สาระน่ารู้ประจำวันที่ 04 มีนาคม 2567

อากาศร้อนยังไม่เท่าราคาที่ดินภูเก็ตพุ่งอานิสงส์แห่ผุดโครงการรับดีมานด์

  • ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ดีเวลลอปเปอร์มองว่าเป็น“Strategic Location” 
  • ทำเลยอดนิยมย่านบางเทา เชิงทะเล ลากูน่า และหาดกมล
  • ดันราคาเสนอขายที่ดินสูงกว่า 100 ล้านบาทต่อไร่ 

อสังหาฯภูเก็ต ถือเป็นตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาหลังโควิด-19 กลายเป็นตลาดดาวรุ่งพุ่งแรง ไม่นับรวมกระแสความร้อนแรงเกิดเหตุการณ์หมอถูกทำร้ายร่างกายที่หาดยามู

จากข้อมูลซีบีอาร์อี ระบุว่า  วิลล่าในภูเก็ตครึ่งปีหลังปี2566 ที่ผ่านมา จะเปิดในทำเล “หาดบางเทา” ซึ่งเปรียบเสมือนทองหล่อในกรุงเทพฯ เป็นหลัก ขณะเดียวกันตลาดคอนโดภูเก็ตในปี2566มียอดขายสูง 155% สูงสุดในรอบ 10 ปี!!!

  จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (AREA)  ระบุว่า ที่ดินที่มีราคาแพงที่สุดในภูเก็ตตามหาดต่างๆ   อันดับที่ 1 หาดป่าตอง ที่ดินติดหาดมีราคาตลาดไร่ละ 250 ล้านบาทต่อไร่ หรือตารางวาละ 625,000 บาท สูงถึงประมาณหนึ่งในสี่ของราคาตลาดที่แพงที่สุดในเขตกรุงเทพมหานครที่ย่านสยามสแควร์-ชิดลม-เพลินจิต

อันดับที่ 2 หาดกะรน ที่ดินติดหาดมีราคาตลาดไร่ละ56 ล้านบาทต่อไร่ หรือตารางวาละ 140,000 บาท จะเห็นได้ว่าอันดับสองต่างจากอันดับแรกมาก เพราะไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวบวกแหล่งการค้าตามลักษณะของหาดป่าตอง

 ส่วนอันดับที่ 3 หาดกมลา ที่ดินติดหาดมีราคาตลาดไร่ละ50 ล้านบาทต่อไร่ หรือตารางวาละ 125,000 บาท  

อันดับที่ 4 หาดกะตะ ที่ดินติดหาดมีราคาตลาดไร่ละ 50 ล้านบาทต่อไร่ หรือตารางวาละ 125,000 บาท  

และอันดับที่ 5 หาดราไวย์ ที่ดินติดหาดมีราคาตลาดไร่ละ 47 ล้านบาทต่อไร่ หรือตารางวาละ 117,500 บาท  จะเห็นได้ว่าราคาที่ดินตามหาดอันดับที่สองถึงห้า ค่อนข้างใกล้เคียงกันคือไร่ละ 47-56 ล้านบาทโดยประมาณ

จากข้อมูล ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า” ภูเก็ต “เป็นจังหวัดที่ได้รับความสนใจจากดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่จากกรุงเทพฯอย่างต่อเนื่อง มองว่าเป็น“Strategic Location” หรือพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ

โดยเฉพาะทำเลยอดนิยมย่านบางเทา เชิงทะเล พื้นที่โดยรอบลากูน่า และหาดกมลาราคาที่ดินในพื้นที่เกาะภูเก็ตมีการปรับตัวสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ยิ่งที่ดินที่ใกล้ทะเลหรือติดชายหาด คอลลิเออร์ส ระบุว่ามีราคาเสนอขายที่สูงกว่า 100 ล้านบาทต่อไร่  !! สังเกตได้จากแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่เข้ามาในเกาะภูเก็ต 

อาทิ  “แสนสิริ” ประกาศยุทธศาสตร์ 5ปี  ปักหมุด ภูเก็ต 16โครงการมูลค่า  1.5หมื่นล้านแบ่งเป็นโครงการแนวราบ 9 โครงการ และโครงการแนวสูง 7 โครงการ ร่วมกับพาร์ทเนอร์ ,  เครือออริจิ้นผุด “ออริจิ้น รีสอร์ท เวิล์ด” มูลค่า 8,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 25 ไร่ ติดหาดบางเทา ประกอบด้วย 5 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการ โซ ออริจิ้น บางเทา บีช เป็นคอนโด 8 ชั้น ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท 2.โครงการ บัลโค ลักชูรี พูล วิลล่า 35 หลัง ราคาเริ่มต้น 32 ล้านบาท, 3.โครงการ วัน ออริจิ้น โฮเทล บางเทา โรงแรมระดับ 5 ดาว , 4.Branded Residences และ 5.Tichuka Phuket Beach Club 

หนึ่งในดีเวลลอปเปอร์ที่พัฒนาโครงการในภูเก็ต คือ “วิโรจน์ จงศุจิพันธุ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเอจี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ระบุว่าภูเก็ตเป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวติดอันดับโลก และยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง  จึงพัฒนาโครงการ”แนชเชอแรล ภูเก็ต ไพรเวท พูลวิลล่า” บนพื้นที่โครงการรวมกว่า 17 ไร่  บนทำเลทองใจกลางย่านเชิงทะเล จ.ภูเก็ต

โดยเฟสแรกของโครงการฯ ประกอบไปด้วยแบบบ้าน 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบ 4 Bedrooms Private Pool Villa ที่มาพร้อมพื้นที่ใช้สอย 511 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 3 คัน และแบบ 3 Bedrooms Private Pool Villa ที่มาพร้อมพื้นที่ใช้สอย 357 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 2 คัน ราคาเริ่มต้น 27.6 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


