สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 01 เมษายน 2564

‘สาธิต’ตัดขาย ที่ดินรัชดาฯ 9 ไร่ ฟัน 3.9 พันล้าน

‘สาธิต’ตัดขาย ที่ดินรัชดาฯ 9 ไร่  ฟัน 3.9 พันล้าน

ที่ดินแปลงรัชดาฯ ราคานิวไฮ ตารางวาละ 1.1 ล้าน ล้มแชมป์เซ็นทรัลพระราม 9 หลัง “สาธิต วิทยากร” เจ้าของโรงพยาบาลพริ๊นซ์ ตัดขายที่ดิน 9 ไร่ ให้พันธมิตรลุยมิกซ์ยูส อาคารสำนักงาน–คอมมูนิตี้มอลล์ มูลค่าหมื่นล้าน สร้างพลังแม่เหล็กดึงบิ๊กทุนเข้าพื้นที่แปลงด้านหลัง คาดราคาที่ดินพุ่ง

ที่ดิน แปลงใหญ่บน ถนนรัชดาภิเษกตัดพระราม 9 ถูกจับตามองอีกครั้งเมื่อ นายสาธิต วิทยากร ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC ผู้ถือหุ้นใหญ่โรงพยาบาลพริ้นซ์ ตัด ขายที่ดิน ผืนงาม เนื้อที่ 9 ไร่ติดอาคารจอดแล้วจรของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้กับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับแถวหน้าของเมืองไทยสร้างนิวไฮราคา 1.1 ล้านบาทต่อตารางวา ล้มแชมป์ที่ดินบริเวณห้างเช็นทรัลพระราม 9 ที่ยืนราคาตารางวาละ 1 ล้านบาทมาอย่างยาวนาน เนื่องจากไม่มีการซื้อขาย ประเมินว่าการขยับครั้งนี้ อาจปลุกที่ดินอีกหลายแปลงในระแวกให้ตื่นจากหลับร่วมวงพัฒนาก็เป็นได้

การขายที่ดินครั้งนี้ นายสาธิต อธิบายว่า ที่ดินแปลงรัชดาฯ เป็นแลนด์แบงก์ ถือในนามส่วนตัว 28 ไร่ ตัดขายบางส่วน 9 ไร่บริเวณด้านหน้า ติดถนนรัชดาฯ มูลค่า 3,900 ล้านบาท ให้กับพันธมิตร บริษัทชั้นนำ พัฒนาอาคารสำนักงานแนวสูง ส่วนพื้นที่ด้านล่างตลอดจนชั้นใต้ดินจะพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์โดยได้ทำบันทึกข้อตกลงเมื่อไม่นานมานี้ขณะเดียวกันบริษัทต้องการให้การพัฒนาพื้นที่แปลง 9 ไร่ เป็นแม่เหล็กดึงกลุ่มทุนที่อยู่ระหว่างเจรจาอีกหลายรายเข้าพื้นที่แปลงที่เหลือบริเวณด้านหลัง

แน่นอนว่าเมื่อมีการพัฒนา ที่ดินแปลงถัดไปราคาจะเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งทำเลยังติดกับสถานีศูนย์วัฒนธรรมรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีส้มตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ตัด กับ MRT ใต้ดินสีน้ำเงินกลายเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายการเดินทางขนาดใหญ่ ย่านรัชดาฯ-พระราม 9 รองรับแหล่งงาน การอยู่อาศัยที่ไม่เคยหลับ

สำหรับที่ดินแปลงติดกัน ซึ่งเป็นของบริษัทแหลมทองค้าสัตว์ ปัจจุบันลงทุนปลูกมะนาวลงในบ่อซีเมนส์ลดภาระภาษีทีดินและสิ่งปลูกสร้างสร้างความฮือฮามาสักพักใหญ่หากมีการซื้อขายเปลี่ยนมือคาดว่าราคาจะขยับสูงเพราะใช้ฐานข้อมูลอ้างอิงที่ดินแปลงติดกันคือ เจ้าของโรงพยาบาลพริ้นซ์ นั่นเอง

หากย้อนปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่โดยรอบสี่แยกพระราม 9 ตัดรัชดาฯ นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด สะท้อนว่า คือ การเปิดให้บริการของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่เรียกกันติดปากว่ารถไฟใต้ดิน เพราะมีสถานีที่แยกพระราม 9 ด้วย เมื่อมีสถานีรถไฟใต้ดิน ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ 2 แห่ง และมีอาคารสำนักงานแล้ว เจ้าของที่ดินแปลงใหญ่ในพื้นที่รอบๆ สี่แยกพระราม 9 เริ่มขยับลงทุนเพิ่มเติมบ้างแล้วเช่น กลุ่มจีแลนด์ที่เป็นเจ้าของที่ดินขนาดใหญ่กว่า 70 ไร่ที่ให้กลุ่มเซ็นทรัลเช่าที่ดินเพื่อพัฒนาเป็นเซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 9 แต่กลุ่มจีแลนด์ยังมีที่ดินเหลืออีกมาก จึงวางมาสเตอร์แปลนของที่ดินทั้งหมดรวมไปถึงกำหนดไทม์ไลน์ในการพัฒนาไว้ค่อนข้างชัดเจน สิ่งที่กลุ่มจีแลนด์วางแผนไว้นั้นจะเป็นการพัฒนาอาคารสำนักงาน โรงแรม และตึกสูงที่สุดในโลก

การเปลี่ยนแปลงของพื้นที่รอบๆ สี่แยกพระราม 9 มีทิศทางที่น่าติดตามอีกครั้งเมื่อกลุ่มเซ็นทรัลเข้าซื้อหุ้นจากกลุ่มจีแลนด์และกลายเป็นเจ้าของที่ดิน 70 ไร่รอบสี่แยกพระราม 9 ทันทีรวมไปถึงที่ดินแปลงอื่นๆ ด้วย แผนการพัฒนาการพัฒนาพื้นที่รอบสี่แยกพระราม 9 ที่ยังเหลืออยู่จึงถูกนำกลับมาพิจารณาใหม่อีก

