เปิด 3 อันดับทำเล คอนโดฯ – บ้านเดี่ยว – ทาวน์เฮ้าส์ ขายดี ปี 2563
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เปิด 3 ทำเลที่อยู่อาศัยขายดี ปี 2563 ขณะ ณ สิ้นปี 2563 มีจำนวนหน่อยเหลือขายทั้งตลาด กทม.- ปริมณฑลรวมกว่า 1.76 แสนหน่วย
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผย ภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัย ครึ่งหลังปี 2563 โดยมีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยเสนอขายในตลาดหากเทียบกับครึ่งแรกของปี 2563 จะพบว่ามีจำนวน 173,093 หน่วย ขณะที่หน่วยเหลือขายที่ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 มีจำนวน 176,173 หน่วย ซึ่งมีจำนวนที่เพิ่มขึ้นเพียง 3,080 หน่วย เทียบกับครึ่งแรกของปี 2563 ที่มีหน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8
ประกอบด้วยอุปทานใหม่เป็นเภทโครงการอาคารชุด จำนวน 17,883 หน่วย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ประมาณ – 40.8% ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2563 มีอุปทานเสนอขายทั้งสิ้น 90,215 หน่วย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ประมาณ -5.8% ในขณะที่มีหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 16,403 หน่วย ลดลงประมาณ -15.7% โดยมีหน่วยเหลือขาย 73,812 หน่วย ลดลง -3.2% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 และมีอัตราดูดซับ 3.0%
ซึ่งทำเลเด่นหรือพื้นที่ที่มีศักยภาพในการขายคอนโดมิเนียม (อาคารชุด) 3 อันดับแรก ได้แก่
อันดับ 1 โซนพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ
อันดับ 2. โซนห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง
และอันดับ 3.โซนลําลูกกา-คลองหลวง-ธัญญบุรี-หนองเสือ
ประเภทบ้านเดี่ยวประกอบด้วยอุปทานใหม่ จำนวน 4,991 หน่วย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ประมาณ -24.8% ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2563 มีอุปทานเสนอขายทั้งสิ้น 31,885 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ประมาณ 1.9% ในขณะที่มีหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 4,609 หน่วย เพิ่มขึ้นประมาณ 45.8% โดยมีหน่วยเหลือขาย 27,276 หน่วย ลดลง -3.0% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 และมีอัตราดูดซับ 2.4%
ซึ่งทำเลเด่นหรือพื้นที่ที่มีศักยภาพในการขายบ้านเดี่ยว 3 อันดับแรก ได้แก่
อันดับ 1 โซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง
อันดับที่ 2 โซนบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย
และอันดับ 3 โซน ลําลูกกา-คลองหลวง-ธัญบุรี-หนองเสือ
สำหรับทาวน์เฮ้าส์อุปทานใหม่ มีจำนวน 9,493 หน่วย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ประมาณ -41.4% ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2563 มีอุปทานเสนอขายทั้งสิ้น 68,743 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ประมาณ 4.3% ในขณะที่มีหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 10,790 หน่วย เพิ่มขึ้นประมาณ14.3% โดยมีหน่วยเหลือขาย 57,953 หน่วย เพิ่มขึ้น 2.6% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 และมีอัตราดูดซับ 2.6%
ซึ่งทำเลเด่นหรือพื้นที่ที่มีศักยภาพในการขายทาวน์เฮ้าส์ 3 อันดับแรก ได้แก่
อันดับ 1 โซนบางพล-บางบ่อ-บางเสาธง
อันดับ 2 โซนเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์
อันดับ 3 โซนบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย
อย่างไรก็ตามจากการประมวลผลสำรวจโดยภาพรวมพบว่าในปี 2564 ตลาดบ้านจัดสรรต้องให้ความสำคัญกับปริมาณอุปทานที่เข้ามาในระบบ เนื่องจากมีจำนวน และสัดส่วนสูงกว่าอาคารชุดในตลาดแล้ว โดยเฉพาะบ้านจัดสรร ราคา >10 ล้านบาท มีอุปทานเพิ่มขึ้นทุกครึ่งปี โดยยอดขายปี 2563 เฉลี่ยประมาณ 1,200 หน่วยต่อรอบครึ่งปี นับว่าเป็นจำนวนหน่วยที่ขายดี ขณะที่ก็มีหน่วยเหลือขายสะสมเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ส่วนบ้านจัดสรร ราคา <=3 ล้านบาท. เป็นกลุ่มสินค้าที่มีความต้องการสูงแต่ไม่ค่อยมีสินค้า ที่เหลืออยู่ก็ยังคงขายได้อย่างต่อเนื่อง ๆ แต่ผู้ประกอบการได้มีการปรับจากการพัฒนาบ้านเดี่ยวมาเป็นบ้านแฝดแทน ซึ่งตลาดยังคงตอบรับไม่ดี และสำหรับทาวเฮ้าความต้องการซื้อก็ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่อยู่ในทำเลดี ในขณะที่หน่วยเหลือขายยังคงมีอยู่มาก