เมียนมาหนีสงครามกลางเมืองช้อปคอนโดเมืองไทยพุ่ง10เท่า

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ระบุชาวเมียนมาแห่ซื้อคอนโดไทยเพิ่ม 10 เท่า ดันยอดปี 66 ทะลุ 3.7 พันล้าน “คอลลิเออร์ส” เผย 3 จังหวัดเป้าหมายทำเลยอดนิยมสุขุมวิท สนนราคา 10-20 ล้าน ภูเก็ตเน้น “พูลวิลล่า 40 ล้านขึ้นไป โซนลากูน่า บางเทา ขณะที่ บ้านเดี่ยว ปักหมุด “สันกำแพง-หางดง” ราคา 20-30 ล้าน

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผยว่า ช่วงที่เห็นตัวเลขเมียนมาเข้ามาซื้ออสังหาฯในประเทศไทยมากขึ้น ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศเมียนมาเกิดรัฐประหารขึ้นจากนั้นเกิดเหตุการณ์ที่รัฐบาลทหารเข้ามายึดอำนาจจนกระทั้งปัจจุบัน เกิดเหตุการณ์ที่ชนชาติต่างๆเริ่มต่อต้านรัฐบาลทหาร ทำให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศ มีส่วนทำให้กลุ่มชนชั้นนำที่มีความมั่งคั่งในประเทศ เมียนมา ต้องการหาที่อยู่อาศัยเพื่อหลบภัย

ดังนั้นการเข้ามาซื้อสังหาฯในประเทศไทย ถือเป็นความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน เวลาที่ลี้ภัยทางการเมืองสามารถเข้ามาในประเทศไทยได้ง่ายสุด ก่อนที่จะเดินทางไปประเทศที่3 ฉะนั้นจะเห็นว่าคนเมียนมาที่ซื้ออสังหาฯไทย มักจะซื้ออสังหาฯที่มีขนาดใหญ่ ราคาแพง เพื่อให้ได้ที่อยู่อาศัยที่มีขนาดใหญ่โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมมีขนาดตั้งแต่ 50 ตารางเมตรขึ้นไป และย้อนหลังในปี2565 มีขนาด 51-52 ตารางเมตร

“จากตัวเลขจะเห็นว่า คนเมียนมาเพิ่งจะเข้ามาซื้ออสังหาฯไทยมากขึ้นโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในช่วง2ปีที่ผ่านมานี้ คือ ตั้งแต่ปี 2565-2566 โดยก่อนหน้านี้ ในปี2564 คนเมียนมายังไม่ติดอันดับ 1ใน10 ของประเทศที่เข้ามาซื้ออสังหาฯในประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับปัจจุบันที่สถานการณ์ในเมียนมาสั่นคลอนทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่”

ยอดโอนคอนโด2ปีเพิ่ม10เท่า

จากผลสำรวจพบว่า ในปี 2566 ชาวเมียนมา ซื้อคอนโดมิเนียม 564 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 3,707 ล้านบาท รวม 28,239 ตารางเมตร จะเห็นว่าพื้นที่ที่คนเมียนอยู่อาศัยเฉลี่ย 50 ตารางเมตร ไม่ใช่ห้องเล็ก หากย้อนหลังไปปี 2565 ชาวเมียนมาซื้อ 349 หน่วย มูลค่า 2,551 ล้านบาท สะท้อนว่า ความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นชัดเจน เป็นผลมาจากสถานการณ์ความไม่มั่นคงในประเทศมากขึ้น หากพิจารณาข้อมูลย้อนหลังในปี 2564  จำนวนซื้อน้อยเพียง 30 หน่วย โดย 2 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึงกว่า10 เท่า

“ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มคนรวยจากเมียนมา หรือกลุ่มชนชั้นนำ รวมทั้งคนกลุ่มน้อยที่มีเงิน เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีการส่งลูกหลานเข้ามาเรียนในประเทศไทย เช่น ท่าขี้เหล็ก มีเด็กเมียนมาเรียนโรงเรียนในไทยทำให้เขามาซื้อที่อยู่อาศัยในไทย หากสถานการณ์ความมั่นคงไม่ยุติคงมีคนเมียนมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่องในรูปแบบของเรียลดีมานด์มากกว่าเก็งกำไร”

สอดคล้องกับจากรายงานสถิติการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติของศูนย์อสังหาริมทรัพย์ (REIC) พบว่าสัดส่วนของเมียนมาผงาดขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ตั้งแต่ปี 2565 และต่อเนื่องมาจนถึงปี 2566 มีมูลค่า 2,250 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 4.3% รั้งอันดับ 3 รองจากรัสเซียและจีน ที่สำคัญมีราคาเฉลี่ย 6.5 ล้านบาทต่อยูนิต สูงกว่า จีน และรัสเซีย

กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ ทำเลฮอต

นายคาร์โล โพเบร รองกรรมการผู้จัดการ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาโครงการ คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมา ยอดการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวเมียนมามาแรง ติดอันดับท็อปทรี เชิงมูลค่า ถือเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังโควิด 

ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาการเมืองในประเทศทำให้ต้องการมีบ้านหลังที่สองในไทย โดยมี 3 ทำเลหลักกระจายอยู่ในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และ เชียงใหม่ ถือเป็นความท้าทายในการทำตลาดกับลูกค้ากลุ่มนี้ เนื่องจากมีพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่างจากกลุ่มลูกค้าชาวจีนและรัสเซีย

