สาระน่ารู้ประจำวันที่ 12 เมษายน 2567

จับตา!อสังหาฯราคา3-7ล้านรับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นดูดซับซัพพลายลดลง

จากมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง ขยายเพดานราคาไม่เกิน 7 ล้านช่วยดูดซับซัพพลายอสังหาฯราคา3-7ล้านลดลง ขณะที่ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ยังเผชิญแรงกดดันหนี้ครัวเรือน อัตราดอกเบี้ย และข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยยังคงมีแนวโน้มชะลอตัว

หลังครม. มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ 2567 มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่มีการเห็นชอบในครั้งนี้ประกอบด้วย การปรับปรุงมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยปี 2567 โดยลดค่าจดทะเบียนโอนเหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองเหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายอาคารที่อยู่อาศัยไม่เกิน 7 ล้านบาท มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน มาตรการโครงการสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ ได้แก่ สินเชื่อบ้าน Happy Home และสินเชื่อบ้าน Happy Life รวมถึงการให้การส่งเสริมกิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย (โครงการบ้าน BOI) 

SCB EIC มองว่า การปรับปรุงมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยปี 2567 จะมีผลกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยได้มากที่สุด เมื่อเทียบกับมาตรการอื่น ๆ ที่ออกมาในครั้งนี้

การปรับปรุงมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยปี 2567 จะช่วยทยอยดูดซับที่อยู่อาศัยระดับราคาปานกลาง 3-7 ล้านบาทเป็นหลัก จากผู้ซื้อที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อที่มีแผนจะซื้อที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว ให้เกิดการเร่งตัดสินใจซื้อภายในปีนี้ ขณะที่การกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ยังต้องจับตาการใช้วงเงินมาตรการโครงการสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ


•    SCB EIC มองว่า ผลของการปรับปรุงมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยปี 2567 และมาตรการอื่น ๆ ที่ออกมาในครั้งนี้ จะยังเป็นไปอย่างจำกัด โดยจะช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อ (ดีมานด์) จากกลุ่มผู้ซื้อที่มี”ศักยภาพ”

ขณะที่กลุ่มผู้มีกำลังซื้อปานกลางลงมา ยังเผชิญแรงกดดัน ทั้งหนี้ครัวเรือน อัตราดอกเบี้ย และข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ทำให้ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2567 ยังคงมีแนวโน้มชะลอตัว โดยดีมานด์การซื้อที่อยู่อาศัยในปี 2567 ยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องอีกเล็กน้อยจากปี 2566 ซึ่งคาดว่าหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย

ทั้งประเทศในปี 2567 มีแนวโน้มหดตัว 2%YOY และหน่วยที่อยู่อาศัยขายได้ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีแนวโน้มหดตัว 1%YOY ขณะที่หน่วยที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2567 มีแนวโน้มหดตัว 8%YOY เนื่องจากจำนวนหน่วยเหลือขายสะสมในตลาดยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับแนวโน้มการหันมาเปิดโครงการระดับราคาปานกลางขึ้นไปมากขึ้น ทำให้มีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยต่อโครงการต่ำกว่าโครงการระดับราคาปานกลางลงมา การเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ระดับราคาปานกลางยังต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง

SCB EIC มองว่า ที่อยู่อาศัยเหลือขายระดับราคา 3-7 ล้านบาทมีแนวโน้มปรับตัวลดลง และในช่วงที่เหลือของปี 2567 ผู้ประกอบการจะมีแนวโน้มหันมาเปิดโครงการใหม่ที่ระดับราคาปานกลาง 3-7 ล้านบาทมากขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดอยู่อาศัยระดับราคาปานกลางมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น การเปิดโครงการใหม่ระดับราคาปานกลางในช่วงที่เหลือของปี 2567 และในระยะข้างหน้ายังต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการเกิดสถานการณ์ Oversupply เนื่องจากดีมานด์การซื้อที่อยู่อาศัยถูกดูดซับไปแล้วส่วนหนึ่งในปีนี้จากผลของมาตรการ ประกอบกับยังต้องแข่งขันกับตลาดที่อยู่อาศัยมือสอง ที่ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของผู้ซื้อที่อยู่อาศัย

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ลดค่าโอน-จดจำนอง  บ้านไม่เกิน 7 ล้าน ได้ประโยชน์ทั้ง “ผู้ซื้อ” – “ผู้ขาย”

