สาระน่ารู้ประจำวันที่ 25 มกราคม 2567

อสังหาฯ ปีมังกร ‘บ้านหรู’ 400ล้าน ‘วิลล่า ภูเก็ต’ 600 ล้าน ยังไปต่อ

เปิดปี 2567 บ้านหรู-วิลล่าภูเก็ตยังไปต่อ ไรมอน แลนด์ เดินหน้าเปิดตัว บ้านหรู 400 ล้าน โซนสุขุมวิท วิลล่าหรูในภูเก็ตเริ่มต้น 600-1,000 ล้าน พร้อมเปิด ‘OCC’ อาคารสำนักงานลักชัวรี่เกรด A+ ย่านเพลินจิตมีผู้เช่าแล้ว 55% คาดปีนี้กว่า 70% พื้นที่รีเทลเหลือ10%

  • ประเทศไทย เปรียบเป็นบ้านหลังที่ 2 ของชาวต่างชาติ  เนื่องจากเป็น Best Location ในเชิงยุทธศาสตร์ โครงการพื้นฐานดี เดินทางสะดวก ค่าครองชีพต่ำ
  •    โดยเฉพาะ”ภูเก็ต”เป็น Dream Destination สำหรับชาวต่างชาติ ที่ร่ำลือถึงความงดงามของท้องทะเลและชายหาดจึงเป็นที่หมายปองของเศรษฐีทั่วโลก 

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า ในปี2567 บริษัทได้วางทิศทางการดำเนินงาน ภายใต้แนวคิด ‘REIMAGINING THE PINNACLE OF LIVING’ ผ่านการทำงาน 4 ด้าน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ และมอบประสบการณ์ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่สุดในทุกมิติให้กับลูกค้า ซึ่งเราจะยังคงยึดโยงปรัชญา ‘Luxury Reimagined’ คือการเป็นผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีในทุกเจเนอเรชั่นเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยและการลงทุน ซึ่งเป็นDNAของไรมอน แลนด์

“ปีนี้เทรนด์สินค้าลักชัวรียังคงไปต่อ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ส่งผลกระทบต่อคนกลุ่มนี้จึงไม่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อแต่อย่างใด เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มีความมั่งคั่งสูงขึ้น และพร้อมที่จับจ่าย ไม่เฉพาะแค่อสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่สินค้าลักชัวรีแบรนด์ยังเติบโตสูงขึ้นมากทั้งในและต่างประเทศ จึงเป็นเหตุผลที่ 
ไรมอน แลนด์ โฟกัสที่กลุ่มลูกค้าไฮเอนด์เป็นหลัก”

สำหรับแนวคิด ‘REIMAGINING THE PINNACLE OF LIVING’ มุ่งเน้นใน 4 ด้าน ประกอบด้วย

1. SUCCESSOR มุ่งสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่งด้วยการปิดการขายทุกโครงการและลูกค้าชาวต่างชาติเต็มโควต้า สำหรับโครงการพร้อมอยู่ในปีนี้มีจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ คอนโดฯ อัลตร้าลักชัวรี่ ตั้งเป้าลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์ 100% ในไตรมาส 1 ปี67  และ เทตต์ สาทร ทเวลฟ์  ตั้งเป้าปิดการขายในครึ่งปีแรกของปี67 และตั้งเป้าลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์100% ในไตรมาส 3 ปี67  

2. THOUGHT LEADER บริษัทเตรียมเปิดขายรอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ โครงการอัลตร้าลักชัวรี่แนวราบ 2 โครงการ รวมมูลค่า10,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการอัลตร้าลักชัวรี่แนวราบ ทำเลสุขุมวิทมูลค่า3,000 ล้านบาท โดยจะเปิดขายรอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 ปีนี้จำนวน 5 หลัง ราคาเริ่มต้นเฉลี่ย 400 ล้านบาทต่อหลัง  และโครงการอัลตร้าลักชัวรี่แนวราบมูลค่า7,000 ล้านบาทบนหาดกมลา ที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นวิลล่าสุดหรู โดยจะพัฒนาเฟสแรกจำนวน 7 หลัง เปิดขายรอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ไตรมาส4 ปี67  ราคาเริ่มต้นเฉลี่ย 600 ล้านบาท 
 

3. CARETAKER การส่งมอบสุดยอดการดูแลลูกค้า เพราะลูกค้าทุกคนคือคนสำคัญ จึงควรได้รับการดูแลอย่างใส่ใจและมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้เกิดความประทับใจมากที่สุด โดยในปีนี้ บริษัทจะสร้างสรรค์กิจกรรมใหม่ๆ ให้กับลูกค้าคนสำคัญผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำด้านลักชัวรี่ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายในเกือบทุกวงการเพื่อเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้า

นอกเหนือจากนี้ยังต่อยอดสู่การดูแลสังคมด้วยการสานต่อการดำเนินงานมูลนิธิเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น (For Better Lives Foundation) ซึ่งก่อตั้งโดย RML เพื่อทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และช่วยเหลือสังคม อีกทั้งยังคงสานต่อวิสัยทัศน์ ‘Sustainable Living’ โดยโครงการใหม่ๆ ของ RML ยังมุ่งพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมุ่งผลักดันพื้นที่สีเขียวในทุกโครงการ เพื่อเติมเต็มความสุขให้กับทุกชีวิตควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

 4.TASTEMAKER ยังคงจุดยืนเดิมอย่างแข็งแกร่งในด้านการดีไซน์ในระดับเวิลด์คลาส โครงการปัจจุบันและโครงการในอนาคตยังคงความมีดีไซน์ที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ เพื่อเป็นแลนด์มาร์กของเอเชีย โดยไม่ทิ้งการผสมผสานบริบทของภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมของทำเลที่โครงการเข้าไปตั้งอยู่อย่างลงตัว อีกทั้งยังมอบการบริการที่เหนือระดับจากพาร์ทเนอร์ระดับโลก และ ทีมไรมอน แลนด์เซอร์วิสเพื่อมอบประสบการณ์ทางด้านการอยู่อาศัยที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า

