สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 07 กรกฎาคม 2563

“นิรุฒ”ขับเคลื่อนรฟท.สู่ผู้นำระบบราง

ผู้ว่าการรถไฟฯชูยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนการรถไฟ สู่อนาคตการเป็นผู้นำระบบราง พร้อมยกระดับการขนส่งของประเทศ

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย  แถลงนโยบายและยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้ทราบถึงทิศทางและแนวทางการบริหารงานในด้านต่าง ๆ ขององค์กรให้สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมอย่างมีประสิทธิภาพ

นายนิรุฒฯ กล่าวว่า ระยะเวลากว่า 2เดือน ที่ได้เข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยนั้น ได้ลงพื้นที่ดูงาน ตรวจเยี่ยมพนักงานทั่วประเทศ ในการลงพื้นที่ทำให้เห็นถึงการดำเนินงานต่างๆของการรถไฟฯทั้งในเรื่องของข้อจำกัดต่างๆทั้งในด้านการดำเนินงาน การบริหารทรัพย์สินต่างๆของการรถไฟฯ รวมถึงปัญหาที่เกิดจากความตั้งใจและไม่ตั้งใจของประชาชนที่มีการรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของการรถไฟฯ ซึ่งอาจทำให้เกิดความสูญเสียทั้งกับ

การรถไฟฯเอง หรือแม้แต่ประชาชน ซึ่งหลังจากได้ลงพื้นที่และได้เข้าไปดูแลในหลายๆที่ก็ได้รับการตอบรับและความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทั้ง หน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวมถึงประชาชน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อทั้งองค์กร และประเทศชาติ

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรหรือ (โควิด-19) ที่ผ่านมา การรถไฟฯ ได้มีมาตรการดูแลและเตรียมความพร้อมในการดูแลลูกค้าและประชาชนผู้มาใช้บริการ ไม่ว่าจะในเรื่องของมาตรการดูแลป้องกันและการเฝ้าระวัง โดยการรถไฟฯ ได้มีมาตรการต่าง ๆ ในการปฏิบัติของทั้งพนักงานและผู้ใช้บริการ ซึ่งที่ผ่านมาพนักงานของการรถไฟฯ ได้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

ยุทธศาตร์หลัก 3 ด้าน ที่จะขับเคลื่อนการรถไฟฯต่อจากนี้ เพื่อให้กลับมาแข็งแกร่งและเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบด้วย คือ 1. การเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการขนส่งทางราง 2. การเพิ่มรายได้และการลดค่าใช้จ่าย 3. การขับเคลื่อนและการยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อให้สอดคล้องตามวิสัยทัศน์ของการรถไฟฯในการ“เป็นผู้ให้บริการระบบรางของรัฐที่ดีที่สุดในอาเซียนในปี 2570”

1.การเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการขนส่งทางราง ขณะนี้ การรถไฟฯ มีโครงการที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการอยู่หลายโครงการ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง และส่วนต่อขยาย โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการรถไฟความเร็วสูง (กรุงเทพ – นครราชสีมา) และโครงการรถไฟเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา) การพัฒนาพื้นที่รอบสถานีใหญ่ อาทิ สถานีกลางบางซื่อ สถานีแม่น้ำ สถานีมักกะสัน เป็นต้น

2.การเพิ่มรายได้และการลดค่าใช้จ่าย

การรถไฟฯจะมุ่งเน้นในเรื่องของการสร้างรายได้ทั้งในธุรกิจหลัก (Core Business) ไม่ว่าจะเป็น

เรื่องของการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร และธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non Core Business) อาทิ ที่ดินของการรถไฟฯ เพื่อสร้างให้เกิดรายได้และประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร โดยมีการเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นในเรื่องของการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

ในส่วนบริหารที่ดินของการรถไฟฯ ได้มีการจัดทำระบบฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ ระบบแผนที่ (GIS) เพื่อให้มีฐานข้อมูลที่ดินทั้งหมด จะได้นำมาสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับองค์กรได้ต่อไป นอกจากนี้ในเรื่องการใช้ประโยชน์พื้นที่นั้น ได้มีนโยบายที่จะวางแนวทางการจัดระเบียบผู้เช่าให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงการควบคุมแก้ไขปัญหาผู้บุกรุกที่ดินของการรถไฟฯ

การสร้างรายได้เสริมให้การรถไฟฯ จากสินทรัพย์ที่ไม่อยู่ในสภาพใช้งาน เช่น ซากสิ่งของเหลือใช้ ตู้รถไฟเก่า หมอนไม้ เศษเหล็ก เป็นต้น

นอกจากการหารายได้เพิ่มขึ้นแล้วนั้น สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการลดค่าใช้จ่าย และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยดำเนินงาน และบูรณาการข้อมูลจะเป็นการช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ของการรถไฟฯ อีกทาง

