เป็นรายรับอาจจะไม่รวมค่าเช่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าบริการ ค่าบริการสาธารณูปโภค เป็นต้น เพื่อให้การคำนวณภาษี ซึ่งอ้างอิงจากรายได้จะได้อัตราภาษีที่ต้องชำระลดลงได้

ในขณะที่ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะมีการกำหนดอัตราภาษีมาเป็นระบบ แยกตามแต่ละประเภทอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง และการใช้ประโยชน์บนที่ดิน ซึ่งอัตราภาษีอาจจะมากหน่อยสำหรับการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณชิยกรรม และอุตสาหกรรม รวมไปถึงที่ดินที่มีการปล่อยไว้โดยไม่มีการใช้ประโยชน์ใดๆ สำหรับบ้านที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยหลักและที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมถ้ามีมูลค่าต่ำกว่า 50 ล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษีที่ดิน แต่ถ้าเป็นหลังที่ 2 ขึ้นไปหรือมีมูลค่ามากกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไปต้องเสียตามเกณฑ์ที่กำหนด

โดยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะเป็นการจัดเก็บภาษีที่อ้างอิงจากมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ตามราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง ห้องชุด ให้เป็นไปตามราคาประเมินทุนทรัพย์ของอสังหาริมทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเมืองที่ราคาที่ดินแพงๆ ก็อาจจะเสียภาษีเพิ่มขึ้น

ยกเว้นอาคารที่มีอายุอาคารมากๆ อาจจะเสียภาษีลดลงเพราะค่าเสื่อมของอาคารมากและมีผลให้มูลค่าของสิ่งปลูกสร้างลดลง แต่ในช่วงแรกของการบังคับใช้ปี 2563-2565 มีการออกมาตรการมาเพื่อบรรเทาเรื่องของภาระภาษีที่ดินเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และให้มีช่วงปรับตัว จากนั้นในปี 2566 ยังมีมาตรการออกมาเพื่อบรรเทาเรื่องของภาระภาษีที่ดินต่อเนื่อง โดยปรับลดลงร้อยละ 15 ของทุกการใช้ประโยชน์บนที่ดิน

ผลกระทบต่อคนทั่วไป และผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของโครงการเพื่อการพาณิชยกรรมในช่วงแรกๆ อาจจะไม่มากนัก เพราะอยู่ในช่วงที่มีมาตรการบรรเทาจากรัฐบาล แต่มีเสียงเรียกร้องให้มีการทบทวน หรือปรับอัตราภาษีลดลงบ้าง รวมไปถึงมีเสียงจากฝั่งขององค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นที่เป็นผู้จัดเก็บภาษีที่ดิน และใช้ภาษีที่ดินโดยตรง โดยเฉพาะเสียงจากกรุงเทพมหานครที่ออกมาเรียกร้องให้ทบทวนอัตราภาษีที่ดินสำหรับที่ดินรกร้างว่างเปล่าในเมืองทำเลดีๆ ที่เปลี่ยนมาปลูกพืช หรือเลี้ยงสัตว์แทน เพราะเป็นการเจตนาเลี่ยงภาษีที่ดินแบบชัดเจนในสายตาของกรุงเทพมหานคร แต่ไม่มีช่องหรือแนวทางใดในการจัดการกับเรื่องนี้

ปัจจุบัน เสียงเรียกร้องจากทางกรุงเทพมหานครเปลี่ยนไปจากเดิม กรุงเทพมหานครมีการเรียกร้องออกมาว่าอยากให้มีการทบทวนเรื่องของการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ เพราะอัตราภาษีที่เก็บได้ของกรุงเทพมหานครลดลงเมื่อเก็บตามอัตราที่กำหนดในพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 ทางกรุงเทพมหานครอยากให้กลับไปใช้อัตราภาษีโรงเรือนและที่ดินแบบเดิมแทน เนื่องจากกรุงเทพมหานครมองว่าได้เงินจากภาษีมากกว่า หรือถ้ากลับไปใช้ภาษีแบบเดิมไม่ได้ก็อยากให้ปรับอัตราภาษีให้มากขึ้น เพื่อที่ทางกรุงเทพมหานครจะได้มีรายได้จากการจัดเก็บภาษีมากขึ้น

เรื่องการกลับไปใช้ภาษีโรงเรือนและที่ดิน หรือปรับอัตราภาษีที่ดินใหม่คงต้องรอให้มีรัฐบาลใหม่ เพราะเกี่ยวข้องกับการออกกฎหมายใหม่ ซึ่งระดับกรุงเทพมหานครไม่สามารถทำได้ทันที ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอาจจะไม่มากนัก เพราะต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้มีการใช้อัตราภาษีโรงเรีอนและที่ดินกันมาก่อนแล้ว เพิ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่นานมานี้เอง และเป็นการบังคับใช้ภายใต้มาตรการบรรเทาภาระภาษีอีก คนที่ต้องเสียภาษีจึงไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรมากนัก ทั้งในระดับเจ้าของกิจการ และเจ้าของที่ดินรกร้างว่างเปล่าต่างๆ

