สาระน่ารู้ประจำวันที่ 25 เมษายน 2567

อาคารสำนักงานไตรมาสแรกปี67 ซัพพลายทะลักอัตราดูดซับลดลง

ตลาดอาคารสำนักงานไตรมาส 1/2567 อาคารสำนักงานนอกย่านศูนย์กลางธุรกิจ (non-CBD) มีความต้องการสูง สะท้อนได้จากการดูดซับอยู่ที่ 20,800 ตารางเมตร  

ไนท์แฟรงค์ เผยตลาดอาคารสำนักงานไตรมาสแรกปี 67 พื้นที่ย่านศูนย์กลางธุรกิจอัตราดูดซับลดลง 26,300 ตร.ม. แข่งขันรุนแรงจากซัพพลายใหม่เพิ่มขึ้น ขณะที่ทำเลนอกเมืองดีมานด์สูงขึ้น 

นายปัญญา เจนกิจวัฒนาเลิศ กรรมการบริหารและหัวหน้าส่วนงานตัวแทนนายหน้าพื้นที่สำนักงาน บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดอาคารสำนักงานไตรมาส 1/2567 อาคารสำนักงานนอกย่านศูนย์กลางธุรกิจ (non-CBD) มีความต้องการสูง สะท้อนได้จากการดูดซับอยู่ที่ 20,800 ตารางเมตร  

ตรงกันข้ามกับพื้นที่ย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ที่มีการดูดซับลดลง 26,300 ตารางเมตร เนื่องจากการย้ายสำนักงานจากอาคารเก่าไปอาคารใหม่ สวนทางความต้องการพื้นที่นอกย่านศูนย์กลางธุรกิจดีขึ้นหลังจากมีระบบขนส่งมวลชนครอบคลุมและทั่วถึง

เมื่อพิจารณาถึงอุปสงค์ พื้นที่ปล่อยเช่าแล้วทั้งหมดในตลาดสำนักงานในกรุงเทพฯลดลง 5,500 ตารางเมตร คิดเป็นพื้นที่เท่าเดิมที่ 4.70 ล้านตารางเมตร ไตรมาสนี้การดูดซับสุทธิของสำนักงานเกรด B เริ่มติดลบ แต่ตลอดปีที่ผ่านมาทุกเกรดมีการดูดซับสุทธิเป็นบวก เกรด A มีการเข่าพื้นที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับปีก่อน

ตอบโจทย์สิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย ทำเลกลางใจเมือง รับรองมาตรฐานอาคารสีเขียวเพื่อรองรับกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

ไตรมาสแรกปีนี้มีซัพพลายเพิ่มขึ้น 52,700 ตารางเมตร หรือ 0.9% ไตรมาสต่อไตรมาส เป็น 6.10 ล้านตารางเมตร มีอาคารสำนักงานใหม่ 2 แห่งสร้างแล้วเสร็จในได้แก่ อาคารปัญญ์ ทาวเวอร์ บนถนนพระราม 4 และเจแอลเค ทาวเวอร์ เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้านานา

นายปัญญา ระบุว่า ค่าเช่าเฉลี่ยในไตรมาสแรกอยู่ที่ 814 บาท ต่อตารางเมตรต่อเดือน ลดลงเล็กน้อย 0.4% ไตรมาสต่อไตรมาส และ 0.5% ปีต่อปี ค่าเช่าเฉลี่ยของอาคารเกรด A อยู่ที่ 1,178 บาท เกรด B อยู่ที่ 833 บาทลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 0.8% ไตรมาสต่อไตรมาส และ 0.9% ปีต่อปี และเกรด C อยู่ที่ 510 บาท ค่าเช่าเกรด A และ C มีการเปลี่ยนแปลง 0.5%

ค่าเช่าเฉลี่ยของอาคารย่านศูนย์กลางธุรกิจคงที่ที่ 935 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ขณะที่อัตราการครอบครองเฉลี่ยลดลง 2% ไตรมาสต่อไตรมาส อยู่ที่ 78% ย่านเพลินจิต-ชิดลม-วิทยุ มีอัตราการครอบครองเพิ่มขึ้น 2.7% ปีต่อปี เป็น 81% ขณะเดียวกัน อาคารย่านนานา-อโศก-พร้อมพงษ์ และสีลม-สาทร-พระราม 4 ส่งผลให้ค่าเช่าเติบโตมากกว่า 1% ปีต่อปี แต่อัตราการครอบครองลดลง 5% ปีต่อปี

ในไตรมาสนี้ อัตราการดูดซับสุทธิของย่านศูนย์กลางธุรกิจลดลงเหลือติดลบ 26,300 ตารางเมตร สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ว่างให้เช่าของอาคารสำนักงานเก่าย่านสีลม-สาทร-พระราม 4

ค่าเช่าเฉลี่ยของอาคารนอกศูนย์กลางธุรกิจลดลง 1.2% ไตรมาสต่อไตรมาส อยู่ที่ 652 บาท ต่อตารางเมตรต่อเดือน ขณะที่อัตราการครอบครองเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.8% ไตรมาสต่อไตรมาส เป็น 75% ตรงกันข้ามกับอาคารย่านศูนย์กลางธุรกิจ พื้นที่นอกศูนย์กลางธุรกิจมีอัตราการดูดซับสุทธิเป็นบวกที่ 20,800 ตารางเมตร ในไตรมาสที่ 1 และ 82,900 ตร.ม.