3. การขับเคลื่อนและการยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยการพัฒนาองค์กรและการจัดการให้เชื่อมโยงอย่างบูรณาการ โดยจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถให้กับพนักงานในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำในการยกระดับโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ การพัฒนาความรู้ ความสามารถของบุคลากร เพื่อให้มีศักยภาพตรงตาม Competency ที่การรถไฟฯ ต้องการ และการ Reskill & Upskill พนักงาน โดยมีส่วนสำคัญคือ การรักษาองค์ความรู้ โดยการสร้างระบบถ่ายทอดและเก็บรักษาองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น (Knowledge anagement)

นอกจากนี้ การรถไฟฯ มีแนวทางในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานการบริการให้ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“กรมที่ดิน”ทำระบบประเมินพึงพอใจก้าวสู่บริการเป็นเลิศ

“กรมที่ดิน” จัดทำระบบประเมินสำนักงานและเจ้าหน้าที่เพื่อก้าวสู่บริการแห่งความเป็นเลิศ มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ -ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง

ในปัจจุบันนี้ภาครัฐกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ จากบริบทของโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี (Digital Disruption) ทางรัฐบาลจึงได้กำหนดนโยบายในการพลิกโฉม (Transform) หน่วยงานภาครัฐหรือระบบราชการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และรองรับโมเดลการพัฒนาประเทศไทย 4.0 โดยยึดหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน

กรมที่ดินจึงได้มอบนโยบายผ่านระบบ Video Conference System ให้กับผู้บริหารและข้าราชการกรมที่ดินทั่วประเทศ ไปเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา ในเรื่อง “Smart Land Changes” เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาระบบการให้บริการให้ทันต่อสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหนึ่งในนโยบายที่ได้เน้นย้ำและให้ความสำคัญอย่างยิ่ง คือ “การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง : People Centric” เพราะงานที่ดิน คือ งานบริการ ซึ่งการบริการประชาชนต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องที่ดิน เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาที่แม่นตรง บริการด้วยมิตรไมตรี ยิ้มแย้มแจ่มใส ต้อนรับขับสู้ อำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนการทำงาน ตามคู่มืออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และลดภาระของประชาชนในการทำธุรกรรมตามนโยบายประเทศไทย 4.0

กรมที่ดิน เป็นหน่วยงานที่ให้บริการประชาชนเป็นจำนวนมาก มีปริมาณงานที่ต้องให้บริการประชาชนทั้งงานทะเบียนและงานรังวัด จากข้อมูลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 พบว่ามีประชาชนมาใช้บริการ ณ สำนักงานที่ดินทั่วประเทศ จำนวน 13,295,931 ราย สามารถจัดเก็บรายได้ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และอื่น ๆ เป็นรายได้ของรัฐ รวมทั้งสิ้น 108,658.41 ล้านบาท ดังนั้น กรมที่ดินยุคใหม่ จึงต้องมุ่งมั่นที่จะพัฒนา

ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Digital Disruption) และยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง (People Centric) การดำเนินงานของกรมที่ดินต้องมีความชัดเจน ถูกต้องแม่นยำ และโปร่งใส

ดังนั้น กรมที่ดินจึงได้จัดทำระบบประเมินความพึงพอใจของเจ้าหน้าที่แต่ละรายในการให้บริการประชาชนทั่วประเทศ

โดยมีวัตถุประสงค์ 3 ประการ ดังนี้

1. เพื่อรับฟังคำแนะนำ ข้อเสนอแนะ คำติชม ในเชิงสร้างสรรค์จากประชาชนผู้รับบริการ

2. ช่วยปรับเปลี่ยนแนวคิดพฤติกรรม (Mindset)ในการทำงานของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการประชาชนด้วยมิตรไมตรี ยิ้มแย้มแจ่มใส เต็มใจให้บริการ

3. เป็นการเก็บรวมรวมข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่รวดเร็ว สะดวกสบาย สอดคล้องกับวิถีขีวิตของประชาชนในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ท่านที่ไปใช้บริการสำนักงานที่ดินแล้ว สามารถทำการประเมินความพึงพอใจได้ง่าย ๆ โดยใช้ SmartPhone สแกน QR Code เพียง 3 ขั้นตอน “สแกน – ประเมิน – ส่ง” เพื่อให้กรมที่ดินได้รับข้อมูลมาพัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง กรมที่ดินให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปใช้บริการสำนักงานที่ดินที่ใดช่วยกันประเมินเพื่อปรับปรุงงาน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


กรุงศรีปรับGDPปีนี้ลบ10.3%

กรุงศรีปรับGDPปีนี้ลบ10.3%

กรุงศรีปรับคาดการณ์ GDP ปีนี้ คาดติดลบ 10.3% จากพิษโควิด-19 ก่อนฟื้นตัวที่ 2.9% ในปี 2564

ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ ผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ไทยจะไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศมากว่า 1 เดือน และมีการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ แต่มาตรการเฝ้าระวัง เช่น การรักษาระยะห่างทางสังคม การระงับการบินระหว่างประเทศ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ยังกดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้วิจัยกรุงศรีปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้และมองว่าจะหดตัว 10.3% ซึ่งต่ำกว่าช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชียในปี 2541 แต่เศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัวและเติบโตที่ 2.9% ในปี 2564

