สาระน่ารู้ประจำวันที่ 15 มีนาคม 2567

ภูเก็ตเรดโอเชี่ยน! คอนโด-วิลล่าล้นแห่เช่าระยะยาวทะลุ2หมื่นล้าน

สมรภูมิอสังหาริมทรัพย์เกาะภูเก็ตร้อนระอุ! ดีมานด์ไทย-ต่างชาติทะลัก ทำเลฮอต บางเทา กลายเป็นเรดโอเชี่ยน คอนโด-วิลล่าล้นแห่เช่าระยะยาวทะลุ2หมื่นล้าน อานิสงส์ ท่องเที่ยว โรงแรมฟื้น หนุนที่อยู่อาศัยราคาต่ำ 3 ล้าน โต กู้ผ่านฉลุย ขณะที่ รัสเซีย จีนซื้อลงทุนปล่อยเช่า

นายพัทธ​นันท์​ พิสุทธิ์​วิมล​ อดีต​นายกสมาคม​อสังหาริมทรัพย์​ภูเก็ต​ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯภูเก็ต แบ่งออกเป็น 3 เซกเมนต์ใหญ่ เซกเมนต์ล่างราคาต่ำ3 ล้านบาทลงมา เซ็กเมนต์กลางราคา 3-7 ล้านบาท และบนราคา 8-10 ล้านบาท ขึ้นไปถึงระดับลักชัวรีวิลล่า โดยตลาดที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นจากปี 2566 คือตลาดล่างกับตลาดบน

เนื่องจาก”ตลาดล่าง”ได้รับอานิงส์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ภาคบริการอย่างโรงแรมตั้งแต่ปลายปี2566 จนถึงปัจจุบันมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนทำให้มีปริมาณความต้องการที่อยู่อาศัยสูงขึ้นจากแรงงานที่กลับเข้ามารวมถึงแรงงานใหม่ที่เข้ามาในภาคการท่องเที่ยวและบริการในภูเก็ตทำให้ดีมานด์ในตลาดที่อยู่อาศัยราคาต่ำ3ล้านบาทเพิ่มขึ้น เพราะคนกลุ่มนี้กู้เงินผ่านต่างจากภูมิภาคอื่นที่กำลังซื้อกลุ่มนี้เผชิญปัญหากู้ไม่ผ่านสูง

ส่วนตลาดกลางกระเตื้องเล็กน้อยไม่ได้หวือหวามาก เพราะเป็นกลุ่มที่มีที่อยู่อาศัยในภูเก็ตอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นพนักงานระดับบนทำหน้าที่บริหาร หรือกลุ่มเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอี แต่ตลาดที่ดูหวือหวามากคือ เซกเมนต์ราคา10ล้านบาทขึ้นไประดับลักชัวรี เพราะมีดีมานด์จากต่างชาติที่เข้ามาจำนวนมาก เทียบจากปี2566ที่ผ่านมามีการเติบโตที่ดีในกลุ่ม”รัสเซีย จีน ฝรั่งเศส” ตามลำดับมียอดซื้อคอนโดสูงสุด

ยอดจดทะเบียนการเช่าพุ่ง2หมื่นล้าน

ขณะที่ยอดการจดทะเบียน“การเช่า”ระยะยาวในภูเก็ต มูลค่าสูงถึง 20,000ล้านบาทถือว่าสูงมากในรอบ10ปีมาจากคนไทย3,000-4,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 18,000-19,000 ล้านบาท เป็นของต่างชาติ เพราะตั้งแต่ปี2566 ที่ผ่านมาดีมานด์ต่างชาติค่อนข้างหวือหวา จากข้อมูลอันดับสูงสุดในการเช่าในแง่มูลค่าอันดับหนึ่ง คือ “รัสเซีย” คิดเป็นมูลค่า 6,000 ล้านบาท รองมาเป็นจีน 2,500 ล้านบาท และเป็นสิงคโปร์ 1,600 ล้านบาท หากเทียบกับปี2565 รัสเซียมีมูลค่า 2,500 ล้านบาท จีน 550 ล้านบาท และอินเดีย 258 ล้านบาท

“2 ปีที่ผ่านมามูลค่าการจดทะเบียนการเช่าระยะเวลา 30 ปี ในภูเก็ตเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก แต่ถ้าย้อนหลังไปมากกว่านี้จะพบว่า ส่วนใหญ่จะเป็นรัสเซียที่นิยมเช่า ก่อนโควิดมีมูลค่า 1,200 ล้านบาท แต่หลังโควิดตัวเลขดีดขึ้น 3-4 เท่าขยับไปที่ 6,000 ล้านบาท”

พิษสงครามหนุนดีมานด์รัสเซียเช่ายาว

ทั้งนี้เป็นผลมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ต้องการที่อยู่อาศัยนอกประเทศ ในรูปแบบการเช่าระยะยาวมากกว่าซื้อ เนื่องจากกังวลว่ารัฐบาลยึดกลับคืน เพราะคุ้นชินกับระบบคอมมิวนิสต์ ส่วนหนึ่งที่ทำให้การเช่ามากขึ้นเป็นผลมาจากโควตา49%ในการซื้อคอนโดเต็ม แต่ไม่ใช่ประเด็นหลักสำหรับคนรัสเซีย เพราะชอบเช่าระยะยาวมากกว่าซื้อ ขณะที่คนจีนอยากถือครองเป็นเจ้าของมากกว่าเช่า มีทั้งซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองและซื้อเพื่อปล่อยเช่า

“ต้องยอมรับว่า โควตา49%ของคอนโดในภูเก็ตค่อนข้างเต็ม เพราะเป็นตลาดต่างชาตินิยมเข้ามาประกอบกับกำลังซื้อของคนไทยไม่มากพอ เพราะระดับราคาค่อนข้างสูงหลัก10ล้านบาทขึ้นไปมีจำนวนคนไทยที่สามารถซื้อได้น้อย ”