มาตรการกระตุ้นอสังหาปี’67 : ลดค่าโอน-จดจำนองเหลือร้อยละ 0.01 บ้านไม่เกิน 7 ล้านบาท ประโยชน์ทั้ง “ผู้ซื้อ” และ “ผู้ขาย”

หลังจากที่มีมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 และลดค่าจดทะเบียนการจำนอง อสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 สำหรับการซื้อขาย อสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ อาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด หรือบ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว หรือห้องชุดที่จดทะเบียนอาคารชุด

มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญา โดยไม่รวมถึงกรณีการขายเฉพาะส่วน ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้อที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่กฎหมายได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567

นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ  (Property DNA) มีความเห็นต่อมาตรการดังกล่าวว่า แม้จะเป็นมาตรการระยะสั้น แต่ส่วนตัวเห็นด้วยที่รัฐบาลได้ออกมาตรการนี้มา เพราะนอกจากจะสนับสนุนการมีที่อยู่อาศัยของประชาชนแล้ว การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ยังกระตุ้นและส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วยไม่ว่าจะเป็น ภาคการผลิต วัสดุก่อสร้าง การจ้างงาน เป็นต้น

งนั้นตลาดที่อยู่อาศัยจึงถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศที่สำคัญซึ่งมีสัดส่วนกว่า 10% ของ GDP ประเทศ กล่าวคือ หากอสังหาริมทรัพย์ หรือ ตลาดที่อยู่อาศัยสามารถขับเคลื่อนไปได้ จะส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนของเงินได้อย่างเต็มระบบและจำนวนมาก นั่นเท่ากับว่าในทุกหน่วยธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ก็จะขยายตัวเกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบของประเทศได้เป็นจำนวนมหาศาลการขยายเพดานราคาที่อยู่อาศัยเป็น 7 ล้านบาท ต่อยูนิตนั้น

เชื่อว่าครอบคลุมกลุ่มของกำลังซื้อได้มากกว่าเพดานเดิม3 ล้านบาท ที่เคยทำมาในอดีต ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยระดับราคา 3 ล้านบาท จะมีอยู่มากที่สุดในตลาดที่อยู่อาศัยแต่ต้องยอมรับว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันคนที่มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิตนั้นคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่แล้วจะติดปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนและกู้แบงก์ไม่ผ่าน ซึ่งนี่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่

งนั้นการเพิ่มเพดานราคาที่อยู่อาศัยเป็น 7 ล้านบาทต่อยูนิต ก็น่าจะสร้างแรงขับเคลื่อนในวงกว้างได้มากขึ้น เพราะกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยราคามากกว่า 3 ล้านบาทต่อยูนิต ขึ้นไปนั้น มีปัญหาเรื่องการขอสินเชื่อธนาคารน้อยกว่า โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยราคามากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป ที่มีความพร้อมในเรื่องการขอสินเชื่อธนาคาร การอนุมัติมาตรการลดค่าจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ และค่าจดจำนองโดยเพิ่มเพดานราคาเป็นไม่เกิน 7 ล้านบาท

ถือเป็นหนึ่งในแรงจูงใจที่ดีต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของคนกลุ่มนี้ มาตรการนี้เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของคนซื้อที่อยู่อาศัย เพราะค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์บ้านหรือคอนโดมิเนียมจะลดลงมาก นอกจากนี้การที่รัฐบาลมีมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านเอง ยิ่งส่งผลดีในวงกว้างมากขึ้นด้วยเพราะจะช่วยกระตุ้นไปถึงภาคธุรกิจการก่อสร้าง รวมไปถึงวัสดุก่อสร้างที่จะเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ

นายสุรเชษฐ ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมในการโอนจากร้อยละ 2 เหลือ ร้อยละ 0.01 และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 1 เหลือ ร้อยละ 0.01 ที่จะกระตุ้นกำลังซื้อแล้ว มาตรการทางด้านดอกเบี้ยพิเศษผ่านกลไกของแบงก์รัฐทั้งสองแบงก์คือ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. และธนาคารออมสินนั้น จะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินกู้และมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น โดย ธอส. ได้ออกโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home  อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3 ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี วงเงินต่อรายสูงสุด ไม่เกิน 3 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 40 ปี โครงการนี้จะช่วยสนับสนุนทั้งผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง

ขณะที่ธนาคารออมสิน ก็มีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งฝั่งผู้บริโภคและผู้ประกอบการกับ 2 โครงการ คือ 1) โครงการสินเชื่อบ้านออมสินเพื่อประชาชน วงเงินโครงการ 10,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนสินเชื่อสำหรับบุคคลทั่วไป เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ร้อยละ 2.95 ต่อปี วงเงินกู้ต่อรายสูงสุด ไม่เกิน 7 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 40 ปี และ2)

โครงการสินเชื่อ D-HOME สำหรับผู้ประกอบการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงินโครงการ 10,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการนำไปเป็นเงินลงทุน ในกิจการ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ3.50 ต่อปี ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 4 ปี ฟรีค่าธรรมเนียม โดยสามารถยื่นคำขอกู้ได้กับธนาคารออมสินตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2567 เป็นต้นไป

จากมาตรการต่างๆ ที่ออกมาล่าสุดนี้ จะเห็นว่ารัฐบาลต้องการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศเป็นหลัก หลายมาตรการจึงมุ่งเน้นที่กำลังซื้อของคนไทย ขณะที่ฝั่งของผู้ประกอบการเองก็พร้อมที่จะมีแคมเปญหรือนโยบายออกมาควบคู่กับมาตรการของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ แม้ว่าสุดท้ายแล้วหากการซื้อนั้นเกี่ยวข้องกับการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ก็ต้องให้ขั้นตอนสุดท้ายนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นประตูสุดท้ายก่อนการโอนกรรมสิทธิ์ และผู้ประกอบการหลายรายได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ ไม่ใช่รายใดรายหนึ่งได้มากกว่ารายอื่น

รายที่อาจจะได้อานิสงส์ก็อาจจะเป็นผู้ประกอบการที่มีโครงการบ้านหรือคอนโดมิเนียมในระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาทพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2567 ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯที่มีโครงการในระดับราคานี้ก็เกือบทุกรายเลยทั้ง พฤกษา ออริจิ้น เอพี แสนสิริ เสนา ศุภาลัย โนเบิล เอสซี แอสเสท เป็นต้น เรียกได้ว่าทุกรายได้อานิสงค์จากมาตรการนี้หมดแล้วแต่สัดส่วนของบ้านหรือคอนโดมิเนียมพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ภายในปีนี้ที่มีในมือ  ผู้ประกอบการเองก็น่าจะมีมาตรการออกมาควบคู่กันเพื่อสร้างแรงจูงใจโดยเฉพาะในเรื่องของราคาขายที่มีความเป็นไปได้ที่จะลดลง

สุดท้ายแล้วมาตรการใดๆ ที่ออกมา ไม่ว่าจะทั้งจากภาครัฐ สถาบันการเงิน หรือเอกชนต่างๆ จะสามารถช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ อยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน และให้ความสำคัญกับภาพรวมประเทศ” นายสุรเชษฐ ยังกล่าวย้ำ พร้อมกับกล่าวให้ความเห็นในตอนท้ายว่า

ต้องจับตาดูนโยบายการเช่าที่ดินของชาวต่างชาติว่าจากนี้ไปรัฐบาลจะมีการขยายเวลาของการเช่าที่ดินของชาวต่างชาติให้ยาวนานถึง  99 ปี หรือไม่อย่างไร? ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีความคิดเห็นที่หลากหลายทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง ส่วนผู้ที่เห็นด้วยก็มองว่าการขยายเวลาให้นานขึ้นเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างเม็ดเงินการหมุนเวียนในตลาดอสังหาริมทรัพย์

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทปิดตลาดวันนี้ 11เม.ย.ที่ระดับ 36.57 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงแรก ท่ามกลางแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ หลังจากที่ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่คาด กรอบการเคลื่อนไหวในสัปดาห์ถัดไประหว่างวันที่17-19 เม.ย. ประเมินเบื้องต้นไหว้ที่ 36.20-36.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ

เงินบาทปิดตลาดวันนี้ 11เม.ย.2567 ที่ระดับ 36.57  บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.37 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างวันอยู่ในช่วง 36.56-36.78 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงแรก ท่ามกลางแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ หลังจากที่ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่คาด ซึ่งส่งผลทำให้ตลาดประเมินว่า การปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็ว และบางส่วนเริ่มประเมินว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยไม่ถึง 3 ครั้งในปีนี้

