สาระน่ารู้ประจำวันที่ 11 มีนาคม 2567

อนันดาเปิด7โครงการ1.8หมื่นล้านเป้ายอดขาย2.3หมื่นล้านเตรียมชำระหุ้นกู้

อนันดาฯเปิด7โครงการ1.8หมื่นล้านผุด2คอนโด5 โครงการแนวราบตั้งเป้ายอดขาย2.3หมื่นล้านพร้อมเล็งปิดการขาย8โครงการมูลค่ากว่า1.9หมื่นล้านหวังเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและผู้ถือหุ้นเตรียมชำระหุ้นกู้รอบถัดไปตามกำหนดในเดือนก.ค.มูลค่า 3.2พันล้าน

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา ถือว่าท้าทายความสามารถในการดำเนินงานของอนันดาฯ  เป็นอย่างมาก จากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่อนันดาฯ ได้มีการปรับตัวตามสถานการณ์เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการรับมือกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นได้  แต่ก็ยังสามารถครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่สามารถเข้าถึงและเข้าใจลูกค้าคนเมืองทั้งตลาดคอนโดมิเนียมและแนวราบในเมืองได้เป็นอย่างดี  และลูกค้ายังคงให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์ของอนันดาฯ อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จึงพร้อมเดินหน้าภายใต้แนวคิด “COMMITTED TO URBAN LIFE” มุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยและบริการให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมืองให้ดียิ่งขึ้น  นำเสนอสินค้าที่ดีและมีคุณภาพพร้อมอยู่พร้อมโอนบนทำเลที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้า จากอินไซด์ของคนเมือง มุ่งเน้นในการปรับสินค้านำเสนอห้องรูปแบบใหม่ ภาพลักษณ์ใหม่ ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนเมืองอย่างลงตัวที่สุด ซึ่งเป็นการสร้างความแตกต่างให้กับโครงการพร้อมอยู่พร้อมโอน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าคนเมืองได้ครบทุกเซกเม้นท์
 

ในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าลุยตามแผนธุรกิจใหม่ที่วางไว้ทั้ง COMMITTED TO GROWTH มุ่งมั่นเติบโตอย่างต่อเนื่อง  COMMITTED TO OUR CUSTOMERS มุ่งเน้น มั่นใจในคุณภาพสินค้าและบริการ และ COMMITTED TO URBAN LIFE มุ่งพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อชีวิตคนเมือง  เพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาวและเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้

ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ากว่า 18,608 ล้านบาท คือ 2 โครงการคอนโดระดับแฟลกชิพ พร้อมการจับมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก และ 5 โครงการแนวราบในทำเลศักยภาพ  

นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายปิดการขาย 8 โครงการ ทั้งคอนโดมิเนียมและแนวราบ มูลค่ากว่า 19,962 ล้านบาท พร้อมเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและผู้ถือหุ้น ที่ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในความสามารถในการบริหารงานของบริษัทฯ โดยเตรียมชำระหุ้นกู้รอบถัดไปตามกำหนดในเดือนกรกฎาคม 2567 มูลค่า 3,231 ล้านบาท 

ปีที่ผ่านมาอนันดาฯ ได้ออกแบรนดิ้งแคมเปญ “I Love urban life” ส่งต่อพลังบวกให้คนเมือง ตอกย้ำแบรนด์ที่อยู่อาศัยของคนเมือง และในปีนี้ได้ต่อยอดสิ่งดีๆ ให้กับคนเมืองด้วยแคมเปญ “ANANDA URBAN JOY” นำเสนอสิ่งใหม่ๆ ห้องแต่งครบ รูปแบบใหม่ พร้อมกิจกรรมดีๆ สำหรับคนเมือง และผู้ที่สนใจซื้อที่อยู่อาศัยทำเลเมืองใกล้รถไฟฟ้า รวมถึงการส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ควบคู่ไปกับการพัฒนามาตรฐานของสินค้าและการบริการหลังการขายเพื่อตอบโจทย์ความพึงพอใจในการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของคนเมืองให้มากที่สุดตามมาตรฐาน ANANDA SURE 

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อนันดาฯ ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยปี 66 ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จจากการนำเสนอสินค้าพร้อมยู่พร้อมโอนบนทำเลที่ดีที่สุดให้กับคนเมือง

แม้อยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย แต่ยังคงสร้างผลงานได้ในระดับที่น่าพอใจ เห็นได้จากตัวเลขทั้งยอดโอน ยอดขาย และยอดขายตลาดต่างประเทศ

โดยในปี 2566 มียอดขาย 19,535 ล้านบาท เติบโต 11% เมื่อเทียบกับปีก่อน  มียอดโอน 13,186 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมียอดขายตลาดต่างประเทศ 6,989  ล้านบาท เติบโตกว่า 102% เมื่อเทียบกับปีก่อน 

