สาระน่ารู้ประจำวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567

บ้านลักชัวรีซัพพลายสะสมพุ่ง!สวนดีมานด์ชะลอ

สัญญาณเตือน ตลาดบ้านหรูชะลอตัว!หลังพบอัตราดูดซับลดลงสวนทางจำนวนซัพพลายสะสมพุ่งต่อเนื่อง เมื่อดีเวลลอปเปอร์หนี’รีเจกต์เรต’แห่ผุดโครงการบ้านหรูแทนทำคอนโดเพื่อลดความเสี่ยง

  • แม้ห้วง 2 ปีที่ผ่านมาบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มลักชัวรี เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ ทว่าสัญญาณล่าสุดจำนวนซัพพลายสะสมของบ้านลักชัวรีเพิ่มขึ้นขณะที่อัตราดูดซับลดลง

ณัฏฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มตลาดบ้านระดับลักชัวรีราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปแม้จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่น่ากังวลในอุปทานคงค้างสะสมที่มากขึ้นและอัตราการดูดซับที่ค่อนข้างช้า อาจส่งผลให้ตลาดบ้านระดับลักชัวรีมีการปรับตัวด้วยการเปิดตัวโครงการแบบค่อยเป็นค่อยไป 

“การแข่งขันในตลาดบ้านระดับลักชัวรีมีค่อนข้างสูง ผู้ประกอบการต้องค้นหาที่ดินในทำเลไพร์ม เป็นที่นิยม มีความสะดวกครบครันสามารถสร้างจุดขายได้ เพื่อสร้างความประทับใจและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า”

จากการสำรวจพบว่าบ้านระดับลักชัวรีที่มีโลเคชั่นใกล้โรงเรียนนานาชาติมีความต้องการค่อนข้างสูง เนื่องจากนักลงทุนเห็นถึงผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าที่สูงไม่แพ้การลงทุนในคอนโดมิเนียม 

ขณะเดียวกัน มีการกระจายตัวของบ้านระดับลักชัวรีบริเวณชานเมืองมากขึ้น โดยเฉพาะย่านตะวันตกของกรุงเทพฯ  เนื่องจากมีการพัฒนาเส้นทางคมนาคมสายใหม่ ทำให้การอยู่อาศัยชานเมืองบริเวณนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น เป็นพื้นที่ที่น่าจับตามองในอนาคตสำหรับการพัฒนาบ้านระดับลักชัวรี

จากข้อมูลครึ่งหลังปี 2566 บ้านระดับลักชัวรีราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป มีอุปทานรวม 30,974 หน่วย มีอุปสงค์สำหรับหน่วยขายสะสม 23,657 หน่วย คิดเป็นอัตราการขาย 76.4% ปรับลดลงเล็กน้อยจากครึ่งปีแรก เนื่องจากมีอุปทานคงค้างจากปีก่อนหน้าและอุปทานเปิดใหม่จำนวนมากในครึ่งปีหลัง

อุปทานบ้านลักชัวรีตั้งอยู่บริเวณกรุงเทพฯ ตะวันออก มากสุด 8,354 หน่วย รองลงมาเป็นกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก และชานเมืองฝั่งตะวันตก 5,910 และ 5,730 หน่วย ขณะที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก มีอุปทานเปิดใหม่มากที่สุด 721 หน่วย ชานเมืองฝั่งตะวันตก และกรุงเทพฯ ตะวันออก 653 และ 648 หน่วยตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม จำนวนหน่วยที่ขายในครึ่งปีหลัง 2566 อยู่ที่ 2,082 หน่วย “ลดลง” 0.8% เทียบช่วงต้นปี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นที่สุดในรอบ 10 ปี ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อที่พักอาศัยยากขึ้นสำหรับคนที่ต้องการกู้ แต่ไม่กระทบมากนักสำหรับบ้านระดับราคา 30 ล้านบาทขึ้นไป

สำหรับบ้านลักชัวรีที่มีความต้องการมากสุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มบ้านราคา 10-20 ล้านบาท อยู่ที่ 1,244 หน่วย กลุ่มราคา 21-30 ล้านบาท และ 31-40 ล้านบาท มีอุปสงค์ 422 และ 150 หน่วย ตามลำดับ

โดยบ้านระดับลักชัวรีที่มีอัตราการขายสูงสุด ราคา 71-99 ล้านบาท อยู่ที่ 90% ตามมาด้วยกลุ่มบ้านราคา 31-40 ล้านบาท อัตราการขาย 84% กลุ่มบ้านราคา 10-20 ล้านบาท และ มากกว่า 100 ล้านบาท มีอัตราการขาย 78% เท่ากัน แสดงให้เห็นว่ากำลังซื้อตลาดบ้านลักชัวรียังมีทิศทางเป็นบวกแม้อัตราการขายลดลง เนื่องจากมีอุปทานเปิดใหม่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในช่วงปลายปีนี้ โดยเฉพาะกลุ่มบ้านราคา 21-30 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ศุภาลัยเนรมิตที่ดิน93ไร่ทำเลพระราม2ปั้นศุภาลัยทัสคานีพระราม2-วงแหวน

ศุภาลัย เนรมิตที่ดิน 93 ไร่ ทำเลพระราม 2 รังสรรค์มาร์เตอร์พีซแห่งการอยู่อาศัยสไตล์ยุโรปคลาสสิคในคอลเลคชั่น Tuscany Design Series “ศุภาลัย ทัสคานี พระราม 2 – วงแหวน”ราคาเริ่มต้น 5.99 – 16 ล้าน