สำหรับตลาดอาคารชุดยังต้องให้ความสำคัญกับการเร่งระบายหน่วยที่สร้างเสร็จแล้ว ซึ่งหน่วยเหลือขายของคอนโดมิเนียมแทบไม่ลดลงเลยแม้ว่าหน่วยเข้าใหม่มีน้อย แต่หน่วยที่ขายได้มีจำนวนน้อยเช่นกัน ทำให้หน่วยเหลือขายไม่ลดลงเท่าที่ควร หน่วยเหลือขายที่เป็น Inventory ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ H2/2562 โดยมาจากส่วนที่เป็นกำลังก่อสร้างทยอยสร้างเสร็จ ดังนั้นการเปิดโครงการใหม่จึงมีความ เสี่ยง ต้องมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดและทำเลดี ห้องชุดราคาสูงขายได้น้อยลง ขณะที่ห้องไม่ราคาเกิน 3 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท ยังพอขายได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
‘พฤกษา’ Go On ไตรมาสแรก ยอดขายโต 14%
การประกาศผลประกอบการงวด 3 เดือนแรก เดือน ม.ค.- มี.ค. ปี 2564 ของบิ๊กอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่คว้ารายได้รวม อยู่ที่ 6,888 ล้านบาท แม้ติดลบ แต่ระบุ ว่าเป็นตัวเลขที่สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 7% และมีกำไรสุทธิราว 606 ล้านบาท อีกทั้ง ยังสามารถ ทำยอดขายได้ 6,940 ล้านบาท เติบโตถึง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ดูเหมือนจะเป็นการเทิร์นอะราวด์ทางตัวเลขที่มีทิศทางดีขึ้นมาก สำหรับบริษัทที่เคยตระหนกกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 และตัดสินใจชะลอการเปิดโครงการใหม่เป็นจำนวนมากในช่วงปีที่ผ่านมา
โดยล่าสุดคีย์แมนคนสำคัญ “นายปิยะ ประยงค์” แสดงความมั่นใจว่าแม้ ขณะนี้ตลาดที่อยู่อาศัยไทยปีนี้ ยังเผชิญกับปัญหากำลังซื้อระดับล่าง ตกต่ำ แต่ตลาดมีโอกาสเติบโตได้ราว 5% เช่นเดียวกับเป้าหมายรายได้ ที่ยังยึดมั่นจะเป็นไปตามเป้า 3.2 หมื่นล้านบาท เตรียมขับเคลื่อนโปรเจ็กต์ฮีโร่ บ้านระดับกลางค่อนบน รับกลุ่มกำลังซื้อแข็ง ควบคู่ กับกลยุทธ์การบริหารต้นทุนในทุกรูปแบบ ตีแตกทุกแพลตฟอร์มการขาย รับปีทองของผู้บริโภค
3 เดือนแรกทรงดี
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไตรมาสแรก ของ กทม.-ปริมณฑล มีมูลค่ารวม 73,921 ล้านบาท เติบโตขึ้น 32% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นการบวกขึ้นในทุกกลุ่มโปรดักส์ บ้าน คอนโด และทาวน์เฮ้าส์ ขณะการโอนกรรมสิทธิ์นั้น ยอด 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) บวกเล็กน้อย 2% อยู่ที่ 49,179 ล้านบาท พบตลาดที่ขับเคลื่อน และเป็นบวกเพียงตลาดเดียวคือ บ้านเดี่ยว เพิ่มขึ้น 29% เป็นสัดส่วนการโอน กว่า 17,000 ล้านบาท
ด้านสต๊อกคงค้างของตลาด ณ ไตรมาสแรก อยู่ที่ 214,148 ใกล้เคียงปีก่อนหน้า สำหรับพฤกษานั้น ได้ส่วนแบ่งการตลาดกลับคืนมา จากยอดขายที่ทำได้ 6,456 ล้านบาท เป็นสัดส่วนราว 8.7% จากก่อนหน้า หล่นไปอยู่ที่ 7.6% เป็นครั้งแรก โดยเป็นการบวกขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 14% และเพิ่มขึ้นถึง 20% จากไตรมาส 4 ปี 2563 ทั้งนี้ ยอมรับว่า เป็นผลการจากใช้กลยุทธ์ลดสินค้าคงเหลือลงอย่างต่อเนื่อง
“ไตรมาสแรกปี 64 เป็นไตรมาสที่มียอดขายดีที่สุดในช่วงโควิด มาจากตั้งแต่กลยุทธ์ เคลียร์สต๊อก โปรโมชั่นแรง (พฤกษาคุ้ม-พฤกษาจบทุกดีล), การมั่นใจกลับมาลุยเปิดโครงการใหม่ จำนวน 5 โครงการ ซึ่งมีอัตราดูดซับดี และการสร้างคุณค่าให้กับสินค้า เช่น สิทธิพิเศษต่างๆ จากธุรกิจในเครือ ทำให้ผลงานดีขึ้น”
มั่นใจตามเป้า
ปี 2564 นั้น บริษัทยังคงตามแผนดำเนินงานที่ประกาศไว้ คือ เปิดใหม่ 29 โครงการ เพื่อช่วยผลักดันทางด้านยอดขาย หลังจากขณะนี้สต๊อกคงเหลือลดลงไปมาก จาก 23,392 ล้านไปในช่วงไตรมาสแรกปี 2563 เหลือปัจจุบัน 11,731 ล้านบาทเท่านั้น โดยการเปิดโครงการใหม่ที่รอบคอบมากขึ้น จะส่งผลให้มีจำนวนโครงการที่เปิดขายทั้งหมดลดลงอย่างเหมาะสม รวมทั่วประเทศอยู่ที่ 144 โครงการ โดยมั่นใจว่าทั้งปียังทำได้ตามเป้าหมายรายได้ 3.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจาก สังเกตเพียงเมษายนเดือนเดียวนั้น บริษัทสามารถทำยอดขายได้มากถึง 2 พันล้านบาท ส่งผลยอดขายรวมที่ทำได้ ณ ขณะนี้ เกินกว่า 7 พันล้านบาทแล้ว ต่างจากโควิดปีที่แล้ว ที่ช่วงไตรมาส 2 เป็นจุดต่ำสุดในด้านยอดขาย แต่ปีนี้่ ยอดไม่ตก
ขณะเดียวกัน พบว่า การค้นหาบ้านพฤกษาในออนไลน์โตรวม 20% คาด มาจากคนกักตัวอยู่บ้าน มีความจำเป็นในการหาที่อยู่อาศัยใหม่เพิ่มขึ้น กลายเป็นเทรนด์ลูกค้ายุคใหม่ ที่ใช้ดิจิทัลเยอะขึ้น และศึกษาโครงการอย่าง ละเอียด เช่นเดียวกับความต้องการดีไซน์ ซึ่งของบริษัทมีการผนวกเรื่องสุขภาพ ทั้งโปรดักต์และบริการเข้าไปเสริม ทำให้ได้รับความสนใจ ส่วนลูกค้าวอคอิน 80-90% ต้องการสินค้าพร้อมอยู่ เช่น คอนโดฯ ฉะนั้นรายใดไม่มีของในมือ เท่ากับเสียโอกาส