พื้นที่รอบสี่แยกพระราม 9 เป็นอีก 1 พื้นที่ที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมาโดยตลอดแต่เริ่มลดน้อยลงในปี 2562 เพราะโครงการที่เปิดขายก่อนหน้านี้ยังคงมียูนิตเหลือขายอยู่ไม่น้อยเลย ราคาขายก็รับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาโดยตลอดเช่นกัน โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ล่าสุดมีราคาขายมากกว่า 170,000 บาทต่อตารางเมตรไปแล้ว โครงการที่สร้างเสร็จแล้วมีความเป็นไปได้ที่จะขายกันในราคา 200,000 บาทต่อตารางเมตร เพียงแต่อาจจะขายได้ช้าลง 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


พลิกศก. “อันดามัน-อ่าวไทย” พัฒนาระบบส่งเสริมสุขภาพรับเปิดประเทศ

 พลิกศก. “อันดามัน-อ่าวไทย” พัฒนาระบบส่งเสริมสุขภาพรับเปิดประเทศ

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กฎบัตรไทย หน่วยงานภาคีเครือข่าย ประกาศเริ่มต้นแผนการพลิกฟื้นเศรษฐกิจอันดามัน-อ่าวไทย ด้วยระบบส่งเสริมสุขภาพและการจัดเวลเนสแพ็กเกจ กระตุ้นการท่องเที่ยวสุขภาพ คาด 3 ปีสร้างมูลค่าเศรษฐกิจรวม 1.5 แสนล้านบาท

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต โดยรองศาสตราจารย์ ดร.พันธ์ ทองชุมนุม รองอธิการบดี ร่วมกับอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ และรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ ได้ร่วมกันเปิดหลักสูตรการบริหารจัดการโรงแรมส่งเสริมสุขภาพสำหรับผู้บริหารรุ่น 1 (Wellness Hotel for Executive#1) และแถลงข่าวการเตรียมความพร้อมการเปิดประเทศและการพื้นฟูเศรษฐกิจอันดามัน-อ่าวไทย สนับสนุนภาคใต้เป็นศูนย์กลางเวลเนสของเอเซีย ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ แผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนโยบายสุขภาพแห่งชาติของรัฐบาลเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา

โดยรองศาสตราจารย์ ดร.พันธ์ ทองชุมนุม กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีความพร้อมในการนำกลุ่มคณะวิชาการด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ประกอบด้วย คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะแพทย์แผนไทย และคณะเทคนิคการแพทย์ รวมทั้งคณะการบริการและการท่องเที่ยว สนับสนุนทางวิชาการแก่กลุ่มเป้าหมายโรงแรมที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิต เป็นโรงแรมส่งเสริมสุขภาพหรือเวลเนสโฮเทล โดยเบื้องต้น ได้ร่วมกับกฎบัตรไทย เปิดหลักสูตรการบริการจัดการโรงแรมส่งเสริมสุขภาพสำหรับผู้บริหาร รุ่น 1 มีผู้บริหารโรงแรมจากจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานีเข้าร่วมจำนวน 120 แห่ง

หลักสูตรนี้ คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยจะเป็นวิทยากรฝึกอบรมร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และการส่งเสริมสุขภาพเป็นเวลา 145 ชั่วโมง ดำเนินการฝึกอบรม 4 เดือน นับจากเดือนมีนาคมจนถึงเดือนกรกฎาคม 2564 เป็นหลักสูตรที่จัดขึ้นเฉพาะสำหรับเจ้าของโรงแรมและผู้บริหารโรงแรมเท่านั้น โดยเนื้อหาจะเน้นการยกระดับสมรรถนะทั้ง up skill และ new skill ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ เทคโนโลยีการแพทย์ สาธารณสุข การแพทย์แผนไทย และดิจิทัลเฮลท์

คาดหวังให้ผู้เรียนมีขีดความสามารถระดับสูง ในการบริหารจัดการระบบส่งเสริมสุขภาพ สามารถใช้ฐานองค์ความรู้จากการวิจัยและเทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาผลิตภัณฑ์บริการ และสร้างประสิทธิภาพแก่องค์กร ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดความยั่งยืนในระบบการส่งเสริมสุขภาพและการท่องเที่ยวสุขภาพระยะยาว ทั้งนี้ งบประมาณในการวิจัยระดับพื้นที่ มหาวิทยาลัยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและการจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่หรือ บพท.

 พลิกศก. “อันดามัน-อ่าวไทย” พัฒนาระบบส่งเสริมสุขภาพรับเปิดประเทศ

ด้านนายพรนริศ ชวนไชยสิทธ์ ประธานกฎบัตรไทย กล่าวว่า แผนปฏิบัติการพัฒนาระบบส่งเสริมสุขภาพรองรับการเปิดประเทศและการพลิกฟื้นเศรษฐกิจอันดามัน เป็นแผนงานร่วมระหว่างกฎบัตรไทยกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  มีเป้าหมายทางตรงในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 โดยแผนได้กำหนดเป้าหมายทางตรงในการสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้กับกลุ่มโรงแรม  ซึ่งได้แก่ การพัฒนาสมรรถนะด้านการบริหารจัดการระบบเวลเนสที่เป็นสากล และนำกิจการเวลเนสที่ได้มาตรฐานแล้วเปิดให้บริการแก่กลุ่มเป้าหมาย โดยการจัดเวลเนสแพ็กเกจ จำนวน 12 แพ็กเกจ

แบ่งเป็น แพ็กเกจด้านการแพทย์แผนปัจจุบัน  4 แพ็กเกจ ผลิตภัณฑ์ความงาม 2 แพ็กเกจ และแพทย์แผนไทยจำนวน 6 แพ็กเกจ สำหรับกลุ่มเป้าหมายในช่วงปี 2564 ที่จะเริ่มให้บริการในเดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป จะพุ่งเป้าไปยังกลุ่มลูกค้าชาวไทย และนับจากเดือนมกราคม 2565 จะเปิดขายแพ็กเกจให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชาวต่างชาติ ซึ่งตามแผนปฏิบัติการที่กำหนดขึ้นนั้น ในช่วงของแผนระยะ 3 ปี (2564-2566) คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับโรงแรมจำนวน 250 โรง ไม่น้อยกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท

  นายฐาปนา บุณยประวิตร  กรรมการและเลขานุการกฎบัตรไทย กล่าวเสริมว่า แผนการพัฒนาระบบส่งเสริมสุขภาพรองรับแผนการเปิดประเทศและการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ  อันดามัน-อ่าวไทย พุ่งเป้าไปยังการพัฒนาในภาพรวมเพื่อสร้างพื้นที่อันดามันและอ่าวไทย เป็นเขตเศรษฐกิจนวัตกรรมสุขภาพวิถีใหม่ ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างภาคการผลิต การจัดทำแผนการตลาดวิถีใหม่ และการสร้างเครือข่ายการตลาดสุขภาพ ร่วมกับกลุ่มการท่องเที่ยวนานาชาติทั้งไทยและต่างประเทศ โดยการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)(ทีเส็บ)  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยสมายด์แอร์เวย์ จำกัด บริษัท อินโนเวชั่น เทคโนโลยี จำกัด บริษัท บี-เฮลท์ตี้เอเซีย จำกัด บริษัท เอเซียฟู๊ดแอนด์ฟาร์ม จำกัด พร้อมด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์กรภาคีเครือข่าย

   สำหรับแผนปฏิบัติการนั้น แบ่งออกเป็น  3 ปี โดยปี 2564 ที่จะเริ่มในเดือนมีนาคมนี้นั้น โครงการกำหนดดำเนินการวิจัยจำนวน 3 เรื่อง การยกระดับสมรรถนะด้วยการฝึกอบรมผู้บริหารและพนักงาน 120 โรงแรม การให้คำปรึกษาแนะนำแก่โรงแรม 120 โรง การพัฒนาแพลตฟอร์มโรงแรมส่งเสริมสุขภาพ 1 แพลตฟอร์ม การปรับปรุงฟื้นฟูโรงแรมส่งเสริมสุขภาพ 120 โรงแรม การจัดกิจกรรมเวลเนส 12 แพ็คเกจ พร้อมการจัดงาน 2021 Thailand International Wellness & Research Expo ร่วมกับทีเสปและ ททท. และการพัฒนา 3 ชุมชนสมุนไพรเป็นพื้นที่ผลิตต้นแบบ

    ปี 2565 การยกระดับสมรรถนะด้วยการฝึกอบรมผู้บริหารและพนักงาน 130 โรงแรม การให้คำปรึกษาแนะนำ 250 โรงแรม การปรับปรุงฟื้นฟูโรงแรมส่งเสริมสุขภาพ 250 โรงแรม การจัดกิจกรรมเวลเนส 15 แพ็คเกจ การจัดงาน 2022 Thailand International Wellness & Research Expo การพัฒนามาตรฐานและใบอนุญาตโรงแรมส่งเสริมสุขภาพ การพัฒนา 5 ชุมชนสมุนไพร และการพัฒนา 3 ย่านส่งเสริมสุขภาพ 

                ส่วนในปี 2566 การให้คำปรึกษาแนะนำ 250 โรงแรม การปรับปรุงฟื้นฟูโรงแรมส่งเสริมสุขภาพ 250 โรงแรม

                การจัดกิจกรรมเวลเนส 15 แพ็กเกจ การจัดงาน 2023 Thailand International Wellness & Research Expo

                การพัฒนา 5 ชุมชนสมุนไพร และการพัฒนา 2 ย่านส่งเสริมสุขภาพ   

                โดยการประมาณการมูลค่าเศรษฐกิจจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาคการผลิต และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจนวัตกรรมสุขภาพ ตามแผน 3 ปี จะได้รับผลตอบแทนรวม 156,939,665,000 บาท แบ่งเป็น มูลค่าที่ได้รับจากกลุ่มโรงแรมส่งเสริมสุขภาพ 18,528,176,000 บาท กลุ่มเฮลท์เทค 5,011,277,000 บาท กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารปลอดภัยและสมุนไพร 31,761,580,000 บาท และกลุ่มแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก 101,038,632,000 บาท มูลค่าดังกล่าวไม่นับรวม รายได้จากการท่องเที่ยวสุขภาพ การค้าปลีกค้าส่งผลิตภัณฑ์อาหารและสมุนไพร และรายได้จากการจ้างงานในทุกกลุ่มที่ได้รับการพัฒนาของโครงการ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


บาทเปิด 31.24 บาทต่อดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามตลาดโลก

บาทเปิด 31.24 บาทต่อดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามตลาดโลก

เงินบาทเปิดตลาด 31.24 บาทต่อดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามตลาดโลก หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯกดดอลล์อ่อน

นักบริหารเงินจากธนาคากรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 31.24 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.25 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทยังเคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลก โดยดอลลาร์สหรัฐย่อลงช่วงท้ายตลาดวานนี้ จากผลของตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนออกมาต่ำกว่าที่คาด ระหว่างวันนี้ ต้องจับตาดู flow ของทองคำ เนื่องจากเมื่อคืนทองคำกลับมาบวกไป 30 ดอลลาร์ ขณะที่คืนนี้ให้รอดูการรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.15 – 31.35 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


“โปรพราว” ซิวแชมป์รอบคัดเลือก คว้าตั๋วลุยศึก “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2021” พฤษภาคม นี้

"โปรพราว" ซิวแชมป์รอบคัดเลือก คว้าตั๋วลุยศึก "ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2021" พฤษภาคม นี้

“โปรพราว” ชเนตตี วรรณแสน คว้าตำแหน่งผู้ชนะรอบคัดเลือก National Qualifiers 2021 เตรียมดวลวงสวิงกับเหล่านักกอล์ฟหญิงระดับโลก ใน “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2021” พฤษภาคมนี้