ในปีที่ผ่านมา ค่าเช่าพื้นที่ย่านนอกศูนย์กลางธุรกิจลดลงทั้งรายไตรมาสและรายปี ทำให้อัตราการครอบครองเพิ่มขึ้น ย่านพหลโยธิน-วิภาวดี มีอัตราการครอบครองสูงสุด เพิ่มขึ้น 3.8% ปีต่อปี และมีการดูดซับสุทธิที่แข็งแกร่งที่ 20,600 ตารางเมตร

“ตลาดสำนักงานใน CBD การแข่งขันสูง อาคารเก่าซึ่งก่อนหน้านี้จัดอยู่ในเกรด A หรือ B มีความน่าดึงดูดน้อยลง ขณะที่อาคารใหม่ใช้กลยุทธ์ราคาส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้เช่าในการต่ออายุสัญญาเช่าหรือการย้ายสำนักงานใหม่ ปัจจัยเหล่านี้จึงเป็นความท้าทายของอาคารเก่าต้องปรับตัว”

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ถอดรหัส’เศรษฐา‘ปั้นมารีน่าเบย์เทียบชั้นสิงคโปร์ บูมเศรษฐกิจไทย

หากสามารถพัฒนาพื้นที่คลองเตยได้จริง เชื่อว่าจะมีความสมบูรณ์กว่าสิงคโปร์ เพราะเชื่อมต่อย่านพระราม 4 ที่มีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจใหม่

ไล่เรียงไทม์ไลน์นโยบายและโปรเจกต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยก่อนช่วงมหาเทศกาลสงกรานต์เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา  

นายกฯ เสนอให้พิจารณาการย้ายท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) ออกจากพื้นที่กรุงเทพมหานครเพื่อให้การพัฒนาพื้นที่บริเวณท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งประชาชนชาวกรุงเทพฯ ในภาพรวม สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง

วันที่ 4 เม.ย. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ออกหนังสือเวียน ถึง “กระทรวงคมนาคม” แจ้งข้อสั่งการ “นายกฯ” ย้าย “ท่าเรือคลองเตย-คลังน้ำมัน” 

วันที่ 9 เม.ย.ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ

ต่อมา ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งยังมีประเด็นการพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ ที่มีเป้าหมายในการดึงดูดนักลงทุนและผู้มีความเชี่ยวชาญพิเศษที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตให้มาลงทุนในประเทศไทย

 การปรับกระบวนการทางกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการถือครองทรัพย์สิน หนึ่งในนั้น คือ การทบทวนหลักเกณฑ์สำหรับชาวต่างชาติในการขยายเวลาเช่าที่ดิน จากเดิม 30 ปี ขยายเป็น 90 ปี และกำหนดการเช่าให้เป็นทรัพยสิทธิ (Real Right)

วันที่ 19 เม.ย. นายกฯ พบ นักธุรกิจตะวันออกกลาง-จีน ระบุถึง EMAAR Group ผู้สร้างตึก Burj Khalifa เตรียมนำเทคโนโลยีสมัยใหม่สร้างตึกสูงที่สุดในโลกในไทย รองรับห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน ศูนย์กลางทางการเงิน โรงแรม และศูนย์บันเทิงครบวงจร เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่แบบ man-made

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ คือการต่อจิ๊ก ของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ในการสร้างนิวเอสเคิร์ฟให้เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ เทียบชั้น มารีน่าเบย์ (Marina Bay) ประเทศสิงคโปร์ 

ความเห็นของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ อย่าง  ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกกิตติมศักดิ์สมาคมอาคารชุดไทยและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มองว่า พื้นที่การท่าเรือถือเป็นความหวังของประเทศไทย ในการพัฒนาพื้นที่กรุงเทพฯ ให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในโมเดลเดียวกับ “มารีน่า เบย์” ในสิงคโปร์  แลนด์มาร์กยอดนิยม เป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากต่างประเทศ โครงการประกอบด้วยโรงแรม กาสิโน ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ มากมาย

“หากสามารถพัฒนาพื้นที่คลองเตยได้จริง เชื่อว่าจะมีความสมบูรณ์กว่าสิงคโปร์ เพราะเชื่อมต่อย่านพระราม 4 ที่มีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจใหม่ ซึ่งมีโครงการขนาดใหญ่ทั้งวันแบงค็อก ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค และมีโรงแรม 5 ดาวจำนวนมาก เราสามารถจัดคอนเสิร์ตระดับโลกได้เหมือนคอนเสิร์ต เทย์เลอร์ สวิฟต์ ในสิงคโปร์ มีซูเปอร์ทาวเวอร์เลียบแม่น้ำเจ้าพระยา โครงการแบบนี้ต้องอยู่ริมน้ำทั้งนั้น เป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้คนเข้ามาดูวิวกรุงเทพฯ ฝั่งตรงข้ามบางกะเจ้า ดึงสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ยูนิเวอร์แซล มาลงทุนทำให้นักท่องเที่ยวมาไทยไม่ต้องไปไหนแล้ว”

ดึงนักลงทุนปั้น man-made สร้างรายได้

ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่แบบ man-made เพื่อดึงคนต่างชาติเข้ามาสร้างรายได้ให้ลูกหลานคนไทย เพียงแต่รัฐบาลทำหน้าที่เป็น “เจ้าภาพ” เพราะพื้นที่ท่าเรือมีขนาดใหญ่มาก สามารถพัฒนาโครงการขนาดใหญ่จำนวนมากในรูปแบบการให้เช่าระยะยาว (Leasehold) มากกว่า 30 ปี 

สอดคล้องแนวคิด “นายกฯ เศรษฐา” ขยายระยะเวลาการเช่ายาวขึ้นเพื่อจูงใจให้ต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์และลงทุนโครงการในระยะยาว 99 ปี ทำให้เกิดการสร้างงานในประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพื้นที่บริเวณนั้น เพราะเมื่อหมดสัญญาเช่าพื้นที่ยังคงอยู่ในประเทศ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจในประเทศ

“ที่สำคัญจะกลายเป็นพื้นที่ราชการต้นแบบในการพัฒนาโครงการเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้เข้าประเทศมากขึ้น สามารถขยายความเจริญไปถึงพระราม 2 ส่วนบางกะเจ้าอนุรักษ์ไว้ให้เป็นพื้นที่สีเขียว เพียงแค่นี้สิงคโปร์ต้องหนาวแล้ว!”