นิยมคอนโดทำเลสุขุมวิทราคา 10-20 ล้าน

อย่างไรก็ดี ชาวเมียนมาที่สนใจซื้ออสังหาฯ ในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นระดับเศรษฐี ที่นิยมซื้อคอนโดหรูระดับราคา 10-20 ล้านบาท ในทำเล สุขุมวิท พร้อมพงษ์ อโศก ที่ติดกับโรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ส่วนในกลุ่มระดับกลางนิยมซื้อคอนโดมิเนียมราคา 5-10 ล้านบาท ใกล้รถไฟฟ้าเดินทางสะดวก เช่น โซนอารีย์ พญาไท เพื่ออยู่อาศัยและสามารถปล่อยเช่าหรือขายต่อได้ในราคาที่สูงขึ้น

“ชาวเมียนมาที่ซื้อคอนโดติดรถไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นนิวเจนที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุนเพื่อปล่อยเช่าหรือขายต่อเพื่อทำกำไรในอนาคตนิยมซื้อช่วงพรีเซลล์”

พูลวิลล่าภูเก็ตราคา 40 ล้านอัพบูม

ส่วนกลุ่มที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตจะมี “พูลวิลล่า” ระดับราคา 40 ล้านบาทขึ้นไป ทำเลลากูน่า บางเทา รวมถึง “คอนโดมิเนียม” ได้รับความนิยมมาก สร้างไม่ทันขาย! เพราะกลุ่มที่เข้าไปซื้อส่วนหนึ่งทำธุรกิจในภูเก็ต ต้องการที่พักที่มีความเป็นส่วนตัวสูง พูลวิลล่า จึงตอบโจทย์ ประกอบกับจังหวัดภูเก็ต ขึ้นชื่อเป็น World Class Tourist Destination สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ติดอันดับ “TOP 10” เมืองที่เหมาะกับการ Workation ที่สำคัญมีการลงทุนของโรงพยาบาลใหญ่ เช่น บำรุงราษฎร์

“ในสายตาชาวเมียนมาการมีที่อยู่อาศัยใกล้โรงพยาบาลเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งที่ผ่านมา ชาวเมียนมานิยมเข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลในประเทศไทย”

สนใจบ้านเดี่ยว‘สันกำแพง-หางดง’

นอกจากนี้ ชาวเมียนมายังสนใจซื้อ “บ้านเดี่ยว” ในเชียงใหม่ ระดับราคา 20-30 ล้านบาท เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากประเทศเมียนมา กลุ่มคนที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นรีไทร์เมนต์ และครอบครัว เน้นทำเลนอกเขตเมือง อาทิ สันกำแพง หางดง เป็นโอกาสดีสำหรับดีเวลลอปเปอร์ที่ต้องการขยายฐานลูกค้าต่างชาวที่มีกำลังซื้อสูงอย่างชาวเมียนมาที่ต้องการบ้านหลังที่สองในเชียงใหม่ พร้อมกับส่งลูกหลานมาเรียนด้วย

ขณะที่ผู้สูงอายุชาวเมียนมาพำนักยาว เรียกได้ว่า “เมียนมา” เป็นลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มาแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งเกิดแรงผลักดันจากการเมืองภายในประเทศทำให้ต้องการซื้อบ้านหลังที่สอง

“แต่พฤติกรรมของลูกค้าเมียนมาที่เข้ามาซื้ออสังหาฯ ในเมืองไทย จะแตกต่างจากชาวจีนและรัสเซีย คือ ชอบความเป็นไพรเวตไม่นิยมอยู่กันเป็นชุมชนอย่างไชน่าทาวน์ ดังนั้นการทำตลาดกับลูกค้ากลุ่มนี้จึงไม่เหมือนกับชาวจีนและรัสเซีย”

นายคาร์โล ระบุว่า แนวโน้มของลูกค้าชาวเมียนมายังคงมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกลุ่มคนรุ่นใหม่เริ่มออกมาขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น ในรูปแบบสตาร์ตอัปถือเป็นโอกาสที่ดีของการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มนี้ แม้เชิง “จำนวนซื้อ” ไม่มากเท่ากับชาวจีนแต่ “มูลค่า” ต่อยูนิตสูง เพราะเป็น กลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 4มี.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 35.81 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 4มี.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 35.81 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideways downจับตาทิศทางสกุลเงินเอเชีย ทั้งเงินหยวน เงินเยนที่ส่งผลต่อเงินบาทพอสมควรในช่วงนี้

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 4มี.ค.2567ที่ระดับ  35.81 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  35.94 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า ตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควรแต่โดยรวมเป็นการแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในกรอบ 35.78-36.00 บาทต่อดอลลาร์)

โดยเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการปรับตัวลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังรายงานดัชนี ISM ภาคการผลิตและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ออกมาแย่กว่าคาด

ขณะเดียวกัน ราคาทองคำก็ปรับตัวขึ้นเร็วและแรง ทะลุโซนแนวต้านระยะสั้น ตามการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 สหรัฐฯ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง

สัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มออกมาแย่กว่าคาด ได้กดดันเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ส่งผลให้เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง

ในสัปดาห์นี้ เรามองว่าควรจับตา ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส และผลการประชุม ECB อย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมรับมือความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) สหรัฐฯ

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

▪        ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด ผ่านถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสและรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ โดยในการแถลงต่อสภาคองเกรสประจำปีนั้น ประธานเฟดอาจย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย จนกว่าจะมั่นใจว่าเฟดจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อและการจ้างงาน

ทว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจสะท้อนภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากขึ้นได้ เริ่มจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ โดย ISM (Services PMI) ในเดือนกุมภาพันธ์ ที่อาจปรับตัวลดลง สอดคล้องกับการปรับตัวลงของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการบริการที่สำรวจโดยบรรดาเฟดสาขาต่างๆ

นอกจากนี้ ไฮไลท์สำคัญของข้อมูลเศรษฐกิจ อย่าง ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ก็อาจสะท้อนภาพตลาดแรงงานที่ชะลอลง อาทิ ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ที่อาจลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 8.8 ล้านตำแหน่ง

