สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 03 กรกฎาคม 2563

เวนคืน 3,000หลัง ลากไฮสปีด ‘อู่ตะเภา-แกลง’

“รฟท.” เคาะ ช่วงแรกไฮสปีดอีอีซีเฟส 2 “อู่ตะเภา-แกลง” 100 กม. เวนคืนกระอัก 2-3 พันหลังคาเรือน 4 หมื่นล้าน ส่วน สถานีจันทบุรี-ตราด รอระยะถัดไป

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีแผนส่งมอบพื้นที่ ก่อสร้าง รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อูตะเภา ) ระยะแรก 220 กิโลเมตร ช่วง สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ให้กับกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือกลุ่มซีพี และพันธมิตร ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ล่าสุดรฟท. เดินหน้าประชุมประเมินความสนใจเบื้องต้นของภาคเอกชน (มาร์เก็ต ซาวดิ้ง) ไฮสปีด เชื่อม 3 สนามบิน ระยะที่ 2 ส่วนต่อขยายจังหวัดระยอง-จันทบุรี-ตราด ต่อเนื่องทันที

ขณะผลการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้น สรุปชัดเจนว่า หากมีการดำเนินโครงการพร้อมกันทั้งเส้นทาง จากจังหวัดระยอง-จันทบุรี-ตราด ระยะทาง 190 กิโลเมตร ไม่มีความคุ้มค่าในการลงทุน เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ 5.3% ซึ่งต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่รับกำหนด 12% มาก ดังนั้น มีความเป็นไปได้ที่ รฟท. อาจก่อสร้างช่วงแรกก่อน คือต่อขยายจากสถานีอู่ตะเภา ไปยังสถานีระยองและสถานีแกลง รวมระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร วงเงินลงทุนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ 9% ซึ่งคุ้มค่ากว่าการสร้างตลอดทั้งเส้นทาง ส่วนช่วงจากสถานี อ.แกลง ไปยังสถานีจันทบุรีและสถานีตราด อาจจะพิจารณาในระยะเวลาที่เหมาะสมต่อไป เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลมีงบประมาณจำกัด

อย่างไรก็ตาม หากดำเนินการช่วงอู่ตะเภา-อำเภอแกลง จังหวัดระยอง คาดว่าจะต้องเวนคืนที่ดินประมาณ 2-3 พันหลังคาเรือน งบประมาณจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ราว 4 หมื่นล้านบาท อายุสัมปทานตามกฎหมายพีพีพี ระบุให้ไม่เกิน 50 ปี ส่วนการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีนั้น เอกชนจะต้องลงทุนจัดหาพื้นที่เอง เนื่องจาก รฟท.ไม่มีพื้นที่รอบสถานีเพียงพอที่จะให้พัฒนาเชิงพาณิชย์

นายสุชีพ สุขสว่าง วิศวกรใหญ่ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง รฟท. ระบุว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระยะที่ 2 ส่วนต่อขยายจังหวัดระยอง-จันทบุรี-ตราด มีเป้าหมายรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และการจัดตั้งระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยว เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่งเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้านการเดินทางการขนส่งสินค้าในนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก

“เราจะไม่เปลี่ยนแนวเส้นทาง เพราะเป็นแนวเส้นทางที่เหมาะสมทั้งด้านเงินทุนและผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับแนวเส้นทางอื่นๆ ที่เคยศึกษาในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันมีอีก 2 โครงการที่อยู่บริเวณพื้นที่เดียวกันทั้งเส้นทางช่วงมาบตาพุด-บ้านฉาง ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีโครงการรถไฟทางคู่ส่วนต่อขยาย ช่วงมาบตาพุด-บ้านฉาง และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

หากมีความเป็นไปได้อยากให้อยู่ในบริเวณแนวเส้นทางเดียวกัน จะได้เวนคืนพร้อมกันทีเดียว ทั้งนี้คาดว่าจะทยอยดำเนินการแบ่งออกเป็นแต่ละเฟสตามความเหมาะสม กรณีที่รฟท.ศึกษาแล้วเสร็จ จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพื่อให้ทันไฮสปีดอีอีซีเฟสแรก ที่จะเริ่มก่อสร้างอีก 2 ปี ข้างหน้า หากดำเนินการได้สำเร็จจะทำให้ประชาชนที่ต้องการเดินทางจากกรุงเทพฯ-ระยอง ใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น”

สำหรับส่วนต่อขยายจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด มีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อจากไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน ระยะที่ 1 ฝั่งตะวันออกของสนามบินอู่ตะเภาผ่านสถานีรถไฟบ้านฉาง เข้าสู่สถานีระยอง ตั้งอยู่บนถนนทางหลวงหมายเลข 3574 (ระยอง-บ้านค่าย) ห่างจากสี่แยกเกาะกลอยประมาณ 3 กิโลเมตร จากนั้นแนวเส้นทางจะมุ่งหน้าสู่อำเภอแกลงเข้าสู่สถานีแกลง ซึ่งตั้งอยู่บนถนนทางหลวงหมายเลข 344 (ชลบุรี-แกลง) ห่างจากสามแยกแกลงประมาณ 2 กิโลเมตร วิ่งตามแนวเส้นทางรถไฟทางคู่บางช่วง ผ่านอำเภอนายายอาม อำเภอท่าใหม่ เข้าสู่สถานีจันทบุรี ซึ่งตั้งอยู่บริเวณแยกเขาไร่ยา อำเภอเมืองจันทบุรี อำเภอมะขาม อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เข้าอำเภอเขาสมิง และมาสิ้นสุดโครงการบริเวณสถานีตราด ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคบนทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) ห่างจากสามแยกตราดประมาณ 2 กิโลเมตร รวมเส้นทางประมาณ 190 กิโลเมตร

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


บิ๊กทุนไทย-เทศ-ธนารักษ์ แห่เปิดเมืองสุขภาพ รับสูงวัย

ทุนไทย-เทศ-รัฐ ปักหมุดพัฒนาเมืองสุขภาพรับคนสูงวัย  หมอบุญเปิดพื้นที่ โซนรังสิต-หัวเมืองท่องเที่ยวลุยต่อ-ทุนยักษ์ฮองกงคิงไว กรุ๊ป สร้างอาณาจักร บนที่ดิน 2,000 ไร่อีอีซี แปดริ้ว กรมธนารักษ์ เปิดกรุที่ราชพัสดุ ปั้นเมือง ทำเลบางพลี  เอ็น.ซี. งัดแลนด์แบงก์ลำลูกกาคลอง 6 บูมทำเลทอง 

หลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทย ถูกหมายตาเป็นประเทศปลอดภัยห่างไกลโรคระบาด ส่งให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ มองเห็นขุมทองปักหมุดสร้างอาณาจักรรองรับคนสูงวัยและการดูแลสุขภาพแบบครบวงจรประกอบกับ ทั่วโลกส่งสัญญาณรวมถึงไทยเองที่ว่าคนในวัยชราเริ่มมากขึ้นและต้องหาพื้นที่ ศักยภาพรองรับไม่เว้นแม้แต่หน่วยงานภาครัฐต่างตื่นตัวรับมือ  น.พ.บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ความรุนแรงของโรคระบาดไวรัสโควิด-19  ส่งผลทำให้คนตื่นตัว  หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางอย่างผู้สูงอายุ ที่ต้องใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ  ทั้งการรักษาพยาบาลและการจัดสถานที่เฉพาะป้องกันการคุกคามโรค ซึ่งธนบุรี เฮลท์แคร์ ได้พัฒนาโครงการ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้  รังสิต จังหวัดปทุมธานี  บนเนื้อที่ 140 ไร่  เมืองแนวคิดใหม่เพื่อวัยเกษียณครบวงจรเป็นรายแรก ล่าสุดได้เพิ่มพื้นที่รักษาพยาบาลดูแลผู้สูงอายุอย่างเข้มงวดในสถานการณ์โควิด นอกจากนี้ยังมองเมืองพักตากอากาศชายทะเลดัดแปลงโรงแรมต่างๆ พัฒนาเป็นที่สถานที่รองรับคนสูงอายุต่างชาติ “มองว่า ต่างชาติจะเข้ามาในไทยเพื่อรับการักษาพยาบาลอีกมาก”

สอดคล้องกับ คิง ไวกรุ๊ป (ประเทศไทย) ทุนยักษ์ใหญ่จาก จีน-ฮ่องกง ที่มีแผนปักหมุดเมืองผู้สูงอายุ บริเวณตำบลคลองหลวงแพ่งจังหวัดฉะเชิงเทราเนื้อที่ 2,000 ไร่  ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี ทำเลมีศักยภาพสูง ใกล้กรุงเทพ มหานคร สนามบินสุวรรณภูมิและห้างจากสถานนีรถไฟความเร็วสูงฉะเชิงเทรา 21 กิโลเมตร 

สำหรับความคืบหน้าล่าสุดอยู่ระหว่างออกแบบรายละเอียดให้เป็นเมืองสำหรับผู้สูงวัย สถานพยาบาลครบวงจรมีแหล่งงาน พื้นที่เชิงพาณิชย์ ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มคนสูงวัยที่ เป็นคนจีน-ฮ่องกง กลุ่มต่างชาติ อื่นๆ และคนไทย

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังรอความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานรัฐในพื้นที่อีอีซี มีความก้าวหน้ามากขึ้นโดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินและเมืองการบิน  ซึ่งที่ผ่านมานายแอนโทนิโอ ฮาง ตัท ชาน รองประธานกรรมการ บริษัท คิงไวกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ว่า คิงไว กรุ๊ป มีแผนจะพัฒนาสองจังหวัดในไทย โดยมีต้นแบบจากโครงการในเซี่ยงไฮ้โครงการแรก “AEC” หรือพื้นที่ชุมชนใหม่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรามีพื้นที่ขนาด 1,997 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัย ศูนย์ดูแลสุขภาพ ศูนย์รองรับผู้สูงอายุ พื้นที่สันทนาการและการท่องเที่ยว รวมทั้งศูนย์กระจายสินค้า มีแนวคิดหลักเป็นสมาร์ทซิตี้ที่ทันสมัยสอดรับกับนโยบายของจังหวัดฉะเชิงเทรา 

นอกจากนักลงทุนต่างชาติที่ให้ความสนใจพัฒนารูปแบบเมืองสำหรับผู้สูงอายุในไทยแล้ว พื้นที่ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ กรมธนารักษ์ ประกาศนำที่ดินที่ราชพัสดุจำนวน 71 ไร่ ติดกับถนนบางนา-ตราด พัฒนาเป็นเมืองรองรับกลุ่มผู้สูงอายุเช่นเดียวกันโดยร่วมกับโรงพยาบาลรามาฯ คาดว่าสามารถดำเนินการได้ภายในปีนี้  

ส่งผลให้ถนนบางนา-ตราด ร้อนระอุ ไปด้วยโครงการขนาดใหญ่ รายล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ เชื่อมโยงอีอีซี เช่นเดียวกับการเคหะแห่งชาติ มีแผนพัฒนาเมืองผู้สูงอายุย่านลำลูกกาและเมืองอีอีซีจังหวัดชลบุรีทำเลติดชายทะเล

นอกจากนี้ แล้วจังหวัดภูเก็ตโดยหน่วยงานรัฐ ยังมีเป้าหมาย นำที่ดิน 2,500 ไร่ เปิดเมืองสุขภาพสถานพยาบาล ที่อยู่อาศัยผู้สูงวัย 

ขณะบมจ. เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง หรือ NCH มีแผนนำที่ดินลำลูกกาคลอง 6 บริเวณสนามกอล์ฟ ธัญญะกว่า 400 ไร่ พัฒนาที่อยู่อาศัยรองรับกลุ่มสูงอายุ เช่นเดียวกัน เนื่องจากคนกลุ่มนี้นับวันจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น หากอยู่ใกล้สถานพยาบาลที่ดี ใกล้ชิดธรรมชาติ ก็จะมีชีวิตยืนยาวขึ้น 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ธอส.จัดให้ลูกค้าผ่อนดีแจกคืนพันบาท

