สาระน่ารู้ประจำวันที่ 20 มีนาคม 2567

‘วันแบงค็อก’ดีเดย์เฟสแรกต.ค.ดึงคิงเพาเวอร์แม่เหล็ก‘ดิวตี้ฟรี’

ทายาทเจ้าสัวเจริญ “ปณต สิริวัฒนภักดี” ซอฟต์โอเพนนิ่งอภิมหาโปรเจกต์ 1.2 แสนล้าน “วัน แบงค็อก” เขย่าคู่แข่งใจกลางกรุงเทพฯ เปิดเฟสแรกศูนย์การค้า ต.ค.นี้ ดึงพันธมิตร คิง เพาเวอร์ ผุดดิวตี้ฟรี คอนเซปต์ “ซิตี้ บูติค” ปักหมุดแลนด์มาร์คระดับโลก มั่นใจดึงทราฟฟิก 90 ล้านคนต่อปี

“วัน แบงค็อก” อภิมหาโปรเจกต์มิกซ์ยูสภายใต้ตระกูลสิริวัฒนภักดี บนพื้นที่ 108 ไร่หัวมุมถนนวิทยุตัดถนนพระราม 4 ตรงข้ามสวนลุมพินี มูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านบาท มีทั้งสำนักงานและศูนย์การค้า โรงแรม ศูนย์แสดงนิทรรศการและจัดกิจกรรมระดับโลก แหล่งรวมศิลปวัฒนธรรม เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ธุรกิจในเครือของกลุ่มเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี

นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด กล่าวว่า โครงการวัน แบงค็อก นับเป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบเพื่อความยั่งยืน เป็น  “The Heart of Bangkok” หรือ เมืองกลางใจผู้คน เป็นเมืองที่ทุกคนหลงรัก จากการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในโครงการเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ และมอบประสบการณ์ใหม่ของการใช้ชีวิต สร้างแรงบันดาลใจด้วยงานศิลปะ และวัฒนธรรม ยกระดับคุณภาพชีวิตและพัฒนาเมืองให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์ หมุดหมายสำคัญสำหรับนักธุรกิจ นักลงทุน และนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก

“เราดึงประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญในโลกเข้ามาพัฒนาโครงการวัน แบงค็อก เสมือนการพัฒนาเมืองต้นแบบในกรุงเทพฯ พร้อมปักหมุดเเป็นแลนด์มาร์คระดับโลก”

ทั้งนี้ ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างอสังหาฯ ที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานในภูมิภาคนี้ ซึ่งมูลค่าอสังหาฯ ประเทศไทยยังสามารถเติบโตได้อีกมากเมื่อเทียบกับสิงคโปร์ ต่อตารางเมตรคุณภาพมากกว่า 10 เท่า แต่ศักยภาพของการหารายได้สูงกว่าเพียงแค่ 4 เท่า ฉะนั้นสะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้อีกมากจากนโยบายต่างๆ ของภาครัฐที่สนับสนุนให้บริษัทต่างชาติเข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย มีส่วนช่วยตลาดอาคารสำนักงานที่มีความท้าทายจากภาวะโอเวอร์ซัพพลาย หรือการปล่อยพื้นที่เช่า

“10 ปีที่ผ่านมาผมลงทุนในโครงการอาคารสำนักงานในโลเคชั่นที่ไม่มีวันเกิดขึ้นมาใหม่ เป็นโลเคชั่นที่อยู่ในเส้นทางคมนาคมสาธารณะไม่ว่าจะเป็นบีทีเอส หรือเอ็มอาร์ที”

โครงข่ายเดินทางหนุนเมืองเติบโต

สำหรับ วัน แบงค็อก อยู่ติดกับโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ถือเป็นเรื่องที่พิเศษ (Unique) เพราะรถไฟฟ้าใต้ดินเป็นศูนย์กลางเชื่อมการเดินทางในกรุงเทพฯ 

“ประชากรที่อยู่ในสายอื่นๆ อาจมีข้อจำกัดในการเติบโต แต่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เป็นสายที่รองรับการเติบโตของการคมนาคมของคนเมืองและกรุงเทพฯ”

นอกจากนี้ ยังมีความพิเศษ กล่าวคือ กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ทุกคนต้องการที่เข้ามาในเมือง การพัฒนาโครงการที่เปิดโล่งสามารถรองรับคนที่ต้องการเข้ามาสันทนาการกลางเมือง เชื่อว่า โครงการวัน แบงค็อก จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และการพัฒนาอสังหาฯในประเทศไทย

“วันนี้เราประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งในการนำบริษัทใหม่ๆ เข้ามาจัดตั้งสำนักงานที่นี่ โดยการย้าย หรือขยาย วัน แบงค็อก สามารถตอบโจทย์ผู้เช่าเหล่านั้น”

ชูความแตกต่างหนุนค้าปลีกแกร่ง

นายปณต กล่าวว่า แม้ปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกมีการแข่งขันดุเดือดมาก แต่มั่นใจว่ารีเทลของ วัน แบงค็อก จะสามารถแข่งขันได้ จากความเป็นพื้นที่รีเทลใหม่ในกรุงเทพฯ มีความแตกต่างและศักยภาพ เป็นการสร้างจุดเด่นใหม่ให้กับกรุงเทพฯ ด้วยการครีเอทไปกับพื้นที่สีเขียวและกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นมากมาย นอกเหนือไปจากการชอปปิง

อีกปัจจัยหนึ่ง คือด้วยขนาดของ โครงการวัน แบงค็อก สามารถดึงร้านค้าในลักษณะการผสมผสานกับความหลากหลาย เข้ามาสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า โดยร้านค้าเข้ามาสร้างคอนเซปต์ใหม่ที่ไม่เคยสร้างที่ไหนมาก่อน หรือการขยายเซ็กเมนต์ใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อนมาสร้างเป็นที่แรก 

เปิดเฟสแรกศูนย์การค้า 2 โซน ต.ค.นี้

นางสาวพลินี คงชาญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายรีเทล วัน แบงค็อก กล่าวว่า วัน แบงค็อก รีเทล มีพื้นที่เช่ารวมกว่า 160,000 ตร.ม. พัฒนา 3 โซน 3 สไตล์ ประกอบด้วย