สร้างนิวเอสเคิร์ฟ&อนุรักษ์ชุมชน

สุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์คอนซัลติ้ง จำกัด เห็นด้วยว่า ท่าเรือคลองเตยเป็นทำเลที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ โดยไม่ติดข้อจำกัดเหมือนพื้นที่ใจกลางเมือง อาทิ ความสูง และสามารถเชื่อมต่อย่านพระราม 4 สีลม สาทร ถือเป็นทำเลยุทธศาสตร์ที่ดีในการพัฒนาเมกะโปรเจกต์ ที่ผสมผสานระหว่างโครงการมิกซ์ยูสและลักชัวรีเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว เพื่อเพิ่มมูลค่าไม่แพ้ทำเลใจกลางเมืองในปัจจุบัน

“หากจะพัฒนาโครงการในพื้นที่ท่าเรือคลองเตย ต้องเป็นรูปแบบการให้เช่าระยะยาว ให้กลุ่มทุนที่เข้ามาพัฒนาโครงการ น่าจะต้องดึงต่างชาติเข้ามาลงทุน ซึ่งการทำตึกสูงระฟ้าทั่วโลกกว่าจะทำกำไรต้องใช้เวลานาน เพราะค่าก่อสร้างสูง”

สิ่งที่ประเทศไทยจะได้รับนอกเหนือจากค่าเช่า หรือในรูปแบบของแบ่งปันผลกำไร (profit-sharing) ก็คือ การพัฒนาพื้นที่รอบทำเลนั้นๆ ทำให้พื้นที่ย่านนั้นเจริญขึ้น มีการทรานฟอร์มของคนในพื้นที่เสมือนเมืองใหญ่ในต่างประเทศ อย่าง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ แต่จะมีการอนุรักษ์ชุมชนรอบข้างไว้เพื่อเป็นแหล่งงานที่เข้าไปให้บริการในโครงการ หรือพัฒนาพื้นที่รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาสัมผัสชีวิตของผู้คนในชุมชน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาอีกรูปแบบหนึ่ง

ยกตัวอย่าง ชุมชนบ้านครัว ย่านบรรทัดทอง มีคาเฟ่ กาลิเลโอ เจ้าของที่รีโนเวทจากตึกแถวเก่ามาเป็นโฮสเทลในช่วงโควิด อัตราเข้าพักกว่า 90% ราคาเฉลี่ยคืนละ 2,000 บาท ด้านล่างเป็นร้านกาแฟ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการมาสัมผัสวิถีชีวิตคนในชุมชนเก่า

“ถือเป็นการสร้างนิวเอสเคิร์ฟใหม่ที่ผสมผสานกับความเก่าของพื้นที่ ให้คนในพื้นที่มีรายได้ มีอาชีพ อยู่ได้ ท่ามกลางความเจริญที่เกิดขึ้น โดยอาศัยโครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคมที่รัฐบาลลงทุนมาต่อยอดไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า ทางด่วนให้เกิดความคุ้มค่าในการสร้างส่วนต่อขยาย”

อย่างไรก็ตาม หากดูราคาซื้อขายที่ดินในทำเล ชิดลม-วิทยุ-หลังสวน ที่นำมาพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสย้อนหลังไป 14 ปีที่ผ่านมาจะพบว่า ราคาที่ดินเติบโตขึ้นถึง 3 เท่าจากวันที่ซื้อ!  นั่นหมายความว่า หากเกิดเมกะโปรเจกต์ที่มีโครงมิกซ์ยูสในพื้นที่ท่าเรือคลองเตยจะทำให้มูลค่าที่ดินในย่านนั้นสูงขึ้นไม่แพ้กับที่เคยเกิดขึ้นใน ชิดลม-วิทยุ-หลังสวน อย่างแน่นอน!

ที่ดินย่านนั้นมีจำกัด เหลือน้อยมาก ดังนั้น ราคามีโอกาสพุ่งทะยานไม่ต่างกับทำเลในเมืองอย่างชิดลม วิทยุ หลังสวน แน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 25เม.ย. “อ่อนค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 37.08 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวผันผวนสูง อาจยิ่งถูกกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมเข้าซื้อทองคำ หากราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ควรปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ไฮไลท์สำคัญคืนนี้อยู่ที่ รายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกของปี 2567

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 25เม.ย. 2567 ที่ระดับ  37.08 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  37.02 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า  แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนคาของเงินบาทมีกำลังมากขึ้นอีกครั้ง ตามการรีบาวด์ขึ้นของเงินดอลลาร์ ซึ่งเงินดอลลาร์ก็อาจแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ (พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ)

หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด จนทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด และเริ่มมองว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้เพียง 1 ครั้ง หรือไม่ลดดอกเบี้ย ซึ่งในกรณีดังกล่าว เงินบาทก็อาจยิ่งถูกกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมเข้าซื้อทองคำ หากราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

นอกจากนี้ เงินบาทก็ยังคงเผชิญแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ เงินบาทเสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซน 37.15-37.25 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ต้องรอจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ว่าจะทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมหรือไม่

เพราะหากนักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทย ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง อีกทั้ง ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็อาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ หรือขายทำกำไรสถานะ Short THB ในช่วงโซนแนวต้านดังกล่าวเช่นกัน

อนึ่ง เรายังคงมองว่า ผู้เล่นในตลาดยังคงต้องเฝ้าระวังและติดตามความเสี่ยงที่ทางการญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงตลาดค่าเงิน เพื่อหนุนให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังเงินเยนได้อ่อนค่าทะลุโซน 155 เยนต่อดอลลาร์ โดยเรามองว่า ทางการญี่ปุ่นอาจรอจังหวะที่โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินดอลลาร์เริ่มแผ่วลงชัดเจน ซึ่งอาจต้องเห็นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอลงต่อเนื่อง จนทำให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด และเริ่มกลับมาคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟดราว 2-3 ครั้งในปีนี้ มากขึ้น

เรามองว่า เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวผันผวนสูง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.95-37.20 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาททยอยอ่อนค่าลง ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันก่อนหน้า (แกว่งตัวในช่วง 36.87-37.11 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยการพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์ และการรีบาวด์ขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

โดยภาพดังกล่าวก็ยังกดดันให้ ราคาทองคำมีจังหวะย่อตัวลงสู่โซน 2,320-2,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวลงบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง

นอกจากนี้ เรายังคงเห็นแรงซื้อเงินดอลลาร์จากผู้เล่นในตลาด การรอจังหวะเพิ่มสถานะ Short THB ของผู้เล่นต่างชาติ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ ทำให้เงินบาทไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ และพลิกกลับมาทยอยอ่อนค่าลง

บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น เพื่อรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ที่เหลือในสัปดาห์นี้ ทั้ง GDP ไตรมาสแรกของปี 2024

และอัตราเงินเฟ้อ PCE ทำให้แม้ว่าโดยรวมรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนจะเริ่มออกมาดีกว่าคาดและส่งผลดีต่อหุ้นบางส่วน เช่น Texas Instrument +5.6% แต่ดัชนี S&P500 ก็ปิดตลาดเพียง +0.02%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาลดลง -0.43% ท่ามกลางความกังวลผลประกอบการของกลุ่มธนาคาร ที่กดดันให้บรรดาหุ้นกลุ่มธนาคารต่างปรับตัวลดลง อาทิ UBS -2.9% อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ อย่าง หุ้นกลุ่ม Semiconductor ตามความหวังแนวโน้มผลประกอบการที่สดใส

ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รีบาวด์ขึ้น สู่ระดับ 4.64% หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ทั้ง GDP ไตรมาสแรกของปีนี้ และ อัตราเงินเฟ้อ PCE  ซึ่งหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ออกมาดีกว่าคาด ก็จะยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดมากขึ้น

ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสผันผวนสูงขึ้นต่อทดสอบโซน 4.70% ได้ไม่ยาก อย่างไรก็ดี เราคงมองว่า บอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ นั้นมีความน่าสนใจในทุกจังหวะการปรับตัวขึ้น (เน้นกลยุทธ์ทยอย Buy on Dip) โดยมี Risk-Reward ที่คุ้มค่ามากขึ้น

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์รีบาวด์แข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มกลับมาระมัดระวังตัวมากขึ้น เพื่อรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อีกทั้ง เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็ผันผวนอ่อนค่าลงทะลุโซน 155 เยนต่อดอลลาร์ หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้บ้าง โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) รีบาวด์ขึ้นสู่โซน 105.8 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.7-105.9 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปได้ และยังคงแกว่งตัวแถวโซน 2,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะปรับฐาน และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำดังกล่าว ก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าในช่วงคืนที่ผ่านมา ทั้งนี้ เราประเมินว่า หากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นได้ราว 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็อาจเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรได้บ้าง ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท

 สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกของปี 2024 ซึ่งหากเศรษฐกิจยังขยายตัวได้แข็งแกร่งและดีกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างยังคงกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ส่งผลให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อได้

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของทาง ECB ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจว่า ECB จะเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ตั้งแต่การประชุมเดือนมิถุนายนนี้

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ทั้ง Microsoft, Alphabet และ Intel ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้พอสมควรในช่วงนี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 6 เดือนครึ่งครั้งใหม่ที่ 37.148 บาทต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดนับตั้งแต่ 6 ต.ค. 2566 ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 37.09-37.11 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.09 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 37.05 บาทต่อดอลลาร์ฯ

เงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย นำโดย เงินเยน (ซึ่งทำสถิติอ่อนค่าสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2533) ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นตามบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้น ประกอบกับน่าจะมีแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ ก่อนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/67 ของสหรัฐฯ ในคืนนี้ด้วยเช่นกัน

 อนึ่ง ตลาดยังคงติดตามท่าทีของทางการญี่ปุ่น หลังเงินเยนอ่อนค่าลงมากจนทะลุแนว 155 เยนต่อดอลลาร์ฯ รวมถึงผลการประชุม BOJ ซึ่งประชุม 25-26 เม.ย. นี้อย่างใกล้ชิด

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 37.00-37.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ (ช่วงจ่ายเงินปันผล) ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สถานการณ์ในตะวันออกกลาง และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 (advanced) และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนมี.ค.

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เต็ง 1 ลอยลำเข้า 16 คน เทนนิสไทยแลนด์แชมป์เปี้ยนชิพ สนาม 3

“อีฟ” พัชรินทร์ ชีพชาญเดช เต็ง 1 ประเภทหญิงเดี่ยว ควง “โอเว่น” ธนเพชร ฉันทะ เต็ง 1 ประเภทชายเดี่ยวของรายการคว้าชัยลอยลำเข้ารอบ 16 คน เทนนิสอาชีพ รายการ ไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนชิพ ประจำปี 2567 สนามที่ 3

การแข่งขันเทนนิสอาชีพ รายการ ไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนชิพ ประจำปี 2567 สนามที่ 3 ชิงเงินรางวัลรวม 600,000 บาท พร้อมคะแนนสะสมอันดับประเทศไทย ณ ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี เมื่อ 24 เม.ย. 67 เป็นไปอย่างสนุก โดยเต็ง 1 ของรายการทั้งประเภทชายและหญิง ผ่านเข้ารอบได้ตามคาด

ในประเภทหญิงเดี่ยว รอบสอง (32 คน) “อีฟ” พัชรินทร์ ชีพชาญเดช นักเทนนิสสาวขอนแก่น มือ 5 ของไทย และยังเป็นเต็ง 1 ของรายการ พบกับรุ่นน้องดาวรุ่ง “มาหยา” มาหยา บุญญาอรุณเนตร สาวกรุงเทพฯ มือ 37 ของไทย โดยเซตแรก พัชรินทร์ โชว์เกมหวดที่เฉียบขาด เอาชนะได้ไม่ยาก 6-1 เซตสอง มาหยา เค้นฟอร์มเก่งออกมาสู้ ทำให้เกมเป็นไปอย่างสูสี และมีโอกาสขึ้นนำ 4-2 ทว่า พัชรินทร์ ดีกรีแชมป์หญิงเดี่ยว 2 สนามที่ผ่านมา ยังรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้ เก็บแต้มแซงเอาชนะไปในที่สุด รวมชนะ 2-0 เซต 6-1 และ 6-4  ผ่านเข้ารอบสาม หรือ 16 คนสุดท้าย ไปพบกับ พิมพ์ลภัส ลิม จากกรุงเทพฯ มือ 33 ของไทย ที่ชนะ ปทิตตา สิงห์ทอง จากนนทบุรี มืออันดับ 46 ของไทย 2-0 เซต 6-1 และ 6-0