     ไรมอน แลนด์ยังคงเดินหน้าเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการยืนหยัดในการเป็นผู้นำตลาดอสังหาฯ ลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ของไทย ที่พัฒนาโครงการในรูปแบบใหม่ที่ไม่มีใครเหมือนเพื่อเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในเอเชีย

โดยหนึ่งในโครงการไฮไลต์ของปีนี้คือ ‘OCC’ หรือOne City Centreอาคารสำนักงานลักชัวรี่ Grade A+ ที่สูงที่สุดในไทย ที่มีสกายวอล์กเชื่อมกับ BTS เพลินจิต ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่ร่วมทุนกับ มิตซูบิชิ เอสเตท ประเทศไทยผู้พัฒนาอสังหาฯรายใหญ่ในญี่ปุ่นมูลค่า8,800 ล้านบาทเปิดอย่างเต็มรูปแบบในปีนี้

ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานจากบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกและบริษัทชื่อดังในไทย แล้ว55% ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีอัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานเกินกว่า 70%  ขณะที่มีอัตราการเช่าพื้นที่รีเทลจากร้านค้าพรีเมียมอยู่ที่ 90% คาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่รีเทลจะเต็มในปีนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


RML ประกาศแผนปี67 ขับเคลื่อนองค์กรภายใต้ 4 กุญแจสำคัญ

RML ประกาศแผนปี’67 ‘REIMAGINING THE PINNACLE OF LIVING’ ขับเคลื่อนองค์กรแข็งแกร่ง ภายใต้ 4 กุญแจสำคัญ สร้างปฐมบทใหม่แห่งการอยู่อาศัยอันเป็นที่สุด ตั้งเป้า ลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์เต็ม 100% ไตรมาส 3 ปี67 

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RML กล่าวว่า “สำหรับปี’67 บริษัทฯ ได้วางทิศทางการดำเนินงาน ภายใต้แนวคิด ‘REIMAGINING THE PINNACLE OF LIVING’ ผ่านการทำงาน 4 ด้าน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ และมอบประสบการณ์ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่สุดในทุกมิติให้กับลูกค้า ซึ่งเราจะยังคงยึดโยงปรัชญา ‘Luxury Reimagined’ ของแบรนด์เป็นศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจเช่นเคย”

สำหรับแนวคิด ‘REIMAGINING THE PINNACLE OF LIVING’ มุ่งเน้นใน 4 ด้าน ดังต่อไปนี้

1. SUCCESSOR

RML จะมุ่งสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ผ่านการปิดการขายทุกโครงการ และโควต้าลูกค้าชาวต่างชาติเต็มทั้งหมดดังที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต โดยโครงการพร้อมอยู่ในปีนี้ 2 โครงการ ได้แก่ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ (The Estelle Phrom Phong) คอนโดฯ อัลตร้าลักชัวรี่ บริษัทฯ ตั้งเป้าลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์เต็ม 100% ในไตรมาส 1 ปี67  และ เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ (Tait Sathorn 12)ตั้งเป้าปิดการขายในครึ่งปีแรกของปี67 และตั้งเป้าลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์เต็ม 100% ในไตรมาส 3 ปี67 

2. THOUGHT LEADER

บริษัทฯ เตรียมเปิดขายรอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับโครงการอัลตร้าลักชัวรี่แนวราบ 2 โครงการ รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้นประมาณ 10,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการอัลตร้าลักชัวรี่แนวราบ ทำเลสุขุมวิท จำนวน 5 หลัง ราคาเริ่มต้นเฉลี่ย 400 ล้านบาทต่อหลัง มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท

โดยจะเปิดขายรอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 ปี’67 และโครงการอัลตร้าลักชัวรี่แนวราบ บนหาดกมลา ที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นวิลล่าสุดหรู พัฒนาเฟสแรกจำนวน 7 หลัง ราคาเริ่มต้นเฉลี่ยประมาณ 600 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 7,000 ล้านบาท เปิดขายรอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ไตรมาส 4 ปี’67

3. CARETAKER

ส่งมอบสุดยอดการดูแลลูกค้า เพราะลูกค้าทุกคนคือคนสำคัญ จึงควรได้รับการดูแลอย่างใส่ใจและมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้เกิดความประทับใจมากที่สุด โดยในปีนี้ RML จะสร้างสรรค์กิจกรรมใหม่ๆ ให้กับลูกค้าคนสำคัญผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำด้านลักชัวรี่ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายในเกือบทุกวงการ เพื่อยืนหยัดเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้า

นอกเหนือจากนี้ยังต่อยอดสู่การดูแลสังคม บริษัทฯ ยังคงสานต่อการดำเนินงานมูลนิธิเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น (For Better Lives Foundation) ซึ่งก่อตั้งโดย RML เพื่อทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และช่วยเหลือสังคม อีกทั้งยังคงสานต่อวิสัยทัศน์ ‘Sustainable Living’ โดยโครงการใหม่ๆ ของ RML ยังมุ่งพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมุ่งผลักดันพื้นที่สีเขียวในทุกโครงการ เพื่อเติมเต็มความสุขให้กับทุกชีวิตควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

4.TASTEMAKER

RML ยังคงจุดยืนเดิมอย่างแข็งแกร่งในด้านการดีไซน์ในระดับเวิลด์คลาส โครงการปัจจุบันและโครงการในอนาคตยังคงความมีดีไซน์ที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ เพื่อเป็นแลนด์มาร์กของเอเชีย โดยไม่ทิ้งการผสมผสานบริบทของภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมของทำเลที่โครงการเข้าไปตั้งอยู่อย่างลงตัว อีกทั้งยังมอบการบริการที่เหนือระดับจากพาร์ทเนอร์ระดับโลก และ ทีม RML Service เพื่อมอบประสบการณ์ทางด้านการอยู่อาศัยที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า

RML ยังคงเดินหน้าเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการยืนหยัดในการเป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาดอสังหาฯ ลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ของไทย ที่พัฒนาโครงการในรูปแบบใหม่ที่ไม่มีใครเหมือน และเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในเอเชีย โดยหนึ่งในโครงการไฮไลต์ของปีนี้คือ ‘OCC (One City Centre)อาคารสำนักงานลักชัวรี่ Grade A+ ที่สูงที่สุดในไทย ที่มีสกายวอล์กเชื่อมกับ BTS เพลินจิต โปรเจ็กต์ยักษ์ที่ร่วมทุนกับ มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) ผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของญี่ปุ่น มูลค่าโครงการ 8,800 ล้านบาท