ธอส.จัดให้ลูกค้าผ่อนดีแจกคืนพันบาท

ลูกค้าสินเชื่อบ้าน ธอส. ผ่อนดี รับเงินคืนสูงสุด 1,000 บาท

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้าสินเชื่อของ ธอส.ที่มีวินัยในการผ่อนชำระเงินกู้ด้วย Application : GHB ALL ซึ่งเป็น Application ที่รวบรวมหลากหลายบริการสำคัญของ ธอส. ไว้ในมือลูกค้า ใช้งานสะดวก รวดเร็ว เหมาะกับวิถีชีวิตใหม่ New Normal นายปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการธนาคาร จึงได้มีนโยบายให้ ธอส. จัดทำ “โครงการลูกค้าบ้าน ธอส. ผ่อนดี” โดย ธอส. จะมอบเงิน Cashback ให้กับลูกค้าที่มีคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด

ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มที่ 1 ได้รับเงินจำนวน 1,000 บาท โดยต้องมีคุณสมบัติดังนี้ 1. วงเงินกู้ทุกบัญชีภายใต้หลักประกันเดียวกันไม่เกิน 1 ล้านบาท 2. มีสถานะบัญชีปกติ (ไม่เคยปรับโครงสร้างหนี้) 3. มีประวัติการผ่อนชำระหนี้ดีย้อนหลังรวม 48 เดือน (จนถึงพฤศจิกายน 2563) โดยชำระตรงเวลาและไม่น้อยกว่าเงินงวดที่ธนาคารกำหนดทุกเดือนรวมถึงเดือนธันวาคม 2563 และ 4. ต้องมีแอป GHB ALL และผูกกับบัญชีออมทรัพย์เพื่อเป็นบัญชีคู่โอน

กลุ่มที่ 2 ได้รับเงินจำนวน 500 บาท จำกัดจำนวน 1 แสนรายแรก โดยต้องมีคุณสมบัติดังนี้ 1. ต้องไม่ใช่ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในกลุ่มที่ 1 (ได้รับเงิน 1,000 บาท) 2. มีสถานะบัญชีปกติ (ไม่เคยปรับโครงสร้างหนี้) และ 3. ต้องไม่เคยสมัครแอป GHB ALL และต้องสมัครแอป GHB ALL พร้อมผูกกับบัญชีออมทรัพย์ภายในเดือนสิงหาคม – กันยายน 2563 เพื่อเป็นบัญชีคู่โอน

โดยลูกค้าทั้ง 2 กลุ่ม จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด กรณีลูกค้ารายย่อย ต้องชำระเงินกู้ด้วยแอป GHB ALL เป็นระยะเวลา 4 เดือนติดต่อกัน ระหว่างเดือนกันยายน – ธันวาคม 2563

ทั้งนี้ ลูกค้าที่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดได้อย่างครบถ้วนแล้ว ธอส. จะโอนเงินผ่านบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธอส. ที่ลูกค้าผูกบัญชีไว้กับแอป GHB ALL ภายใน 7 วัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำเงินไปใช้จ่ายในด้านที่จำเป็น และสนับสนุนให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2563 หรือต้นปี 2564 ได้ต่อไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร. 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


เสียงสะท้อนแฟนลูกยางเกาหลีใต้หลัง “โก ยูมิน” ตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง

ส่องเสียงสะท้อนของแฟนลูกยางเกาหลีใต้ภายหลังจากที่ “โก ยูมิน” สตาร์คนดังเลือกที่จะปลิดชีพตัวเอง เนื่องจากทนกระแสความกดดันจากโลกโซเชียลและในทีมชาติไม่ไหว

วันที่ 3 ส.ค. 63 สืบเนื่องจาก โก ยูมิน หนึ่งในสตาร์คนดังของ “ตบลูกยางสาวโสมขาว” วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติเกาหลีใต้ วัย 25 ปี อดีตผู้เล่นของทีม “อุลซาน ฮิลล์สเตท” ทีมดังในลีกเกาหลีใต้ ได้ตัดสินใจปลิดชีพที่บ้านพักของตัวเองเธอ หลังจากที่ทนกระแสกดดันจากโลกโซเชียลไม่ไหว

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นในเรื่องของการที่เธอถูกโค้ชตำหนิอย่างหนักถึงฟอร์มการเล่นที่ตกลงไปอย่างน่าใจหาย ตลอดจนการถูดค้นพบไดอารี่ที่เธอบอกเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้เธอเลือกจะปลิดชีพของตัวเองในที่สุด และนี่คือส่วนหนึ่งคอมเมนต์ที่เป็นเสียงสะท้อนจากแฟนๆ ลูกยางของเกาหลีใต้

ความคิดเห็นแฟนลูกยางเกาหลีใต้

– การแข่งขันในตำแหน่งลิเบอโร่มันกดดันอย่างมาก เธอได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดแล้วและเล่นไม่ได้เลวเลย

– มันเป็นเรื่องที่เศร้ามากกับเหตุการณ์นี้ ฉันเคยโดนเหตุการณ์ในลักษณะคล้ายๆ กับเธอ แต่ฉันก็รอดมาได้

– มันคือข่าวร้ายที่สุดของวงการวอลเลย์บอลเกาหลีใต้

– มันคือปัญหาที่เธอสะสมมาอย่างยาวนาน

– ประเทศของเรามันมีข่าวคนดังในรูปแบบนี้บ่อยครั้ง และมันก็เกิดขึ้นกับวงการกีฬาแล้ว

– มันน่าตกใจจริงๆ สำหรับขวัญใจของฉัน

– เมื่อไม่นานมานี้ ชเว ซุก ฮยอน ก็เพิ่งจากไปแล้วนี่ โก ยูมิน ก็จากไปอีกคนในวงการกีฬา

– คืนก่อนที่เขาจะจากไปฉันยังดูคลิปของเธออยู่เลย

– เคยคิดแต่ว่าจะเกิดแต่ในวงการบันเทิง ตอนนี้มันมาถึงวงการกีฬาแล้ว

– มันเป็นข่าวที่เศร้ามากๆ ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอ

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


รู้จักกับโรคธาลัสซีเมีย มรดกที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูก

รู้จักกับโรคธาลัสซีเมีย มรดกที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูก

คนไทย 24 ล้านคน ไม่รู้ตัวว่าเป็นพาหะโรคธาลัสซีเมีย ตัดวงจร “ธาลัสซีเมีย” วางแผนครอบครัวก่อนแต่งงานมีบุตร ลดการเกิดผู้ป่วยรายใหม่ได้ผล

หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ “โรคธาลัสซีเมีย” แต่น้อยคนที่จะเข้าใจว่าโรคนี้เกิดจากอะไร ธาลัสซีเมีย เป็นโรคโลหิตจางที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ทำให้การสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงผิดปกติ ผู้ที่เป็นโรคนี้ จะมีอาการ ซีด เหลือง ในรายที่เป็นชนิดรุนแรงจะมีการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า การเจริญเติบโตช้าและมีตับโต ม้ามโตร่วมด้วย

บทความฉบับนี้ ทีมเภสัชกร บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์คุณภาพชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับโรคธาลัสซีเมีย รวมทั้งวิธีปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรคธาลัสซีเมีย (อ้างอิงจากบทความ โรคธาลัสซีเมีย คืออะไร รศ.นพ.กิตติ ต่อจรัส สมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย)

มรดกที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่มาสู่ลูก

ผู้ป่วยที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย จะต้องได้รับ ยีนธาลัสซีเมียจากทั้งพ่อและแม่ ซึ่งทั้งคู่เป็นพาหะของโรคธาลัสซีเมีย และถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาสู่ลูก สิ่งสำคัญที่ช่วยลดอัตราการเกิดผู้ป่วยรายใหม่คือ การวางแผนครอบครัว ด้วยการตรวจเลือดก่อนที่จะแต่งงานหรือวางแผนมีบุตร ทำให้แพทย์ทราบว่าคู่สมรสนั้น มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคธาลัสซีเมียหรือไม่ และมีทางเลือกอย่างไรบ้าง ในบางกรณีแพทย์จะแนะนำให้คู่สมรสตรวจเลือดอย่างละเอียดเพิ่มเติมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตรวจดีเอ็นเอ (DNA) สามารถบอกได้ชัดว่า เป็นธาลัสซีเมียชนิดใด มีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด บางครั้งสามารถทำนายความรุนแรงของโรคธาลัสซีเมียที่อาจเกิดจขึ้นได้อีกด้วย

โรคธาลัสซีเมียตามความรุนแรงของโรคได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1. กลุ่มอาการรุนแรงมาก ได้แก่ ฮีโมโกลบินบาร์ทโฮดรอพส์ ฟิทัลลิสเป็นชนิดที่รุนแรงที่สุด ส่วนใหญ่เสียชีวิตในครรภ์มารดาหรือภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังคลอด พบว่าทารกมีลักษณะบวมน้ำทั้งตัว คลอดลำบาก ซีด ตับม้ามโต มีรกขนาดใหญ่

2. กลุ่มอาการรุนแรงปานกลาง ได้แก่ โฮโมซัยกัส เบต้า-ธาลัสซีเมียและ เบต้า-ธาลัสซีเมีย/ฮีโมโกลบินอี แรกเกิดปกติ จะเริ่มมีอาการตั้งแต่ภายในขวบปีแรกหรือหลังจากนั้นอาการสำคัญ คือ ซีด อ่อนเพลีย ตาเหลือง ท้องป่อง ตับม้ามโต กระดูกใบหน้าเปลี่ยน โหนกแก้มสูง ดั้งจมูกแบน ฟันยื่น ตัวเตี้ยแคระแกรน ผิวคล้ำ เจริญเติบโตไม่สมอายุ

3. กลุ่มอาการรุนแรงน้อย ได้แก่ ฮีโมโกลบินเอ็ชผู้ป่วยจะมีอาการน้อย เช่น ซีด และเหลืองเล็กน้อย หากมีไข้หรือติดเชื้อผู้ป่วยจะซีดลง

คนไทย 24 ล้านคน ไม่รู้ตัวว่าเป็นพาหะ

ผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมียมีประมาณ 600,000 คน หรือร้อยละ 1 ของประชากรไทย แต่มีข้อมูลที่น่าสนใจพบว่า มีผู้เป็นพาหะของโรคธาลัสซีเมียประมาณ 24 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นพาหะ ซึ่งผู้เป็นพาหะธาลัสซีเมีย คือ ผู้ที่มียีนของโรคธาลัสซีเมียเพียงยีนเดียว บางครั้งเรียกว่า “ธาลัสซีเมียแฝง” ผู้เป็นพาหะคือ คนปกติ จะมีสุขภาพแข็งแรง ไม่ต้องได้รับการรักษาหรือรับประทานยาใดๆ ไม่ติดต่อจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งแต่สามารถถ่ายทอดยีนธาลัสซีเมียไปสู่ลูกได้ ผู้ที่เป็นพาหะจะอยู่กับคนๆนั้นตลอดไปจะไม่กลายเป็นโรคธาลัสซีเมีย

ใครบ้างที่มีโอกาสเป็นพาหะธาลัสซีเมีย

1. ประชาชนทั่วไปมีโอกาสจะเป็นพาหะของธาลัสซีเมียชนิดใดชนิดหนึ่งถึงร้อยละ 30-40

2. คู่สามี –ภรรยา ที่มีบุตรเป็นโรคธาลัสซีเมีย แสดงว่าทั้งคู่เป็นพาหะ

3. พี่ – น้องหรือญาติของผู้เป็นโรคหรือพาหะของโรคธาลัสซีเมีย มีโอกาสที่จะมียีนธาลัสซีเมียมากกว่าคนทั่วไป

4. เมื่อผู้เป็นโรคมีบุตร อย่างน้อยลูกทุกคนเป็นพาหะ

วิธีปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรคธาลัสซีเมีย

การตรวจเลือดเป็นวิธีที่แน่นอนที่สุด โดยสามารถดูได้ว่าเป็นพาหะหรือเป็นโรคธาลัสซีเมียหรือไม่

ผู้ที่ตรวจพบว่าเป็นพาหะโรคธาลัสซีเมีย สามารถใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาใด ๆ แต่ผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมียจะมีอาการของโรคแตกต่างกัน บางคนตัวซีดมาก ตับม้ามโตมาก อาจจะต้องได้รับการให้เลือดและยาขับธาตุเหล็กส่วนเกินออกจากร่างกายเป็นระยะ ๆ หรือผ่าตัดม้ามออกเพื่อลดการทำลายเม็ดเลือดแดง ส่วนบางคนจะมีอาการซีดไม่มากจะรักษาตามอาการ สามารถให้รับประทานกรดโฟลิก แต่ไม่จำเป็นต้องให้ยาบำรุงเลือด เนื่องจากมีธาตุเหล็กในร่างกายเกินปกติอยู่แล้วแต่ร่างกายไม่สามารถนำมาสร้างเม็ดเลือดแดงเองได้