นอกจากนี้ อาจจะต้องรอให้ถึงรอบของการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 2567 ซึ่งอาจจะไม่มีมาตรการบรรเทาภาระภาษีที่ดินออกมาแบบช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งหลังจากนั้นค่อยพิจารณาและปรับวิธีการกันใหม่ก็ยังมีความเป็นไปได้ ทางเจ้าของที่ดิน หรือเจ้าของกิจการคงไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก

นอกจากรอรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น ซึ่งถ้าสุดท้ายแล้วอัตราภาษีที่พวกเขาต้องจ่ายมากขึ้น พวกเขาที่เป็นเจ้าของกิจการ เจ้าของอาคารต้องหาวิธีชดเชยรายจ่ายที่พวกเขาต้องจ่ายไปกลับคืนมาแน่นอน ดังนั้น ค่าช่าพื้นที่ โรงแรม หอพัก อพาร์ตเมนต์ สำนักงาน หรือราคาที่อยู่อาศัยต่างๆ อาจจะปรับเพิ่มขึ้นตามภาระทางภาษีที่ดินที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

ด้าน นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการบริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า การที่ ผู้ว่าฯ กทม.จะขอให้รัฐบาลใหม่ทบทวนภาษีที่ดินใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากจะกำหนดอัตราจัดเก็บใหม่โดยไม่เกินเพดานที่กฎหมายกำหนดไว้นั้นถือว่าดำเนินการได้ เพราะกฎหมายให้ท้องถิ่นกำหนดอัตราจัดเก็บได้อยู่แล้ว โดยอัตราเพดานที่ดินเกษตรกรรมไม่เกิน 0.15% บ้านพักอาศัยไม่เกิน 0.3% ที่ดินอื่นๆ และรกร้างว่างเปล่าไม่เกิน 1.2%

ปัญหาคือ การกลับมาใช้ภาษีโรงเรือนคงเป็นเรื่องยาก เพราะกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้ออกประกาศใช้แล้วเพียงแต่ว่าจะปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพได้มากขึ้นอย่างไร โดยนำเรื่องผังเมืองเข้ามาใช้ประกอบในการจัดเก็บภาษี จากก่อนหน้านี้ทางภาคเอกชนได้นำเสนอไปแต่รัฐบาลไม่ได้นำมาใช้ เชื่อว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เพราะในท้องถิ่นเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นการปล่อยรกร้างหรือว่าทำสวนทำไร่จริง แต่ถ้าหากสามารถทำได้จริงจะเกิดประโยชน์กับภาครัฐ ประชาชนส่วนรวม”

“ในความเป็นจริงแล้วการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างถูกต้องตามหลักสากล แต่การกำหนดเกณฑ์ในการจัดเก็บอาจจะต้องทบทวน หากมองแยกส่วนในแง่ที่ดินเปล่าน่าจะคำนึงถึงประโยน์การใช้สอยในพื้นที่นั้นๆ ถ้าอยู่ในผังเมืองสีแดงอาจจะต้องมีอัตราการจัดเก็บที่สูงขึ้นมาโดยต้องดูความเหมาะสม แต่ไม่เห็นด้วยกับการกลับไปใช้ภาษีโรงเรือนอีกครั้งเหมือนถอยหลังเข้าคลองเพราะต้องไปแก้กฎหมายใหม่หมด” นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารและรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก mgronline.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 8มิ.ย. ที่ระดับ 34.85 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทอาจยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านไปได้ไกลนัก เนื่องจาก โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทแผ่วลง อีกทั้งบรรดาผู้ส่งออกบางส่วนต่างรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่าในการทยอยขายเงินดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 8มิ.ย.2566ที่ระดับ  34.85 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.72 บาทต่อดอลลาร์

 นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทดสอบโซนแนวต้านแถว 34.80-34.90 บาทต่อดอลลาร์อีกครั้ง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว

แม้ว่าเงินบาทจะผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านบ้าง แต่เรายังคงมองว่า เงินบาทอาจยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านไปได้ไกลนัก เนื่องจาก โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทได้แผ่วลง อีกทั้งบรรดาผู้ส่งออกบางส่วนต่างก็รอจังหวะเงินบาทอ่อนค่าในการทยอยขายเงินดอลลาร์

 นอกจากนี้ ปัจจัยกดดันเงินบาทอ่อนค่าในช่วงที่ผ่านมา อย่าง แรงขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติก็ลดลงชัดเจนและเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์ไทยมากขึ้น 

อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 34.80-34.90 บาทต่อดอลลาร์ หลายครั้ง แม้ว่าจะยังไม่ผ่านไปได้สำเร็จ แต่เรามองว่า หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านดังกล่าว ก็อาจอ่อนค่าต่อไปยังโซน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก ทั้งนี้ โอกาสเกิดภาพดังกล่าว ยังมีไม่มากนัก และจำเป็นต้องอาศัยการไหลออกของฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติควบคู่ไปกับทั้ง การแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ และการย่อตัวลงชัดเจนของราคาทองคำ

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังเผชิญความไม่แน่นอนของการเมืองไทย รวมถึงทิศทางนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลัก ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.65-34.90 บาท/ดอลลาร์