“เราจะเปิดอย่างเต็มรูปแบบในปีนี้ ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานจากบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกและบริษัทชื่อดังในไทย แล้วประมาณ 55% ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีอัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานเกินกว่า 70% ในขณะที่มีอัตราการเช่าพื้นที่รีเทลจากร้านค้าพรีเมียมแล้วเกือบเต็ม อยู่ที่ประมาณ 90% เหลือเพียงไม่กี่ยูนิตเท่านั้น คาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่รีเทลจะเต็ม 100% ในปี 2567 นี้แน่นอน” นายกรณ์ กล่าวเสริม

สำหรับบริษัทที่เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่สำนักงาน ‘OCC’ ล้วนเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นที่รู้จักในไทยจากหลากหลายธุรกิจ ทั้งธุรกิจเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ, โค-เวิร์คกิ้งสเปซ ตลอดจนธุรกิจการเงิน และธุรกิจบริการ ซึ่งบริษัทที่สามารถเปิดเผยชื่อได้แล้ว เช่น เดอะ บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) (The Boston Consulting Group (Thailand)), แปซิฟิค ไพร์ม คอนซัลแตนท์ (Pacific Prime Consultants), คอนสเตลเลชัน นอร์ด (Constellation Nord), ดีแอลเอ ไปเปอร์ (DLA Piper), ธนาคารบีเอ็นพี พารีบาส์ (BNP Paribas), 10 บริดจ์ (10 Bridge), เวลาร์ คอร์ปอเรชั่น (Waylar Corporation)ฯลฯ

ขอบคุณข้อมุลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดตลาดวันนี้25ม.ค.”อ่อนค่า”ที่ระดับ 35.77 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทยังเผชิญแรงกดดินจากฟันด์โฟลว์ทองคำ รอปัจจัยใหมหรือ นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาซื้อสินทรัพย์ไทยต่อเนื่อง

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 25ม.ค.2567ที่ระดับ  35.77 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.67 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน   พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาทอาจเสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง หลังเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ตามการปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย “เร็วและลึก” ของเฟดที่ตลาดได้เคยประเมินไว้ก่อนหน้า

นอกจากนี้ เงินบาทยังเผชิญปัจจัยกดดันเพิ่มเติมจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะทองคำ หลังราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงสู่โซนแนวรับระยะสั้น

อย่างไรก็ดี เราคาดว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจจำกัดอยู่ในโซน 35.80-35.90 บาทต่อดอลลาร์ (เราขยับโซนเล็กน้อย หลังจากวันก่อนหน้าเงินบาทได้อ่อนค่าทะลุ 35.80 บาทต่อดอลลาร์ ไปเล็กน้อย)

เนื่องจาก หากบรรยากาศในตลาดการเงินฝั่งเอเชียเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ตามความหวังการฟื้นตัวของตลาดทุนจีนและเศรษฐกิจจีน ก็อาจช่วยหนุนให้นักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้นเพิ่มเติมได้บ้าง หรือ อย่างน้อยก็อาจลดทอนแรงขายหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติได้บ้าง

อย่างไรก็ดี เราคงมองว่า เงินบาทยังไม่สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ชัดเจน จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา หรือ นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาซื้อสินทรัพย์ไทยต่อเนื่อง ซึ่งเราประเมินว่า ภาพดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นได้ 

หากผู้เล่นในตลาดมั่นใจแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดมากขึ้น (ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงได้แน่นอน) ซึ่งอาจเกิดขึ้นพร้อมจังหวะการอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ ทำให้โซนแนวรับของเงินบาทในระยะสั้นจะยังเป็นโซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์ 

ทั้งนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนของตลาดการเงินในช่วงทยอยรับรู้ ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ

 โดยมีโอกาสที่จะเห็นเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงบ้าง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) หาก ECB ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ยังไม่รีบปรับลดดอกเบี้ย หรือ ยังไม่เริ่มพิจารณาถึงการปรับลดดอกเบี้ย ก่อนที่เงินดอลลาร์จะมีโอกาสพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้

หลังจากนั้น หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน จนทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มกังวลว่า เฟดอาจจะลดดอกเบี้ยได้ตาม Dot Plot ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยที่น้อยกว่าและช้ากว่าที่ตลาดกำลังประเมินอยู่ล่าสุด 

ในช่วงนี้ ความผันผวนของเงินบาทที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เรายังคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย

อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.60-35.90 บาท/ดอลลาร์ 


โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในช่วง 35.56-35.78 บาทต่อดอลลาร์) โดยในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐฯ เงินบาทได้ทยอยแข็งค่าขึ้น ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และโฟลว์ขายทำกำไรการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ก่อนที่เงินบาทจะผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง หลังรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นดีกว่าคาด

ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างเชื่อว่า เฟดจะไม่รีบลดดอกเบี้ยตามที่ได้เคยประเมินไว้ ส่งผลให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาท 

ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวขึ้นต่อได้ แต่ก็มาจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ (The Magnificent 7) เป็นหลัก หลัง Netflix +11% รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างมีความหวังต่อแนวโน้มผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่ม Semiconductor อาทิ AMD +5.9%, Nvidia +2.5% หลังบริษัทผู้ผลิตชิพรายใหญ่ อย่าง ASML รายงานผลประกอบการที่สดใส ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.36% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาดเพียง +0.08% 

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาพุ่งขึ้น +1.18% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคฯ ใหญ่ อย่าง ASML +9.7% และ SAP +7.6% ที่ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ บรรดาหุ้นในธีมที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน ทั้ง หุ้นในกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม LVMH +1.9% ยานยนต์ Volkswagen +1.6% และเหมืองแร่ Rio Tinto +1.6% ต่างปรับตัวขึ้น ตอบรับความหวังแนวโน้มเศรษฐกิจจีนอาจฟื้นตัวดีขึ้น หลังทางการจีนได้ทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนตลาดทุนเพิ่มเติม