ส่วนยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เดือนกุมภาพันธ์ อาจเพิ่มขึ้นราว 2 แสนตำแหน่ง ลดลงจากกว่า 3.5 แสนตำแหน่งในเดือนก่อน แต่ยังคงสูงกว่าระดับ 1 แสนตำแหน่ง ที่ประธานเฟดมองว่าเป็นระดับที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) อาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 3.8%

 และอัตราการเติบโตค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) อาจชะลอลงสู่ระดับ +4.3%y/y ซึ่งหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาตามคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดยังมั่นใจว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้ง ตาม Dot Plot ล่าสุด และ

หากออกมาแย่กว่าคาด ก็จะทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มกลับมาประเมินว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้มากกว่า 3 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด เพราะจะทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มกังวลว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าคาด  

▪ ฝั่งยุโรป – เราประเมินว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) ไว้ที่ระดับ 4.00% และอาจยังไม่รีบส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น จนกว่า ECB จะมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงเข้าสู่เป้าหมาย 2% ได้สำเร็จ

ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจยังคงคาดว่า ECB จะเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในการประชุมเดือนมิถุนายน และอาจลดดอกเบี้ยราว -100bps ในปีนี้ ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซน อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (Sentix Investor Confidence) รวมถึง ยอดค้าปลีก (Retail Sales) และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ ECB เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนและทิศทางนโยบายการเงิน ECB

▪  ฝั่งเอเชีย – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ การประชุม สมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) และการประชุม สมาชิกคณะกรรมการแห่งชาติของสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC) ที่จะเริ่มตั้งแต่วันอังคารที่ 5 มีนาคม โดยผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาว่า ทางการจีนจะมีการตั้งเป้าหมายการเติบโตเศรษฐกิจอย่างไรและจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการโดย Caixin รวมถึงยอดการส่งออกและนำเข้า

นส่วนนโยบายการเงิน เราประเมินว่า ธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.00% เพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินริงกิต (MYR) แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอเข้าสู่เป้าหมายของ BNM และภาพรวมเศรษฐกิจอาจชะลอลงบ้างจากปีก่อนหน้าก็ตาม

▪ ฝั่งไทย – เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) เดือนกุมภาพันธ์อาจอยู่ที่ระดับ -0.70% สูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ตามการปรับตัวขึ้นของราคาพลังงาน รวมถึงราคาข้าวและแป้ง ขณะเดียวกัน การทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

โดยเฉพาะในส่วนการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยว ก็จะช่วยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อทยอยปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ก็อาจอยู่แถวระดับ 0.50% ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) เดือนกุมภาพันธ์ ก็มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 63.5 จุด ท่ามกลางความหวังการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่ได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวและการส่งออก

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมองว่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideways down โดย เงินบาทยังพอได้แรงหนุนบ้าง หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อ หลังปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้านในสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ อาจมีแนวโน้มไหลออกจากตลาดทุนไทย

จนกว่าการปรับฐานของตลาดหุ้นไทยจะจบลง ซึ่งอาจต้องเห็นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางสกุลเงินเอเชีย ทั้งเงินหยวนจีน (CNY) และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่ส่งผลต่อเงินบาทพอสมควรในช่วงนี้ จากปัจจัยข้างต้นทำให้เราประเมินว่า โซนแนวรับของเงินบาทอาจอยู่ในช่วง 35.80 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไปแถว 35.50-35.60 บาทต่อดอลลาร์) ส่วนโซนแนวต้านยังคงอยู่ในช่วง 36.15-36.20 บาทต่อดอลลาร์

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจแกว่งตัว sideways/sideways down หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน หรือ ตลาดการเงินยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง อนึ่ง เงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นได้ หาก ECB ส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยที่ชัดเจน หรือในกรณีที่บรรยากาศในตลาดการเงินพลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.55-36.15 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.70-35.95 บาท/ดอลลาร์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.80-35.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.50 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 35.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ทั้งนี้ เงินบาทแข็งค่าขึ้นท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ และการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ซึ่งเผชิญแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอเกินคาด โดยดัชนี ISM ภาคการผลิตปรับตัวลงมาที่ 47.8 ในเดือนก.พ. (ตลาดคาดที่ 49.5) ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงมาที่ 76.9 ในเดือนก.พ. (ตลาดคาดที่ 79.6) 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ เบื้องต้นคาดไว้ที่ 35.70-35.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติ การเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาค สัญญาณจากที่ประชุม 2 สภาประจำปีของจีน และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สาวไทยคนที่ 3! “อัจฉราพร” พาต้นสังกัดซิวแชมป์ลูกยางลีกญี่ปุ่น 2023/24

“เพียว” อัจฉราพร คงยศ กลายเป็นนักวอลเลย์บอลหญิงไทยคนที่ 3 คว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 1 ญี่ปุ่น หลังช่วย เอ็นอีซี เรด ร็อกเก็ตส์ ชนะ เจที มาร์เวลลัส 3-1 เซต

ความเคลื่อนไหวของนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงไทยกับการแข่งขันลีกอาชีพต่างประเทศ ล่าสุด “เพียว” อัจฉราพร คงยศ หัวเสาทีมชาติไทย ผู้เล่นสังกัด NEC Red Rockets หรือ เอ็นอีซี เรด ร็อกเก็ตส์ ทีมในศึกวอลเลย์บอลวี.ลีก ดิวิชั่น 1 ของประเทศญี่ปุ่น มีโปรแกรมลงแข่งขันพบกับ JT Marvelous หรือ เจที มาร์เวลลัส ในรอบชิงชนะเลิศของฤดูกาล 2023/24 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567