ทางรอดอสังหาฯ 64
นายปิยะ ทิ้งท้าย คาดการณ์ถึงทิศทางอสังหาฯปีนี้ ว่า ปัญหาใหญ่ คือ กำลังซื้อ และทิศทางเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัว ทำให้ลูกค้ากลุ่มใหญ่ไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ มากสุดคือกลุ่มต่ำกว่า 2 ล้านบาท หรือผู้ซื้อช่วงรายได้ หมื่นกว่าบาทต่อเดือน ซึ่งกำลังซื้อผันแปรตามจีดีพี ขณะลูกค้ากลุ่มบน พบว่าหยุดการซื้อ โดยกลุ่มลูกค้าที่สำคัญ คือ กลุ่มรายได้ 3 หมื่น – 1 แสนบาท เติบโตค่อนข้างดี โดยเฉพาะกลุ่มรายได้มากกว่า 5 หมื่นบาทขึ้นไปนั้น ยอดเติบโตขึ้นมา 20% สินค้าขายดี แบ่งเป็น ทาวน์เฮ้าราคา 2-3 ล้านบาท ,บ้านเดี่ยว 5-15 ล้านบาท ของบริษัทโตเกือบ 60% และคอนโดพร้อมอยู่ราคา 2-5 ล้านบาท
โดยคาดอสังหาฯปีนี้ อาจเติบโตได้ราว 5% ภายใต้สมมุติฐานจีดีพีประมาณ 2-3% โดยขึ้นอยู่กับ วัคซีนโควิดที่ฉีด เพราะไตรมาสแรกยอดขายโต 30% และคาดหลังจากโควิดจบ เปิดประเทศทัน ผ่านนโยบายชักชวนต่างชาติรายได้ดีๆเข้ามา ก็น่าจะในการฟื้นตัวของตลาดได้อย่างมาก
“ปีที่แล้ว ตลาดลงสู่จุดต่ำสุดแล้ว พฤกษาเองระมัดระวัง และมีบทเรียน โดยเพียง 3 เดือนแรกของปีนี้ ฟื้นตัวดีขึ้นมาก ฉะนั้นแผน Go On โดยอาศัยการปรับมาร์เก็ตติ้งมากขึ้น ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น จากแผนการฉีดวัคซีน เรามีโรงพยาบาลเป็นของตัวเอง ศูนย์สุขภาพในโครงการ จะเป็นความแตกต่างที่ช่วยเสริมความน่าสนใจของพฤกษานับจากนี้”
ทั้งนี้ กลยุทธ์สำคัญในปี 2564 คือ การบริหารจัดการสินทรัพย์, การสร้างคุณค่าในโครงการ และการผนวกธุรกิจด้านสุขภาพ จากการเปิดอย่างเป็นทางการของโรงพยาบาลในเครือ “รพ.วิมุต”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บาทเปิด 31.43 บาทต่อดอลลาร์
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 31.43 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.46 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจากกระแสเงินทุนไหลออกยังมีอย่างต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิทั้งในฝั่งหุ้น และฝั่งพันธบัตร ขณะที่ในการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อคืนนี้ มีกรรมการบางคนออกมาส่งสัญญาณที่ทำให้ตลาดระมัดระวังว่าเฟดอาจจะถอนมาตรการ QE
อย่างไรก็ดี คืนนี้นักลงทุนยังติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ คือ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.35 – 31.50 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
“มาร์ค คาเวนดิช” : จากเสมียนตัวอ้วนสู่ยอดตัวสปรินท์ระดับ GOAT ของวงการจักรยาน
มาร์ค คาเวนดิช คือหนึ่งในนักปั่นจักรยานทางไกลสายสปรินท์ที่โดดเด่นที่สุดของโลก เขาคว้าเสื้อเขียว เจ้าความเร็วของศึก ตูร์ เดอ ฟรองซ์ ในปี 2011 และรางวัลอะไรต่อมิอะไรมากมาย จนถึงขั้นได้รับการประดับยศจากราชินีอังกฤษ
เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ คือตำนานที่ใครหลายคนไม่เคยรู้..
สิบกว่าปีก่อน เขาเป็นพนักงานออฟฟิศ นั่งติดจอคอม กินไม่ยั้ง ไม่ออกกำลังกาย และอ้วนเกินเกณฑ์ แต่เมื่อบางสิ่งเข้ามา เขาจึงรู้ว่าร่างกายของคนเรานั้นมีขีดจำกัดที่สูงเกินกว่าที่ใครจะมองเห็นมัน หากไม่มุ่งมั่นและตั้งใจจริงๆ
นี่คือเรื่องราวของ GOAT แห่งการสปรินท์ในวงการจักรยาน.. ติดตามได้ที่นี่
วัยเด็ก.. ที่เกือบหลุดโค้ง
วัยเด็กของ มาร์ค คาเวนดิช นั้นผูกพันกับจักรยานมาตั้งแต่จำความได้ เขาเริ่มขี่จักรยาน BMX ตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ โดยที่ที่เขาจะนัดเจอและรวมแก๊งกับเพื่อนๆคือศูนย์กีฬาแห่งชาติ ในเมืองดักลาส ที่เกาะแมน (Isle of Man – เกาะเล็กๆในการปกครองของสหราชอาณาจักร) ซึ่งในขณะที่เขาทำเช่นนั้นไปทุกเมื่อเชื่อวัน พ่อและแม่ของเขาก็เริ่มจะเห็นบางอย่างในตัวของเขา นั่นคือ มาร์ค คือคนที่ชอบปั่นจักรยานจริงๆ ทว่ารถจักรยาน BMX ของเขาต้องใช้แรงเยอะมากกว่าปกติ จึงจะตามเพื่อนๆที่ปั่นจักรยานเสือภูเขาเสมอ ดังนั้น พวกเขาจึงตั้งใจซื้อจักรยานเสือภูเขาเป็นของขวัญให้ลูกชาย
“ผมปั่นจักรยานอยู่เรื่อยเลย จนวันหนึ่งแม่ของผมบอกว่า แม่ตลกมากที่เห็นผมต้องปั่นจักรยาน BMX ไล่กวดรถจักรยานของเพื่อน ผมร้องขอให้ท่านซื้อจักรยานเสือภูเขาให้ผมอยู่พักใหญ่ และสุดท้ายผมก็ได้มันมาครอบครอง”