ในฝั่งตลาดบอนด์ รายงานดัชนี PMI ของสหรัฐฯ ล่าสุด ที่ออกมาดีกว่าคาด สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังคงสดใส รวมถึง ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ (ที่แม้ส่วนใหญ่จะมาจากหุ้นเทคฯ ใหญ่) ได้หนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี ปรับตัวขึ้น ต่อเนื่องเข้าใกล้ระดับ 4.20% สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ประเมินว่า หากผู้เล่นในตลาด “เลิกเชื่อ” ว่า เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้เร็วและลึก ก็จะส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสผันผวนสูงขึ้นได้ในช่วงนี้

ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเน้นกลยุทธ์ Buy on Dip โดยพยายามคำนึงถึง จุดคุ้มทุน หรือ Break-even เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนรวม หรือ Total Return ที่จะได้จากการถือครองบอนด์  (บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ตั้งแต่ 4.20% ขึ้นไป ถือว่า มี Risk-Reward ที่น่าสนใจ)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ทั้งนี้ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงทั้งในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรป (ซึ่งช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร) ได้ช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ไว้บ้าง ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) รีบาวด์ขึ้นใกล้ระดับ 103.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 102.8-103.4 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่า เฟดจะไม่รีบลดดอกเบี้ยตามที่เคยประเมินไว้ รวมถึง ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) ปรับตัวลดลงทดสอบโซนแนวรับระยะสั้นแถว 2,010 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง

ซึ่งเราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอจังหวะทยอยเข้าซื้อทองคำในโซนดังกล่าว เพื่อหวังลุ้นการรีบาวด์ระยะสั้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาโซนแนวรับนี้มักจะเป็นโซนที่เห็นการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำราว +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อนึ่ง โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง
 
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ตลาดทยอยรับรู้ในช่วง 20.15 น. ตามเวลาในประเทศไทย) ซึ่งเราประเมินว่า ECB จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) ไว้ที่ระดับ 4.00% ทว่าปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน คือ มุมมองของ ECB โดยเฉพาะมุมมองของประธาน ECB ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของ ECB ได้อย่างมีนัยสำคัญ 

ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ คาดการณ์ครั้งแรกของอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 รวมถึง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) 

สำหรับในฝั่งไทย เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานยอดการส่งออกและนำเข้าของไทยล่าสุด เพื่อประกอบการประเมินทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2024 

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว เราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดจะติดตามรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด โดยในช่วงนี้ รายงานผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ใหญ่ ก็ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้พอสมควร

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.76-35.78 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.56 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ

เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลง สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์อายุ 10 ปี ปรับขึ้น) ที่ได้รับแรงหนุนจากดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ ซึ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน และ 7 เดือนตามลำดับ โดยสัญญาณแข็งแกร่งของการผลิตและภาคบริการสหรัฐฯ หนุนโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเห็นเฟดจะยืนอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงเป็นเวลานาน 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.60-35.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางของเงินหยวนและสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย ผลการประชุม ECB และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกอบด้วย ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. จีดีพีไตรมาส 4/66 (ครั้งที่ 1) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“อิชิอิ” สร้าง 3 สถิติใหม่หลังพาทีมชาติไทยทะลุ 16 ทีมเอเชียนคัพ

มาซาทาดะ อิชิอิ สร้าง 3 สถิติใหม่ ขึ้นแท่นโค้ชชาวเอเชียคนแรก พาทีมชาติไทยทะลุเข้ารอบน็อคเอาท์เวทีเอเชียนคัพ รอบสุดท้าย ทั้งที่เพิ่งรับงานคุมทัพ “ช้างศึก” อย่างเป็นทางการเพียงแค่ 1 เดือนเศษ พร้อมจารึกเป็นกุนซือคนที่ 3 พาไทยลิ่วน็อคเอาท์รายการนี้ และยังเป็นครั้งแรกในชีวิตของตัวเอง ในฐานะกุมบังเหียนระดับทีมชาติเข้ารอบเอเชียนคัพด้วย

หลังจากที่ มาซาทาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น ได้รับตำแหน่งเข้ามาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ชุดใหญ่ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2566 กระทั่งล่าสุดเขาได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่เกิดขึ้นด้วยการพาทีมชาติไทย เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกฟุตบอลเอเอฟซี เอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ ได้สำเร็จตามเป้าหมาย

จากผลการแข่งขันในกลุ่ม ดี เกมที่ ญี่ปุ่น เอาชนะ อินโดนีเซีย 3-1 ทำให้ทัพ “การูด้า” มีแค่ 3 แต้มจาก 3 นัด ส่งผลให้ทีมชาติไทย ที่ลงสนาม 2 นัด เก็บ 4 แต้ม การันตีกรุยทางสู่รอบน็อคเอาท์แน่นอนแล้ว แม้จะเหลือโปรแกรมอีกหนึ่งนัดในรอบแบ่งกลุ่มก็ตาม และทำให้ “โค้ชอิชิอิ” จารึกชื่อเป็นโค้ชเอเชียคนแรกของ “ช้างศึก” ที่ไม่ใช่คนไทย พาทีมลิ่วรอบน็อคเอาท์สำเร็จ

นอกจากนี้กุนซือจากแดนอาทิตย์อุทัยวัย 56 ปี ยังเป็นเฮดโค้ชคนที่ 3 ที่พาทีมชาติไทย เข้ารอบน็อคเอาท์เอเชียนคัพได้อีกด้วย ต่อจาก ปี 1972 (มี 6 ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน) กุนเธอร์ กลอมบ์ (โค้ชชาวเยอรมัน) และปี 2019 (มี 24 ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน) “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย (โค้ชชาวไทย) 

ขณะเดียวกันอีกหนึ่งสถิติที่ “โค้ชอิชิอิ” สร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวเอง ด้วยการพาทีมชาติไทย ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เพราะถือเป็นครั้งแรกในชีวิตในฐานะกุนซือใหญ่ได้คุมทีมระดับทีมชาติ ในทัวร์นาเมนต์ลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปเอเชียด้วย

สำหรับโปรแกรมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ทีมชาติไทย ทีมอันดับ 113 ของโลก พบกับ ซาอุดิอาระเบีย ทีมอันดับ 56 ของโลก ในวันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม 2567 ที่สนามเอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม เวลา 22.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง PPTV HD หมายเลข 36 และช่อง T Sport 7

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


“แมลงมีพิษ” กัดต่อย แพ้รุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิต

แมลงมีพิษกัดต่อย แพ้รุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิต มาทำความรู้จักอาการแพ้รุนแรง ลักษณะของอาการ และข้อพึงระวังและสิ่งที่ต้องพึงระวัง พร้อมแนวทางการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดอาการแพ้ หากมีความรู้ความเข้าใจในอาการของโรคสามารถเฝ้าระวัง จะช่วยลดโอกาสเกิดความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า อาการแพ้รุนแรง (anaphylaxis) เป็นภาวะฉุกเฉิน ที่มีปฏิกิริยาภูมิไวเกินต่อสิ่งกระตุ้น มักมีอาการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีอาการแสดงในหลายระบบ โดยสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดเกิดจากอาหาร ได้แก่ 

  • อาหารทะเล 
  • นม 
  • ไข่ 
  • แป้งสาลี 

สาเหตุรองได้แก่ กลุ่มยาปฏิชีวนะ เช่น 

  • penicillin 
  • cephalosporin 
  • sulfonamide 
  • quinolone
  • macrolides

สาเหตุที่มักพบร่วมได้บ่อย ได้แก่ แมลงในตระกูล Hymenoptera ได้แก่ 

  • มดมีพิษ เช่น มดคันไฟ มดตะนอย 
  • ผึ้ง 
  • ต่อหัวเสือ
  • แตน

เป็นต้น

ปัจจัยเสี่ยงต่ออาการแพ้รุนแรง

แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดอาการแพ้รุนแรง ได้แก่ 

  • อายุ พบความรุนแรงในผู้ใหญ่มากกว่าในเด็ก 
  • โรคประจำตัว เช่น โรคระบบหัวใจ และโรคระบบทางเดินหายใจ 
  • การรับประทานยาบางกลุ่ม 

อาการแพ้อย่างรุนแรง เป็นอย่างไรบ้าง

อาการแพ้รุนแรง (anaphylaxis) มักเกิดในระยะเวลา 5-30 นาที หลังได้รับสิ่งกระตุ้นแพ้ โดยอาการแสดงที่พบได้บ่อยสูงสุด คือ 

  • อาการในระบบผิวหนัง ได้แก่ ผื่นลมพิษ(urticaria) อาการปากบวมตาบวม (angioedema) ซึ่งพบได้ 85-90%
  • อาการในระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบเหนื่อย หายใจเสียงหวีด 
  • อาการในระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น เวียนศีรษะ เป็นลม ความดันโลหิตลดลง
  • อาการในระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อุจจาระร่วง ตามลำดับ

วิธีปฐมพยาบาล ผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรง

ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวถึงการรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะแพ้รุนแรง (anaphylaxis) ขั้นแรกให้ทำการดูแลปฐมพยาบาลเรื่องทางเดินหายใจ (airway) การหายใจ (breathing) ระบบไหลเวียนโลหิต (circulation) ร่วมกับรีบให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาด้วยยา ได้แก่ 

  • epinephrine 
  • antihistamine 
  • corticosteroid 
  • ยาพ่นขยายหลอดลม 
  • การให้สารน้ำทางเส้นเลือด 

วิธีป้องกันอาการแพ้รุนแรง

แนวทางการป้องกันการเป็นซ้ำ เป็นสิ่งที่ผู้ป่วยภาวะอาการแพ้รุนแรง (anaphylaxis) ควรได้รับความรู้ เพื่อให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ และรู้วิธีปฏิบัติตัวเมื่อมีอาการ รวมถึงการให้ผู้ป่วยอาการแพ้รุนแรง พกยาฉีด epinephrine ติดตัวเพื่อให้สามารถใช้รักษาพยาบาลได้รวดเร็ว เมื่อมีอาการแพ้รุนแรงเกิดขึ้น อาการแพ้รุนแรงหรือ anaphylaxis เป็นภาวะที่สามารถเฝ้าระวังและให้การรักษาได้หากมีความรู้ความเข้าใจในอาการของโรค และการให้การรักษาได้อย่างทันท่วงทีจะช่วยลดโอกาสเกิดความรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


การเปรียบเทียบ ภาษาอังกฤษ “ขั้นกว่า” กับ “ขั้นสุด” ใช้อย่างไรในประโยคภาษาอังกฤษ มาเรียนรู้กัน

การเปรียบเทียบ ภาษาอังกฤษ ด้วยคำคุณศัพท์ หรือ adjective ในภาษาอังกฤษ มีหน้าที่คือขยายความคำนาม ปกติจะวางไว้หน้าคำนามที่ขยาย หรือวางไว้หลัง Verb to be คำคุณศัพท์ (Adjective) มีหลายประเภท เช่น บอกลักษณะ บอกปริมาณ ชี้เฉพาะ บอกความเป็นเจ้าของ ฯลฯ เช่น good, clever, happy, much, which, etc.

การเปรียบเทียบ ภาษาอังกฤษ โดยใช้ Adjective

  1. Adjective ถ้าใช้ในประโยคปกติขยายคำนาม เช่น My house is big. บ้านของฉันหลังใหญ่โต คำว่า “big” ขยายคำว่า “house” บ้านหลังใหญ่ ถ้าเป็นการเปรียบเทียบของ 2 สิ่งว่าเท่ากันไม่ต่างกัน adjective ที่ใช้ในรูปประโยคปกติแบบนี้เราจะเรียกว่า “Positive Adjective” คือใช้ as + adjective + as เช่น

My house is as big as yours.    บ้านของฉันใหญ่เท่ากับบ้านของคุณ

  1. หากเมื่อไหร่ที่เราต้องการใช้ adjective เพื่อต้องการเปรียบเทียบระหว่างของ 2 สิ่ง เราต้องเปลี่ยน adjective ให้เป็นรูปที่ต้องการเปรียบเทียบ เราเรียกว่า “Comparative Adjective” เช่น