อย่างไรก็ดีเงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงบ่าย (แต่ยังคงปิดตลาดที่ระดับอ่อนค่ากว่าระดับปิดวานนี้) ซึ่งอาจเป็นการปรับโพสิชั่นก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว และน่าจะมีแรงหนุนบางส่วนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก

สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1816 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทยต่อเนื่องอีก 7,706 ล้านบาท 

ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 11 เมษายน 2567 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -28.52 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -25.61 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์ถัดไป (17-19 เม.ย.) ประเมินเบื้องต้นไหว้ที่ 36.20-36.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก และรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกของ IMF

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก การเริ่มสร้างบ้าน การผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนเม.ย. รายงาน Beige Book ของเฟด

และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซน และญี่ปุ่น และตัวเลขเศรษฐกิจจีน อาทิ จีดีพีไตรมาส 1/67 การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และอัตราการว่างงานเดือนมี.ค.

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


วิว กุลวุฒิ นำทัพ! สรุป 9 ขุนพลแบดมินตัน ทีมชาติไทย ลุย โอลิมปิกเกมส์ 2024

แฟนขนไก่ไทยเตรียมตัวเชียร์ ขุนพลทีมชาติไทยลุยศึก โอลิมปิก เกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส รวมทั้งหมด 9 คนจากทั้ง 5 ประเภท ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีที่ไทยได้ไปครบทุกประเภท งานนี้ นำโดย วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์ แชมป์โลกชายเดี่ยวคนล่าสุด

ความเคลื่อนไหวของนักแบดมินตันไทยในการลุ้นโควต้าไปเล่นมหกรรมโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 26 ก.ค. -11 ส.ค.67 นี้  โดยหลังจากสหพันธ์แบดมินตันโลกได้เริ่มการควอลิฟายโอลิมปิกปารีส 2024 (Olympic Race To Paris) ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.66 และสิ้นสุดวันที่ 28 เม.ย.2567  โดยจะคิดคะแนนเพียง 10 รายการที่สุดในการคัดเลือกนั้น ประเภทเดี่ยว (ชายเดี่ยว-หญิงเดี่ยว) ประเภทละ 38 คน โดยใน 1 ชาติสามารถมีนักกีฬาร่วมแข่งขันได้ไม่เกิน 2 คนต่อ 1 ประเภท ในกรณีที่อันดับ 1-16 มีนักกีฬาชาติเดียวกันมากกว่า 1 คน จะได้สิทธิแข่งขันไม่เกิน 2 คน (ให้สิทธิคนที่อันดับดีที่สุด 2 อันดับแรก) แต่ถ้าอันดับตั้งแต่ 17 ของโลกเป็นต้นไป จะได้โควตาเพียงชาติละ 1 คนเท่านั้น

ส่วนในประเภทคู่ (ชายคู่, หญิงคู่, คู่ผสม) ประเภทละ 16 คู่ ใน 1 ชาติจะมีนักกีฬาลงแข่งขันและได้โควตาไม่เกิน 2 คู่ ต่อ 1 ประเภท ในกรณีที่นักกีฬาชาติเดียวกันอยู่ในอันดับ 1-8 จะได้มากกว่า 1 คู่ แต่มากสุดจะได้โควตาเพียง 2 คู่ (ให้สิทธิคู่ที่อันดับดีที่สุด 2 คู่) ส่วนคู่อันดับ 9 เป็นต้นไป จะได้โควตาชาติละ 1 คู่เท่านั้น

ล่าสุด การแข่งขันแบดมินตันรายการเอเชีย แชมเปี้ยนชิพ หรือ ศึกชิงแชมป์เอเชีย 2024 ที่เมืองหนิงโบ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นรายการสุดท้ายของการเก็บคะแนนไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กำลังแข่งขันอยู่ แต่เป็นที่แน่นอนแล้วว่า นักแบดมินตันไทยได้สิทธิ์ไปเล่นโอลิมปิกเกมส์ 2024 จำนวน 9 คน จาก 5 ประเภทประกอบไปด้วย: ประเภทชายเดี่ยว “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มืออันดับ 7 ของโลก, ประเภทหญิงเดี่ยว “เมย์” รัชนก อินทนนท์ มืออันดับ 11 ของโลก และ “เม” ศุภนิดา เกตุทอง มืออันดับ 16 ของโลก, ประเภทชายคู่ “เอ็ม” สุภัค จอมเกาะ กับ “สกาย” กิตตินุพงษ์ เกตุเรน คู่มืออันดับ 23 ของโลก, ประเภทหญิงคู่ “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ คู่มืออันดับ 10 ของโลก และ ประเภทคู่ผสม  “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มืออันดับ 6 ของโลก นับเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่นักแบดมินตันไทยสามารถคว้าตั๋วไปครบทุกประเภทนับตั้งแต่โอลิมปิก 2004 ที่กรุงเอเธนส์