โซนแรก Parade คอนเซปต์ “A World of Choice Without Limits” พื้นที่เช่า 85,000 ตร.ม. จำนวน 9 ชั้น รวมมิตร Shop-Play-Work-Eat รวมร้านค้าแบรนด์ดังในไทย ซูเปอร์มาร์เก็ตจำหน่ายสินค้าจากทั่วทุกมุมโลกและไม่เคยมีมาก่อนในไทย รวมทั้งมีดิวตี้ฟรีคอนเซปต์จำหน่ายสินค้าปลอดภาษีครั้งแรกในศูนย์การค้ากลางใจเมืองกับ “คิง เพาเวอร์” ในรูปแบบใหม่ ซิตี้ บูติค ที่ไม่เคยมีมาก่อน ขนาดพื้นที่ประมาณ 5,000 ตร.ม. พร้อมร้านหนังสือขนาดใหญ่

โซนที่สอง THE STOREYS คอนเซปต์ “Tell Your Own Story at THE STOREYS” แพลตฟอร์มแห่งความคิดสร้างสรรค์ จุดบรรจบของเทรนด์โลกใหม่ๆ พื้นที่เช่ารวม 5 ชั้น 35,000 ตร.ม. โดยดึงร้านค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ที่มีเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจ ผสานกลิ่นอายวัฒนธรรมท้องถิ่นร่วมสมัย และคอนเซปต์สโตร์สุดฮิป นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร บาร์แอนด์บิสโทร และแหล่งแฮงเอ้าท์ยามค่ำคืน

โซนที่สาม POST 1928 คอนเซปต์ “Go Beyond Luxury” ก้าวข้ามนิยามความเป็นลักชัวรีไปอีกขั้นด้วยพื้นที่ชอปปิงรูปแบบใหม่ มีพื้นที่เช่า 5 ชั้น 40,000 ตร.ม. อีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าสนใจ คือ Retail Loop การรวมพื้นที่ชอปปิงขนาดใหญ่มากกว่า 900 ร้านค้า เชื่อมทุกส่วน Food Loop ส่วนร้านอาหารยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร จาก 250 ร้านค้า Art Loop สร้างแรงบันดาลใจผ่านการเสพงานศิลป์ มีศูนย์รวมงานศิลปะและวัฒนธรรมระดับโลกโดยรอบโครงการกว่า 2 กิโลเมตร โซนนี้วางแผนเปิดในปี 2568 และในพื้นที่รีเทลจะดึงแบรนด์ใหม่เข้ามาเปิดประมาณ 20%

นอกจากนี้ยังเตรียมทำถนนชอปปิง (Shopping Street) แห่งแรกในกรุงเทพฯ ที่รวบรวมร้านค้าแฟลกชิปสโตร์แบรนด์ดังระดับโลก ในรูปแบบสแตนอะโลน 2 ฝั่งถนน ตั้งแต่ซูเปอร์แบรนด์แฟชั่น วอช แอนด์ จิวเวลรี่ และสตรีทแวร์พรีเมียม

โดย 2 โซนคือ Parade และ THE STOREYS กำหนดเปิดให้บริการเดือน ต.ค.นี้ ส่วน POST 1928 เปิดให้บริการปี 2568 คาดมีจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการรวมไม่ต่ำกว่า 90 ล้านคนต่อปี เป็นคนไทยและกลุ่มเอ็กซ์แพต (Expat) 60% นักท่องเที่ยว 40%

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


รังวัดที่ดิน จ่ายมัดจำค่ารังวัด ที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องไปสำนักงาน กรมที่ดิน

รังวัดที่ดิน เพื่อสอบเขต รวมโฉนดที่ดิน แบ่งแยกโฉนดที่ดิน สำหรับเจ้าของที่ดิน หรือผู้ซื้อ ผู้ขายที่ดิน สามารถจ่ายมัดจำค่ารังวัด ที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องเดินทางไปถึงสำนักงานที่ดิน กรมที่ดินแล้ว

ในการขอออกโฉนดที่ดิน  สอบเขตที่ดิน เพื่อแบ่งแยกหรือรวมโฉนดที่ดิน ย่อมต้องมีขั้นตอนของการรังวัดที่ดิน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญ ในการตรวจสอบว่าขนาดของที่ดินถูกต้องตรงตามสิทธิ์หรือไม่ โดยการังวัดที่ดินนั้นเป็นการป้องกันการเสียกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เนื่องจากโดนแย่งกรรมสิทธิ์จากการรุกล้ำที่ดินโดยบุคคลอื่น ,ป้องกันการถูกรอนสิทธิ์ในที่ดิน ,ป้องกันการเหลื่อมล้ำจากเส้นทางสาธารณประโยชน์อื่นๆ เข้ามาในที่ดินซึ่งมีเจ้าของกรรมสิทธิ์  

นอกจากนี้ การรังวัดที่ดิน ยังมีประโยชน์ในการรับรู้ถึงแนวเขตการครอบครองที่เปลี่ยนไปใหม่ แก้ปัญหาการทับซ้อนของเขตจากที่ดิน นส.3 ก หรือ โฉนดตราครุฑสีเขียว เพื่อให้ทราบขนาดที่ดินที่ชัดเจน ซึ่งหากตรวจสอบจนชัดเจนแล้วจะสามารถเปลี่ยนเป็นโฉนด นส.4 ที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินได้

สำหรับการยื่นขอรังวัดที่ดินนั้น จะเกิดขึ้นใน 3 กรณี คือ 

  • กรณีเจ้าของที่ดิน ต้องการวมโฉนดที่ดินแปลงอื่นซึ่งมีพื้นที่ติดกัน เข้าเป็นโฉนดเดียวกัน 
  • กรณีเจ้าของที่ดิน ต้องการแบ่งที่ดินผืนใหญ่แปลงย่อยๆ และต้องการโฉนดของแต่ละแปลง
  • กรณีเจ้าของที่ดิน ต้องการตรวจสอบเนื้อที่ทั้งหมดของพื้นที่จริง ว่าตรงกันกับในโฉนดหรือไม่ รวมถึงกรณีหมุกเขตที่ดินสูญหายด้วย