บางเทา-เชิงทะเล ทำเลฮอตเข้าสู่เรดโอเชียน

ขณะที่ตลาดวิลล่าค่อนข้างจะคึกคัก โดยเฉพาะในโซนบางเทา เชิงทะเล ในภูเก็ต หลังผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลางเข้าไปบุกทำตลาดมากขึ้น กลายเป็นทำเล“น่านน้ำสีแดง” หรือRed Ocean ที่มีคู่แข่งเยอะและการแข่งขันค่อนข้างสูงมีการนำเสนอสินค้าที่คล้ายกัน ดังนั้นรายใหม่ หรือรายเล็กที่จะเข้ามาทำตลาดยากขึ้น

อย่างไรตามแนวโน้มการขออนุญาตจัดสรรที่ดินในภูเก็ตเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดจากก่อนโควิด อยู่ที่700,000ตารางเมตรลดลงในช่วงโควิด เหลือ 400,000-500,000ตารางเมตร แต่ในปี2566 พุ่งขึ้นถึง 1,291,000 ตารางเมตร คาดว่า ปีนี้น่าเพิ่มขึ้น

“ ไม่แน่ใจว่า ปีนี้ภูเก็ตสามารถทำนิวไฮได้เหรือไม่เพราะ สถานการร์เศรษฐกิจในหลายประเทศไม่ดีจนถึงขั้นแย่ แต่เชื่อว่า ภูเก็ตยังคงเติบโตต่อ เพราะยังเป็นพื้นที่เป้าหมายในการลงทุนของต่างชาติ”

ชงรัฐขยายเวลาเช่าระยาวเป็น50ปีแก้นอมินี

นายพัทธ​นันท์ ระบุว่า  อยากให้ทบทวนการขยายระยะเวลาในการเช่าระยาวออกไปเป็น 50ปีจากเดิม30ปี เพื่อจูงใจกลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามาเช่าระยะยาว ทั้งนี้เนื่องจากกลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามาซื้อหรือเช่าอสังหาฯในภูเก็นไม่ใช่วัยเกษียณอีกต่อไปแต่กลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 30-40ปี คนซื้ออายุน้อยลง ทำให้ตอบโจทย์กลุ่มคนซื้อและช่วยแก้ปัญหานอมินีลงได้เพราะเป็นระยะเวลาไม่ได้นานจนเกินไปจนทำให้เกิดเวาทกรรมขายชาติขึ้นมาอีก

“ รัฐบาลใช้ภูเก็ตเป็นพื้นที่นำร่องเหมือนกับการทำ แซนด์บ็อกซ์ว่า มาตรการได้ผลดีมากน้อยแค่ไหนหรือปรับอย่างไรเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศก่อนนำไปใบช้ในพื้นที่อื่นต่อไปรวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมจังหวัดภูเก็ตเพื่อรองรับดีมานด์คนต่างชาติ คนไทยและแรงานที่เข้ามาในพื้นที่มากขึ้น”

ยอดโอนกรรมสิทธิ์ภูเก็ตฟื้นตัวต่อเนื่อง

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าในภูเก็ตอสังหาฯเพื่อที่อยู่อาศัยจากข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ฟื้นตัวตั้งแต่หลังโควิดต่อเนื่องเพิ่มขึ้นมา 30-40% ต่อไตรมาสส่งผลให้ภาพรวมของปี2565 กับปี2566 ในทุกเซกเมนต์ของราคาฟื้นตัวขึ้นมา ส่งผลให้มีซัพพลายใหม่เข้ามาในตลาดต่อเนื่อง โดยเฉพาะครึ่งหลังของปี2566 ที่มีบริษัทอสังหาฯในตลาดหลักทรัพย์เข้าไปพัฒนาโครงการในภูเก็ตมากขึ้น

โดยในปี2566 พบว่า จำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในภูเก็ต ที่เป็นแนวราบ 5,631 หน่วย คอนโด 3,185 หน่วย รวมทั้งสิ้น8,816 หน่วย คาดว่า ในปี2567จะมีจำนวนการโอนเพิ่มขึ้น 8,920 หน่วย แบ่งเป็น แนวราบ 5,881 หน่วย และคอนโด 3,039หน่วย มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในภูเก็ต ที่เป็นแนวราบ 22,255 คอนโด 9,252 ล้านบาทรวม31,507ล้านบาท โต31.2% คาดว่า ในปีนี้จะมีมูลค่าการโอนเพิ่มขึ้น 32,724 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 23,569ล้านบาท และคอนโด 9,156 ล้านบาท

“ยอดขายตั้งแต่หลังโควิด เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนโควิด มีจำนวน2,000หน่วยที่เป็นการขายคอนโดช่วงเกิดโควิดลดลง และกลับมา1,000หน่วยในปี2565 แต่ล่าสุดในปี2566 เพิ่มขึ้น3,760 หน่วย ส่วนบ้านจัดสรร มีการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก จากครึ่งแรกปี65 จำนวน 126 หน่วยจนถึงครึ่งหลังปี66เพิ่มเป็น 400หน่วยมีมูลค่ารวม30,000ล้านบาท”

ภาพรวมการโอนคอนโดของต่างชาติในภูเก็ตขยายตัวต่อเนื่องทุกไตรมาส ตั้งแต่ปลายปี2564 หลังการเปิดประเทศ ทำให้ปี2565 เฉพาะคอนโดขยายตัว84.6% จำนวน637หน่วยมีมูลค่า 3,001 ล้านบาท ปี2566 ขยายตัว47.7% มีจำนวน941หน่วยมีมูลค่า 4,479 ล้านบาท