นางสาวธัญวรัตน์ ปัญญารัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทำเลกรุงเทพฯ ใต้โซนพระราม 2 เป็นอีกหนึ่งทำเลที่บริษัทฯ เข้าพัฒนาโครงการแนวราบแล้ว จำนวน 4 โครงการ เนื่องจากเป็นทำเลอยู่อาศัยใกล้เมืองที่เป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของผู้ที่ต้องการหาซื้อที่อยู่อาศัย ในบรรยากาศเงียบสงบเหมาะสำหรับการพักผ่อน สะดวกสบายด้านการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯ กับจังหวัดใกล้เคียง

ด้วยแผนการขยายระบบโครงข่ายคมนาคมรอบทิศของภาครัฐ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทำเลดังกล่าวมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น ล่าสุดบริษัทฯ เข้าพัฒนาโครงการแนวราบเพิ่มอีก 1 โครงการ ภายใต้แบรนด์ “ทัสคานี” สร้างสรรค์แบบบ้านเดี่ยวสไตล์ยุโรปคลาสสิค Tuscany Design Series ครั้งแรกในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
 

สะท้อนรสนิยมการใช้ชีวิตอย่างเหนือระดับ มาพร้อมความหรูหราของฟังก์ชันภายในบ้านที่ผ่านการออกแบบด้วยความประณีต ตอบสนองทุกความต้องการของครอบครัว ในบรรยากาศสถาปัตยกรรมสไตล์ทัสคานี พร้อมพื้นที่ส่วนกลางครบครันที่พร้อมทำให้ทุกวันเหมือนวันพักผ่อน

ผสานชีวิตเมืองบริบทใหม่ ภายในสุนทรียภาพหรูแห่งทัสคานี ใจกลางความเงียบสงบในโซนพระราม 2 ที่ให้ความเป็นส่วนตัวสุดพิเศษ กับโครงการระดับ Luxury “ศุภาลัย ทัสคานี พระราม 2 – วงแหวน” บนพื้นที่กว่า 93 ไร่ มูลค่าโครงการ 2,125 ล้านบาท รังสรรค์บ้านเดี่ยวที่มีความเรียบหรู เป็นส่วนตัวในสังคมคุณภาพเพียง 314 ครอบครัว ในราคาเริ่มต้น 5.99 – 16 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “TUSCANIAN LIVING SYMPHONY WITHIN EXQUISITE URBANITY” ดีไซน์ใหม่สถาปัตยกรรมแบบยุโรปคลาสสิคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในคอลเลคชั่น Tuscany Design ด้วยแรงบันดาลใจจากความงดงามของเมืองทัสคานี ประเทศอิตาลี 

สะท้อนความปราณีตในทุกรายละเอียดของสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นและคลาสสิค รังสรรค์แบบบ้านหลากสไตล์ให้เลือกมากถึง 7 แบบ ด้วยพื้นที่ใช้สอย 178 – 417 ตารางเมตร 4 – 5 ห้องนอน 3 – 7 ห้องน้ำ 2 – 3 ที่จอดรถ แต่ละแบบบ้านมีกลิ่นอายเอกลักษณ์ความเป็นทัสคานีที่แตกต่างกัน จัดสรรพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันในบ้านอย่างลงตัว ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของทุกคนในครอบครัว คัดสรรวัสดุพรีเมียม ให้ความสะดวกสบายด้วยเทคโนโลยีทันสมัยกับระบบ Home Automation ควบคู่ไปกับการประหยัดพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

ด้วยพลังงานสะอาด ติดตั้ง Solar Power System และรองรับการติดตั้งระบบ EV Charger ตอบโจทย์การใช้ชีวิต Green Living พร้อมให้คุณได้ใช้ชีวิตในวันพักผ่อนอย่างรื่นรมย์ มีระดับและเป็นส่วนตัวในบรรยากาศสไตล์ทัสคานี ผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กว่า 2 ไร่ เพลิดเพลินด้วยบรรยากาศสบายๆ ในสระว่ายน้ำหรูแบบยุโรปคลาสสิค คลับเฮาส์  และฟิตเนส มั่นใจกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง กล้อง CCTV ภายในโครงการ และระบบเข้า – ออกด้วยระบบ LPR อ่านป้ายทะเบียนรถอัจฉริยะ

ความสมบูรณ์แบบแห่งการใช้ชีวิตในบรรยากาศยุโรปแบบคนเมือง ยกระดับความสะดวกสบายในทุกด้านของชีวิต รายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า อาทิ เซ็นทรัลมหาชัย เซ็นทรัลพระราม 2 พอร์โต้ ชิโน่ ใกล้โรงพยาบาลและสถาบันการศึกษา อาทิ โรงเรียนอัสสัมชัญ แคมปัส พระราม 2 โรงพยาบาลสมุทรสาคร โรงพยาบาลเอกชัย เป็นต้น เหนือกว่าด้วยทำเลศักยภาพแห่งอนาคตบนถนนเจษฎาวิถี เชื่อมต่อถนนพระราม 2 สะดวกทุกการเดินทางเข้า – ออกเมือง ใกล้ทางด่วน 2 สาย ทั้งทางด่วนเฉลิมมหานครและทางด่วนกาญจนาภิเษก และการเชื่อมต่อการเดินทางด้วยการขยายช่องการจราจรเป็น 14 ช่องทาง ทางด่วนพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกตะวันตก และทางด่วนยกระดับคู่ขนานลอยฟ้า (มอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ – วังมะนาว) โดยเริ่มสร้างช่วงบางขุนเทียน – ถนนเอกชัย คาดแล้วเสร็จ ปี 2567และช่วงเอกชัย – บ้านแพ้ว คาดแล้วเสร็จปี 2569