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวผสมผสาน โดยดัชนี Dow Jones ปรับตัวขึ้น +0.27% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน (Chevron +2.6%, ExxonMobil +2.2%) ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น หลังยอดสต็อกน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าคาด อย่างไรก็ดี แรงขายหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นธีม AI ที่ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา (Amazon -4.3%, Alphabet -3.8%, Nvidia -3.1%) ได้กดดันให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลดลงกว่า -1.29% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.38%

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังถูกกดดันโดยมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เพิ่มโอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายนเป็น 34% (จากเดิม 22%) หลังธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และธนาคารกลางแคนาดา (BOC) เซอร์ไพรส์ตลาดด้วยการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย หลังจากที่หยุดขึ้นดอกเบี้ยในช่วงก่อนหน้า

ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อตัวลง -0.19% กดดันโดยความกังวลว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง เพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อสูง อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการรีบาวด์ขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน (Shell +0.9%, BP +0.5%) หลังราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และ 76.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามลำดับ

ทางด้านตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ปรับเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย หลัง RBA และ BOC เซอร์ไพรส์ตลาดด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 3.78%

 อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดต่างรอจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยเข้าซื้อ (Buy on Dip) ทำให้การปรับตัวขึ้นต่อของบอนด์ยีลด์อาจเป็นไปอย่างจำกัด โดยยังคงมีโซนแนวต้านแถว 3.80%-3.90% สำหรับบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนหนัก โดยในช่วงแรกเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ตามแรงขายทำกำไรและการปรับตัวขึ้นของสกุลเงินหลักอื่นๆ โดยเฉพาะเงินออสเตรเลียดอลลาร์ (AUD) หลัง RBA ขึ้นดอกเบี้ยสวนทางกับที่ตลาดคาด

ทั้งนี้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลังผู้เล่นในตลาดกังวลว่าเฟดก็อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องได้ ขณะเดียวกัน แรงขายหุ้นเทคฯ ในฝั่งสหรัฐฯ ก็หนุนให้ผู้เล่นบางส่วนอยากถือเงินดอลลาร์ในช่วงตลาดผันผวน ทำให้ล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 104 จุด อีกครั้ง

 ส่วนในฝั่งราคาทองคำ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินจะไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยง แต่การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 1,958 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่าผู้เล่นบางส่วนอาจรอทยอยซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนในการกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและการว่างงานต่อเนื่อง (Initial and Continuing Jobless Claims)

ส่วนในฝั่งเอเชีย ตลาดจะรอลุ้นว่า ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) จะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 6.50% ได้หรือไม่ หลังจากอัตราเงินเฟ้อได้ชะลอลงต่อเนื่อง อีกทั้งสกุลเงินรูปี (INR) ก็มีเสถียรภาพมากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


จบสนามแรก! “พรพรรณ” กระหึ่มคว้ามือเซตอันดับ 2 ศึกเนชั่นส์ ลีก 2023

กลายเป็นที่ยอมรับในระดับโลกกับผลงานของ “ชมพู่” พรพรรณ เกิดปราชญ์ นักวอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทย ในการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ ลีก 2023 ที่ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม

โดยหลังจบการแข่งขันในสัปดาห์แรก สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) ได้รวบรวมสรุปสถิติผลงานของบรรดานักกีฬาทุกชาติ ตลอดการแข่งขันทั้ง 4 เกมของทุกทีมออกมาเป็นที่เรียบร้อย

ซึ่งผลปรากฎว่าในตำแหน่งมือเซต (Best Setter) นักตบสาวไทยวัย 30 ปี สามารถคว้าอันดับ 2 ในสัปดาห์แรก ด้วยผลงานเซตบอลสำเร็จทั้งหมด 79 ครั้ง คิดเป็น 20.68 เปอร์เซ็นต์ จากทั้งหมด 382 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีค่าเฉลี่ยเซตประสบความสำเร็จต่อเกมสูงถึง 19.75 เปอร์เซ็นต์ ถือว่ามากที่สุดในบรรดามือเซตจากเอเชีย

ส่วนอันดับ 1 เป็นของ บรี คิง มือเซตทีมชาติแคนาดา ที่ทำได้สำเร็จ 84 ครั้ง และอันดับ 3 นานามิ เซกิ ของทีมชาติญี่ปุ่น ที่ทำสำเร็จ 60 ครั้ง

สำหรับผลงานของ ทีมนักตบลูกยางสาวไทย เก็บไปได้ถึง 7 คะแนน จากผลงานชนะ 2 นัด แพ้ 2 จบอันดับ 8 ในสัปดาห์แรก และยังอยู่ในเส้นทางลุ้นคว้าสิทธิ์ผ่านเข้ารอบสุดท้าย เนชั่นส์ลีก ได้เป็นสมัยที่สอง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“ยาฉีด” หายเร็วกว่า “ยากิน” จริงหรือ?