อนันดาฯ มุ่งมั่นยกระดับการให้บริการต่างๆ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของการอยู่อาศัย ด้วย “ANANDA SURE” การบริการและดูแลลูกบ้านอย่างใกล้ชิด ทั้งก่อนส่งมอบบ้าน ไปจนถึงการดูแลตลอดการอยู่อาศัย การบริการด้านนิติบุคคล จาก The Works Community Management บริษัทในเครือของอนันดาฯ  ทีมนิติบุคคลมืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการโครงการต่างๆการบริการด้านการลงทุน จาก The Agent ตัวแทนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ปรึกษาด้านการลงทุนแบบครบวงจร พร้อมด้วย แอปพลิเคชั่น COCORO APP แอปฯ ผู้ช่วยคนใหม่ที่ทำให้การอยู่อาศัยง่ายขึ้น สะดวก จบ ครบทุกฟีเจอร์สำคัญภายในแอปฯ เดียว ที่พร้อมมอบให้กับลูกบ้านของอนันดาฯ

“อนันดาฯ ยืนยันในความแข็งแกร่งของศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ยังคงวางเป้าหมายในการพัฒนาโครงการตอบรับความต้องการลูกค้าคนเมืองในทุกเซกเมนต์ แม้ที่ผ่านมาจะอยู่ในสถานการณ์ที่ผันผวนแต่ก็ยังคงมีดีมานด์หรือความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่เพียงแค่รอจังหวะเวลาที่เหมาะสม โดยขณะนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของลูกค้าที่จะเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในราคาที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ ซึ่งในปีนี้ อนันดาฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยของคนเมือง ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตให้ลงตัวมากที่สุด และมุ่งเน้นสร้างการเติบโตให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายชานนท์ กล่าวทิ้งท้าย

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


เศรษฐีไทยช้อปอสังหาฯต่างประเทศ ‘อังกฤษ’ยืนหนึ่งญี่ปุ่น – มัลดีฟส์มาแรง

  • เศรษฐีไทยหันมาลงทุนอสังหาฯต่างแดน
  • ลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ-การเมือง
  • ทำเลยอดนิยมเมือง“ลอนดอน”ประเทศอังกฤษ

หนึ่งในพอร์ตการลงทุนของ“เศรษฐีไทย”ในปีนี้เริ่มหันมาลงทุนซื้ออสังหาฯในต่างประเทศเข้าพอร์ตตัวเองมากขึ้น เพื่อ”ลดความเสี่ยง”จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

แม้ว่ากำลังซื้อภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดอสังหาฯไทยยังไม่ฟื้นตัว  แต่สำหรับตลาดอสังหาฯไฮเอนด์ในต่างแดน โดยเฉพาะทำเลฮอต“ลอนดอน” ประเทศอังกฤษกลับมาได้รับความนิยมจากบรรดาเศรษฐีไทย  เนื่องจากเศรษฐีเมืองไทยจำนวนมากส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่ไฮสคูลจึงใช้เวลาอยู่นานถึง 7-8 ปี

ปพิณริยา พึ่งเขื่อนขันธ์ หัวหน้าแผนกซื้อขายที่พักอาศัยรายย่อย บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด ฉายภาพว่ากลุ่มคนไทยที่ลงทุนซื้ออสังหาฯในต่างประเทศ อันดับแรกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือประเทศ “อังกฤษ” โดยกลุ่มลูกค้าที่ไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษ  

ส่วนใหญ่จะซื้อใน“ลอนดอน”เพื่อเป็นที่พักอาศัยของลูกหลานระหว่างเรียนโดยมีงบประมาณตั้งแต่ 8แสนปอนด์จนถึง2ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นมูลค่า 36-91ล้านบาท ขนาด1-2ห้องนอน 

ส่วนประเทศ“ญี่ปุ่น”ได้รับความสนใจเป็นอันดับสองในการซื้ออสังหาฯเพื่อลงทุนจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่สนใจลงทุนอสังหาฯในประเทศญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่จะสนใจในทำเล“ฮอกไกโด” ซึ่งเป็นเมืองสกีรีสอร์ทชื่อดัง  ซึ่งมูลค่าการซื้อขายขั้นต่ำขนาด2ห้องนอนประมาณ30 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีพื้นที่น่าสนใจอย่าง“โอซาก้า” เหมาะกับคนที่สนใจจะเริ่มลงทุนอสังหาฯในญี่ปุ่นเนื่องจากระดับราคาประมาณ7-8ล้านบาทเท่านั้นเป็นขนาดห้องสตูดิโอ 20 ตารางเมตร 

อีกเดสติเนชั่นที่น่าในคือ “มัลดีฟส์” ซึ่งซีบีอาร์อีมี 2 โครงการที่ขายอยู่ระดับราคาตั้งแต่ 4 – 16.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่มีขนาดตั้งแต่ 2-9 ห้องนอน ซึ่งเหมาะกับกลุ่มครอบครัว

“ในส่วนของตัวโครงการในปี2566 ที่ผ่านมา มียอดมูลค่าการซื้อขายไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายของตลาดรีเซล และตลาดมือหนึ่งประมาณ 80ล้านเหรียญสหรัฐหรือ2,841ล้านบาทถือว่ามีมูลค่าสูงมาก เป็นยอดขายจากโครงการ สำหรับ soneva Jani และ soneva Fushi ที่ซีบีอาร์อีดูแลอยู่” 