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 15ก.พ. “แข็งค่า” ที่ระดับ 36.10 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทยังเสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่า แม้จะฟื้นจัวกลับมายังเป็นไปอย่างจำกัดท่ามกลางสัญญาณขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตรไทย ขณะที่จุดสนใจของตลาดในประเทศวันนี้อยู่ที่การประชุมของบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 15ก.พ. 2567  ที่ระดับ  36.10 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  36.15 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทยังคงมีอยู่ แม้ว่าอาจจะมีการแข็งค่าขึ้นมาบ้าง แต่เงินบาทก็ยังขาดปัจจัยหนุนฝั่งแข็งค่าที่ชัดเจน

ทำให้ เรามองว่า เงินบาทยังเสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 36.20-36.30 บาทต่อดอลลาร์ ในระยะสั้นได้ไม่ยาก โดยเฉพาะในกรณีที่ เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นต่อ หรือ ตลาดการเงินกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง กดดันให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายหุ้นไทยเพิ่มเติม

ทั้งนี้ เรามองว่า ควรระวังความผันผวนของตลาดค่าเงิน ในช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ช่วง 20.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย เพราะหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด ก็จะยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมามองว่า สุดท้ายเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ตาม Dot Plot จริง ส่งผลให้ ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวขึ้นต่อได้ กดดันราคาทองคำและเงินบาท

ในทางกลับกัน หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ ยอดค้าปลีก ออกมาแย่กว่าคาดไปมาก ก็อาจทำให้ตลาดเริ่มกลับมามองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคมได้ หรือ เฟดก็อาจลดดอกเบี้ยได้มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ทำให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสย่อตัวลงบ้าง ซึ่งจะหนุนการรีบาวด์ของราคาทองคำ และการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ที่อาจลงมาทดสอบโซน 36.00 บาทต่อดอลลาร์ (หรืออาจหลุดโซนแนวรับดังกล่าวได้ไม่ยาก)

เราขอเน้นย้ำว่า ในช่วงนี้ ความผันผวนของเงินบาทนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.00-36.20 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ

และประเมินกรอบในช่วง 35.90-36.30 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทได้ชะลอการอ่อนค่าลงบ้าง (แกว่งตัวในช่วง 36.09-36.21 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ เริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยลดสถานะถือครองเงินดอลลาร์ลงบ้าง

ขณะเดียวกัน การอ่อนค่าของเงินบาททะลุโซนแนวต้านจิตวิทยา 36.00 บาทต่อดอลลาร์ ก็ส่งผลให้ บรรดาผู้เล่นในตลาดทั้งผู้ส่งออก รวมถึงผู้เล่นที่มีสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) ทยอยขายเงินดอลลาร์รวมถึงขายทำกำไรสถานะ Short THB ออกมาบ้าง (โดยเฉพาะในช่วง 36.15-36.20 บาทต่อดอลลาร์) ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) อีกครั้ง หนุนโดยการรีบาวด์ขึ้นแรงของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ นำโดย Meta +2.9% ขณะเดียวกัน หุ้นในธีม AI อย่าง หุ้นกลุ่ม Semiconductor ต่างก็ปรับตัวขึ้นแรง ท่ามกลางความหวังว่า ผลประกอบการของ Nvidia +2.5% จะออกมาสดใส ตามกระแสการประยุกต์ใช้ AI ที่กำลังมาแรง ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq รีบาวด์แรงกว่า +1.30% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.96%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 รีบาวด์ขึ้น +0.50% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ยังคงออกมาสดใส ขณะเดียวกัน รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของอังกฤษล่าสุด ได้ชะลอลงกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงมีความหวังว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในช่วงไตรมาส 2 หลังการประชุม BOE ล่าสุด ได้มีคณะกรรมการ 1 ท่าน เห็นควรให้ BOE ลดดอกเบี้ยลง -25bps

ในฝั่งตลาดบอนด์ ผู้เล่นในตลาดต่างเริ่มทยอย Buy on Dip บอนด์ระยะยาวสหรัฐฯ มากขึ้น หลังล่าสุด บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นแรงทะลุโซน 4.30% ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้างสู่ระดับ 4.25% ตามแรงซื้อบอนด์ดังกล่าว โดยแม้ว่า ผู้เล่นในตลาดจะปรับมุมมองการลดดอกเบี้ยของเฟดใหม่ ว่า เฟดอาจทยอยลดดอกเบี้ยได้ใกล้เคียงกับ Dot Plot ล่าสุด

ทว่า แนวโน้มการทยอยลดดอกเบี้ยของเฟด ก็ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็จะมีแนวโน้มทยอยลดลง และระดับบอนด์ยีลด์ล่าสุดที่ขึ้นมาเหนือระดับ 4.30% ก็มีความน่าสนใจ (สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ย้ำกลยุทธ์ เน้น Buy on Dip โดยเฉพาะในโซนบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ สูงกว่า 4.20%)

เราประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวขึ้นต่อได้บ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะนี้ยังคงออกมาสดใส/ดีกว่าคาด ทว่าการปรับตัวขึ้นก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด โดยเบื้องต้นประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นทะลุโซน 4.50% ไปได้ง่ายนัก อนึ่ง บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในโซนเหนือกว่า 4.20% ก็เป็นระดับที่น่าสนใจ และนักลงทุนสามารถทยอยเพิ่มสถานะการลงทุนได้