การยื่นคำขอรังวัดที่ดิน

  • กรณีถือเอกสารเป็น โฉนดที่ดิน ให้ติดต่อที่สำนักงานที่ดินจังหวัด หรือสำนักงานที่ดินจังหวัดสาขา ที่ที่ดินนั้น ตั้งอยู่
  • กรณีถือเอกสารเป็น หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ให้ติดต่อที่สำนักงานที่ดินอำเภอที่ที่ดินนั้นตั้งอยู่ เว้นแต่ ได้มีการยกเลิกอำนาจนายอำเภอ ให้ติดต่อที่สำนักงานที่ดินจังหวัด หรือสำนักงานที่ดินจังหวัดสาขา ที่ที่ดินนั้นตั้งอยู่

สิ่งที่เจ้าของที่ดินควรทราบก่อนขอรังวัดที่ดิน

  1. ที่ดินที่ครอบครองอยู่มีหลักฐานอะไร ให้นำหลักฐานที่มีไปประกอบการยื่นคำขอ รังวัดที่ดิน
  2. ที่ดินตั้งอยู่ หมู่ที่เท่าใด ตำบล อำเภอ อะไร
  3. เจ้าของที่ดินข้างเคียงเป็นผู้ใดบ้าง ติดที่สาธารณประโยชน์หรือไม่
  4. สภาพที่ดินเป็นอย่างไร เช่น ที่นา ที่สวน ที่ไร่ ที่อยู่อาศัย

ขั้นตอนการรังวัดที่ดิน

  1. รับบัตรคิวจากประชาสัมพันธ์
  2. รับคำขอสอบสวน ชำระเงินค่าธรรมเนียมคำขอ
  3. ส่งฝ่ายรังวัดดำเนินการ นัดวันทำการรังวัด กำหนดตัวช่างรังวัด กำหนดเงินมัดจำรังวัด
  4. ค้นหารายชื่อเจ้าของที่ดินข้างเคียง และพิมพ์หนังสือแจ้งข้างเคียง
  5. รับหนังสือแจ้งข้างเคียง วางเงินมัดจำรังวัด รับหลักเขตที่ดิน
  6. ช่างรังวัดออกไปทำการรังวัดตามวันที่กำหนดไว้
  7. คำนวณเนื้อที่ และเขียนรูปแผนที่ในโฉนดที่ดิน
  8. ส่งเรื่องรังวัดคืนฝ่ายทะเบียน เรียกผู้ขอมาจดทะเบียน
  9. สอบสวนจดทะเบียนแบ่งแยก
  10. ตรวจอายัด
  11. ชำระเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน และค่าโฉนด
  12. แก้รายการทะเบียน และจดทะเบียนแบ่งแยก
  13. สร้างโฉนดที่ดินแปลงแบ่งแยก
  14. เสนอเจ้าพนักงานที่ดินลงนามและประทับตรา
  15. แจกโฉนดที่ดินแปลงแบ่งแยก

สำหรับขั้นตอนการวางเงินมัดจำรังวัด ปัจจุบันประชาชนสามารถชำระเงินค่ามัดจำรังวัด ได้หลากหลายช่องทาง โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่สำนักงานที่ดินอีกครั้ง ซึ่งหลังจากสำนักงานที่ดินออกใบแจ้งการชำระเงิน (Bill Payment) ให้ผู้ขอรังวัด

ให้ผู้ขอชำระเงินค่ามัดจำรังวัดก่อนวันรังวัด 15 วัน ผ่านช่องทางต่าง ๆได้แก่ Mobile Banking ,Internet Banking ,ATM ,บัตรเดบิต ,บัตรเครดิต ,เคาน์เตอร์ธนาคาร หรือเคาน์เตอร์เซอร์วิส ได้ทุกที่ทุกเวลา และนอกจากนี้ตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน  หรือพิสูจน์สอบสวน หรือตรวจสอบเนื้อที่ เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ผ่านระบบสืบค้นค่าใช้จ่ายของกรมที่ดินผ่านทางเว็บไซต์ได้อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 20มี.ค. “ทรงตัว”ที่ระดับ 36.09 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ สำหรับวันนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจจะอยู่ที่ฝั่งยุโรป และไฮไลท์สำคัญตลาดจะทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด ในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ ราว 1.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้  20มี.ค.2567ที่ระดับ  36.09 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า การอ่อนค่าลงทะลุโซนแนวต้านสำคัญ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ จะเปิดทางให้ เงินบาทสามารถผันผวนอ่อนค่าลงต่อทดสอบโซนแนวต้านถัดไป 36.20 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก

ถ้าหากเงินบาททะลุโซนแนวต้านดังกล่าวได้จริง ก็จะยิ่งทำให้เงินบาทอ่อนค่าไปสู่โซน 36.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้ (ในเชิงเทคนิคัล ภาพดังกล่าว คือ การอ่อนค่าทะลุ Triple Tops) ซึ่งปัจจัยที่จะส่งผลกดดันต่อเงินบาท รวมถึงทุกสินทรัพย์ในตลาดการเงิน คือ ผลการประชุม FOMC ของเฟด โดยเฉพาะในประเด็น Dot Plot ใหม่

โดยเราประเมินว่า Dot Plot ใหม่จะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งจะยังคงสะท้อนว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยราว 3 ครั้งในปีนี้ และ 4 ครั้งในปีหน้า เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นมีการชะลอตัวลงมากขึ้น

โดยเฉพาะในส่วนการจ้างงานและการบริโภคครัวเรือน แม้ว่าอัตราเงินเฟ้ออาจชะลอตัวลงช้าบ้างก็ตาม โดยหาก Dot Plot ใหม่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง เราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดอาจมีการ “Sell on Fact” ขายทำกำไรสถานะ Long USD หรือ ฝั่ง Short UST ออกมาบ้าง

ทำให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจย่อลงเล็กน้อย และช่วยหนุนทั้งราคาทองคำ รวมถึงเงินบาทให้รีบาวด์ขึ้นบ้าง ที่น่าสนใจ คือ เงินเยนญี่ปุ่นที่ผันผวนอ่อนค่าลงมากกว่าที่เราประเมินไว้มาก ก็อาจพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ โดยเฉพาะหากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงได้จริง

ในทางกลับกัน เรายอมรับว่า การเปลี่ยนแปลง Dot Plot ก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก เพราะอาศัยแค่บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดเพียง 2 เสียง ที่มองเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง หรือน้อยกว่า ในการที่จะทำให้ Median ของ Dot Plot ในปีนี้ สะท้อนว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยน้อยกว่า 2 ครั้ง ซึ่งหาก Dot Plot ใหม่สะท้อนว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยน้อยกว่า 3 ครั้งจริง