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 11มี.ค. “อ่อนค่า” ที่ระดับ 35.43 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 11มี.ค. “อ่อนค่า” ที่ระดับ 35.43 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ต้องระวังกรณีที่ ราคาทองคำพลิกกลับมาปรับตัวลง หากเผชิญปัจจัยกดดัน และนักลงทุนต่างชาติอาจทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของตลาดหุ้นไทย ที่มาพร้อมกับการแข็งค่าของเงินบาท แนะจับตาทิศทางสกุลเงินเอเชีย ทั้งเงินหยวน-เงินเยน

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 11มี.ค. 2567 ที่ระดับ  35.43 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง เล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  35.41 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน   พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในกรอบ 35.30-35.55 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะผันผวนสูง ตามที่เราได้ประเมินไว้ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ซึ่งออกมาผสมผสาน (ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม

หรือ Nonfarm Payrolls ออกมาสูงกว่าคาด แต่ทว่า อัตราการว่างงาน และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง กลับออกมาแย่กว่าคาด) อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์มีจังหวะทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ของตลาดการเงินสหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มทยอยขายทำกำไรหุ้นเทคฯ ใหญ่ ในธีม AI ที่ปรับตัวได้ร้อนแรงในช่วงก่อนหน้า

นอกจากนี้ เราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ หรือ ขายทำกำไรสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น) ในช่วง เงินบาทได้แข็งค่าทดสอบโซนแนวรับ 35.30 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้บ้าง

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่มั่นใจว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ในปีนี้ราว 3 ครั้ง เป็นอย่างน้อย จากทั้งถ้อยแถลงของประธานเฟดและรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ชะลอลงมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมสาน ไม่ได้ดีกว่าคาดไปทั้งหมด

ในสัปดาห์นี้ เรามองว่าควรจับตา รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด โดยเตรียมรับมือความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้ รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI หากออกมาดีกว่าคาด

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด ผ่านถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสและรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ โดยในการแถลงต่อสภาคองเกรสประจำปีนั้น ประธานเฟดอาจย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย จนกว่าจะมั่นใจว่าเฟดจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อและการจ้างงาน

ทว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจสะท้อนภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากขึ้นได้ เริ่มจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ โดย ISM (Services PMI) ในเดือนกุมภาพันธ์ ที่อาจปรับตัวลดลง สอดคล้องกับการปรับตัวลงของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการบริการที่สำรวจโดยบรรดาเฟดสาขาต่างๆ นอกจากนี้ ไฮไลท์สำคัญของข้อมูลเศรษฐกิจ

อย่าง ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ก็อาจสะท้อนภาพตลาดแรงงานที่ชะลอลง อาทิ ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ที่อาจลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 8.8 ล้านตำแหน่ง ส่วนยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เดือนกุมภาพันธ์ อาจเพิ่มขึ้นราว 2 แสนตำแหน่ง ลดลงจากกว่า 3.5 แสนตำแหน่งในเดือนก่อน แต่ยังคงสูงกว่าระดับ 1 แสนตำแหน่ง ที่ประธานเฟดมองว่าเป็นระดับที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ส่วนอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) อาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 3.8% และอัตราการเติบโตค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) อาจชะลอลงสู่ระดับ +4.3%y/y ซึ่งหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาตามคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดยังมั่นใจว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้ง ตาม Dot Plot ล่าสุด

และหากออกมาแย่กว่าคาด ก็จะทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มกลับมาประเมินว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้มากกว่า 3 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด เพราะจะทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มกังวลว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าคาด  

▪ ฝั่งยุโรป – เราประเมินว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) ไว้ที่ระดับ 4.00% และอาจยังไม่รีบส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น จนกว่า ECB จะมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงเข้าสู่เป้าหมาย 2% ได้สำเร็จ

ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจยังคงคาดว่า ECB จะเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในการประชุมเดือนมิถุนายน และอาจลดดอกเบี้ยราว -100bps ในปีนี้ ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซน อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (Sentix Investor Confidence) รวมถึง ยอดค้าปลีก (Retail Sales) และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ ECB เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนและทิศทางนโยบายการเงิน ECB

▪ ฝั่งเอเชีย – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ การประชุม สมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) และการประชุม สมาชิกคณะกรรมการแห่งชาติของสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC) ที่จะเริ่มตั้งแต่วันอังคารที่ 5 มีนาคม โดยผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาว่า ทางการจีนจะมีการตั้งเป้าหมายการเติบโตเศรษฐกิจอย่างไรและจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการโดย Caixin รวมถึงยอดการส่งออกและนำเข้า ในส่วนนโยบายการเงิน เราประเมินว่า ธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.00% เพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินริงกิต (MYR) แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอเข้าสู่เป้าหมายของ BNM และภาพรวมเศรษฐกิจอาจชะลอลงบ้างจากปีก่อนหน้าก็ตาม

