สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 26 มีนาคม 2564

25 บิ๊กทุน ชนสนั่น  ชิง‘บ้านพักรถไฟธนบุรี’ 

25 บิ๊กทุน ชนสนั่น   ชิง‘บ้านพักรถไฟธนบุรี’ 

25 ทุนยักษ์ชนสนั่นชิงที่ดินรถไฟย่านธนบุรี-ศิริราช  “BEM” เจ้าพ่อทางด่วน-ระบบราง ร่วมวง เจ้าสัวเจริญ-ซีพี-เซ็นทรัล-เดอะมอลล์ ดีเดย์พ.ค.ขายซองส.ค. ประมูล ปั้นฮับสุขภาพ-ห้าง-โรงแรม บูมฝั่งธนฯ รับรถไฟฟ้า 3 สาย

บ้านพักพนักงานรถไฟ สถานีธนบุรี 305 ครัวเรือน เนื้อที่ 21 ไร่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กำลังถูกแปลงโฉมเป็นมิกซ์ยูส ขนาดใหญ่ ให้เอกชนเช่าระยะยาว 30 ปีโดยประเมินว่า หากก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการปี 2569 มูลค่าแพงระยับเกินกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท เพราะนอกจากใกล้โรงพยาบาลศิริราช แม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว บริเวณดังกล่าว ยังเป็นทำเลทองศักยภาพสถานีจุดตัดรถไฟฟ้า 2 สาย ระหว่างสายสีส้มตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม) และสายสีแดง (ตลิ่งชัน -ศิริราช-ศาลายา) ขณะเดียวกันยังสะดวกสบาย ใกล้สถานีอิสรภาพ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จึงไม่แปลกว่าการ เปิดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน (Market Sounding) โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณบ้านพักพนักงานย่านสถานีธนบุรี (ครั้งที่ 2) เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจอย่างมาก มากถึง 25 ราย ภายหลังจากรฟท. ว่าจ้างบริษัทโมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาศึกษาโครงการ 

แหล่งข่าวจากบริษัทโมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ฯ ระบุว่า เนื่องจากทำเลใกล้โรงพยาบาลขนาดใหญ่ของรัฐอย่างศิริราช และโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ “ธนบุรี” มองว่า เหมาะพัฒนาเป็นมิกซ์ยูส ศูนย์การค้าชั้นนำ โรงแรม ที่พักอาศัยแนวสูง รองรับกลุ่มรักษ์สุขภาพที่ต้องการฟื้นฟูใกล้สถานพยาบาล ดังกล่าว ที่ เรียกเสียงฮือฮา คือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการทางพิเศษ (ทางด่วน) และระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้า เข้าร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ นอกเหนือไปจาก บริษัท เซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน), เดอะมอลล์กรุ๊ป, ทีซีซีกรุ๊ป ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี,  บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน)บริษัท พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในเครือเจริญโภคภัณฑ์, โรงพยาบาลปิยะเวช, โรงพยาบาลธนบุรี บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ของนายแพทย์ บุญวนาสิน
โรงพยาบาลศิริราช, บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เป็นต้น  

นายเอก สิทธิเวคิน รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณบ้านพักพนักงานย่านสถานีธนบุรี ว่า ที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากภาคเอกชน ทั้งในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจทางการแพทย์ ธุรกิจด้านสุขภาพ และกลุ่มผู้สูงวัย เข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกัน รฟท.ได้ดำเนินการให้บริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาจะรวบรวมความคิดเห็น และปรับปรุงรายงานผลการศึกษา คาดว่าจะเสนอให้รฟท. พิจารณาในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2564 จากนั้น รฟท.จะประชุมคณะกรรมการจัดทำร่างรายละเอียดเงื่อนไขการประกวดราคาต่อไป 

ส่องแผนพัฒนาที่ดิน “สถานีธนบุรี”

ทั้งนี้คาดว่าจะเปิดจำหน่ายเอกสารการประมูลในเดือน สิงหาคม 2564 และจะให้เวลาเอกชนจัดทำข้อเสนอ 2 เดือน ก่อนเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอเช่าพื้นที่ในเดือน ตุลาคม 2564 ประกาศผลผู้ชนะประมูลเดือน ธันวาคม 2564 และลงนามสัญญาเดือน มกราคม 2565 ซึ่งจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 4 ปี แล้วเสร็จประมาณปี 2568 และเปิดให้บริการปี 2569

สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณบ้านพักพนักงานย่านสถานีธนบุรี มีเนื้อที่โครงการ 21 ไร่ 3 งาน มูลค่าโครงการประมาณ 3,500 ล้านบาท แบ่งเป็น 4 โซนดังนี้ 

1.พื้นที่โรงแรมและศูนย์การค้าสูง 13 ชั้น 2.ศูนย์พักฟื้นและฟื้นฟูสุขภาพ หรือเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ 1 เปิดบริการในระดับลักชัวรี 3.เซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ 2 และ 4.บ้านพักสำหรับพนักงานรฟท.

นายเอก กล่าวต่อว่า โครงการฯ มีพื้นที่ 21 ไร่ 3 งาน เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ 14 ไร่ มีมูลค่าที่ดิน 1,770 ล้านบาท ให้เอกชนเช่า 30 ปี มีผลตอบแทนให้ รฟท. มูลค่า 1,125 ล้านบาท หากลงนามสัญญากับผู้ชนะประมูล เอกชนต้องจ่ายทันที 337 ล้านบาท หรือประมาณ 30% ของผลตอบแทน จากนั้นจะทยอยจ่ายเป็นรายปีจนครบ 30 ปี โดยจะจ่ายปีละ 47.48 ล้านบาท จากนั้นเพิ่มขึ้น 10% ทุก 3 ปี ปีสุดท้ายจ่าย 196.69 ล้านบาท เมื่อรวม 30 ปี รฟท. จะได้ผลตอบแทนรวม 3,584 ล้านบาท

“สิ่งแรกที่เอกชนต้องดำเนินการหลังจากลงนามสัญญาคือ เร่งดำเนินการเคลียร์พื้นที่บริเวณบ้านพักพนักงานรฟท.ที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน จำนวน 305 ครัวเรือน โดยในสัญญากำหนดให้ก่อสร้างบ้านพักสำหรับพนักงานฯ จำนวน 315 ห้อง เพื่อทดแทนบ้านพักเดิมบนพื้นที่ 3 ไร่”

ทั้งนี้พื้นที่ย่านสถานีธนบุรี ถือเป็นพื้นที่ที่จะเป็นศูนย์กลางการเดินทางเชื่อมต่อที่สำคัญของกรุงเทพมหานครอนาคตสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้า 2 สถานี 3 เส้นทาง โดยอยู่ห่างโครงการประมาณ 800 เมตร ได้แก่ สายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช, สายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์รวมทางด้าน สุขภาพ เป็นศูนย์พักฟื้น พื้นฟูสุขภาพ และยังมีโรงแรมระดับกลาง เพื่อรองรับผู้ป่วยและญาติที่เข้ามาใช้บริการที่โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลธนบุรี 