วิจัยกรุงศรี มองว่า จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่พุ่งขึ้นเกิน 10 ล้านรายและยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งความเสี่ยงของการเกิดการระบาดรอบสองในหลายประเทศ อาจทำให้การบังคับใช้มาตรการห้ามเที่ยวบินระหว่างประเทศนานกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวอย่างมาก ประเทศไทยพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวในสัดส่วนสูง จึงเป็นหนึ่งในประเทศที่เปราะบางมากจากผลกระทบของโควิด-19 โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยในปีนี้จะลดลงถึง 83% แม้จะมีการเปิดประเทศด้วยการท่องเที่ยวแบบจับคู่เดินทาง (Travel Bubble Policy) แต่คาดว่า ณ กลางปี 2564 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังคงน้อยกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน

การชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและผลกระทบทางลบที่ส่งต่อไปยังภาคหลายส่วน อาจทำให้แรงงานในไทยประมาณ 80% ได้รับผลกระทบในช่วงที่มีการระบาดหนักของโควิด-19 จากเดิมคาดไว้ที่ 50% และในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้คาดว่าจะยังมีแรงงานที่ได้รับผลกระทบประมาณ 30% จากเดิมคาดไว้ที่ 10% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของครัวเรือนและความสามารถในการใช้จ่ายของประชาชน

ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาสู่ระดับต่ำสุดที่ 0.5% และการผ่อนคลายมาตรการทางการเงินต่างๆ น่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจได้บางส่วน อย่างไรก็ตาม หลังจากพ้นช่วงเวลาของมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs คาดว่าหนี้สินของภาคธุรกิจและหนี้สินของภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นในเร็วๆ นี้ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเลิกจ้างงานและภาคการเงินของประเทศ

“นอกจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คาดว่าจะฉุดให้เศรษฐกิจไทยหดตัว 10.6% ในปีนี้ ความล่าช้าของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและปัญหาภัยแล้งจะส่งผลให้การเติบโตของ GDP ลดลงไปอีก 1% และ 0.4% ตามลำดับ แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทยอยออกมา ซึ่งคาดว่าจะหนุนให้เศรษฐกิจโตได้ราว 1.7% นโยบายการเงินและการคลังที่ประกาศออกมาอาจจะไม่เพียงพอในการยับยั้งการถดถอยของเศรษฐกิจ และอาจไม่มากพอที่จะกระตุ้นให้การเกิดการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและการลงทุนของภาคเอกชน วิจัยกรุงศรีจึงมองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในรูปแบบตัวยู (U-shaped Recovery) แต่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเปลี่ยนไปเป็นการฟื้นตัวแบบตัวแอล (L-shaped Recovery) จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงและยาวนานเกินกว่าที่คาดไว้” ดร.สมประวิณ กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


สเปอร์ส ชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 ยังได้ลุ้นไปฟุตบอลยุโรป

โจวานนี โล เชลโซ ยิงแฉลบ ไมเคิล คีน เข้าประตู นำ สเปอร์ส เก็บ 3 แต้ม ขยับขึ้นมารั้งที่ 8 มีลุ้นแย่งพื้นที่ฟุตบอลยุโรป

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 33 ประจำคืนวันอังคารที่ 7 ก.ค. 2563 ทอตแนม ฮอต สเปอร์ อันดับ อันดับ 10 เปิดบ้านพบ เอฟเวอร์ตัน อันดับ 11

เกมในช่วงแรก ทั้งสองทีมเน้นการครองบอล โอกาสลุ้นประตูแทบไม่มีให้เห็น

กระทั่ง นาที 24 แฮร์รี เคน ยิงไปติดแนวรับเอฟเวอร์ตัน บอลกระดอนมาเข้าทาง โจวานนี โล เชลโซ กลับตัวยิงไปแฉลบ ไมเคิล คีน ให้สเปอร์ส ขึ้นนำ 1-0

ครึ่งชั่วโมงของเกม ไก่เดือยทอง ได้ลุ้นจากฟรีคิกของ เอริค ไดเออร์ ที่เกมนี้รับบทเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ แต่บอลข้ามคานออกไปแบบได้ลุ้น

ช่วงทดเจ็บครึ่งแรกนาทีสุดท้าย ริชาร์ริสัน กองหน้าทีมชาติบราซิล ได้ตั้งป้อมยิงจากหน้ากรอบ แต่บอลหลุดเสาออกไป

ครึ่งหลังนาที 54 ซอน เฮืองมิน ได้ยิงด้วยขวา บอลพุ่งเข้ากลางประตู แต่ก็ไปตรงตัว จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูเอฟเวอร์ตัน

อีก 10 นาทีถัดมา โล เชลโซ ไหลบอลให้ ซอน เฮืองมิน ได้ยิงด้วยซ้าย หวังยัดเสาแรก แต่บอลไปตรงตัว พิคฟอร์ด

เวลาที่เหลือ คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือเอฟเวอร์ตัน แก้เกมด้วยการส่ง แบร์นาร์ด ลงแทน ซิเกิร์ดสัน, มอยเซ คีน แทน ทอม เดวิส และ ฌิบริล ซิดิเบ แทน ซีมุส โคลแมน แต่เกมไม่ดีขึ้น