My house is bigger than yours. บ้านของฉันใหญ่กว่าบ้านของคุณ

  1. เมื่อเราเปรียบเทียบของตั้งแต่ 3 สิ่งขึ้นไป โดยต้องการบอกว่าของเรามีความเป็นที่สุดในของทั้งหมดนั้น adjective ที่ใช้ต้องเปลี่ยนรูปเป็นขั้นสุด เราเรียกว่า “Superlative Adjective” เช่น

My house is the biggest in the village. บ้านของฉันใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน

The giraffe is the tallest terrestrial animal in the world. ยีราฟเป็นสัตว์บกที่สูงที่สุดในโลก

รูปประโยคของ Positive, Comparative และ Superlative Degree

  1. Positive Degree การเปรียบเทียบ “เท่ากัน”

เมื่อต้องการเปรียบเทียบของ 2 สิ่งขึ้นไป โดยต้องการบอกว่าเท่ากัน (ไม่มีสิ่งไหนมากหรือน้อยไปกว่ากัน) ให้ใช้รูปประโยค ดังนี้

Subject + Verb to be + as adjective as + Object

ตัวอย่าง adjective เปรียบเทียบในขั้น Positive Degree นี้ เช่น as happy as / as easy as / as thick as / as beautiful as / as meaningful as

ตัวอย่างประโยค

I am happy today.

I am as happy as you today.

Final exam is very easy.

Final exam is as easy as midterm exam.

She is very beautiful

She is as beautiful as her sister.

  1. Comparative Degree เปรียบเทียบ “ขั้นกว่า”

เมื่อต้องการเปรียบเทียบของตั้งแต่ 2 สิ่งขึ้นไปว่าไม่เท่ากัน มีมากหรือน้อยกว่า โดยใช้ adjective ต้องมีการใช้รูป adjective ดังนี้

Subject + Verb to be + adjective (ขั้นกว่า) + than + Object

Adjective ขั้นกว่า ที่ใช้เปรียบเทียบของ 2 สิ่งในขั้น Comparative Degree ปกติจะใช้วิธีเติม “er” หลัง Adjective แล้วตามหลังด้วยคำว่า “than” แต่ถ้า Adjective ที่มีตั้งแต่ 3 พยางค์ขึ้นไป จะใช้คำว่า “more” นำหน้า Adjective ใช้รูปเดิม

ตัวอย่าง adjective ใน “ขั้นกว่า” เช่น happier than / easier than / thicker than / more beautiful than / more meaningful than

ตัวอย่างประโยค “ขั้นกว่า”

I am happy today.

I am happier than you today.

Final exam is very easy.

Final exam is easier than midterm exam.

She is very beautiful

She is more beautiful than her sister.

  1. Superlative Degree เปรียบเทียบ ขั้นสุด

เมื่อต้องการเปรียบเทียบของตั้งแต่ 3 สิ่งขึ้นไป โดยใช้ Adjective ต้องมีการใช้รูป Adjective ดังนี้

Subject + Verb to be + the + Adjective (ขั้นสุด)

Adjective ขั้นสุด ที่ใช้เปรียบเทียบของ 3 สิ่งในขั้น Superlative Degree ปกติจะใช้ the แล้วตามด้วย Adjective ที่เติม “est” ต่อท้าย แต่ถ้า Adjective ที่มีตั้งแต่ 3 พยางค์ขึ้นไป จะใช้คำว่า “the most” นำหน้า โดย Adjective ใช้รูปเดิม เช่น the happiest / the easiest / the thickest / the most beautiful / the most meaningful

ตัวอย่างประโยค “ขั้นสุด”

I am happy today.

I am happier than you today.

I am the happiest person on my birthday.

Final exam is very easy.

Final exam is easier than midterm exam.

Final exam is the easiest exam.

She is very beautiful

She is more beautiful than her sister.

She is the most beautiful girl in her class.

Adjective “ขั้นกว่า” และ “ขั้นสุด” กรณีพิเศษ

          กฎการเติม er / est ของ adjective ที่มี 1-2 พยางค์ หรือใช้ more than ใน adjective ขั้นกว่า หรือ the most ใน adjective ขั้นสุดของ adjective 3 พยางค์ขึ้นไปนั้นเราได้เรียนรู้กันไปแล้ว อย่างไรก็ตาม อย่างที่ทราบกันว่าภาษาอังกฤษนั้นดิ้นได้ แม้จะมีกฎแต่ก็ไม่ตายตัวและมีข้อยกเว้นอยู่เสมอ ซึ่งเรื่อง adjective ขั้นกว่า ขั้นสุด ก็เหมือนกัน มี adjective อยู่จำนวนหนึ่ง ที่ไม่เป็นไปตามกฎเมื่อต้องการเปรียบเทียบ โดยต้องมีการเปลี่ยนเป็นอีกคำหนึ่งแทน ต้องอาศัยการจดจำเท่านั้น ซึ่งคำเหล่านี้ถ้าอ่านหนังสือบ่อย ๆ ก็ช่วยให้จำได้แม่นยำ ดังนี้

รูปปกติ / ขั้นกว่า / ขั้นสุด

good / better than / the best

bad / worse than / the worst

little / less than / the least

much / more than / the most

far / farther than หรือ further than / the farthest หรือ the furthest

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


CEE.Store จับมือ KMITL ร่วมพัฒนา Gadget ของคนไทยผลักดันสู่เชิงพาณิชย์

บริษัทโซเชียลแล็บ จํากัด ประกาศความร่วมมือกับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ทางด้าน วิชาการ เพื่อร่วมมือวิจัยและพัฒนาการออกแบบสินค้า รวมถึงผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมของนักศึกษาและ คณาจาร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ผลักดันสู่เชิงพาณิชย์ให้สอดคล้อง กับความต้องการของตลาด ภายใต้แบรนด์ CEE.Store by Social Lab

ปลดล็อกศักยภาพของนักนวัตกรรมไทยเปลี่ยนงานวิจัย ให้กลายเป็นสินค้านวัตกรรมที่ใช้งานได้จริงและสามารถสร้างมูลค่าเบ่ง พาณิชย์ ทําให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีบทบาทในระบบเศรษฐกิจมาก 

