สาระน่ารู้ประจำวันที่ 07 พฤษภาคม 2567

‘ไพรเวตลักชัวรี’สเกลเล็กฮอต! แลนด์ลอร์ดแห่ขายเลี่ยงภาษีที่ดิน

เทรนด์การพัฒนาโครงการบ้าน “ไพรเวต ลักชัวรี” สเกลเล็กขนาด 1-5 ยูนิตผุดเป็นดอกเห็ด! ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง ส่วนหนึ่งสะท้อนให้เห็นถึง “ข้อจำกัด” ที่ดินหายากแลนด์ลอร์ดแห่ขายที่ดินหนี “ภาษีแพง”

อิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการบริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวสะท้อนเห็นถึงข้อจำกัดราคาที่ดินสูงขึ้นแต่ไม่สามารถทำโครงการที่มีความหนาแน่นสูงได้ อย่างเช่น คอนโดมิเนียมติดข้อจำกัด ถนนไม่ถึง 6 เมตร ทำอาคารขนาดใหญ่ไม่ได้! แม้จะอยู่ในทำเลศักยภาพสูงอย่าง ทองหล่อ จึงเลือกมาพัฒนาโครงการบ้านไพรเวต ลักชัวรี สเกลเล็ก ระดับราคา 40-50 ล้านบาท คุ้มค่ากว่า เพราะที่ดินหายากขึ้น

“ก่อนหน้านี้แบรนด์ใหญ่อาจไม่ได้สนใจพัฒนาแต่เมื่อมองเห็นโอกาสจากการที่บริษัทขนาดกลาง หรือรายย่อย ที่มีเจ้าของเป็นที่รู้จัก น่าเชื่อถือ ทำโครงการ 7-8 หลัง สามารถขายได้จึงมองเห็นโอกาสสร้างรายได้จากโครงการในลักษณะนี้”

จะเห็นว่า เซ็กเมนต์ที่ขายได้เวลานี้มีแต่เซ็กเมนต์ราคาแพง หรือหากขยายไปในพื้นที่รอบนอกเมืองยอดขายเริ่มอืด “สเกลเล็ก” แบบไพรเวตลักชัวรี 3-4 ยูนิต น่าจะตอบโจทย์สำคัญของผู้ประกอบการที่ต้องสร้างรายได้ทุกช่องทางในที่ดินที่มีอยู่ จากก่อนหน้านี้ เซ็กเมนต์ “สเกลเล็ก” การใช้ทรัพยากรบุคคลต่างๆ มาพัฒนาอาจไม่คุ้ม

ก่อนหน้านี้ สุริยน พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสพีเจ แลนด์ จำกัด ได้พัฒนาโครงการ ลาวิสต้า เพรสทีจ วิลเลจ เอกมัย 10 มูลค่า 500 ล้านบาท เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่นิยม “เพนต์เฮ้าส์ ราคา 100 ล้านบาทต่อยูนิต ที่เปลี่ยนใจอยากมาอยู่ “บ้านในเมือง” มากกว่าบ้านนอกเมืองซึ่งไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต 

จึงออกแบบบ้านเดี่ยว 7 หลัง บนที่ดิน 40-50 ตารางวา จำนวน 4 ชั้น มีลิฟท์ส่วนตัวภายในบ้าน โดยชั้น 1 เน้นการออกแบบที่ล้ำสมัยและฟังก์ชันที่จอด 4-6 คัน รองรับระบบ EV Charger สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%

“พฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ต้องการพื้นที่ส่วนกลางแชร์การใช้งาน ดังนั้นการพัฒนาโครงการขนาด 7 ยูนิตถือว่าตอบโจทย์ และเป็นคอมมูนิตี้ที่กลุ่มผู้อยู่อาศัยมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตคล้ายกัน”

ขณะเดียวกัน กลุ่มไรมอนแลนด์  ประกาศจะทำแมนชั่น ระดับอัลตร้าลักชัวรี จำนวน 5 ยูนิต ทำเลพร้อมพงษ์-ทองหล่อ สนนราคา 500-700 ล้านบาท เปิดตัวไตรมาส 3 จากเดิมเคยมีแผนที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแต่ติดอุปสรรครายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)

อาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้พัฒนาโครงการเอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนซ์ แบรนด์ “เอลซ์” (ELSE) เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง มองหาโครงการที่อยู่อาศัยขนาดไม่ใหญ่ มีจำนวนยูนิตน้อย หรือต้องการที่จะปลูกบ้านเอง แต่กังวลการเลือกที่ดินในทำเลที่ต้องการ ดีไซน์แบบบ้าน การหาผู้รับเหมาที่น่าเชื่อถือ การควบคุมราคาและคุณภาพในรูปแบบ Private Luxury Residence

ปีนี้จะเปิดทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่า 835 ล้านบาท ประกอบด้วย เอลซ์ รามอินทรา 34 จำนวน 5 ยูนิต ราคา 40-50 ล้านบาท เอลซ์ กรุงเทพกรีฑา 7 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 45 ล้านบาท เอลซ์ พระราม 9 จำนวน 1 ยูนิต ราคา 59 ล้านบาท เอลซ์ แบริ่ง 32 จำนวน 4 ยูนิต ราคา 40-45 ล้านบาท เอลซ์ สุคนธสวัสดิ์ 26 จำนวน 3 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 29 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


บิ๊กอสังหาฯผนึกเอเจนท์จัดโรดโชว์ขายคอนโดต่างชาติหนีภัยสงคราม

ผลกระทบของวิกฤตโรคระบาดส่งผลให้กำลังซื้อคนไทยเปราะบางผนวกกับปัญหาจากหนี้ครัวเรือนทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อสูงสวนทางกลับกำลังซื้อต่างชาติที่ได้รับผลระทบจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องบิ๊กอสังหาฯผนึกเอเจนท์จัดโรดโชว์ขายคอนโดต่างชาติ