“หลังจากได้จักรยานเสือภูเขาคันแรกในวันเกิดครบรอบอายุ 13 ปี ผมเอามันออกมาปั่นแข่งกับเพื่อนๆ และผมสามารถเอาชนะเพื่อนทุกคนได้นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา” คาเวนดิช กล่าว
ชัยชนะนั้นเป็นเหมือนสิ่งเสพติดสำหรับคนที่เกิดมาเป็นแชมเปี้ยน.. หลังจากนั้นเป็นต้นมา คาเวนดิช เอาจริงเอาจังถึงขั้นตั้งเป้าเป็นนักปั่นจักรยานอาชีพ เขาได้รับแรงบันดาลใจจาก เดวิด มิลลาร์ นักปั่นชาวสก็อต ที่มาแข่งรายการ Isle of Man Cycling Festival ในเกาะบ้านเกิดตอนเจ้าตัวอายุเพียง 11 ปี ความเอาจริงเอาจังนั้นถูกซึมซับมาเรื่อยๆ จนที่สุดแล้ว คาเวนดิช เลือกเส้นทางของตัวเองด้วยการลาออกจากโรงเรียน และหางานทำด้วยการเป็นเสมียนในธนาคาร เพื่อหาเงินให้เพียงพอสำหรับความฝันในการเป็นนักปั่นอาชีพ
ทว่าชีวิตจริงไม่เคยง่าย เมื่อต้องมานั่งทำงานนั่งโต๊ะ เขาก็โดนสภาพแวดล้อมและธรรมชาติของพนักงานออฟฟิศเล่นงาน นั่นคือ เมื่อทำงานติดโต๊ะอยู่ 2-3 ปี เขาก็ออกกำลังกายน้อยลง กินมากขึ้น และสิ่งที่ตามมาคือน้ำหนักตัวที่อ้วนขึ้น จนไม่สามารถปั่นจักรยานได้ดีอย่างเดิม
มาร์ค คาเวนดิช อาจจะไม่เคยบอกว่าเขาอ้วนขนาดไหน แต่เขาให้สัมภาษณ์ว่า “I’m Fat Banker” (พนักงานธนาคารตัวอ้วน) ซึ่งถึงตอนนั้น เขาก็เกือบหลุดจากเส้นทางที่ตนเองเคยฝันแล้ว จนกระทั่งเขาได้พบเจอกับใครคนหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขาโดยแท้จริง
ผู้หญิงเปลี่ยนโลก
“ตอนนั้นอายุ 16 ปีเห็นจะได้มั้ง ผมเองห่างจากวงการปั่นจักรยานพอสมควรเลย ผมเป็นเสมียนในธนาคารบาร์เคลย์ กินๆ นั่งๆ จนมีร่างกายอ้วนท้วนสมบูรณ์เลยทีเดียว”
“มื้อเที่ยงของงานจะมีเวลาให้กินราวครึ่งชั่วโมง แต่ผมจัดเต็มมาก กิจวัตรคือการซื้อแซนด์วิชกุ้ง พร้อมมันฝรั่งอบกรอบอีก 1 ห่อใหญ่ ตอนนั้นผมยอมรับเลยว่าผมเสพติดจังค์ฟู้ด (อาหารขยะ) มันเป็นมาจนถึงทุกวันนี้ เวลาเห็นขนมห่อพวกนั้นเหมือนมันกำลังส่งเสียงเรียกผมอยู่” คาเวนดิช กล่าวอย่างอารมณ์ดี
หากใครที่เคยได้เข้าวงการเด็กอ้วน หากินของอร่อย และขี้เกียจออกกำลังกายแล้ว จะเข้าใจดีว่าการลุกออกจากเก้าอี้ทำงานมาออกกำลังกายมันยากขนาดไหน ใครสักคนที่เอาชนะความขี้เกียจได้ นั่นหมายถึงว่าคนๆนั้นจะต้องเป็นคนที่มีแรงจูงใจชัดเจนถึงขีดสุดจริงๆ
คาเวนดิช ยังคงทำงานไป ซ้อมปั่นจักรยานแบบสมัครเล่นไป แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์และพลังอยู่บ้าง จนสามารถเก็บเงินเเล้วคัดเลือกเข้าสู่ British Cycling เข้าไปอยู่ใน Olympic Academy ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะก้าวมาเป็นนักปั่นระดับโลก แม้จะเข้าไปได้แบบฉิวเฉียด เพราะเจ้าตัวสอบตกในการปั่นจักรยานอยู่กับที่ ทว่าทีมโค้ชไปขอร้องกับผู้อำนวยการสถาบันให้เก็บตัวไว้เพราะเห็นถึงศักยภาพ
การได้รับการร้องขอครั้งนี้เปรียบเหมือนโอกาสที่ 2 ที่ คาเวนดิช จะพลาดอีกไม่ได้อีกต่อไป เขามุ่งมั่นในการปั่นจักรยานอย่างเต็มที่ แต่วินัยในเรื่องอาหารการกินนั้นยังแก้ไขได้ไม่เต็มร้อย เนื่องจากปีศาจจังค์ฟู้ดยังตามหลอกหลอนเขา พวกขนมกรอบ ขนมถุง ยังเป็นสิ่งที่เขาตัดใจจากมันไม่ได้ และนั่นทำให้ คาเวนดิช ไปไม่สุดทางเสียที
ในช่วงการเทิร์นโปรเข้าสู่นักปั่นอาชีพในปี 2005 ความเก่งของ คาเวนดิช เริ่มฉาย แต่มันยังไปได้ไม่สุดทางอย่างที่เขาหวัง เพราะสำหรับนักปั่นในสไตล์ที่ทุ่มพลังไปกับการสปรินท์นั้น เป้าหมายคือการลบคำปรามาสในรายการจักรยานทางไกลอย่าง ตูร์ เดอ ฟร้องซ์ นั่นเอง
ช่วงของการพักร้อนในปี 2006 เขาได้พบกับใครสักคนที่สามารถผลักดันตัวเขาได้ดียิ่งกว่าใครๆที่เขาเคยพบเจอ.. เขาไปที่สหรัฐอเมริกา และพบกับคนที่จะมาเป็นภรรยาของเขาในอนาคต
มาร์ค โชคดีที่ได้พบกับผู้หญิงที่ชื่อว่า พีต้า ในระหว่างที่เขาเดินทางไปพักร้อนที่ลอส แอนเจลิส ทั้ง 2 คนเจอกันที่ท่าเรือซานตา โมนิกา และสานสัมพันธ์กันด้วยเดทแรก จากนั้นก็เริ่มคบหาดูใจกันเรื่อยมา
ไลฟ์สไตล์ของกันและกันคือเรื่องสำคัญมากสำหรับชีวิตคู่ มาร์ค ไม่เคยเจอความรักในแบบที่ พีต้า ให้ เธอเคยเป็นลูกชาวไร่ที่ชอบทำอาหารกินเองที่บ้าน และเมนูที่บ้านของ พีต้า ก็กลายมาเป็นสิ่งที่เธอนำมาวางบนโต๊ะอาหารให้กับ คาเวนดิช แทน จากคนกินจังค์ฟู้ดเต็มระบบ คาเวนดิช ได้รับการจัดเมนูสุขภาพตามฉบับชาวไร่แบบไม่เว้นแต่ละวัน
“หลังจากนั้น เมื่อผมแต่งงาน พีต้า ก็เข้ามาควบคุมอาหารการกินของผม เธอเหลือเชื่อมากๆ เธอมีสูตรอาหารที่แตกต่างกันมากมาย เปลี่ยนสูตรการทำทุกวัน ผมได้เรียนรู้ว่าตัวเองเคยกินโปรตีนจากสิ่งไหน ควรรักษากล้ามเนื้อส่วนใดบ้าง”