ผลการแข่งขันปรากฏว่าคู่นี้สู้กันได้อย่างสนุก แต่เป็น เอ็นอีซี เรด ร็อกเก็ตส์ ของ อัจฉราพร เล่นได้เหนียวแน่นทำแต้มได้แน่นอนกว่าเป็นฝ่ายเอาชนะ เจที มาร์เวลลัส ไปด้วยสกอร์ 3-1 เซต 27-25, 32-30, 16-25, 25-17 คว้าแชมป์วอลเลย์บอลวี.ลีก ดิวิชั่น 1 ไปครองได้สำเร็จ

ส่งผลให้ “เพียว” อัจฉราพร คงยศ สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยคนที่ 3 ที่สามารถคว้าแชมป์ลีกอาชีพสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น ต่อจาก แก้วกัลยา กมุลทะลา (เจที มาร์เวลลัส) และ ทัดดาว นึกแจ้ง (เจที มาร์เวลลัส)

หลังจบการแข่งขันลีกอาชีพต่างประเทศ นักตบลูกยางสาวไทยมีโปรแกรมเข้าแคมป์ทีมชาติเพื่อเก็บตัวฝึกซ้อมสำหรับการแข่งขันในปี 2024 ต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


รู้เท่าทัน 5 มะเร็งร้าย ภัยเงียบทำลายสุขภาพที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม

ผู้หญิงกับโรคมะเร็งร้าย แทบจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นสิ่งที่เสี่ยงต่อการเป็นของคู่กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วันนี้เราจะชวนผู้หญิงทุกคนมารู้ทันโรคมะเร็ง 5 ชนิด ซึ่งถือเป็นโรคร้ายของสุภาพสตรีเลยก็ว่าได้ เพื่อที่ทุกคนจะได้พร้อมรับมือและป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งได้ง่าย มาดูกันว่ามะเร็ง 5 ชนิดนี้มีอะไรกันบ้าง

1.มะเร็งเต้านม

มะเร็งเต้านม คือ โรคมะเร็งที่พบได้บ่อยและเป็นโรคที่ถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตในผู้หญิงเป็นอันดับต้นๆ โดยมะเร็งเต้านมเกิดจากต่อมน้ำนมและท่อน้ำนม ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดมะเร็งในเต้านมทั้งสองข้าง แต่โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งเต้านมในระยะแรก จะมีโอกาสได้รับการรักษาที่ประสบความสำเร็จสูงมาก

2.มะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูก คือ มะเร็งที่เกิดขึ้นในเซลล์ปากมดลูกที่อยู่บริเวณช่วงล่างของมดลูกและมีการเชื่อมต่อกับช่องคลอด ซึ่งมะเร็งปากมดลูกจะเกิดจากเชื้อไวรัสชนิด Human Papillomavirus หรือ HPV เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่มักจะติดต่อกันทางเพศสัมพันธ์

3.มะเร็งลำไส้ใหญ่

มะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ มะเร็งที่เกิดบริเวณลำไส้ส่วนปลายของระบบทางเดินอาหาร ซึ่งมะเร็งชนิดนี้พบมากเป็นอันดับสามของมะเร็งทุกชนิด แถมยังเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเป็นอันดับสองในประเทศไทยอีกด้วย โดยอาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มักเป็นอาการที่หลายคนคิดว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นปกติ เช่น ท้องอืด ท้องผูก หรือมีอาการท้องเสียสลับกับท้องผูก มีเลือดปนในอุจจาระ มีอาการจุกเสียด แน่น และปวดท้องบ่อยๆ ดังนั้นสาวๆ จึงต้องหมั่นสังเกตอาการที่เกิดขึ้นให้ดี เพื่อสามารถป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ทัน

4.มะเร็งปอด

มะเร็งปอด คือ โรคมะเร็งที่ถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทยเลยก็ว่าได้ แถมยังเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในโลก และเป็นชนิดมะเร็งที่ทำให้เสียชีวิตมากที่สุดในกลุ่มของโรคมะเร็ง ทั้งนี้โดยส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งปอดมักจะไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่จะมีสัญญาณแสดงอาการเมื่อมะเร็งมีการเจริญเติบโตมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามมะเร็งปอดสามารถรักษาให้หายได้หากตรวจพบเชื้อตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

5.มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก คือ โรคที่มีเนื้องอกร้ายเกิดขึ้นในเยื่อบุโพรงมดลูก เป็นเนื้องอกร้ายที่พบในอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิง ทั้งนี้มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์และวัยหมดประจำเดือน และร้อยละ 90 จะพบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน และมีเพียงร้อยละ 3 ที่พบในผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี

สาวๆ ทราบกันแล้วว่ามะเร็ง 5 ชนิดนี้ถือเป็นกลุ่มของโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงมากที่สุด ดังนั้นสิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญอย่างมากเลยก็คือ การหมั่นสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย พร้อมทั้งการใส่ใจในเรื่องของอาหารการกิน การออกกำลังกาย การดื่มน้ำ รวมถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวก็ถือเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


แยก part of speech ง่าย ๆ เข้าใจไม่ยาก พร้อมปูพื้นฐานให้คุณ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบัน  ภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาท และมีอิทธิพลในทุกก้าวของชีวิตเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษาอังกฤษเริ่มตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล หรือค่านิยมต่าง ๆ ที่ทำให้รู้สึกว่าทุกคนควรจะต้องใช้ภาษาอังกฤษได้ หรืออย่างน้อยหากสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ก็จะทำให้มีหนทางการทำงานที่เติบโตได้ในอนาคต

Part of Speech คืออะไร

ก่อนอื่นเราจะต้องทำความรู้จักก่อนว่า Part of Speech คือประเภทของคำต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษ ที่ใช้บอกว่าแต่ละคำมีหน้าที่ทำอะไร และอยู่ส่วนไหนในประโยค ซึ่งถือได้ว่าเป็นการปูพื้นฐาน gramma สำหรับการเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษเลยก็ว่าได้