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


ตัวอย่างการบอกเวลาในภาษาอังกฤษ – การสื่อสารเรื่องเวลา ภาษาอังกฤษ

การบอกเวลา เรียนภาษาอังกฤษ เวลา

การบอกเวลาภาษาอังกฤษ โดยทั่วไปฝรั่งจะนับที่ 12 ชั่วโมง ไม่ได้นับ 24 เหมือนบ้านเรา โดยมีการบอกเวลาเป็น AM = 00.01-11.59AM (เที่ยงคืนถึงเที่ยงวัน) PM = 12.00-11.59 PM (หลังเที่ยงวันถึงเที่ยงคืน) สำหรับผู้ที่เริ่มต้นฝึกภาษาอังกฤษ เรามีตัวอย่าง การบอกเวลาในภาษาอังกฤษ มาฝาก

การบอกเวลาในภาษาอังกฤษ

บอกเวลาแบบง่ายๆ

ในตอนเช้า = in the morning
ในตอนกลางวัน = in the afternoon
ในตอนเย็น = in the evening
ตอนกลางคืน = at night

หากต้องการบอกเวลาด้วยตัวเลขก็คือ อ่านตัวเลขเรียงไปเลย ยกตัวอย่าง

เวลา 02:15 AM (ตีสองสิบห้านาที)
– two fifteen am (ทูว ฟิฟทีน เอ-เอ็ม)
– หรือ two fifteen in the morning (ทูว ฟิฟทีน อิน เดอะ มอนิ่ง)

เวลา 05:35 PM (ห้าโมงเย็นสามสิบห้านาที)
– five thirty five pm (ฟายว เธอทิ ฟายว์ พี-เอ็ม)
– five thirty five in the evening (ฟายว เธอ ฟายว อิน เดอะ อีฟนิ่ง)

เวลา 06:00 AM (หกโมงเช้า)
– Six o’cock in the morning (ซิก โอ-คลอค อิน เดอะ มอนิ่ง)

เวลา 08:00 PM
– eight o’clock pm
– eight o’clock at night

การบอกเวลาในภาษาอังกฤษ

เกร็ดความรู้เพิ่มเติม

ประโยคภาษาอังกฤษถามว่า “นี่กี่โมงแล้ว”

What’s the time? (วอท อีส เดอะ ไทม์)
What time is it? (วอท ไทม์ อีส อิท)

นาฬิกาของคุณบอกเวลากี่โมง

Do you have the time? (ดู ยู แฮวฟ เดอะ ไทม์)
Have you got the time? (แฮวฟ ยู ก็อท เดอะ ไทม์)

นาฬิกาของคุณบอกเวลากี่โมง

What time do you make it? (วอท ไทม์ ดู ยู เมค กิท)

คุณพอจะมีเวลาบ้างไหม?

Do you have time?

คลิป การสื่อสารเรื่องเวลาในภาษาอังกฤษ กับ ครูเยล

ขอบคุณข้อมูลจาก lifestyle.campus-star.com


เปิดโปรแกรม HP Amplify หนุนคู่ค้ารับผู้บริโภคเปลี่ยน

เอชพี เปิดตัว HP Amplify โปรแกรมพันธมิตรคู่ค้าแบบแรกของโลก เร่งสร้างการเติบโตและมอบประสบการณ์ให้กับลูกค้าปลายทาง ด้วยข้อมูลเชิงลึกขยายขีดความสามารถพร้อมเครื่องมือในการทำงานที่จำเป็นในการผลักดันธุรกิจให้เติบโต รองรับการเปลี่ยนแปลงยุคดิจิทัล และพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค

นายลิม ชุน เต็ก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอชพี อิงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า เอชพี ได้เปิดตัว HP Amplify โปรแกรมพันธมิตรคู่ค้าแบบแรกของโลก เพื่อสร้างการเติบโตและมอบประสบการณ์ให้กับผู้บริโภค จากการวิเคราะห์ส่วนที่ดีที่สุดทั้งด้านผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการเครื่องมือและการฝึกอบรมเข้ามาอยู่ภายใต้โปรแกรม HP Amplify จึงลดความซับซ้อน ใช้งานง่าย สร้างประโยชน์ให้กับคู่ค้าได้อย่างมากมาย พร้อมทั้งสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริโภคในเชิงลึก นอกจากนี้ HP Amplify มีการออกแบบโครงสร้าง 2 ส่วนแบบ Synergy และ Power ที่จัดระดับของผลตอบแทนที่ชัดเจน ทำให้พันธมิตรคู่ค้ามีความยืดหยุ่นในการลงทุนในส่วนบริการที่สร้างมูลค่าเพิ่มและเสริมขีดความสามารถการจัดการธุรกิจ

HP Amplify ไม่เพียงทำให้พันธมิตรคู่ค้าดำเนินธุรกิจกับเอชพีได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พันธมิตรคู่ค้ามีแนวทางธุรกิจที่ชัดเจนและสามารถประสบความสำเร็จในสภาพแวดล้อมปัจจุบันและในอนาคต โดยใช้ประโยชน์จากแนวโน้มที่เกิดขึ้นและเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในเส้นทางการซื้อของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนตลอดเวลา

ทั้งนี้ HP Amplify ถูกออกแบบเพื่อเสริมศักยภาพของกลยุทธ์การเข้าตลาด เชิงกลยุทธ์ที่ผสมผสานระหว่างรูปแบบการขาย การทำสัญญาและไฮบริด HP Amplify มุ่งเน้น 3 แก่นหลักคือ ประสิทธิภาพ (performance) ความสามารถ (capabilities) และการทำงานร่วมกัน (collaboration) โดยโปรแกรมใหม่สำหรับพันธมิตรเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2563 และพันธมิตรกลุ่มค้าปลีกในครึ่งหลังปี 2564