อย่างไรก็ตามโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณบ้านพักพนักงานย่านสถานีธนบุรี เนื้อที่ของโครงการ 21 ไร่ 3 งาน แบ่งออกเป็น 4 โซน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 พื้นที่โรงแรมและศูนย์การค้าสูง 13 ชั้น ขนาดพื้นที่ 40,360 ตารางเมตร (ตร.ม.) ในส่วนของโรงแรมบัดเจด ระดับ 3 ดาว จํานวน 720 ห้อง สําหรับญาติผู้ป่วยพักอาศัยและศูนย์การค้าอํานวยความสะดวกภายในโครงการสามารถรองรับกลุ่มเป้าหมายได้ 8,000-10,000 ต่อวัน โดยมีจํานวนที่จอดรถ 501 คัน

ส่วนที่ 2 ศูนย์พักฟื้นและฟื้นฟูสุขภาพหรือเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ 1 ขนาดพื้นที่ 21,096 ตารางเมตร (ตร.ม.) เปิดบริการในระดับลักชัวรี สําหรับผู้พักฟื้น ต้องการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดที่เข้ามารับบริการจากโรงพยาบาลใกล้เคียงที่ตั้งของโครงการ อาทิ เช่นโรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลธนบุรี เป็นต้น และกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลที่กล่าวมาข้างต้น จํานวน 280 ห้อง รองรับจํานวนที่จอดรถ 232 คัน

ส่วนที่ 3 เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ 2 ขนาดพื้นที่ 22,108 ตารางเมตร (ตร.ม.) เปิดบริการสําหรับกลุ่มแพทย์และผู้พักฟื้นต้องการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดใน ย่านธนบุรี จํานวน 300 ห้อง รองรับจํานวนที่จอดรถ 235 คัน เบื้องต้นจากการศึกษาโครงการเบื้องต้น พื้นที่เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ทั้ง 2 ส่วนในรูปแบบ 1 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ 33 ตารางเมตร ส่วนรูปแบบ 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ 45-50 ตารางเมตร และส่วนที่ 4 บ้านพักสําหรับพนักงานรฟท. ขนาดพื้นที่ 22,108 ตารางเมตร จํานวน 315 ห้อง รูปแบบของที่พักอาศัย 35-50 ตารางเมตรทดแทน บ้านพักแนวราบเดิม พร้อมรองรับที่จอดรถสําหรับพนักงาน 265 คัน 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เชฟรอนขวางPTTEP เสียหาย 2.6 แสนล้าน

เชฟรอนขวางPTTEP  เสียหาย 2.6 แสนล้าน

เชฟรอนฯขวางปตทสผ.เข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณ ทำประเทศเสียหายกว่า 2.6 แสนล้าน ติดตั้งแท่นผลิตปิโตรเลียมไม่ได้ ปริมาณก๊าซหาย 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ต้องนำเข้าแอลเอ็นจีมาเสริม ภาครัฐทนไม่ไหว งัดข้อกฎหมายในสัญญาสัมปทานบีบ ยึดเงินประกันค่าความเสียหายต่อเศรษฐกิจ

ลือสะพัดถึงเหตุผลที่บริษัท เชฟรอน คอร์ปอเรชั่น ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน ของสหรัฐอเมริกา ไม่ยอมให้ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (ปตท.สผ.อีดี) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ที่ชนะการประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เข้าพื้นที่เพื่อติดตั้งแท่นหลุมผลิต วางท่อ การเจาะหลุมผลิตบนแท่นที่ติดตั้งใหม่ และการเชื่อมต่อระบบ โดยใช้เรื่องความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศเป็นเครื่องต่อรอง หากไม่ดำเนินการซื้อแห่งสัมปทานที่มีอยู่ เช่น เอราวัณ ไพลิน ยุงทอง ทานตะวัน เบญจะมาศ ลันตา สุรินทร์ ในราคาที่เสนอมา จะส่งผลให้การผลิตก๊าซฯตามสัญญาพีเอสซีนับจากวันที่ 24 เมษายน 2565 ต้องสะดุด หรือไม่สามารถผลิตได้ต่อเนื่องตามสัญญาที่ระบุไว้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันได้ และต้องจ่ายค่าปรับให้กับผู้รับซื้อก๊าซ กระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ

ก๊าซหาย300ล้านลบ.ฟุต/วัน

แหล่งข่าวจากวงการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียม เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลการเจรจาระหว่างปตท.สผ.และเชฟรอนฯ ยังไม่ไดข้อยุติในการเข้าพื้นที่ติดตั้งแท่นหลุมผลิต ที่จะรักษากำลงการผลิตก๊าซให้เป็นไปตามสัญญาที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อได้ และคาดว่าจะทำให้การผลิตก๊าซฯจากหลุมผลิตเดิมที่มีอยู่จะผลิตก๊าซได้เพียง 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หรือส่งผลให้ปริมาณก๊าซฯหายไปราว 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และกว่าจะกลับมาผลิตก๊าซฯได้ที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันได้ จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 8 เดือนถึง 12 เดือน

ทั้งนี้ สิ่งที่กระทรวงพลังงานกังวลมากที่สุด จากปริมาณก๊าซที่หายไป 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และต้องใช้เวลาเกือบ 1 ปี ที่จะผลิตก๊าซขึ้นมาให้ครบตามสัญญาได้นั้น จะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีจากต่างประเทศเข้ามาทดแทนกว่า 2 ล้านตันต่อปี หากคำนวณราคาก๊าซแอลเอ็นจีที่นำเข้ามาในช่วงนั้นอยู่ที่ 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู (มกราคม 2564 อยู่ที่ 16.9 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู) จะส่งผลให้ประเทศต้องสูญเสียเงินตราต่างประเทศในการซื้อแอลเอ็นจีเข้ามาไม่ต่ำกว่า 2.64 แสนล้านบาทต่อปีเมื่อเทียบกับผลิตก๊าซขึ้นมาได้อีก 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน มีมูลค่าราว 9.8 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ซึ่งการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีดังกล่าวจะเป็นภาระต่อประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าในราคาที่แพงขึ้น

เชฟรอน

กระทบจัดเก็บเงินเข้ารัฐ

นอกจากนี้ ปริมาณก๊าซที่หายไปจะส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐที่หายไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าภาคหลวงปิโตรเลียมในอัตรา 10% ของผลผลิตรวม ส่วนแบ่งผลผลิตปิโตรเลียมไม่น้อยกว่า 50% หลังหักค่าใช้จ่าย และยังมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเงินได้ปิโตรเลียมอีก 20% ของกำไรสุทธิ เป็นต้น