Part of Speech มีอะไรบ้าง

Part of Speech ประกอบไปด้วย 8 ตัว ได้แก่ Noun (คำนาม), Pronoun (คำสรรพนาม), Verb (คำกริยา), Adjective (คำคุณศัพท์), Adverb (คำกริยาวิเศษณ์), Preposition (คำบุพบท), Conjunction (คำสันธาน) และ Interjection (คำอุทาน) โดยมีรายละเอียด และวิธีการใช้ ดังนี้

Noun (คำนาม)

ใช้เรียกแทน คน, สัตว์, สิ่งของ และสถานที่ สามารถทำได้หลายหน้าที่ ทั้งประธาน กรรมตรง กรรมรอง และส่วนขยาย แบ่งเป็น

  • Common Noun (คำนามทั่วไป) เป็นคำนามที่ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น cat, dog
  • Proper Noun (คำนามชี้เฉพาะ) เป็นคำนามที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่แบบเฉพาะเจาะจง สังเกตได้จากการใช้ตัวนำหน้าเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ เช่น Thailand, Japan 

Pronoun (คำสรรพนาม)

ใช้แทนคำนาม เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้คำนามเดิมซ้ำ ๆ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งกับคน สัตว์ สิ่งของ หรือสถานที่ ได้แก่ I, you, we, they, her, his, them, it, yours, myself เป็นต้น สามารถเป็นได้ทั้งประธานและกรรมในประโยค

Verb (คำกริยา)

ใช้แสดงการกระทำ มี 2 ประเภท ได้แก่  Verb แท้ และ Verb ช่วย

  • Verb แท้ แทนการกระทำ เช่น They swim. / She eats an apple.
  • Verb ช่วย ประกอบด้วย Verb to do,  Verb to have, Verb to be, Modal Verbs

คำกริยาจะผันได้ 3 ช่อง ตามโครงสร้าง Tense ของประโยค มีทั้งงเปลี่ยนรูปและไม่เปลี่ยนรูป ตัวอย่างเช่น

  • do / did / done
  • eat / ate / eaten
  • win / won / won
  • cut / cut /cut

Adjective (คำคุณศัพท์)

ใช้บอกลักษณะ และขยายคำนาม เช่น big, tall, fat, small, beautiful

  • วางไว้หน้าคำนาม เช่น good girl : good คือคำคุณศัพท์ใช้ขยาย girl ที่เป็นคำนาม
  • อยู่ตรงกลางระหว่าง article และ noun เช่น A beautiful girl

Adverb (คำกริยาวิเศษณ์)

ใช้ขยายคำกริยา และคำคุณศัพท์ grnjvขยายว่าประธานในประโยคกำลังทำกริยาอย่างไร มักจะวางอยู่ด้านหน้าหรือหลังคำกริยาเสมอ

ตัวอย่างประโยค >> She is very beautiful. (เธอสวยมาก)

  • ลงท้ายด้วย -ly เช่น slowly, quickly, really, nicely
  • ไม่ได้ลงท้ายด้วย -ly เช่น well, fast, late, hard, very

Preposition (คำบุพบท)

ใช้บอกตำแหน่ง เวลา สถานที่ การเคลื่อนไหวของสิ่งนั้น ๆ ได้แก่ in, on, at, before, after, with, by, about, without  

ตัวอย่างประโยค >> It is on the table. (มันวางอยู่บนโต๊ะ)

Conjunction (คำสันธาน)

ใช้เชื่อมคำ กลุ่มคำ หรือประโยคเข้าด้วยกัน โดยจะสามารถใช้สำหรับความหมายในทางเดียวกันหรือตรงข้ามกันก็ได้ เช่น although, if, when, since, but, and, as__as 

ตัวอย่างประโยค >> “Although he is rich, he is not happy.” (แม้ว่าเขาจะรวย แต่เขากลับไม่มีความสุข)

Interjection (คำอุทาน)

ใช้แสดงอารมณ์และความรู้สึก สังเกตได้ง่าย ๆ จากการใช้เครื่องหมายอัศเจรีย์ควบคู่ เช่น Oh! Gosh! Oops! Listen! Hey!

ตัวอย่างประโยค >> “Oh! I can’t believe this.” (โอ้! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย)

บทสรุป

จะเห็นได้ว่า part of speech ไม่ได้ยากอย่างที่คิด และยังเป็นพื้นฐานสำคัญที่ควรจะทำความเข้าใจให้ถี่ถ้วน ก่อนที่จะเรียนภาษาอังกฤษในระดับต่อ ๆ ไป ซึ่งหากต้องการที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ดียิ่งขึ้น สิ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คือ จะต้องหมั่นทบทวนเนื้อหา และใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำในชีวิตประจำวัน

หรือหากใครที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเพื่อเสริมทักษะ หรือใช้ในการทดสอบต่าง ๆ สามารถเรียนภาษาอังกฤษหลักสูตรออนไลน์ได้ที่ Engduo Thailand ที่มีให้คุณเลือกเรียนหลักสูตรได้ตรงตามความต้องการของคุณ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เผยสเปก “Samsung Galaxy Ring” แหวนอัจฉริยะ ใช้งานได้ 9 วัน ไม่รองรับ iOS

หลังจาก Samsung มีการเปิดตัว “Samsung Galaxy Ring” โดยการให้คุณดูแค่ในตู้กระจกของงาน MWC 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดนี้ก็มีการเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดเบื้องต้นโดย Hon Pak ซึ่งเป็นหนึ่งในรอบประธานของ Samsung 

ทางด้าน Hon Pak ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับ Galaxy Ring ว่ามันทำอะไรได้บ้าง โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้