  ฝั่งไทย – เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) เดือนกุมภาพันธ์อาจอยู่ที่ระดับ -0.70% สูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ตามการปรับตัวขึ้นของราคาพลังงาน รวมถึงราคาข้าวและแป้ง ขณะเดียวกัน การทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

โดยเฉพาะในส่วนการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยว ก็จะช่วยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อทยอยปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ก็อาจอยู่แถวระดับ 0.50% ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) เดือนกุมภาพันธ์ ก็มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 63.5 จุด ท่ามกลางความหวังการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่ได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวและการส่งออก

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาท อาจแกว่งตัว sideways โดยโมเมนตัมการแข็งค่าอาจชะลอลงบ้าง (สอดคล้องกับสัญญาณเชิงเทคนิคัล) และต้องระวังในกรณีที่ ราคาทองคำพลิกกลับมาปรับตัวลง หากเผชิญปัจจัยกดดัน อาทิ ตลาดกลับมากังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด

นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติอาจทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของตลาดหุ้นไทย ที่มาพร้อมกับการแข็งค่าของเงินบาทได้ และที่สำคัญ ควรจับตาทิศทางสกุลเงินเอเชีย ทั้งเงินหยวนจีน (CNY) และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY)

ที่ส่งผลต่อเงินบาทพอสมควรในช่วงนี้ ซึ่งจากปัจจัยข้างต้นทำให้เราประเมินว่า โซนแนวรับแรกของเงินบาทอาจอยู่ในช่วง 35.30 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไปแถว 35.00 บาทต่อดอลลาร์) ส่วนโซนแนวต้านยังคงอยู่ในช่วง 35.60 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวต้านแรก (แนวต้านถัดไป 35.80 บาทต่อดอลลาร์)

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า แม้เงินดอลลาร์จะย่อตัวลงตามคาดในสัปดาห์ก่อนหน้า ทว่าในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรระวังการกลับมาแข็งค่า เร็วและแรงของเงินดอลลาร์ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน หรือ ตลาดพลิกกลับมาปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off)

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.00-35.80 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.30-35.50 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“ภูมิกิตติ์” กด 4 อันเดอร์ฯ คว้าแชมป์ก้านเหล็ก “บางจาก โอเพ่น 2024”

“บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด” ร่วมกับ “บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” ระเบิดศึกดวลสวิงกอล์ฟเยาวชนรายการ “บางจาก โอเพ่น 2024” ซึ่งเป็นสนามแรกของ “ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์ 2024” แข่งขันระหว่างวันที่ 9-10 มีนาคม 2567 ที่สนามสปริงฟิลด์ รอยัล คันทรี คลับ (คอร์สบี-ซี) จ.เพชรบุรี

“บางจาก โอเพ่น 2024” เป็นหนึ่งในรายการที่เก็บสะสมคะแนนของ Junior Golf Scoreboard แบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 รุ่น คือ Special GENZ (ชายและหญิง) อายุ 19-23 ปี, Super GENZ (ชายและหญิง) อายุ 15-18 ปี และ Junior GENZ (ชายและหญิง) อายุ 11-14 ปี แข่งขันแบบเก็บคะแนนสะสมเพื่อคัดเลือกนักกอล์ฟชายและหญิง จำนวน 12 คน เข้าโครงการกอล์ฟเยาวชนของ “บางจากฯ” ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนทุนสำหรับแข่งขันเพื่อพัฒนาฝีมือ และสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟที่ประเทศญี่ปุ่น โดยในการแข่งขันสนามแรกนี้ นักกอล์ฟที่คว้ารางวัลชนะเลิศในรุ่น Super GENZ (ชายและหญิง) จำนวน 2 คน จะได้สิทธิ์เป็นตัวแทนเยาวชนไทยเข้าร่วมแข่งขันในรายการ Yonex Junior Golf Championship 2024 ช่วงเดือนสิงหาคม นี้ที่ญี่ปุ่น

หลังจบการแข่งขันรอบสุดท้าย (10 มี.ค. 67) ผลปรากฏว่า ภูมิกิตติ์ พิชยเสาวภาคย์ นักกอล์ฟเยาวชนในโครงการกอล์ฟบางจากฯ ในรุ่น Super GENZ (ชาย) โชว์ฟอร์มโหดจัดในรอบสอง กดไป 4 อันเดอร์ฯ คว้าแชมป์พร้อมสิทธิ์แข่งญี่ปุ่นไปตามคาดด้วยสกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ 140 ด้าน เขมณัฏฐ์ ศรลัมพ์ ชนะเพลย์ออฟที่หลุม 1 พาร์ 4 พัตต์เบอร์ดี้ลง คว้าแชมป์แรกของทัวร์นี้ไปครอง พร้อมกับสิทธิ์แข่งที่ญี่ปุ่น สกอร์รวม 5 โอเวอร์พาร์ 149