การเจอกับ พีต้า ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของ มาร์ค คาเวนดิช อย่างแท้จริง มื้ออาหารของเขาถูกจัดให้อย่างเหมาะสม เพราะ พีต้า นั้นก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ จากการที่เธอเป็นคอลัมนิสต์ด้านอาหารของหนังสือพิมพ์หัวใหญ่ของอังกฤษอย่าง “เดอะ ซัน”
ซึ่ง คาเวนดิช เล่าว่าอาหารการกินของเขาที่ พีต้า จัดให้แตกต่างกับนักปั่นจักรยานคนอื่นๆ เนื่องจากเธอเอาสัดส่วนและน้ำหนักของเขาไปคำนวณเพื่อเตรียมอาหารที่เหมาะสมและเพิ่มประสิทธิภาพได้ดีที่สุด
พีต้า ทำให้ คาเวนดิช ได้กินของที่มีประโยนช์และส่งผลโดยตรงต่อการฝึกซ้อมของเขา ซึ่งนั่นคือขุมพลังสำคัญที่ทำให้เขากำลังจะเจอเส้นทางที่ยิ่งใหญ่ที่ตนเองฝันมาตลอด
เทพเจ้าแห่งการสปรินท์
คาเวนดิช หลับหูหลับตาฝึกอย่างหนักหน่วง เพราะว่ากันกันว่า หลักสูตรการสอนเพื่อยกระดับนักกีฬาที่นี่ไม่ต่างจากเผด็จการ เมื่อได้รับคำสั่งต้องทำตาม ซึ่งในแต่ละปีก็มีคนถอดใจเยอะ แต่ไม่ใช่สำหรับ คาเวนดิช ที่นอกจากจะพยายามในส่วนของการฝึกซ้อมแล้ว เขายังเคยต้องรับงานเป็นเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดและพนักงานโรงอาหารในสถาบัน เพื่อรับค่าจ้างราว 60 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ใช้เป็นค่ากินอยู่อย่างประหยัด
คาเวนดิช เล่าว่าเขาซ้อมปั่นจักรยานราวๆวันละ 7 ชั่วโมงแบบเต็มๆ ซึ่งสิ่งที่เขาปลดล็อกได้คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการแข่งขันปั่นจักรยานนั่นคือการ สปรินท์ หรือการเร่งความเร็วแบบเฉียบพลัน ซึ่งต้องใช้พลังงานในการปั่นสูงมาก และร่างกายของ คาเวนดิช ที่กินดี อยู่ดี และ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงตารางการฝึกซ้อมที่เน้นเรื่องกำลังขาในการปั่นขึ้นเนินเขาที่มีความชันสูง ทำให้เขาสามารถมีระยะสปรินท์ได้ไกลกว่าคนอื่นๆในสถาบันทั้งหมด
“การฝึกซ้อมของเราเป็นการฝึกที่เข้มข้นมาก เราต้องสปรินท์กันแทบจะทั้งวันทั้งคืน ให้อีกคนหนึ่งเป็นคนนำและให้อีกคนปั่นแซงให้ได้ คำแนะนำเดียวที่ผมได้จากการฝึกซ้อมคือ ‘ออกไปปั่นให้หนักๆเข้าไว้’ เดี๋ยวทุกอย่างจะดีเอง ส่วนเรื่องพรสวรรค์อย่าไปสนมันเลย”
“ผมมักจะได้รับการเน้นให้สปรินท์ในช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขันเสมอ ผมพยายามฝึกให้ได้เกินระยะกับคนอื่นๆ แม้กระทั่งในการแข่งขัน ตูร์ เดอ ฟรองซ์ ที่คนอื่นสปรินท์กันได้ในระยะ 150-250 เมตรแบบสุด แต่ผมคิดว่าผมสามารถทำได้อย่างต่ำๆก็ 300 เมตรเสมอ”
เป็นที่เข้าใจในหมู่คอจักรยานว่า ชื่อของ มาร์ค คาเวนดิช นั้นคือหนึ่งใน “GOAT” หรือเก่งที่สุดตลอดกาลด้านการสปรินท์โดยตรง เทคนิคการปั่นของเขาและการเร่งสปีดอันเป็นตำนานถือเป็นทักษะที่เมื่อเขาปลดล็อกได้แล้วทุกอย่างก็สยบใต้แทบเท้าอย่างแท้จริง
จุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของเขาเกิดขึ้นเมื่อปี 2005-2006 เมื่อเขาสามารถคว้าแชมป์โลกจักรยานลู่ในประเภทเมดิสัน พร้อมๆกับการก้าวสู่วงการจักรยานถนนระดับมืออาชีพ และหลังจากนั้น เจ้าตัวก็กลายเป็นสปรินท์เตอร์ตัวฉกาจที่กวาดความสำเร็จมาแล้วทุกสนาม
เสื้อเจ้าความเร็วตัวแล้วตัวเล่า ถูกเขานำมาใส่กรอบติดไว้ที่บ้าน รวมถึงเสื้อเขียว เจ้าความเร็วในจักรยานทางไกลรายการที่เก่าแก่และโหดที่สุดในโลกอย่าง ตูร์ เดอ ฟรองซ์ ที่ทำได้เมื่อปี 2011 ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าตัวยังคว้าแชมป์สเตจรายการนี้ตลอดอาชีพได้มากถึง 30 ครั้ง เป็นรองเพียง เอ็ดดี้ เมิร์กซ์ ที่ทำไว้ 34 ครั้งเท่านั้น
แต่หากจะถามว่าเสื้อตัวไหนที่ มาร์ค คาเวนดิช ภูมิใจที่สุด? คำตอบนั้นเจ้าตัวบอกเองว่าคือ เสื้อเหลือง ที่สงวนไว้สำหรับเฉพาะผู้ทำเวลารวมเร็วที่สุดใน ตูร์ เดอ ฟรองซ์ เท่านั้น.. นี่คือเสื้อที่เหล่าสปรินท์เตอร์ได้เพียงแค่ฝัน เพราะโดยปกตินักจักรยานอาชีพจะถูกฝึกให้เด่นแค่ด้านใดด้านหนึ่งเพียวๆ ซึ่งส่วนใหญ่คนที่ได้สวมเสื้อนี้มักเป็นนักปั่นที่ทำผลงานไต่เขาได้ดี แต่ที่สุดแล้ว เขาก็คว้ามันมาได้ 1 ตัว จากการคว้าแชมป์สเตจแรกเมื่อปี 2016
ถึงอายุจะล่วงเลยสู่วัย 35 ปีแล้วในตอนนี้ แต่ชื่อของ มาร์ค คาเวนดิช ยังเป็นตัวเต็งในทุกสนามที่ลงแข่งขัน เพราะแม้หลังๆจะมีอาการบาดเจ็บรบกวนเป็นระยะ แต่ปี 2021 ก็ยังมีผลงานแชมป์สเตจจักรยานทางไกลติดมือ ความสำเร็จหลังยุค 2010s ถือว่าเขานั้นเป็นเบอร์ 1 ของวงการในสายเจ้าความเร็วก็ว่าได้