หลังจากนี้จะต้องรอยืนยันอย่างเป็นทางการอีกครั้งจากสหพันธ์แบดมินตันโลก หลังวันที่ 28 เม.ย.67 จะเป็นวันสิ้นสุดในการเก็บคะแนน และจะประกาศรายชื่อนักแบดมินตันที่ได้สิทธิ์อย่างเป็นทางการในวันที่ 30 เม.ย.67 นี้

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


“ภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพอง” คืออะไร? สาเหตุ และวิธีป้องกัน

ภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพอง (Cerebral Aneurysm) คืออะไร?

ภาวะหลอดเลือดโป่งพอง เกิดขึ้นบริเวณหลอดเลือดที่อ่อนแอ ซึ่งโดยทั่วไปจะขยายพองขึ้น บ่อยครั้งเรียกว่าเป็น “ภาวะการโป่งพอง” ของหลอดเลือด ภาวะหลอดเลือดโป่งพองตามปกติเกิดขึ้นตามหลอดเลือดแดงที่สำคัญที่อยู่ลึกภายในโครงสร้างสมอง ในระหว่างการผ่าตัดเมื่อเข้าใกล้บริเวณที่เกิดหลอดเลือดโป่งพอง เนื้อเยื่อสมองที่เป็นปกติจะต้องถูกผ่าแยกอย่างระมัดระวังเพื่อเปิดออก ภาวะหลอดเลือดโป่งพองอาจเกิดขึ้นได้ในสมองส่วนหน้า (ระบบไหลเวียนส่วนหน้า) หรือส่วนหลังของสมอง (ระบบไหลเวียนส่วนหลัง)


ภาวะหลอดเลือดโป่งพอง (Aneurysms) 
พบได้บ่อยเพียงใด

ประมาณร้อยละ 1.5 ถึง 5 ของประชากรทั่วไปมีอาการหรือจะเกิดอาการภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพอง คนระหว่างร้อยละ 0.5 และ 3 ที่มีภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพองอาจเกิดอาการเลือดไหลได้

ภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพองมีความแตกต่างกันออกไป ตามขนาดของบริเวณหลอดเลือดที่มีอาการ ภาวะหลอดเลือดโป่งพองมีขนาดแตกต่างกันออกไป เช่น

  • ภาวะหลอดเลือดโป่งพองขนาดเล็กมีขนาดเล็กกว่า 5 มม. (1/4 นิ้ว)
  • ภาวะหลอดเลือดโป่งพองแบบปานกลาง มีขนาด 6–15 มม. (1/4 ถึง 3/4 นิ้ว)
  • ภาวะหลอดเลือดโป่งพองขนาดใหญ่ มีขนาด 16–25 มม. (3/4 ถึง 1 1/4 นิ้ว)
  • ภาวะหลอดเลือดโป่งพองขนาดยักษ์ มีขนาดใหญ่กว่า 25 มม. (1 1/4 นิ้ว)


ภาวะหลอดเลือดโป่งพองมีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง

โดยทั่วไป การรักษาภาวะหลอดเลือดโป่งพอง สามารถทำได้ใน 3 แนวทาง ได้แก่

  • การรักษาทางการแพทย์
  • การผ่าตัดสมอง
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาระบบประสาท (Neurointerventionalist) หรือประสาทรังสีแพทย์ (neuroradiologist)

การรักษาขึ้นอยู่กับขนาดของภาวะหลอดเลือดโป่งพอง ตำแหน่งและรูปร่าง และแม้แต่ปัจจัยเสี่ยงของแต่ละบุคคลด้วย อาการนี้อาจสามารถรักษาได้จากภายในหลอดเลือด อาจแนะนำให้ทำการผ่าตัดเพื่อเปิดหลอดเลือด โดยขึ้นอยู่กับขนาดของสภาวะการโป่งพอง ตำแหน่งที่เกิดและรูปร่าง และแม้แต่ปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วย อาจใช้วิธีการรักษาแบบภายใน (ภายในหลอดเลือด) อาจแนะนำให้ทำการผ่าตัดเพื่อเปิดหลอดเลือดด้วย ขึ้นกับประเภทการรักษา มีขั้นตอนการปฏิบัติที่ต้องทำสองประการ เพื่อติดตามผลหลังการรักษาสภาวะหลอดเลือดโป่งพอง