ด้านประเภทชายเดี่ยว “โอเว่น” ธนเพชร ฉันทะ นักหวดหนุ่มประจวบคีรีขันธ์ มือ 5 ของไทย และมือ 1 ของรายการ เดินหน้าเข้ารอบ 16 คนได้ตามคาด หลังจากหวดชนะ สูงเสียดฟ้า สิรศักดิ์ชัยกุล จากนครปฐม ในรอบสาม (32 คน) ด้วยสกอร์ 6-0 ทั้งสองเซต สำหรับการแข่งขันในรอบ 16 คน ธนเพชร จะพบกับ จิรัฏฐ์ นวสิริสมบูรณ์ จากกรุงเทพฯ ที่ชนะ เยฟเกนี โดโรคอฟ หนุ่มรัสเซีย จากชลบุรี 2-0 เซต 6-1 และ 6-0

ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่นๆ มีดังนี้ หญิงเดี่ยว รอบสอง บุณยวีร์ ธรรมไชยวัฒน์ (นครราชสีมา) ชนะ ชินบัญชร สร้อยทอง (ชลบุรี) 6-0, 4-1 Ret. (เจ็บสะโพก), ปพิชญา อิสโร (สงขลา) ชนะ พิมพ์มาดา ลิม (กทม.) 2-0 เซต 6-2, 6-4, วรรษชล สวัสดี (พิษณุโลก) ชนะ กัญจน์ชญา จูงวัฒนา (กทม.) 6-1, 3-1 Ret. (ปวดท้อง), ปิยธิดา รังแก้ว (นครสวรรค์) ชนะผ่าน ภาวินี ร่วมรักษ์ (กทม.), นาตาชา แสงพระจันทร์ (ชัยภูมิ) ชนะ ลีเดียร์ พอดโกริซานี่ (สุราษฎร์ธานี) 2-0 เซต 6-3, 6-1, อมิตตาลัย ประสูตรนาวิน (ราชบุรี) ชนะ ปวรภา ไทเมืองพล (ขอนแก่น) 2-0 เซต 6-0, 6-1

วันใส กสิกรรมไพบูลย์ (ยะลา) ชนะ โชติกา สิงคำสอน (นนทบุรี) 2-0 เซต 6-1, 6-1, ไทร่า ลิธิบี (กทม.) ชนะ ณัชชารีย์ ธีรโชติจิรานนท์ (ประจวบคีรีขันธ์) 2-0 เซต 6-0, 6-4, พิมพ์มาดา ทองคำ (สุราษฎร์ธานี) ชนะ ภวิษย์พร โพธิ์พันธุ์ (กทม.) 2-0 เซต 6-1, 6-2, วรันธร ลิ้มเจริญ (ขอนแก่น) ชนะ สิริน พงศ์ทองเมือง (กทม.) 1-0 Ret. (เจ็บนิ้วเท้า), ธนัชพร ยังโหมด (ชลบุรี) ชนะ กมลวรรณ บัวแย้ม (ชลบุรี) 3-1 Ret. (ป่วย), ตปณีย์ บุญวัฒน์ (นนทบุรี) ชนะ หนึ่งนรี กุลเรือง (ปทุมธานี) 6-1, 6-0

ชายเดี่ยว รอบสาม เลิศชัย รณรงค์ (ภูเก็ต) ชนะ พัทธ์ คงกิจภากรณ์ (ชลบุรี) 2-0 เซต 7-5, 6-3, ฐานทัพ สุขสำราญ (ลพบุรี) ชนะ ชัยภัช พูนพล (กทม.) 2-0 เซต 6-0, 6-0, อกนิษฐ์ พุ่มจิตร (เพชรบุรี) ชนะ กันตินันท์ สูตินันท์โอภาส (ลำปาง) 2-0 เซต 6-3, 6-3, กฤติน โกยกุล (พังงา) ชนะ ธนาธิป โปติ (นนทบุรี) 2-0 เซต 6-0, 6-1, ชญานนท์ แก้วสุทอ (สระบุรี) ชนะ ฐิติพันธ์ เลิศกมลสิน (สมุทรสาคร) 2-0 เซต 6-1, 6-1, สุทธิภัทร ยุนกระโทก (นนทบุรี) ชนะ วีรวิชญ์ กำพุฒ (กทม.) 2-0 เซต 6-3, 6-0, ณัฏฐญุตม์ นิธิธนนนต์ (อุดรธานี) ชนะ พงศธรรม อสัมภินพงศ์ (นนทบุรี) 2-0 เซต 6-0, 6-2, อนพัช ทิมางกูร (กทม.) ชนะ ชนาธร กางทอง (สกลนคร) 2-0 เซต 7-5, 6-2, คมธัช กิตตโชค (กทม.) ชนะ ณัฐกิตติ์ ธีรโชติจิรานนท์ (ประจวบคีรีขันธ์) 2-0 เซต 6-0, 6-0, ธิรวัต อยู่คง (กทม.) ชนะ ศรัทธาพิสุทธิ์ ไชยรักษ์ (ชลบุรี) 2-0 เซต 6-1, 6-0

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


แบบทดสอบ คุณเสี่ยง “โรคหัวใจ-หลอดเลือด” มากแค่ไหน

แบบทดสอบ คุณเสี่ยง “โรคหัวใจ-หลอดเลือด” มากแค่ไหน หลายท่านน่าจะรู้จักหรือคุ้นหูกับ กลุ่มโรค NCDs หรือ กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังกันไม่มากก็น้อย จากข้อมูลของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ระบุเอาไว้ว่า กลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable diseases) หรือ กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังนั้นเป็นชื่อเรียกกลุ่มโรคที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค ไม่สามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัส คลุกคลี หรือ ติดต่อผ่านตัวนำโรค (พาหะ) หรือสารคัดหลั่งต่างๆ แต่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ภายในร่างกาย

ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากไลฟ์สไตล์วิถีการใช้ชีวิต เช่น บุคคลที่มีพฤติกรรมดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ สูบบุหรี่เป็นประจำ บุคคลที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารหวานมันเค็มจัด บุคคลที่ขาดการออกกำลังกายก็มักจะเกิดกลุ่มอาการนี้ สำหรับประเทศไทย โรคในกลุ่ม NCDs ที่มีอัตราผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสูงสุด 6 โรค ได้แก่