 หลังโควิดดีมานด์รัสเซียยืนหนึ่ง

ก่อนโควิดต่างชาติที่ซื้อคอนโดในภูเก็ตมากที่สุดคือจีน แต่หลังจากโควิด เป็นรัสเซียอันดับหนึ่ง ในปี 2566 มีสัดส่วนการซื้อ31% ของคนต่างชาติที่ซื้อทั้งหมด รองลงมาเป็น จีน18 %และฝรั่งเศส 8% ที่น่าสนใจคือมีการจดทะเบียนการเช่าระยะยาวในภูเก็ตเกินกว่า3ปีที่เป็นคอนโดของงคนต่างชาติค่อนข้างมาก

ล่าสุดในปี2566การโอนกรรมสิทธิ์ของต่างชาติจำนวน 941 หน่วยคิดเป็นมูลค่า 4,479ล้านบาท มีคนต่างชาติเช่าระยะยาว776หน่วย ซึ่งมีสัดส่วนใกล้เคียงกันระหว่างการเช่าระยะยาวกับการซื้อฟรีโฮลด์

“จำนวนของการซื้อฟรีโฮลด์ ที่มีโควตา49% ในโครงการคอนโดเต็ม จึงต้องใช้วิธีการเช่าลีสโฮลด์แทน สะท้อนภาพให้เห็นถึงความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแบบคอนโดในภูเก็ตของชาวต่างชาติมากขึ้นกว่า ที่กฏหมายกำหนดไว้ ขณะเดียวกันหากต้องการซื้อบ้านแนวราบหรือวิลล่าต้องซื้อในแบบลีสโฮลด์หรือเป็นการจดทะเบียนนิติกรรมในบริษัทที่เป็นคนไทย ซึ่งจำนวนเพิ่มขึ้นเช่นกัน”

ข้อมูลสะท้อนว่า โควตาการซื้อ 49% ของคนต่างชาติที่ต้องการซื้อคอนโดใสภูเก็ต ”ไม่เพียงพอ” อาจมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการเพิ่มสัดส่วนมากขึ้นในทำเลที่เหมาะสมเพื่อรองกับดีมานด์ที่เข้ามาถูกต้องตามกฏหมาย รวมถึงการขยายระยะเวลาในการเช่าระยะยาวเพื่อไม่ให้ประเทศสูญเสียโอกาสในการดึงเม็ดเงินจากต่างชาติเข้ามาในประเทศ

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


“โบทานิก้า”เปิดวิลล่าหรู กระบี่-หัวหิน-พังงา-เขาใหญ่เจาะเศรษฐีไทย-เทศ

“โบทานิก้า” กางแผนสยายปีกปั้นวิลล่าหรูนอกภูเก็ต ปักหมุดหัวเมืองท่องเที่ยว “กระบี่-หัวหิน-พังงา-เขาใหญ่” เจาะเศรษฐีไทย-ต่างชาติหวังดันประเทศไทยสู่เวิลด์คลาสเดสติเนชันด้านการพักผ่อน

นายอรรถสิทธิ์ อินทรชูติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด เผยว่า โบทานิก้า ลักซูรี่ วิลล่า เติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด 20 ปีในเกาะภูเก็ตจากความไว้วางใจของลูกค้าและนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ  ปัจจุบันได้นำอินไซต์ด้านดีมานด์และเทรนด์การอยู่อาศัยใหม่ผนวกกับความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการวิลล่าลักชัวรี มาขยายธุรกิจเจาะเมืองท่องเที่ยวศักยภาพสูงในไทย ทั้งกระบี่ หัวหิน พังงา และเขาใหญ่เป็นเวิลด์คลาสเดสติเนชันด้านการพักผ่อนและการอยู่อาศัย

  นอกจากนี้ โปรเจกต์โครงสร้างสร้างพื้นฐานใหม่จะเข้ามาเติมเต็มการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายในการทำตลาดใหม่ไม่ว่าจะเป็นสนามบินนานาชาติอันดามันในจังหวัดพังงา รถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพ-โคราช เป็นต้น โดยไทม์ไลน์จะเริ่มจากกระบี่ ต่อด้วยหัวหิน และเตรียมแผนรุกตลาดพังงาและเขาใหญ่ต่อไปซึ่งตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม ทีมีความมั่งคั่ง( HNWI)ได้เป็นอย่างดี 

“โครงการวิลล่าที่เราจะนำเสนอในกระบี่และหัวหิน จะเป็นสไตล์ Modern Loft ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้า ด้วยดีไซน์เรียบหรูและความโปร่งสบายของแปลนบ้าน คาดว่าโครงการจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นจากทั้งชาวไทย ต่างชาติ และนักลงทุน ที่มองหาโครงการวิลล่าหรูที่สวยงามและเปี่ยมไปด้วยฟังก์ชันบนทำเลสุดแรร์ในแต่ละพื้นที่ เรามั่นใจว่าการทยอยรุก 4 ตลาดใหม่ของเราจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและชื่อเสียงของแบรนด์ในฐานะผู้พัฒนาวิลล่าลักชัวรีคุณภาพสูงชั้นนำของเมืองไทย” 

นายอรรถสิทธิ์  กล่าวว่า โบทานิก้า ลักซูรี่ วิลล่า  ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการพูลวิลล่าระดับลักชัวรีในจังหวัดภูเก็ตด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี เผยแผนขยายธุรกิจต่อเนื่องหลังประสบความ สำเร็จในเกาะภูเก็ต จึงเดินหน้าต่อยอดความเข้าใจตลาด HNWI (High Net Worth Individual) ทั้งไทยและต่างชาติ เตรียมทุ่มงบรวมกว่า 1.3 พันล้านบาท รุกปั้นวิลล่าหรูในพื้นที่ จ. กระบี่ และหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เน้นเจาะทำเลเปี่ยมศักยภาพที่ครบครันทั้งชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติและไลฟ์สไตล์เหนือระดับท่ามกลางฟาซิลิตี้ของเมืองท่องเที่ยวระดับโลก มุ่งรองรับการท่องเที่ยวที่กลับมาบูมสุดขีดหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายและเทรนด์การย้ายถิ่นฐานของทั้งคนไทยและต่างชาติ