เราคาดว่า ตลาดการเงินจะผันผวนสูงขึ้นตามความกังวลแนวโน้มเฟดไม่รีบลดดอกเบี้ย หรือ ธีม “Higher for Longer” จะกลับมากดดันตลาด ทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้พอสมควร กดดันให้ เงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุแนวต้านที่เราประเมินไว้ได้เช่นกัน

ทั้งนี้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นมากน้อยเพียงใด จะขึ้นกับคาดการณ์ของเฟด ว่าจะลดดอกเบี้ยกี่ครั้ง หรือ ไม่ลดดอกเบี้ยเลย (เงินดอลลาร์แข็งค่ามากสุด และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นได้สูงสุด ในกรณีนี้)

ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ หลังล่าสุดนักลงทุนต่างชาติกลับมาเทขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนบอนด์ไทย ทั้งบอนด์ระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง

เรายังขอเน้นย้ำว่า ในช่วงนี้ ความผันผวนของเงินบาทนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย

อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.00-36.15 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด

และประเมินกรอบเงินบาท 35.85-36.35 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 36.04-36.10 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์และการรีบาวด์เล็กน้อยของราคาทองคำ

นอกจากนี้ การอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านสำคัญ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วน อาทิ ฝั่งผู้ส่งออกมีการทยอยขายเงินดอลลาร์บ้าง หรือผู้เล่นที่มีสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า)

ตั้งแต่การกลับตัวจากโซน 35.30 บาทต่อดอลลาร์ ก็อาจทยอยขายทำกำไรก่อนรับรู้ผลการประชุม FOMC ทำให้การอ่อนค่าของเงินบาทนั้นชะลอลง อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าทะลุเหนือโซนแนวต้าน จะเปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถอ่อนค่าต่อทดสอบโซนแนวต้านถัดไป 36.20 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นใน ธีม AI โดยเฉพาะ Nvidia +1.1% ที่ได้อานิสงส์จากการเปิดตัวชิป AI รุ่นใหม่ที่ทรงพลัง ในงาน “NVidia GTC 2024” นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบในช่วงนี้ ยังช่วยหนุนให้บรรดาหุ้นพลังงานปรับตัวขึ้น อาทิ Exxon Mobil +0.7% ส่งผลให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.56%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมารีบาวด์ขึ้น +0.26% หนุนโดยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีและยูโรโซน (ZEW Economic Sentiment) ที่ปรับตัวดีขึ้นกว่าคาด

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของบรรดาหุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ Total Energies +2.7% ทว่าตลาดหุ้นยุโรปก็ถูกกดดันอยู่บ้าง จากการปรับตัวลงของบรรดาหุ้นกลุ่ม Healthcare อย่าง Novo Nordisk -1.9% 

ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 4.30% โดยผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุมเฟดที่จะรับรู้ในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ นี้ โดยปัจจัยที่จะมีผลต่อทิศทางของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

คือ คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจและคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ใหม่ของเฟด ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่า Dot Plot ใหม่ของเฟด อาจชี้ว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่า 3 ครั้ง ที่เคยประเมินไว้

โดยเรามองว่า ในกรณีดังกล่าว หากเกิดขึ้น ก็อาจทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ผันผวนสูงขึ้นได้และมีโอกาสทดสอบโซน 4.50% ในระยะสั้น แต่เราคงมุมมองเดิมว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อ Buy on Dip บอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ จาก Risk-Reward ที่ยังมีความน่าสนใจของการถือบอนด์ระยะยาว ในจังหวะดอกเบี้ยขาลง

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ย่อตัวลงเล็กน้อย ตามการย่อตัวลงบ้างของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนเลือกที่จะลดสถานะ Long USD และขายทำกำไรสถานะดังกล่าว ก่อนรับรู้การประชุมเฟด ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 103.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.8-103.4 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าผู้เล่นในตลาดต่างยังคงกังวลต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ทว่าจังหวะการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังพอช่วยให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) สามารถรีบาวด์ขึ้นใกล้โซน 2,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเดินหน้าซื้อทองคำเพิ่มเติม เพื่อรอลุ้นผลการประชุมเฟด

สำหรับวันนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจจะอยู่ที่ฝั่งยุโรป โดยผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ของอังกฤษ ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งจะส่งผลต่อการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ได้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)

ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ การประชุม FOMC ของเฟด ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะทยอยรับรู้ในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ ราว 1.00 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยเราประเมินว่า เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25%-5.50% ตามที่ตลาดคาดหวังไว้ ทว่าประเด็นสำคัญจะอยู่ที่ คาดการณ์เศรษฐกิจและคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ใหม่ ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรระมัดระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.05-36.07 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.50 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.09 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดย เงินบาทยังอาจเคลื่อนไหวในฝั่งที่อ่อนค่ากว่าแนว 36.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ สอดคล้องกับทิศทางสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย และสัญญาณที่สะท้อนว่า นักลงทุนต่างชาติน่าจะยังคงขายสุทธิพันธบัตรไทยต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดรอติดตามสัญญาณจากผลการประชุมเฟดในคืนนี้อย่างใกล้ชิด

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.97-36.17 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติ การประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ของจีน รวมถึงผลการประชุม ตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ปรับทบทวนใหม่ และ dot plot ของเฟด 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“มาริน” ตบผงาดแชมป์แบดมินตันออล อิงแลนด์ในรอบ 9 ปี

คาโรลิน่า มาริน มือ 5 ของโลกจากสเปน ออกแรงแบบไม่เสียเหงื่อมากนัก หลัง อากาเนะ ยามากูชิ มือ 4 ของโลกจากญี่ปุ่น ได้รับบาดเจ็บในช่วงครึ่งเกมที่สอง คว้าแชมป์แบดมินตันออล อิงแลนด์ ไปครองได้ในรอบ 9 ปีได้สำเร็จ ส่วน โจนาธาน คริสตี้ มือ 9 ของโลก สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ชายเดี่ยวออล อิงแลนด์ได้นรอบ 30 ปีได้สำเร็จ

การแข่งขันแบดมินตันรายการใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง โยเน็กซ์ ออล อิงแลนด์ โอเพ่น 2024 ทัวร์นาเมนต์ระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ชิงเงินรางวัลรวม 1,300,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 46,150,000 บาท ที่ยูทิลิต้า อารีน่า เบอร์มิงแฮม เมืองประเทศอังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 มี.ค.67 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ  นับเป็นการเฉลิมฉลองครบ 125 ปี ของการแข่งขันรายการนี้ด้วยที่จัดแข่งมาตั้งแต่ปี 1899 และเป็นรายการสำคัญในการเก็บคะแนนไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส อีกด้วย

ไฮไลท์อยู่ที่ประเภทหญิงเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ คาโรลิน่า มาริน มืออันดับ 5 ของโลกจากสเปน พบกับ อากาเนะ ยามากูชิ มืออันดับ 4 ของโลกจากสเปน   แมตช์นี้ ในเกมแรกสู้กันอย่างสนุก ผลัดกันทำแต้มโดยตลอด แต่เป็นคาโรลิน่า มาริน ที่ฉวยโอกาสได้อย่างเฉียบขาดเอาชนะไปได้ก่อนที่ 26-24

จากเกมสอง มาริน ลงมาเปิดเกมบุกใส่อากาเนะเป็นชุดใหญ่ นำห่างถึง 11-1 แต่แล้ว อากาเนะ ยามากูชิ ได้รับบาดเจ็บในช่วงพักครึ่งเกมที่สอง จนไม่สามารถแข่งต่อได้ 

ส่งให้คาโรลิน่า มาริน คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองเป็นสมัยที่ 2 ในรอบ 9 ปี  ได้สำเร็จ ก่อนหน้านี้มาริน เคยคว้าแชมป์มาแล้วในปี 2015  พร้อมรับเงินรางวัล 91,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,276,000 บาท ส่วนอากาเนะ ยามากูชิ รองแชมป์รับเงินรางวัล 44,200 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,591,200 บาท 

ด้านประเภทชายเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ เป็นการเจอกันระหว่าง 2 นักแบดมินตันจากอินโดนีเซีย โจนาธาน คริสตี้ มืออันดับ 9 ของโลก พบกับ แอนโทนี่ ซินนิซุกะ กินติ้ง มืออันดับ 5 ของโลกจากอินโดนีเซีย 

เกมนี้ คริสตี้ เป็นฝ่ายที่เล่นได้เหนือกว่าชัดเจนเอาชนะไปได้ 2-0 เกม 21-15 และ  21-14   โจนาธาน คริสตี้ คว้าแชมป์ในศึกออล อิงแลนด์ ไปครองได้เป็นครั้งแรก และเป็นการคว้าแชมป์ในระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ได้เป็นรายการแรก นอกกจากนี้เป็นนักแบดมินตันจากอินโดนีเซียในรอบ 30 ปี ที่คว้าแชมป์ชายเดี่ยวออล อิงแลนด์ ต่อจาก ฮาริยานโต้ อาบรี้ ในปี 1994 

ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่นๆที่น่าสนใจ ประเภทหญิงคู่ เบ็ค ฮานา กับ ลี โซฮี คู่มืออันดับ 2 ของโลกจากเกาหลีใต้ ชนะ นามิ มัตสึยามะ กับ ชิฮารุ ชิดะ คู่มืออันดับ 5 ของโลกจากญี่ปุ่น 2-1 เกม 21-19,11-21,21-17 

ประเภทคู่ผสม เจิ้ง ซีเว่ย กับ หวง ย่าเฉียง คู่มืออันดับ 1 ของโลกจากจีน ชนะ ยูตะ วาตานาเบ้ กับ อลิสะ ฮิกาชิโนะ คู่มืออันดับ 2 ของโลกจากญี่ปุ่น 2-0 เกม 21-16,21-11 

ประเภทชายคู่ ฟาจาร์ อัลเฟียน กับ มูฮัมหมัด ไรอัน อาเดรียนโต คู่มืออันดับ 7 ของโลกจากอินโดนีเซีย ชนะ อารอน เชี๊ยะ กับ โซว วุยอิค คู่มืออันดับ 5 ของโลกจากมาเลเซีย 2-0 เกม 21-16,21-16 

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


6 สัญญาณเตือนบอกว่าร่างกายกำลังหยุดสร้างคอลลาเจน

อาการปวดเข่าหรือผิวเหี่ยวย่น มักเป็นสัญญาณที่สาวๆ เริ่มสงสัยกันแล้วว่าร่างกายกำลังอยู่ในช่วงของการหยุดสร้างคอลลาเจน ซึ่งแน่นอนว่าอาการทั้งสองนี้คืออาการที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายเริ่มมีปริมาณคอลลาเจนต่ำ ซึ่งสัญญาณเตือนที่บอกว่าร่างกายกำลังหยุดสร้างคอลลาเจนนั้นมีอยู่มากมาย โดยวันนี้เราได้รวมเอา 6 สัญญาณเตือนที่ร่างกายกำลังหยุดสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นสัญญาณที่สาวๆ สามารถสังเกตได้มีดังนี้

6 สัญญาณเตือนร่างกายหยุดสร้างคอลลาเจน

1.กล้ามเนื้อฟื้นตัวช้า

สำหรับสาวๆ ที่เป็นคนชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นประจำ แน่นอนว่าจะต้องคุ้นเคยกับอาการปวดเมื่อยเป็นอย่างดี โดยอาการปวดเมื่อยจะมาพร้อมกับการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อ และสิ่งที่คอยทำหน้าที่ซ่อมแซมกล้ามเนื้อพร้อมทั้งช่วยทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นก็คือคอลลาเจนนั่นเอง ดังนั้นหากร่างกายขาดคอลลาเจนก็จะส่งผลให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้ช้า อีกทั้งยังมีโอกาสทำให้สาวๆ สูญเสียมวลกล้ามเนื้ออีกด้วย

2.ปวดตามข้อ

อาการปวดตามข้อก็เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนบอกว่าร่างกายกำลังหยุดสร้างคอลลาเจน เนื่องจากกระดูกในข้อต่อจะถูกสร้างขึ้นใหม่หรือทำการซ่อมแซมโดยใช้คอลลาเจนด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นหากคอลลาเจนในร่างกายมีไม่เพียงพอก็จะทำให้เกิดอาการไม่สบายที่บริเวณข้อต่อ และนั่นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดข้ออย่างที่เป็นกันอยู่บ่อยๆ