  • การผ่าตัดแล้วใช้คลิปหนีบ (clipping)
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาระบบประสาท (Neurointerventionalist) หรือประสาทรังสีแพทย์ (neuroradiologist)


ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ในการรักษาภาวะหลอดเลือดโป่งพอง

กว่าที่ภาวะหลอดเลือดโป่งพองจะได้รับการรักษาอย่างปลอดภัยมักจะเกิดความเสี่ยงที่จะเกิดเลือดออกซ้ำ และทำให้สมองเสียหายเพิ่มขึ้น ถ้าหลอดเลือดปกติได้รับความเสียหาย อาจทำให้เกิดความเสียหายกับสมองมากขึ้น กรณีนี้ อาจทำให้เกิดอาการอ่อนแรงหรือเป็นอัมพาตที่แขนหรือขา พูดหรือเข้าใจลำบาก สูญเสียการมองเห็น สับสน สูญเสียความทรงจำและ/หรืออาการชัก และยังอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะสูญเสียความรู้สึก การติดเชื้อ เลือดออก รวมทั้งไตได้รับความเสียหายจากสีย้อมเอ็กซเรย์ และปัญหาอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ความเสี่ยงเหล่านี้จะต้องได้รับการพิจารณาอย่างระมัดระวังเมื่อตัดสินใจเลือกวิธีการรักษา และถ้าภาวะหลอดเลือดโป่งพองไม่ได้รับการรักษา อาจเกิดเลือดออกหรือก้อนเลือดมีขนาดโตขึ้นได้

ตามปกติ สภาวะหลอดเลือดโป่งพองไม่ได้มีมาแต่กำเนิด คนส่วนมากมักมีอาการนี้หลังอายุ 40 ปี ไปแล้ว ในบางกรณี ซึ่งไม่บ่อยนักภาวะหลอดเลือดโป่งพองอาจเป็นภาวะทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดผ่านสมาชิกในครอบครัว

ในกรณีอื่นๆ ภาวะหลอดเลือดโป่งพองอาจเกิดจากการติดเชื้อ การใช้ยาเสพติด เช่น แอมเฟตามีน และโคเคนที่ทำลายหลอดเลือดสมอง หรือการได้รับบาดเจ็บที่สมองโดยตรงจากอุบัติเหตุ   Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ขอโทษที่ขัดจังหวะ ภาษาอังกฤษ (Polite Interrupting)

การพูดแทรกอย่างสุภาพ (Polite Interrupting)

พูดขัดจังหวะการสนทนาภาษาอังกฤษอย่างสุภาพ ได้อย่างไร?

ประโยค ขอโทษที่ขัดจังหวะ ภาษาอังกฤษ

เมื่อคุณต้องการจะบอกอะไรสักอย่าง :

• I hate to interrupt but I wanted to let you know I have to leave the meeting early.

ฉันไม่ชอบที่จะขัดจังหวะแต่ฉันต้องการจะแจ้งให้พวกคุณทราบว่าฉันต้องออกจากการประชุมก่อนเวลา

• I’m so sorry to interrupt but…

ฉันเสียใจที่ต้องขัดจังหวะนะ แต่ … (ตามด้วยประโยคที่จะพูด)

• I don’t mean to be rude but may I interrupt quickly?

ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหยาบคาย (rude = หยาบคาย – เสียมารยาท) แต่ขอขัดจังหวะสักนิดนะ (quickly – อย่างไว ๆ)

เมื่อต้องการจะจบการสนทนา :

• I’m terribly sorry to interrupt you but I have to be at work for a meeting shortly and must get going. It was wonderful to see you. Have a nice day.

ฉันเสียใจ/ขอโทษอย่างสุดซึ้งที่ขัดจังหวะคุณ (พวกคุณ) แต่ฉันต้องไปที่ทำงานเพื่อการประชุมแล้วและต้องไปแล้ว มันเป็นสิ่งที่วิเศษณ์มากที่ได้พบพวกคุณ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีนะ (get going ในประโยคนี้คือต้องไป ต้องจากแล้ว)

• Oh! Sorry to interrupt but I just noticed the time and I need to get to work. I’m very sorry. But it was great chatting with you.