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย และ ไอเอ็มจี จัดการแข่งขัน Honda LPGA Thailand National Qualifiers 2021 ระหว่างวันที่ 30 – 31 มีนาคม 2564 ณ สยามคันทรีคลับ พัทยา โอลด์คอร์ส  จ.ชลบุรี เพื่อคัดเลือกนักกอล์ฟสาวไทยหนึ่งเดียวที่มีสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันในรายการ “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2021”

l6

โดยนักกอล์ฟสาวไทยที่ชนะรอบคัดเลือกในปีนี้ คือ “โปรพราว” ชเนตตี วรรณแสน วัย 16 ปี ซึ่งเปิดเผยว่ารู้สึกภูมิใจในผลงานของตนเองในการแข่งขันรอบคัดเลือกมาก และตื่นเต้นที่จะได้ร่วมดวลวงสวิงกับโปรกอล์ฟหญิงระดับโลกในการแข่งขันรายการ “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2021” ระหว่างวันที่ 6 – 9 พฤษภาคม 2564 นี้ ณ สยามคันทรีคลับ พัทยา โอลด์คอร์ส จ.ชลบุรี

l2

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หนึ่งในวัตถุประสงค์ของการจัดการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ คือ การพัฒนามาตรฐานวงการกอล์ฟของเมืองไทยให้ทัดเทียมระดับสากล ตลอดจนมอบโอกาสให้นักกอล์ฟสาวชาวไทยได้พัฒนาทักษะฝีมือเพื่อก้าวขึ้นสู่ระดับอาชีพผ่านการมีส่วนร่วมในทัวร์นาเมนต์ระดับโลก เราจึงได้ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย จัดการแข่งขัน Honda LPGA Thailand National Qualifiers เพื่อเฟ้นหานักกอล์ฟสาวไทยเพียงหนึ่งเดียวเพื่อเข้าร่วมแข่งขันในฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ แม้เราจะอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างจากทุกปี แต่เป็นที่น่ายินดีว่าเหล่านักกอล์ฟสาวไทยต่างให้ความสนใจและสมัครเข้าร่วมแข่งขันเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้

ผมต้องขอแสดงความยินดีกับ “โปรพราว” ชเนตตี วรรณแสน ผู้ชนะการแข่งขัน Honda LPGA Thailand National Qualifiers ที่ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันกับเหล่านักกอล์ฟมืออาชีพระดับโลก ซึ่งถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญและเป็นหนึ่งในเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้นักกอล์ฟสาวไทย ได้สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ เห็นได้จากความสำเร็จของ รีน่า  ทัตเทมัตซึ ผู้ชนะการแข่งขัน Honda LPGA Thailand National Qualifiers 2020 ซึ่งปัจจุบันรีน่าได้รับทุนการศึกษาต่อและผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมทีมกอล์ฟหญิงของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอคลาโฮมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเราที่ได้มีส่วนช่วยส่งเสริมนักกอล์ฟสาวไทยให้ก้าวสู่เส้นทางกอล์ฟอาชีพในระดับสากลได้อย่างภาคภูมิ”

l5

“โปรพราว” ชเนตตี วรรณแสน ผู้ชนะการแข่งขัน Honda LPGA Thailand National Qualifiers 2021 กล่าวถึงชัยชนะครั้งนี้ว่า “รู้สึกดีใจและภูมิใจมากค่ะที่ได้ผ่านรอบคัดเลือกไปแข่งขันใน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2021 เพราะโอกาสที่นักกอล์ฟคนหนึ่งจะได้แข่งขันในสนามเดียวกับนักกอล์ฟอาชีพในรายการระดับโลกถือเป็นเรื่องที่ยากมาก ซึ่งส่วนใหญ่ต้องเดินทางไปถึงต่างประเทศ และจำเป็นต้องมีสปอนเซอร์สนับสนุนหรือต้องจัดการค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงด้วยตนเอง ครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทางฮอนด้า การกีฬาแห่งประเทศไทย และไอเอ็มจี เป็นอย่างสูง ที่ได้จัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ขึ้น ทำให้นักกอล์ฟไทยได้มีโอกาสร่วมสนามกับโปรเก่งๆ ในบ้านของตัวเอง และหวังว่าทางคณะผู้จัดงานจะจัดกิจกรรมที่มีประโยชน์เช่นนี้ในเมืองไทยต่อไปค่ะ”

สำหรับการแข่งขัน Honda LPGA Thailand National Qualifiers ระหว่าง 30 – 31 มีนาคม ที่ผ่านมา มีนักกอล์ฟสตรี ทั้งมืออาชีพและสมัครเล่นเข้าร่วมแข่งขันทั้งสิ้น  52 คน วันแรก “โปรพราว” วัย 16 ปี จากเชียงใหม่ เจ้าของรองแชมป์ร่วมรายการ ฟีนิกซ์ เลดี้ส์ คลาสสิค 2021 และรองแชมป์รอบคัดเลือกรายการ Honda LPGA Thailand National Qualifiers เมื่อปี 2020 ทำสกอร์  6 อันเดอร์พาร์ นำ “โปรมายด์” ตรีฉัฐ จีนกลับ วัย 24 ปี และ “โปรปริญญ์” ปวริศา ยกทวน วัย 26 ปี  สองนักกอล์ฟรุ่นพี่ ทำสกอร์ 2 อันเดอร์พาร์ รั้งอันดับ  2 ร่วม อยู่ 4 ส

l8

ส่วนการแข่งขันวันสุดท้าย “โปรพราว” ที่หวังจะทำความฝันให้เป็นจริงในการลงเล่นฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ และเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดอายุครบ 17 ปี ในวันที่ 16 เมษายนนี้  ยังคงเดินหน้าทำสกอร์ต่อเนื่องเก็บเพิ่ม 4 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวมหลังจบการแข่งขัน  10 อันเดอร์พาร์ คว้าแชมป์ Honda LPGA Thailand National Qualifiers ได้สำเร็จ โดยเอาชนะ “โปรก้อย” ชลดา ชยณรรย์ วัย 26 ปี  รองแชมป์ไป 5 โสตรก 

โดยวันแรก “โปรก้อย” ทำสกอร์ อีเวนพาร์ ส่วนวันสุดท้ายฟอร์มแรงเก็บเพิ่ม 5 อันเดอร์พาร์ ด้านปวริศา ยกทวน และ ตรีฉัฐ จีนกลับ สองนักกอล์ฟที่รั้งอันดับสองร่วมจากวันแรก ฟอร์มแผ่ว สกอร์รวม 3 โอเวอร์พาร์ จบอันดับ 7 ร่วม โดยโปรพราว สามารถทำฝันให้เป็นจริงได้ หลังจากลงแข่งขันรอบ National Qualifiers ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3