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ชะลอการแข็งค่าลงบ้าง หลังบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ทำให้เงินดอลลาร์มีความน่าสนใจลดลงและโดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ย่อตัวลงบ้างสู่ระดับ 104.7 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.6-105 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ การพลิกกลับมาย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) สามารถรีบาวด์ขึ้นและทรงตัวแถวโซน 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ ทั้งนี้ หากราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้นต่อเข้าใกล้โซน 2,020 ดอลลาร์ต่อออนซ์

เราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่ได้เข้าซื้อทองคำในจังหวะปรับฐานแรงก่อนหน้า อาจเริ่มทยอยขายทำกำไรทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าว หากเกิดขึ้นได้จริง ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทหรือช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทได้บ้าง

 สำหรับวันนี้ เราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales)  ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) รวมถึงดัชนีภาคการผลิตของบรรดาเฟดสาขาต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของบรรดาผู้เล่นในตลาดได้ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา ได้สะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงสดใสและแข็งแกร่ง ทำให้ผู้เล่นในตลาดมั่นใจมากขึ้นว่า เฟดจะไม่รีบลดดอกเบี้ย ตามที่เคยได้ประเมินไว้

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของฝั่งอังกฤษ อย่าง อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 พร้อมจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของทั้ง BOE และ ECB

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.12-36.14 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.00 น.)  เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.13 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยแม้เงินบาทจะฟื้นตัวกลับมาบางส่วน จากที่ไปแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง ที่ 36.205 บาทต่อดอลลาร์ฯ วานนี้ แต่กรอบการฟื้นตัวของเงินบาท ยังเป็นไปอย่างจำกัดท่ามกลางสัญญาณขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตรไทย

ขณะที่จุดสนใจของตลาดในประเทศน่าจะอยู่ที่การประชุมของบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ตในวันนี้ ส่วนเงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงประคองจากการคาดการณ์ของตลาดว่า เฟดจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC รอบใกล้ๆ นี้ 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.90-36.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขาเฟดนิวยอร์ก ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.พ. ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สุดยอด! “บิ๊กเอ” ซูฮก “ใบเตย” ศศิกานต์ โค่นมือ 1 โลก เชื่อมีโอกาสคว้าตั๋วโอลิมปิก

“บิ๊กเอ” ซูฮกฟอร์ม “ใบเตย” ศศิกานต์ ทองจันทร์ นักเทควันโดทีมชาติชุด เตรียมควอลิฟายโอลิมปิกเกมส์ 2024 โซนเอเชียในเดือนมีนาคม ระเบิดฟอร์มเตะโค่น เวต เฮนิน แมกดา มือ 1 ของโลกจากฝรั่งเศส ก่อนเข้าไปคว้าแชมป์รุ่น 67 กก.หญิง เทควันโด เตอร์กิช โอเพ่น 2024 ชี้ชัยชนะเหนือเบอร์ 1 ของโลก ก่อนเข้าไปคว้าเหรียญทองได้ ช่วยสร้างความมั่นใจให้ “ใบเตย” ในการลงคัดเลือก ลุ้นตั๋ว โอลิมปิกเกมส์ 2024 โซนเอเชีย เดือนมี.ค.นี้

“บิ๊กเอ” ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ออกมาเปิดเผยถึงผลงานของทีมเทควันโดไทย ชุดเข้าร่วมการแข่งขัน ศึกเตอร์กิช โอเพ่น 2024 ที่เมืองอัลตัลยา ประเทศตุรกี  เมื่อคืนวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งจอม

เตะไทย ทำผลงานเยี่ยมคว้ามา 1 เหรียญทองจาก “ใบเตย” ศศิกานต์ ทองจันทร์ รุ่น 67 กก.หญิง และ 1 เหรียญเงิน จาก “กีตาร์” กมลชนก สีเคน รุ่น 49 กก.หญิง ว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมาก ซึ่งต้องขอแสดงความยินดีกับ นักกีฬาทั้ง 2 คน ที่สามารถทำชื่อเสียงให้กับประเทศไทย

“บิ๊กเอ” เผยว่า สำหรับใบเตย ซึ่งเป็นนักเทควันโดทีมชาติชุดที่จะไปควอลิฟาย โอลิมปิกเกมส์ 2024 โซนเอเชีย ในเดือนมี.ค.นี้นั้น ทำผลงานในรอบรองชนะเลิศได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการชนะ เวต เฮนิน แมกดา มือ 1 ของโลกจากฝรั่งเศส ซึ่งได้โควตาไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ รอบสุดท้ายที่ปารีส กลางปีนี้ได้ด้วย ส่วนรอบชิงชนะเลิศ มาแตร์ เจลิค คู่ชิงจากโครเอเชีย มีอาการบาดเจ็บจึงต้องขอแพ้บาย ทำให้ ไทยได้คว้าเหรียญทอง โดยถือเป็นแชมป์ที่สร้างกำลังใจให้เจ้าตัวเป็น

อย่างมาก เพราะในเดือนหน้าจะมีการแข่งขันคัดเลือก โอลิมปิกเกมส์ 2024 โซนเอเชีย เพื่อหาตัวแทนไปเล่นรอบสุดท้าย ที่ฝรั่งเศส

“การคว้าเหรียญทองในครั้งนี้ มันทำให้เรามีโอกาสได้โควตาไป “ปารีส 2024” มากพอสมควร ยิ่ง ใบเตย เอาชนะ 

นักเทควันโด มือ 1 ของโลก จากฝรั่งเศสผู้ที่ได้สิทธิ์ไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์จากอันดับโลกมาได้ มันทำให้ ใบเตย มีความ

มั่นใจ และ “โค้ชแม็ก” ร.ต.อ.ชัชวาล ขาวละออ สต๊าฟโค้ชทีมชาติไทย ก็ได้ให้ข้อมูลกับตนมาว่า เรามีโอกาสสูงในรุ่น 67 