3.อาการบาดเจ็บฟื้นตัวช้า

เมื่อใดที่ร่างกายเกิดอาการบาดเจ็บในช่วงที่ร่างกายหยุดสร้างคอลลาเจน ย่อมทำให้อาการบาดเจ็บฟื้นตัวช้า เพราะโดยปกติแล้วร่างกายจะผลิตคอลลาเจนในบริเวณที่ได้รับผลกระทบเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย ดังนั้นถ้าสาวๆ สังเกตเห็นว่าอาการบาดเจ็บต้องใช้เวลารักษานานกว่าปกติ นั่นอาจเป็นไปได้ว่าร่างกายกำลังขาดคอลลาเจน

4.เกิดริ้วรอย

ปัญหาริ้วรอยที่เกิดขึ้น สาวๆ มักจะรู้ดีว่าร่างกายกำลังอยู่ในช่วงที่การผลิตคอลลาเจนนั้นไม่เพียงพอ โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย เป็นเพราะ 70-80% ของผิวนั้นประกอบไปด้วยคอลลาเจน ดังนั้นถ้าร่างกายขาดคอลลาเจนก็จะทำให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ช้า เพราะโดยปกติแล้วคอลลาเจนจะทำการผลิตขึ้นมาโดยจะเน้นที่การรักษาบาดแผล และช่วยรักษาอวัยวะที่สำคัญในร่างกายมากกว่านั่นเอง

5.เส้นผมลีบแบน

เนื่องจากคอลลาเจนจะอาศัยอยู่ในรูขุมขน และคอยทำหน้าที่มอบสารอาหารที่จำเป็นแก่เส้นผม ดังนั้นถ้าร่างกายหยุดสร้างคอลลาเจนก็จะทำให้เส้นผมเกิดใหม่ได้ช้าลง จึงส่งผลให้เส้นผมลีบแบนและดูบาง อีกทั้งยังทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งก็จะทำให้เส้นผมแห้งกร้าน ไม่นุ่มลื่น และไม่เงางามอย่างเป็นธรรมชาติ

6.ระบบทางเดินอาหารมีปัญหา

คอลลาเจนไม่เพียงแต่มีความสำคัญต่อผิว ข้อต่อ หรือเส้นผมเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทที่สำคัญในการซ่อมแซมผนังลำไส้อีกด้วย ดังนั้นถ้าคอลลาเจนในร่างกายมีไม่เพียงพอ ก็จะทำให้การซ่อมแซ่มและการสร้างเนื้อเยื่อที่เสียหายเกิดขึ้นได้ช้าลง

สำหรับสาวๆ ที่สงสัยถึงอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นว่ามีสาเหตุมาจากอะไร ให้สังเกตถึงอาการที่เกิดขึ้นให้ดีๆ โดยเฉพาะอาการทั้ง 6 ชนิดที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้สูงมากจากการที่ร่างกายกำลังหยุดสร้างคอลลาเจน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์มากขึ้น ด้วยการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์

คุณมีปัญหากับการจัดเวลาเรียนภาษาอังกฤษใช่ไหม คุณมักจะพลาดคอร์สเรียนต่างๆ เพราะเวลาไม่ลงตัวหรือเปล่า

การที่คุณต้องจัดเวลาตัวเองเข้ากับตารางเรียน หรือคอร์สเรียนนั้น เป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้คุณไม่ได้เริ่มเรียนภาษาอังกฤษสักที แล้วถ้าหากเป็นตารางเรียนที่มีความยืดหยุ่นตามเวลาว่างของคุณได้ แล้วยังสามารถเรียนผ่านออนไลน์ได้ทั้งหมดล่ะ อ่านต่อเพิ่มเติมด้านล่างได้เลย

ตารางเรียนที่ยืดหยุ่นได้ตามความต้องการ

สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว การที่จะเจาะจงวันและเวลาในการเรียน สำหรับคอร์สเรียนยาวๆถึง 2-3 เดือนนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ที่วอลสตรีทอิงลิช คุณไม่จำเป็นต้องกังวล ในแต่ละคลาสนั้น คุณไม่จำเป็นต้องเรียนวันเดิม เวลาเดิม คุณสามารถเลือกได้หลากหลาย เช่น คุณอาจจะเลือกลงเรียนคลาสวันจันทร์ช่วงเช้า คลาสถัดไปคุณอาจจะลงเรียนวันศุกร์ช่วงบ่ายได้

คลาสเรียนผ่านออนไลน์ทั้งหมด 100%

นอกเหนือจากตารางเรียนที่ยืดหยุ่นแล้ว คุณยังสามารเรียนออนไลน์จากที่ไหนก็ได้ตามที่คุณสะดวก เพียงแค่จองคลาสตามเวลาที่ต้องการ แล้วก็เข้าไปเรียนกับอาจารย์ในคลาสนั้นๆ ซึ่งจะเป็นคลาสที่มีความพิเศษและถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อคุณ

เรียนแบบไม่ขาดตอน

การมีตารางเรียนที่ยืดหยุ่นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะทำให้เราไม่พลาดคลาสต่างๆหมือนกับการเรียนแบบเดิมๆ หากคุณไม่มีเวลาว่างในการเข้าคลาสใด คุณสามารถยกเลิกได้ทุกเมื่อ และสามารถลงคลาสเรียนนั้นๆได้ในสัปดาห์ถัดไป โดยที่ไม่พลาดเนื้อหาที่เรียน

จองคลาสด้วยตนเอง

ด้วยการจองคลาสผ่านออนไลน์ คุณสามารถทำได้ด้วยตนเองง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องติดต่อทางสถาบัน เมื่อคุณพร้อม คุณสามารถเลือกจองคลาสผ่านโทรศัพท์มือถือของคุณได้เลย

ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

มีผลวิจัยของปีที่แล้วออกมาว่าโดยปกติคนทั่วไปจะมีเวลาว่างประมาณ 38 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว หลายๆคนมีเวลาว่างมากขึ้น ซึ่งเราอาจจะไม่ได้ใช้เวลาว่างนั้นให้เกิดประโยชน์มากนัก เช่นดูทีวี เล่นโซเชียลมีเดียต่างๆ หรือเล่นเกมส์ เป็นต้น การได้เรียนภาษาอังกฤษ ในแบบที่คุณสามารถเรียนจากที่ไหนก็ได้ แน่นอนว่าจะทำให้คุณได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้มากขึ้น