ผลการแข่งขันกอล์ฟคัดเลือก ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ National Qualifiers 2021 ระหว่าง 30-31 มีนาคม 2564
1.(-10) ชเนตตี วรรณแสน
2 (-5) ชลดา ชยณรรย์
T3.(-2) วรรษวัลย์ สัขพงษ์,อาภิชญา ยุบล
T5.(-E) ปัณณรัตน์ ธนพลบุญรัศมิ์, ชุติมณฑน์ รุจิรนันท์
T7.(+3) ยุพาภรณ์  กวินปกรณ์, ณัฐกฤตา วงศ์ทวีลาภ, ตรีฉัฐ จีนกลับ, ปวริศา ยกทวน, ดลใจแมน บุญถม

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


กิน “วีแกน” อย่างไร ไม่ให้ขาดสารอาหาร

กิน "วีแกน" อย่างไร ไม่ให้ขาดสารอาหาร

วีแกน” คือการกินอาหารที่ปราศจากส่วนประกอบและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มาจากเนื้อสัตว์ นอกจากเนื้อสัตว์ตรงๆ แล้ว ยังรวมถึงอาหารทุกอย่างที่มาจากสัตว์ด้วย เช่น นมวัว ไข่ น้ำผึ้ง ฯลฯ เป็นต้น

ทำไมคนถึงหันมากินอาหารแบบ “วีแกน”?

การกินอาหารแบบ “วีแกน” นอกจากจะช่วยลดการเบียดเบียนการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแล้ว ยังเป็นทางเลือกของผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ เพราะเป็นการกินที่เน้นพืชผักผลไม้มากกว่าเนื้อสัตว์ ทำให้มีโอกาสที่จะได้รับผลเสียจากการรับประทานเนื้อสัตว์น้อยกว่า เช่น ไขมันจากสัตว์ที่รับประทานมากๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง คอเลสเตอรอลที่ไม่ดีสูง รวมถึงการบริโภคเนื้อแดงมากๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง เป็นต้น

วีแกน vs มังสวิรัติ

จริงๆ แล้ว เทรนด์ในการกินอาหารที่เน้นแต่พืชผักผลไม้เริ่มมาตั้งแต่การกินมังสวิรัติ ที่เราคุ้นเคยกันดีกว่าเป็นการกินอาหารที่งดเว้นเนื้อสัตว์ แต่มังสวิรัติจะยังคงกินผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์อยู่ เช่น นมวัว ไข่ไก่ ชีส เนย เป็นต้น ในขณะที่วีแกนจะไม่กินอาหารที่มาจากสัตว์เลย จึงไม่กินนมวัว ไข่ไก่ ชีสที่มาจากนมของสัตว์ รวมถึงน้ำผึ้ง น้ำปลา และอื่นๆ นั่นเอง

วีแกน vs เจ

วีแกนกับการกินเจใกล้เคียงกันมาก แต่สำหรับกินเจจะไม่กินผักฉุน เช่น กระเทียม หัวหอม ผักชี กุยช่าย เป็นต้น ในขณะที่วีแกนกินผักผลไม้ได้ทุกชนิด

วีแกน เสี่ยงขาดสารอาหารได้อย่างไร?

การที่เรางดกินเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ทุกชนิด แม้ว่าจะพยายามทดแทนโปรตีนจากสัตว์ด้วยโปรตีนจากพืช และอาหารอื่นๆ เช่น เต้าหู้ เห็ด นมถั่วเหลือง ฯลฯ แต่การงดเนื้อสัตว์ยังอาจทำให้ขาดสารอาหารอื่นๆ ที่อยู่ในเนื่อสัตว์ด้วย เช่น วิตามินบี 12 ที่มักมีอยู่ในเครื่องในสัตว์ ไข่ นม น้ำปลา ธาตุเหล็ก วิตามินบี 3 เป็นต้น ดังนั้นจึงต้องกินผักผลไม้และอาหารอื่นๆ ที่มีวิตามินมากเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

เพื่อป้องกันความเสี่ยงการขาดสารอาหาร ผู้ที่กินวีแกนควรกินอาหารเหล่านี้ให้มากขึ้น

  • ธัญพืช เป็นแหล่งรวมวิตามินหลากหลายและมีประโยชน์ เช่น ถั่วต่างๆ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง ลูกเดือย ข้าวโอ๊ต เมล็ดเจีย ควินัว เป็นต้น เพื่อทดแทนการขาดวิตามินบี 12 วิตามินบี 6 และอื่นๆ
  • คะน้า ผักโขม ปวยเล้ง บล็อกโคลี เป็นต้น เพื่อทดแทนการขาดธาตุเหล็กจากการไม่ได้กินตับ และเครื่องในสัตว์
  • เห็ด เมล็ดฟักทอง บีทรูท ถั่วต่างๆ และดาร์คช็อกโกแลต เป็นต้น เพื่อทดแทนสังกะสีจากการไม่ได้กินอาหารทะเล
  • ออกกำลังกาย หรือออกไปสัมผัสแสงแดดยามเช้า เพื่อรับวิตามินดี

อย่างไรก็ตาม หากไม่แน่ใจว่ากินวีแกนอย่างถูกวิธีหรือไม่ และได้รับสารอาหารเพียงพอหรือเปล่า สามารถตรวจร่างกาย หรือปรึกษานักโภชนาการได้ และอย่าลืมล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนกิน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการรับสารตกค้างจากสารเคมี และยาฆ่าแมลงต่างๆ ด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ความหมายของ “8 (ฮะจิ) ปลายทางที่เปิดกว้าง” เลขมงคลตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น