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้า ส่งผลให้มีความต้องการซื้ออสังหาฯไทยจากกลุ่มคคนต่างชาติที่สนใจซื้อบ้านหลังที่2ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง พฤกษาจึงมีนโยบายที่จะบุกกลุ่มลูกค้าต่างชาติ และเห็นความสำคัญของการร่วมมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทตัวแทนขายทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทย 

พฤกษาจึงได้เปิดกว้างรับตัวแทนขายรายใหม่มาเป็นพันธมิตรเพิ่ม ทั้งในแง่ของจำนวน และประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากที่พฤกษาเคยมี เช่น รัสเซีย อเมริกา ยุโรป สแกนดิเนเวีย พม่า อินเดีย ตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น

“เรามีโครงการที่อยู่อาศัยที่หลากหลาย และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ สำหรับตัวแทนขายที่มาเป็นพันธมิตรกับเรา เราก็มีค่าตอบแทนในอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด ทั้งการคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ และคำนวณเป็นมูลค่ารวม” 

นายปิยะ กล่าวต่อว่า ล่าสุดพฤกษาได้จัดงาน Pruksa Ultimate Incentive 2024 เพื่อเชิญตัวแทนขายทั้งไทยและต่างชาติมาร่วมงาน พร้อมทั้งมอบค่าตอบแทนพิเศษรวมกว่า 8.5 ล้านบาท จากแคมเปญ Pruksa Ultimate Incentive 2023 ให้กับตัวแทนขายที่สามารถสร้างยอดโอนให้กับคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ของพฤกษาระหว่างวันที่ 1 ก.ย. – 31 ธ.ค.2566ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถสร้างยอดขายให้พฤกษาได้กว่า 900 ล้านบาท 
 

บริษัทจึงจัดแคมเปญ Pruksa Ultimate Incentive 2024 ต่อในไตรมาส 2 ปีนี้ โดยคัดเลือกคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่จำนวน 9 โครงการ มาร่วมแคมเปญ ซึ่งล้วนตั้งอยู่บนทำเลใจกลางเมืองที่มีศักยภาพ

ทั้งแชปเตอร์วัน ทองหล่อ 25, แชปเตอร์วัน จุฬา-สามย่าน, เดอะรีเซิร์ฟ 61 ไฮด์อะเวย์, เดอะทรี พัฒนาการ, เดอะรีเซิร์ฟ สาทร, เดอะไพรเวซี่ จตุจักร, เดอะทรี หัวหมาก, พลัมคอนโด พระราม 2 และพลัมคอนโด สุขุมวิท 62 โดยเราจะมีค่าตอบแทนให้ตัวแทนขายที่สร้างยอดขายและยอดโอนสะสมตั้งแต่ 1 เม.ย. – 30  มิ.ย.นี้ และยังมีค่าตอบแทนพิเศษให้กับตัวแทนขายที่สร้างยอดโอนสะสมสูงสุดด้วย โดยจะได้รับค่าตอบแทนพิเศษเพิ่มจากค่าตอบแทนปกติ แบ่งตามขั้น สูงสุดถึง 1.2%

นายกฤษณ์ เตชะสัมมา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่าแผนการขยายตลาดต่างประเทศของเครือออริจิ้นในปีนี้ ให้ความสำคัญกับการจับมือร่วมกับเอเจนท์อสังหาริมทรัพย์ เพื่อร่วมกันเดินหน้านำแบรนด์และโครงการคอนโดมิเนียมในเครือออริจิ้นให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศและเข้าถึงตลาดศักยภาพในวงกว้างยิ่งขึ้น

ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัว Origin Agent Club อย่างเป็นทางการ เชิญเอเจนท์อสังหาริมทรัพย์ทั้งไทยและต่างประเทศเข้าร่วมกว่า 70 บริษัท นำเสนอข้อมูลภาพรวมบริษัท ข้อมูลแบรนด์ และข้อมูลไฮไลต์ของโครงการในทำเลที่ตอบโจทย์ตลาดต่างชาติคาดว่าจะมีส่วนช่วยในการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในตลาดใหม่ๆ และสร้างยอดขายจากตลาดต่างชาติในช่วงไตรมาส 2/2567

“เรามุ่งเน้นการทำกิจกรรม Roadshow ในต่างประเทศ รวมถึงมีการจัดอีเวนท์ร่วมกับเอเจนท์อสังหาริมทรัพย์ทั้งในไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มลูกค้าสัญชาติหลักระดับท็อปทรี ได้แก่ ฮ่องกง รัสเซีย และไต้หวัน รวมทั้งเมียนมา”

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์สงครามกลางเมืองในเมียนมาและการเกณฑ์ทหาร ส่งผลให้ยอดโอนของต่างชาติที่ซื้อคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยภายในเดือน พ.ค.นี้ บริษัทมีแผนจัดโรดโชว์โครงการคอนโดมิเนียมและบ้านไปประเทศเมียนมา ที่ย่างกุ้ง หลังจากมีลูกค้าชาวเมียนมาเข้ามาซื้อมากขึ้น โดยที่ผ่านมามีซื้อเพนต์เฮ้าส์ ราคากว่า 30 ล้านบาทที่โครงการพระราม 9 ขายหมดภายในระยะเวลา 2 เดือน
 