อีกทั้ง ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในอ่าวไทย เป็นก๊าซเปียก หรือ Wet Gas ที่สามารถนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี หากก๊าซในปริมาณดังกล่าวไม่สามารถนำขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ ก็จะทำให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขาดแคลนวัตถุดิบไปส่วนหนึ่ง รวมถึงการผลิตก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจี ที่ลดลง อาจจะต้องมีการนำเข้ามาทดแทนเพิ่มขึ้น

ที่สำคัญจากการไม่สามารถเข้าติดตั้งแท่นผลิตปิโตรเลียมได้ทันระยะเวลาก่อนสิ้นสุดสัมปทาน และต้องใช้ระยะเวลาเข้าติดตั้งเกือบ 1 ปี มีโอกาสที่จะทำให้ปริมาณก๊าซ 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ไม่สามารถนำขึ้นมาใช้ได้อีกเลย เหมือนกรณีที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับแหล่งผลิต Rokan.ในอินโดนีเซีย เนื่องจากแหล่งเอราวัณมีหลุมผลิตจำนวนหนึ่งที่ต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มแรงดัน เพื่อให้สามารถนำก๊าซขึ้นมาได้ เมื่อเข้าติดตั้งไม่ได้ก็จะส่งผลให้ปริมาณก๊าซที่เหลือยู่ในหลุมผลิตหายไป เท่ากับเป็นการสูญเสียทรัพยากรของประเทศไป และหากจะผลิตขึ้มาจะต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง

งัดกฎหมายเอาผิด

แหล่งข่าวจากระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ทางกระทรวงพลังงานทราบถึงความเสียหายดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับประเทศ จึงพยายามเร่งรัดให้เชฟรอนฯ ยอมที่จะให้ปตท.สผ.เข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณให้เร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้มองว่าโอกาสเข้าพื้นที่ได้และทำให้การผลิตก๊าซไม่สะดุดลงช่วงรอยต่อมีเพียง 10% เท่านั้น ซึ่งได้มอบหมายกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติไปศึกษาข้อกฎหมายว่าจะมีช่องทางที่จะเร่งรัดในเรื่องนี้ได้อย่างไร

ล่าสุดได้ยื่นหนังสือไปให้บริษัทแม่ของเชฟรอนฯ แล้ว โดยอ้างอิงถึงข้อสัญญาสัมปทานข้อ 11 เรื่องข้อผูกพันและหน้าที่ของผู้รับสัมปทาน (2) ว่าด้วยผู้รับสัมปทานจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะไม่ใช้วิธีประกอบกิจการปิโตรเลียมใดๆ ซึ่งขัดต่อสาธารณประโยชน์หรือกระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจหรือประโยชน์สุขของประชาชน และในกรณีที่ประกอบกิจการปิโตรเลียมของผู้รับสัมปทานก่อให้เกิดความเสียหายต่อสาธารณประโยชน์หรือประชาชน ผู้รับสัมปทานมีหน้าที่บำบัดปัดป้องและแก้ไขความเสียหายนั้นโดยทันที

ทั้งนี้ การหยิบยกสัญญาสัมปทานดังกล่าวขึ้นมา เพื่อต้องการให้เชฟรอนฯ เร่งหาข้อยุติในการเข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณ เพราะการขัดขวางปตท.สผ.เข้าพื้นที่ดังกล่าว เท่ากับเป็นการสร้างความเสียหายกับประเทศและกระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจหรือประโยชน์สุขของประชาชน ซึ่งหากเชฟรอนฯไม่ดำเนินการ ทางภาครัฐมีสิทธิที่จะยึดหลักกรมธรรม์ประกันภัยและหลักฐานการชำระเบี้ยประกันภัยที่ต้องจ่ายทุกปี ซึ่งกำหนดไว้เป็นพันธะในการบำบัดปัดป้องและแก้ไขความเสียหายดังกล่าวที่เกิดขึ้น ขณะนี้รอเพียงบริษัทแม่เชฟรอนฯตอบรับในการเจรจากลับมา

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


บาทเปิด 31.19/21 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสุดรอบ 9 เดือน

บาทเปิด 31.19/21 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสุดรอบ 9 เดือน

เงินบาทเปิดตลาด 31.19/21 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในรอบ 9 เดือนหลังดอลลาร์แข็งค่าหนัก

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 31.19/21 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเย็นวานนี้ที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.09 บาท/ดอลลาร์

เปิดตลาดเช้านี้ เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าไปมากสุดในรอบ 9 เดือน เนื่องจากทิศทางของดอลลาร์สหรัฐยังมีแนวโน้มแข็งค่าจากผลของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยังปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง

“บาทเช้านี้อ่อนค่าสุดในรอบ 9 เดือน มีปัจจัยหลักสำคัญตอนนี้ คือ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า จากบอนด์ยิลด์ที่ยังขึ้นต่อเนื่อง” นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.10-31.30 บาท/ดอลลาร์

เปิดตลาดเช้านี้ เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าไปมากสุดในรอบ 9 เดือน เนื่องจากทิศทางของดอลลาร์สหรัฐยังมีแนวโน้มแข็งค่าจากผลของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยังปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


ส.ยิมนาสติกเล็งส่งนักกีฬาตระเวนแข่ง 14 รายการ ก่อนล่าทองซีเกมส์

สมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทยตัดสินใจฝ่ากระแสโควิด มุ่งหวังพัฒนานักกีฬาสู่ความเป็นเลิศอย่างเต็มตัว ด้วยการส่งเข้าร่วมแข่งขันในปีนี้ถึง 14 รายการ ส่วนชิงแชมป์ประเทศไทยจัดแน่ในเดือนสิงหาคม เพื่อเฟ้นดาวเด่นติดชุดซีเกมส์

ความเคลื่อนไหวของสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย หลังจากที่ได้ประกาศเรียกนักกีฬาทีมชาติ ทั้งยิมนาสติกศิลป์ ชาย-หญิง, ยิมนาสติกลีลาและยิมนาสติกแอโรบิก เข้าเก็บตัวฝึกซ้อมร่วมกันที่ศูนย์ฝึก สโมสรจินตนา ในซอยเพชรเกษม 81 ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ภายใต้การควบคุมของผู้ฝึกสอนต่างชาติ นาตาเลีย ชิโชวา(ชาวรัสเซีย), มิสเตอร์ ยาโลสลาฟ เบเซนโก้ (ชาวยูเครน), มร.โจเซ โรมาน กอนซาเลซ อาเบอร์โต (ชาวเม็กซิกัน) และมาเซลา เดอ เจซู โรดริเกวซ จิมิเนซ (ชาวเม็กซิกัน) พร้อมกันนี้ได้วางโปรแกรมส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันตลอดทั้งปี จำนวน 14 รายการ 

ดร.กุสุมาลย์ ประเสริฐศรี อุปนายกสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย และ ผู้จัดการทีมชาติไทย เปิดเผยว่า 14 รายการเป็นการแข่งขันนอกประเทศ และอีก 1 รายการ คือชิงแชมป์ประเทศไทย กำหนดแข่งขันในเดือนสิงหาคม 2564 ที่กรุงเทพฯ เพื่อเฟ้นหาดาวรุ่งเสริมทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ที่ประเทศเวียดนาม

