สาระน่ารู้ประจำวันที่ 31 มกราคม 2567

คลังสินค้า-โรงงานให้เช่าบูมรับดีมานด์ย้านฐานผลิตภาคอุตสาหกรรม

มั่นคงเคหะการกางแผนปรับโครงสร้างธุรกิจชู “คลังสินค้า” และ “โรงงานให้เช่า” เรือธงหลักสร้างการเติบโตแบบยั่งยืนรับโอกาสภาคอุตสาหกรรมโลกขยายฐานการผลิตสู่อาเซียน

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายภายใต้แบรนด์บ้าน “ชวนชื่น” 2.ธุรกิจอาคารคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าผ่านบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด โดยถือหุ้นในบริษัท บีเอฟทีแซด วังน้อย จำกัด (BFTZWN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสัดส่วน 50% และลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (PROSPECT REIT) สัดส่วน 8.61% 

และ 3.ธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพและให้บริการด้านที่พักภายใต้บริษัท อาร์เอ็กซ์ เวลเนส จำกัด (RXW) มีสถานที่การให้บริการด้านสุขภาพ 2 แห่ง ได้แก่ โครงการรักษ เวลเนส บางกระเจ้า ภายใต้แบรนด์ “Rakxa” รวมเนื้อที่ประมาณ 108 ไร่ และโครงการอาร์เอ็กซ์วี เวลเนส วิลเลจ ภายใต้แบรนด์ “RXV” เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ 
 

ล่าสุด คณะกรรมการของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 ได้มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 นี้ เวลา 14.00 น. ณ ห้องคราวน์บอลรูม ชั้น 21 โรงแรมคราวน์ พลาซ่า กรุงเทพ ลุมพินี พาร์ค เพื่อขออนุมัติปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยบริษัทฯ จะขายหุ้นสามัญของ RXW ในจำนวน 13,799,998 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นสัดส่วน 100% ของหุ้นที่ได้จำหน่ายแล้วทั้งหมด ให้แก่บริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (FNS)

 ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ มูลค่าประมาณ 276 ล้านบาท และจำหน่ายทรัพย์สินที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เพื่อการประกอบธุรกิจบริการด้านสุขภาพมูลค่าประมาณ 84 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 360 ล้านบาท พร้อมให้สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารสำหรับธุรกิจการให้บริการด้านสุขภาพฯ  เป็นเวลารวม 10 ปี มูลค่าการเช่ารวมประมาณ 1,770 ล้านบาท นอกจากนี้ FNS จะต้องให้กู้ยืมเงินแก่ RXW เพื่อนำมาคืนเงินกู้และดอกเบี้ยแก่บริษัทฯ 
 

ขณะเดียวกันจะขออนุมัติซื้อหุ้นสามัญและหน่วยทรัสต์จาก FNS ประกอบด้วย 1) หุ้นสามัญของ BFTZWN จำนวนทั้งสิ้น 24,999 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 100 บาท ในราคาหุ้นละ 2,000.08 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 50% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด และ 2) หน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT จำนวนทั้งสิ้น 83,212,061 หน่วย มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หน่วยละ 9.4697 บาท ในราคาหน่วยละ 9.3885 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 781 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 22.19% ของหน่วยทรัสต์ที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด 

ทั้งนี้ ภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจ จะส่งผลให้บริษัทฯ มีสัดส่วนถือหุ้น BFTZWN ผ่านบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด จากเดิม 50% เพิ่มเป็น 100% และมีอำนาจตัดสินใจและสิทธิในการบริหารอย่างเบ็ดเสร็จ รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT จาก 8.61% เพิ่มอีก 22.19% รวมเป็น 30.80% ของหน่วยทรัสต์ที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด ตลอดจนเพิ่มอำนาจในการตัดสินใจทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ที่เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องด้านเงินลงทุนให้กับบริษัทฯ เนื่องจากหน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT มีสภาพคล่องในการซื้อขายที่ดี 

การปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคต ที่มุ่งเน้นให้มีการเติบโตจากธุรกิจอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่าที่มีความเชี่ยวชาญเป็นธุรกิจหลัก เพราะ BFTZWN และ PROSPECT REIT เป็นบริษัทและกองทรัสต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาคารคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า ที่มีอัตราการเติบโตที่ดี และจะส่งผลต่อการเติบโตของผลการดำเนินงานที่มั่นคงในอนาคต 

ขณะที่ธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพอยู่ในช่วงเริ่มเปิดดำเนินการได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา การขายหุ้นจะทำให้บริษัทฯ ลดภาระการจัดหาเงินทุนเพื่อการดำเนินงานและขยายการลงทุน อย่างไรก็ดี เพื่อทำให้ฐานธุรกิจและรายได้ของบริษัทฯ มีความมั่นคงและเติบโตในระยะยาว การปรับโครงสร้างธุรกิจในครั้งนี้เปิดโอกาสให้บริษัทขยายธุรกิจอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่าอย่างต่อเนื่อง และอาจกระทบกับภาระหนี้เพิ่มเติมซึ่งบริษัทฯ จะจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อแก้ไขข้อกำหนดสิทธิ ในส่วนของอัตราส่วนทางการเงินที่ต้องดำรงไว้ (Debt/Equity Ratio)

ธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่ามีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่กำลังทยอยฟื้นตัวหนุนการเติบโตของภาคการค้าระหว่างประเทศ ทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นความต้องการบริโภคสินค้า ส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของภาคการผลิต

ขณะที่การลงทุนในประเทศยังได้แรงหนุนจากการพัฒนาโครงการในนิคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และความพร้อมของห่วงโซ่อุปทานในภาคการผลิตสำคัญของไทย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ และสิ่งทอ

 รวมถึงความต้องการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก อาทิ การขยายฐานการผลิตรถยนต์ EV ของประเทศจีนมาไทย และการขยายฐานการผลิตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีมายังประเทศไทย เป็นต้น

ล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจคลังสินค้าให้เช่าและอาคารโรงงานให้เช่าเพื่อรองรับอุปสงค์ที่มีทิศทางเติบโตต่อเนื่องในระยะข้างหน้า โดยธุรกิจคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ทางบริษัทฯ มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันสูง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทต่างชาติใช้ไทยเป็นฐานการผลิตจนเป็นที่ยอมรับและมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


เช็กอินสนาม(ผู้ใหญ่)เล่นพื้นที่ฮีลใจจากเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย

คนจำนวนไม่น้อยต้องพบเจอมรสุมชีวิต เรื่องราวที่ชวนให้ปวดหัว เหนื่อยหน่าย หรือเป็น “เดอะแบก” ที่ต้องแบกรับความคาดหวังจากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาระจากการทำงาน ครอบครัว คนรัก เพื่อน หรือแม้แต่ตนเองสนาม(ผู้ใหญ่)เล่น“พื้นที่…ฮีลใจ” จากเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย

คงจะดีถ้าหากมีพื้นที่ให้ผู้คนได้ปลดปล่อยเรื่องราวต่าง ๆ ที่แบกรับไว้ ได้กลับมาทบทวนตัวเอง เพื่อหาความสมดุลที่แท้จริงของชีวิต
ล่าสุด เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย บริษัทอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรที่มีธุรกิจหลากหลาย ทั้งที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้วยเจตนารมณ์ “Inspiring Experiences, Creating Places for good.” หรือ “สร้างสรรค์พื้นที่ ให้ประสบการณ์ที่ดีคงอยู่” ได้ออกแคมเปญแบรนด์ดิ้ง “สนาม(ผู้ใหญ่)เล่น” ที่ได้สร้างสีสันและความแปลกใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์
      

ด้วยมุมมองว่าผู้ใหญ่วัยทำงานดำเนินชีวิตอยู่ใน “กรอบ” ของความเป็นผู้ใหญ่ที่อยู่ภายใต้ความคาดหวังของสังคม ซึ่งต้องมีความจริงจัง เร่งความสร้างความมั่นคงและความก้าวหน้า ต้องมุ่งไปสู่เป้าหมายให้เร็วที่สุด แรงกดดันเหล่านี้ทำให้ผู้คนขาด “สมดุล” ในการใช้ชีวิต 

สนาม(ผู้ใหญ่)เล่นของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทยจะพาคนวัยทำงานไปปลดล็อกความคิด สัมผัสความสนุก และเสริมพลังใจไปกับเครื่องเล่น 6 รูปแบบ ทั้งบาร์ห้อยโหน หอคอยปีนป่าย สไลเดอร์ เป็นต้น ที่มีฟังก์ชันและขนาดสำหรับการเล่นของผู้ใหญ่โดยเฉพาะ
เครื่องเล่นติดตั้งในลักษณะ Modular Design ด้วยความยาวต่อเนื่อง 32 เมตร วางโดดเด่นบนชั้น G ของสามย่านมิตรทาวน์ ฝั่งถนนพญาไท หนึ่งในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ซึ่งเป็นทำเลยุทธศาสตร์ทั้งด้านการเดินทางและความหลากหลายของกลุ่มผู้คน

ความโดดเด่นของสนาม(ผู้ใหญ่)คือ ชวนคนให้เล่นเป็นสเต็ปอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดวางลำดับการเล่นอย่างมีความหมาย เริ่มต้นจาก Dump your worries: ชวนผู้เล่นให้ปลดเปลื้องภาระหน้าที่ต่าง ๆ ความรับผิดชอบ ความจริงจัง หรือความ กังวลใจทิ้งไว้ในช่วงแรกของการเดินทาง เพื่อให้ได้กลับมาสังเกตที่ตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงพันธนาการอื่นในชีวิต

ถัดมาคือ Discover your inner child: เข้าสู่ช่วงค้นหาตัวเองในวัยเด็ก ย้อนทบทวนความเป็นเด็กในตัวเอง กลับสู่ช่วงวัยเด็กที่มีความสนุก ไร้กังวล กล้าลอง และเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ 

ส่วนสุดท้ายเป็น Design your balance: ปิดท้ายด้วยการตั้งคำถาม เปิดโอกาสให้ได้ทบทวนถึงการใช้ชีวิตที่ผ่านมา พิจารณาว่ามีสิ่งใดที่ควรทำเพิ่มขึ้น หรือปรับลดลง เพื่อสร้างสมดุลของชีวิต
  

สามารถไปเพิ่มพลังใจได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 เม.ย.2567 โดยหลังจบแคมเปญ ทางเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทยจะส่งมอบเครื่องเล่นให้กับกรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปเป็นสาธารณประโยชน์ต่อไป 

ทั้งนี้ สนาม(ผู้ใหญ่)เล่นยังเป็นงานสร้างสรรค์ที่อยู่ในเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2567 (Bangkok Design Week 2024) สะท้อนถึงความโดดเด่นของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทยที่ช่วยสนับสนุนบทบาทของพื้นที่สามย่านในฐานะย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และสร้างประโยชน์ให้กับสังคมโดยรอบอีกด้วย

สนาม(ผู้ใหญ่)เล่น เป็นหนึ่งในโครงการของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ที่มุ่งหวังสร้างประสบการณ์ที่ดี พร้อมกับส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คน โดยมีเป้าหมายช่วยให้ผู้ใหญ่วัยทำงานหลายๆ คนได้กลับมาค้นพบตัวเอง และพบความสุขเล็กๆ จากการเล่นเหมือนครั้งยังเป็นเด็กอีกครั้ง ณ “สนาม(ผู้ใหญ่)เล่น” แห่งนี้ เราหวังว่าจะได้สร้างรอยยิ้มและเติมพลังใจ รวมถึงมอบข้อคิดดี ๆ เพื่อส่งเสริมแนวคิดการรักษาสมดุลในการใช้ชีวิตให้กับผู้คน”

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 31ม.ค. ที่ระดับ 35.37 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sidewaysระหว่างวันอาจผันผวนไปตาม บรรยากาศในตลาดการเงินฝั่งเอเชีย จับตาการแถลง Monthly Briefing ของธปท.ในช่วงบ่ายวันนี้

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 31ม.ค. 2567ที่ระดับ  35.37 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า

นายพูน   พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sideways เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างก็รอลุ้น ผลการประชุมเฟดในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ

 อย่างไรก็ดี ในช่วงระหว่างวัน เราคาดว่า เงินบาทอาจผันผวนไปตาม บรรยากาศในตลาดการเงินฝั่งเอเชีย ซึ่งจะขึ้นกับ รายงานดัชนี PMI ล่าสุดของจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทิศทางเงินหยวน (CNY) และสกุลเงินเอเชียที่พึ่งพาเศรษฐกิจจีน อย่าง ค่าเงินบาท ได้บ้าง

 นอกจากนี้ ควรจับตาการแถลง Monthly Briefing ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างใกล้ชิด เพราะหาก ธปท. มีการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ ทั้งอัตราการเติบโตและอัตราเงินเฟ้อ ลงอย่างมีนัยสำคัญ ก็อาจสะท้อนว่า ในปีนี้ ก็มีโอกาสที่ทาง ธปท. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้ ซึ่งภาพดังกล่าวอาจกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าได้บ้างในวันนี้

อนึ่ง ควรระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงก่อนและหลังทยอยรับรู้ผลการประชุมเฟด โดยเราประเมินว่า หากเฟดย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ยและย้ำภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ก็อาจยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย “เร็วและลึก” ของเฟด

ซึ่งเราประเมินว่า หากผู้เล่นในตลาดเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยไม่ถึง 5 ครั้งในปีนี้ (น้อยกว่า -125bps) ก็อาจทำให้เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นได้ไม่ยาก โดยอาจเห็นดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 104 จุด ส่วนบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็อาจปรับตัวขึ้นทดสอบโซน 4.20%