หลายคนที่ไม่สบาย แล้วอยากให้ไข้ลดลงเร็วๆ อาจมีการกราบกรานอ้อนวอน ขอให้หมอช่วยฉีดยาให้ ด้วยคิดว่ายาฉีดออกฤทธิ์แรงกว่า เร็วกว่า แล้วหลังจากนั้นก็จะขอยาฉีดอยู่เรื่อยๆ แม้ว่าราคาจะสูงกว่ายากินก็ตาม แต่ก็คิดเสียเองว่า เป็นไข้เมื่อไร ยาฉีดเท่านั้นถึงจะเอาอยู่ เรื่องนี้จริงหรือไม่ ยาฉีดกับยากินต่างกันอย่างไร ออกฤทธิ์ไม่เท่ากันจริงหรือไม่ และหากใช้ยาฉีดบ่อยๆ จะอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ มาหาคำตอบกันค่ะ

ยาฉีด VS ยากิน

จริงๆ แล้ว ยาฉีด กับยากิน หากมีระดับยาที่เท่ากัน จะออกฤทธิ์ได้เท่ากัน ต่างกันเพียงระยะเวลาในการออกฤทธิ์ ซึ่งโดยหลักการใช้ยาแล้ว แพทย์จะคำนึงถึงประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ ในการเลือกชนิดยาให้กับผู้ป่วย มากกว่ามุ่งเป้าไปที่การออกฤทธิ์เร็วแต่เพียงอย่างเดียว การใช้ยากิน จึงค่อนข้างปลอดภัยกว่า

อันตรายจากยาฉีด

แม้ยาฉีดจะออกฤทธิ์เร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงไม่น้อย เพราะเมื่อฉีดยาเข้าเส้นเลือด ยาจะเข้าสู่กระแสเลือดได้ทันที หากพบว่าผู้ป่วยแพ้ยา หรือได้รับยาผิด ก็จะมีอาการผิดปกติอย่างรวดเร็ว และรุนแรงกว่ายากินมากเช่นกัน

นอกจากนี้ ยาฉีดยังมีราคาสูงกว่ายากิน นอกจากจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในเรื่องของยาโดยใช่เหตุแล้ว เราควรเตือนตัวเองว่า ยาฉีดอันตรายมากกว่ายากิน

ผู้ป่วยขอยาฉีดกับหมอเองได้หรือไม่?

การขอยาฉีดนั้น ควรพิจารณาโดยแพทย์เท่านั้น เพื่อการใช้ยาอย่างปลอดภัย และคุ้มค่า

ดังนั้นครั้งหน้า อย่าคิดไปเองว่าต้องเป็นยาฉีดเท่านั้นถึงจะรักษาหาย ให้แพทย์เป็นผู้พิจารณายาที่เหมาะสมในการรักษาให้เราเองจะดีกว่าค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


8 วิธีบอกลาภาษาอังกฤษอย่างไรให้ไม่น่าเบื่อ

1. I’ve got to get going  (ไอฟฺ ก็อต ทู เก็ท โก อิ้ง)

คำนี้เป็นสำนวนหรือ expression มีความหมายเหมือนกับคำว่า I really need to leave หรือ ฉันต้องไปแล้ว เราลองมาดูตัวอย่างการใช้นะคะ เผื่อใครยังไม่เก็ท

ตัวอย่างสถานการณ์

เมื่อนายเอไปเยี่ยมบ้านนายบี แล้วนายบีชวนนายเอทานข้าวที่บ้านด้วยกัน แต่นายเอเนี่ยเกิดรู้สึกเกรงใจเพื่อนขึ้นมา นายเอก็เลยปฏิเสธแบบอ้อมๆได้ว่า

No thanks, I’ve got to get going.

(ไม่ล่ะ ขอบคุณนะ ฉันต้องกลับแล้วละ)

2. I’m off (ไอมฺ ออฟ)

คำนี้เป็นสำนวนอีกแล้วค่ะ แต่ไม่ได้แปลว่า ฉันปิด แต่อย่างใดนะคะ แต่หมายความว่า I’m leaving ใช้ในการบอกลา ตัวอย่างเช่น

A: It’s time to go home. I’m off.  (ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับบ้านแล้วละ บาย)

B: See you later! (ไว้เจอกันวันหลังนะ!)

แต่ถ้าอยากจะบอกว่าไปที่ไหนสามารถเติม to และตามด้วยสถานที่ได้เลยค่า เช่น

I’m off to Siam Paragon (ฉันจะไปสยามพารากอนแล้วนะ)

It’s getting late. I’m off to bed. (ดึกแล้ว ฉันไปนอนล่ะ)

3. I’m afraid I have to go now. (ไอมฺ อะเฟรย์ดฺ ไอ แฮฟ ถุ โก นาว)

ประโยคนี้เป็นการบอกลาที่สุภาพ อาจจะใช้กับเจ้านาย ญาติผู้ใหญ่ หรือคนที่ไม่สนิทกัน ซึ่งคำว่า afraid สามารถแปลได้ว่า “หวาดกลัว,เกรงว่า” แต่ในประโยคนี้ไม่ได้แปลว่า “กลัว” นะคะ แต่จะแปลว่า “ฉันเกรงว่าฉันจะต้องไปแล้ว” ตัวอย่างเช่น

I have an appointment at 10 o’clock. Now, it’s 9.30. I’m afraid I have to go now.
ผมมีนัดตอนสิบโมง ตอนนี้ก็เก้าโมงครี่งแล้ว ผมเกรงว่าผมจะต้องไปแล้วล่ะ 

4. I look forward to seeing you again (ไอ ลุค ฟอเวิร์ด ทู ซีอิง ยุว อเกน)

เรามาถึงครึ่งทางกันแล้วนะคะ คำว่า look forward เป็น Phrasal Verb นะคะ เราไม่สามารถแยกออกเป็นคำๆได้ เพราะฉะนั้นเราจะไม่แปลว่า มองตรงไป แต่จะแปลว่า “ตั้งตาคอย” และสำหรับประโยคนี้เราจะแปลได้ว่า “ฉันตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะเจอคุณ” คืออยากเจออีกครั้งมากๆนั่นเอง เช่น

A: Good bye.