ที่ผ่านมาได้ประสบปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ทำให้ทุกรายการต้องเลื่อนออกไป แต่ล่าสุด สหพันธ์ยิมนาสติกนานาชาติ ได้กำหนดวันแข่งขันออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสมาคมยิมนาสติกแห่งประเทศไทย พร้อมที่จะส่งนักกีฬาไปเข้าร่วมแข่งขัน รายการนานาชาติตามโปรแกรมที่สหพันธ์ฯ ได้กำหนด เนื่องจากมั่นใจว่าช่วงกลางปีนี้ ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะเบาบางลง

ขณะนี้นักกีฬายิมนาสติกทีมชาติไทย อยู่ระหว่างการฝึกท่ายากและประเมินผลเป็นระยะ จึงจำเป็นต้องส่งไปแข่งขันเพื่อประเมินความสามารถของแต่ละคน ก่อนถึงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ โดยในระยะเวลาอีก 8 เดือน มั่นใจว่านักกีฬาทุกคน ทุกประเภท ความพร้อมและความสามารถจะลงตัวมากที่สุด กับการไล่ล่าเหรียญทองซีเกมส์ 2021 ที่ประเทศเวียดนาม.

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


สธ.เร่งสอบ ฉีดวัคซีนโควิดเสียชีวิตรายแรก พบมีโรคประจำตัว

สธ.เร่งสอบ ฉีดวัคซีนโควิดเสียชีวิตรายแรก พบมีโรคประจำตัว

กระทรวงสาธารณสุข เผยมีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดแล้วเสียชีวิต 1 ราย แต่คาดไม่น่าจะเกี่ยวกับวัคซีน เพราะป่วยโรคเส้นเลือดโป่งพองในท้องอยู่แล้ว เร่งสอบข้อเท็จจริง

นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 เปิดเผยว่า มีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน โควิด-19 พบผลข้างเคียงรุนแรง 2 คน โดยคนแรกแพ้วัคซีน มีอาการลมพิษขึ้น ส่วนอีก 1 คนเป็นผู้ป่วยเส้นเลือดในท้องโป่งพอง แตกและเสียชีวิต หลังรับวัคซีน แต่คาดว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน เนื่องจากผู้ป่วยคนนี้ป่วยโรคเส้นเลือดโป่งพองในท้อง ระหว่างรักษาอยู่ก่อนแล้ว และโรคดังกล่าวมีโอกาสที่เส้นเลือดจะแตกได้ตลอดเวลา โดยกรณีนี้เกิดขึ้นหลังรับวัคซีน ตามหลักแล้วเมื่อมีอะไรที่เกิดขึ้นระหว่างการรับวัคซีน ต้องนำเข้าคณะกรรมการเพื่อสอบสวนต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงรายละเอียดของผู้เสียชีวิต นพ.โสภณ กล่าวว่า ขอให้สอบถามไปยังกรมควบคุมโรค เบื้องต้นคาดว่าอายุน่าจะไม่ถึง 60 ปี

ส่วนกรณี นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีไข้หลังรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ต้องเข้าโรงพยาบาล 4 วันนั้น นพ.โสภณ กล่าวว่าไม่ทราบเรื่องนี้เลย แต่ที่ผ่านมา ตามระบบการรายงานติดตามอาการข้างเคียงหลังรับวัคซีน ยังไม่พบว่า มีเคสที่มีอาการข้างเคียงรุนแรงแต่อย่างใด โดยอาการข้างเคียงส่วนใหญ่ที่พบเป็นอาการไม่มาก เช่น ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีด และอาการมีอาการมีไข้หลังการรับวัคซีนก็เป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ ส่วนใหญ่ประมาณ 1 วัน หรือ 2 วันก็หายแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com

การใช้ Question word เป็นตัวเชื่อม

 

ในบทก่อนหน้านี้ เราได้รู้วิธีใช้คำเชื่อมที่เราพบเห็นบ่อยๆ กันไปแล้ว อย่างเช่น to, toward, of, but, for, and, between, because และยังมีอีกหลายคำ เป็นต้น 

น้องๆหมั่นท่องศัพท์และรู้ความหมายของคำเหล่านั้นไว้ให้ได้นะครับ เวลาหยิบมาใช้เมื่อไร จะได้คล่องๆ

อย่างไรก็ดี ในบทนี้เราจะมาดูวิธีการใช้ Question word เป็นตัวเชื่อมกันบ้าง ซึ่งแต่ละคำนั้น เมื่อเปลี่ยนบทบาท ความหมายหรือคำแปลก็จะเปลี่ยนไปเองโดยอัตโนมัติ

ตัวอย่างเช่น: 

  • where – This is a place where I like. นี่คือสถานที่ ที่ฉันชอบ
  • who – This is a guy who I love so much. นี่คือผู้ชาย ซึ่งฉันรักมากๆ  
  • whose – He whose name cannot be spoken of. เขาเป็นคนที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยนาม
  • what –  This is what I meant. นี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการจะบอก
  • when – I am going to sing when you are ready. ฉันจะเริ่มร้องเพลง เมื่อคุณพร้อม
  • why – That is why I do not like spicy foods. นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงไม่ชอบอาหารเผ็ดๆ
  • how – Doing good deed is how we become happy. การทำความดี เป็นวิธีที่ทำให้พวกเรามีความสุข

จะเห็นได้ว่า Question words ต่างๆ ในฐานะคำเชื่อม จะมีบริบทการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ในทำนองเดียวกับกรณีที่ใช้เป็นประโยคคำถามเลย เช่น where ก็ใช้เชื่อมเมื่อพูดถึงสถานที่ และ when ก็ใช้เชื่อมเมื่อพูดถึงช่วงเวลา เป็นต้น 

Tips

นอกจากบรรดา Question words ดังที่กล่าวมาแล้ว…

เรายังสามารถใช้คำว่า that ที่แปลว่า ‘นั้น’ (เช่น That car is beautiful. รถคันนั้นสวยจัง) มาเป็นตัวเชื่อมได้ด้วย

เมื่อเราเขยิบคำว่า that มาไว้กลางประโยค เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อม ก็จะแปลเป็นอีกความหมายหนึ่งว่า ‘ซึ่ง’

I want a car that has an automatic gear. 

ฉันต้องการรถ ซึ่งมีเกียร์ออโต้ 

ทั้งนี้ เราสามารถเลือกใช้คำเชื่อมอื่นๆบางคำ มาทำหน้าที่เชื่อม เพื่อให้ได้ประโยคที่เขียนออกมามีความหมายเดียวกันก็ได้ โดยอาจต้องตัดหรือเพิ่มคำอื่นๆ ในประโยคนั้นด้วย เพื่อให้ถูกตามหลักแกรมม่าร์

ตัวอย่างเช่น ในประโยคดังกล่าว เราอาจใช้คำว่า ‘with’ แทน ‘that’ ก็ได้ โดยตัดคำว่า has (หรือ have) ออกไป

I want a car with an automatic gear.