ล่าสุด“โบทานิก้า ลักซูรี่ วิลล่า” ฉลองการทุบสถิติยอดขายวิลล่าหรูในเกาะภูเก็ตด้วยยอดขาย 1,200 ล้านบาทเฉพาะเดือนม.ค.2567 พร้อมตั้งเป้าจบปี 2567 ด้วยยอดขายรวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท ด้วยความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง

จึงพร้อมนำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ มารุกตลาดวิลล่าหรูในหัวเมืองใหญ่อื่น ๆ เริ่มจากกระบี่ด้วยงบลงทุนกว่า 500 ล้านบาท และหัวหิน ด้วยงบลงทุนกว่า 800 ล้านบาท รวมเป็นเงินกว่า 1.3 พันล้านบาท ซึ่งคิกออฟการก่อสร้างโครงการในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 66 และไตรมาสที่ 2 ปี 67 ตามลำดับและต่อด้วยการเจาะตลาดพังงาและเขาใหญ่ ในอนาคต

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 15มี.ค. “อ่อนค่า” ที่ระดับ 35.82 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทเสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าที่เพิ่มกำลังมากขึ้น สอดคล้องกับการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ควรระวังความผันผวนของเงินบาทจากการเคลื่อนไหวของเงินเยนในวันนี้

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 15มี.ค. 2567 ที่ระดับ  35.82 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงหนัก” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  35.62 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า  แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทเสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าลง ตามโมเมนตัมการอ่อนค่าที่เพิ่มกำลังมากขึ้น สอดคล้องกับการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่ยังได้แรงหนุนจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งยังคงสดใสและดีกว่าคาด ขณะเดียวกัน สัญญาณเชิงเทคนิคัลก็เริ่มสะท้อนโอกาสที่เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้ (กราฟเงินบาทอาจเกิด Doji Morning Star pattern ไม่น่ามานี้

ส่วน RSI, MACD ก็เริ่มมีแนวโน้ม Bullish มากขึ้นสำหรับ USDTHB ใน Time Frame Daily) ซึ่งหากเงินบาทเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ทองคำและน้ำมันดิบ

 รวมถึงแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ ก็อาจกดดันให้ เงินบาทผันผวนอ่อนค่าทดสอบแนวต้านสำคัญและเป็นแนวต้านเชิงจิตวิทยาแถว 36.00 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจถูกชะลอลงบ้าง จากโฟลว์ขายเงินดอลลาร์ของบรรดาผู้ส่งออก ที่ต่างรอจังหวะให้เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลง

 อนึ่ง เราคงมุมมองเดิมว่า การกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินบาทนั้น ก็อาจยังคงจำกัด เนื่องจากเงินบาทยังขาดปัจจัยหนุนการแข็งค่าที่ชัดเจน ทำให้เงินบาทอาจติดอยู่ในโซนแนวรับแถว 35.70 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับสำคัญถัดไป 35.50 บาทต่อดอลลาร์)

นอกจากนี้ ควรระวังความผันผวนของเงินบาทจากการเคลื่อนไหวของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ในวันนี้ ที่อาจผันผวนไปตามผลการเจรจาต่อรองค่าจ้าง Shunto และการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของ BOJ ส่วนในช่วงกลางคืนราว 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ก็ควรระวังความผันผวนของตลาดในช่วงผู้เล่นในตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ

เรายังขอเน้นย้ำว่า ในช่วงนี้ ความผันผวนของเงินบาทนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย

อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.65-35.95 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 35.60-35.82 บาทต่อดอลลาร์) ตามการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI รวมถึงยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่า เฟดอาจยิ่งไม่รีบปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย

สะท้อนจากการทยอยปรับลดโอกาสเฟดปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน เหลือ 63% (จากเกือบ 75% ในสัปดาห์ก่อนหน้า) นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 สหรัฐฯ ยังได้กดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลงแรง สู่โซนแนวรับระยะสั้นอีกครั้บ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะปรับตัวลง

ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวขึ้นแรง จากการที่ IEA ปรับคาดการณ์แนวโน้มอุปสงค์น้ำมันที่สูงขึ้น พร้อมปรับลดอุปทานน้ำมันจากคาดการณ์ก่อนหน้า ทำให้มีผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็ทยอยเข้าซื้อน้ำมันดิบเพิ่มเติม ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำและน้ำมันดิบก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่า

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเผชิญแรงขายทำกำไรบรรดาหุ้นเทคฯ ธีม AI ที่ปรับตัวได้ดีในช่วงที่ผ่านมา อาทิ Nvidia -3.2% หลังผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลว่าเฟดอาจชะลอการลดดอกเบี้ยลงได้ จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด ทั้ง ดัชนี PPI และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานที่ออกมาดีกว่าคาด

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการหุ้นกลุ่มพลังงาน นำโดย Exxon Mobil +1.8% ตามการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบ ส่งผลให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.29%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาย่อลง -0.18% กดดันโดยแรงขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ อาทิ Rio Tinto -1.3%  ตามการปรับตัวลดลงของราคาแร่โลหะที่ถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ส่วนหุ้นเทคฯ ธีม AI บางส่วนก็ปรับตัวลงแรง เช่น Infineon Tech. -2.7% ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้างจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นในธีมการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน อาทิ บรรดาหุ้นสินค้าแบรนด์เนม เช่น Hermes +1.5%