ครบ 90 นาที สเปอร์ส เฉือนชนะไป 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 48 แต้ม แซง เบิร์นลีย์ และเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ขึ้นไปอยู่อันดับ 8 ยังต้องลุ้นพื้นที่ไปเล่นฟุตบอลยุโรปต่อไป ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน มี 44 แต้มเท่าเดิม รั้งอันดับ 11

สถิติเกมนี้ สเปอร์ส มีโอกาสยิง 12 ครั้ง เข้ากรอบ 2 ครั้ง ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน ยิงเข้ากรอบ 3 ครั้ง จากโอกาสยิงทั้งหมด 10 ครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


วิจัยพบ ดื่ม “แอลกอฮอล์” ในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยให้สมองทำงานดีขึ้นได้

วิจัยพบ ดื่ม "แอลกอฮอล์" ในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยให้สมองทำงานดีขึ้นได้

ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมิชิแกนที่เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ JAMA เมื่อวันจันทร์ที่ 29 มิถุนายนจากการติดตามกลุ่มตัวอย่างเกือบ 20,000 คนและส่วนใหญ่เป็นคนอเมริกันผิวขาวอายุเฉลี่ย 62 ปีเป็นเวลา 12 ปีได้พบว่า การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่น้อยถึงปานกลางนั้นอาจช่วยการทำงานของสมองโดยเฉพาะในเรื่องการใช้ความคิดและเหตุผลตลอดจนถึงเรื่องความจำได้ นักวิจัยให้คำจำกัดความของการดื่มในปริมาณน้อยและปานกลางว่าหมายถึงน้อยกว่าแปดดื่มต่อสัปดาห์สำหรับผู้หญิง และน้อยกว่า 15 ดื่มต่อสัปดาห์สำหรับผู้ชาย

การศึกษานี้ดูเหมือนจะสนับสนุนผลที่เคยพบก่อนหน้านี้ว่าโดยทั่วไปแล้วการดื่มแอลกอฮอล์ 1 ดริ๊งค์ต่อวันสำหรับเพศหญิงและไม่เกินสองดริ๊งค์ต่อวันสำหรับเพศชายนั้นอาจมีผลดีต่อการทำงานของสมอง สำหรับในอเมริกานั้นหนึ่งดริ๊งค์หมายถึงแอลกอฮอล์ 14 กรัมหรือ 14 มิลลิลิตร

อาจารย์คาริน แอนซี ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาวิจัยเรื่องความจำในออสเตรเลียซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการศึกษาชิ้นนี้บอกว่าขณะนี้มีหลักฐานจำนวนมากจากการติดตามสังเกตที่แสดงว่าแอลกอฮอล์ในปริมาณน้อยถึงปานกลางมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองที่ดีขึ้นและช่วยลดความเสี่ยงของโรคความจำเสื่อมได้เมื่อเทียบกับในกลุ่มที่ไม่ดื่ม อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาขนาดใหญ่ระดับโลกอีกชิ้นหนึ่งเมื่อปีที่แล้วได้พบว่าไม่มีสุรา เบียร์ หรือไวน์ในปริมาณใดเลยที่ปลอดภัยหรือเป็นผลดีต่อสุขภาพโดยรวม และแอลกอฮอล์นั้นเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ รวมทั้งสำหรับการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรในเพศชายและหญิงอายุระหว่าง 15 ถึง 49 ปีทั่วโลกด้วย

ย้อนกลับไปที่การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมิชิแกนอีกครั้ง ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มที่จะไม่ได้ประโยชน์ต่อการทำงานของสมองจากแอลกอฮอล์นั้นคือคนผิวดำ ซึ่งอาจารย์คาริน แอนซีของศูนย์ศึกษาเรื่องความจำในออสเตรเลียก็ให้ความเห็นว่ามีความเป็นไปได้ว่านอกจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคมแล้วกลุ่มเชื้อชาติต่างๆอาจได้ประโยชน์หรือได้รับผลกระทบด้านสุขภาพจากแอลกอฮอล์ไม่เหมือนกัน

ทางด้านน.พ. ริชาร์ด ไอแซคสันแพทย์ระบบประสาทผู้ก่อตั้งคลินิกป้องกันอัลไซเมอร์ที่ศูนย์การแพทย์แห่งหนึ่งในรัฐนิวยอร์กก็เสริมว่า ข้อพิจารณาที่สำคัญเกี่ยวกับแอลกอฮอล์นั้นไม่ได้อยู่ที่ดื่มอะไรและเท่าไหร่ แต่อยู่ที่ดื่มเมื่อไหร่และอย่างไรมากกว่า ตัวอย่างเช่นการดื่มไวน์หนึ่งแก้วพร้อมอาหารเย็นอาจให้ผลดีกว่าการดื่มไวน์สองแก้วตอนดึกใกล้เวลานอนขณะที่ท้องว่าง เพราะเรื่องนี้อาจกระทบต่อคุณภาพการนอนและส่งผลต่อความเสี่ยงของอัลไซเมอร์ได้ ซึ่งในเรื่องนี้อาจารย์คาริน แอนซี ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาเรื่องความจำก็ชี้ว่าถ้าเราไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้วก็ไม่ควรไปเริ่มทดลอง เนื่องจากแอลกอฮอล์แม้อาจช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองได้บ้างก็ตามแต่แอลกอฮอล์ก็เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งบางประเภทได้เช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