ก็แปลว่า   ฉันต้องการรถ ซึ่งมีเกียร์ออโต้  ได้เช่นเดียวกัน

สรุปแล้ว หากต้องการเชื่อมประโยคหรือคำในความหมายว่า ‘ที่’ หรือ ‘ซึ่ง’ เราสามารถใช้ that เป็นอีกทางเลือกหนึ่งก็ได้ครับ

คำถามทดสอบ:

1) เติมคำในช่องว่าง
  That is a place ________ I want to stay.

a.  what          
b.  where          
c.  when       
d.  why

2) เติมคำในช่องว่าง
  The concert will begin ________ the night falls.

a.  what          
b.  where          
c.  when       
d.  why

3) ข้อใด้ถูกต้อง
a. This is the model that I like.           
b. This is the model which I like.
c. This is the model where I like
d. ถูกทั้งข้อ a. และ b.  

เฉลย :

1. ( ข้อ b. ) เพราะประโยคดังกล่าวต้องใช้คำเชื่อมที่เกี่ยวกับ ‘สถานที่’ หรือ ‘ตำแหน่ง’ ครับ (สังเกตุจากคำว่า place ในประโยคก็ได้)

2. ( ข้อ c. ) เพราะประโยคดังกล่าวต้องใช้คำเชื่อมที่เกี่ยวกับ ‘ช่วงเวลา’ ครับ (สังเกตุจากคำว่า night ในประโยคก็ได้)

3. ( ข้อ d. ) เพราะหากต้องการเชื่อมประโยคหรือคำในความหมายว่า ‘ที่’ หรือ ‘ซึ่ง’ เราสามารถใช้ that เป็นอีกทางเลือกหนึ่งก็ได้ครับ ดังนั้น that จึงใช้แทน which ได้เช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


ฟูจิตสึ ผนึก ริเก้น พัฒนาซูเปอร์คอมพ์ Fugaku เร็ว-แรงที่สุดในโลก

ฟูจิตสึ ผนึก ริเก้น พัฒนาซูเปอร์คอมพ์ Fugaku เร็ว-แรงที่สุดในโลก

บริษัท ริเก้น (RIKEN), องค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (Research Organization for Information Science and Technology – RIST) ของญี่ปุ่น และฟูจิตสึ ร่วมกันประกาศความสำเร็จในการพัฒนาและการเริ่มต้นใช้งานร่วมกันสำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku

บริษัท ริเก้น (RIKEN)องค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (Research Organization for Information Science and Technology – RIST) ของญี่ปุ่น และฟูจิตสึ ร่วมกันประกาศความสำเร็จในการพัฒนาและการเริ่มต้นใช้งานร่วมกันสำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku    ในวันเดียวกันนี้ ริเก้นและ RIST ได้เริ่มต้นนำเสนอระบบดังกล่าวสำหรับการใช้งานร่วมกัน โดยเปิดให้นักวิจัยและผู้ใช้งานหลากหลายกลุ่มในแวดวงวิชาการและภาคอุตสาหกรรมเข้าใช้งานระบบประมวลผลที่ว่านี้

Fugaku เป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของญี่ปุ่นที่ได้รับการพัฒนาเป็นระบบหลักสำหรับนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (High-Performance Computing Infrastructure – HPCI) โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงศึกษา วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของญี่ปุ่น เมื่อปี 2557 ริเก้นและ  ฟูจิตสึได้เริ่มต้นการพัฒนา Fugaku ร่วมกัน และได้ทำการส่งมอบแร็คทั้งหมดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563  นับจากนั้นเป็นต้นมา บริษัททั้งสองได้พัฒนาและปรับแต่งสภาพแวดล้อมการใช้งานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานร่วมกัน

ฟูจิตสึ ผนึก ริเก้น พัฒนาซูเปอร์คอมพ์ Fugaku เร็ว-แรงที่สุดในโลก

ขณะเดียวกัน Fugaku ครองตำแหน่งอันดับ 1 ของโลกเป็น 2 สมัยติดต่อกันเมื่อเดือนมิถุนายนและพฤศจิกายน 2563 โดยครอบคลุมใน 4 สาขาสำหรับการจัดอันดับคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งได้แก่ TOP500, HPCG, HPL-AI และ Graph 500 และถูกทดลองใช้งานภายใต้ “โครงการส่งเสริมการวิจัยบนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku” รวมไปถึง “โครงการวิจัยเพื่อต่อสู้กับ COVID-19” และโครงการอื่นๆ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 เป็นต้นมา  ในการทดลองใช้งานดังกล่าว มีสองโครงการ นั่นคือ “การศึกษาเกี่ยวกับแบบจำลองของไหลเชิงตัวเลขขนาดใหญ่” และ “การคำนวณด้านอุตุนิยมวิทยาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา” ที่ได้รับเลือกให้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายสำหรับการพิจารณาตัดสินรางวัล ACM Gordon Bell Prize  นอกจากนี้ การวิจัยเกี่ยวกับ “การคาดการณ์และการรับมือกับการติดเชื้อจากหยดของเหลวที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสในสภาพแวดล้อมภายในอาคาร” ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อรูปแบบการดำเนินชีวิตของประชาชน และ Fugaku ได้ดำเนินการคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในการทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มด้านเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับงานด้านวิทยาศาสตร์ รวมถึงการสร้างสังคมยุคใหม่ หรือ Society 5.0

ริเก้นและฟูจิตสึจะยังคงร่วมมือกันเพื่อรองรับการใช้งาน Fugaku อย่างมีเสถียรภาพ ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาสังคมและการเร่งงานวิจัยที่สำคัญ โดยอาศัยการพัฒนาเทคโนโลยีปฏิบัติการที่ดีที่สุดในโลก รวมถึงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการใช้งาน และการพัฒนาและจัดหาเทคโนโลยีที่หลากหลายสำหรับระบบประมวลผลซูเปอร์คอมพิวติ้ง

นอกจากนั้น RIST ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยงานส่งเสริมการใช้งานสิ่งอำนวยความสะดวกภาครัฐ ได้คัดเลือก 74 โครงการสำหรับการใช้งานของภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมในปีงบประมาณ 2564 โดยเปิดให้มีการจัดส่งรายงานข้อเสนอสำหรับโครงการต่างๆ ทั้งนี้เพื่อให้ “โครงการส่งเสริมการวิจัยบนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku” สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และนักวิจัยจากหน่วยงานต่างๆ สามารถเริ่มต้นใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ดังกล่าวได้อย่างเต็มที่ในทันทีที่มีการเปิดให้ใช้งาน Fugaku ร่วมกัน  ปัจจุบัน RIST กำลังเปิดรับรายงานข้อเสนอในหลากหลายสาขา และนักวิจัยที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้