B: I look forward to seeing you again.

และมีจุดสังเกตอีกที่หนึ่งนะคะ บางคนอาจจะคิดว่าหลัง to จะต้องตามด้วย v.infinitive เท่านั้น แต่ถ้าเป็นในประโยคนี้ to จะทำหน้าที่เป็น Preposition เพราะฉะนั้นกริยาที่ตามมาต้องเป็น verb+ing หรือ Gerund นั่นเองค่า

นอกจากการบอกลาแล้ว สำนวนนี้ยังใช้ในการลงท้ายจดหมายได้ด้วยค่ะ เช่น

I look forward to your reply.
(ฉันตั้งหน้าตั้งตารอการตอบกลับของคุณ)

5. Gotta roll (กั่ดดะ โร็ล)

คำนี้หมายความว่า ลาก่อน เช่นเดียวกับคำที่ผ่านๆมานะคะ แอบบอกไว้ก่อนนิดนึง คำนี้ถือเป็นคำแสลงในภาษาอังกฤษ ไม่ควรจะใช้ในสถานการณ์ที่เป็นทางการ เช่นการสัมภาษณ์งานหรือการประชุมนะคะ แต่เราสามารถใช้กับเพื่อนฝูงหรือคนสนิทได้ ไม่ผิดค่า เอาล่ะเรามาดูตัวอย่างการใช้กันดีกว่า

The movie will start in 10 minutes, we gotta roll!
หนังจะฉายในสิบนาที เราต้องไปแล้วล่ะ !

6. Catch you later (แค็ท ชุว เลเถ่อะ)

ถึงแม้คำว่า catch จะเป็นกริยาที่มีความหมายว่า “จับ” แต่ในประโยคนี้เราจะไม่แปลว่า จับเธอทีหลัง(ว๊ายย!!) แต่เราจะแปลเหมือนกับคำว่า see you later หรือ “เจอกันวันหลัง” นั่นเองค่า ตัวอย่างเช่น

I just called to say hi and I hope that we can talk tomorrow. Catch you later.
ผมแค่โทรมาทักทายและผมหวังว่าเราจะได้คุยกันพรุ่งนี้นะ แล้วเจอกันครับ

7. Smell you later (สเม็ล ยุว เลเถ่อะ)

สำนวนนี้ไม่ได้แปลว่า ดมคุณทีหลัง อย่าเข้าใจผิดกันล่ะ แต่เราจะแปลว่า “แล้วเจอกัน” ซึ่งสำนวนนี้พึ่งจะมีมาเมื่อในช่วงปี 1990’s เองค่ะ แค่ยี่สิบกว่าปีเอง เพราะฉันนั้นสำนวนนี้มักจะถูกใช้โดยเด็กๆหรือวัยรุ่นกันเสียมากกว่า ตัวอย่างเช่น

Sorry bro, I can’t be late to school. I’ll smell you later.
โทษทีนะน้องชาย ฉันไปโรงเรียนสายไม่ได้ แล้วเจอกัน

8. So long (โซ ลอง)

คำนี้สามารถแปลได้สองความหมาย ความหมายแรกก็คือ “ลาก่อน” ส่วนความหมายที่สองคือ “ระยะเวลาที่ยาวนาน” นั่นเอง ส่วนจะแปลว่าอย่างไร ต้องขึ้นอยู่กับบริบทหรือประโยคที่อยู่รอบข้างนะคะ เราลองมาดูสถานการณ์ต่อไปนี้ดีกว่าค่ะ

ความหมายที่หนึ่ง

A: So, you’re going to Italy. I’ll miss you so much.
เธอจะไปอิตาลีแล้ว ฉันคงคิดถึงเธอน่าดู

B: Yeah, I’ll miss you too.
ใช่ ฉันจะคิดถึงคุณเหมือนกัน

A: So long, have a safe trip.
ลาก่อน เดินทางปลอดภัยนะ

ความหมายที่สอง

Finally, you arrived. I was waiting for so long.
ในที่สุดเธอก็มาถึงสักที ฉันรอเธอจนรากงอกละ

เห็นไหมคะว่าการบอกลามีมากมายหลายวิธีเลยทีเดียว ซึ่งการเรียนรู้คำเหล่านี้ไม่ได้มีประโยชน์แค่ใช้ในการพูดเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีประโยชน์เวลาที่เราอ่านหนังสือหรือดูภาพยนตร์ที่เป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย หากคนที่ไม่เคยเรียนรู้คำเหล่านี้เจอครั้งแรกก็อาจจะไม่เข้าใจ เพราะคำเหล่านี้แปลตรงๆมันก็จะฟังดูแปลกๆ หน่อย แล้วเจอกันในบทความถัดไปนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


ประเทศต่าง ๆ มีนโยบายด้านเอไอต่างกันอย่างไร?