การถามเรื่องครอบครัว ภาษาอังกฤษ ญาติพี่น้อง สถานภาพสมรส สัตว์เลี้ยง

เรียนรู้การพูดคุยสนทนา ถามตอบ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัว ญาติพี่น้อง ไปจนถึงสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน เป็นภาษาอังกฤษ

คุยเรื่องพี่น้อง ภาษาอังกฤษ

Do you have any brothers or sisters?
= คุณมีพี่น้องหรือไม่

brother (บรา’เธอะ) พี่ชาย, น้องชาย
sister (ซิส’เทอะ) พี่สาว, น้องสาว

Yes, I’ve got … = ครับ/ค่ะ ฉันมี…
a brother = พี่ชาย/น้องชาย
a sister = พี่สาว/น้องสาว
an elder brother = พี่ชาย
a younger sister = น้องสาว

elder (เอล’เดอะ) แก่กว่า, อาวุโสกว่า
younger (ยัง’เกอะ) คนที่มีอายุน้อยกว่า

two brothers = พี่ชาย/น้องชายสองคน
two sisters = พี่สาว/น้องสาวสองคน
one brother and two sisters = พี่ชาย/น้องชายหนึ่งคนและพี่สาว/น้องสาวสองคน

No, I’m an only child.
= ไม่ครับ/ค่ะ ฉันเป็นลูกคนเดียว

คุยเรื่องลูกและหลาน ภาษาอังกฤษ

Have you got any kids?
= คุณมีลูกไหม

Do you have any children?
= คุณมีลูกไหม

[คลิกอ่าน >> การใช้ Have กับ Have got และการตั้งคำถาม Do you have..? / Have you got..?]

Yes, I’ve got … = ครับ/ค่ะ ฉันมี…
a boy and a girl = ลูกชายหนึ่งคนและลูกสาวหนึ่งคน
a young baby = ลูกอ่อนหนึ่งคน
three kids = ลูกเล็กๆ สามคน

I don’t have any children.
= ฉันไม่มีลูก

Do you have any grandchildren?
= คุณมีหลานไหม

คำศัพท์ที่ควรสังเกต
child (ไชดฺ) เด็ก [คนเดียว] children (ชิล’เดรน) เด็กหลายคน

ประโยคเกี่ยวกับพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย

Where do your parents live?
= พ่อแม่ของคุณอาศัยอยู่ที่ไหน

What do your parents do?
= พ่อแม่ของคุณทำอะไร

What does your father do?
= พ่อคุณทำอะไร

What does your mother do?
= แม่คุณทำอะไร

Are your grandparents still alive?
= ปู่ ย่า ตา ยายของคุณยังมีชีวิตอยู่ไหม

Where do they live?
= พวกเขาอาศัยอยู่ที่ไหน

การสนทนาเรื่องความสัมพันธ์ ภาษาอังกฤษ

Do you have a boyfriend?
= คุณมีแฟนไหม (แฟนผู้ชาย)

Do you have a girlfriend?
= คุณมีแฟนไหม (แฟนผู้หญิง)

Are you married?
= คุณแต่งงานหรือยัง

Are you single?
= คุณโสดหรือเปล่า

สำนวนภาษาอังกฤษน่ารู้
Are you seeing anyone?
= คุณคบกับใครอยู่ไหม

I’m seeing someone.
= ฉันกำลังคบกับใครคนหนึ่งอยู่

I’m … ฉัน…
single = โสด
engaged = มีคู่หมั้นแล้ว
married = แต่งงานแล้ว
divorced = หย่าแล้ว
separated = แยกกับเขา/เธอแล้ว
a widow = แม่ม่าย
a widower = พ่อม่าย

สัตว์เลี้ยง

Have you got any pets?
= คุณมีสัตว์เลี้ยงไหม

ภาษาอังกฤษควรรู้
animal (แอน’ นิเมิล) สัตว์

pet (เพท) สัตว์เลี้ยง
= an animal that is kept in the home as a companion and treated kindly
ดังนั้น ถ้าเราจะพูดถึงสัตว์เลี้ยงต้องใช้คำว่า pet นะครับ

I’ve got … = ฉันมี…
a dog and two cats หมาหนึ่งตัวและแมวสองตัว
a Chihuahua ชิวาว่า 1 ตัว
a Labrador ลาบราดอร์ 1 ตัว

การถามชื่อและอายุ

What’s his name? เขาชื่ออะไร
He’s called … เขาชื่อ…
Tony โทนี่

What’s her name? เธอชื่ออะไร
She’s called … หล่อนชื่อ…

What are their names? พวกเขาชื่ออะไร
They’re called … พวกเขาชื่อ…
Gubgib and Bie กุ๊บกิ๊บ และ บี้