ก่อนหน้านี้เราได้แนะนำเกี่ยวกับ “ประเพณีแต่งบ้านรับปีใหม่ของญี่ปุ่นเริ่มวันไหน?”  และทำให้ได้ทราบว่า โดยส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นจะเริ่มตกแต่งบ้านตามประเพณีรับวันปีใหม่กันในช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดยเฉพาะในวันที่ 28 เพราะเลข “8” คือเลขมงคลตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น แต่จะไม่เริ่มตกแต่งบ้านรับปีใหม่ในวันที่ 29 เพราะ 29 ในภาษาญี่ปุ่นอ่านออกเสียงว่า 29 “นิจูคุ” ซึ่งพ้องเสียงกับประโยค “นิจูคุ” (二重苦) ที่แปลว่า ความลำบาก, ยุ่งยากซ้ำแล้วซ้ำอีก

ในขณะที่ 29 หรือ “นิจูคุ” เป็นเลขอัปมงคล เพราะหมายถึงความลำบากซ้ำแล้วซ้ำแล้ว จึงทำให้ผู้เขียนเกิดความสงสัยว่า ทำไม? เลข 8 ที่อ่านในภาษาญี่ปุ่นว่า “ฮะจิ” จึงกลายเป็นเลขมงคลสำหรับชาวญี่ปุ่น และเลข 8 มีความหมายว่าอย่างไร? วันนี้เรามีคำตอบและรายละเอียดมาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ!

เลข 8 = ปลายทางที่เปิดกว้าง?

เลข 8

 

ในภาษาญี่ปุ่นจะมีประโยคที่พูดว่า “สุเอะ ฮิโระงะริ” (末広がり) เป็นคำมงคลที่มักใช้พูดเพื่อแสดงความยินดีในวันปีใหม่, พิธีแต่งงาน, พิธีเปิดภาคการศึกษา และวันเกิด ฯลฯ ซึ่งความหมายของประโยคนี้แปลว่า

“การกระจายตัวออกไปที่ปลายทางหลาย ๆ ทางราวกับกลีบพัด”

“การแพร่กระจายออกไปที่ปลายทางทีละนิด”

กล่าวคือ เป็นปลายทางที่เปิดกว้างเพื่อไปสู่อนาคตหรือการเปิดทางไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม สัญลักษณ์ตัวเลข “8” ไม่ได้มีความหมายว่า “สุเอะ ฮิโระงะริ” (末広がり) เพราะเลข 8 มีลักษณะคล้ายสัญลักษณ์อินฟินิตี้ (Infinity) หมายถึง “ไม่สิ้นสุด”

แต่แท้จริงแล้ว “สุเอะ ฮิโระงะริ” (末広がり) บ่งชี้ถึงอักษรคันจิ “八” (อ่านว่า ฮะจิ) ที่เขียนโดยเริ่มขีดเส้นจากด้านซ้ายบนไล่ลงมาข้างล่าง ตามด้วยขีดเส้นด้านขวาจากบนลงล่าง ซึ่งมีปลายด้านล่างของคันจิตัวนี้มีลักษณะ “ขยายเปิดกว้างออกไป” เช่นเดียวกับความหมายของประโยค “สุเอะ ฮิโระงะริ” (末広がり) จึงทำให้ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า เลข 8 (ฮะจิ) คือเลขมงคล

สิ่งมงคลที่หมายถึง “สุเอะ ฮิโระงะริ” (末広がり)

พัด

พัดแบบคลี่

พัดมีลักษณะคล้ายอักษร “八” (ฮะจิ) ที่ปลายทางเปิดกว้างออกไป จึงถือว่าพัดเป็นสิ่งของมงคลตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น โดยชาวญี่ปุ่นมักมอบพัดสีขาวล้วน 2 เล่มให้เป็นของขวัญในวันพิธีแต่งงานหรือวันเกิด

ว่ากันว่า พัดเป็นอุปกรณ์ที่ค้นพบโดยคนญี่ปุ่น ประดิษฐ์ขึ้นครั้งแรกในยุคนาระ และถูกนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของชาวญี่ปุ่น เช่น การเขียนกลอนญี่ปุ่นวะกะ (和歌) บนพัด, การวาดภาพศิลปะลงบนพัด, การนำพัดมาทำเป็นลวดลายตามประเพณีญี่ปุ่น, การผลิตชามที่มีลักษณะคล้ายพัด เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการใช้พัดในศิลปะการแสดงดั้งเดิมของญี่ปุ่น เช่น ละครโน, ละครคาบุกิ ฯลฯ และมีการร้องเพลงที่ชื่อว่า “สุเอะ ฮิโระงะริ” (末広がり) อยู่ในการแสดงละครเคียวเกน (狂言) อีกด้วย

ภูเขาไฟฟูจิ

ภูเขาไฟฟูจิ

ฟูจิซัง หรือ ภูเขาไฟฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และมีลักษณะคล้ายอักษร “八” (ฮะจิ) ที่ปลายทางเปิดกว้าง ชาวญี่ปุ่นจึงมีความเชื่อว่าภูเขาไฟฟูจิคือสิ่งมงคลอีกอย่างหนึ่งด้วย

ญี่ปุ่นจะมี “ฟูจิมิ โดริ” (富士見通り) กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ท้องถิ่นต่าง ๆ เป็นสถานที่สำหรับชื่นชมความงามของภูเขาไฟฟูจิ หลายคนยังนิยมปีนเขาภูเขาไฟฟูจิเพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย โดยในยุคเอโดะ ได้มีการประดิษฐานภูเขาไฟฟูจิขนาดเล็กไว้ตามศาลเจ้าและสวนสาธารณะเพื่อให้คนที่ไม่สามารถปีนขึ้นภูเขาไฟฟูจิได้สักการะเทพเจ้าแห่งภูเขาไฟฟูจิ ที่เรียกว่า “ฟูจิชินโค” (富士信仰) อีกด้วย

พัด

หวังว่าบทความนี้จะช่วยคลายความสงสัยที่ว่า ทำไมเลข 8 (ฮะจิ) จึงมีความหมายมงคลในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า “ปลายทางที่เปิดกว้าง” ทั้งที่เลข 8 เป็นการเขียนเส้มเชื่อมเส้นต่อกัน ไม่ได้มีลักษณะเป็นปลายเปิดขยายกว้างตามความหมายของประโยคภาษาญี่ปุ่นที่ว่า “สุเอะ ฮิโระงะริ” (末広がり) และหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อน ๆ ด้วยนะคะ!