โอ้ ขอโทษ/เสียใจที่ต้องขัดจังหวะแต่ฉันจะแจ้งให้ทราบว่าเป็นเวลาที่ฉันต้องไปทำงานแล้ว ฉันขอโทษ/เสียใจจริง ๆ แต่มันยอดเยี่ยมมากเลยที่ได้สนทนา/พูดคุยกับคุณ/พวกคุณ

เมื่อต้องจะถามคำถามหรือต้องการความชัดเจนบางประการ :

• Sorry to interrupt but may I ask a quick question?

ขอโทษที่ต้องขัดจังหวะแค่ขอฉันถามอะไรนิดนึงได้ไหม

• I’m so sorry for interrupting but I’d like to make sure I understood you correctly.

ฉันขอโทษ/เสียใจสำหรับการขัดจังหวะแต่ฉันอยากจะต้องการความแน่ใจว่าฉันเข้าใจคุณอย่างถูกต้อง … (ตามด้วยสิ่ง/ประโยคที่จะถาม)

• I don’t mean to be rude but I’d like to ask a question.

ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหยาบคาย/เสียมารยาท แต่ฉันอยากจะถามสักคำถามหนึ่ง

เมื่อต้องการเข้าร่วมวงสนทนาหรือแสดงความคิดเห็น :

• So sorry to interrupt but before we move on, I’d like to add my thoughts on this topic.

เสียใจ/ขอโทษที่ขัดจังหวะแต่ก่อนเราจะไปเรื่องต่อไป (move on = ไปต่อในเรื่องถัดไป) ฉันอยากจะขอเพิ่มเติมความคิด(เห็น)ของฉันในหัวข้อนี้สักหน่อย

• Excuse me but may I jump in here?

ขอโทษนะ แต่ขอแทรกตรงนี้หน่อยนะ

• May I add something quickly?

ขออนุญาตเพิ่มเติมบางอย่างนิดนึงนะ

ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com


เช็กรถฟรี! เปิดรายชื่อสถานที่ตรวจรถฟรีก่อนเที่ยวสงกรานต์ 2567

กรมการขนส่งทางบกชวนเจ้าของรถตรวจเช็กสภาพรถก่อนเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ฟรี ภายใต้กิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ณ ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 15 เมษายน 2567

กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบก จึงได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” เพื่อให้บริการตรวจสภาพความพร้อมของรถยนต์และรถจักรยานยนต์เบื้องต้นก่อนเดินทาง กว่า 20 รายการ โดยไม่คิดค่าบริการ เช่น การตรวจระบบเบรก สภาพยาง การทำงานของเครื่องยนต์ ระดับน้ำมันเครื่องและความสกปรกของน้ำมันเครื่อง หม้อน้ำและรอยรั่ว ไส้กรองอากาศ การทำงานของไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณต่างๆ เป็นต้น ซึ่งจะได้รับการดูแลจากช่างผู้ชำนาญงาน

นอกจากนี้ บางหน่วยงานยังมีบริการตรวจเช็กลูกหมากปีกนก ลูกปืนล้อ ตรวจถังน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงท่อและข้อต่อน้ำมันเชื้อเพลิงให้เพิ่มเติม ทั้งยังให้ส่วนลดค่าอะไหล่บางรายการอีกด้วย เจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์สามารถนำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 15 เมษายน 2567

รายชื่อภาคีเครือข่ายที่เข้าร่วมกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย”

  1. สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย
  2. สมาคมการค้าไทย – ยุโรป (TEBA)
  3. สมาคมตรวจสภาพรถเอกชนไทย
  4. สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
  5. สถาบันยานยนต์
  6. บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
  7. บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
  8. บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
  9. บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด
  10. บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
  11. บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด
  12. บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
  13. บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด
  14. บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด
  15. บริษัท ซูซูกิโมโตเซลส์คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด
  16. บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด
  17. บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)
  18. บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
  19. บริษัท บี – ควิก จำกัด
  20. บริษัท ฟอร์ซเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด (ศูนย์บริการ AUTO QUIKS)
  21. บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด
  22. บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด
  23. บริษัท คาร์เวิลด์ คลับ จำกัด
  24. บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
  25. บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย)
  26. ศูนย์บริการรถยนต์ไทร์พลัส (TYREPLUS)
  27. บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
  28. บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด (ให้บริการ 1 – 10 เมษายน 2567)