How old is he? เขาอายุเท่าไหร่
He’s … เขา…
fifteen อายุ 15 ปี

How old is she? เธออายุเท่าไหร่
she’s … เธอ…
sixteen อายุ 16 ปี

How old are they? พวกเขาอายุเท่าไหร่
they’re … พวกเขา…
five and nine อายุ 5 และ 9 ขวบ

ขอบคุณข้อมูลจาก tonamorn.com


หุ่นยนต์ AGV-AMR ดันไทยสู่ Medical Hub

ด้วยเป้าหมายที่ต้องการผลักดันให้ “ประเทศไทย” ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ของภูมิภาคอาเซียน หลังจากที่นำเสนอผลงานได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงความสามารถบริหารจัดการและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ดีเป็นอันดับต้นๆ จนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก

การพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมด้านหุ่นยนต์และเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อเข้ามาแบ่งเบาภาระของทีมแพทย์และพยาบาลจึงมีความจำเป็น และช่วยลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของ COVID-19 จากการสัมผัส รวมถึงขับเคลื่อนบริการทางการแพทย์ให้มีศักยภาพที่ดียิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของ หุ่นยนต์ AGV และ หุ่นยนต์ AMR ที่เกิดจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน

นำโดย “ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น” ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและวางระบบออโตเมชั่นในโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมมือกับสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ และบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ในการพัฒนาหุ่นยนต์แบบครบวงจร ได้แก่ หุ่นยนต์ “AGV Hospital Cart Transport System” และ หุ่นยนต์ AMR (Automated Mobile Robots)

กัลยาณี คงสมจิตร

“กัลยาณี คงสมจิตร” ประธานกรรมการ บริษัท ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด เล่าให้ฟังถึงศักยภาพของ หุ่นยนต์ AGV และ AMR ว่า หุ่นยนต์ “AGV Hospital Cart Transport System” เป็นหุ่นยนต์ที่มี ความสามารถในการเคลื่อนที่บนแถบแม่เหล็กนำทางได้เองโดยไม่ต้องควบคุมสั่งการ ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยใน การขนส่งยา อาหารและอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ สามารถสื่อสารกับคนไข้ผ่านหน้าจอของหุ่นยนต์และ หลบหลีกสิ่งกีดขวางได้เองด้วยระบบเซ็นเซอร์ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระและลดความเสี่ยงของบุคลากรทาง การแพทย์ โดยสามารถผลิตหุ่นยนต์ได้ด้วยต้นทุนตํ่าเพียงตัวละประมาณ 4 แสนบาท และมีคุณภาพ มาตรฐานเทียบกับหุ่นยนต์ AGV นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาตัวละ 8 แสน-1.2 ล้านบาท

“AGV Hospital ได้รับการออกแบบและพัฒนาด้วยอุปกรณ์พิเศษ เกรดอุตสาหกรรม โดยนำจุด แข็งของพันธมิตรทั้ง 3 ฝ่าย สามารถเคลื่อนที่ไปหาคนไข้ได้เองตามเส้นแม่เหล็กที่สามารถนำไปติดตั้งและปรับเปลี่ยนได้ง่ายโดยไม่ต้อง มีผู้ควบคุม หรือสั่งการทางไกลจากโมบาย แอพพลิเคชันหรือรีโมท คอนโทรล  มีระบบสแกน  วัดอุณหภูมิ พร้อมติดตั้งกล้องและจอแสดงผลบนตัวหุ่นยนต์เพื่อให้แพทย์และพยาบาลสื่อสารได้โดยไม่ต้องสัมผัสคนไข้ ใช้งานต่อเนื่องนาน 6-8 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง”

ส่วนหุ่นยนต์ AMR เป็นนวัตกรรมล่าสุดที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม สามารถเคลื่อนที่ไปยังจุดหมายปลายทางได้โดยไม่ต้องใช้เส้นแถบแม่เหล็ก โดยใช้เทคโนโลยีเลเซอร์สแกนเนอร์ และระบบ GPS ในการกำหนดพิกัด เพียงมี Floor plan ของอาคารสถานที่และใช้ระบบ 5G เป็นตัวเชื่อมสัญญาณ ถือเป็นเทคโนโลยีและวิทยาการที่ลํ้าสมัยของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ซึ่งจะเป็นนวัตกรรมที่เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบและกระบวนการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยุค 4.0

หุ่นยนต์ AGV และ AMR นอกจากจะตอบโจทย์เรื่องขอบริการทางการแพทย์ ยังสามารถยกระดับด้านการผลิตและการให้บริการในอุตสาหกรรมยุค 4.0 ได้อีกด้วย จึงเป็นหนึ่งในนวัตกรรมแห่งโลกอนาคตที่ต้องจับตา…

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


หนูท้องขาว สรรพคุณและประโยชน์ของต้นหนูท้องขาว 10 ข้อ !