Fugaku ครองอันดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์สูงสุด 4 สาขาจากการจัดอันดับระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูงรายการสำคัญๆ ของโลกใน 2 รอบระยะเวลาติดต่อกัน และใช้ประโยชน์จากศักยภาพของระบบอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหาด้านสังคมและวิทยาศาสตร์  ด้วยพลังประมวลผลที่โดดเด่น Fugaku จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างสังคมยุคใหม่ หรือ Society 5.0 รวมไปถึงสังคมอัจฉริยะ Super Smart Society โดยอาศัยเทคโนโลยีต่อไปนี้

แบบจำลอง (Simulation)

Fugaku ให้ประสิทธิภาพในการรันแอพพลิเคชั่นสูงกว่า K computer ถึง 100 เท่า จึงสามารถรองรับการสร้างแบบจำลองแบบ “ความละเอียดสูง” “ระยะเวลานาน” “ขนาดใหญ่” และ “หลายกรณี” โดยคาดว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบที่หลากหลาย ตั้งแต่การแก้ไขปัญหาสังคมที่พบเห็นโดยทั่วไป ไปจนถึงการปรับปรุงความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแก่นแท้ของวิทยาศาสตร์

ปัญญาประดิษฐ์ (AI), วิทยาศาสตร์ข้อมูล

AI รุ่นอนาคตที่ใช้ Deep Learning จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรซูเปอร์คอมพิวติ้งขนาดใหญ่และการประมวลผลที่หนักหน่วง  ซีพียูของ Fugaku มีประสิทธิภาพสูงใน “การดําเนินการคอนโวลูชัน” (Convolution Operation) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Deep Learning และเชื่อมโยงผ่านเครือข่ายเข้ากับระบบสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า และจะถูกใช้สำหรับงานวิจัยด้าน AI และวิทยาศาสตร์ข้อมูล

การผสานรวมแบบจำลองและ AI/วิทยาศาสตร์ข้อมูล

Fugaku รองรับการผสานรวมแบบจำลองเข้ากับ AI และวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่ระดับสูงที่สุดในโลก  ตัวอย่างเช่น AI สามารถใช้ค้นหาค่าพารามิเตอร์ที่จำเป็นสำหรับการสร้างแบบจำลอง และคาดการณ์ผลลัพธ์ของแบบจำลอง  ในทางกลับกัน แบบจำลองจะสามารถสร้างข้อมูลจำนวนมากให้แก่ AI เพื่อใช้ในการเรียนรู้

การประยุกต์ใช้วิธีการเหล่านี้กับ Fugaku จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดการณ์ไว้ดังต่อไปนี้:

・การเร่งพัฒนายารักษาโรคชนิดใหม่ ด้วยแบบจำลองการคิดค้นยาที่มีความแม่นยำและความเร็วสูง

・การตรวจพบโรคแต่เนิ่นๆ และการพัฒนาการแพทย์เชิงป้องกัน โดยอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลบิ๊กดาต้าทางการแพทย์และแบบจำลองทางชีววิทยา

・การพยากรณ์อย่างแม่นยำเกี่ยวกับพายุทอร์นาโดและฝนตกหนัก โดยอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลบิ๊กดาต้าเกี่ยวกับสภาพอากาศ

・การจำลองแผ่นดินไหว สึนามิ และเส้นทางการอพยพในระดับเมตร

・การพัฒนาแบตเตอรี่เซลล์แสงอาทิตย์ชนิดอินทรีย์ที่มีราคาถูกและแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง, การสังเคราะห์แสงประดิษฐ์ (Artificial Photosynthesis), เซลล์เชื้อเพลิงประสิทธิภาพสูงและแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน และการแยกก๊าซมีเทนออกจากสารประกอบมีเทนไฮเดรต

・การพัฒนาแม่เหล็กถาวรที่ประกอบด้วยธาตุหายากในปริมาณน้อยสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและรถไฟฟ้า

・การเพิ่มความรวดเร็วในการสร้างอุปกรณ์และวัสดุใหม่ๆ สำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

・การลดเวลาและค่าใช้จ่ายสำหรับการพัฒนา ด้วยใช้แบบจำลองแทนการทดสอบที่แท้จริงบางส่วนสำหรับเครื่องบินและรถยนต์

・การค้นหาข้อมูลเชิงลึกเพิ่มมากขึ้นเพื่อตอบคำถามพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ เช่น สสารเกิดขึ้นในจักรวาลเมื่อไรและอย่างไร

ฮิโรชิ มัตสุโมโตะ ประธานบริษัท ริเก้น กล่าวว่า “นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นสำหรับ Fugaku และเราคาดหวังว่าระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงในอนาคต  เหนือสิ่งอื่นใด Fugaku เป็นเทคโนโลยีสำคัญของประเทศญี่ปุ่น และเราจะจัดการดูแลระบบดังกล่าวด้วยความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบ เพื่อก่อให้เกิดผลลัพธ์ด้านการวิจัยที่จะช่วยเสริมสร้างสังคมที่แข็งแรงและยั่งยืน รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงภัยธรรมชาติ และการใช้พลังงานอย่างเหมาะสมมากขึ้น โดยเป้าหมายสำคัญสูงสุดคือ การสร้างสังคมอัจฉริยะยุคใหม่ Society 5.0 ตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาล  นอกจากนี้ เราพร้อมที่จะนำเสนอทรัพยากรประมวลผลและสภาพแวดล้อมการใช้งานที่ดีที่สุดสำหรับนักวิจัยทั่วโลก”

ยาสุฮิเดะ ทาจิมะ ประธานองค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (RIST) กล่าวว่า “ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง Fugaku พร้อมที่จะเริ่มต้นการทำงานอย่างเต็มรูปแบบ  เราคาดหวังว่า ‘สมองกล’ ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างขึ้นนี้จะช่วยให้เราขยายขอบเขตความรู้ความเข้าใจ และรับทราบข้อมูลแบบเจาะลึกมากขึ้นเกี่ยวกับพื้นฐานของสสารทั้งในห้วงเวลาและสถานที่ ทั้งยังช่วยให้เราปรับปรุงการวิเคราะห์เชิงโครงสร้างและฟังก์ชั่นเกี่ยวกับชีวิต สังคม และอุตสาหกรรม เพิ่มความแม่นยำในการพยากรณ์ และออกแบบอนาคตที่ดีให้กับมนุษยชาติ  RIST มุ่งมั่นที่จะสานต่อภารกิจในการเสริมสร้างศักยภาพของ Fugaku ควบคู่ไปกับการเพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้แก่ผู้ใช้หลากหลายกลุ่ม”