 ซึ่งในกรณีดังกล่าว ก็อาจเห็นเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงทะลุโซนแนวต้าน 35.50 บาทต่อดอลลาร์ได้เช่นกัน (อาจอ่อนค่าไปถึง 35.80 บาทต่อดอลลาร์) ขณะที่หากเฟดเริ่มมีการส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น

เรามองว่า ภาพดังกล่าวอาจกดดันให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงได้บ้าง (แต่อาจไม่มากนัก จนกว่าตลาดจะรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ) ทำให้เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ 35.00-35.10 บาทต่อดอลลาร์ (เราประเมินว่า เงินบาทอาจยังไม่สามารถแข็งค่าทะลุระดับ 35 บาทต่อดอลาร์ไปได้ง่ายในระยะสั้นนี้)

ในช่วงนี้ ความผันผวนของเงินบาทที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เรายังคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และ

นอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.25-35.55 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดรับรู้ผลการประชุมเฟด

และประเมินกรอบเงินบาทในช่วง 35.10-35.80 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมเฟด

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 35.30-35.45 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะผันผวนแข็งค่าในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ของสหรัฐฯ ก่อนที่เงินบาทจะพลิกกลับมาอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และการย่อตัวลงของราคาทองคำ หลังยอดตำแหน่งงานเปิดรับของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและสูงกว่าคาด

ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างคาดว่า เฟดจะไม่รีบลดดอกเบี้ย (โอกาสในการลดดอกเบี้ยเดือนมีนาคม เหลือเพียง 41%) อย่างไรก็ดี เงินบาทก็พลิกกลับแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง หลังเงินดอลลาร์ย่อตัวลงบ้าง ตามการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาดก่อนรับรู้ผลการประชุมเฟดในวันพฤหัสฯ นี้

บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มเติมและต่างระมัดระวังตัวมากขึ้น เพื่อรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทเทคฯ ใหญ่ อย่าง Microsoft และ Alphabet รวมถึง รอลุ้นผลการประชุมเฟด ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.06%

ทั้งนี้ สัญญาฟิวเจอร์สดัชนี S&P500 ล่าสุดได้ปรับตัวลดลงเกือบ -0.4% หลังผู้เล่นในตลาดต่างผิดหวังกับผลประกอบการของทั้ง Microsoft -0.4% และ Alphabet -5.5% ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นต่างปรับตัวลดลงในช่วงการซื้อ-ขายหลังตลาดปิดทำการ (After Hours)

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.16% ท่ามกลางรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกมาสดใส นอกจากนี้ รายงานอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาสที่ 4 ของปีก่อนหน้า ที่ออกมา +0.1%y/y (+0.0%q/q) ซึ่งดีกว่าคาด ก็ช่วยให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยไปได้บ้าง

ในฝั่งตลาดบอนด์ บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เริ่มกลับมาอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวมากขึ้น รวมถึงความกังวลต่อปริมาณการออกบอนด์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่คลี่คลายลง ก็มีส่วนกดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ชัดเจน และยังคงทรงตัวใกล้ระดับ 4.04% แม้ว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด จะยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างลดความคาดหวังต่อแนวโน้มเฟดรีบลดดอกเบี้ยก็ตาม

อย่างไรก็ดี เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพราะจะส่งผลกระทบต่อการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้ โดยผู้เล่นในตลาดควรเน้นกลยุทธ์ Buy on Dip เพื่อลดความเสี่ยงการขาดทุน โดยเฉพาะในกรณีที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง (จับตาโซนแนวต้านแรกแถว 4.20%)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways โดยเงินดอลลาร์มีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง จากรายงานยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ที่ออกมาดีกว่าคาด ก่อนที่จะย่อตัวลงบ้าง ตามการปรับลดสถานะถือครองเงินดอลลาร์ก่อนรับรู้ผลการประชุมเฟด ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 103.4 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.3-103.6 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าในช่วงก่อนรับรู้รายงานยอดตำแหน่งงานเปิดรับของสหรัฐฯ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) จะสามารถปรับตัวขึ้นแตะโซน 2,060-2,070 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทว่า ราคาทองคำก็ไม่สามารถทรงตัวที่ระดับดังกล่าวได้นาน

หลังผู้เล่นในตลาดต่างเดินหน้าขายทำกำไร ตามรายงานข้อมูลยอดตำแหน่งงานเปิดรับสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ซึ่งหนุนให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น ทั้งนี้ ราคาทองคำยังพอได้แรงหนุนแถวโซนแนวรับ 2,030 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุมเฟด อีกทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ก็ย่อตัวลงมาบ้างเช่นกัน

 สำหรับวันนี้ ในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Manufacturing and Services PMIs) ของจีน

ทางฝั่งไทยนั้น เรามองว่า ควรจับตาการแถลงภาวะเศรษฐกิจรายเดือน (BOT Monthly Briefing) ของทางธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าจะมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับคาดการณ์เศรษฐกิจอย่างไรบ้าง หลังล่าสุดทางกระทรวงการคลังได้มีการปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2023 และ 2024 ลงพอสมควร

ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ เรามองว่า ก่อนที่ผู้เล่นในตลาดจะรับรู้ผลการประชุมเฟด ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชน โดย ADP ซึ่งอาจช่วยสะท้อนถึงภาวะการจ้างงานของสหรัฐฯ และยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ที่จะรายงานในวันศุกร์นี้ได้ และไฮไลท์สำคัญ คือ ผลการประชุม FOMC ของเฟด ซึ่งจะรับรู้ในช่วงเช้าตรู่ ราว 2.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว เราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดจะติดตามรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.39-35.41 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.30 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.37 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทขยับอ่อนค่าเล็กน้อยตามการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก แต่ภาพรวมเงินบาทยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เช่นเดียวกับสกุลเงินอื่นๆ เนื่องจากตลาดยังคงรอติดตามผลการประชุมเฟดในคืนนี้เพื่อหาสัญญาณที่อาจสะท้อนจังหวะเวลาของการเริ่มปรับลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี

แม้เฟดน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่กรอบ 5.25-5.50% ตามเดิมในการประชุมรอบนี้ และตลาดทยอยลดทอนโอกาสความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ยเดือนมี.ค. มาที่ประมาณ 40% แล้วก็ตาม

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


อันนา-มูนา ตบกระจุยลิ่วรอบสองขนไก่ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส

“อันนา” นันทน์กาญจน์ กับ “มูนา” เบญญาภา เอี่ยมสอาด หญิงคู่ทีมชาติไทย และแชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้ว ประเดิมสนามปรินเซส สิริวัณณวรี ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส 2024 ได้อย่างยอดเยี่ยม ไล่ตบชนะ กรอนย่า ซอเมอร์วิลล์ กับ เคทลิน เอ จากออสเตรเลียไปแบบขาดลอย 2 เกมรวด ผ่านเข้ารอบสองไปได้สำเร็จ