  “ผลกระทบจากสงครามกลางเมืองในเมียนมา-เกณฑ์ทหาร ทำให้กลุ่มคนเมียนมาที่มีเงินส่งลูกหลานมาเรียนในประเทศไทย ส่งผลให้ยอดโอนคอนโดมิเนียมจากคนเมียนมาขึ้นมาเป็นอันดับ 2 รองจากจีน คาดว่า การจัดโรดโชว์ดังกล่าวจะมียอดขายอย่างน้อย 20-30 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 100-200 ล้านบาท โดยมีบริการดูแลการปล่อยเช่าให้ด้วย” 

ปัจจุบันภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศยังไม่ฟื้นตัว แม้จะมีมาตรการออกมาช่วยกระตุ้น เพราะกำลังซื้อไม่มี ติดปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ทำให้กลุ่มคนซื้อต่ำ 3 ล้านบาท กู้ไม่ผ่าน 60-70% รวมถึงดอกเบี้ยแพงในฐานะคนขายต้องพึ่งตลาดต่างชาติเข้ามาช่วยประคองยอดขาย

ขอบคุณข้อมุลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้7พ.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 36.76 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่ายังมีอยู่ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ เงินปอนด์ เงินหยวน ส่วนเงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้น หาก BOE ส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดดอกเบี้ยได้เร็วกว่าคาด

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้7พ.ค. 2567 ที่ระดับ  36.76 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  36.80 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิด ณ 17.00 น. วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม)

นายพูน   พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ ที่ผ่านมา (และช่วงวันหยุดพิเศษของตลาดการเงินไทย) เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร (แกว่งตัวในกรอบ 36.50-36.86 บาทต่อดอลลาร์)

โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ทดสอบโซน 36.50 บาทต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดและกลับมาคาดการณ์ว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ จากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด

 อย่างไรก็ดี เงินบาทก็ไม่ได้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องและทยอยอ่อนค่าลงจากโซน 36.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามแรงซื้อเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาดช่วงเงินบาทแข็งค่าขึ้น รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว หลังรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ

ส่วนเงินดอลลาร์ก็ทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อย่างไรก็ดี โดยรวมเงินบาทยังคงแกว่งตัว sideways ใกล้โซน 36.70-36.80 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติ

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เล่นในตลาดกลับมาเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด นอกจากนี้ การประชุมเฟดล่าสุด ทางเฟดก็ไม่ได้ส่งสัญญาในเชิง hawkish ไปมาก อย่างที่ตลาดกังวล

สำหรับสัปดาห์นี้ เราประเมินว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และควรจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

ฝั่งสหรัฐฯ – แม้ว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจ อาจมีเพียง รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) ทว่าผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งโทนการสื่อสารโดยรวม อาจยังคงสงวนท่าทีต่อการสนับสนุนการลดดอกเบี้ย

แต่บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ก็อาจยังไม่ได้สนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2024 รวมถึง รายงานผลสำรวจภาวะและแนวโน้มสินเชื่อ (Senior Loan Officer Survey) ที่จะช่วยสะท้อนถึงภาวะสินเชื่อและช่วยในการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้

▪ ฝั่งยุโรป – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ซึ่งเราคาดว่า BOE จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25% ทว่า ควรจับตาการส่งสัญญาณต่อแนวโน้มดอกเบี้ยในอนาคต เนื่องจากผู้เล่นในตลาดล่าสุด ประเมินว่า BOE อาจทยอยลดดอกเบี้ยได้ในช่วงไตรมาสที่ 3

ซึ่งหาก BOE ส่งสัญญาณชัดเจนว่า มีโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน ก็อาจกดดันให้ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ผันผวนอ่อนค่าลง และช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ได้

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงาน GDP อังกฤษ ในไตรมาสแรกของปีนี้ พร้อมกับรอจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ BOE เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าของทั้งสองธนาคารกลาง

▪ ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) โดยตลาดมองว่า ทั้งสองธนาคารกลางอาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับปัจจุบัน 4.35% และ 3.00% ตามลำดับ ซึ่งบรรดาธนาคารกลางส่วนใหญ่ ก็อาจรอเฟดเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยได้จริง

หรือมีแนวโน้มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ เพื่อลดความเสี่ยงและแรงกดดันต่อสกุลเงินของประเทศนั้นๆ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดการส่งออก (Exports) และยอดการนำเข้า (Imports) เดือนเมษายน ของจีน ซึ่งหากออกมาสดใส ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดมีมุมมองเชิงบวกต่อสินทรัพย์จีนมากขึ้น ซึ่งพอจะช่วยลดแรงกดดันต่อเงินหยวนจีน (CNY) ได้บ้าง

ฝั่งไทย – เราประเมินว่า โฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติที่จะสูงราว 1.3 หมื่นล้านบาทในสัปดาห์นี้ อาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้ ทั้งนี้ ควรจับตารายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และระวังความผันผวนในตลาดการเงินไทย หากผู้เล่นในตลาดต่างกังวลปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทยกับธนาคารแห่งประเทศไทย

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท โมเมนตัมฝั่งอ่อนค่าได้แผ่วลง ทำให้เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ทว่าปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่ายังมีอยู่ ทั้งโฟลว์จ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงแรงซื้อเงินดอลลาร์ในจังหวะเงินบาทแข็งค่าขึ้น

ส่วนฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจเดินหน้าทยอยซื้อสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม ลดแรงกดดันต่อเงินบาท ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ เงินปอนด์อังกฤษและเงินหยวนจีน ที่อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางเงินบาทได้ในช่วงนี้

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจแกว่งตัว sideways แต่เงินดอลลาร์ก็มีโอกาสแข็งค่าขึ้น หาก BOE ส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดดอกเบี้ยได้เร็วกว่าคาด อาทิ ลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน หรือในกรณีที่ บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดก็อาจย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย (ระวังการออกมาสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย)