วัตถุประสงค์ของความร่วมมือในครั้งนี้ประกอบด้วย

  1. ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ให้กับคนรุ่นใหม่ รวมถึงคณาจารย์และ นักศึกษา ที่สนใจในด้านสถาปัตยกรรม ศิลปะ การออกแบบ ผลักดันให้การพัฒนาสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ เชิงนวัตกรรม ประสิทธิผลมากขึ้น จากโจท ความต้องการของตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของ ร้านค้า
  2. สร้างและส่งเสริมบุคลากรรุ่นใหม่ ผ่านการแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางวิชาการด้านงานออกแบบและ สร้างสรรค์ รวมถึงให้ความสนับสนุนทั้งบุคลากร วัสดุ อุปกรณ์ในการพัฒนาการเรียนการสอน การบริการ วิชาการ รวมถึงการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ ครอบคลุม เกี่ยวกับทาง ด้านสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ เพื่อใชในการสร้างสรรค์และพัฒนาสินค้านวัตกรรม
  3. ร่วมวิจัย ศึกษา วิเคราะห์ความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคเกี่ยวกับการใช้ ผลิตภัณฑ์และ เทคโนโลยี ต่อยอดและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ด้วยการดีไซน์ให้ตรงความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น
  4. 4.คัดเลือกผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่มีศักยภาพในการพัฒนา ผลิตและผลักดันออกจัดจําหน่าย พร้อมจัดหา พันธมิตร เพื่อขยายผลงานวิจัยสูตลาดเชิงพาณิชย์ทั้งใน และต่างประเทศ

ทางด้าน คุณฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ กล่าวว่า 

“บริษัทโซเชียลแล็บเองมีนโยบายในการช่วยยกระดับสังคมไทยผ่านสื่อทุกประเภทมาตลอด ตั้งแต่ปี 2019 เราได้ริเริ่มโครงการ C.Space กับทางทรูดิจิทัลพาร์ค และพันธมิตรที่เป็นผู้นำเข้าชั้นนำของ ประเทศ เรามองว่าการสร้างสินค้านวัตกรรมเป็นโอกาสสําคัญในการเปิดตลาดโลก ซึ่งนักออกแบบและ นักสร้างนวัตกรรมจะต้องทำความเข้าใจและมองไปในทิศทางเดียวกัน

ตัวซีเองในฐานะ Techonology Promoter ที่มีโอกาสเดินงานสินค้านวัตกรรมของต่างประเทศมามากกว่า 10 ปี เราได้เห็นวิสัยทัศน์และปัญหาของแต่ละประเทศ ที่นำเสนอผ่านวิธีการคิดในการแก้ปัญหา ออกมา

เป็นสินค้านวัตกรรมต่างๆ ทุกประเทศพยายามน่าไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของคนในชาติมาเป็นจุด ตั้งต้นในการคิดค้นสินค้าขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ตลาดแบบสร้างสรรค์ ไทยเราเองก็ควรมุ่งเน้นด้านนี้เป็นเดียวกัน เพื่อผลักดัน Soft Power ในด้านของนวัตกรรม

ในความร่วมมือ กับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังในครั้งนี้ บริษัทโซเชียลแล็บ รู้สึกใจและยินดีมาก ที่จะได้ร่วมช่วยส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาของนักเรียน นักศึกษา รวมถึงคนรุ่นใหม่ ที่ สนใจการออกแบบ บค่าเพิ่งนวัตกรรมจริงๆ เพื่อให้ได้มีสินค้านวัตกรรมไทย ฝีมือคนไทย น่าขายใน ตลาดไทยเพิ่มมากขึ้น

รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมมือกับ บริษัท โซเชียลแ บ บึงเป็นผู้นำและเชี่ยวชาญในการปาเสนอบ่าวสารด้านเทคโนโลยีด้วยประสบการณ์ กว่า 10 ปี ที่ครอบคลุมการผลิตสื่อท้งออนไลน์และออฟไลน์แบบครบวงจร รวมถึงการผลักดันนวัตกรรม ไทยไปสู่สากล

ความร่วมมือในวันนี้ยังมุ่งหวังที่จะสร้างความร่วมมือทางวิชาการวิจัยและพัฒนา ในการออกแบบสินค้า หรือผลิตภัณฑ์เบิงนวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการ ของธุรกิจ และส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาให คณาจารย์และนักศึกษามีโอกาสได้เรียนรู้ และพัฒนาทักษะในการออกแบบสินค้านวัตกรรม เพื่อผลิต บุคลากรที่มีความเป็นเลิศ ในอ่าน และเพื่อสร้างซอฟต์พาวเวอร่อ่านนวัตกรรมของไทย

ความร่วมมือ เกิดปันผ่านการทํางานร่วมกันของบุคลากรจากทั้งสองฝ่ายในการ ออกแบบสินค้าหรือ ผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของร้านค้า โดยการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ในตลาด เพื่อเฟีมมูลค่าผลิตภัณฑ์ด้วยการรีไชน์ หรือออกแบบใหม่ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค มาก น และคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการผลิตและน่าออกจัดจําหน่ายทั้งในและต่างประเทศ

ความตั้งใจของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มุ่งเน้นผลิตทรัพยากรมนุษย์ มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ควบคู่ริยธรรม และรักษาไว้ งศิลปวัฒนธรรมอันดีของ ประเทศ มุ่งมั่นที่จะพัฒนา ประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม วิจัย โดยมีเป้าหมายที่จะ เป็นผู้น่า นวัตกรรมระดับโลก “The World Master Of Innovation” และพร้อมพัฒนา ทรัพยากรมนุษ ของประเทศให้มีคุณภาพสูง ขับเคลื่อน สจล. ให้เป็นมหาวิทยาลัยค

 คาดว่าจะต้องมีเทคโนโลยีและ Gadget ฝีมือคนไทย ในแบบ Gadget สุดล้ำฝีมือคนไทย จะอออกมาเป็นอย่างไรรอติดตามกันไม่นานหลังจากนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