“ผู้บริโภคในทุกวันนี้ คาดหวังประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่ต้องมาพร้อมประสิทธิภาพระบบอัจฉริยะและตอบสนองเฉพาะบุคคลได้ การเติบโตภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ และยุคข้อมูลถือว่าเป็นเงินสกุลใหม่ เราจึงนำปัจจัยทั้งสองส่วนมาพิจารณาร่วมกันเพื่อกำหนดกลยุทธ์การดูแลพันธมิตรของเราเป็นแต่ละรายเฉพาะตัวไม่ใช่ทั้งตลาดโดยรวม”

นายลิม ชุน เต็ก กล่าวต่อไปว่า ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการหาข้อมูล การซื้อ การใช้เทคโนโลยี และวิธีการสร้างความผูกพันกับแบรนด์ พวกเขาจะใช้ช่องทางดิจิทัลมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการ เช่น อีคอมเมิร์ซ เว็บไซต์ของร้านค้าหรือบนมาร์เก็ตเพลส ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยีและดิจิทัลทรานฟอร์มเมชั่นก็ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ส่วนรูปแบบธุรกิจก็มีการปรับเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นการขายสินค้าไปเป็นสู่การสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจมีสัญญาร่วมกัน

สำหรับอุตสาหกรรมไอทีโดยรวมและช่องทางโดยเฉพาะ จะดำเนินธุรกิจอย่างเช่นที่เคยเป็นมาไม่ ได้แล้ว เอชพีตระหนักดีถึงวิวัฒนาการนี้เป็นอย่างดี จึงพัฒนาโปรแกรม HP Amplify เพื่อเป็นอาวุธให้พันธมิตรคู่ค้าสร้างความเติบโตของธุรกิจในอนาคตและมอบประสบการณ์ที่พึงพอใจมากขึ้นแก่ผู้บริโภค

“เอชพีและพันธมิตรคู่ค้ามีโอกาสอย่างมหาศาลที่จะพลิกโฉมวิธีการทำธุรกิจและนำสินค้าเข้าสู่ตลาด การเอาชนะโอกาสเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องจัดการกับความบกพร่องของระบบที่ไร้ประสิทธิภาพ จัดระบบวิถีการทำงานแบบดั้งเดิม และสร้างการยอมรับกับโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เรากำลังกระโดดเพื่อก้าวข้ามสิ่งนี้ไปด้วยกัน ช่วยกันเปิดรับและลงทุนในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทั้งระบบและแบ่งปันศักยภาพของกันและกัน” 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สรรพคุณและประโยชน์ของว่านสบู่เลือด ! (กระท่อมเลือด)

สบู่เลือดเถา

ว่านสบู่เลือด

ว่านสบู่เลือด ชื่อวิทยาศาสตร์ Stephania venosa Spreng. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clypea venosa Blume) จัดอยู่ในวงศ์บอระเพ็ด (MENISPERMACEAE)

สมุนไพรว่านสบู่เลือด มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า เป้าเลือด เปล้าเลือด เปล้าเลือดเครือ ชอเกอโท (ภาคเหนือ), กระท่อมเลือด (ภาคอีสาน), กลิ้งกลางดง (ภาคตะวันตกเฉียงใต้), บอระเพ็ดยางแดง (ชายฝั่งทะเลภาคใต้), ฮ่อง (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), ท่อมเลือด เป้าเลือดโห ยาปู่หย่อง เป็นต้น[1],[2],[5],[8]

ว่านสบู่เลือดเถา แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ สบู่เลือดตัวผู้และสบู่เลือดตัวเมีย โดยสบู่เลือดตัวผู้เมื่อนำก้านมาเด็ดดูจะพบว่ามีน้ำยางสีแดงคล้ายเลือดสด นอกจากนี้ว่านสบู่เลือดยังมักมีการเรียกชื่อปนกันกับว่านสมุนไพรชนิดอื่น ๆ เช่น บอระเพ็ดพุงช้าง กลิ้งกลางดง สบู่แดง ฯลฯ เพียงแต่มีชื่อเรียกที่เหมือนกันว่า “สบู่เลือด[7] โดยผู้เขียนขออธิบายดังนี้

  • บอระเพ็ดพุงช้าง หรือ กลิ้งกลางดง คือ สบู่เลือดเถาตัวเมีย ซึ่งผู้เขียนเข้าใจว่ามีชื่อวิทยาศาสตร์เหมือนสบู่เลือดเถาตัวผู้ คือ Stephania venosa (Blume) Spreng. ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ง่าย ด้วยการเด็ดใบเพื่อดูสีของน้ำยาง ถ้ายางไม่เป็นสีแดงจะเรียกว่า “บอระเพ็ดพุงช้าง[7]
  • สบู่แดง ก็มีชื่อเรียกท้องถิ่นทางปัตตานีว่า “สบู่เลือด” เช่นกัน โดยสบู่แดงชนิดนี้จะมีชื่อวิทยาศาสตร์ Jatropha gossypiifolia L. ซึ่งจัดอยู่ในวงศ์ยางพารา (EUPHORBIACEAE)

หัวว่านสบู่เลือด

ลักษณะของว่านสบู่เลือด

  • สบู่เลือดมีอยู่ด้วย 2 ชนิด คือ
    • สบู่เลือดเถาตัวผู้ ใบมีสีเขียวอมแดง ส่วนก้านและเถาอ่อนมีสีม่วงแดง หัวมีลักษณะกลมโต ผิวขรุขระ มียางสีแดงเข้มคล้ายกับเลือด เนื้อในหัวมีสีเหลืองเข้ม เมื่อนำไปตากแห้งจะเปลี่ยนเป็นสีแดง[4]
    • สบู่เลือดเถาตัวเมีย ใบมีสีเขียว ก้านและเถามีสีเขียว ดอกมีสีเขียวอมขาว และยางแดงจาง ๆ คล้ายน้ำเหลือง ลักษณะของหัวจะกลมเล็ก เนื้อในหัวมีสีเหลืองอ่อน ๆ และผิวเรียบ[4] ชนิดนี้จะไม่มีเลือด และผู้เขียนเข้าใจว่ามันคือ “บอระเพ็ดพุงช้าง[7] โดยหัวตัวเมียจะนิยมนำมาทำเป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงเลือด บำรุงกำหนัด ด้วยการนำมาเคี้ยวแบบสด ๆ หรือนำมาต้มกิน หรือดองกินก็ได้[8]