กก.ที่จะได้ตั๋วโอลิมปิก แต่ทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่ในวันแข่งขันจริง ถ้าใบเตยเตะได้ดีเหมือนรายการ เตอร์กิช โอเพ่น การันตี โควตาโอลิมปิกเกมส์ 2024 อีก 1 รุ่น เราได้แน่ และสุดท้ายในรายการนี้ เรายังมีนักกีฬาไทยลงชิงชัยอีก 4 คน เชื่อว่าจะทำผลงานได้ดีอย่างแน่นอน” ผศ.พิมล กล่าวทิ้งท้าย

ขอบคุณข้อมูลจาก .siamsport.co.th


5 วิธีแก้อาการจมูกตันข้างเดียว ทำแล้วหายใจสะดวกทันที

อาการคัดจมูกหรือจมูกตันข้างเดียว มักเกิดขึ้นในช่วงหน้าฝนหรือช่วงที่มีอากาศหนาว ซึ่งถือเป็นอาการที่สร้างความหงุดหงิดและความไม่สบายตัวแก่สาวๆ อย่างมากเลยก็ว่าได้ วันนี้เราจึงเอา 5 วิธีแก้อาการจมูกตันข้างเดียว หรืออาการคัดจมูกที่ทำแล้วช่วยให้หายใจสะดวกทันที มาดูกันค่ะว่าแต่ละวิธีต้องทำอย่างไรกันบ้าง


1.ใช้ไอน้ำ
การใช้ไอน้ำ เป็นหนึ่งในวิธีแก้อาการจมูกตันข้างเดียวได้ดี โดยแนะนำให้สาวๆ ใช้ไอน้ำในการรักษาอาการดังกล่าวด้วยการอาบน้ำอุ่นหรือการจิบน้ำร้อน เพื่อให้ไอน้ำช่วยไปละลายเสมหะ อีกทั้งยังช่วยระบายน้ำมูกออกจากจมูกได้อีกด้วย การใช้วิธีนี้สำหรับแก้อาการจมูกตันข้างเดียวหรือเป็นหวัดคัดจมูก จะช่วยให้หายจากอาการดังกล่าวได้เร็วขึ้น หรืออีกหนึ่งวิธีคือการเทน้ำเดือดลงในชามใบใหญ่ แล้วเอนตัวเหนือชาม เพื่อทำการสูดไอน้ำเข้าไปประมาณ 3-4 ครั้งต่อวัน ก็ช่วยให้อาการดีขึ้นได้เช่นกัน


2.ใช้วิธีประคบอุ่น
การใช้วิธีประคบอุ่นเพื่อแก้อาการจมูกตันข้างเดียวหรืออาการคัดจมูก สามารถทำได้ด้วยการใช้ผ้าขนหนูแช่น้ำอุ่น แล้วบีบน้ำออกให้ผ้าหมาด ต่อด้วยการพับผ้าขนหนูแล้วเอามาวางบนจมูกและหน้าผาก วิธีนี้จะช่วยให้ความอุ่นจากผ้าสามารถช่วยให้สาวๆ หายจากอาการจมูกตันหรือคัดจมูกได้ แถมยังช่วยบรรเทาอาการอักเสบในรูจมูกได้ด้วยเช่นกัน แนะนำให้ทำซ้ำประมาณ 3-4 ครั้งต่อวัน จะช่วยให้หายได้เร็วยิ่งขึ้น

3.ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ

การใช้น้ำเกลือทางการแพทย์ล้างจมูก ก็ช่วยแก้อาการจมูกตันหรืออาการคัดจมูกได้เช่นกัน เพราะวิธีนี้จะช่วยให้น้ำมูกนิ่มและคลายตัว แถมยังเป็นการชะล้างน้ำมูกออกมาอีกด้วย โดยวิธีนี้ถือเป็นการบรรเทาอาการคัดจมูกได้ในทันที สำหรับการใช้น้ำเกลือทางการแพทย์ สาวๆ จะต้องใช้ตามคำแนะนำของเภสัช เพราะน้ำเกลือทางการแพทย์มีอายุการใช้งานหลังจากเปิดขวดใช้แล้วนั่นเอง


4.ใช้เครื่องทำความชื้น
การใช้เครื่องทำความชื้นมีส่วนช่วยลดอาการจมูกตันข้างเดียวและอาการคัดจมูกได้ แถมยังเป็นการลดอาการปวดไซนัสได้อีกด้วย สำหรับการใช้เครื่องทำความชื้น แนะนำให้ใช้ภายในห้องนอน เพื่อไอน้ำกระจายทั่วทั้งห้อง จะช่วยขจัดอากาศแห้งที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองซึ่งอาจทำให้โพรงจมูกอักเสบได้อีกด้วย


5.ดื่มชาเปปเปอร์มินต์
ชาเปปเปอร์มินต์ เป็นชาที่มีสารออกฤทธิ์ หรือที่เรารู้จักในชื่อของสารเมนทอล ซึ่งสารชนิดนี้มีส่วนช่วยลดอาการคัดจมูกตามธรรมชาติ และช่วยทำให้อาการอักเสบลดน้อยลง โดยเราจะเห็นได้ว่าในยาทาหน้าอกหรือยาแก้ไอ มักจะมีสารเมนทอลอยู่ด้วย ดังนั้นถ้ามีอาการจมูกตันข้างเดียวหรือคัดจมูก แนะนำให้ดื่มชาเปปเปอร์มินต์เพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้กันค่ะ แนะนำให้สาวๆ ต้มใบเปปเปอร์มินต์ 1 ช้อนชา ในน้ำเดือด 1 ถ้วย แล้วค่อยๆ จิบขณะที่ชายังอุ่น สามารถจิบชาได้ประมาณ 1-3 ถ้วยต่อวัน