การแข่งขันแบดมินตันรายการใหญ่ระดับนานาชาติในศึก “ปรินเซส สิริวัณณวรี ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส 2024” (Princess Sirivannavari Thailand Masters 2024) ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทัวร์นาเมนต์เก็บคะแนนสะสมระดับบีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 300 ชิงเงินรางวัลรวม 210,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 7,240,000 บาท ที่อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันอังคารที่ 30 มกราคม 2567 เป็นการแข่งขันในรอบเมนดรอว์ในประเภทชายคู่ และ หญิงคู่  

ประเภทหญิงคู่ รอบแรก “อันนา” นันทน์กาญจน์ กับ “มูนา” เบญญาภา เอี่ยมสอาด คู่มือวางอันดับ 2 ของรายการ คู่มืออันดับ 13 ของโลก พบกับ กรอนย่า ซอเมอร์วิลล์ กับ  เคทลิน เอ คู่มืออันดับ 60 ของโลกจากออสเตรเลีย แมตช์นี้ คู่อันนา กับ มูนา เค้นฟอร์มการเล่นไปอย่างง่ายดาย ตบเอาชนะไปแบบขาดลอย 2-0 เกม  21-10  และ 21-8 ผ่านเข้าสู่รอบสองไปพบกับ ริบก้า ซูกิอาร์โต กับ แลนนี่ เทรีย มายาซารี่ คู่มืออันดับ 28 ของโลกจากอินโดนีเซีย 

“อันนา-มูนา” เปิดใจหลังจบเกมนี้ว่า “วันนี้เราพยายามปรับตัวเกมการเล่นให้กับเข้าสนามมากที่สุด แต่ก็มีบางจุดที่เรายังต้องแก้ไขโดยเฉพาะในการควบคุมลูกอยู่ถึงแม้เราจะได้ผลชัยชนะก็ตาม ส่วนการแข่งขันในรอบสองที่จะพบกับ  ริบก้า ซูกิอาร์โต กับ แลนนี่ เทรีย มายาซารี่ จากอินโดนีเซียว่า เรายังไม่เคยพบกันเลย ซึ่งจะต้องไปศึกษาคู่แข่งอย่างละเอียดว่าเราจะต้องเล่นแบบใดบ้างแล้วเราจะทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด”  

“กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ คู่มือวางอันดับ 1 ของรายการ คู่มืออันดับ 10 ของโลก แพ้บายให้กับ เหลียง เคงซู กับ จาง ฉี คู่มืออันดับ 50 ของโลกจากจีน 8-12 Retired. โดยกิ๊ฟ จงกลพรรณ มีอาการบาดเจ็บบริเวณที่หลังทำให้ต้องขอถอนตัวออกจากการแข่งขัน  

“กิ๊ฟ” จงกลพรรณ เผยหลังขอถอนตัวเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่หลังว่า “ในช่วงของการวอร์มร่างกายนั้น ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ซึ่งหลังวอร์มเสร็จ ก็พยายามที่จะลงสนามเพื่อลองตีแล้ว ซึ่งก็ทำให้รู้เลยว่าร่างกายไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ หลังยังมีอาการเจ็บ จึงปรึกษากันว่าการถอนตัวจึงน่าจะเป็นสิ่งดีที่สุด ส่วนวิธีการรักษา ก็คิดว่าคงต้องทำกายภาพแน่นอน ตอนนี้รายการแข่งขันก็ถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการเก็บคะแนนโอลิมปิกเกมส์ 2024 ด้วย และในอีก 2 สัปดาห์ต่อจากนี้ ก็จะมีการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย 2024 ในประเภททีมหญิง ซึ่งตนก็คาดหวังว่าจะรักษาตัวให้หาย เพื่อให้พร้อมกับมาช่วยทีมลงแข่งขันในรายการดังกล่าว รวมถึงกลับมาทันในช่วงออกตระเวนแข่งขันที่ยุโรป ซึ่งมีอีกหลายรายการ” 

ประเภทชายคู่ รอบแรก “เอ็ม” สุภัค จอมเกาะ กับ “สกาย”กิตตินุพงษ์ เกตุเรน คู่มืออันดับ 33 ของโลก พบกับ จิมมี่ หว่อง กับ วี เชงเฮา คู่มืออันดับ 70 ของโลกจากมาเลเซีย เกมนี้ เอ็ม กับ สกาย โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะไปได้ 2-0 เกม 21-16,21-10  “เอ็ม” สุภัค กับ “สกาย”กิตตินุพงษ์ ผ่านเข้าสู่รอบสองไปพบกับ คิม วอนโฮ กับ นา ซุงเซือง คู่มืออันดับ 121 ของโลกจากเกาหลีใต้ 

เอ็ม-สกาย กล่าวหลังจบแมตช์นี้ว่า “หลังจบการแข่งขัน 2 หนุ่มไทย เปิดใจร่วมกันว่า เกมในแมตช์นี้เราทั้งสองคน สามารถเล่นกันได้ตามแผนที่ซ้อม และวางเอาไว้ได้ดี จะมีเพียงเกมแรกที่ไปเร่งจังหวะการเล่นเร็วเพื่อจะทำแต้ม ซึ่งก็ทำให้เกมไม่ค่อยดีนัก เข้าเกมสองจึงปรับมาเล่นให้มีระบบมากขึ้น ไม่รีบไม่เร่ง ซึ่งก็ทำให้ทำได้ในหลายๆแต้ม ส่วนรอบต่อไปก็จะพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และเล่นให้ได้ตามในรูปแบบที่ฝึกซ้อมมา และทำหน้าที่ในแต่ละแมตช์ให้ดีที่สุด โดยหวังว่าจะเข้าชิงชนะเลิศให้ได้เป็นอย่างน้อย” 

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


ไข้หวัดใหญ่ มีอาการอย่างไร วิธีการรักษา พร้อมวิธีป้องกัน

ไข้หวัดใหญ่ คืออะไร

ไข้หวัดใหญ่ เป็นอาการที่ร่างกายติดเชื้อไวรัส influenza ที่ระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน โดยจะมีอาการไข้สูงทันทีทันใด ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว และอ่อนเพลีย

อาการของไข้หวัดใหญ่

สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ เมื่อมีอาการแล้วมักจะเกิดขึ้นโดยทันทีด้วยลักษณะมีไข้สูง 38 – 41 องศาเซลเซียส มีความรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะที่บริเวณต้นแขน กระเบนเหน็บ ต้นขา จากนั้นก็มีจะอาการปวดศีรษะ ปวดกระบอกตาเวลาที่เคลื่อนไหว เมื่อต้องเผชิญกับแสงจะมีน้ำตาไหลออกมา จากนั้นจะรู้สึกอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ขมในคอ อีกทั้งยังมีอาการเจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอแห้งๆ จุกแน่นท้อง คลื่นไส้ อยากจะอาเจียน แต่ในบางรายก็อาจไม่มีอาการคัดจมูก หรือเป็นหวัดเลยก็ได้