ต้นสบู่เลือดหัวกระท่อมเลือด

  • ต้นว่านสบู่เลือด จัดเป็นไม้เลื้อย กิ่งและก้านมีน้ำยางสีแดงคล้ายเลือด เถาเกลี้ยง มีลำต้นอยู่บนดิน มีอายุราวหนึ่งปี โดยลำต้นงอกมาจากหัวขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้ดิน หัวมีลักษณะกลมแป้น โดยทั่วไปแล้วจะมีขนาดเท่าลูกฟุตบอล หากมีอายุหลายปีอาจมีขนาดใหญ่เท่าโอ่งมังกร เปลือกหัวมีสีน้ำตาล เนื้อในมีสีขาวนวล มีรสชาติมันและเฝื่อนเล็กน้อย เป็นไม้ที่เจริญเติบโตได้ดีในช่วงฤดูฝน และมักจะตายหรือทรุดโทรมในช่วงฤดูแล้ง เมื่อถึงหน้าฝนจะแทงต้นขึ้นมาใหม่ พบขึ้นในป่าทั่วไป โดยเฉพาะป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง ขยายพันธุ์ด้วยหัวและเมล็ด[1],[2],[3],[4],[5],[7],[8]

ว่านสบู่เลือด

ว่านสบู่เลือดเถา

  • ใบว่านสบู่เลือด มีใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปแกมสามเหลี่ยมกว้างหรือเป็นรูปไข่แกมหัวใจ โคนใบเป็นรูปตัดหรือเว้าเล็กน้อย ปลายใบแหลมหรือมีติ่งเล็กน้อย ขอบใบเว้าเล็กน้อยทำให้ใบมีลักษณะเป็นรูปค่อนข้างสามเหลี่ยม และขอบใบหรือแผ่นใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบกว้างประมาณ 7-12 เซนติเมตร และยาวประมาณ 6-11 เซนติเมตร ผิวใบด้านล่างมีขนละเอียดอยู่เล็กน้อย และเป็นมันวาวเล็กน้อย มักเห็นเส้นใบได้ชัดเจน ส่วนก้านใบยาวประมาณ 5-15 เซนติเมตร[1],[2],[3],[5]

สมุนไพรว่านสบู่เลือดใบกระท่อมเลือด

  • ดอกว่านสบู่เลือด ออกดอกเป็นช่อ ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่ต่างต้นกัน ช่อดอกตัวผู้เป็นช่อแบบซี่ร่ม มีความยาวประมาณ 4-16 เซนติเมตร มีช่อย่อยเป็นกระจุก ก้านดอกย่อยยาวประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ส่วนกลีบเลี้ยงด้านนอกมี 6 กลีบ ยาวประมาณ 2-2.5 มิลลิเมตร ส่วนกลีบเลี้ยงด้านในเป็นรูปไข่กลับหรือรูปสามเหลี่ยมกลับมีอยู่ 3 กลีบ ยาวประมาณ 1.25 มิลลิเมตร โดยเกสรตัวผู้จะติดรวมกันอยู่ที่ก้าน มีลักษณะเป็นวงแหวน ก้านชูเกสรยาวประมาณ 1-1.75 มิลลิเมตร ส่วนช่อดอกเพศเมียมักจะหนาแน่นกว่า บางช่อค่อนข้างจะติดกัน ก้านดอกสั้นมาก มีกลีบเลี้ยง 1 กลีบเป็นรูปรี ยาวประมาณ 0.75 มิลลิเมตร กลีบดอกคล้ายรูปไต ยาวประมาณ 0.75 มิลลิเมตร มีรังไข่ค่อนข้างเป็นรูปรี มีความยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร กลีบของดอกมีสีส้ม[1],[2],[5]
  • ผลว่านสบู่เลือด ผลสด ผลเป็นแบบเมล็ดเดียวเปลือกเมล็ดแข็ง ลักษณะของผลเป็นรูปไข่กลับ ยาวประมาณ 7 มิลลิเมตร[1],[2],[5]