สำหรับสาวๆ ที่มีอาการคัดจมูกหรือมีอาการจมูกตันข้างเดียว แนะนำให้บรรเทาอาการเหล่านี้ด้วย 5 วิธีที่เราได้แชร์ไปข้างต้นกันค่ะ โดยสาวๆ สามารถเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมหรือที่ตัวเองสะดวกได้เลย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


การใช้ Although / Though / Even though / In spite of / Despite คืออะไร ใช้ยังไง และแตกต่างกันอย่างไร

เมื่อมีการนำประโยคสองถึงสามประโยคมารวมกันให้เป็นประโยคเดียว จะต้องมีคำมาเชื่อมประโยค ในภาษาไทยคือคำสันธาน แต่ในภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า Conjunction ในที่นี้เราจะมาขยายความเกี่ยวกับคำเชื่อมประโยค คือ การใช้ Although, Though, Even though, In spite of และ Despite ซึ่งหลายคนอาจสับสนว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรและนำไปใช้อย่างไร โดยในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจเรื่องนี้กัน พร้อมกับมีตัวอย่างประโยคประกอบเพื่อให้เข้าใจได้มากขึ้นด้วย

ความหมายของ Although / Though / Even though / In spite of / Despite

          Although / Though / Even though / In spite of / Despite ทั้งหมด 5 คำนี้มีความหมายเหมือนกันคือ อย่างไรก็ตาม และเป็นคำเชื่อม (conjunction) แต่จะมีวิธีการใช้ และการสร้างประโยคแตกต่างกัน ดังนี้

1. Although ทำหน้าที่เป็นคำสันธาน (Conjunction) เพียงอย่างเดียว

จะใช้ในประโยคที่เชื่อมข้อความที่มีความขัดแย้งกัน หรือไม่เหมือนกัน ซึ่งในที่นี้จะแปลว่า แม้ว่า/แต่ มักจะพบเจอบ่อย ๆ ในภาษาเขียน สามารถวางไว้ได้ทั้งต้น หรือกลางประโยคเท่านั้น วางไว้ท้ายประโยคไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น

Although Mike has good grades, he doesn’t get the job.

ถึงแม้ว่าไมค์มีเกรดที่ดี เขาก็ยังไม่ได้งาน

ประโยคนี้แบ่งออกเป็น 2 ประโยคคือ Mike has good grades (ไมค์มีเกรดที่ดี) และ He doesn’t get the job (เขายังไม่ได้งาน) โดยมี การใช้ Although มาเป็นตัวเชื่อมโยงประโยคทั้งสองให้เกี่ยวเนื่องกัน

2. Though ทำหน้าที่เป็นคำสันธาน (Conjunction) และกริยาวิเศษณ์ (Adverb)

จะใช้ในประโยคที่เชื่อมข้อความที่มีความขัดแย้งกันหรือไม่เหมือนกัน ซึ่งในที่นี้จะแปลว่า แม้ว่า/แต่ เช่นเดียวกันกับ Although สามารถวางไว้ได้ทั้งต้น กลาง หรือท้ายประโยคก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น

She doesn’t stop working, though she is sick.

เธอไม่ยอมหยุดงานถึงแม้ว่าเธอจะไม่สบาย

ประโยคนี้แบ่งออกเป็น 2 ประโยคคือ She doesn’t stop working (เธอไม่ยอมหยุดงาน) และ She is sick (เธอไม่สบาย) โดยมี though มาเป็นตัวเชื่อมประโยค

3. even though ทำหน้าที่เป็นคำสันธาน (Conjunction) เพียงอย่างเดียว

จะใช้ในประโยคที่เชื่อมข้อความที่มีความเกี่ยวข้องกัน ซึ่งในที่นี้จะแปลว่า ถึงแม้ว่า/แม้ว่า สามารถวางไว้ได้ทั้งต้น หรือกลางประโยคเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น

Even though Siri is late, the teacher doesn’t say anything.

ถึงแม้ว่าสิริจะมาสาย คุณครูก็ไม่ได้ว่าอะไร

ประโยคนี้แบ่งออกเป็น 2 ประโยคคือ Siri is late (สิริมาสาย) และ the teacher doesn’t say anything (คุณครูก็ไม่ได้ว่าอะไร) โดยมี Even though มาเป็นตัวเชื่อมประโยค

4. In spite of เป็นสำนวนในภาษาอังกฤษ (Idiom) ทำหน้าที่เป็นคำสันธาน (Conjunction)

จะใช้ในประโยคเมื่อมีบางสิ่งเกิดขึ้น แต่มีอีกสิ่งหนึ่งเข้ามารบกวน หรือเข้ามาขัดขวาง ซึ่งในที่นี้จะแปลว่า แม้ว่า หรือทั้ง ๆ ที่ ยกตัวอย่างเช่น

In spite of their crime records, they still got the job.

แม้จะมีประวัติทางอาชญากรรม พวกเขาก็ยังได้งาน

ประโยคนี้แบ่งออกเป็น 2 ประโยคคือ their crime records (ประวัติทางอาชญากรรมของพวกเขา) และ they still got the job (พวกเขาก็ยังได้งาน) โดยมี In spite of มาเป็นตัวเชื่อมประโยค

5. Despite ทำหน้าที่เป็นคำสันธาน (Conjunction)

จะใช้ในประโยคเมื่อมีบางสิ่งเกิดขึ้น แต่มีอีกสิ่งหนึ่งเข้ามารบกวน หรือเข้ามาขัดขวาง ซึ่งในที่นี้จะแปลว่า แม้ว่า หรือทั้ง ๆ ที่ ยกตัวอย่างเช่น

Despite a few problems, I was able to finish the project.