สำหรับผลการแข่งขันรายการ “บางจาก โอเพ่น 2024” รุ่นอื่นๆ มีดังนี้

– รุ่น Special GENZ (ชาย) ที่ 1 ชนกันต์ บุญกิตติวศิน คว้าแชมป์ไปด้วยสกอร์รวม 8 โอเวอร์พาร์ 152 (78-74), ที่ 2 วินทกร สุวรรณเมือง สกอร์รวม 9 โอเวอร์พาร์ 153 (74-79), ที่ 3 ปุณยวัจน์ จงศรีอดิสรณ์ สกอร์รวม 12 โอเวอร์พาร์ 156 (79-77)

– รุ่น Special GENZ (หญิง) ที่ 1 ปริญยาภรณ์ รุ่งระวี สกอร์รวม 2 โอเวอร์พาร์ 146 (75-71), ที่ 2 เกณิกา บุญประเสริฐ สกอร์รวม 10 โอเวอร์พาร์ 154 (75-79), ที่ 3 ผริตา เที่ยงตรง สกอร์รวม 29 โอเวอร์พาร์ 173 (86-87)

– รุ่น Super GENZ (ชาย) ที่ 1 ภูมิกิตติ์ พิชยเสาวภาคย์ นักกอล์ฟเยาวชนในโครงการกอล์ฟบางจากฯ รอบแรกจบอีเวนท์ รอบสองเก็บเพิ่มอีก 4 อันเดอร์พาร์ คว้าแชมป์ไปด้วยสกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ 140 (72-68), ที่ 2 ธนิสร พิศเพ็ง สกอร์รวมสองวันที่อีเวนต์พาร์ 144 (74-70), ที่ 3 ณฐภัทร ตรงจิตภักดี สกอร์รวม 1 โอเวอร์พาร์ 145 (74-71)

– รุ่น Super GENZ (หญิง) ในรุ่นนี้ลุ้นสนุกระหว่าง ธราพัชร์ ปัญญา นักกอล์ฟเยาวชนในโครงการกอล์ฟบางจากฯ และเขมณัฏฐ์ ศรลัมพ์ จบรองสองเข้ามาเท่ากันที่ 5 โอเวอร์พาร์ ต้องอุทธรณ์ถึงเพลย์ออฟ หลังจบการเพลย์ออฟที่หลุม 1 พาร์ 4 เขมณัฏฐ์ อาศัยความนิ่งพัตต์เบอร์ดี้ลง คว้าแชมป์ได้เป็นครั้งแรกของทัวร์นี้ พร้อมรับสิทธิ์แข่งที่ญี่ปุ่น สกอร์รวม 5 โอเวอร์พาร์ 149 (74-75) ส่วน ธราพัชร์ ปัญญา พ่ายเพลย์ออฟ รับที่ 2 สกอร์รวม 5 โอเวอร์พาร์ 149 (72-77), ที่ 3 กชกรณ์ นิ่มนวล สกอร์รวม 6 โอเวอร์พาร์ 150 (74-76)

– รุ่น Junior GENZ (ชาย) รุ่นนี้ต้องดวลเพลย์ออฟเพื่อหาผู้ชนะระหว่าง อิทธิ์ชพัฒน์ บัณฑิตมหากุล และ สุรพิชญ์ พิชยเสาวภาคย์ สกอร์รวมเท่ากันที่ 4 อันเดอร์พาร์ หลังจบการเพลย์ออฟที่หลุม 1 พาร์ 4 อิทธิ์ชพัฒน์ พัตต์พาร์คว้าแชมป์ไปอย่างสนุก สกอร์รวมสองวันที่ 4 อันเดอร์พาร์ 140 (69-71), ที่ 2 สุรพิชญ์ พิชยเสาวภาคย์ สกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ 140 (70-70), ที่ 3 ภูมิพัฒน์ ช่างประดิษฐเจริญ สกอร์รวม 2 อันเดอร์พาร์ 142 (74-68)

– รุ่น Junior GENZ (หญิง) ที่ 1 สุริฏฐ์ปรียา พฤกษานุบาล ชนะเพลย์ออฟ สกอร์รวม 2 โอเวอร์พาร์ 146 (71-75), ที่ 2 ณชา สถิตย์สัมพันธ์ สกอร์รวม 2 โอเวอร์พาร์ 146 (74-72), ที่ 3 ณัทชารีย์ คุณปสุต สกอร์รวม 8 โอเวอร์พาร์ 152 (80-72)

รายการต่อไปเป็นการแข่งขันเก็บคะแนนสะสมรายการที่ 2 “ช้าง โอเพ่น 2024” แข่งขันระหว่างวันที่ 6-7 เมษายน 2567 ที่สนามเลควิว รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟ คลับ (คอร์สเอ-บี) จ.เพชรบุรี สำหรับผู้ปกครองและนักกอล์ฟที่สนใจเข้าร่วมแข่งขันสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Official Line : @genzgolf  หรือโทร. 065 696 2229

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


6 วิธีรักษา “โรคเกาต์” โดยไม่ต้องใช้ยา

กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอก แนะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกี่ยวกับการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มสามารถช่วยลดอาการข้ออักเสบที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเกาต์ได้

โรคเกาต์ คืออะไร?