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 36.40-37.10 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.65-36.85 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


วอลเลย์บอลหญิงไทย ประกาศชื่อ 14 คนลุย เนชั่นส์ ลีก 2024 สนามแรก

“แนน” ทัดดาว นึกแจ้ง นำทัพ 14 นักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ลุยศึกเนชั่นส์ ลัก 2024 สนามแรกที่บราซิล โดยไร้ชื่อ “เพียว” อัจฉราพร คงยศ ที่มีอาการบากเจ็บไปก่อนหน้านี้

สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยประกาศรายชื่อนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เข้าร่วมแข่งขันวอลเลย์บอลเนชั่นส์ ลีก 2024 สัปดาห์ที่ 1 ณ เมืองริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล จำนวน 14 คน โดยมีรายชื่อดังนี้  

“แนน” ทัดดาว นึกแจ้ง (กัปตันทีม) , “แป้น” ปิยะนุช แป้นน้อย  , “เอ” สุพัตรา ไพโรจน์ , “ชมพู่” พรพรรณ เกิดปราชญ์  , “นุกนิก” ณัฐณิชา ใจแสน , “เตย” หัตถยา บำรุงสุข , “เดียร์” จรัสพร บรรดาศักดิ์ ,  “บีม” พิมพิชยา ก๊กรัมย์ , “บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร โมกศรี ,”โมเม” ธนัชชา สุขสด , “มดด๋อย” วิภาวี ศรีทอง ,  “ออมสิน”ศศิภาพร จันทวิสูตร , “ไก่” วิมลรัตน์ ทะนะพันธุ์ และ “ยูฟ่า”ดลพร สินโพธิ์ 

ทั้งนี้ ทีมวอลเลย์บอลสาวไทยจะออกเดินทางไปยังประเทศบราซิล ในวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม ด้วยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 385 เวลา 01.15 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เวลา 04.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนจะต่อเครื่องด้วยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 247 เวลา 08.05 น. ตามเวลาท้องถิ่น สู่เมืองริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล โดยจะเดินทางถึงในวันที่ 12 พฤษภาคม เวลา 15.55 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเวลาประเทศบราซิลช้ากว่าไทย 10 ชม.

โปรแกรมการแข่งขันวอลเลย์บอลเนชั่นส์ ลีก 2024 สัปดาห์ที่ 1 เมืองริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล แมตช์แรก สหรัฐอเมริกา พบ ไทย วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม 2567 (คืนวันพุธ)  เวลา 03.30 น. , แมตช์ที่สอง  เซอร์เบีย พบ ไทย วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม 2567  เวลา 00.00 น.  , แมตช์ที่สาม ไทย พบ แคนาดา เช้าวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2567 เวลา 07.00 น.  และแมตช์สุดท้าย ไทย พบ เกาหลีใต้ คืนวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม 2567 (คืนวันอาทิตย์) เวลา 03.30 น. ทุกแมตช์ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD 

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


สาเหตุของอาการ “แสบท้อง” เสี่ยงโรคอะไรบ้าง

แสบท้อง เป็นอาการที่พบได้บ่อย อาจเกิดจากการระคายเคืองบริเวณหลอดอาหาร ซึ่งเป็นท่อที่เชื่อมต่อระหว่างคอและกระเพาะอาหาร รวมถึงอาจเกิดจากการมีกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป จนทำให้รู้สึกแสบร้อนในท้อง อาการปวดแสบท้องอาจรุนแรงขึ้นหลังรับประทานอาหาร หรือเมื่อนอนราบ แม้จะเป็นอาการที่พบได้ทั่วไป แต่หากเป็นบ่อยและรบกวนการประกอบกิจวัตรประจำวัน ควรไปพบคุณหมอเพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างตรงจุด

อาการแสบท้อง เป็นอย่างไร 

แสบท้อง คือ อาการแสบร้อนบริเวณท้องส่วนบน มักเกิดขึ้นเมื่อกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับเข้าไปในหลอดอาหาร ซึ่งเป็นท่อที่เชื่อมต่อระหว่างคอและกระเพาะอาหาร จนอาจส่งผลให้มีอาการปวดแสบท้อง หากมีอาการมากกว่า 2 ครั้ง/สัปดาห์อาจเป็นสัญญาณของโรคกรดไหลย้อนที่ควรรักษาทันที นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ เช่น อาหารบางชนิด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาบางชนิด ก็อาจส่งผลให้เกิดอาการแสบท้องได้เช่นกัน

อาการอื่นๆ ที่อาจเกิดร่วมกับอาการแสบท้อง

เมื่อเกิดอาการแสบท้อง อาจเกิดอาการเหล่านี้ร่วมด้วย

  • ปากมีรสขมหรือรสเปรี้ยว
  • กลืนลำบาก
  • เจ็บหน้าอกหลังรับประทานอาหาร
  • อาการปวดแสบร้อนอาจหนักขึ้นเมื่อนอนราบ

อย่างไรก็ตาม หากมีอาการปวดเมื่อย หายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน มีปัญหาในการรับประทานอาหาร เบื่ออาหารหรือรับประทานอาหารลำบากจนทำให้น้ำหนักลด รักษาด้วยยาที่หาซื้อได้เองตามร้านขายยาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการแสบท้องมากกว่า 2 ครั้ง/สัปดาห์ ควรไปพบคุณหมอ