ของห้องปฏิบัติการ OpenAI ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนเกิดความท้าทายต่อการออกกฎหมายเพื่อกำกับดูแลการใช้งานเทคโนโลยีในหลายประเทศ

ออสเตรเลีย

รัฐบาลออสเตรเลียหารือกับหน่วยงานที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์รอยเตอร์รวบรวมนโยบายของประเทศและกลุ่มประเทศต่าง ๆ ต่อปัญญาประดิษฐ์ ( Artificial Intelligence หรือ เอไอ) หลังเอไอต่าง ๆ เช่น ChatGPT เพื่อพิจารณาออกกฎระเบียบในขั้นต่อไป ตามข้อมูลของโฆษกรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์ เมื่อเดือนเมษายน​

อังกฤษ

องค์กร Financial Conduct Authority ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่มีหน้าที่กำหนดแนวทางกฎระเบียบด้านเอไอ กำลังหารือกับสถาบัน Alan Turing Institute และสถาบันด้านกฎหมายและวิชาการอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจด้านเทคโนโลยี ตามข้อมูลที่โฆษกกล่าวกับรอยเตอร์

เมื่อเดือนมีนาคม ทางการอังกฤษวางแผนแบ่งความรับผิดชอบด้านการกำกับดูแลเอไอ ระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลด้านสิทธิมนุษยชน สุขภาพและความปลอดภัย และด้านการแข่งขัน แทนการจัดตั้งองค์กรใหม่ด้านเอไอโดยเฉพาะ

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม หน่วยงาน Competition and Markets Authority เผยว่า จะเริ่มตรวจสอบดูผลกระทบของเอไอต่อผู้บริโภค ภาคธุรกิจ เศรษฐกิจ และพิจารณาว่าจะต้องมีกฎระเบียบควบคุมใหม่หรือไม่

จีน

รัฐบาลจีนกำลังหาแนวทางเพื่อออกกฎกำกับดูแลเอไอภายในประเทศ ตามการเปิดเผยของมหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ หลังเขาหารือกับเจ้าหน้าที่ของจีนเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน

เมื่อเดือนเมษายน หน่วยงานกำกับดูแลด้านไซเบอร์สเปซของจีน เผยถึงร่างกฎระเบียบเพื่อจัดการเอไอ โดยกล่าวว่า ทางการจีนต้องการให้บริษัทต่าง ๆ ส่งผลการประเมินความปลอดภัยให้ตนก่อนที่จะเปิดให้บริการเอไอต่อสาธารณชน

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ องค์กรด้านเศรษฐกิจและข้อมูลสารสนเทศของจีนกล่าวว่า จีนจะสนับสนุนบริษัทชั้นนำให้สร้างต้นแบบเอไอเพื่อแข่งกับ ChatGPT


ฝรั่งเศส

เมื่อเดือนเมษายน หน่วยงาน NCIL ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าระวังด้านความเป็นส่วนตัว เผยว่า กำลังตรวจสอบคำร้องต่อ ChatGPT หลังอิตาลีสั่งห้ามใช้โปรแกรมดังกล่าวชั่วคราว หลังสงสัยว่า ChatGPT อาจละเมิดกฎความเป็นส่วนตัว

เมื่อเดือนมีนาคม สภานิติบัญญัติฝรั่งเศสอนุมัติให้มีการใช้กล้องวงจรปิดเอไอระหว่างการแข่งขันโอลิมปิกในปีหน้า ท่ามกลางความกังวลจากกลุ่มสิทธิพลเมือง

France Paris 2024 Olympics

ไอร์แลนด์

เมื่อเดือนเมษายน เฮเลน ดิกซัน คณะกรรมาธิการด้านคุ้มครองข้อมูลของไอร์แลนด์ กล่าวว่า เอไอจะต้องถูกกำกับดูแล แต่หน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องดำเนินการอย่างเหมาะสม และต้องไม่เร่งออกกฎสั่งห้ามที่อาจไม่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง

อิสราเอล

เมื่อเดือนมิถุนายน ซิฟ แคทเซอร์ ผู้อำนวยการด้านแผนเอไอของหน่วยงานด้านนวัตกรรมอิสราเอล กล่าวว่า อิสราเอลกำลังออกแบบกฎการควบคุมเอไอในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา เพื่อหาจุดสมดุลระหว่างการสนับสนุนนวัตกรรมและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและพลเมือง

เมื่อเดือนตุลาคม อิสราเอลเผยแพร่ร่างนโยบายเอไอความยาว 115 หน้า และกำลังรวบรวมความเห็นจากสาธารณะก่อนที่จะสรุปนโยบายฉบับนี้

อิตาลี


เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิตาลีเผยว่า หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของอิตาลีมีแผนทบทวนแพลตฟอร์มเอไอและจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอ

เมื่อเดือนมีนาคม หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลยังเคยสั่งห้ามใช้ ChatGPT ชั่วคราว ก่อนที่จะกลับมาอนุญาตให้ประชาชนใช้อีกครั้งในเดือนเมษายน

ญี่ปุ่น

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน กลุ่มเฝ้าระวังด้านความปลอดภัยของญี่ปุ่นกล่าวว่า ได้เตือนไม่ให้ OpenAI เก็บข้อมูลอ่อนไหวโดยไม่ได้รับอนุญาต และให้ลดจำนวนข้อมูลอ่อนไหวที่ถูกเก็บรวบรวม โดยทางกลุ่มอาจดำเนินการต่อไปหากมีความกังวลเพิ่มเติม


สเปน

เมื่อเดือนมิถุนายน องค์กรคุ้มครองข้อมูลของสเปนกล่าวว่า กำลังสืบสวนเบื้องต้นว่า ChatGPT ได้ละเมิดข้อมูลหรือไม่ และได้ขอให้หน่วยงานเฝ้าระวังด้านความเป็นส่วนตัวของอียู ให้ประเมินข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวต่อ ChatGPT

FILE PHOTO: Illustration picture of ChatGPT


สหรัฐฯ

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ลินา ข่าน ประธานคณะกรรมการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ กล่าวว่า ทางหน่วยงานใช้กฎหมายที่มีอยู่เพื่อตรวจสอบการใช้งานเอไอที่อาจเป็นอันตราย

เมื่อเดือนเมษายน วุฒิสมาชิกไมเคิล เบนเน็ต เสนอร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจด้านนโยบายเอไอ และเพื่อกำหนดวิธีลดภัยคุกคามจากเอไอต่อความเป็นส่วนตัว เสรีภาพพลเมือง และกระบวนการทางกฎหมาย

ในเดือนเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ เผยว่า กำลังรับฟังความเห็นจากสาธารณะต่อมาตรการเพื่อกำหนดความรับผิดชอบของระบบเอไอ

กลุ่มจี 7

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ประชุมสุดยอดจี 7 ที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น รับทราบถึงความจำเป็นในการควบคุมเอไอและเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง พร้อมตกลงให้รัฐมนตรีหารือถึงประเด็นเอไอ และรายงานผลการหารือภายในสิ้นปีนี้

เมื่อเดือนเมษายน รัฐมนตรีดิจิทัลของประเทศกลุ่มจี 7 เผยหลังการประชุมที่ญี่ปุ่นว่า ชาติสมาชิกจี 7 ควรมีแผนกำกับดูแลเอไอที่มีพื้นฐานจากการประเมินความเสี่ยง

สหภาพยุโรป

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม มาร์เกร็ธ เวสทาเกอร์ รองประธานบริหารของคณะกรรมาธิการยุโรปด้านดิจิทัล ระบุว่า สหรัฐฯ และอียูควรผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมเอไอนำจรรยาบรรณมาปรับใช้ภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยเธอเชื่อว่า ร่างจรรยาบรรณจะมีขึ้นได้ภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ และร่างฉบับสุดท้ายเพื่อรอให้บริษัทต่าง ๆ มาลงนาม ควรมีขึ้น “ภายในเร็ววัน”

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม สมาชิกสภาอียูยอมรับหลักการของร่างกฎระเบียบเพื่อควบคุมเอไอ และเสนอกฎห้ามใช้เอไอตรวจจับใบหน้า โดยสภายุโรปมีกำหนดลงคะแนนร่างกฎหมายด้านเอไอในเดือนมิถุนายนนี้

นอกจากนี้ องค์กรผู้บริโภคของยุโรปยังแสดงความกังวลถึง ChatGPT และโปรแกรมแชตบอทเอไออื่น ๆ โดยเรียกร้องให้หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคของอียูให้ตรวจสอบเทคโนโลยีและความเสี่ยงที่เอไออาจมีต่อประชาชน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


สมุนไพรบำรุงเลือด บรรเทาโรค “โลหิตจาง”

โรคโลหิตจาง (anemia) เป็นโรคที่พบได้บ่อยมากในเพศหญิง และมีโอกาสในการเกิดอาการต่างๆ เช่น ความเหนื่อยล้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการปวดหัว ผิวหนังซีด และสูญเสียความทรงจำ ผู้คนจึงควรตระหนักถึงโรคโลหิตจางและอาการของมันอย่างจริงจัง และเพื่อรับมือกับอาการของโรคโลหิตจาง

โรคโลหิตจาง คืออะไร?