  1. โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus)
  2. โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ (Cardiovascular & Cerebrovascular Diseases)
  3. โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
  4. โรคอ้วนลงพุง (Obesity)
  5. โรคถุงลมโป่งพอง (Emphysema)
  6. โรคมะเร็ง (Cancer)

Cardiovascular disease คืออะไร

อาจารย์ ดร.กภ.ธวัชชัย ลักเซ้ง แพทย์สาขากายภาพบำบัดระบบประสาท สำนักวิชาสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ระบุว่า Cardio หมายถึง “เกี่ยวกับหัวใจ” vascular หมายถึง “หลอดเลือด” disease หมายถึง “โรค” เมื่อเรานำความหมายมารวมกันทั้งหมด ก็จะหมายความว่าโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและหลอดเลือดต่างๆ ซึ่งจะประกอบไปด้วย โรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ เช่น โรคหัวใจ โรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจวายเฉียบพลัน ฯลฯ นอกจากนี้ยังหมายความรวมถึงโรคหลอดเลือดสมอง หรือ โรคอัมพาตครึ่งซีก (หรือ stroke) อีกด้วย

สาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือดเกิดจากวิถีชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม เช่นการรับประทานที่มากเกินพอดี รับประทานอาหารรสหวานจัด มันจัด เค็มจัด รับประทานผักผลไม้น้อย มีกิจกรรมทางกายลดลง ไม่ออกกําลังกาย เครียด และพักผ่อนไม่เพียงพอ ประกอบกับการสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ จะส่งผลให้เกิดภาวะนํ้าหนักเกิน อ้วน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน และนําไปสู่การเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในที่สุด

Thai CV Risk Score คืออะไร

Thai CV Risk Score คือ การนําปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด มาคิดเป็นคะแนนที่สามารถแปลผลเป็นตัวเลขความเสี่ยงสำหรับการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในอนาคต สําหรับคนไทยโดยเฉพาะ โดยในแต่ละประเทศก็จะมีชื่อของ risk score นี้ที่แตกต่างกันออกไป เช่น Framingham Risk Score for Hard Coronary Heart Disease จากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น

รูปที่ 1 ตัวอย่างแบบประเมิน Framingham Risk Score for Hard Coronary Heart Disease

Thai CV risk score พัฒนาจากการศึกษาอิทธิพลของปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดโดยตรง เป็นการติดตามคนไทยกลุ่มพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นระยะเวลายาวนานถึง 30 ปี มีผู้เข้าร่วมในโครงการถึง 9,000 คน โดยมีกลุ่มประชากรทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด (กาญจนบุรี และ ตาก) โดยสรุปปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด 8 ข้อ ดังนี้คือ

  1. อายุ (ปี)
  2. เพศ (หญิง/ชาย)
  3. การสูบบุหรี่ (สูบ/ไม่สูบ)
  4. โรคเบาหวาน (เป็น/ไม่เป็น)
  5. ความดันโลหิตตัวบน (มิลลิเมตรปรอท)

หากมีผลเลือดประกอบด้วย ก็จะใช้ค่า

  1. คอเลสเตอรอลรวม (Cholesterol) มีหน่วยเป็น mg/dl

หากท่านไม่มีผลเลือดก็จะใช้ค่าของ

  1. รอบเอว มีหน่วยเป็นนิ้ว และ
  2. ส่วนสูง มีหน่วยเป็นเซนติเมตร

วิธีประเมินความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในอนาคตด้วยตนเอง

  1. ไปที่เว็บไซต์ https://www.rama.mahidol.ac.th ของคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
  1. ใส่ค่าต่างๆให้เรียบร้อย โดยสามารถที่จะใช้ค่าผลเลือด หรือไม่ใช้ค่าผลเลือดก็ได้
  2. เมื่อท่านใส่ค่าต่างๆเรียบร้อยแล้วให้กดปุ่ม “แสดงผล”

โปรแกรมจะแสดงผลออกมาเป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์ของความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าว่าทำนายผลว่าอย่างไร โดยตัวเลขยิ่งน้อยยิ่งดี เช่น

ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจและหลอดเลือดในระยะเวลา 10 ปีของท่าน 4.33% จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงน้อยซึ่งใกล้เคียงกับระดับความเสี่ยงของคนไทยเพศเดียวกัน อายุเท่ากัน และปราศจากปัจจัยเสี่ยง

ข้อแนะนำเบื้องต้น

เพื่อป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดในอนาคต ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานผักผลไม้เป็นประจำ ลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และตรวจสุขภาพประจำปี

สิ่งที่พึงระวังในขณะที่ใช้โปรแกรมนี้

  1. ผลลัพธ์ที่ได้เป็นการประเมินความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตจากโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตันและโรคเส้นเลือดสมองตีบตันในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า
  2. ผลการประเมินและคำแนะนำที่ได้รับจากโปรแกรมนี้ไม่สามารถใช้แทนการตัดสินใจของแพทย์ได้
  3. การตรวจรักษาเพิ่มเติมหรือการให้ยารักษาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และการปรึกษากันระหว่างแพทย์และตัวท่าน
  4. ผลการประเมินนี้ห้ามนำไปใช้อ้างอิงในการค้า เช่น การทำประกันชีวิต และไม่สามารถใช้กับผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจหรือโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Prefix Suffix เทคนิคจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ขั้นเทพ!

Prefix Suffix คำศัพท์

“ เดาศัพท์ ให้ดูเซียน ช่วยให้คุณจดจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ง่ายมากขึ้น”

Prefix Suffix คือ อะไร?