จิตวิทยาว่าด้วยการใส่เสื้อผ้าสีขาว ทั้งด้านบวก และที่ไม่มีใครรู้

จิตวิทยาของสีถูกนำไปใช้ในวงการต่างๆ เช่น การตลาดและโฆษณามานานหลายทศวรรษแล้ว พวกเขาถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการสื่อสารความรู้สึกและแนวคิดบางอย่างผ่านสื่อเชิงพาณิชย์และสื่อสร้างสรรค์ ในทำนองเดียวกันสีของชุดที่เราสวมใส่มีนัยยะแฝงที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการรับรู้ของผู้อื่น แม้ว่าตัวเราจะไม่ได้ถูกกำหนดโดยสีที่เราสวมใส่ และรูปลักษณ์ภายนอกก็เป็นเพียงส่วนเสริมของปัจจัยทางพฤติกรรมและลักษณะทางจิตวิทยาอื่นๆ อีกมากมาย แต่ศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่า สีมีบทบาทสำคัญในการปลูกฝังและกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกบางอย่าง ส่งผลต่อการตัดสินและการตัดสินใจของเรา

สีขาวเป็นสีที่มีความหมายและสัญลักษณ์มากมาย ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลและวัฒนธรรมที่พวกเขาอาศัยอยู่ ความหมายหลักบางประการที่มักเชื่อมโยงกับสีขาว ได้แก่ ความบริสุทธิ์ ความไร้เดียงสา ความสะอาด ความว่างเปล่า ความเย็น ความว่างเปล่า ความเรียบง่าย และมินิมัลลิสต์

สีขาว: ความกลาง ความเรียบง่าย และความหลากหลายไร้ที่สิ้นสุด

สีขาว ไม่เพียงเป็นสีกลางในแง่เทคนิคของทฤษฎีสี แต่ยังรวมถึงในแง่จิตวิทยาด้วย การสวมเสื้อผ้าสีขาว ไม่เคยทำให้ใครรู้สึกแย่ และธรรมชาติที่ชวนเชิญนั้นเป็นที่โอบอุ้มจากทุกคน สีขาวในระดับสากล แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ และเกี่ยวข้องกับความสะอาด ความเรียบง่าย และความมองโลกในแง่ดี เป็นสีที่ พระ ฤาษี และบุคคลทางจิตวิญญาณอื่นๆ เลือกใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะสื่อถึงความไร้เดียงสา คุณภาพที่ไม่เปื้อนรอยด่างและสิ่งไม่บริสุทธิ์ เจ้าสาวสวมชุดสีขาวเช่นกัน เพราะเน้นย้ำถึงความเยาว์วัย ความบริสุทธิ์ และความไร้เดียงสา

แต่ยังมีเหตุผลอื่น ๆ ที่จะพิจารณาใช้สีขาวสำหรับชุดของคุณ ด้วยความที่เป็นสีกลาง จึงเป็นสีที่หลากหลายมากทั้งในแง่ของการใช้ร่วมกับสีอื่น ๆ และในบริบทของโอกาสต่าง ๆ ที่สามารถใช้ได้ สีขาวยังไม่เปิดเผยบุคลิกภาพของผู้สวมใส่มากเกินไป ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับสถานการณ์ที่เราไม่รู้ว่าเราต้องการแสดงตัวอย่างไร

ความหลากหลายของสีขาว:

  • ชุดทำงาน: สีขาวเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับชุดทำงาน เพราะสื่อถึงความเป็นมืออาชีพ ความน่าเชื่อถือ และความสะอาดเรียบร้อย
  • ชุดลำลอง: สีขาว เหมาะสำหรับการแต่งตัวสบายๆ โดยไม่ทิ้งความเก๋ สามารถแต่งได้หลากหลายสไตล์
  • ชุดราตรี: ชุดราตรีสีขาว ช่วยเนรมิตให้ดูสง่างาม โดดเด่น และหรูหรา เหมาะสำหรับงานปาร์ตี้หรือโอกาสพิเศษ
  • มินิมอลลิสต์: สีขาวเป็นหัวใจสำคัญของสไตล์มินิมอลลิสต์ ช่วยสร้างลุคที่เรียบง่าย สะอาดตา และไม่หวือหวา

เคล็ดลับการแต่งตัวด้วยสีขาว:

  • เลเยอร์: เพิ่มลูกเล่นด้วยการใส่เสื้อผ้าสีขาวหลายชั้น เช่น เสื้อเชิ้ตทับเสื้อยืด หรือเดรสทับเลกกิ้ง
  • เครื่องประดับ: เติมสีสันและความน่าสนใจด้วยเครื่องประดับชิ้นเก๋
  • รองเท้า: เลือกโทนสีที่เข้ากัน หรือเพิ่มความโดดเด่นด้วยรองเท้าสีสันสดใส

สรุป:

สีขาว เป็นสีที่ทรงพลัง มีความหมายเชิงบวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความเรียบง่าย หรือความเป็นกลาง สีขาว สามารถใช้ได้หลากหลายโอกาส เหมาะสำหรับทุกคน และเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยเสมอ นอกจากนี้ ความหลากหลายของสีขาว ยังช่วยให้คุณสามารถครีเอทลุคใหม่ได้อย่างไม่รู้จบ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 25/01/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a34,050.0034,150.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,206.0033,442.9634,650.00
ทองรูปพรรณ 90%1,985.4030,098.66n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,764.8026,754.37n/a
ทองรูปพรรณ 50%993.0015,053.88n/a
ทองรูปพรรณ 40%772.0011,703.52n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,286.0034,655.76n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 25/01/2567



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9536.8536.8537.0536.8536.8536.8536.8536.8536.8536.85
แก๊สโซฮอล์ 9135.0835.0835.5835.0835.0835.0835.0835.0835.0835.08
แก๊สโซฮอล์ E2034.7434.7435.2434.7434.7434.7434.7434.7434.74
แก๊สโซฮอล์ E8534.8934.8934.89
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.2448.8449.5448.8444.24
เบนซิน 9544.7445.9145.2444.8944.74
ดีเซล B729.9429.9430.4429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5443.6446.9443.6443.6441.54
แก๊ส NGV19.5919.5919.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า