แม้ว่าจะมีปัญหาบ้างเล็กน้อย ฉันก็สามารถทำโครงงานจนเสร็จสิ้นได้

ประโยคนี้แบ่งออกเป็น 2 ประโยคคือ a few problems (ปัญหาบ้างเล็กน้อย) และ I was able to finish the project (ฉันก็สามารถทำโครงงานจนเสร็จสิ้นได้) โดยมี Despite มาเป็นตัวเชื่อมประโยค

วิธีใช้ Although / Though / Even though / In spite of / Despite

1. วิธีใช้ Although, Though และ Even though

โครงสร้างประโยค : Although / though / even though + subject + verb

 Although       

  • การใช้ Although ขึ้นต้นประโยค

Although Linda is 65 years old, she still exercises every day.

แม้ว่าลินดาจะอายุ 65 ปีแล้ว เธอก็ยังออกกำลังกายทุกวัน

  • การใช้ Although กลางประโยค

I bring an umbrella with me, although it doesn’t rain.

ฉันพกร่มติดตัวไปด้วยแม้ว่าฝนจะไม่ได้ตก

Although เป็นคำสันธานที่ใช้เชื่อมประโยคหลัก (subordinating conjunction) ซึ่งก็คือคำเชื่อมที่ใช้เชื่อมประโยคที่มีใจความไม่สมบูรณ์ (dependent clause) เข้ากับประโยคที่มีใจความสมบูรณ์ (independent clause)

Though

  • การใช้ Though ขึ้นต้นประโยค

Though Ball doesn’t like English, he got an A.

แม้ว่าบอลจะไม่ชอบภาษาอังกฤษ แต่เขาก็ได้เกรดเอ

  • การใช้ though กลางประโยค

Lisa didn’t come to my home, though she said she would.

ลิซ่าไม่ได้มาบ้านของฉัน แม้เธอบอกไว้ว่าจะมา

Though เป็นคำสันธานที่ใช้เชื่อมประโยคหลัก ซึ่งก็คือคำเชื่อมที่ใช้เชื่อมประโยคที่มีใจความไม่สมบูรณ์ เข้ากับประโยคที่มีใจความสมบูรณ์

Even though

  • การใช้ even though ขึ้นต้นประโยค

Even though Mile is rich, he live in a small house.

แม้ว่าไมค์จะเป็นคนรวย แต่เขาก็อาศัยในบ้านหลังเล็ก

  • การใช้ even though กลางประโยค

He is still hungry, even though he ate three sandwiches.

เขายังหิวอยู่ แม้ว่าเขาจะกินแซนด์วิชไปแล้วตั้ง 3 ชิ้น

even though เป็นคำสันธานที่ใช้เชื่อมประโยคหลัก ซึ่งก็คือคำเชื่อมที่ใช้เชื่อมประโยคที่มีใจความไม่สมบูรณ์ เข้ากับประโยคที่มีใจความสมบูรณ์

2. วิธีใช้ In spite of และ Despite

โครงสร้างประโยค : In spite of / Despite + Noun หรือ V.ing

In spite of

  • การใช้ In spite of ตามด้วยคำนาม

Linda is very strong in spite of her age.

ลินดาร่างกายแข็งแรงมาก แม้ว่าจะมีอายุเยอะ

  • การใช้ In spite of ตามด้วยคำกริยาในรูป – ing

In spite of being a student, she sells a lot of book

แม้ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน เธอก็ขายหนังสือได้เยอะมาก

การขึ้นต้นประโยคด้วย In spite of เราจะต้องใช้จุลภาคหรือคอมม่า (,) คั่นหลังคำนาม แต่การใช้ in spite of กลางประโยค ไม่จำเป็นต้องใช้คอมม่าก็ได้ แต่ก็สามารถใช้ได้หากต้องการเน้นความขัดกันของประโยค หรือต้องการให้ประโยคอ่านง่ายขึ้น

Despite

  • การใช้ Despite ตามด้วยคำนาม

I still went to your party despite the rain.

ฉันยังคงไปปาร์ตี้ของคุณแม้ว่าฝนจะตก

  • การใช้ Despite ตามด้วยคำกริยาในรูป – ing

She sells a lot of book despite being a student.

เธอขายหนังสือได้เยอะมาก แม้ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน

การใช้ despite กลางประโยค ไม่จำเป็นต้องมีจุลภาคหรือคอมม่าอยู่ด้านหน้าก็ได้ เว้นแต่ต้องการจะเน้นความขัดแย้งให้เด่นชัดขึ้น หรือคั่นเพื่อให้อ่านง่ายขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


พลังงานดัน”โรงไฟฟ้านิวเคลียร์”เข้า”แผนพลังงานชาติ” เตรียมทำประชาพิจารณ์

พลังงานดัน”โรงไฟฟ้านิวเคลียร์”เข้า”แผนพลังงานชาติ” เตรียมทำประชาพิจารณ์ เผยอยู่ระหว่างการปรับปรุงโดยเฉพาะสัดส่วนก๊าซ พลังงานหมุนเวียน และการประหยัดพลังงานจะต้องมีสัดส่วนเท่าไหร่

นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงประเด็นความคืบหน้าเรื่องแผนพลังงานชาติ (PDP) ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงแผน PDP โดยเฉพาะสัดส่วนก๊าซ พลังงานหมุนเวียน และการประหยัดพลังงานจะต้องมีสัดส่วนเท่าไหร่ ซึ่งต้องบูรณาการร่วมกันทั้ง 5 แผนย่อยผนวกไว้ด้วยกัน 