Prefixes Suffixes มีประโยชน์อย่างยิ่งในการเรียนภาษาอังกฤษ หรือในการสอบภาษาอังกฤษ Prefixes Suffixes จะช่วยให้คุณจดจำคำศัพท์และช่วยให้คุณสามารถคาดเดาความหมายของคำศัพท์นั้นได้อย่างยอดเยี่ยม

Prefix แปลว่า อุปสรรค

เมื่อนำ Prefix ไว้ด้านหน้าคำศัพท์ใด ทำให้ความหมายของคำนั้นเปลี่ยนไป เช่น เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม, เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง, หรือช่วยบอกตำแหน่ง, เวลา, และจำนวนก็ได้

ตัวอย่าง

1. เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม , ความหมายเชิงปฎิเสธ (a-, im-, in-, ir- , un-, dis-) เช่น amoral, impossible , inconvenient , irreparable , unfair , dislike
2. ความหมายเกี่ยวกับสถานที่ , ตำแหน่ง (super- , sub- , inter-) เช่น superstructure , subway , international
3. ความหมายเกี่ยวกับเวลา (pre- , fore- , post-) เช่น prehistory , foretell , post-war
4. ความหมายเกี่ยวกับจำนวน (mono- , bi- ,tri- , multi-) เช่น monopoly , bicycle , triangle , multimedia

Prefix a-

meaning : not, without (แปลว่า ไม่)

  • amoral (adj) ไร้ศีลธรรม
  • anonymous (adj) นิรนาม, ไม่เปิดเผย
  • atypical (adj) ผิดแบบ, ผิดพวก, ผิดปกติ
  • achromatic (adj) ไม่มีสี
  • asymmetrical (adj) ไม่สมดุล, ไม่สมมาตร, ไม่ได้ส่วนสัด
  • asymmetry (n.)ไม่สมส่วนกัน

Prefix annu-, enni-

meaning : year (แปลว่า ปี)

  • annual (adj.) ประจำปี
  • anniversary (n.) วันครบรอบปี
  • biannual (adj.) สองครั้งต่อปี
  • annals (n.) บันทึกเหตุการณ์ประจำปี
  • millennium (n.) วันครบรอบพันปี‍ ‍

Sufflix แปลว่า ปัจจัย

เมื่อนำ Sufflix วางไว้ด้านหลังคำศัพท์ แล้วทำให้ความหมายชัดเจนขึ้น และส่วนใหญ่จะทำให้หน้าที่ของคำเปลี่ยนไปด้วย เช่น เปลี่ยนกริยาเป็นคำนาม, เปลี่ยนคำนามเป็นคำคุณศัพท์ เป็นต้น

ตัวอย่าง

1. Noun suffixes คือ suffixes ที่เติมแล้วเปลี่ยนให้เป็นคำนาม ( -ee, -er/-or , -ness , -sion/tion) เช่น employee , singer, director , happiness , expression , collection
2. Adjective suffixes คือ suffixes ที่เติมแล้วเปลี่ยนให้เป็นคุณศัพท์ (-able/-ible , -ful , -less , -ly , -ous) เช่น comfortable , horrible , beautiful , hopeless , daily , fabulous
3. Verb suffixes คือ suffixes ที่เติมแล้วเปลี่ยนให้เป็นคำกริยา (-ate , -en ,-ify , -ise/-ize) เช่น passionate , soften , identify , realise , categorize
4. Adverb suffixes คือ suffixes ที่เติมแล้วเปลี่ยนให้เป็นกริยาวิเศษณ์ (-ly, -ward(s), -wise) เช่น quickly , forwards , lengthwise

Suffix -ful

meaning : full of (เต็มไปด้วย)

  • hopeful มีความหวัง
  • useful มีประโยชน์
  • careful ระมัดระวัง
  • painful เจ็บปวด
  • thoughtful รอบคอบ
  • mindful ให้ความสนใจ
  • powerful มีพลัง
  • restful ผ่อนคลาย

Suffix -less

meaning : without (แปลว่า ปราศจาก)

  • hopeless สิ้นหวัง
  • useless ไร้ประโยชน์
  • careless ไม่ใส่ใจ
  • painless ไม่เจ็บปวด
  • thoughtless สะเพร่า
  • mindless ไม่สนใจ
  • powerless อ่อนแอ
  • restless ร้อนใจ

ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com


ตอบแล้วโหมด “Dry” ในแอร์มีไว้ทำไม เราควรใช้เมื่อไหร่

ในเครื่องปรับอากาศ หรือ แอร์ จะมีให้เลือกโหมดต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น Cool, Fan, Auto, และโหมด Dry ซึ่งหลายคนไม่รู้ว่าโหมด Dry แอร์คืออะไร มีไว้ทำไม และโหมด Dry ใช้ตอนไหน วันนี้ Sanook Hitech มีคำตอบครับ

โหมด Dry ในแอร์คืออะไร ทำความเข้าใจและใช้ให้ถูกเวลา

โหมด Dry ในแอร์หรือ โหมดลดความชื้นบนแอร์ มีไว้เพื่อควบคุมความชื้นภายในห้อง โดยเฉพาะในช่วงที่มีความชื้นสูง เช่น หน้าฝน หรือ ใช้งานในห้องที่มีขนาดเล็ก อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ซึ่งเวลาเปิดแล้ว จะรู้สึกว่า พัดลมจะไม่ทำงานบ้าง และความเย็นจะไม่ทำงาน ห้องจะแห้งมากขึ้น ซึ่งการทำงานของโหมด Dry แอร์จะคงความชื่นและกลั่นเป็นน้ำบนแผงทำความเย็นแล้วไหลกลับไปยังท่อน้ำทิ้ง และห้องจะเย็นลงเล็กน้อยแต่ความชื้นลดลงและรู้สึกสบายตัวไม่เหนียว

ข้อดีของโหมด Dry แอร์

  • ห้องจะลดความชื้นลง และทำให้รู้สึกสบายตัว เหมาะกับหน้าฝนที่มีอากาศถ่ายเทไม่สะดวกป้องกันเชื้อรา
  • ยืดอายุเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์บางอย่างที่ไม่ชอบความชื้น

ข้อสังเกตของโหมด Dry ในแอร์

  • ความเย็นของห้องจะเยอะทำให้คนที่ขี้หนาวไม่ชอบ
  • เป็นโหมดที่ไม่เหมาะกับอากาศหนาว หากเปิดแอร์โหมด Dry ไปนานๆ อาจจะทำให้ผิวแห้งได้

สรุปแล้วเปิดแอร์โหมด Dry ดีหรือไม่?