นอกจากนั้นก็ยังมีอาการอื่นๆ แสดงให้เห็นดังนี้

  • ในรายที่เป็นไข้หวัดใหญ่อย่างรุนแรงก็อาจมีอาการของภาวะแทรกซ้อนเข้ามา เช่น มีน้ำมูก หรือเสมหะข้น เหลือง หรือเขียว ปวดหู หูอื้อ หายในเหนื่อยหอบ หายใจมีเสียงหวีด ไอรุนแรง รู้สึกหนาวสั่น ซึม มึน งง และ/หรือหัวใจล้มเหลว
  • อาการที่มาจากการเป็นไข้หวัดใหญ่นั้นจะแสดงอาการอยู่ประมาณ 1 – 7 วัน ที่พบได้บ่อยมากที่สุด คือ 3 – 5 วัน ส่วนอาการไอ รู้สึกอ่อนเพลียก็อาจจะเป็นอยู่ประมาณ 1 – 4 สัปดาห์ ถึงแม้ว่าอาการอื่นๆ จะทุเลาลงแล้วก็ตาม
  • ในผู้ป่วยบางรายเมื่อหายจากไข้หวัดใหญ่แล้วอาจมีอาการบ้านหมุน เนื่องมาจากการอักเสบของอวัยวะการทรงตัวภายในหูชั้นใน

อาการของไข้หวัดใหญ่ แตกต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร

โดยทั่วไปลักษณะอาการค่อนข้างคล้ายไข้หวัดธรรมดา เพียงแต่อาจมีอาการหนักกว่า และยาวนานกว่า เช่น ไข้สูง และนานกว่า ปวดเมื่อยตามตัวมากกว่า อ่อนเพลียมากกว่า และมักเป็นแบบทันทีทันใด ไม่ใช่อาการค่อยเป็นค่อยไปทีละอย่างเหมือนไข้หวัดธรรมดา

ไข้หวัดใหญ่อาจมีอาการนานถึง 6-10 วัน ในขณะที่ไข้หวัดธรรมดาอาจมีอาการเพียงไม่กี่วันเท่านั้น นอกจากนี้ไข้หวัดใหญ่ยังเสี่ยงจะมีภาวะแทรกซ้อนมากกว่า จึงทำให้บางครั้งผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่อาจต้องนอนโรงพยาบาล เพื่อคอยดูอาการ ป้องกันอาการแทรกซ้อน และการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์

สาเหตุของไข้หวัดใหญ่

สาเหตุของการเกิดไข้หวัดใหญ่ก็เป็นเพราะ เชื้อไข้หวัดใหญ่ ยังไงล่ะ อ่านไม่ผิด ! นั่นเป็นชื่อที่เราเรียกกันอย่างลำลอง โดยเจ้าเชื้อไข้หวัดใหญ่นี้เป็นไวรัสที่มีชื่อว่า อินฟลูเอนซา (Influenza Virus) ที่มีอยู่ในน้ำลาย น้ำมูก และเสมหะของผู้ป่วย ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มไวรัสที่เรียกว่า Orthomyxovirus 

สายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่

เท่าที่เราทราบกันอยู่ คือ ไข้หวัดใหญ่มีหลายสายพันธุ์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์ใหญ่ๆ ได้แก่

  1. ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A
  2. ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B

สายพันธุ์ C มีความรุนแรงน้อย และไม่ทำให้เกิดการระบาด จึงไม่นับรวมอยู่ในกลุ่มของไข้หวัดใหญ่

แต่สำหรับ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A นั้น สามารถแบ่งแยกออกมาย่อยๆ ได้อีกมากมาย ตามที่เราเห็นกันในข่าว เช่น A(H1N1), A(H1N2), A(H3N2), A(H5N1) และ A(H9N2) ตามความแตกต่างของโปรตีนของไวรัสที่เรียกว่า hemagglutinin (H) และ neuraminidase (N) ที่เป็นสาเหตุของไข้หวัดใหญ่นั้นๆ นั่นเอง

สายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จนเป็นสาเหตุให้มีคนเสียชีวิต คือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ชนิด H1N1 และ H5N1 เป็นต้น

ใครที่มีความเสี่ยงในการเป็นไข้หวัดใหญ่บ้าง

ไม่ว่าจะเป็นเพศใด อายุเท่าไร ก็สามารถเสี่ยงเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ หากภูมิคุ้มกันร่างกายไม่ดีพอ แต่คนที่มีความเสี่ยงมากกว่าคนอื่น คือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ เบาหวาน และกลุ่มผู้สูงอายุ

ไข้หวัดใหญ่ ติดต่อกันได้อย่างไร

ติดต่อกันจากการรับเชื้อไวรัสผ่านอาการไอ จาม พูด ลมหายใจ ของผู้ที่ติดเชื้อ รวมไปถึงน้ำลายจากการใช้ช้อน แก้ว เดียวกัน หรือแม้กระทั่งสัมผัสข้าวของที่ผู้ป่วยสัมผัส หลังจากใช้มือป้องปากเวลาจามหรือไอด้วย

โดยปกติแล้วเชื้อไข้หวัดใหญ่นั้นจะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วย การติดต่ออาจเกิดจากการสูดหายใจเอาฝอยละอองเสมหะที่ผู้ป่วยไอ หรือจามรด หรืออาจติดต่อโดยการสัมผัส ซึ่งเชื้อนั้นก็อาจติดอยู่ที่มือของผู้ป่วย  สิ่งของเครื่องใช้ อาทิ แก้วน้ำ จาน ชาม ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว หนังสือ หรือโทรศัพท์ นอกจากนั้นการติดต่อก็ขึ้นอยู่ที่สิ่งแวดล้อม โดยคนปกติเมื่อมาสัมผัสถูกมือของผู้ป่วย สิ่งของเครื่องใช้ หรือสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนเชื้อ เชื้อก็จะติดมากับมือของคนๆ นั้นได้ง่าย เมื่อใช้มือขยี้ตา หรือแคะจมูก เชื้อก็จะเข้าสู่ร่างกายจนทำให้เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ได้

นอกจากนี้ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ก็ยังสามารถแพร่กระจายผ่านทางอากาศได้ด้วย ซึ่งเชื้อนั้นจะติดอยู่ในละอองฝอยๆ เมื่อผู้ป่วยไอ หรือจาม เชื้อก็จะแพร่กระจายออกไปในระยะไกลและแขวนลอยอยู่ในอากาศได้เป็นเวลานานๆ จากนั้น เมื่อคนปกติมาสูดเอาอากาศที่มีฝอยละอองนี้เข้าไป หรือละอองเหล่านี้ได้ไปสัมผัสเข้ากับเยื่อตา หรือเยื่อเมือในช่องปาก โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องไอ หรือจามรดกันโดยตรง ก็สามารถทำให้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมโรคไขหวัดใหญ่จึงสามารถแพร่ระบาดออกไปได้อย่างรวดเร็ว มีระยะที่เชื้อจะแพร่ไปได้มากที่สุดภายใน 1 สัปดาห์แรกของการเจ็บป่วย

ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากไข้หวัดใหญ่

สาเหตุของอาการแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคไข้หวัดใหญ่นั้นมีอยู่หลายปัจจัย แต่ที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด คือ สภาพร่างกายที่แตกต่างกัน ซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะพัฒนาไปเป็นโรคต่างๆ ได้ตามสภาพ โดยผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนและง่ายต่อการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์อื่นได้ คือ เด็กแรกเกิด , ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป , ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ , ผู้ที่อยู่ในระหว่างกำลังรักษาตัวมาเป็นเวลานาน ไปจนถึงผู้ที่คอยดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำ

สำหรับในผู้ป่วยที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เมื่อป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ก็เสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนในขณะที่ป่วยได้ ทั้งยังมีความเสี่ยงสูงที่ไวรัสไข้หวัดใหญ่จะเข้าไปกระตุ้นให้อาการของโรคเดิมที่เป็นอยู่เป็นหนักขึ้น อาทิ โรคภูมิแพ้ , โรคเบาหวาน , โรคที่เกี่ยวกับปอดและหัวใจ , โรคทางกล้ามเนื้อประสาท เป็นต้น

อาการของโรคแทรกซ้อนที่พบในผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่

  • หายใจเร็ว
  • มีปัญหาในการหายใจ
  • หายใจเป็นช่วงสั้นๆ
  • ไม่รู้ตัว
  • เรียกไม่ตื่น
  • ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
  • เจ็บปวด หรือแน่นหน้าอกและช่วงท้อง
  • เวียนหัวเฉียบพลัน
  • ครั่นเนื้อครั่นตัว
  • อาเจียนบ่อย
  • เมื่ออาการจากไข้หวัดทุเลาลง แต่ก็จะกลับมาเป็นอีกครั้งได้ง่าย

ในผู้ป่วยที่เป็นเด็ก ผู้ปกครองจะต้องคอยสังเกตและเฝ้าระวังอาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นเป็นพิเศษ อาทิ ดื่มน้ำน้อย , กินอาหารไม่ได้ , ผิวเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ , มีไข้ร่วมกับผดผื่นคัน , มีอาการแพ้ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เป็นต้น

โรคแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในขณะที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ การติดเชื้อในอวัยวะต่างๆ อาทิ การติดเชื้อในหูและไซนัส , ปอดบวม , หลอดลมอักเสบ , กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ , ปอดอักเสบ , หัวใจวาย นอกจากนั้นก็ยังมีโรคแทรกซ้อนบางโรคที่พบได้เพิ่มเติม แต่ยังพบได้น้อย อาทิ หูชั้นกลางอักเสบ , ต่อมทอมซิลอักเสบ , เยื้อหุ้มสมองอักเสบ , ไซนัสอักเสบ , ไข้ชัก และโรคสมองอักเสบ เป็นต้น

การรักษาไข้หวัดใหญ่

หลายคนอาจจะเคยทราบกันมาบ้างว่า ไข้หวัด เป็นโรคที่ไม่มียารักษาโดยตรง ทำได้แต่เพียงรักษาตามอาการที่มีเท่านั้น เช่น มีไข้ก็ให้ยาลดไข้ เจ็บคอก็ให้ยาแก้เจ็บคอ เป็นต้น

ในกรณีของไข้หวัดใหญ่ก็เช่นกัน แพทย์จะรักษาตามอาการ พร้อมกับติดตามอาการอย่างใกล้ชิด หากมีอาการรุนแรง แพทย์จึงค่อยพิจารณาการใช้ยาที่กดการเพิ่มจำนวนของไวรัส คือ Amantadine หรือ Rimantadine

วิธีป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

  1. สามารถรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ที่โรงพยาบาลทั่วไป
  2. รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ
  3. หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ผู้ที่เป็นไข้หวัดใหญ่สักระยะ เพื่อป้องการการระบาด และแพร่กระจายของเชื้อไวรัสจากคนหนึ่ง ไปยังอีกคนหนึ่ง
  4. ล้างมือให้สะอาด ก่อนทานอาหาร หรือหยิบจับอาหารขึ้นมาทาน
  5. ผู้ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ ควรสวมหน้ากากอนามัย หรือเมื่อจามหรือไอ ควรใช้กระดาษทิชชู่ปิดปาก แล้วขยำทิ้งลงถังขยะ และควรหยุดเรียน หยุดงาน เพื่อรักษาตัวให้หายโดยเร็ว และไม่เป็นการแพร่กระจายเชื้อไวรัสให้คนอื่น

เท่านี้ ไข้หวัดใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไปนะคะ อย่างไรก็ตามก็อย่านิ่งนอนใจ ใครที่คิดว่าอาจเสี่ยงต่อการเป็นไข้หวัดใหญ่ สามารถขอรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


If clause ใช้ในบทสนทนาอย่างไร

ประโยค “If Clause” หรือประโยคเงื่อนไข คงเป็นหลักไวยากรณ์ในภาษาอังกฤษที่ใครหลายคนอาจจะผ่านตากันมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้พูดถึงถ้าเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นและเหตุการณ์อะไรจะตามมาในภายหลัง จากคำว่า “If” ที่แปลว่า “ถ้า” นั่นเอง แต่อาจจะมีคำสับสนงงงวยว่า แล้วมันจะนำไปใช้ในการสนทนาอย่างไร เพื่อการนี้ Engduo Thailand สถาบันสอนภาษาอังกฤษ จึงจะพาทุกคนมารู้จักกับ If Clause มากขึ้น กับ If Clause ทั้ง 4 แบบ พร้อมกับประโยคตัวอย่าง ในฉบับที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริง

โครงสร้าง:                     ประโยคเงื่อนไข (If = ถ้า) ,           ประโยคที่เป็นผลตามมา

(Conditional Clause)               (Result Clause)

  1. Type 0 (ประเภทที่ 0)

ประเภทที่ 0 ในประโยคเงื่อนไขนี้ เราจะนำไปใช้พูดในประโยคที่เกิดขึ้นจริง เน้นว่าเกิดขึ้นจึง ใน ณ ที่นี้คือการเกิดขึ้นตามธรรมชาติเกิดขึ้นจริงโดยไม่ต้องสงสัยหรืออาจเป็นสิ่งที่ประธานทำเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว นอกจากนี้ก็ยังใช้เป็นประโยคคำสั่งได้อีกด้วย โดยประเภทนี้จะใช้โครงสร้าง Present Simple Tense เป็นหลักทั้งหน้าหลัง

โครงสร้าง:                     If + Present Simple (S + V1), Present Simple (S + V1)

ตัวอย่าง:

  • If the rain stops, the colorful rainbow appears.

เมื่อฝนหยุด สายรุ้งที่มีสดใสก็จะปรากฏขึ้น (สายรุ้งขึ้นหลังฝนตกเสมอ)

  • If you freeze water, it becomes a solid.