สาเหตุของอาการแสบท้อง

ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดอาการแสบท้องได้

  • กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับเข้าไปในหลอดอาหาร
  • การรับประทานอาหารบางชนิด เช่น อาหารเผ็ด อาหารมัน อาหารทอด กระเทียม หัวหอม ผลไม้รสเปรี้ยว ซึ่งอาจไปเพิ่มกรด จนมีกรดเกินในกระเพาะอาหาร
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
  • ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
  • ความเครียด ความวิตกกังวล อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้มีกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น หรือกรดไหลย้อน
  • การสูบบุหรี่ อาจกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวช้าหรือน้อยลง จนอาจส่งผลให้กรดไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหารได้

การวินิจฉัยอาการแสบท้อง

คุณหมออาจวินิจฉัยอาการแสบท้องด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • การส่องกล้อง เพื่อตรวจหาความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่น หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร
  • การเอกซเรย์ โดยผู้ป่วยต้องรับประทานสารละลายแบเรียมซัลเฟต (Barium sulfate) ก่อนเข้ารับการเอกซเรย์ระบบทางเดินอาหาร เพื่อช่วยให้เกิดภาพภายในระบบทางเดินอาหารที่คมชัดมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้คุณหมอสามารถวินิจฉัยอาการแสบท้องได้ง่ายขึ้น
  • การตรวจวัดค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ในหลอดอาหาร เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นโรคกรดไหลย้อนหรือไม่

การรักษาอาการแสบท้อง

อาการแสบท้องอาจรักษาได้ด้วยยาที่จำหน่ายในร้านขายยา เช่น

  • ยาลดกรด อาจช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการแสบท้อง และอาจช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง อาหารไม่ย่อยได้ด้วย
  • ยายับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร เป็นยาที่ออกฤทธิ์โดยยับยั้งปริมาณการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร เช่น โอเมพราโซล (Omeprazole) แลนโซพราโซล (Lansoprazole)

การป้องกันอาการแสบท้อง

อาการแสบท้องอาจป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่อาจกระตุ้นกรดไหลย้อน เช่น อาหารเผ็ด อาหารมัน เครื่องดื่มคาเฟอีน
  • แบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ และรับประทานอาหารให้เป็นเวลา
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อดึก
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
  • ไม่นอนทันทีหลังรับประทานอาหาร ควรรออย่างน้อย 3 ชั่วโมงเพื่อให้อาหารย่อย หรือหากนอนควรนอนหนุนหมอนสูง
  • สวมใส่เสื้อผ้าหลวมๆ ไม่รัดแน่นเกินไป
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และพยายามไม่เครียด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Soft Skills ที่จะเป็นสำหรับการทำงานในยุคปัจจุบัน

ในยุคปัจจุบัน นอกจากสกิลความรู้และความชำนาญในการทำงานแล้ว ในองค์กรส่วนใหญ่เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับทักษะเสริมอื่น ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการทำงานร่วมกับผู้อื่น เพราะหากองค์กรเลือกรับแต่พนักงานที่มีความสามารถในตำแหน่งตัวเองอย่างเดียว แต่ไม่สามารถทำงานร่วมกับทีมหรือพนักงานคนอื่นๆ ย่อมจะส่งผลเสียต่องานภาพรวมขององค์กรมากกว่า โดยทักษะเสริมที่ว่า เราเรียกมันว่า Soft Skills นั่นเอง

โดย Soft Skills ที่ควรฝึกฝนตนเองไว้สำหรับการทำงานจะมีอะไรบ้าง วอลล์สตรีท อิงลิช จะพาไปรีวิวกัน 

Soft Skills คืออะไร

Soft Skills คือ ทักษะความสามารถทางด้านอารมณ์ ความรู้สึก การอยู่ร่วมกับผู้อื่น และการพัฒนาตัวเอง เป็นทักษะต้องใช้การฝึกฝนในระยะเวลานานผ่านประสบกาณ์ต่างๆ หรืออาจได้มาจากนิสัยส่วนตัวของคน ๆ นั้น ซึ่งจะแตกต่างจากทักษะในการทำงานเฉพาะที่สามารถเรียนรู้ได้จากตำรา และความชำนาญในการทำงาน ดังนั้น Soft Skills จึงเป็นทักษะที่เจ้าขององค์กรในปัจจุบันต้องการจากพนักงานไม่แพ้ทักษะการทำงานในหน้าที่ประจำ

Communication ( ทักษะในการสื่อสาร )

หนึ่งในทักษะสำคัญที่ควรมีสำหรับการทำงาน ทักษะการสื่อสารนั้นจะรวมทั้งการ ฟัง พูดนำเสนอ อ่านสรุปความหมาย เขียนเอกสารและอีเมล เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกับทั้งเพื่อนร่วมงาน และทางผู้ใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระชับ มีความชัดเจน สื่อความหมายได้อย่างถูกต้อง และมีความน่าสนใจ และการมีทักษะในการสื่อสารที่ดียังแสดงถึงทักษะความเป็นผู้นำของคุณได้อีกด้วย

Collaboration / Teamwork ( ทักษะการทำงานร่วมกัน และการทำงานเป็นทีม )

คงเป็นเรื่องยากที่จะพลักดันให้สำเร็จลุล่วงได้โดยดี เพื่อการเอาชนะคู่แข่งทางธุรกิจต่าง ๆ ถ้าหากยังขาดการทำงานเป็นทีมของคนในองค์กร หรือแม้กระทั้งการทำงานกับลูกค้า ดังนั้นทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

Critical Thinking ( ทักษะการคิดวิเคราะห์ )

เป็นทักษะที่ทำให้เกิดการคิด พิจารณาโดยอาศัยหลักเหตุผลมาประกอบการวิเคราะห์สถานการณ์หรือข้อมูลได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ

Continuous learning ( ทักษะการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง )

ทักษะที่เจ้าขององค์กรคาดหวัง คือการที่พนักงานมีความใฝ่ที่จะเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ตลอดเวลา ซึ่งจะส่งผลดีให้องค์กรได้พนักงานที่เก่งยิ่งขึ้น แสดงถึงความกระตือรือร้นของพนักงานอีกด้วย

Decision making ( ทักษะในการตัดสินใจ )

ในชีวิตประจำก็มักจะมีเรื่องที่ทำให้เราต้องเลือกหรือตัดสินใจอยู่เรื่อย ๆ เช่นเดียวกับการทำงานที่เราต้องมีทักษะในการตัดสินใจ มาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ จะมามัวแต่ลังเลไม่ได้ โดยต้องเข้าใจถึงประโยชน์และความเสี่ยงต่าง ๆ มีการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรอบคอบ เพื่อให้การลงมือทำงานเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

Emotional intelligent ( ทักษะความฉลาดทางอารมณ์ )

ทักษะความสามารถในการ ควบคุมจัดการอารมณ์ตัวเองในสถานการณ์ต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างเหมาะสม

Negotiation ( ทักษะการเจรจาต่อรอง )

ทักษะในการต่อรองเจรจา จำเป็นต้องมีศิลปะในการพูดเพื่อการโน้มน้าวใจ ทั้งเพื่อการสื่อสารกับลูกค้าร่วมถึงเพื่อนร่วมงาน เพื่อการปิดดีลที่ดีที่สุด

Positive Attitude ( ทักษะการมีทัศนคติในเชิงบวก )

การที่มีทัศนคติเชิงบวก ช่วยในการปรับมุมมองของคนนั้นให้ดีขึ้น ไม่จมอยู่กับความทุกข์ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งตัวเองและองค์กร และเป็นตัวช่วยเพิ่มพลังบวกทำให้สภาพแวดล้อมในการทำงานดียิ่งขึ้น

Time Management ( ทักษะการจัดการเวลา )

การจัดการเวลาเป็นอีกทักษะที่สำคัญอย่างมากสำหรับคนทำงาน ที่นอกจากจะเป็นตัวในช่วยให้การจัดการเวลในการทำงาน ยังรวมไปถึงการจัดการบริหารเวลาในชีวิตตัวเองด้วย เป็นส่วนสำคัญของการ Work Life Balance ทำให้การทำงานและการใช้ชีวิตจริงมีความสุขยิ่งขึ้น

Problem Solving ( ทักษะการแก้ปัญหา )

ในการทำงานจริงมักจะไม่ได้ราบรื่นเสมอไป ต้องพบปัญหาต่าง ๆ ที่ซับซ้อน องค์กรจึงต้องการพนักงานที่มีทักษะในการจัดการหาสาเหตุ ไปจนถึงการแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


พาเจาะลึกโรงงาน Thailand Midea Smart Factory ใช้ 5G รันโรงงานในไทยครั้งแรก

ถ้าพูดถึง 5G หลายคนบอกว่ามันเร็วมากและสูบ Data ค่อนข้างมากแต่แลกกับผลลัพธ์ที่เร็ว แต่ถ้าจะบอกว่านั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการใช้งาน 5G เท่านั้นคุณอาจจะตกใจเพราะจริงๆ แล้ว 5G มันทำอะไรได้มากกว่าที่คิด เช่นเดียวกับวันนี้ที่ Sanook Hitech พาคุณไปดูโรงงานแห่งหนึ่งที่เรียกว่าเป็น Smart Factory อย่างแท้จริงครั้งแรกในเมืองไทย อย่าง Thailand Midea Smart Factory

Midea คือใครผลิตอะไรกัน

ก่อนอื่นเรามารู้จักกับ ไมเดีย กรุ๊ป (Midea Group) กันก่อน โดยบริษัทนี้ถือว่าเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านสัญชาติจีน จากข้อมูล ณ ปี  2564 บริษัทฯ มีจำนวนพนักงานรวมกว่า 150,000 คน ประจำอยู่ทั้งในจีนและต่างประเทศ 

และเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่หลากหลาย ทั้งอุปกรณ์ให้แสงสว่าง เครื่องใช้ไฟฟ้าเกี่ยวกับน้ำ อุปกรณ์ทำความสะอาดพื้น อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวขนาดเล็ก เครื่องซักผ้า อุปกรณ์ประกอบอาหารขนาดใหญ่ และเครื่องทำความเย็น ทั้งยังเป็นผู้ผลิตเตาไฟฟ้าไมโครเวฟรายใหญ่ที่สุด และเป็นผู้รับจ้างผลิตสินค้าแบบ OEM ให้กับหลายๆ แบรนด์ ไม่เพียงเท่านั้น ไมเดียยังมีประสบการณ์ยาวนานในด้านการผลิตอุปกรณ์ระบบทำความร้อน ระบบระบายอากาศ และระบบปรับอากาศสำหรับการใช้งานภายในบ้านและเพื่อการพาณิชย์ และยังเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์และระบบหุ่นยนต์สำหรับใช้ในเชิงอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดในโลก

Smart Factory โรงงานอัจฉริยะที่ Midea ทำ

เมื่อเทียม Sanook Htech ได้ก้าวเดินเข้าโรงงานพบว่าแต่ละสายการผลิตของโรงงานนั้นมีสายเคเบิ้ลน้อยมาก โดยมากแล้วจะเป็นรางสำหรับการขนส่ง โดยภายในนั้นมีการนำเทคโนโลยี 5G+ แบบ Private Network ซึ่งไว้สำหรับควบคุมอุปกรณ์ภายในเท่านั้น ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ 15 สถานะากรณ์ และสามารถเชื่อมโยทั้งระบบผ่าน 5G+ แต่จะมีบางจุดที่อาจจะใช้ระบบเครือข่ายภายในอยู่ โดย Solution ต่างๆ ภายใมนก็มีการทำงานร่วมกับ AI เช่นเดียวกัน ประกอบไปด้วย