โรคโลหิตจาง เป็นอาการที่เลือดไม่สามารถผลิตฮีโมโกลบินหรือเซลล์เม็ดเลือดแดงได้อย่างเพียงพอ ฮีโมโกลบินเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์เม็ดเลือดแดง ที่มีหน้าที่ในการขนส่งออกซิเจน ดังนั้น หากคุณมีภาวะโลหิตจาง เซลล์และอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของเราจะไม่สามารถรับออกซิเจนได้เพียงพอ จะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย ผิวหนังซีด และหายใจไม่ออก

ประเภทของโรคโลหิตจาง

โรคโลหิตจางมีหลากหลายประเภท ได้แก่

  • โรคทางกรรมพันธุ์ เช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย (thalassemia) โรคโลหิตจางเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (sickle cell) โรคโลหิตจางชนิดร้ายแรง (pernicious anemia)
  • การดูดซึมผิดปกติ เช่น โรคโลหิตจางจากการขาดกรดโฟลิก (megaloblastic anemia) การขาดสารอาหาร เช่น ภาวะขาดวิตามิน ภาวะขาดธาตุเหล็ก

สมุนไพรสำหรับโรคโลหิตจาง

  1. ผักกาดส้มเพราะความสามารถอันยอดเยี่ยมในการเพิ่มระดับฮีโมโกลบินได้อย่างรวดเร็ว ผักกาดส้ม (Yellow Dock) จึงเป็นสมุนไพรที่ได้รับการแนะนำอย่างมากในการรักษาโรคโลหิตจาง ผักกาดส้มช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกักเก็บธาตุเหล็กของตับ จึงกลายเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคโลหิตจาง โดยทั่วไป สมุนไพรชนิดนี้จะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ จึงเป็นสมุนไพรที่ปลอดภัยมากๆ นอกจากนี้ ผักกาดส้มยังอุดมไปด้วยธาตุเหล็กจำนวนมาก คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของมันได้โดยการผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ อย่างเช่น ดอกโคลเวอร์แดง หรือดอกโบตั๋น
  2. ถั่วอัลฟัลฟาถั่วอัลฟัลฟา (Alfalfa) สามารถเพิ่มปริมาณเลือดของคุณ เพราะมีจำนวนของโฟโตเคมีคัล (photo-chemical) อยู่จำนวนมาก ถั่วอัลฟัลฟายังอุดมไปด้วยธาตุเหล็กจำนวนมาก ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ป่วยโลหิตจาง ผู้คนมักจะใช้ถั่วชนิดนี้ลงไปในแซนด์วิช สลัด หรือแม้กระทั่งใช้ทำอาหาร
  3. มะขามป้อมมะขามป้อมเป็นแหล่งรวมวิตามิน ซี จำนวนมาก และเป็นที่ทราบกันดีว่า วิตามิน ซี มีบทบาทสำคัญมากต่อการดูดซึมธาตุเหล็กในเลือด คุณสามารถเพิ่มรสชาติของน้ำมะขามป้อมได้ด้วยการใส่น้ำผึ้งลงไป
  4. แดนดิไลออน และรากโกโบผู้ที่ป่วยเป็นโรคโลหิตจางจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลหากนำแดนดิไลออน (Dandelion) และรากโกโบ (Burdock root) มาใช้ร่วมกัน ความสามารถที่ได้จากการผสมผสาน 2 สิ่งนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร และเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดในการบรรเทาโรคโลหิตจาง โดยเฉพาะกับโรคโลหิตจางที่ขาดแคลนธาตุ B12 โรคโลหิตจางเนื่องจากขาดธาตุเหล็ก

โรคโลหิตจางโดยทั่วไปมีสาเหตุเกิดจากการขาดแคลนธาตุเหล็ก ธาตุเหล็กมีบทบาทสำคัญในการผลิตฮีโมโกลบิน ซึ่งสามารถพบได้ในเนื้อสัตว์ ตับ ผักใบเขียวเข้ม นอกเหนือจากการเพิ่มธาตุเหล็กลงไปในอาหาร คุณยังสามารถใช้สมุนไพรที่เป็นตัวสนับสนุนสำคัญในการจัดการกับโรคโลหิตจางเนื่องจากขาดธาตุเหล็ก พืชตระกูลส้มที่อุดมไปด้วย วิตามิน ซี ซึ่งจะช่วยในการพัฒนาการดูดซึมธาตุเหล็กได้มากขึ้น ในบรรดาพืชตระกูลส้ม น้ำมะนาวจัดว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุดในเรื่องนี้ ต้นเนตเทิล (nettle) นอกเหนือจะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ยังอุดมไปด้วยวิตามิน เอ บี และเค วิตามินเหล่านี้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาระบบดูดซับธาตุเหล็กของร่างกายให้ดีขึ้น เนื่องด้วยรสชาติที่ดี บวกกับการอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก จึงทำให้อะโวคาโดกลายมาเป็นตัวเลือกที่ดีในการรักษาโรคโลหิตจาง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 8/06/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a32,050.0032,150.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,076.0031,472.1632,650.00
ทองรูปพรรณ 90%1,868.4028,324.94n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,660.8025,177.73n/a
ทองรูปพรรณ 50%934.0014,159.44n/a
ทองรูปพรรณ 40%727.0011,021.32n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,151.0032,609.16n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 8/06/2566


ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.2535.2535.7435.2535.2535.2535.2535.2535.2535.25
แก๊สโซฮอล์ 9134.9834.9835.4434.9834.9834.9834.9834.9834.9834.98
แก๊สโซฮอล์ E2032.9432.9433.3432.9432.9432.9432.9432.9432.94
แก๊สโซฮอล์ E8533.3933.3933.39
เบนซิน 9543.0443.6143.5443.1943.04
ดีเซล B731.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.4431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.0641.1642.9442.3642.3641.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า