หนูท้องขาว

หนูท้องขาว

หนูท้องขาว ชื่อวิทยาศาสตร์ Desmodium styracifolium (Osbeck) Merr. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Desmodium capitatum (Burm.f.) DC., Desmodium retroflexum (L.) DC.) จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยถั่ว FABOIDEAE (PAPILIONOIDEAE หรือ PAPILIONACEAE)[1],[2]

สมุนไพรหนูท้องขาว มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ผีเสื้อน้ำ (ลำปาง), อีเหนียว ก้วงกัวฮี (อุบลราชธานี), หนูท้องขาว (ตราด), รุกกุนิงตาหน่อ (ยะลา), กิมกี่เช่า (จีนแต้จิ๋ว), กว่างตงจินเฉียนเฉ่า จินเฉียนเฉ่า (จีนกลาง) เป็นต้น[1],[2]

ลักษณะของหนูท้องขาว

  • ต้นหนูท้องขาว จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกทอดเลื้อยไปตามพื้นดิน ยาวได้ประมาณ 50-150 เซนติเมตร มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5-12.0 มิลลิเมตร ลำต้นมีลักษณะกลมเป็นสีเขียวอ่อนถึงเขียวปนน้ำตาล ลำต้นส่วนที่ถูกแสงมักเป็นสีม่วงแดงหรือสีน้ำตาล ส่วนด้านล่างที่ไม่ถูกแสงจะเป็นสีเขียว และมีขนสีเหลืองขึ้นปกคลุมอย่างหนาแน่น พบขึ้นทั่วไปในดินนา ดินทราย และในสวนป่าเต็งรังที่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 35-475 เมตร เช่น จังหวัดร้อยเอ็ด อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ชัยภูมิ ศรีสะเกษ ขอนแก่น บุรีรัมย์ สุรินทร์ นครราชสีมา พิษณุโลก สงขลา แม่ฮ่องสอน เป็นต้น[1],[2]

ต้นหนูท้องขาว

  • ใบหนูท้องขาว ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบ ออกเรียงสลับ และมีใบเดี่ยวขึ้นปะปน ลักษณะของใบมีหลายรูปร่าง เช่น แบบกลม กลมแต่ปลายใบมีรอยเว้าตื้น วงรีกว้าง รูปไข่กลับมียอดกว้างกว่าโคน แต่โดยทั่วไปแล้วใบจะมีลักษณะเป็นรูปไข่กลับ โคนใบเว้าคล้ายรูปหัวใจหรือเรียบ ขอบใบเรียบ ใบยอดมีขนาดใหญ่กว่าใบล่างทั้งสอง ใบยอดมีขนาดกว้างประมาณ 1.2-3.4 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1.4-4.5 เซนติเมตร ส่วนใบด้านข้างมีขนยาวประมาณ 0.6-3.5 เซนติเมตร หน้าใบเรียบไม่มีขน ส่วนหลังใบมีขนสีขาวขึ้นปกคลุมเป็นจำนวนมาก แผ่นใบเป็นสีเขียวถึงเขียวเข้ม มีเส้นใบเรียงแบบขนนกประมาณ 10 คู่ นูนขึ้นอยู่หน้าใบ ก้านใบยาวประมาณ 0.5-1.2 เซนติเมตร หูใบเป็นสีน้ำตาลเข้ม[1],[2]

ใบหนูท้องขาว

  • ดอกหนูท้องขาว ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบและปลายกิ่ง การออกดอกจะเป็นแบบ Indeterminate (ดอกบานและเจริญเป็นฝักที่โคนช่อดอกจนถึงปลายช่อดอก) ดอกช่อกระจะเหมือนรูปกรวย ช่อดอกยาวประมาณ 3.5-7.5 เซนติเมตร ช่อดอกมีดอกย่อยจำนวนมากและอัดกันแน่น ประมาณ 16-42 ดอก ดอกย่อยมีกลีบเลี้ยงเป็นสีเขียวอ่อน กลีบดอกกลางเป็นสีบานเย็น ปลายกลีบเป็นสีม่วงอ่อน ส่วนกลีบดอกคู่ด้านข้างจะเป็นสีบานเย็นสด อับเรณูเป็นสีเหลืองมี 4 อัน ก้านเกสรเพศผู้เป็นสีม่วงแดงเข้ม ส่วนเกสรเพศเมียเป็นสีเขียวอ่อนออกเหลือง ออกดอกติดเมล็ดมากในช่วงฤดูฝน ประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคม[1],[2]

ดอกหนูท้องขาว

  • ผลหนูท้องขาว ออกผลเป็นฝัก เป็นข้อ ๆ ฝักหนึ่งมีประมาณ 3-6 ข้อ ฝักมีขนาดกว้างประมาณ 1.8-3.0 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 0.5-1.8 เซนติเมตร ส่วนที่เว้าคอดของฝักสามารถหักออกเป็นข้อได้ เมื่อสุกแล้วจะแตกออกตามตะเข็บล่าง ภายในมีเมล็ดลักษณะคล้ายไตคน แต่ละฝักจะมีเมล็ดประมาณ 1-5 เมล็ด[1],[2]