ขอบคุณข้อมูลจาก th.anngle.org


Lexus LF-Z EV ขายจริงปี 2025 เมืองไทยไม่พลาด

Lexus LF-Z EV ขายจริงปี 2025 เมืองไทยไม่พลาด

Lexus LF-Z EV เอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ของเลกซัส เตรียมขายจริงปี 2025

เลกซัส แบรนด์หรูในเครือโตโยต้า เผยโฉมรถต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 100% Lexus LF-Z EV ก่อนผลิตและขายจริงในปี 2025 ส่วนเมืองไทยเตรียมนำเข้ามาทำตลาดเช่นกัน

Lexus LF-Z EV  หรือ Lexus LF-Z Electrified จะใช้แพลตฟอร์มใหม่ที่รองรับรถพลังงานไฟฟ้า 100% โดยเฉพาะ ด้านมิติตัวถังยาว 4,880 มม. กว้าง 1,960 มม. สูง 1,600 มม. ระยะฐานล้อ 2,950 มม. น้ำหนักรถ 2,100 กก.

Lexus LF-Z EV 

Lexus LF-Z EV 

Lexus LF-Z EV มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ DIRECT4  แยกมอเตอร์หน้า-หลัง ควบคุมอิสระต่อกัน ให้แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งรถวิ่งได้ระยะทาง 600 กม. (มาตรฐาน WLTP)

Lexus LF-Z ยังมาพร้อมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถเรียนรู้ลักษณะความต้องการและพฤติกรรมของผู้ขับขี่ และจะคอยให้การสนับสนุนผู้ขับขี่อยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ ระบบจดจำเสียงพูดมีการใช้ AI ใหม่ล่าสุดเพื่อจดจำ เรียนรู้ และปรับให้เข้ากับนิสัยและความต้องการของผู้ขับขี่ เพื่อช่วยทำงานต่าง ๆ เช่น การระบุเส้นทางในการขับขี่ และการจองโต๊ะในร้านอาหาร

ปัจจุบันเลกซัส มีรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด และ EV ทั้งหมด 9 รุ่น ที่ทำตลาดใน 90 ประเทศ และภายในปี 2025 เตรียม เปิดตัวLexus LF-Z EV  รถยนต์รุ่นใหม่และรุ่นปรับปรุงโฉมจำนวน 20 รุ่น รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 10 รุ่น

Lexus LF-Z EV 

Lexus LF-Z EV 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ทำความรู้จัก ผักเคล (Kale) ราชินีผักใบเขียว – คุณค่าที่คนรักสุขภาพคู่ควร

จากคำกล่าวที่ว่า ‘YOU ARE WHAT YOU EAT’ กินอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น ทำให้หลายคนหันมาดูแลสุขภาพอาหารการกินกันมากขึ้น ลดการรับประทานอาหารจำพวกฟาสฟู๊ด อาหารใส่ผงชูรส หรืออาหารที่ผ่านการปรุงเยอะๆ แล้วหันมาเลือกทานอาหารประเภทที่ให้สารอาหารเยอะ แต่แคลลอรี่หรือไขมันต่ำ (ผักเคล (Kale) ราชินีผักใบเขียว)

ผักเคล (Kale) ราชินีผักใบเขียว

คนรักสุขภาพจึงเลือกทานอาหารประเภทที่ให้สารอาหารเยอะ อาทิ เมล็ดเจีย ข้าวโอ๊ต คีนัว ผักผลไม้ต่างๆ โดยอาหารที่กำลังฮิตในหมู่คนรักสุขภาพนั่นคือ“ผักเคล (Kale) หรือ ผักคะน้าใบหยัก” นั่นเอง วันนี้แคมปัส-สตาร์จะพาไปทำความรู้จักเจ้าผักเคลให้มากขึ้นกันค่ะ

ผักเคล คืออะไร?

ผักเคล (Kale) หรือ ผักคะน้าใบหยัก เป็นพืชตระกูลเดียวกับผักจำพวก บร็อคเคอรี่ คะน้า และดอกกะหล่ำ มีลักษณะสีเขียวเข้ม ใบหยิก เป็นที่นิยมอย่างมากในต่างประเทศ และถูกยกให้เป็น ‘Superfood’ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย อาทิ โอเมก้า 3 แมกนีเซียม แคลเซียม เหล็ก โซเดียม โพแทสเซียม วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค วิตามินบี 6 เป็นต้น

ทำไมต้องผักเคล

หลังจากที่นักวัทยาศาสตร์ได้ค้นพบประโยชน์มากมายจากผักแคล ก็ทำให้ผักชนิดนี้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย หลายคนลองรับประทานและเห็นผลที่ดีต่อร่างกาย จึงเกิดการบอกต่อกันไปเรื่อยๆ กลายเป็นกระแสในหมู่ของคนรักสุขภาพ เพราะผักเคลไม่เหมือนกับผักธรรมดาทั่วไป เป็นผักที่มีสารอาหารมากแต่น้ำตาลน้อย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รักสุขภาพหรือผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักนั่นเอง

อีกทั้งผักเคลยังให้คาร์โบไฮเดรตที่มีค่า Glycemic Index (GI) ต่ำ ซึ่งเป็นหน่วยวัดผลของคาร์โบไฮเดรตต่อระดับน้ำตาลในเลือด หากมีค่า GI สูง หมายถึงคาร์โบไฮเดรตจะแตกตัวอย่างรวดเร็วในระหว่างการย่อยอาหาร ทำให้กลูโคสเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตอย่างรวดเร็ว หากมีค่า GI ต่ำ หมายถึงคาร์โบไฮเดรตจะแตกตัวอย่างช้าๆ ค่อยๆ ให้กลูโคสเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นอาหารที่มีค่า GI ต่ำมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

นอกจากนี้ผักแคลยังเป็น‘ตัวล้างสารพิษจากธรรมชาติ’ เช่นเดียวกับ สไปรูลิน่า เพราะมีไฟเบอร์และซัลเฟอร์ ที่ช่วยดึงสารพิษสะสมและกำจัดออกจากร่างกาย อาทิ สารตกค้างจากอาหารแปรรูป มลภาวะ ยาฆ่าแมลง และสารพิษตกค้างจากยา ซึ่งถ้าสะสมมากในร่างกายก็จะเพิ่มโอกาสในการเกิดโรค