  • การตรวจตราด้วยระบบ 5G AI: สามารถลดข้อผิดพลาดและขั้นตอนการจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพและให้ผลตอบแทน (First Time Yeild) เพิ่มขึ้น 4% ในอดีต โรงงานเคยประสบปัญหาอุปกรณ์กว่า 4,000 ชิ้นจำเป็นต้องนำกลับมาแก้ไขใหม่ในสายการผลิตเนื่องจากความสะเพร่า หลังจากมีการตรวจตราด้วยระบบ AI จำนวนชิ้นงานที่ต้องนำกลับมาแก้ไขใหม่ลดลงเหลือเพียง 1,000 ชิ้น และอัตราการแก้ไขชิ้นงานลดลงถึง 75%
  • แขนกลหุ่นยนต์ 5G: ด้วยเทคโนโลยีแขนกลหุ่นยนต์ 5G พนักงานในสายการผลิตไม่ต้องเสี่ยงทำงานที่อันตราย เดิมๆ ซ้ำๆ และใกล้กับเครื่องจักรที่ร้อน พนักงานสามารถใช้สมาร์ทโฟนสัญญาณ 5G จากระยะไกลในการสตาร์ทการทำงานของแขนกลหุ่นยนต์ ซึ่งหุ่นยนต์เหล่านี้สามารถปรับการไหลของวัตถุดิบต่างๆ ในสายการผลิตได้อย่างแม่นยำและเป็นระบบตามความต้องการของผู้สั่งการ พนักงานจึงไม่ต้องทำงานที่เสี่ยงอันตรายด้วยตัวเอง และคุณภาพของสินค้ายังได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นด้วย
  • รถลำเลียงสินค้าอัตโนมัติ 5G (AGV): เทคโนโลยี 5G ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของรถ AGV อย่างแท้จริง ขณะที่รถ AGV แบบดั้งเดิมขับเคลื่อนไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ก่อนแล้วร่วมด้วยเครื่องหมายต่างๆ ที่ติดตั้งไว้ ซึ่งในหลายโอกาสยังเป็นการจำกัดของเขตการใช้งานและสมรรถภาพสูงสุดของรถ อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี 5G ได้เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพด้านการประมวลผลข้อมูลและการสื่อสารของรถ AGV ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ปลดล็อคให้รถสามารถวางแผนเส้นทางที่ดีที่สุด ด้วยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ เป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นให้สามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ด้วยคุณสมบัติของเทคโนโลยี 5G ที่มีความเร็วสูง ความจุสูง และเวลาแฝงต่ำ สามารถยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของรถ AGV และด้วยเครือข่ายสัญญาณ 5G รถ AGV สามารถระบุตำแหน่งได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถสำรวจและควบคุมการทำงานได้อย่างดีเยี่ยมแม้ในสภาพแวดล้อมโรงงานที่มีความซับซ้อนสูง จึงสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดข้อผิดพลาดในกระบวนการทำงานลงได้มาก
  • ห้องปฏิบัติการ 5G: สายพานการประกอบเครื่องปรับอากาศแต่ละสายจะมีห้องปฏิบัติการ 5G เพื่อจำลองและทดสอบสถานะการทำงานของคอมเพรสเซอร์ที่อยู่ข้างนอก ข้อมูลการทำงานของเครื่องปรับอากาศแต่ละตัวจะถูกรวบรวมไว้ในตัวเครื่องเพื่อส่งต่อไปยังเซอร์เวอร์ผ่านสัญญาณไวไฟหรือสายเคเบิลเพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์ ปัญหาคือสัญญาณไวไฟถูกรบกวนสูงและยังเกิดข้อผิดพลาดในการเก็บรวบรวมข้อมูลอยู่บ่อยครั้ง โซลูชัน 5g backhaul ได้เข้ามาแก้ปัญหาการสูญหายของข้อมูล ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ต้องการใช้เวลาแฝงต่ำในการรับส่งข้อมูล 
  • การรวบรวมข้อมูลด้วย 5G: เทคโนโลยี 5G ประกอบด้วยการเชื่อมต่อที่มากมายและยังต้องการความความเสถียรสูง อุปกรณ์ CPE แบบไร้สายสามารถใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับเครือข่าย 5G เพื่อรวบรวมข้อมูลอัตราและกำลังการผลิต รวมไปถึงข้อมูลจากเครื่องจักรอุปกรณ์ต่างๆ ในโรงงานได้ในแบบเรียลไทม์ พร้อมๆ ไปกับการตรวจตรา และวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมมา อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อสัญญาณ 5G สามารถตรวจจับและวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในโรงงานผลิตได้ในแบบเรียลไทม์ ซึ่งก่อนหน้านี้จำเป็นต้องตรวจสอบโดยแรงงานคนอย่างเป็นระยะๆ จึงนับเป็นการยกระดับการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ภายในโรงงานผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากความผิดพลาดของอุปกรณ์ และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานอุปกรณ์เครื่องจักรต่างๆ ด้วย  