ในฝั่งตลาดบอนด์ แนวโน้มการชะลอตัวลงช้าของอัตราเงินเฟ้อ จากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ล่าสุด ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่า เฟดอาจเริ่มลดดอกเบี้ยได้ช้ากว่าที่เคยประเมินไว้ (โอกาสในการลดดอกเบี้ยเดือนมิถุนายน ถูกปรับลดลงมากขึ้น) ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมากกว่า +10bps เข้าใกล้ระดับ 4.30% อีกครั้ง

สอดคล้องกับคำเตือนของเราก่อนหน้าที่ให้ระมัดระวัง ความเสี่ยงบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาสดใสและดีกว่าคาด ทั้งนี้ ระดับของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ล่าสุด ถือว่ามีความน่าสนใจมากขึ้น (เหนือระดับ 4.20%) ทำให้เรามองว่า Risk-Reward มีความน่าสนใจ อีกทั้ง ระดับบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ แถว 4.30% ก็ได้สะท้อนแนวโน้มการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งของเฟดในปีนี้ไปแล้ว ดังนั้น นักลงทุนก็สามารถทยอยเข้าซื้อ Buy on Dip บอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หนุนโดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ยิ่งกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ผันผวนอ่อนค่าลงหนัก และยิ่งช่วยให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

นอกเหนือจากแรงหนุนจากภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 103.5 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 102.8-103.5 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จากความกังวลแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดที่อาจเกิดขึ้นช้ากว่าคาด ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ปรับตัวลงต่อเนื่อง สู่โซนแนวรับ 2,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยเข้าซื้อทองคำในโซนดังกล่าว และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาคาดการณ์แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อระยะสั้นและระยะยาว จากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคดังกล่าวเช่นกัน

ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานครั้งแรกของผลการเจรจาต่อรองค่าจ้าง (Shunto) ของญี่ปุ่น ว่าจะเห็นการปรับขึ้นค่าจ้างที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ตามที่ตลาดคาดหวังหรือไม่ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดได้คาดหวังว่า ค่าจ้างจะมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นพอสมควร จนทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจทยอยปรับใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น

ตั้งแต่การประชุมเดือนมีนาคมนี้ (สัปดาห์หน้า) ซึ่งมุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาดก็ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมา เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ได้พลิกกลับมาแข็งค่า เร็วและแรงพอสมควร ก่อนที่จะพลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ที่ 35.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.80-35.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.53 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับภาพรวมสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย สวนทางค่าเงินดอลลาร์ฯ และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ขยับขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะดัชนีราคาผู้ผลิตและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ออกมาดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด

โดยดัชนีราคาผู้ผลิต +1.6% YoY ในเดือนก.พ. (ตลาดคาดที่ 1.1% YoY) ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 1000 ราย มาที่ 209,000 รายในสัปดาห์ก่อน (ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 218,000 ราย) ทั้งนี้ตัวเลขสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้ตลาดปรับลดโอกาสความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนมิ.ย. ลง ซึ่งสะท้อนว่า เฟดอาจไม่รีบปรับท่าทีมาผ่อนคลายนโยบายการเงินในรอบการประชุมใกล้ๆ นี้ 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.70-35.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินเอเชีย/ราคาทองคำในตลาดโลก  และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ผลสำรวจภาคการผลิตโดยเฟดสาขานิวยอร์ก และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนในเดือนมี.ค. และตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ.  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“อันนา-มูนา” โค่นคู่รถถังจีนทะยานรอบก่อนรองฯ- วิว กุลวุฒิ จอดรอบสอง ออล อิงแลนด์

“อันนา” นันทน์กาญจน์ กับ “มูนา” เบญญาภา เอี่ยมสอาด หญิงคู่มือ 14 ของโลก งัดร่างเทพล้มคู่ของ หลิง เชงซู กับ ตัน หนิง คู่มือ 3 ของโลกจากจีนไปได้ 2 เกมรวด ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศแบดมินตัน ออล อิงแลนด์ โอเพ่น ไปได้สำเร็จ ส่วน วิว กุลวุฒิ ไม่ได้ไปต่อ พลาดท่าพ่าย 1-2 เกม ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

การแข่งขันแบดมินตันรายการใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง โยเน็กซ์ ออล อิงแลนด์ โอเพ่น 2024 ทัวร์นาเมนต์ระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ชิงเงินรางวัลรวม 1,300,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 46,150,000 บาท ที่ยูทิลิต้า อารีน่า เบอร์มิงแฮม เมืองประเทศอังกฤษ เมื่อวันพุธที่ 13 มี.ค.67 ที่ผ่านมา นับเป็นการเฉลิมฉลองครบ 125 ปี ของการแข่งขันรายการนี้ด้วยที่จัดแข่งมาตั้งแต่ปี 1899 และเป็นรายการสำคัญในการเก็บคะแนนไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส อีกด้วย 

ประเภทหญิงคู่ รอบสอง  “อันนา” นันทน์กาญจน์ กับ “มูนา” เบญญาภา เอี่ยมสอาด คู่มืออันดับ 14 ของโลก พบกับ  หลิง เชงซู กับ ตัน หนิง คู่มือวางอันดับ 4 คู่มืออันดับ 3 ของโลกจากจีน สถิติการเจอกันของทั้งคู่ 3 ครั้ง เป็นคู่  หลิง เชงซู กับ ตัน หนิง เอาชนะไปได้ทั้งหมด  