ประโยชน์ของผักเคล

  • ช่วยลดคอเลสเตอรอล โดยมีงานวิจัยพบว่า การดื่มน้ำผักเคลเป็นประจำทุกวันติดต่อกัน 12 สัปดาห์ช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอล HDL ที่ดีขึ้นถึง 27% และลดคอเลสเตอรอลตัวร้าย LDL ลงไป 10%
  • ต่อต้านสารอนุมูลอิสระ
  • ลดการอักเสบของร่างกาย
  • ลดรอยเหี่ยวย่นของผิว ลดริ้วรอย ชะลอวัย ช่วยให้ผิวหนังเปล่งปลั่งสดใส
  • ป้องกันโรคหวัด ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ระบบเผาผลาญซึ่งจำเป็นต่อการลดน้ำหนัก
  • ช่วยกำจัดสารพิษที่สะสมออกจากร่างกาย
  • ช่วยให้เลือดลำเลียงออกซิเจนไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้ดี
  • ช่วยให้เซลล์เติบโต และจำเป็นต่อการทำงานของตับ
  • ช่วยบำรุงเลือดและตับได้อย่างดี
  • ช่วยลดการอักเสบของไขข้อและข้อกระดูก ช่วยต้านทานโรคไขข้ออักเสบได้ดี
  • ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดี
  • ช่วยปกป้องสายตา ทำให้ดวงตาแข็งแรงขึ้น ลดอาการปวดล้าของดวงตาจากการใช้งานหนัก
  • ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ และชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
  • ช่วยดีท๊อกซ์ลำไส้ ล้างสารพิษที่ตกค้าง และลดการเกิดโรคของโรคลำไส้อักเสบ

คุณค่าทางโภชนาการของผักเคล ต่อ 100 กรัม (อ้างอิงจาก:ndb.nal.usda.gov)

  • พลังงาน 35 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 4.42 กรัม
  • น้ำตาล 0.99 กรัม
  • เส้นใย 4.1 กรัม
  • ไขมัน 1.49 กรัม
  • โปรตีน 2.92 กรัม
  • น้ำ 89.63 กรัม
  • วิตามินเอ 241 ไมโครกรัม
  • วิตามิน บี 1 0.113 มิลลิกรัม
  • วิตามิน บี 2 0.347 มิลลิกรัม
  • วิตามิน บี 3 1.180 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 6 0.147 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 93.4 มิลลิกรัม
  • วิตามินอี 0.66 มิลลิกรัม
  • วิตามินเค 389.6 ไมโครกรัม
  • โฟเลต 62 ไม่โครกรัม
  • ธาตุแคลเซียม 254 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 1.60 มิลลิกรัม
  • ธาตุแมกนีเซียม 33 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 55 มิลลิกรัม
  • ธาตุโพแทสเซียม 348 มิลลิกรัม
  • ธาตุโซเดียม 53 มิลลิกรัม
  • ธาตุสังกะสี 0.39 มิลลิกรัม
  • กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 0.104 กรัม
  • กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 0.6373 กรัม

วิธีรับประทานผักเคล

ผักเคล ามารถรับประทานสดๆ ได้เลย แต่อาจจะมีรสออกขมๆ และใบค่อนข้างหนา อาจจะรับประทานยากกว่าผักสลัดทั่วไป หากรับประทานแบบ‘เบบี้เคล’ จะทานง่ายกว่า ซึ่งเป็นผักเคลมีอายุการปลูกประมาณ 60 วัน หรือสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายประเภททั้งต้ม ทอด ผัด แต่วิธีที่นิยมทำมากที่สุดคือ ‘การนำผักเคลมาปั่นเป็นเครื่องดื่มสมูตตี้’  ผสมกับผลไม้รสเปรี้ยว เช่น แอปเปิ้ลเขียวหรือกีวี่ ทำให้ทานง่ายยิ่งขึ้น

ข้อควรระวังในการรับประทานผักเคล

ทุกสิ่งบนโลก ถ้ามากเกินไปหรือน้อยเกินไปก็อาจให้โทษได้ ดังนั้นจึงควรรับประทานผักเคลแบบพอดีๆ เพราะในผักเคลมีสาร‘Goitrogen‘ ซึ่งมีฤทธิ์ในการยับยั้งการสร้างฮอร์โมนในต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายนำไอโอดีนในเลือดไปใช้ได้น้อยกว่าปกติ หากได้รับสารชนิดนี้มากเกินไปจะทำให้มีอาการท้องอืดและร่างกายได้ขาดสารไอโอดีน นำไปสู่โรคคอพอกได้ ส่วนผู้ที่เป็นโรคคอพอกอยู่แล้ว ก็ไม่ควรรับประทานมากเกินไป หรืออาจปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำในการับประทาน

ขอบคุณข้อมูลจาก today.line.me


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 25,250.00 25,350.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,636.00 24,801.76 25,850.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,472.40 22,321.58 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,308.80 19,841.41 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 736.00 11,157.76 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 573.00 8,686.68 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,695.00 25,696.20 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 01/04/2564

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 95 26.65 26.65 26.65 26.65 26.65 26.65 26.65 26.65 26.65 26.65
แก๊สโซฮอล์ 91 26.38 26.38 26.38 26.38 26.38 26.38 26.38 26.38 26.38 26.38
แก๊สโซฮอล์ E20 25.14 25.14 25.14 25.14 25.14 25.14 25.14 25.14 25.14
แก๊สโซฮอล์ E85 21.09 21.09 21.09
เบนซิน 95 34.06 34.51 34.56 34.06 34.06
ดีเซล B7 26.49 26.49 26.49 26.49 26.49 26.49 26.49 26.49 26.49 26.49
ดีเซล 23.49 23.49 23.49 23.49 23.49 23.49 23.49 23.49 23.49 23.49
ดีเซล B20 23.24 23.24 23.44 23.24 23.24 23.24 23.24
ดีเซลพรีเมี่ยม 31.16 31.26 32.94 32.56 31.16
แก๊ส NGV 13.43 13.43 13.43
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า