ไม่ได้มีเท่านี้เพราะ 5G เป็นแค่เหมือนสะพานเชื่อมไปสู่ระบบ AI, Big Data และ Cloud เพื่อให้สามารถสั่งงานได้ และมีความปลอดภัยเนื่องจากเป็นเครือข่าย แบบ Private ซึ่งจะไม่ทำให้กระทบต่อผู้ใช้งานรอบๆ หรือ การใช้งานแบบปกติ ซึ่งโรงงานนี้ได้ใช้เครือข่าย AIS ซึ่งวันนั้นทีมพกซิมการ์ดของ AIS ไปสังเกตว่า เน็ตค่อนข้างไวกว่าข้างนอกโรงงานเล็กน้อย โดยมือถือขึ้น 5G ตลอดเวลา

โรงงานอื่นสามารถทำแบบนี้ได้หรือไม่

จากที่ได้พูดคุยกับทาง AIS ก็ให้คำตอบว่า ทำได้ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นกับขนาดและความต้องการของโรงงาน เพราะ AIS เองก็มีให้เลือกที่หลากหลายมาก และการจับมือกับ HUAWEI ซึ่งเป็นผู้ผลิต Hardware ชั้นนำที่มีอุปกรณ์ทั้ง CPE ที่ใส่ซิมการ์ด 5G และปล่อยสัญญาณแบบที่ทำงานเฉพาะบางจุด หรือ การติดระบบ 5G กับรถ AGV เลยก็สามารถทำได้ครับ

เรียกว่าการทำอุตสาหกรรม 4.0 ในประเทศไทย ก็ขึ้นกับการลงทุนและความคุ้มค่าว่าคุณเลือกที่จะหรือไม่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เห็นได้ชัดว่า 5G ไม่ได้มีไว้เล่นเน็ตแต่สามารถทำให้เกิดผลประโยชน์ในระยะยาวรวมถึงการผลิตสินค้าที่แม่นยำด้วยเช่นเดียวกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ประโยชน์ของการวางถ้วยข้าวสารไว้ในตู้เสื้อผ้า

เวลาคุณทำโทรศัพท์มือถือตกลงในห้องน้ำ หรืออ่างล้างหน้า อ่างล้างจาน คุณก็มักจะนำมันไปวางในภาชนะใส่ข้าวสารเพื่อให้อุปกรณ์เหล่านั้นยังใช้งานได้ นอกจากวิธีนี้จะใช้กับอุปกรณ์ขนาดเล็กเหล่านั้นแล้วเรายังสามารถนำถ้วยข้าวสารไปวางไว้ในตู้เสื้อผ้าได้เช่นกัน แล้วรู้หรือไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และนั่นคือประโยชน์ของการวางถ้วยข้าวสารไว้ในตู้เสื้อผ้า

ประโยชน์ของการวางถ้วยข้าวสารในตู้เสื้อผ้า

หากคุณเคยลองใส่สมาร์ทโฟนในถุงข้าวสารเพื่อไม่ให้เปียก คุณจะรู้ว่ามันใช้ได้ผลเพราะข้าวสารจะดูดซับความชื้น เช่นเดียวกันกับการวางถ้วยข้าวสารไว้ในตู้เสื้อผ้า ข้าวสารก็สามารถดูดความชื้นในตู้เสื้อผ้าของเราได้เช่นกัน ไม่ว่าจะมีความชื้นในหน้าร้อน มีเสื้อผ้าที่อาจยังไม่แห้งสนิท การใส่ข้าวสารเพียงถ้วยเดียวจะช่วยป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าของคุณเหม็นอับหรือมีเชื้อราเกิดขึ้น

ทำหน้าที่เป็นน้ำหอมปรับอากาศ

ข้าวสารทำหน้าที่เป็นทั้งทำให้อากาศสดชื่น และเป็นตัวดูดซับความชื้นตู้เสื้อผ้าของคุณจะเริ่มมีกลิ่นหอมหลังจากเติมน้ำมันหอมระเหย 2-3 หยดลงในข้าว แบบนี้ไม่ต้องเปลืองเงินซื้อน้ำหอมปรับอากาศเมื่อคุณเองก็
สามารถทำเองได้

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • ข้าวสารจำนวน 1 ถ้วย
  • น้ำมันหอมระเหย
  • ชามสำหรับใส่
  • ผ้า 1 ผืน
  • ยางรัด

วิธีทำ

  1. ผสมข้าวกับน้ำมันหอมระเหย โดยใช้น้ำมันประมาณ 15-20 หยด
  2. ปิดชามด้วยผ้าที่ระบายอากาศได้ จากนั้นยึดด้วยยางรัด
  3. วางชามข้าวไว้ในตู้เสื้อผ้า โดยไม่ให้เด็กสามารถหยิบได้
  4. หลังจากผ่านไป 2-3 เดือน คุณจะต้องเปลี่ยนน้ำหอมปรับอากาศ และข้าว

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 07/05/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a40,350.0040,450.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,614.0039,628.2440,950.00
ทองรูปพรรณ 90%2,352.6035,665.42n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,091.2031,702.59n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,176.0017,828.16n/a
ทองรูปพรรณ 40%915.0013,871.40n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,709.0041,068.44n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 07/05/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9539.8539.8540.8539.8539.8539.8539.8539.8539.8539.85
แก๊สโซฮอล์ 9139.2839.2840.2839.2839.2839.2839.2839.2839.2839.28
แก๊สโซฮอล์ E2037.7437.7438.7437.7437.7437.7437.7437.7437.74
แก๊สโซฮอล์ E8537.4937.4937.49
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม48.0449.8449.9449.8448.04
เบนซิน 9547.7448.9148.2447.8947.74
ดีเซล30.9430.9431.2430.9430.9430.9430.9430.9430.9430.94
ดีเซลหมุนเร็ว30.9430.9430.94
ดีเซลพรีเมี่ยม42.9445.1446.9445.1445.1442.94
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า