ต้องบอกว่าการเปิดโหมด Dry ในแอร์ที่เหมาะกับความชื้นจะทำให้รู้สึกสบายตัวก็จริงแต่ว่า โหมดนี้ถ้าเปิดนานๆ ก็อาจจะทำให้เกิดความแห้งมากเกินไป ดังนั้นจะเปิดแอร์โหมด Dry ให้ดีควรดูให้เหมาะสมก็ดีนะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


3 สมุนไพร บำรุงสมอง ป้องกันอัลไซเมอร์

แพทย์แผนไทยแนะ สมุนไพร 3 ชนิด ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะนำสมุนไพร 3 ชนิด ได้แก่ บัวบก พรมมิและ กลีบบัวแดง ช่วยบำรุงสมอง เพิ่มความจำป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงเพื่อให้ห่างไกลจากโรคดังกล่าว

โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) คืออะไร?

โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) เป็นโรคที่พบมากในผู้สูงอายุ ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาวิจัยพบว่า เกิดจากการสะสมของ amyloid plaques ในเซลล์สมอง ส่งผลให้สารสื่อประสาทอะเซติลโคลีนลดลง 

ปัจจัยเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์

  1. เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด 
  2. เป็นโรคความดันโลหิตสูง 
  3. เป็นโรคเบาหวาน 
  4. เป็นโรคอ้วน
  5. ปัจจัยด้านพันธุกรรม 

อาการเริ่มต้นของโรคอัลไซเมอร์

โรคอัลไซเมอร์ มักเป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน และการเข้าสังคม โดยอาการเริ่มต้น คือ 

  1. การถามคำถามเดิมซ้ำๆ 
  2. เริ่มคิดอะไรที่ซับซ้อนไม่ได้
  3. มีความลังเล ไม่สามารถตัดสินใจเรื่องง่ายๆ ได้ ฃ
  4. มีความวิตกกังวลมากขึ้น 
  5. ตื่นตกใจง่าย
  6. อาจมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงได้ 

3 สมุนไพร บำรุงสมอง ป้องกันอัลไซเมอร์

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จึงขอแนะนำสมุนไพร 3 ชนิด ป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ได้แก่ 

  1. บัวบก

บัวบก เป็นสมุนไพรที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี นิยมนำมารับประทานเป็นอาหารและเครื่องดื่ม มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย แก้อาการอ่อนเพลีย และแก้ช้ำใน 

จากรายงานการศึกษาวิจัย พบว่า สารสกัดจากบัวบก สามารถเพิ่มความจำและปรับสภาพ อารมณ์ในผู้สูงอายุที่มีภาวะความจำเสื่อมเล็กน้อย รวมถึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กพิการทางสมองได้ 

  1. พรมมิ หรือ ผักมิ

พรมมิ หรือ ผักมิ เป็นสมุนไพรอีกอย่างหนึ่งที่นิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลาย ใช้รับประทานเป็นผักลวกและจิ้มน้ำพริก ในตำราอายุรเวทของอินเดีย กล่าวว่า พรมมิ มีสรรพคุณช่วยเพิ่มความจำ บำรุงสมอง 

จากข้อมูลทางเภสัชวิทยา พบว่า พรมมิ มีสารออกฤทธิ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของความจำ การตัดสินใจ ช่วยปกป้องเซลล์สมอง มีฤทธิ์ต้านความจำเสื่อม ช่วยในเรื่องการนอนหลับ และลดความวิตกกังวลได้

  1. กลีบบัวแดง

กลีบบัวแดง จัดเป็นสมุนไพรที่มีรสหอมเย็น ที่มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ แก้ไข้ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ จากการศึกษาวิจัย พบว่า กลีบบัวแดงมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และมีฤทธิ์ยับยั้งการเกาะกลุ่มกันของโปรตีน เบต้าอะมัยลอยด์ ซึ่งมีผลช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อม ทั้งชนิดความจำระยะสั้นและความจำระยะยาวได้ 

กลีบบัวแดง สามารถนำมาชงเป็นชาดื่มได้โดยการนำกลีบบัวแดง ผสมกับเกสรทั้ง 5 ได้แก่ มะลิ พิกุล บุนนาค สารภี และเกสรบัวหลวง หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ในอัตราส่วน 1:1 ชงในน้ำร้อน ดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน 

วิธีลดเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์

นายแพทย์ขวัญชัย กล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากสมุนไพรที่แนะนำทั้ง 3 ชนิดแล้ว ท่านควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ คือ 

  1. งดสูบบุหรี่ 
  2. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
  3. ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ 
  4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 
  5. ดื่มน้ำมากๆ 
  6. พักผ่อนให้เพียงพอ

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับศาสตร์การแพทย์แผนไทย หรือ การใช้ยาสมุนไพรในการรักษาโรค สามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์แผนไทยในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐทั่วประเทศ หรือ ติดต่อโดยตรงที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หมายเลขโทรศัพท์ 0 2149 5678 หรือช่องทางออนไลน์ที่ เฟซบุ๊กและไลน์แอดกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 25/04/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a40,600.0040,700.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,630.0039,870.8041,200.00
ทองรูปพรรณ 90%2,367.0035,883.72n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,104.0031,896.64n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,184.0017,949.44n/a
ทองรูปพรรณ 40%921.0013,962.36n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,725.0041,311.00n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 25/04/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9539.9539.9540.9539.9539.9539.9539.9539.9539.9539.95
แก๊สโซฮอล์ 9138.8838.8839.8838.8838.8838.8838.8838.8838.8838.88
แก๊สโซฮอล์ E2037.8437.8439.1437.8437.8437.8437.8437.8437.84
แก๊สโซฮอล์ E8537.5937.5937.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม47.6449.4449.9449.4447.64
เบนซิน 9547.8449.0148.3447.9947.84
ดีเซล B730.9430.9431.5430.9430.9430.9430.9430.9430.9430.94
ดีเซล30.9430.9430.9430.9430.9430.9430.9430.9430.94
ดีเซล B2030.9430.9430.9430.94
ดีเซลพรีเมี่ยม42.9445.1446.9445.1445.1442.94
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า