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคเกาต์เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่ง มีผล มาจากการที่มีระดับกรดยูริกในเลือดสูงเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการตกผลึกของเกลือยูเรตบริเวณข้อและเนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกาย โดยผลึกดังกล่าวมีผลกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันทำให้เกิดกระบวนการอักเสบตามมา 

กลุ่มเสี่ยงโรคเกาต์

โดยส่วนมากโรคเกาต์มักจะพบได้มากในเพศชายอายุ 30 ปีขึ้นไป ส่วนเพศหญิงจะพบมากในช่วงวัยหลังหมดประจำเดือน 

อาการของโรคเกาต์

อาการของโรคเกาต์สามารถปรากฏได้หลายรูปแบบ คือ ข้ออักเสบ มักจะมีอาการแบบเฉียบพลัน เริ่มแรกมักเป็นข้อเดียว โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดที่โคนข้อนิ้วหัวแม่เท้า ข้อเท้า หรือข้อเข่า โดยมีอาการปวด บวมแดง ร้อน เจ็บเมื่อกด และอาจมีไข้ร่วมด้วย บางรายพบก้อนโทฟัส ซึ่งเกิดจากการสะสมของผลึกเกลือยูเรตในเนื้อเยื่ออ่อน ข้อต่อ กระดูก และกระดูกอ่อน มักพบบริเวณศอก ตาตุ่ม นิ้วมือ นิ้วเท้า ส่วนนิ่วในทางเดินปัสสาวะ พบประมาณร้อยละ 10-25 ของผู้ป่วยโรคเกาต์


วิธีรักษาโรคเกาต์

นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางการรักษาโรคเกาต์ควรใช้การรักษาโดยวิธีไม่ใช้ยาและใช้ยาร่วมกัน ซึ่งจะมีประสิทธิภาพดีกว่าการใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง 


6 วิธีรักษาโรคเกาต์ โดยไม่ต้องใช้ยา

การรักษาโดยวิธีไม่ใช้ยาสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกี่ยวกับการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มร่วมกับการดูแลโรคร่วม และปัจจัยเสี่ยงของโรคเกาต์ 

  1. ขณะมีอาการข้ออักเสบกำเริบควรเลือกรับประทานโปรตีนจาก ไข่ เต้าหู้ นมและผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันต่ำ 
  2. ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมถึงอาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เครื่องในสัตว์ ไข่ปลา ยอดผักต่างๆ 
  3. ลดการรับประทานผลไม้ที่มีรสหวานจัด น้ำผลไม้และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลฟรุกโตส เช่น ชาเขียวพร้อมดื่ม 
  4. งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 
  5. ควรดื่มน้ำ อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน 
  6. หากท่านรับประทานอาหารชนิดใดแล้วมีอาการข้ออักเสบให้หลีกเลี่ยงอาหารชนิดนั้นๆ เพื่อป้องกันข้ออักเสบ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


หนาวร้อนบอกได้! รวมคำศัพท์เกี่ยวกับ สภาพอากาศภาษาอังกฤษ

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน เดี๋ยวก็มีลมพายุ เห็นทีคงต้องดูแลสุขภาพกันเป็นพิเศษแล้วล่ะนะ แต่ก่อนจะไปเตรียมตัวรับมือกับสภาพอากาศ เรามาเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับฤดูกาลและสภาพอากาศในภาษาอังกฤษกันดีกว่า

คำศัพท์เกี่ยวกับฤดูกาล

Summer ฤดูร้อน

Rainy/wet season ฤดูฝน

Winter ฤดูหนาว

Dry season ฤดูแล้ง

Autumn/fall ฤดูใบไม้ร่วง

Spring ฤดูใบไม้ผลิ

คำศัพท์บอกสภาพอากาศในช่วง ‘ฤดูร้อน’

Sweltering ร้อนระอุ

Sunshine แสงอาทิตย์

Warm อบอุ่น

Sunny แดดจัด

Bright อากาศสดใส มีแดดแรง

Humid อากาศร้อนชื้น

Stifling ร้อน จนแบบรู้สึกไม่สบายตัว

Heatwave คลื่นความร้อน

Scorching อากาศร้อนมากๆ (ใช้ในความหมายเชิงบวก)

Boiling อากาศร้อนจัด ร้อนจนจะเดือด (ใช้ในความหมายเชิงลบ)

Sunburn ผิวเกรียมจากการถูกแดดมากเกินไป

คำศัพท์บอกสภาพอากาศในช่วง ‘ฤดูฝน’

Rainy มีฝนตก

Drizzle ฝนตกปรอยๆ

Showery = ฝนตกโปรยปราย

Breezy มีลมแต่ไม่แรง

Windy ลมแรง

Downpour ฝนที่ตกอย่างหนัก

Torrential rain ฝนตกหนักมาก

Flood น้ำท่วม

Stormy มีพายุ

Thunderstorm พายุฝนฟ้าคะนอง ฝนตกหนัก ลมกรรโชกแรง มีฟ้าร้อง ฟ้าฝ่า

คำศัพท์บอกสภาพอากาศในช่วง ‘ฤดูหนาว’