แต่ในครั้งนี้ คู่อันนา กับ มูนา สามารถงัดฟอร์มการเล่นออกมาได้อย่างสุดยอด และ เล่นด้วยมุ่งมั่น ไล่ตบเอาชนะไปได้ 2 เกมรวด 21-16 และ 23-21    “อันนา” นันทน์กาญจน์ กับ “มูนา” เบญญาภา ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศไปรอพบผู้ชนะระหว่าง นามิ มัตสึยามะ กับ ชิฮารุ ชิดะ คู่มือวางอันดับ 6 ของรายการ คู่มืออันดับ 5 ของโลกจากญี่ปุ่น หรือ พอลล่า ลินน์ เคา ฮอก กับ ลอว์เรน แลม คู่มืออันดับ 43 ของโลกจากสหรัฐฯ 

ประเภทคู่ผสม รอบสอง  เอ็ม สุภัค จอมเกาะ กับ เฟม ศุภิสรา เพียวสามพราน คู่มืออันดับ 17 ของโลก ยี ฮงเว่ย กับ ลี เชี๊ยะซิน คู่มืออันดับ  12 ของโลกจากไต้หวัน 

ประเภทหญิงเดี่ยว รอบสอง  “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มืออันดับ 16 ของโลก พ่ายให้กับ อากาเนะ ยามากูชิ มือวางอันดับ 4 ของรายการ มืออันดับ 4 ของโลกจากญี่ปุ่น ไปอย่างน่าเสียดาย 1-2 เกม 17-21,21-9 และ 19-21 

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


ระวัง 5 โรคเสี่ยง ภัยเงียบที่เกิดขึ้นได้จากการนอนดึกตื่นสาย

สาวๆ หลายคนมักคุ้นชินกับพฤติกรรมการนอนดึกและตื่นสาย แต่ทราบหรือไม่ว่าพฤติกรรมเช่นนี้มีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยวันนี้เราได้รวม 5 โรคที่เสี่ยงเกิดขึ้นจากการนอนดึกและตื่นสายมาแชร์ให้สาวๆ ได้ทราบกันค่ะ เพื่อที่อย่างน้อยสาวๆ จะได้หันกลับมาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการนอนของตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม

5 โรคเสี่ยง ภัยเงียบที่เกิดขึ้นได้จากการนอนดึกตื่นสาย

1.โรคเบาหวาน

หลายคนอาจจะสงสัยว่าการนอนดึกและตื่นสายเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานได้อย่างไร ซึ่งคำตอบก็คือ การนอนดึกจะทำให้ระดับฮอร์โมนอินซูลินในร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้ระบบเผาผลาญไขมันผิดปกติไปด้วย ตลอดจนส่งผลให้ร่างกายสะสมพลังงานและน้ำตาลมากเกินไป จึงทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานได้

2.โรคอ้วน

การนอนดึกตื่นสายมีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงทำให้เป็นโรคอ้วนได้ นั่นเป็นเพราะการนอนดึกทำให้อัตราการเผาผลาญไขมันลดลง ส่งผลให้มีไขมันสะสมในร่างกายได้ง่ายและมากขึ้น จึงเสี่ยงต่อการทำให้เกิดภาวะอ้วนตามมา

3.โรคหลอดเลือดหัวใจ

โรคหลอดเลือดหัวใจ คือ โรคที่เสี่ยงเกิดขึ้นได้ง่ายจากการมีพฤติกรรมนอนดึกตื่นสาย เพราะพฤติกรรมเช่นนี้ส่งผลให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานผิดปกติ และเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจมากขึ้น นั่นเป็นเพราะร่างกายไม่สามารถจัดการกับโปรตีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้โปรตีนเหล่านี้มาเกาะที่บริเวณหลอดเลือดหัวใจ ตลอดจนทำให้หลอดเลือดตีบและอุดตันจนทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้นั่นเอง

4.ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง

แน่นอนว่าร่างกายของมนุษย์มีช่วงเวลาของการทำงานและพักผ่อนอย่างชัดเจน ซึ่งเมื่อใดที่ร่างกายต้องการการพักผ่อน แต่กลับไม่ได้พักผ่อนตามจากพฤติกรรมนอนดึกของสาวๆ ก็ย่อมทำให้ร่างกายอ่อนล้าและขาดความสมดุล จนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันด้อยประสิทธิภาพ และนั่นก็จะทำให้ป่วยง่าย ติดเชื้อโรคได้ง่าย และทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ ได้ง่ายอีกด้วย

5.ระบบย่อยอาหารผิดปกติ

เมื่อสาวๆ มีพฤติกรรมนอนดึกตื่นสาย อีกหนึ่งปัญหาที่จะตามมาก็คือ ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ เนื่องจากการนอนไม่เป็นเวลาจะทำให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานผิดเพี้ยนได้ โดยเฉพาะการทำงานของถุงน้ำดี ซึ่งคอยทำหน้าที่ส่งน้ำย่อยไปสู่ลำไส้เล็กเพื่อช่วยในการย่อยอาหาร ดังนั้นเมื่อถุงน้ำดีทำงานบกพร่องก็จะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ

จะเห็นได้ว่าผลกระทบจากการนอนดึกตื่นสายนั้นน่ากลัวไม่แพ้จากผลกระทบอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายเลย เพราะโรคและอาการที่เกิดขึ้นต่อร่างกายจากการมีพฤติกรรมนอนดึกตื่นสาย ล้วนทำให้ร่างกายของสาวๆ เข้าสู่สภาพที่แย่ลงได้เรื่อยๆ ดังนั้นจึงแนะนำให้หันมาให้ความสำคัญกับการนอนแต่หัวค่ำ ที่สำคัญควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


6 Steps Speak Up เพิ่มความมั่นใจในที่ประชุม

บ่อยครั้งในที่ประชุมที่เราต้อง Present งานเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องน่าปวดหัวและชวนประหม่าไม่น้อยเลย แต่ถ้าหากเรามีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดีและมีการเตรียมตัวก็จะช่วยสร้างความมั่นใจได้

ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึง 6 วิธีการพูดในที่ประชุม ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะดูมั่นใจ และเป็นมืออาชีพ รวมไปถึงวิธีการหาจังหวะในการแชร์ไอเดียต่าง ๆ