เมล็ดว่านสบู่เลือด

สรรพคุณของว่านสบู่เลือด

  1. หัวว่านสบู่เลือด นำมาดองกับเหล้ากินเป็นยาบำรุงกำลัง ช่วยทำให้กระชุ่มกระชวย สุขภาพแข็งแรง (หัว[1],[4],[6], หัว[9])
  2. หัวมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำหนัด (หัว)[1],[4],[6],[9]
  3. ช่วยบำรุงธาตุไฟในร่างกาย (ใบ)[9]
  4. หัวนำมาตากแห้งแล้วบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนไว้กินเป็นยาอายุวัฒนะ (หัว)[1],[6]
  5. รากช่วยบำรุงประสาท บำรุงเส้นประสาท ป้องกันโรคความจำเสื่อม (ราก, ใบ)[1],[6],[9]
  6. ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ แก้ไมเกรน (หัว)[6],[7]
  7. หัวใช้ผสมกับยาสมุนไพรอื่น ๆ (ไม่ระบุ) มีฤทธิ์ทำให้ง่วงนอน (หัว)[8]
  8. มีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาใช้เป็นยาป้องกันโรคอัลไซเมอร์ เนื่องจากกระท่อมเลือดมีสารที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งเอนไซม์ Acetylcholine esterase ทั้งยังพัฒนาเพื่อใช้เป็นยาต้านมะเร็งอีกด้วย (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[8]
  9. ช่วยทำให้เจริญอาหาร (หัว)[1]
  10. ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[9]
  11. ช่วยรักษาอาการผอมแห้ง (หัว)[4] ด้วยการใช้หัวนำมาต้มอาบหรือต้มกินเป็นยาบำรุงของสตรี แก้อาการผอมแห้ง หน้าตาซีดเซียวไม่มีน้ำมีนวล ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงได้ แต่การใช้สมุนไพรชนิดนี้ต้องระมัดระวังสักหน่อยหากนำมาใช้กับสตรี (หัว)[8]
  12. ช่วยรักษาโรคมะเร็งต่าง ๆ (หัว)[6])
  13. ช่วยรักษาโรคหัวใจ (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[4]
  14. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน (หัว)[6],[8]
  15. ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง คนเลือดจางหรือเลือดน้อยให้ใช้หัวนำมาต้มกิน (หัว)[6],[7]
  16. ช่วยแก้เลือดลม ช่วยลดความดันโลหิต (หัว)[8]
  17. ช่วยแก้ปอดพิการ (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[4]
  18. ช่วยกระจายลมที่แน่นในอก (เถา, ต้น)[6],[9]
  19. ช่วยรักษาโรคลมชักหรือลมบ้าหมู โดยในตำราพระเทพระบุว่าให้ใช้สมุนไพรสบู่เลือดที่มีสีแดงเรื่อ ๆ (สีขาวไม่ใช้) ประมาณ 3 กิโลกรัมขึ้นไปเพื่อความเข้มข้นของยา นำหัวมาหั่นเป็นแว่น ๆ แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง หลังจากนั้นนำมาบดให้ละเอียดผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอนขนาดเท่าเม็ดพุทรา ใช้กินก่อนอาหารเช้า เที่ยง และเย็น กินไปประมาณ 4-6 ปีอาการจะหายขาด (หัว)[4]
  20. หัวใช้ต้มน้ำดื่ม ช่วยแก้ไข้ ลดไข้ของเด็กได้ (หัว, ราก)[3],[9]
  21. เปลือกและใบใช้ต้มน้ำดื่ม ช่วยแก้ไข้มาลาเรียได้ (เปลือก, ใบ)[5]
  22. ช่วยแก้หอบหืด ด้วยการใช้หัวนำมาต้มกับน้ำดื่ม (หัว, ราก)[3],[9]
  23. หัวใช้ดองกับเหล้ากินช่วยขับเสมหะ (หัว)[6] ส่วนหนามของว่านสบู่เลือดช่วยแก้เสมหะในคอและทรวงอก (ต้น, หนาม)[9]
  24. ช่วยแก้บิด (หัว, ราก)[9]
  25. ช่วยขับผายลม (หัว)[6],[9]
  26. ช่วยในการย่อยอาหาร (ดอก[6], ผล[9])
  27. ช่วยทำให้อุจจาระละเอียด (ดอก)[9]
  28. เถานำมาต้มกินเป็นยาขับพยาธิในลำไส้ (เถา)[1],[4],[6],[9]
  29. ดอกว่านสบู่เลือดช่วยฆ่าแม่พยาธิอันเกิดจากโรคเรื้อนและกุฏฐัง (ดอก)[9]
  30. หนามของว่านสบู่เลือดช่วยแก้โลหิตอันเน่าในท้องในตกใน (หนาม)[9]
  31. เถาใช้ปรุงเป็นยาขับโลหิตระดูของสตรีได้ (เถา)[4],[6],[9]
  32. ช่วยแก้อาการตกเลือดของสตรี แก้มุตกิดระดูขาวหรือตกขาวได้อย่างชะงัด ด้วยการใช้หัวสบู่เลือดสด ๆ นำมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ สัก 3-4 แว่นตำละเอียด ผสมรวมกับน้ำซาวข้าวหรือเหล้าขาว 40 ดีกรี แล้วคั้นเอาเฉพาะน้ำมากิน 1 ถ้วยชา ในช่วงเช้า เย็น และก่อนนอน (หัว)[4]
  33. หัวใช้ต้มกิน ช่วยแก้ประจำเดือนมาไม่ปกติของสตรีได้ (หัว)[7]
  34. ใบสามารถนำมาใช้รักษาแผลสดและแผลเรื้อรังได้ (ใบ)[1],[2],[6],[9]
  35. ใบใช้ผสมกับสมุนไพรอื่น ต้มอบไอน้ำ ช่วยรักษาโรคผิวหนัง ผื่นคันตามตัวได้ (ใบ)[5]
  36. ช่วยแก้โรคผิวหนังมีผื่นคัน (ดอก)[6],[9]
  37. ช่วยแก้มะเร็งคุดทะราด แก้กลากเกลื้อนและหิด (ดอก, ใบ, ต้น, ราก)[9]
  38. ช่วยแก้โรคเรื้อนใหญ่ เรื้อนน้อย (ใบ, ต้น, ราก)[9]
  39. ช่วยแก้โรคมือเท้าไม่มีกำลังได้ (ต้น)[9]
  40. เถาและก้านนำมาใช้ดองกับสุรากิน จะช่วยทำให้ผิวหนังชา ผิวอยู่ยงคงกระพันเฆี่ยนตีไม่แตก นักเลงสมัยโบราณนิยมกันมากทั้งนำมากินและนำมาทา (เถา, ก้าน)[4],[8]
  41. น้ำยางสีแดงสามารถนำมาใช้เป็นหมึกเพื่อใช้สักยันต์ตามตัวเพื่อทำให้หนังเหนียวได้ (น้ำยางสีแดง)[8]
  42. ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ด้วยการใช้หัวสบู่เลือดฝานบาง ๆ ประมาณ 2 กำมือ นำมาดองกับเหล้าขาว 1 ขวด แล้วเติมน้ำผึ้งพอประมาณ ดองทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน ใช้ดื่มครั้งละ 1 แก้วเป๊ก ก่อนอาหาร 3 มื้อและช่วงก่อนนอน (หัว)[4]

ประโยชน์ของว่านสบู่เลือด

  • ใช้แก้สิว แก้ฝ้า (ดอก, ใบ, ต้น, ราก)[9]

ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 29,000.00 29,100.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,878.00 28,470.48 29,600.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,690.20 25,623.43 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,502.40 22,776.38 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 845.00 12,810.20 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 657.00 9,960.12 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,946.00 29,501.36 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 03/08/2563

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 21.25 21.25 21.25 21.25 21.25 21.25 21.25 21.25 21.25 21.25
แก๊สโซฮอล์ 91 20.98 20.98 20.98 20.98 20.98 20.98 20.98 20.98 20.98 20.98
แก๊สโซฮอล์ E20 19.74 19.74 19.74 19.74 19.74 19.74 19.74 19.74 19.74
แก๊สโซฮอล์ E85 17.84 17.84
เบนซิน 95 28.66 29.11 29.16 28.66 28.66
ดีเซล 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29
ดีเซล B10 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29
ดีเซล B20 19.04 19.04 19.04 19.04 19.04 19.04 19.04 19.04
ดีเซลพรีเมี่ยม 26.74 26.76 28.74 28.74
แก๊ส NGV 15.31 15.31
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า