ผีเสื้อน้ำ

สรรพคุณของหนูท้องขาว

  1. ตำรายาพื้นบ้านอีสานจะใช้รากหรือลำต้น นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงร่างกาย และลดความดันโลหิต (ราก, ลำต้น)[2]
  2. รากหรือลำต้นมีรสจืด ชุ่ม เป็นยาเย็น ใช้เป็นยาแก้อาการร้อนใน (ราก, ลำต้น)[1]
  3. รากหรือลำต้นใช้เป็นยารักษาทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ ตำรับยารักษาระบบทางเดินปัสสาวะติดเชื้อจะใช้หนูท้องขาว 25 กรัม, ต้นผักกาดน้ำ 15 กรัม, ห่ายจินซา, ดอกสายน้ำผึ้ง 15 กรัม นำมารวมกันต้มกับน้ำรับประทาน (รากหรือลำต้น)[1]
  1. ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะ ขับนิ่วในถุงน้ำดี ตำรับยาขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะจะใช้หนูท้องขาว 15 กรัม, สือหวุ่ย 15 กรัม, ชวนพั่วสือ 15 กรัม, ตงขุยจื่อ 15 กรัม, เปียนซวี 12 กรัม, ห่ายจินซา 12 กรัม, จวี้ม่าย 10 กรัม, เจ๋อเซ่อ 10 กรัม, ฝูลิ่ง 10 กรัม และมู่ทง 6 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน (ราก, ลำต้น)[1]
  2. ใช้รักษาตับอักเสบเฉียบพลันแบบดีซ่าน (ราก, ลำต้น)[1]
  3. ใช้เป็นยาแก้ไตอักเสบ (ราก, ลำต้น)[1]
  4. ช่วยแก้อาการบวมน้ำ (ราก, ลำต้น)[1]
  5. รากหรือลำต้นมีสรรพคุณช่วยขับน้ำชื้นในร่างกาย (ราก, ลำต้น)[1]

ขนาดที่ใช้ : การใช้ตาม [1] ต้นแห้งให้ใช้ครั้งละ 15-35 กรัม ส่วนต้นสดให้ใช้ครั้งละ 20-60 กรัม[1]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของหนูท้องขาว

  • สารที่พบ ได้แก่ สารจำพวก Alkaloid, Flavonoid, Glucoside และ Phenols และยังพบสารแทนนินอีกด้วย[1]
  • เมื่อนำสารสกัดจากหนูท้องขาวมาฉีดเข้าเส้นเลือดดำของสุนัขทดลองในอัตราส่วน 1.6 ซีซี ต่อ 1 กิโลกรัม หรือยาสด 8 กรัม ต่อ 1 กิโลกรัม พบว่ามีผลทำให้เลือดในหลอดเลือดของหัวใจมีการไหลเวียนเพิ่มขึ้น แต่อัตราการเต้นของหัวใจลดน้อยลง อีกทั้งยังพบว่าส่งผลให้หัวใจมีกำลังในการบีบตัวมากขึ้นอีกด้วย[1]
  • สารสกัดจากหนูท้องขาวมีฤทธิ์กระตุ้นน้ำดีของสุนัขทดลองให้มีการไหลออกจากถุงน้ำดีมากขึ้น[1]
  • สารสกัดจากหนูท้องขาวมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเรียบที่ลำไส้เล็กของหนูตะเภา และลดความดันโลหิตในหนูขาว[1]
  • สารที่สกัดจากต้นแห้งหนูท้องขาวทั้งด้วยน้ำไม่เป็นพิษต่อเซลล์ของสัตว์[1]

ประโยชน์ของต้นหนูท้องขาว

  • ใช้เป็นอาหารของสัตว์จำพวกโค กระบือ โดยตัดหรือปล่อยให้สัตว์แทะเล็ม โดยคุณค่าทางอาหารของต้นหนูท้องขาวที่มีอายุ 45 วัน จะประกอบไปด้วย โปรตีน 11.9-14.4%, แคลเซียม 1.04-1.14%, ฟอสฟอรัส 0.16-0.2%, โพแทสเซียม 1.09-1.20%, ADF 38.4-40.2%, NDF 43.1-47.9%, DMD 36.0-45.9% (โดยวิธี Nylon bag) ส่วนต้นที่มีอายุประมาณ 45-90 วัน จะมีโปรตีน 11.8-12.4%, ไนเตรท 2.96 ppm, ออกซิลิกแอซิด 29.6-363.8 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์, แทนนิน 1.15-2.03%, มิโมซีน 0.77-0.85% และไม่พบไนไตรท์[2]
  • เกษตรกรทางภาคอีสานจะตัดมาเลี้ยงโคนมทำให้มีน้ำนม[2]

ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 26,150.00 26,250.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,694.00 25,681.04 26,750.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,524.60 23,112.94 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,355.20 20,544.83 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 762.00 11,551.92 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 593.00 8,989.88 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,755.00 26,605.80 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 07/07/2563

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55
แก๊สโซฮอล์ 91 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28
แก๊สโซฮอล์ E20 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04
แก๊สโซฮอล์ E85 17.99 17.99
เบนซิน 95 28.96 29.41 29.46 28.96 28.96
ดีเซล 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19
ดีเซล B10 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19
ดีเซล B20 18.94 18.94 18.94 18.94 18.94 18.94 18.94 18.94
ดีเซลพรีเมี่ยม 26.64 26.66 28.64 28.64
แก๊ส NGV 15.31 15.31
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า