ทาคาฮิโตะ โทคิตะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารและ CDXO บริษัท ฟูจิตสึ กล่าวว่า “ฟูจิตสึมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Fugaku ตั้งแต่ขั้นตอนแรกๆ และเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับการเฉลิมฉลองเหตุการณ์ที่สำคัญในวันนี้  Fugaku เป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ได้รับ 4 รางวัลจากการจัดอันดับโลกในรายการสำคัญๆ ด้วยสมรรถนะที่โดดเด่นเหนือชั้นในด้านต่างๆ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลบิ๊กดาต้าและปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมไปถึงการสร้างแบบจำลองซิมูเลชั่น ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญของซูเปอร์คอมพิวเตอร์  นอกเหนือจากความสำเร็จด้านเทคโนโลยีดังกล่าวแล้ว Fugaku ยังมีศักยภาพที่แข็งแกร่งในการช่วยพัฒนาโลกของเราให้น่าอยู่และยั่งยืนยิ่งขึ้น  ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อเราเริ่มต้นการใช้งานร่วมกันอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ Fugaku จะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มหลักที่ช่วยให้นักวิจัยสามารถคิดค้นนวัตกรรมและสร้างสรรค์คุณประโยชน์ในรูปแบบใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาท้าทายด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่โลกของเรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน”

ซาโตชิ มัตสุโอกะ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ประมวลผลริเก้น (RIKEN Center for Computational Science – R-CCS)  กล่าวว่า “ในช่วงเวลาหนึ่งทศวรรษนับตั้งแต่ที่เริ่มต้นการออกแบบ โครงการ Fugaku ได้รวบรวมบุคลากรชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านซูเปอร์คอมพิวติ้ง ทั้งจากภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และแวดวงวิชาการ และบุคลากรเหล่านี้ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูงระดับโลกที่มุ่งเน้นการรองรับแอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย  ด้วยความพยายามดังกล่าว ส่งผลให้ญี่ปุ่นกลายเป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีไอที รวมถึงการพัฒนาซีพียูอเนกประสงค์ที่มีประสิทธิภาพสูงและก้าวล้ำที่สุดในโลก และเราได้บรรลุผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมมากมายในส่วนของการประยุกต์ใช้งาน เช่น การต่อสู้กับการแพร่ระบาดของ COVID-19  ศูนย์ฯ ของเราจะมุ่งมั่นทำการวิจัยและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ Fugaku และพัฒนาระบบประมวลผลให้ก้าวล้ำมากยิ่งขึ้นในอนาคต  แน่นอนว่า Fugaku จะมีบทบาทสำคัญในฐานะโครงสร้างพื้นฐานหลักสำหรับการสร้างสังคมยุคใหม่ตามวิสัยทัศน์ Society 5.0 และมีส่วนร่วมในการพัฒนาต่อยอดทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“ลูกหว้า” สรรพคุณ-ประโยชน์ผลไม้สีม่วง บรรเทาเบาหวาน-ต้านมะเร็ง

ลูกหว้า สรรพคุณ ประโยชน์

ลูกหว้า” (Jambolan plum) เป็นผลไม้ที่หลายคนถ้าได้ยินชื่อครั้งแรกคงแปลกใจกันอยู่บ้าง ว่าหน้าตาของลูกหว้านั้นเป็นอย่างไร เพราะผลไม้นี้แต่ละปีจะออกผลแค่ครั้งเดียว ทั้งยังไม่สามารถพบเจอกันได้ง่ายๆ เพราะมักจะพบตามป่าดิบชื้น หรือถ้าเป็นพื้นที่ทั่วไปก็เป็นพื้นที่แถบชนบทกันมากกว่า ลูกหว้าที่สุกจัดจะรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ฝาดเล็กน้อย แต่ถ้าจิ้มเกลือนิดๆ จะอร่อยไม่แพ้ใครทีเดียว แต่นอกจากความอร่อยแล้ว ลูกหว้ายังมีสรรพคุณทางยาอีกมาก ใครที่เคยเมินลูกหว้า ถ้าคุณไม่อยากพลาดแล้วละก็ มาดูกันดีกว่าลูกหว้ามีสรรพคุณและประโยชน์อย่างไรกันบ้าง

ที่มา ต้นกำเนิดของลูกหว้า

ต้นหว้า เป็นพันธุ์ไม้ที่มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอินเดีย บังคลาเทศ เนปาล ปากีสถาน มีการกระจายพันธ์ไปตามประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปตามภูเขา ป่าดิบชื้น ส่วนในพื้นที่ปกติมีการนำมาปลูกบ้างเพราะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดเพชรบุรี

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของลูกหว้า

ลำต้น เป็นไม้ยืนต้น สูงประมาณ 10-35 เมตร เปลือกต้นค่อนข้างเรียบ สีเทา-ขาว แตกเป็นแผ่นหนาได้

ใบ เป็นใบเดี่ยวรูปไข่ แตกใบเรียงตัวกันแบบตรงกันข้าม โคนสอบ ปลายใบเรียวแหลม ผิวใบเรียบเป็นมัน ท้องใบสีอ่อนกว่า ผิวใบและขอบใบเรียบ ก้านใบยาวประมาณ 0.6-3 ซม. เส้นกลางใบสีเหลืองมองเห็นได้ชัดเจน

ลักษณะของต้นลูกหว้า

ดอก ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบหรือปลายกิ่ง ในหนึ่งช่อมีประมาณ 5 กลุ่มและแต่ละกลุ่มมีดอกย่อย 3-8 ดอก ดอกมีสีขาวหรือเหลืองอ่อน ฐานรองดอกมีลักษณะคล้ายถ้วย ดอกหว้านั้นไม่มีกลีบดอกหรือกลีบเลี้ยง เมื่อดอกยังตูมอยู่จะมีเยื่อบางๆหุ้มดอกเอาไว้ เมื่อดอกบานเยื่อนี้จะหลุดไปเองตรงฐานรองดอกก็จะเจริญเติบโตต่อไปเป็นผล มีเกสรตัวผู้อยู่เป็นจำนวนมากรอบๆ ฐานดอก ส่วนเกสรตัวเมียมี 1 อันอยู่ตรงกลาง ช่อดอกยาวราวๆ 4.5-10 ซม.

ผล ผลมีลักษณะรูปไข่กลมมน อยู่รวมกันเป็นพวง เปลืองบาง ผิวเปลือกเรียบเป็นมัน สีม่วงจนถึงดำ เนื้อผลสีขาวอมม่วง รสฝาดเปรี้ยวอมหวาน

เมล็ด รูปไข่ มีขนาดใหญ่ หนึ่งผลมีหนึ่งเมล็ด

11 สรรพคุณน่ารู้ของลูกหว้า

1. ลูกหว้าอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามิน ลูกหว้าเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต กรดไขมัน แทนนิน กรดเอลลาจิก และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น ฟลาโวนอยด์ แอนโทไซยานิน วิตามินซี เป็นต้น

2. ลูกหว้ามีสรรพคุณแก้ท้องเสีย ผลดิบรับประทานสดแก้ท้องร่วง ท้องเสีย ผลสุกนำไปทำเครื่องดื่ม ไวน์ ช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและบิดได้เช่นกัน