ถ้าคุณเอาน้ำเปล่าไปแช่แข็ง มันจะกลายเป็นของแข็ง (น้ำเป็นของเหลว เมื่อเอาไปแช่แข็งก็จะเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง)

  • If I wake up early in the morning, I always go jogging at the park.

ถ้าฉันตื่นแต่เช้า ฉันก็มักจะไปวิ่งจ็อกกิ้งที่สวนสาธารณะอยู่เสมอ (ฉันมักจะไปวิ่งสวนสาธารณะตลอดเวลาตื่นแต่เช้า)

  • Meet me at house if you do not know where to go.

มาเจอฉันที่บ้าน หากเธอไม่รู้จะไปไหนดี (คิดไม่ออกว่าจะไปไหนก็มาเจอกันที่บ้าน)

  1. Type 1 (ประเภทที่ 1)

เขยิบขึ้นมาอีกขึ้นกับประเภทที่ 1 ที่มักจะได้ใช้บ่อยพอ ๆ กับข้อแรกเลย แต่เป็นประเภทที่ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนแล้วจะมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นตามมาในอนาคต ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ โดยประเภทนี้จะมี Future Simple Tense เข้ามาเป็นประโยคของผลที่ตามมา แต่นอกจากนี้ยังสามารถใช้ modal verb ช่องแรก (กริยาช่วย) มาแทน will ได้ เช่น can, shall, should, may, must

โครงสร้าง:                     If + Present Simple (S + V1), Future Simple (S + will (modal v.) + V1)

ตัวอย่าง:       

  • If you do not hurry, you will miss the train.

ถ้าเธอไม่รีบ เธอจะตกรถไฟนะ (แน่นอนว่า ถ้าไม่รีบก็ตกรถไฟอย่างแน่นอน)

  • I will stay at home if it is hot outside.

ฉันจะอยู่บ้าน ถ้าข้างนอกอากาศร้อน (เวลาอากาศร้อน อาจจะไม่ออกข้างนอก แต่อยู่บ้านแทน)

  • She will be angry if you are late today.

เธอคงจะโกรธ หากคุณไปสายวันนี้ (ถ้าเขาไปสายวันนี้ เธอต้องโกรธแน่ ๆ อาจจะเคยสายมาแล้ว)

  • If you want to pass the exam, you should concentrate with your study.

ถ้าเธออยากผ่านการสอบ เธอก็ควรจะตั้งใจอ่านหนังสือสิ (ถ้าไม่ตั้งใจอ่านหนังสือก็สอบไม่ผ่าน)

  1. Type 2 (ประเภทที่ 2)

ประเภทที่ 2 คือประโยคเงื่อนไขที่พูดถึงเหตุการณ์สมมติที่ไม่สามารถเกิดขึ้นหรือไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในปัจจุบันหรืออนาคตได้เลย โดยจะเป็นการนำ Past Simple เป็นประโยคเงื่อนไขเข้ามาใช้คู่กับ would หรือ modal verb ได้อย่าง should, could, might

โครงสร้าง:         If + Past Simple (S + V2), S + would (past modal v.) + V1

ตัวอย่าง:

  • If she studied harder last month, she would get good grades.

ถ้าเดือนที่แล้วหล่อนตั้งใจเรียน หล่อนคงจะได้เกรดดีไปแล้ว (เดือนที่แล้วไม่ตั้งใจเรียน เกรดเลยไม่ดี)

  • If I won the lottery, I could travel around the world.

ถ้าฉันถูกหวย ฉันคงสามารถไปเที่ยวรอบโลกได้ (ยังไม่ถูกหวย เลยยังไม่ได้ไปเที่ยวรอบโลก)

  • We would build a snowman if it snowed.

เราคงจะปั้นตุ๊กตาหิมะด้วยกัน ถ้าหิมะตก (ตอนนี้ปั้นไม่ได้ เพราะหิมะไม่ตก)

  1. Type 3 (ประเภทที่ 3)

ประเภทสุดท้ายใช้กับเหตุการณ์ในปัจจุบันที่เกิดขึ้นตรงข้ามกับในอดีต เหตุการณ์ที่ผู้พูดไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ ชนิดเพ้อฝันขั้นกว่ายิ่งกว่าประเภทที่ 2 โดยใช้โครงสร้าง Past Perfect คู่กับ would + have + V3

โครงสร้าง:        If + Past Perfect (S + had + V3), S + would + have + V3

  • If it had rained last year, these trees would not have died.

ถ้าปีที่แล้วฝนตก ต้นไม้พวกนี้คงไม่ตาย (ตอนนี้ต้นไม้ได้ตายหมดแล้ว ไม่สามารถฟื้นได้)

  • If he had finished college, he would have become a lawyer.

ถ้าเขาเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาคงจะได้เป็นทนายไปแล้ว (แต่เขาเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย จึงไม่ได้เป็นทนาย)

  • If I had known you were coming here, I would have cooked a meal.

ถ้าฉันรู้ว่าเธอกำลังมา ฉันคงจะทำอาหารรอแล้ว (ไม่รู้ว่าจะมา จึงไม่ได้ทำอาหารเตรียมไว้)

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


โตโยต้าหยุดส่งมอบเครื่องยนต์ 1GD 2.8 ลิตรจากไทย กรณีทดสอบแรงม้าของ TICO

โตโยต้าประเทศไทยยืนยันลูกค้าที่ใช้งาน Toyota Hilux (Revo) Standard Cab, Hilux (Revo) Smart Cab, Commuter และ Hiace รุ่นเครื่องยนต์ 1GD ขนาด 2.8 ลิตร ไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีความไม่เหมาะสมในการทดสอบแรงม้าของ Toyota Industries หรือ TICO

เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา โตโยต้า อินดัสทรีส์ คอร์ปอเรชั่น (TICO) ซึ่งเป็นบริษัทอิสระในเครือของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์​ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้ชี้แจงถึงความไม่เหมาะสมในการทดสอบรับรองกำลังแรงม้าเครื่องยนต์ดีเซล 3 รุ่น ที่ทาง TICO ได้เป็นผู้ดำเนินการทดสอบให้กับทาง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์​ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น

เครื่องยนต์ที่ได้รับผลกระทบกับประเทศไทย คือ เครื่องยนต์ดีเซลรหัส 1GD ขนาด 2.8 ลิตร ที่ถูกติดตั้งลงใน Toyota Hilux (Revo) Standard Cab, Toyota Hilux (Revo) Smart Cab, Toyota Commuter และ Toyota Hiace

โตโยต้าชี้แจงว่าความไม่เหมาะสมในการทดสอบกำลังแรงม้าดังกล่าว เกิดขึ้นจากการวัดผลถูกทำในลักษณะที่ทำให้เห็นว่าเส้นกราฟของกำลังแรงม้า และแรงบิดมีลักษณะคงที่และต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนดังกล่าวไม่ได้ทำให้ค่าแรงม้า หรือค่าแรงบิด แตกต่างไปจากค่าประสิทธิภาพการทำงานจริงของเครื่องยนต์ รวมถึงไม่มีผลต่อการปล่อยมลพิษ หรือความปลอดภัยของรถยนต์