ผู้สนใจสามารถนำรถเข้ารับบริการได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 เมษายน 2567

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


รวมผัก-ผลไม้ “วิตามินซี” สูง ช่วยต้านหวัด

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำประชาชนกินผัก ผลไม้แหล่งที่มาของวิตามินซีอย่างพอเพียง ไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องดื่มหรือเจลลี่ผสมวิตามินซี ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย ต้านโรคหวัดได้

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า วิตามินซีเป็นสารอาหารที่มีส่วนช่วยกระบวนการทำงานของเม็ดเลือดขาวในการขจัดเชื้อโรค ต้านภูมิแพ้ ลดการระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ ลดการจาม น้ำมูกไหล และป้องกันการเกิดหวัดได้ ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เสริมวิตามินซีจำหน่ายในท้องตลาดหลากหลายรูปแบบ แต่ความจริงแล้วแหล่งวิตามินซีสามารถหาได้จากผัก ผลไม้ทั่วไป

ผัก ผลไม้ วิตามินซีสูง

โดยมากผัก ผลไม้ที่มีวิตามินซี สามารถพบได้ใน

ผัก

  • ผักคะน้า
  • สะเดา
  • ผักหวาน
  • พริกหวาน
  • บรอกโคลี
  • ปวยเล้ง
  • ใบมะรุม

ผลไม้

  • ฝรั่ง
  • ส้ม
  • มะขามป้อม
  • สตรอเบอร์รี่
  • ลิ้นจี่

ดังนั้น การบริโภคเป็นประจำจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย และต้านโรคหวัดได้ โดยในหนึ่งวันหากเป็นผู้ใหญ่ทั้งหญิงและชายควรได้รับวิตามินซีประมาณ 85 และ 100 มิลลิกรัมต่อวัน ส่วนหญิงตั้งครรภ์ควรได้รับเพิ่มวันละ 10 มิลลิกรัม หญิงให้นมบุตรควรได้รับเพิ่ม 60 มิลลิกรัมต่อวัน

กินวิตามินมากแค่ไหน ถึงจะช่วยต้านหวัดได้?

ทั้งนี้ การบริโภคผัก ผลไม้ ปริมาณ 400 กรัม จะได้รับวิตามินซีประมาณ 210 – 280 มิลลิกรัม ก็เพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน โดยไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำหรือผลิตภัณฑ์ที่ผสมวิตามินซีแต่อย่างใด เนื่องจากมีผลสำรวจเครื่องดื่มเสริมวิตามินซีหรือเจลลี่ที่จำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อพบว่า ปริมาณวิตามินซีต่อขวดจะอยู่ที่ประมาณ 100-120 มิลลิกรัม เท่านั้น หากจะพึ่งพาการดื่มเครื่องดื่มเสริมวิตามินซีเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน จะต้องดื่มมากถึงประมาณ 8 ขวดต่อวัน ถึงจะได้ปริมาณวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม ซึ่งในปริมาณวิตามินซีต่อขวดนั้น อาจสลายตัวไปก่อนหน้านั้นบ้างแล้ว จึงควรหันมากินผัก ผลไม้ แหล่งของวิตามินซีธรรมชาติโดยตรงแทนจะส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่า

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 12/04/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a40,350.0040,450.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,614.0039,628.2440,950.00
ทองรูปพรรณ 90%2,352.6035,665.42n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,091.2031,702.59n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,176.0017,828.16n/a
ทองรูปพรรณ 40%915.0013,871.40n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,709.0041,068.44n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 12/04/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9539.9539.9540.9539.9539.9539.9539.9539.9539.9539.95
แก๊สโซฮอล์ 9138.4838.4839.4838.4838.4838.4838.4838.4838.4838.48
แก๊สโซฮอล์ E2037.8437.8438.8437.8437.8437.8437.8437.8437.84
แก๊สโซฮอล์ E8537.5937.5937.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม47.6449.4449.4449.4447.64
เบนซิน 9547.8449.0148.3447.9947.84
ดีเซล B730.4430.4431.3430.4430.4430.4430.4430.4430.4430.44
ดีเซล30.4430.4430.4430.4430.4430.4430.4430.4430.44
ดีเซล B2030.4430.4430.4430.44
ดีเซลพรีเมี่ยม42.4444.6444.8444.6444.6442.44
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า