3. ลูกหว้าช่วยลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ได้ศึกษากับหนูทดลองโดยให้สารสกัดลูกหว้ากับหนู พบว่าช่วยให้หลอดเลือดทำงานดีขึ้น ระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดลดลง

4. ลูกหว้าช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ มีงานวิจัยอีกบางชิ้นที่บ่งบอกว่าลูกหว้าอาจช่วยปรับระดับความดันโลหิตได้ โดยให้สารสกัดจากลูกหว้ากับหนูที่ความดันโลหิตสูงนาน 8 สัปดาห์ ผลที่ได้คือหนูเหล่านั้นความดันโลหิตลดลง

5. สรรพคุณลูกหว้าช่วยเทาอาการอักเสบจากการติดเชื้อ บางคนเชื่อกันว่าลูกหว้ามีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบและติดเชื้อได้ มีงานศึกษาในเรื่องนี้โดยการฉีดสารต่างๆเข้าไปที่เท้าของหนูทดลองเพื่อให้เกิดการอักเสบ จากนั้นฉีดสารสกัดจากเปลือกหว้า พบว่าอาการบวมที่เกิดจากสารบางชนิดลดลงได้ นอกจากนี้ยังทดลองโดยให้หนูที่ติดเชื้อแบคทีเรียกินใบหว้าสดๆ พบว่าช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว ทำให้มีภูมิต้านทานมากขึ้น มีโอกาสรอดชีวิตมากกว่าหนูที่ไม่ได้กิน

6. ประโยชน์ของลูกหว้าช่วยลดไขมันในเลือด ที่ประเทศอินเดียมีสูตรยาพื้นบ้านขนานหนึ่ง ที่มีส่วนหลักมาจากลูกหว้า นำมาทานเพื่อลดระดับไขมันในร่างกาย

7. ลูกหว้าช่วยบำรุงกำลัง บางพื้นที่ประเทศมาเลเซีย นำรากหว้าไปต้มกับน้ำแล้วดื่ม เพื่อบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง

8. ลูกหว้าช่วยรักษาโรคผิวหนัง นำใบและเมล็ดมาตำให้ละเอียด แล้วเอาพอกที่ผิวหนังบริเวณที่เป็นโรค

9. ลูกหว้าช่วยชะลอความชรา ลูกหว้ามีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ทานแล้วช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย บำรุงผิว แก่ช้าลง มีส่วนช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง

10.ลูกหว้ารักษาแผลในปากและลำคอ ใบและเปลือกนำมาต้ม กลั้วปาก แก้ปากเปื่อย รักษาแผลเปื่อยในลำคอ ช่วยทำให้เม็ดผดใสๆ ที่ขึ้นตามลิ้น กระพุ้งแก้มและลำคอยุบลงไวยิ่งขึ้น

11. ลูกหว้ามีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร นั้นหอมระเหยในลูกหว้าช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำดี เพิ่มปริมาณน้ำย่อย ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น

3 คุณประโยชน์ของลูกหว้า

1. ยอดอ่อน นำไปรับประทานเป็นผักสด เป็นเครื่องเคียงอาหารอื่น

2. ลำต้น เป็นไม้เนื้อแข็ง นำไปสร้างบ้าน เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ที่ใช้ตกแต่งบ้าน

3. ผลสุก นำไปแปรรูปเป็นน้ำผลไม้หรือไวน์

ข้อควรระวังในการทานลูกหว้า

1. งานวิจัยส่วนใหญ่นั้นวิจัยในหนูทดลอง หากนำมาใช้กับคน ผลการรักษาอาจจะไม่ได้ผลก็ได้ ดังนั้นใครที่เจ็บป่วย หากจะทานยาที่มีลูกหว้าเป็นส่วนผสมหรือนำลูกหว้ามาปรุงยาทานเอง ก่อนทานควรปรึกษาแพทย์ก่อน แต่ถ้าหากรับประทานปริมาณเล็กน้อยเหมือนกันการทานผลไม้ทั่วๆ ไปก็ไม่มีอันตรายใดๆ ต่อร่างกาย

2. ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หากต้องการรับประทานลูกหว้า เครื่องดื่มจากลูกหว้าหรือผลิตภัณฑ์อื่นใดที่มีส่วนผสมของลูกหว้า ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน

3. สตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ควรหลีกการทานลูกหว้าในลักษณะทานเพื่อรักษาโรค

ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากลูกหว้า

ลูกหว้าสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย อาทิเช่น นำมาทำไวน์ จะได้ไวน์ลูกหว้าที่มีรสชาติหวานหอม อร่อย กลมกล่อม ปัจจุบันไวน์นี้เป็นผลิตภัณฑ์โอท็อปชนิดที่ขายดีมาก และเนื่องจากลูกหว้าเป็นผลไม้ที่คนรู้จักน้อย ไม่ค่อยเป็นที่นิยมทาน บางคนเลยนำลูกหว้ามาเพิ่มมูลค่าโดยการนำไปทำเป็นเครื่องดื่ม ไอศกรีม โยเกิร์ต แยมผลไม้ เป็นต้น

คราวนี้ก็รู้กันแล้วว่า จริงๆ แล้วเจ้าผลไม้เปลือกสีม่วงสวยอย่างลูกหว้ามีสรรพคุณและประโยชน์อย่างไรบ้าง ต่อไปถ้าเห็นลูกหว้าตรงไหน อย่าลืมซื้อหามาลองทานกันนะคะ ถ้าบ้านใครมีต้นหว้าอยู่ใกล้ๆ เก็บลูกหว้ามาเยอะๆ แล้วมาทำแยมหรือเครื่องดื่มแช่ตู้เย็นเอาไว้ สามารถเก็บรักษาไว้รับประทานได้นานทีเดียวค่ะ

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดเบาหวาน ไขมัน คอเลสเตอรอลแบบแคปซูล ทานง่าย ได้ผลจริง และมีคำยืนยันจากผู้ที่ลองใช้ ลองคลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sukkaphap-d.com

ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 25,400.00 25,500.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,645.00 24,938.20 26,000.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,480.50 22,444.38 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,316.00 19,950.56 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 740.00 11,218.40 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 576.00 8,732.16 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,705.00 25,847.80 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 26/03/2564

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 95 26.55 26.55 26.55 26.55 26.55 26.55 26.55 26.55 26.55 26.55
แก๊สโซฮอล์ 91 26.28 26.28 26.28 26.28 26.28 26.28 26.28 26.28 26.28 26.28
แก๊สโซฮอล์ E20 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04
แก๊สโซฮอล์ E85 20.99 20.99 20.99
เบนซิน 95 33.96 34.41 34.46 33.96 33.96
ดีเซล B7 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59
ดีเซล 23.59 23.59 23.59 23.59 23.59 23.59 23.59 23.59 23.59 23.59
ดีเซล B20 23.34 23.34 23.54 23.34 23.34 23.34 23.34
ดีเซลพรีเมี่ยม 31.16 31.36 33.04 32.56 31.16
แก๊ส NGV 13.43 13.43 13.43
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า