นอกจากความสำเร็จในแง่การแข่งขันแล้ว เขายังเป็นบุคคลแบบอย่างของสังคมในแง่การปฎิบัติตัวแบบมืออาชีพ โดยในปี 2011 เขาได้รับการประดับยศเป็นสมาชิกของภาคีจักรวรรดิอังกฤษ (MBE) นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล BBC Sports Personality of the Year Award ในปี 2011 อีกด้วย
เหนือสิ่งอื่นใด ชีวิตของคนเราล้วนต้องการจุดเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย เพื่อสร้างอิมแพกต์ที่ยิ่งใหญ่เกินใครจะคาดเดาได้
ใครจะคิดว่าหนุ่มออฟฟิศน้ำหนักเกินเกณฑ์จะเปลี่ยนไปภายในเวลาไม่กี่ปี.. ผู้หญิง 1 คน, อาหาร 1 มื้อ และ บรรยากาศดีๆสัก 2-3 ชั่วโมง มากพอที่จะทำให้ มาร์ค คาเวนดิช ระลึกขึ้นมาได้ว่าฝันที่แท้จริงของเขาคืออะไร?..
ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเขาก็หามันเจอ และทะยานไปคว้ามันได้อย่างยิ่งใหญ่สมราคาแชมป์อย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ศบค.รับสมัครจิตอาสา ช่วยงานบุคลากรทางการแพทย์
จากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ใน กทม.และต่างจังหวัด ยังคงมีจำนวนมาก ทำให้การดูแลรักษาอาจทำได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นทาง ศบค. จึงประกาศรับสมัครจิตอาสา เพื่อช่วยเหลืองานของบุคลากรทางการแพทย์
เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิ-19) หรือ ศบค. กล่าวว่า ขณะนี้การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์เริ่มตึงตัว จึงขอประกาศรับอาสาสมัคร จิตอาสาบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งในด้านการรักษาพยาบาล ด้านให้คำปรึกษาผ่านสายด่วน จิตอาสาด้านบริการอาหาร จิตอาสาด้านรับบริจาค จิตอาสาด้านประชาสัมพันธ์ และอาสาสมัครด้านบริการทั่วไป
โดยสามารถติดต่อที่สายด่วน 1669 เพื่อสมัครเป็นอาสาสมัครบุคลากรทางการแพทย์ ทำงานในโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลบุษราคัม และโรงพยาบาลอื่นๆ ที่ต้องการบุคลากรเพิ่มเติม สำหรับผู้ที่จะสมัครเป็นจิตอาสา ต้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงตามที่กำหนด ต้องผ่านการคัดกรองตามแบบสอบถามและผ่านการคัดกรองโควิด-19
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
Phrasal verbs of Sleep – 6 วลีภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับการนอน
เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ วลีภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับการนอน – Phrasal verbs ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า Sleep มาให้ลองฝึกนำไปใช้กัน โดยมีวลีหลักๆ อาทิ Sleep over – นอนค้าง, Sleep with – นอนกับ.. , Sleep in – นอนตื่นสาย , Sleep around – นอน (มีเพศสัมพันธ์), Sleep off (something) – นอนเพื่อให้สร่างเมา หายจากอาการบางอย่าง
6 วลีภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับการนอน
Phrasal verbs of Sleep
Sleep with
ถ้าไม่คิดลึก วลีนี้ก็จะหมายถึง “แชร์ที่นอนกับใคร” เช่น
– I have to sleep with my brother tonight. คืนนี้ฉันต้องนอนกับน้องชาย
ในบางสถานการณ์จะหมายถึง นอนแบบมีเรื่อง sex เข้ามาเกี่ยว เช่น
– He got caught sleeping with his secretary. เขาถูกจับได้ว่าไปนอนกับเลขา
ทีนี้ถ้าพูดว่า Can I sleep with you tonight? คืนนี้นอนด้วยคนนะ คนฟังอาจจะเข้าใจผิด คิดเตลิดไปกันใหญ่ เพื่อความปลอดภัย ลองเลี่ยงไปใช้คำว่า “Sleep over – นอนค้าง”
Sleep over – นอนค้าง
– I’ll sleep over at Olive’s tonight. คืนนี้ฉันนอนค้างบ้านโอลีฟนะ
– You’re drunk. You should sleep over here then drive home tomorrow. เธอเมาแล้วนะ เธอน่าจะนอนค้างที่นี่ แล้วค่อยขับรถกลับบ้านพรุ่งนี้
Sleep in – นอนตื่นสาย
– Tomorrow is Saturday, so I can sleep in. พรุ่งนี้วันเสาร์แล้ว ตื่นสายได้
Sleep around – นอน (มีเพศสัมพันธ์) กับคนอื่นไปเรื่อย
– I have many guy friends but it doesn’t mean I sleep around. ฉันมีเพื่อนผู้ชายเยอะนะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันไปมั่วทั่วถึงกับทุกคน
Sleep on – กลับไปนอนคิดเพื่อตัดสินใจ
– Are you sure you want to buy Samsung S8? You should go home and sleep on it. แน่ใจแล้วเหรอว่าอยากได้ซัมซุง เอส8 น่ะ เธอน่าจะกลับไปนอนคิดก่อนนะ
Sleep off (something) – นอนเพื่อให้สร่างเมา หรือให้หายจากอาการบางอย่าง
– He was drunk last night, let him sleep off his hangover. เมื่อคืนเขาเมากลับมา ปล่อยให้เขานอนจนสร่างเมาเถอะ