เรี่มคอร์สเรียนตามความต้องการ

โดยส่วนใหญ่แล้ว โรงเรียนสอนภาษามักจะให้นักเรียนเริ่มคอร์สพร้อมๆกับช่วงเปิดเทอมตามระบบกระทรวงศึกษาธิการ นั่นก็คือช่วงเดือนกันยายน มกราคม หรือ เมษายน ซึ่งค่อนข้างจำกัด และเป็นช่วงที่เรามักจะมีแพลนอื่นๆอยู่แล้ว ที่วอลสตรีทอิงลิช คุณสามารถเริ่มคอร์สเมื่อคุณพร้อมหรือต้องการได้ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเวลาที่คุณมีเวลาว่างมากกว่าปกติได้

เลือกระดับความเร็วของการเรียนเอง

ความยืดหยุ่นอีกอย่างหนึ่งของคอร์สเรียนที่นี่คือ นักเรียนสามารถเลือกระดับความเร็วของการเรียนได้ตามความต้องการ เช่น คุณอาจจะเลือกเรียนแบบเร่งรัดในช่วงเดือนนี้เพราะคุณทำงานหรือเรียนจากที่บ้าน แล้วลดความเร็วในการเรียนลงเมื่อคุณกลับไปทำงานหรือเรียนที่มหาวิทยาลัยตามปกติ ความยืดหยุ่นแบบนี้มีประโยชน์มากสำหรับคนที่มีตารางเวลาที่เปลี่ยนแปลงบ่อย

เข้าคลาสเมื่อพร้อม

ที่วอลสตรีทอิงลิช นักเรียนจะได้เรียนรู้และฝึกฝนเนื้อหาใหม่ๆ ก่อนที่จะไปพบอาจารย์เจ้าของภาษา นั่นหมายความว่าเวลาที่คุณเข้าคลาส คุณจะมีความพร้อม 100% เฉกเช่นเดียวกับนักเรียนอีก 2-3 คน ที่เข้าคลาสเดียวกันกับคุณ แต่ถ้าหากคุณไม่สามารถเตรียมตัวหรือฝึกฝนได้ทัน คุณสามารถเลื่อนคลาสเป็นอีกสองถึงสามวันข้างหน้าได้ง่ายๆ เพราะคอร์สเรียนออนไลน์ของเรานั้น มีคลาสให้เลือกจองได้ทั้งวันและทุกวัน ซึ่งจะง่ายต่อการหาคลาสในช่วงเวลาที่เหมาะกับคุณได้

จัดตารางเรียนกับที่ปรึกษา

การมีเวลาที่ยืดหยุ่นสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากนักเรียนต้องจัดตารางด้วยตนเองโดยไม่มีที่ปรึกษาคอยช่วยแนะนำอาจเป็นวิธีที่ไม่ดีนัก คุณอาจจะเริ่มต้นได้ด้วยดี แต่สุดท้ายอาจจะเรียนไม่ทัน เสียสมาธิ หรือหยุดเรียนไป ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง ที่วอลสตรีทอิงลิชจึงมีที่ปรึกษาด้านการเรียนสำหรับนักเรียนแต่ละคน ตั้งแต่เริ่มจนจบคอร์ส ซึ่งที่ปรึกษาเองจะคอยแนะนำวิธีการเรียนที่ถูกวิธี เพื่อให้ได้นักเรียนจบคอร์สได้ทันเวลา และได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


พบข้อมูลคนไทย 2.2 ล้านรายชื่อ ถูกประกาศขายบนดาร์กเว็บ

“ชมรมแพทย์ชนบท” พบข้อมูลคนไทย 2.2 ล้านรายชื่อ ถูกประกาศขายบนดาร์กเว็บ ด้าน “หมอชลน่าน” เผย ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า เป็นข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันมีระบบป้องกันเข้มข้น

19 มีนาคม 2567 “ชมรมแพทย์ชนบท” โพสต์ภาพข้อมูลส่วนบุคคล  2.2 ล้าน record ถูกนำไปโพสต์ขายบนดาร์กเว็บ ในราคา 10,000 USD หรือประมาณ 360,000 บาท โดยระบุข้อความสรุปได้ว่า มีนาคม 2566 แฮกเกอร์ 9near ประกาศขายข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข 55 ล้านรายชื่อ มีครบ ชื่อ-สกุล มือถือ เลขบัตรประชาชน และ วัน เดือน ปีเกิด โดยเชื่อว่าหลุดตรงข้อต่อระหว่างการส่งข้อมูล สธ.กับหมอพร้อม ตอนนี้ครบรอบ 1 ปี พอดี จึงเป็นความเหมาะเจาะที่น่ากังขา

กรณีใหม่ครั้งนี้หลุดจากไหนและหลุดได้อย่างไร ขอให้กระทรวงสาธารณสุขสืบสวนและเร่งปิดจุดอ่อนด่วน ไม่รู้เหมือนกันว่าหลุดเพราะแฮกเกอร์ หรือว่าคนใน ส่วนความคืบหน้าคดีแฮกเกอร์ 9near ที่สุดท้ายจ่ารับว่าทำคนเดียว ไม่รู้ถึงไหนแล้ว

เสียงบ่นของหลายโรงพยาบาลบอกว่า “cyber-security” เป็นเรื่องใหญ่มาก โรงพยาบาลส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เก่งมาก ปลัด สธ.ก็มีนโยบายสั่งให้ทุกโรงพยาบาลทำเรื่องนี้ สั่งมาแบบกระดาษแผ่นเดียว  แต่ไม่มีงบให้มาสักบาท จนถึงวันนี้ก็ไม่มีงบใดๆ มาจากส่วนกลาง ทุกโรงพยาบาลต้องดิ้นรนเอาเอง แล้วแบบนี้จะรอดไหม ข้อมูล สธ. หลุดทีละเป็นล้านๆ รายการ จึงยังมีให้เห็นอีกแน่ๆ

ด้าน นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการตรวจสอบของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ปรากฏหลักฐาน หรือข้อบ่งชี้ว่า มีการซื้อขายข้อมูลสาธารณสุข เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุข มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา และกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นลำดับที่หนึ่ง พร้อมย้ำว่า ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่เชื่อมโยงว่า เป็นข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข

นายแพทย์ชลน่าน ยังยอมรับว่า เมื่อคืนนี้ระบบสาธารณสุขที่จังหวัดร้อยเอ็ดถูกโจมตี แต่ก็สามารถป้องกันได้ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างของการวางระบบป้องกันของกระทรวงสาธารณสุข จึงขอประชาชนมั่นใจได้ว่า กระทรวงสาธารณสุข มีระบบการป้องกันข้อมูลข้อป่วยที่ปลอดภัย โดยให้ความสำคัญเป็นลำดับ 1

ส่วนการป้องกันข้อมูลในโรงพยาบาลต่างจังหวัด นายแพทย์ ชลน่าน ระบุว่า โรงพยาบาลที่เข้าระบบ ที่มีการเชื่อมโยงกัน เช่น โครงการ 30 บาทพลัส ใน 4 จังหวัดนำร่อง มีระบบป้องกันข้อมูลอย่างเข้มข้น และแต่ละโรงพยาบาล มีวอร์รูมเฝ้าระวัง แต่โรงพยาบาลที่ยังไม่ได้เข้าระบบ จะมีการพัฒนาดูแลบุคลากรเฉพาะด้าน

ซึ่งกระทรวงฯ ไม่กังวล และเมื่อโรงพยาบาลกว่า 20 จังหวัด เข้าสู่ระบบในช่วงเฟส 3 เดือนพฤศจิกายนนี้แล้ว ระบบข้อมูลทุกอย่างจะมีความพร้อม และกระทรวง พยายามเรียนรู้ ถอดบทเรียนจากแฮกเกอร์ เพื่อสร้างระบบป้องกัน และการรับมือที่มี โดยย้ำว่า จะสามารถป้องกันได้ 

รู้จัก Dark Web

Dark Web หรือ เว็บมืด คือพื้นที่ส่วนหนึ่งในอินเทอร์เน็ตที่ผู้คนสามารถซ่อนตัวตนและตำแหน่งของตัวเองจากคนอื่นๆ และจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีการใช้เว็บมืดเพื่อขายข้อมูลส่วนบุคคลที่ขโมยมา.

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ผัก 5 ชนิดที่คุณหมอแนะนำให้ลูกน้อยกิน รู้แล้วรีบจัดให้ลูกด่วน

แน่นอนว่าบนโลกใบนี้มีอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อลูกน้อยอยู่มากมาย พ่อแม่จึงสามารถหาอาหารดีๆ ให้ลูกกินได้ไม่ซ้ำ แต่สำหรับผักที่คุณหมอแนะนำให้ลูกน้อยกิน และถือเป็นผักที่มีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายของลูกน้อยอย่างมากมีอยู่ 5 ชนิดดังนี้

ผัก 5 ชนิดแนะนำลูกน้อย

1.ตำลึง

ตำลึง คือ ผักพื้นบ้านที่พ่อแม่สามารถหาให้ลูกกินได้ง่ายมากๆ โดยผักชนิดนี้อุดมด้วยวิตามินเอสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำรุงสุขภาพดวงตาให้ดีขึ้น อีกทั้งยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายของลูกน้อยอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นแคลเซียม แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก และวิตามินซี ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ล้วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตของสุขภาพลูกน้อยด้วยกันทั้งสิ้น

2.ผักโขม

ผักโขม คือ ผักที่อุดมด้วยโปรตีนสูง ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อสุขภาพร่างกายของลูกน้อยอย่างมาก นอกจากนี้ผักโขมยังอุดมด้วยกรดอะมิโน วิตามิน แร่ธาตุชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธาตุเหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินเค หรือแคลเซียมก็ตาม

3.ปวยเล้ง

ปวยเล้ง คือ ผักที่ให้สารอาหารกลุ่มแคโรทีนอยด์เข้มข้น แถมยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอีกหลากหลายชนิดด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสารเบต้าแคโรทีน สารลูทีน โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามินบี วิตามินซี วิตามินดี วิตามินอี วิตามินเค หรือกรดโฟลิกก็ตาม ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ล้วนมีความจำเป็นต่อร่างกายของลูกน้อยอย่างมาก

4.ผักบุ้ง

ผักบุ้ง คือ ผักที่ให้กากใยอาหารสูง และยังมีสารเบต้าแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 และวิตามินซี ซึ่งพ่อแม่ต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่าสารอาหารเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญต่อร่างกายของลูกน้อย สำคัญกว่านั้นก็คือ ผักบุ้งถือเป็นผักที่สามารถหามากินได้ง่าย แถมยังทำเป็นเมนูอาหารให้ลูกได้อีกหลากหลายเมนูเลยทีเดียว

5.บร็อกโคลี

บร็อกโคลี คือ ผักที่พ่อแม่มักเอามาทำเป็นเมนูแสนอร่อยให้ลูกน้อยได้กินบ่อยๆ เนื่องจากประโยชน์ของบร็อกโคลีถือว่ามีมากมายเลยทีเดียว ทั้งนี้ในบร็อกโคลียังอุดมด้วยสารอาหารจำพวกแคลเซียม แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก และวิตามินซี ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยอย่างมาก

สำหรับพ่อแม่ที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มฝึกให้ลูกกินผักชนิดใดก่อน แนะนำให้ลูกได้ลองกินผักหลากหลายชนิดกันดูค่ะ จากนั้นให้สังเกตดูว่าลูกชอบหรือไม่ชอบผักชนิดใดบ้าง หากมีผักชนิดใดที่ลูกไม่ชอบกิน แต่กลับเป็นผักที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก พ่อแม่ก็จะต้องพยายามทำเมนูอาหารที่สามารถดัดแปลงผักชนิดนั้นให้มีรสชาติที่อร่อยและลูกสามารถกินได้กันดูค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 20/03/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a36,700.0036,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,377.0036,035.3237,300.00
ทองรูปพรรณ 90%2,139.3032,431.79n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,901.6028,828.26n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,070.0016,221.20n/a
ทองรูปพรรณ 40%832.0012,613.12n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,463.0037,339.08n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 20/03/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9538.6538.6538.7538.6538.6538.6538.6538.6538.6538.65
แก๊สโซฮอล์ 9137.1837.1837.4837.1837.1837.1837.1837.1837.1837.18
แก๊สโซฮอล์ E2036.5436.5436.8436.5436.5436.5436.5436.5436.54
แก๊สโซฮอล์ E8536.2936.2936.29
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม46.3449.4449.4449.4446.34
เบนซิน 9546.5447.7147.0446.6946.54
ดีเซล B729.9429.9430.8429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5443.6444.8443.6443.6441.54
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า