  • สามารถใช้งานกับ Android ได้ แต่ว่าการทำงานจะไม่ได้เท่ากับมือถือ Samsung
  • คุณสามารถใส่ Galaxy Ring คู่กับ Smart Watch ได้เลยเพราะการทำงานอาจจะไม่เหมือนกัน
  • ระยะแรกอาจจะจำกัดให้ใช้กับมือถือของ ๅฆฟทหีืเ djov
  • ขนาดของแบตเตอรี่ขึ้นอยู่กับขนาดของแหวน เล็กสุด 14 mAh ใหญ่สุด 21.5 mAh 
  • เคลมว่าใช้งานได้นานสุด 5 – 9 วัน
  • การนำให้ไปใช้งานกับ Apple ยังไม่ได้จ้า

อย่างไรก็ตามการเปิดตัวนั้นก็มีการคาดว่าจะเจอกันพร้อมกับมือถือพับได้ในช่วงกรกรฏาคม นี้ แต่ว่าทั้งหมดจะจริงแท้แค่ไหนต้องรอติดตามกันต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


บริษัทลิฟท์ Cibes จากสวีเดน ขยาย 3 สาขาเพื่อให้บริการลูกค้าทั่วไทย

Cibes Lift บริษัทลิฟท์ชั้นนำจากสวีเดน เปิดสาขาย่อยในไทยทั้งใน กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต ลดเวลาเดินทางลูกค้าเพื่อมาทดลองใช้ลิฟท์ได้สะดวกยิ่งขึ้น!

เพราะการเลือกซื้อลิฟท์บ้านนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพ ราคา หรือเรื่องสาขาของบริษัทลิฟท์ ต้องสะดวกสำหรับลูกค้าเพื่อมาทดลองใช้ สัมผัสประสบการณ์การใช้ลิฟท์ก่อนจะตัดสินใจซื้อ ซึ่งที่ Cibes Lift เรามีหลายสาขาภายในประเทศ และเราเชื่อว่าการสร้างและขยายฐานของธุรกิจให้มากไปกว่าเดิมนั้นเป็นเรื่องสำคัญเพราะจะทำให้ เราสามารถดูแลลูกค้าได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ

นอกจากเรื่องบริการที่รวดเร็ว ทันใจ และความสะดวกสบายแล้วนั้น ยังมีเรื่องของความไว้ใจของลูกค้า เนื่องจากเป็นบริษัทที่มาจากประเทศสวีเดน การมีสาขามาเปิดตรงในประเทศไทยนั้นส่งผลให้กับความไว้ใจในสินค้าระยะยาว ซึ่งถ้าหากคุณกำลังสนใจติดตั้งลิฟท์ของ Cibes คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ ติดลิฟท์ในบ้านของ Cibes ต้องเตรียมตัวอย่างไร มีขั้นตอนอะไรบ้าง? และ ติดตั้งลิฟท์ ราคาเท่าไหร่ 

โชว์รูมลิฟท์ (Showroom) คืออะไร

ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่าโชว์รูมหรือสาขาของบริษัทลิฟท์นั้นคืออะไร โชว์รูมลิฟท์ (Lift Showroom) คือ พื้นที่ขนาดใหญ่ที่ใช้ในการแสดงสินค้า ซึ่งในกรณีของเราคือ “ลิฟท์บ้าน” เพื่อทำการขายและให้ลูกค้าได้ลองใช้งานลิฟท์ นับได้ว่าปัจจุบันโชว์รูมจัดเป็นรูปแบบการขายรูปแบบหนึ่ง ส่วนการสร้างความประทับใจให้ลูกค้านั้นมาจากการขายและบริการหลังการขายที่ดี

ลักษณะโชว์รูมลิฟท์บ้านในปัจจุบันค่อนข้างมีการแข่งขันด้านการออกแบบให้ดูหรูหราและมีลิฟท์ตัวอย่างให้ทดลอง มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อบริการลูกค้าระหว่างนั่งรับข้อมูล ทดลองใช้ลิฟท์ ซึ่งอาจมีบริการทั้งกาแฟ ขนม ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็น Service ให้ลูกค้าประทับใจในเรื่องของการให้บริการ

Cibes Lift คือ บริษัทลิฟท์ที่ตั้งใจเปิดโชว์รูม 3 แห่งเพื่อดูแลลูกค้าทั่วประเทศไทย

1.สาขาแรกของบริษัทขายลิฟท์ Cibes Lift ที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ ใจกลางเมือง 

Cibes Lift เป็นบริษัทที่มาจากประเทศสวีเดน โดยเป็นประเทศที่มีจุดเด่นรอบด้านโดยเฉพาะด้านนวัตกรรม Cibes Lift ผลิต ลิฟท์ระบบสกรู หรือ Screw-Driven Lift ที่ได้มาตรฐานยุโรปจากโรงงานในเมือง Gävle โดย Cibes Lift นั้นก้าวเข้าสู่ตลาดลิฟท์บ้านในประเทศไทยในปี ค.ศ. 2011 โดยดำเนินการผ่านตัวแทนจำหน่าย และเปิดสาขาตรงในปี ค.ศ. 2016 เป็น บริษัท ซีเบส ลิฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อตอบสนองความต้องการของลิฟท์บ้านที่มีความหรูหราและปลอดภัย กลุ่มลูกค้าบ้าน ที่อยู่อาศัย จึงเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเราตั้งแต่ต้น และเราได้มาเปิดสาขาตรงแห่งแรกในประเทศไทยที่กรุงเทพฯ บริเวณใจกลางเมือง

ที่อยู่ Cibes Lift สาขากรุงเทพฯ

บริษัท ซีเบส ลิฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด สาขากรุงเทพฯ

2113, 1 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310

โทรศัพท์ (ฝ่ายขาย) : 02-114-6499

2.สาขาที่สองของบริษัทลิฟท์ Cibes Lift เปิดที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อลูกค้าทุกคนในภาคเหนือ 

เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิมที่เชียงใหม่และภาคเหนือ การออกแบบโชว์รูมลิฟท์ที่เชียงใหม่จึงเน้นความสวยงามที่มีความเป็นธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมแบบล้านนาที่วิจิตรงดงามโด่งดังใปทั่วโลก บริษัทติดตั้งลิฟท์ Cibes Lift จึงเปิดสาขาที่สามารถเข้าชมลิฟท์ตัวอย่างได้ ทางเรามีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญดูแลโดยไม่ต้องกังวล ไม่ว่าจะเป็นบ้านลักษณะแบบใด หรือพื้นที่ลักษณะไหน ท่านสามารถที่จะขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ได้โดยตรง ลิฟท์ระบบสกรู ลิฟท์ไม่มีห้องเครื่องของเราติดตั้งได้แม้ในพื้นที่จำกัด ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามายาวนานกว่า 75 ปีทั่วโลก

ที่อยู่ Cibes Lift สาขาเชียงใหม่

บริษัท ซีเบส ลิฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด สาขาเชียงใหม่

123/6 หมู่ 15 ถนนชลประทาน ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ 50200

โทรศัพท์ (ฝ่ายขาย) : 02-114-6499

3.สาขาที่สามของบริษัทติดตั้งลิฟท์ Cibes Lift เปิดที่จังหวัดภูเก็ต สถานที่ที่เป็นอัญมณีของประเทศไทย เพื่อดูแลลูกค้าในภาคใต้

ยกระดับการใช้ชีวิตอย่างหรูหราที่ภูเก็ต สวรรค์เขตร้อนที่มีชื่อเสียงระดับโลก พร้อมวิลล่าระดับไฮเอนด์ตั้งอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศที่สวยงาม ที่นี่มีบ้านพูลวิลล่าและ Penthouse ติดทะเลมากมาย รวมถึงโรงแรม รีสอร์ทดังหลายแห่ง เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงการท่องเที่ยวของประเทศไทย เป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยความหรูหรา Cibes Lift จึงเปิดสาขาที่ภูเก็ตเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าบริเวณภาคใต้ของประเทศไทย สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของโรงแรมที่ต้องการติดลิฟท์เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกผู้พักอาศัยและรวมถึงโรงแรมที่ต้องการสร้างความประทับใจสำหรับแขกผู้มาเยือน ลิฟท์ของเราสามารถติดตั้งได้ทั้งในอาคาร กึ่งนอกอาคาร รวมไปถึงลิฟท์นอกอาคารของเราก็สามารถออกแบบให้เข้ากับธีมของบ้านและโรงแรมได้เช่นกัน

ที่อยู่ Cibes Lift สาขาภูเก็ต

บริษัท ซีเบส ลิฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด สาขาภูเก็ต

20/82 (Park Plaza D) หมู่ 2 ถนนเทพกระษัตรี ตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมือง ภูเก็ต 83000

โทรศัพท์ (ฝ่ายขาย) : 02-114-6499

ในปีที่ผ่าน ๆ มา Cibes Lift ได้มีการเปิดตัวลิฟท์ใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนไทย ซึ่งคุณสามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ตามลิ้งค์ด้านล่าง

การทำธุรกิจนั้นต้องแข่งกับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าของเราในตลาดที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่ง Cibes Lift คือผู้นำเทรนด์ลิฟท์บ้านปี 2024 ลิฟท์ที่เจ้าของบ้านเลือก และการขยายสาขาจึงเป็นสิ่งที่สมควรอย่างยิ่ง เพราะลิฟท์บ้านเหล่านี้ไม่เพียงแต่มอบความสะดวกสบายที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่ยังผสมผสานความหรูหราซึ่งช่วยยกระดับบ้านและอาคารของคุณ

ในขณะเดียวกัน Cibes Lift นั้นยังได้รับการผลิตมาตรฐาน CE ของยุโรปที่เข้มงวดที่สุดในปัจจุบัน ได้รับมาตรฐานคุณภาพ ISO 9001:2015 รวมไปถึงได้รับ Certified by SIL3 BY Liftinstituut ทั้งลิฟท์บ้าน ลิฟท์ขนาดเล็ก ลิฟท์ผู้สูงอายุ หรือลิฟท์วีลแชร์ เพื่อทำให้ทุกคนในครอบครัวมั่นใจในความปลอดภัยในการขึ้น-ลงในอาคารอย่างสบายใจ

ลิฟท์บ้านของ Cibes Lift ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับความสะดวกสบายและการเข้าถึงภายในบ้านและอาคาร ที่มีให้เลือกหลายแบบ ออกแบบโดยเน้นทั้งการใช้งานและความสวยงาม Cibes Lift สามารถผสมผสานเข้ากับโครงสร้างบ้านของคนไทยได้อย่างลงตัว 

คุณสามารถติดต่อ 3 สาขาของเราตามความใกล้ของจังหวัดที่คุณอยู่อาศัย โดยสามารถโทรเข้ามาแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อเยี่ยมชมโชว์รูมและลองลิฟท์ได้ที่ 02-114-6499 ตลอด 24 ชั่วโมง

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 04/03/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a35,150.0035,250.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,277.0034,519.3235,750.00
ทองรูปพรรณ 90%2,049.3031,067.39n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,821.6027,615.46n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,025.0015,539.00n/a
ทองรูปพรรณ 40%797.0012,082.52n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,360.0035,777.60n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 04/03/2567



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9538.4538.4538.7538.4538.4538.4538.4538.4538.4538.45
แก๊สโซฮอล์ 9136.6836.6837.1836.6836.6836.6836.6836.6836.6836.68
แก๊สโซฮอล์ E2036.3436.3436.8836.3436.3436.3436.3436.3436.34
แก๊สโซฮอล์ E8536.0936.0936.09
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม45.8449.4449.4449.4445.84
เบนซิน 9546.3447.5146.8446.4946.34
ดีเซล B729.9429.9430.2429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5443.6444.8443.6443.6441.54
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า