1. เตรียมตัว

หากว่าคุณกำลังกังวลอยู่ การบันทึกการประชุมสามารถช่วยคุณได้ เพราะว่าการเตรียมตัวก่อนการประชุมในครั้งถัดไป จะช่วยให้คุณโฟกัสเรื่องที่ต้องการ discuss ได้ดีขึ้น และจะทำให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็น หรือการตอบคำถามต่าง ๆ ระหว่างที่มีการประชุม

2. เปลี่ยนความคิด หยุดปิดกั้นตัวเอง

สำหรับใครที่รู้สึกไม่สบายใจ อาจจจะรู้สึกว่าไม่มีส่วนร่วมในการประชุม เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งสำคัญจำไว้ว่าในการประชุมในแต่ละครั้งทุกคนที่ถูกเชิญนั้นคือคนสำคัญ แต่ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจุดประสงค์ หรือบทบาทในการประชุมของคุณคืออะไรให้ถามคนจัดประชุม หรือเพื่อนร่วมงานที่ต้องเข้าร่วมประชุมเดียวกัน จะทำให้คุณเห็นบทบาทที่ชัดเจนมากขึ้น

3. เตรียมคำถาม

การเปิดหัวด้วยคำถามในที่ประชุมเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเปิดรับความเห็นในที่ประชุม ซึ่งคุณเองก็สามารถเตรียมคำถามที่เกี่ยวข้องกับการประชุม โดยดูที่ Agenda ในการเตรียมคำถาม และบันทึกข้อมูลไว้ จะได้ไม่ลืมเมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้าประชุม

ข้อดีอีกอย่างสำหรับการตั้งคำถามคือ จะช่วยให้เพิ่มการมีส่วนร่วมในที่ประชุมตลอดทั้งการประชุม และยังทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมให้ความสนใจกับการตอบคำถามของคุณอีกด้วย

4. เชื่อในคำตอบของคุณ

จากนิตยสาร Forbes ค้นพบว่ากว่า 75% ของผู้หญิงในวัยทำงานนั้นมีความวิตกกังวลในงานที่ทำอยู่บางช่วง ดังนั้นจงคิดถึงเหตุผลของการประชุมให้ดี ว่าคุณเข้าเพื่ออะไร เพราะการที่คุณได้เข้าร่วมประชุมเจ้านาย หรือผู้จัดประชุมเขาเห็นคุณค่า และไว้วางใจให้คุณช่วยคิดไอเดียใหม่ ๆ ในหัวข้อนั้น ซึ่งถ้าหากว่าคุณเชื่อในคำตอบที่เตรียมมาด้วยความมั่นใจ จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ร่วมประชุมได้เป็นอย่างดี

5. เป็นผู้ฟังที่ดี

การเป็นผู้ฟังที่ดีจะทำให้คุณได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อในการประชุมได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาจจะสามารถเชื่อมต่อกับข้อมูล หรือคำตอบที่คุณเตรียมไว้ ทำให้สามารถพูดเสริมเพิ่มเติม ช่วยให้การประชุมดู smooth และมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น

6. ฝึก ฝึก และฝึก

ลองพูดสิ่งที่เตรียมมาหน้ากระจกดู สัก 5 นาทีทุกวันก่อนถึงวันประชุม จะช่วยบรรเทาอาการประหม่าในที่ประชุม จากนั้นลองสังเกตตัวเองดูในทุกวัน รับรองเลยว่าคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

จบไปแล้วสำหรับ 6 ขั้นตอนช่วยเพิ่มความมั่นใจในที่ประชุม หวังว่าทั้ง 6 ขั้นตอนนี้จะสามารถช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อย แต่ทั้งนี้ สไตล์การพูดในที่ประชุมของแต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันออกไป ดังนั้นลองนำ 6 ข้อที่ได้แนะนำไปปรับเป็นสไตล์ของตัวเองดู แล้วอย่าเพิ่งรู้สึกท้อแท้ โฟกัสที่ข้อมูลที่เตรียมมา จุดประสงค์ที่คุณได้เข้าประชุมในครั้งนี้ และลองเช็ค Feedback กับหัวหน้าดูว่าเป็นยังไงบ้าง จะได้ช่วยเพิ่มความมั่นใจ และความกล้าแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมได้ดียิ่งขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


กทม. ดึง AI พยากรณ์อากาศ แจ้งเตือนประชาชนแม่นยำล่วงหน้า 3 ชั่วโมง

กทม.ร่วม Weathernews Inc. ประเทศญี่ปุ่น เปิดใช้ระบบ AI Nowcast สำหรับการพยากรณ์ฝนล่วงหน้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แจ้งเตือนประชาชนแม่นยำล่วงหน้า 3 ชั่วโมง

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือ กทม. ร่วมหารือกับ Mr.Chihito Kusabiraki CEO จากบริษัท Weathernews Inc. ประเทศญี่ปุ่น ในการเปิดใช้ระบบ AI Nowcast สำหรับการพยากรณ์อากาศล่วงหน้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมี นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร นายสมบัติ วรสินวัฒนา รองผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ และผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ ร่วมหารือ ณ ห้องอัมรินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตพระนคร

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์   ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วม คือปัญหาสำคัญของกทม. ซึ่งหากสามารถพยากรณ์พื้นที่ที่จะเกิดฝนตกหนักได้ล่วงหน้าก็จะสามารถเตรียมตัวรับมือได้ดีขึ้น โดยปัจจุบันเรามีเทคโนโลยี AI และ Super computer และความร่วมมือกับ Weathernews Inc. ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 2566 ซึ่งเป็นองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีในการติดตามและพยากรณ์เรื่องของสภาพอากาศ ซึ่งปัจจุบันสามารถดำเนินการได้แล้ว โดยจะเป็นการพยากรณ์ วิเคราะห์สถานการณ์ผ่าน AI เพื่อเสริมสมรรถภาพของเรดาร์ กทม. เดิมที่มีอยู่ 2 จุด คือ สถานีเรดาร์หนองแขม และสถานีเรดาร์หนองจอก ให้สามารถพยากรณ์อากาศได้อย่างแม่นยำล่วงหน้า 3 ชม. ซึ่งจะทำให้ กทม. สามารถแจ้งเตือนภัย เตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อรับมือฝนตกหนักและน้ำท่วมได้ดียิ่งขึ้น และนี่คือความก้าวหน้าที่ดีของกรุงเทพมหานคร

โดยในขณะนี้ประชาชนสามารถ ทราบการพยากรณ์อากาศล่วงหน้า 3 ชม. ที่มีความแม่นยำ ผ่านทางเว็บไซต์

weathernews

และ อีกหนึ่งช่องทางของ weathernews 

สำหรับการใช้ AI พยากรณ์อากาศล่วงหน้าด้วยโครงการของ Weathernews Inc. จะเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม เฟซบุ๊ก โดย DDS จะใช้เนื้อหาที่จัดทำโดย Weathernews Inc. โพสต์ลงเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ที่ดำเนินการผ่าน DDS ของ Weathernews Inc. โดยจัดให้มีการเตือนล่วงหน้าเพื่อสามารถรับมือสถานการณ์ฝนตกหนัก และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ผ่านความร่วมมือกับสำนักการระบายน้ำ กทม.ให้มากที่สุดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน

ในส่วนของการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Weathernews Inc. จะสร้างและใช้งานเว็บไซต์สภาพอากาศแบบเรียลไทม์ 24/7 สำหรับ DDS ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงและดูเนื้อหาได้โดยตรงซึ่งจำเป็นต้องมีการสร้างระบบขึ้นเพื่อรับมือกับปริมาณผู้ใช้งานและการเข้าถึงในช่วงสภาพอากาศเลวร้าย ขณะนี้อยู่ระหว่างรองบประมาณเพื่อดำเนินการ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“น้ำอบ” กับ “น้ำปรุง” ต่างกันอย่างไร ใช้ทำอะไรบ้าง

ใกล้เทศกาลสงกรานต์ สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรานึกถึงนอกจากการเล่นสาดน้ำแล้วก็คงจะเป็นพวกเครื่องหอมของไทย โดยเฉพาะพวกน้ำอบไทย แต่ในบรรดาเครื่องหอมไทยสมัยโบราณนั้นยังมีน้ำปรุงอีกชนิดหนึ่ง จึงทำให้เกิดความสงสัยว่า “น้ำอบ” กับ “น้ำปรุง” แตกต่างกันอย่างไร แต่ละอย่างใช้ทำอะไรบ้าง

ความแตกต่างระหว่าง “น้ำอบ” กับ “น้ำปรุง”

น้ำอบคืออะไร

น้ำอบหรือ ไทยโคโลญจน์ เป็นเครื่องหอมไทยที่นิยมนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน หรือประเพณีต่างๆ ของไทย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ ใช้ผสมในน้ำเพื่อสรงน้ำพระ หรือรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ รวมทั้งยังสามารถใช้ผสมน้ำเพื่ออาบน้ำคลายร้อนได้อีกด้วย น้ำอบมีกลิ่นหอมบางๆ การติดทนมีน้อยจึงเรียกว่าเป็นเกรดความหอมแบบโคโลญจน์ นอกจากนี้น้ำอบนั้นยังถือเป็นเครื่องสำอางที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ประพรมร่างกายเพิ่มความเย็น สดชื่น

ส่วนประกอบของน้ำอบนั้นมีส่วนผสมของสมุนไพรไทย แป้งหิน พิมเสนซึ่งช่วยให้เกิดความเย็นสบาย

น้ำปรุงคืออะไร

น้ำปรุงเป็นเครื่องหอมที่สกัดจากใบไม้ ปรุงกลิ่นด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด ส่งกลิ่นหอมละเมียดละไม การใช้งานของน้ำปรุงเทียบได้กับการใช้น้ำหอม ความติดทนจึงอยู่ในระดับน้ำหอม หรือเพอร์ฟูมซึ่งก็คือประมาณ 6 ชั่วโมง แต่สามารถติดทนกว่านั้นโดยขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและอุณหภูมิ น้ำปรุงถือเป็นเครื่องหอมชั้นสูงของไทยเหมาะสำหรับใช้ในงานมงคล ใช้ถวายพระ สรงน้ำพระ หรือใช้ในพิธีกรรมต่างๆ

ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่าน้ำอบนั้นมีแป้งเป็นส่วนประกอบและให้ความหอมในระดับที่น้อยกว่าน้ำปรุง ส่วนน้ำปรุงนั้นเป็นเครื่องหอมที่ใช้ดอกไม้มาปรุงกลิ่น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 15/03/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a36,550.0036,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,368.0035,898.8837,150.00
ทองรูปพรรณ 90%2,131.2032,308.99n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,894.4028,719.10n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,066.0016,160.56n/a
ทองรูปพรรณ 40%829.0012,567.64n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,454.0037,202.64n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 15/03/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9537.8537.8538.3537.8537.8537.8537.8537.8537.8537.85
แก๊สโซฮอล์ 9136.3836.3836.8836.3836.3836.3836.3836.3836.3836.38
แก๊สโซฮอล์ E2035.7435.7436.2835.7435.7435.7435.7435.7435.74
แก๊สโซฮอล์ E8535.4935.4935.49
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม45.5449.4449.4449.4445.54
เบนซิน 9545.7446.9146.2445.8945.74
ดีเซล B729.9429.9430.4429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5443.6444.8443.6443.6441.54
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า