– I have a terrible headache and need to sleep it off. ฉันปวดหัวมากและต้องนอนพักให้หาย
ขอบคุณข้อมูลจาก lifestyle.campus-star.com
ถอดบทเรียนแรนซัมแวร์โจมตีบริษัทประกันแนะมาตรการป้องกัน
แคสเปอร์กี้ ถอดบทเรียนบริษัทประกันภัยชื่อดังถูกแรนซัมแวร์ 2.0 โจมตี ระบุเตือนแล้วไม่ฟัง แนะมาตราการป้องกันองค์กร
นายเซียง เทียง โยว ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แคสเปอร์สกี้ กล่าวถึงเหตุการณ์การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ล่าสุดและคำแนะนำสำหรับองค์กร ว่าการโจมตีการดำเนินงานด้านไอทีของบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่ในประเทศสำคัญๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งล่าสุดนี้ น่าเสียดายที่เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญของแคสเปอร์สกี้ได้แจ้งเตือนไว้เมื่อปีที่แล้วเป็นต้นมา
การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์แบบกำหนดเป้าหมาย หรือ “Ransomware 2.0” กำลังกลายเป็นกระแสในโลกไซเบอร์อย่างรวดเร็วนับตั้งแต่กลุ่มเมซ (Maze) เป็นต้นมา กลุ่มแรนซัมแวร์อันตรายกำลังดำเนินการขโมยข้อมูลควบคู่ไปกับการแบล็กเมล์ โดยอาชญากรไซเบอร์จะใช้กลวิธีกดดันเหยื่อว่าจะเผยแพร่ข้อมูลที่ได้ขโมยมา ทำให้เหยื่อรายใหญ่ที่มีชื่อเสียงจำเป็นต้องจ่ายค่าไถ่เพื่อปกป้องชื่อเสียงอันมีค่าของตน
จากเหตุการณ์โจมตีหลายครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ องค์กรและเอ็นเทอร์ไพรซ์ควรมองแรนซัมแวร์ใหม่ มิใช่เป็นแค่เพียงมัลแวร์ประเภทหนึ่ง เพราะในความเป็นจริง บ่อยครั้งที่แรนซัมแวร์เป็นเพียงขั้นตอนสุดท้ายของการละเมิดเครือข่าย เมื่อถึงเวลาที่แรนซัมแวร์ถูกนำไปใช้งานจริง ผู้โจมตีก็ได้ทำการลาดตระเวนเครือข่าย ระบุข้อมูลที่เป็นความลับ และขโมยข้อมูลออกไปเรียบร้อยแล้ว องค์กรและเอ็นเทอร์ไพรซ์จึงจำเป็นจะต้องปฏิบัติตามแนวทางที่ดีที่สุดด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (cybersecurity best practices) และใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อปกป้องระบบแบบองค์รวม การระบุการโจมตีได้ในระยะเริ่มต้นก่อนที่ผู้โจมตีจะบรรลุเป้าหมายสุดท้ายนั้น จะสามารถรักษาข้อมูลที่มีค่า ชื่อเสียงและเงินจำนวนมากได้
ผู้เชี่ยวชาญของแคสเปอร์สกี้ ขอแนะนำมาตรการเพื่อปกป้องบริษัทจากแรนซัมแวร์ดังต่อไปนี้
- ห้ามการเชื่อมต่อที่ไม่จำเป็นกับบริการเดสก์ท็อประยะไกล (เช่น RDP) จากเครือข่ายสาธารณะ และใช้รหัสผ่านที่คาดเดายากสำหรับบริการดังกล่าวเสมอ
- ติดตั้งแพตช์ที่มีทั้งหมดสำหรับโซลูชั่น VPN ที่ใช้เพื่อเชื่อมต่อผู้ที่ปฏิบัติงานระยะไกลเข้ากับเครือข่ายขององค์กร
- อัปเดตซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อทั้งหมด เพื่อป้องกันการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่
- เน้นกลยุทธ์การป้องกันในการตรวจจับโดยรอบเครือข่ายและการขุดเจาะขโมยข้อมูล โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการรับส่งข้อมูลขาออกทั้งหมด
- สำรองข้อมูลเป็นประจำ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ใช้งานพร้อมที่จะเข้าถึงข้อมูลสำรองในกรณีฉุกเฉิน
- ใช้ประโยชน์จากคลังข้อมูลภัยคุกคาม (threat intelligence) เพื่อมีข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับกลยุทธ์การโจมตีเทคนิคและขั้นตอนต่างๆ อยู่เสมอ
- ใช้โซลูชั่นด้านความปลอดภัย เช่น as Kaspersky Endpoint Detection and Response และ Kaspersky Managed Detection and Response ที่ช่วยหยุดการโจมตีได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
- ฝึกอบรมพนักงานให้คำนึงถึงความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมขององค์กร
- ใช้โซลูชั่นที่เชื่อถือได้สำหรับการป้องกันเอ็นด์พอยต์ ซึ่งป้องกันการใช้ประโยชน์และตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติ สามารถย้อนการเปลี่ยนแปลงที่เป็นอันตรายและเรียกคืนระบบได้
- ในกรณีที่เกิดการโจมตีให้ขอความช่วยเหลือ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและบริษัทเอกชนอย่างเช่น แคสเปอร์สกี้ สามารถช่วยในการสอบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์และการตอบสนองหลังการโจมตีได้
Kaspersky Endpoint Security สามารถตรวจจับและบล็อกมัลแวร์อะแวดดอน (Avaddon) ด้วยเทคโนโลยี Behavior Detection ตลอดจนเครื่องมือสแกนและการตรวจจับบนคลาวด์ มัลแวร์นี้มีชื่อการตรวจจับที่แตกต่างกันซึ่งรวมถึง:
- PDM:Trojan.Win32.Generic