ทั้งนี้ แผน PDP ฉบับดังกล่าวจะมีเรื่องของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อยู่ในตัวเลือกรวม 7-8 สมมติฐาน เช่น ราคาไฟแพง ราคาก๊าซ ยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ซึ่งจะนำมาทำประชาพิจารณ์สาธารณะเพื่อให้เกิดการยอมรับของประชาชนที่ยังมีเป็นประเด็นตัวอย่างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ญี่ปุ่นที่เคยมีปัญหา จึงต้องมีการสื่อสารที่ชัดเจน 

อย่างไรก็ดี ต้องปรึกษานายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานก่อนว่าจะเลือกไปประชาพิจารณ์หรือไม่ 

โดยคาดว่าแผน PPP จะสามารถประชาพิจารณ์ปลายเดือนก.พ. หรือต้นเดือนมี.ค. นี้ ซึ่งจะเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนมากขึ้นถึง 70% และปลดโรงไฟฟ้าถ่านหินและก๊าซออกไป 

ส่วนประเด็นที่เวียดนามและอินโดนีเซียราคาค่าไฟถูกกว่าประเทศไทย ต้องยอมรับว่าทั้ง 2 ประเทศใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า อีกทั้งเวียดนามมีพลังงานน้ำ แต่ต้องแลกกับปัญหาด้านความมั่นคง 

ซึ่งไทยเน้นความสมดุล 3 เรื่อง ไทยมีเขื่อนใหญ่กำลังการผลิตประมาณ 2,900 เมกะวัตต์ ถือว่าไม่มากะ กฟผ.จะต้องบริหารจัดการน้ำ ในเขื่อน เพราะต้องคำนึงถึงท้ายเขื่อนที่ต้องรับน้ำ ดังนั้น ไทยจะเน้นการบริหารจัดการน้ำก่อนการผลิตไฟฟ้า 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“งาดำ” กับข้อควรระวังน่ารู้ก่อนกิน

“งาดำ” ถือว่าเป็นหนึ่งในธัญพืชที่เป็นที่นิยมผสมในอาหาร และเครื่องดื่มหลายชนิด และมักเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของผู้ที่กำลังดูแลสุขภาพ เพราะจัดว่าเป็นซูเปอร์ฟูดที่อันแน่นไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัย ลดคอเลสเตอรอลในเลือด และยังมีแคลเซียมสูงที่ช่วยเสริมสร้างและบำรุงกระดูกมากกว่านมวัวถึง 6 เท่า

แต่แม้ว่างาดำจะมีประโยชน์มากเพียงใด หากรับประทานมากเกินไป ก็อาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้


“งาดำ” กับข้อควรระวังน่ารู้ก่อนกิน

งาดำ มีประโยชน์สูง แม้ปริมาณที่รับประทานจะไม่มาก แต่ด้วยขนาดเล็ก และเบา กินง่าย ผสมกับอาหารอื่นได้ง่าย จึงอาจทำให้หลายคนไม่ได้ระมัดระวังในปริมาณที่รับประทานในแต่ละครั้ง

แต่งาดำจัดว่าเป็นอาหารที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง เพราะงาดำ 100 กรัม ให้พลังงานมากถึง 700 กิโลแคลอรี่ ดังนั้นงาดำจึงมักถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมของอาหารให้พลังงานต่าง ๆ มากมาย นอกจากนี้งาดำยังเป็นอาหารที่มีปริมาณทองแดงค่อนข้างสูง ปกติแล้วร่างกายสามารถกำจัดทองแดงส่วนเกินออกจากร่างกายได้ แต่ในผู้ป่วยบางโรค เช่น โรค Wilson’s disease ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่เป็นมาแต่เกิด ทำให้การขับทองแดงออกจากร่างกายบกพร่อง ทำให้มีทองแดงสะสมในร่างกายคน ๆ นั้น เรื่อย ๆ จนเริ่มมีอาการต่าง ๆ ที่พบบ่อยสุดคืออาการทางตับ เช่น ตัวเหลือง ตับโต ม้ามโต ตามมาด้วยอาการทางระบบประสาท เคลื่อนไหวผิดปกติ กลืนลำบาก เป็นต้น


ปริมาณ “งาดำ” ที่แนะนำใน 1 วัน

หากร่างกายสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาเรื่องของการกำจัดทองแดงส่วนเกินออกจากร่างกาย ควรระมัดระวังแค่เรื่องพลังงานที่จะได้รับมากเกินไปเท่านั้น โดยปริมาณของงาดำที่แนะนำในแต่ละวัน ควรอยู่ที่ราว ๆ วันละ 15 กรัม หรือ 1 ช้อนโต๊ะ ก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 15/02/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a34,050.0034,150.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,206.0033,442.9634,650.00
ทองรูปพรรณ 90%1,985.4030,098.66n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,764.8026,754.37n/a
ทองรูปพรรณ 50%993.0015,053.88n/a
ทองรูปพรรณ 40%772.0011,703.52n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,286.0034,655.76n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 15/02/2567



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9537.9537.9538.5537.9537.9537.9537.9537.9537.9537.95
แก๊สโซฮอล์ 9136.1836.1836.9836.1836.1836.1836.1836.1836.1836.18
แก๊สโซฮอล์ E2035.8435.8436.6435.8435.8435.8435.8435.8435.84
แก๊สโซฮอล์ E8535.9935.9935.99
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม45.3449.9449.9449.9445.34
เบนซิน 9545.8447.0146.3445.9945.84
ดีเซล B729.9429.9430.4429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5443.6444.8443.6443.6441.54
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า