Freezing เย็น

Cold เย็น

Icy เย็นฉ่ำ

Hail มีลูกเห็บ

Hailstones ลูกเห็บ

Snow หิมะ

Snowflake เกล็ดหิมะ

Sleet หิมะ หรือลูกเห็บที่ตกลงมาพร้อมสายฝน

Blizzard พายุหิมะ

คำศัพท์บอกสภาพอากาศในช่วง ‘ท้องฟ้าแจ่มใส’

Clear ท้องฟ้าโปร่ง และไม่มีเมฆ

Fine ท้องฟ้าโปร่ง ไม่มีฝน

Partially cloudy ท้องฟ้าสีคราม และมีเมฆบางส่วน

Cloudy มีเมฆมาก

ตัวอย่างบทสนทนาเกี่ยวกับ สภาพอากาศภาษาอังกฤษ

A: What’s the weather like today?

สภาพอากาศวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

B: It’s rainy.

มีฝนตก

A: What’s the weather like in Bangkok?

สภาพอากาศในกรุงเทพฯ เป็นอย่างไรบ้าง?

B: It’s sunny.

มีแดดออก

A: It’s rather cloudy. It looks like rain, doesn’t it?

วันนี้ดูมีเมฆค่อนข้างมาก ดูเหมือนฝนจะตกเลยว่าไหม?

B: I think we should go now, before we get soaked.

ฉันว่าเราควรกลับกันแล้วล่ะ ก่อนที่เราจะเปียกกัน

A: What season is it?

ช่วงนี้เป็นฤดูอะไร?

B: It is in the spring.

ตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ

A: What is the temperature in Bangkok now?

ตอนนี้ที่กรุงเทพฯ อุณหภูมิเท่าไหร่?

B: It is about 40 degrees Celsius.

ประมาณ 40 องศาเซลเซียส

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


5 แหล่งสร้าง QR Code ฟรีและปรับได้เยอะสุด

QR Code เป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์มากมาย สะดวก รวดเร็ว เข้าถึงได้ง่าย ใช้งานได้หลากหลาย และมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับธุรกิจทุกประเภท

สำหรับคนที่สงสัยว่าแล้วเราจะสร้าง QR Code ของตัวเองได้จากแหล่งไหนบ้างวันนี้ Sanook Hitech รวบรวม 5 แหล่งสร้าง QR Code ง่ายๆ

1.Google Chrome 

เว็บไซต์แรกเลย คือ Google Chrome เว็บเบราเซอร์ ก็สามารถสร้างได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ ทำได้แค่เพียง

  • กด 3 จุด
  • กด Save / Share
  • กดที่ สร้าง QR Code เท่านี้ก็จะมีการสร้าง QR Code ได้ง่ายๆ 

2.QR Stuff 

อีกแหล่งที่สามารถแชร์ข้อมูลต่างๆ ตั้งแต่ลิงก์, email ข้อความ, เบอร์โทร และอื่นๆ อีกมากมาย สามากดได้จากตรงนี้เลย

3.ME-QR

อีกเว็บไซต์ที่สามารถแชร์ลิงก์โดยคุณสามารถนำภาพมาใสและแก้ไขได้ เสร็จแล้วกดบันทึกได้เลย

4.bit.ly

แหล่งย่อลิงก์ยาวๆ นอกจากที่คุณจะสร้างลิงก์ย่อได้แล้วยังสามารถแชร์เป็น QR Code ให้คุณได้เช่นกัน

5.ForQRCode 

เว็บไซต์นี้สร้าง QR Code ได้หลากหลายและปรับแต่ได้เยอะสุด ๆ และฟรีด้วย

นอกจากนี้ใน LINE หรือ App ธนาคาร ของคุณยังแชร์รายชื่อของคุณผ่าน QR Code ได้เช่นกัน เรียกว่า QR Code อยู่ทุกที่อย่าลืมมาใช้งานกันนะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ถูกใจสายหวาน! “สตรอว์เบอร์รี่” ช่วยลดความอ้วนได้

สตรอว์เบอร์รี่เป็นผลไม้ที่สามารถหาซื้อได้ง่ายทั้งในเมืองไทยและในญี่ปุ่น นอกจากความอร่อยและมีคุณค่าต่อความงามแล้ว คนญี่ปุ่นยังนำสตรอว์เบอร์รี่มาเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักด้วย มารู้ประโยชน์ของสตรอว์เบอร์รี่ในการลดน้ำหนักและวิธีการรับประทานเพื่อลดน้ำหนักตามที่คนญี่ปุ่นแนะนำกัน