- Trojan-Ransom.Win32.Avaddon
- HEUR:Trojan-Ransom.Win32.Generic
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“เคพกูสเบอร์รี่” ผลไม้จากชาวดอย ต้านมะเร็ง-หลอดเลือดหัวใจตีบ
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่มีชื่อเสียงมานานว่ามีคุณประโยชน์มากมาย มีวิตามิน และสารอาหารดีๆ ที่ช่วยบำรุงร่างกายหลายอย่าง แถมรสชาติยังอร่อยสดชื่นอีกด้วย วันนี้ Sanook! Health จะมาแนะนำให้รู้จักกับผลไม้ชื่อดังทางเหนือ ที่กำลังเริ่มเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยทั่วไปมากขึ้น คือ เคพกูสเบอร์รี่ (Cape Gooseberry) หรือที่บางคนเรียกว่า “โทงเทงฝรั่ง” นั่นเองค่ะ
ลักษณะของเคพกูสเบอร์รี่
เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ลูกกลมๆ เมื่อสุกแล้วจะมีสีเหลืองอมส้ม อยู่ภายใต้กลีบดอกบางๆ สีเหลืองอ่อนที่หุ้มลูกกลมๆ แต่ละลูกอยู่
นอกจากจะมีชื่อไทยว่า “โทงเทงฝรั่ง” แล้ว ยังมีอีกชื่อหนึ่งที่ตั้งขึ้นมาใหม่ว่า “ระฆังทอง” อีกด้วย
แหล่งผลิตเคพกูสเบอร์รี่
เคพกูสเบอร์รี่เป็นผลผลิตที่ได้จากการส่งเสริม และพัฒนาผลไม้ขนาดเล็ก มูลนิธิโครงการหลวงของเราเองนี่แหละค่ะ เป็นหน่งในพืชที่ทางโครงการสนับสนุนชาวบ้านให้ปลูกทดแทนไร่ฝิ่นนั่นเอง ดังนั้นชาวบ้าน หรือชาวเขาแถบภาคเหนือจึงเริ่มปลูกเคพกูสเบอร์รี่กันมาก
รสชาติของเคพกูสเบอร์รี่
เมื่อสุกเป็นสีเหลืองอมส้มแล้ว จะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว สามารถทานเดี่ยว จิ้มเกลือ หรือพลิกแพลงทานเป็นของว่างอย่างอื่นได้ เช่น ทานกับผักสลัด ทำสมูธตี้ ทำแยม เชื่อม อบแห้ง ชุบช็อคโกแลต ชุบน้ำผึ้ง ฯลฯ
6 ประโยชน์อัศจรรย์ของเคพกูสเบอร์รี่
1. เคพกูสเบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินซี ที่ช่วยบำรุงกระดูก และฟัน เสริมสร้างภูมิต้านทาน ป้องกันโรคหวัด ภูมิแพ้
2. มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ช่วยในการมองเห็นทั้งในที่สว่าง และที่มืด
3. ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
4. ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปอด
5. เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
6. ช่วยหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอก
ปัจจุบันจากที่เราอาจจะหาทานไม้เฉพาะในภาคเหนือ ตอนนี้มีการส่งผลไม้แสนอร่อยนี้มาขายต่อในภาคกลาง และตามจังหวัดใหญ่ๆ ในประเทศมากขึ้น และแน่นอนว่าในราคาย่อมเยา เหมาะกับเศรษฐกิจในบ้านเราอย่างแน่นอน หวังว่าทุกคนจะได้มีโอกาสลิ้มลองเคพกูสเบอร์รี่กันบ้างนะคะ ทั้งอร่อย ดี มีประโยชน์แบบนี้ ซื้อไปฝากคนที่เรารักด้วยก็ดีนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 27,750.00 | 27,850.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,798.00 | 27,257.68 | 28,350.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,618.20 | 24,531.91 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,438.40 | 21,806.14 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 809.00 | 12,264.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 629.00 | 9,535.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,863.00 | 28,243.08 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 20/05/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 27.85 | 27.85 | 27.85 | 27.85 | 27.85 | 27.85 | 27.85 | 27.85 | 27.85 | 27.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 27.58 | 27.58 | 27.58 | 27.58 | 27.58 | 27.58 | 27.58 | 27.58 | 27.58 | 27.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 26.34 | 26.34 | 26.34 | 26.34 | 26.34 | – | 26.34 | 26.34 | 26.34 | 26.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 21.89 | 21.89 | – | – | – | – | – | – | – | 21.89 |
เบนซิน 95 | 35.26 | – | – | – | 35.71 | – | 35.76 | 35.26 | – | 35.26 |
ดีเซล B7 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 |
ดีเซล | 24.79 | 24.79 | 24.79 | 24.79 | 24.79 | 24.79 | 24.79 | 24.79 | 24.79 | 24.79 |
ดีเซล B20 | 24.54 | 24.54 | 24.74 | – | 24.54 | – | 24.54 | 24.54 | – | 24.54 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 32.46 | 32.56 | 34.24 | 33.86 | – | – | – | – | – | 32.46 |
แก๊ส NGV | 13.99 | 13.99 | – | – | – | – | – | – | – | 13.99 |