นอกจากนี้ โตโยต้ายังได้ดำเนินการตรวจสอบสินค้าที่ผลิตในโรงงานอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่าเครื่องยนต์และรถยนต์รุ่นดังกล่าวที่ได้รับผลกระทบ เป็นไปตามมาตรฐานประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์

ในประเทศไทย ผลการรับรองนี้จะใช้กับรถยนต์ที่จดทะเบียนภายใต้ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก เท่านั้น ซึ่งทางบริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูลที่ใช้ในการรับรองรถยนต์รุ่นดังกล่าว ขณะนี้ทางบริษัทฯ ได้พิจารณาระงับการส่งมอบรถยนต์ที่จะจดทะเบียนภายใต้ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก สำหรับรถยนต์รุ่นดังกล่าว

บริษัทฯ ไม่ได้หยุดคำสั่งซื้อใหม่ แต่จะมีผลกับวันส่งมอบรถยนต์ที่จะจดทะเบียนภายใต้ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก เท่านั้น จนกว่าการดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเสร็จสิ้น

บริษัทฯ ขอยืนยันกับลูกค้าที่ใช้รถยนต์รุ่นดังกล่าวว่า ความไม่เหมาะสมในการเตรียมการทดสอบไม่มีผลกระทบต่อค่าแรงม้า แรงบิด หรือค่าประสิทธิภาพอื่นๆ ของเครื่องยนต์ รวมถึงไม่มีผลกระทบต่อการปล่อยมลพิษ หรือความปลอดภัยของรถยนต์แต่อย่างใด และต้องขออภัยอย่างยิ่งต่อลูกค้า และผู้ที่เกี่ยวข้อง สำหรับความไม่สะดวกและข้อกังวลที่เกิดมาจากความไม่เหมาะสมในการเตรียมการทดสอบในครั้งนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


5 เครื่องดื่มกระตุ้นการเผาผลาญ ได้ทั้งผิวสวย หุ่นดีครบ

การควบคุมน้ำหนักได้กลายเป็นส่วนสำคัญ ในการรักษาวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี ปัจจุบันผู้คนตระหนักถึงการเลือกรับประทานอาหารของตนเองมากขึ้น และกำลังมองหาวิธีลดน้ำหนักส่วนเกินอย่างจริงจัง โดยหนึ่งในเมนูอาหารที่ได้รับความนิยม ในช่วงเวลาลดความอ้วน คือ เครื่องดื่มสุขภาพ ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ ให้ผิวสวย สุขภาพดี และลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย 5 เครื่องดื่มกระตุ้นการเผาผลาญที่ควรดื่มก็มีดังนี้ค่ะ

5 เครื่องดื่มกระตุ้นการเผาผลาญ

1.น้ำมะเขือเทศสด

มะเขือเทศอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์และดีต่อร่างกาย เช่น สารไลโคปีน ช่วยลดคอเลสเตอรอลและดักจับไขมันในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดื่มสด ๆ ให้ประโยชน์เต็ม 100% ได้ทั้งสุขภาพดี ลดน้ำหนักเร็ว และให้ผิวสวยอีกด้วย

2.น้ำทับทิม

แตงโมอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ให้แคลอรี่ต่ำ ช่วยให้อิ่มเร็ว และยังช่วยเผาผลาญไขมันหน้าท้องได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ ยังช่วยลดความดันโลหิตอีกด้วย

3.น้ำปวยเล้ง

น้ำปวยเล้ง มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เนื่องจากช่วยในการบำรุงเลือด อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อกระบวนการล้างพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินซี มีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบเผาผลาญ พร้อมผสมกับเนื้อและน้ำแอปเปิ้ลเขียวสดที่มีเส้นใยสูง จะช่วยลดน้ำหนักได้ดีมาก

4.น้ำมะนาวแอปเปิ้ลปั่น

หากต้องการให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุณสามารถผสมแอปเปิ้ลเขียวและแอปเปิ้ลแดงเข้าด้วยกัน คุณจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่หลากหลายมากขึ้น ในส่วนของไฟเบอร์นั้น ทั้งแอปเปิ้ลและมะนาวให้ปริมาณที่เพียงพอ ทั้งยังมีวิตามินหลากหลายชนิด ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารและการเผาผลาญ น้ำมะนาวยังมีประโยชน์อย่างเหลือเชื่อ ในการช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร ช่วยในการดูดซึมสารอาหาร เพิ่มการเผาผลาญไขมัน ดึงสารพิษออกจากร่างกาย ป้องกันการเกิดอาการบวมบริเวณต่าง ๆ

5.น้ำสับปะรด แตงกวา

สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดี และการเผาผลาญอาหารช้าลง แนะนำให้ลองใช้สูตรน้ำสัปปะรดและแตงกวา โดยเฉพาะสับปะรดมีเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหาร ทำให้ลำไส้ย่อยอาหารที่บริโภคได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ เมื่อลำไส้ทำงานปกติ การดูดซึมสารอาหารก็จะดีขึ้น ส่วนแตงกวาและมะละกอ ช่วยลดอาการหิวบ่อย และกระตุ้นการเผาผลาญ เมื่อผสมผสานวัตถุดิบเหล่านี้เข้าเป็นเครื่องดื่ม ให้รสชาติอมเปรี้ยวและสดชื่น ส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักแน่นอน  

เครื่องดื่มน้ำผักและผลไม้ปั่นลดน้ำหนักได้ดีที่สุดในช่วงอาหารเช้า เนื่องจากร่างกายของเราเปิดรับการดูดซึมสารอาหารมากขึ้นในช่วงเวลานี้ การบริโภคสมูทตี้ผักและผลไม้ในตอนเช้า ยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารแข็งแรง ทั้งยังควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดอาการหิว และระงับความอยากอาหาร ที่มีแคลอรี่และน้ำตาลสูง ดังนั้น แนะนำเครื่องดื่มผักและผลไม้ปั่น 1 แก้ว ในกิจวัตรอาหารเช้าของคุณ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 31/01/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a34,000.0034,100.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,202.0033,382.3234,600.00
ทองรูปพรรณ 90%1,981.8030,044.09n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,761.6026,705.86n/a
ทองรูปพรรณ 50%991.0015,023.56n/a
ทองรูปพรรณ 40%771.0011,688.36n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,282.0034,595.12n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 31/01/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9537.5537.5538.0537.5537.5537.5537.5537.5537.5537.55
แก๊สโซฮอล์ 9135.7835.7836.5835.7835.7835.7835.7835.7835.7835.78
แก๊สโซฮอล์ E2035.4435.4436.2435.4435.4435.4435.4435.4435.44
แก๊สโซฮอล์ E8535.5935.5935.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.9449.5449.5449.5444.94
เบนซิน 9545.4446.6145.9445.5945.44
ดีเซล B729.9429.9430.4429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5443.6446.9443.6443.6441.54
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า