เหตุผลที่คนญี่ปุ่นเลือกสตรอว์เบอร์รี่เป็นผลไม้ตัวช่วยลดน้ำหนัก

สตรอว์เบอร์รี่เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ โดยสตรอว์เบอร์รี่ 100 กรัม (สตรอว์เบอร์รี่ผลขนาดกลาง 5-7 ผล) ให้พลังงานเพียง 34 กิโลแคลอรี่ สตรอว์เบอร์รี่ที่บรรจุขายเป็นแพ็กตามร้านค้าทั่วไปในญี่ปุ่นมีน้ำหนักประมาณ 200-300 กรัมให้พลังงานที่ประมาณ 85-102 กิโลแคลอรี่  ซึ่งถือว่าเป็นผลไม้ที่รับประทานจนอิ่มแต่ให้พลังงานต่ำมาก  นอกจากมีแคลอรี่ต่ำแล้วสตรอว์เบอร์รี่ยังมีคุณค่าสารอาหารสำคัญที่ช่วยให้สวยและลดน้ำหนักได้ดังนี้คือ

  • ช่วยลดอาการบวมน้ำของร่างกาย

สตรอว์เบอร์รี่ 100 กรัมมีโพแทสเซียมสูงประมาณ 170  มิลลิกรัม โดยโพแทสเซียมจะช่วยขับเกลือโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย ช่วยลดและป้องกันอาการบวมน้ำของร่างกายได้ดี

  • ช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติท้องไม่ผูก

สตรอว์เบอร์รี่อุดมไปด้วยเส้นใยอาหารและกรดอินทรีย์ที่ไปกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ส่งผลให้ระบบการขับถ่ายทำงานเป็นปกติและช่วยขับของเสียออกจากร่างกายได้ดี

  • ช่วยให้สุขภาพแข็งแรงและผิวพรรณดี

วิตามินซีจะช่วยให้ผิวพรรณแข็งแรงจากการเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ป้องกันการเกิดรอยด่างดำบนผิวหนังได้ดี อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของร่างกายด้วย สตรอว์เบอร์รี่ 100 กรัม มีวิตามินซีสูงถึง 64 มิลลิกรัม ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 64 ของวิตามินซีที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน การรับประทานสตรอว์เบอร์รี่สดจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินซีโดยไม่ต้องสูญเสียคุณค่าสารอาหารไปเลย

  • ช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกาย

แม้กลไกการทำงานยังไม่แน่ชัดในมนุษย์ แต่โพลีฟีนอลที่มีอยู่สูงในสตรอว์เบอร์รี่จะช่วยลดการสะสมไขมันในร่างกายได้ดี

วิธีการรับประทานสตรอว์เบอร์รี่เพื่อเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนัก

  • รับประทานพร้อมโยเกิร์ต

คุณค่าคูณสองจากโยเกิร์ตและสตรอว์เบอร์รี่ นอกจากจะทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารจากสตรอว์เบอร์รี่ได้เพิ่มขึ้นแล้ว เส้นใยอาหารจากสตรอว์เบอร์รี่และแลคติกแอซิดแบคทีเรียจากโยเกิร์ตจะช่วยปรับสภาพแวดล้อมของลำไส้ให้ดี ช่วยให้การขับถ่ายคล่องและป้องกันไม่ให้อ้วนได้ดี

  • รับประทานเป็นของว่าง

สตรอว์เบอร์รี่เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวอร่อย การรับประทานผลไม้ชนิดนี้เป็นอาหารว่างโดยไม่จิ้มน้ำตาล นมข้นหวาน หรือช็อกโกแลต จะช่วยลดปริมาณแคลอรี่สูงจากขนมหวานและของขบเคี้ยวต่างๆ ได้ดี

การดูแลรูปร่างให้คงที่ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไปจะช่วยคงความอ่อนเยาว์ไปพร้อมกับการทำให้สุขภาพดีไปอีกนาน หากยังไม่มีวิธีลดน้ำหนักที่ถูกใจ ก็ขอแนะนำสตรอว์เบอร์รี่ตามวิธีที่คนญี่ปุ่นแนะนำดูนะ ถ้าไม่มีสตรอว์เบอร์รี่สดก็สามารถใช้แบบแช่แข็งได้เช่นกัน ได้ผลอย่างไรเอามาบอกเล่ากันด้วยนะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 11/03/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a36,500.0036,600.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,364.0035,838.2437,100.00
ทองรูปพรรณ 90%2,127.6032,254.42n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,891.2028,670.59n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,064.0016,130.24n/a
ทองรูปพรรณ 40%827.0012,537.32n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,450.0037,142.00n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 11/03/2567



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9537.8537.8538.3537.8537.8537.8537.8537.8537.8537.85
แก๊สโซฮอล์ 9136.3836.3836.8836.3836.3836.3836.3836.3836.3836.38
แก๊สโซฮอล์ E2035.7435.7436.2835.7435.7435.7435.7435.7435.74
แก๊สโซฮอล์ E8535.4935.4935.49
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม45.5449.4449.4449.4445.54
เบนซิน 9545.7446.9146.2445.8945.74
ดีเซล B729.9429.9430.4429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5443.6444.8443.6443.6441.54
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า