สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 08 กรกฎาคม 2563

พฤกษาลุยแชมป์กลุ่ม “ทาวน์เฮ้าส์” 2 เดือนกวาดยอด 1,730ล.

พฤกษา เผยทาวน์เฮ้าส์ยอดขายทะลุเป้า 2 เดือน กวาดยอด 1,730 ล้าน เตรียมเปิด 3 โครงการใหม่ ปรับดีไซน์รับ New Normal รักษาแชมป์กลุ่มทาวน์เฮ้าส์

นายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท ทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในเดือนช่วงเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการออกแคมเปญกระตุ้นยอด “พฤกษาทาวน์เฮ้าส์ให้มากกว่า” โดยมอบสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ อยู่ฟรีไม่ต้องผ่อนนานถึง 2 ปี ฟรีทองคำ ฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอน สำหรับลูกค้าที่จองทาวน์เฮ้าส์พฤกษาพร้อมอยู่ จำนวน 112 โครงการที่เข้าร่วมทั่วประเทศ และโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2563  โดยบริษัทฯ สามารถทำยอดขายจากแคมเปญได้จำนวน  660 ยูนิต มูลค่ารวม 1,730  ล้านบาท  มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,500 ล้านบาท  ซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพึงพอใจในสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้พฤกษาสามารถครองแชมป์ยอดขายกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ได้อย่างต่อเนื่อง  

โดยสถานการณ์โควิด 19 ปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ประชาชนทั่วไปกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ลูกค้าเริ่มมีความเชื่อมั่นและมียอดเยี่ยมชมโครงการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับในช่วงเดือนก่อนหน้า  คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็จะเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง  โดยในครึ่งปีหลังบริษัทฯ มีแผนจะเปิดโครงการทาวน์เฮ้าส์ใหม่เพิ่มอีก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านพฤกษา ลาดกระบัง-สุวรรณภูมิ, บ้านพฤกษา เทพารักษ์-เมืองใหม่ และ เดอะคอนเนค เพชรเกษม 69 มูลค่ารวม 3,700 ล้านบาท แต่หากสภาวะเศรษฐกิจเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น บริษัทฯ ก็มีโครงการในมือที่พร้อมจะเปิดขายเพิ่มเติม  ทั้งนี้โครงการทาวน์เฮ้าส์ของพฤกษาได้มีการปรับดีไซน์ ฟังก์ชั่น และพื้นที่ใช้สอยที่สอดรับกับการใช้ชีวิตแบบ New Normal ทั้งในระยะสั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com

‘UHG’ ลุยโรงแรม-ออฟฟิศ ‘สายสีส้ม’ดันผังใหม่เอื้อพัฒนา

รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก หลังการก่อสร้างคืบ 62.42% เดอะมอลล์ปรับโฉม-กลุ่ม UHG ปักหมุดโรงแรม-ออฟฟิศ บนถนนรามคำแหง นอกจากคอนโด ดันที่ดินพุ่งผังกทม.ใหม่ เพิ่มการใช้ประโยชน์

ศูนย์วิจัย ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ วิเคราะห์ว่า การก่อสร้างของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันออก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี มีความคืบหน้ามากกว่า 62.42% (ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2563) คาดว่าสามารถเปิดให้บริการได้ทันในปี 2566 ทั้งนี้พื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มเปลี่ยน แปลงไปค่อนข้างมากเห็น ชัดจากการมีโครงการคอนโดมิเนียม เปิดขายใหม่ในพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าตั้งแต่สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ไปจนถึงสถานีลำสาลี และสถานีมีนบุรีซึ่งเป็นสถานีปลายทาง โดยดีเวลอปเปอร์ จะเลือกเปิดขายโครงการบริเวณสถานีศักยภาพ ชุมชนหนาแน่น สถานที่สำคัญๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า โดยเฉพาะแนวถนนรามคำแหงสะท้อนจาก มีโครงการคอนโด มิเนียมเปิดขายมาก่อนหน้านี้กว่า10-12 ปีที่ผ่านมา บริเวณช่วงต้นถนนรามคำแหงรวมไปถึงบางพื้นที่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าศูนย์วัฒนธรรมฯ ที่อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อในระดับหนึ่ง ณ สิ้นปี 2556 มีคอนโดมิเนียมเปิดขายสะสมใหม่ตั้งแต่ปี 2552 ประมาณ 13,290 หน่วย ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เปิดขายตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา โครงการส่วนใหญ่กระจายอยู่ตามแนวถนนรามคำแหงในพื้นที่ที่เป็นชุมชนดั้งเดิม

ล่าสุด พบว่าตามแนวเส้นทางเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่มากกว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เปิดขายมากขึ้นอย่างก่อนหน้านี้ กลุ่มเดอะ มอลล์ มีการรื้อทิ้งศูนย์การค้าเดิมของตนเองที่เปิดให้บริการมายาวนานเพื่อพัฒนาใหม่ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงและศักยภาพของที่ดินที่เพิ่มขึ้นจากการมาของรถไฟฟ้าเส้นนี้

นอกจากนี้ยังมีโรงแรมและอาคารสำนักงานใหม่ของกลุ่ม UHG ที่จะพัฒนาบนที่ดินเช่าจากกลุ่มเดอะมอลล์ รวมไปถึงที่ดินหลายๆ แปลงที่อยู่ในระหว่างการเจรจาระหว่างเจ้าของที่ดิน และผู้ประกอบการอาจจะชะงักไปในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่จะมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่อีก 3,000-4,000 หน่วยในช่วง 1 – 2 ปีนี้ อีกทั้งราคาที่ดินที่เริ่มสูงขึ้นแบบชัดเจนจากในอดีตที่มีราคาที่ดินอยู่ในช่วง 50,000-200,000 บาทต่อตารางวา ขณะช่วงนี้ราคาเริ่มต้นคงต้องมีไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อตารางวา เพราะการพัฒนาสีส้มตะวันออกยังมีส่วนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผังเมืองกรุงเทพมหานครด้วย มีผลให้พื้นที่ตามแนวถนนรามคำแหงมีศักยภาพในการพัฒนาเพิ่มขึ้นค่อนข้างชัดเจน 

ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่ตามแนวถนนรามคำแหงเริ่มเปลี่ยนแปลงไปโดยในช่วงปี 2557 เป็นต้นมา มีผู้ประกอบการเข้าไปหาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และผู้ประกอบการเริ่มเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้นในปี 2559 เป็นต้นมา หลังจากที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายไม่มากนักในช่วงระหว่างปี 2557-2558 แต่เมื่อการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มมีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมและมีกำหนดเปิดให้บริการที่ชัดเจน ผู้ประกอบการจึงมั่นใจและเข้าไปเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่ตามแนวถนนรามคำแหงมากขึ้นแบบเห็นได้ชัด โดยในปี 2560- 2561 มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่รวมกันมากกว่า 10,160 หน่วย มากที่สุดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าหัวหมากที่มีคอนโดมิเนียมเปิดขายในปี 2561 มากถึงประมาณ 4,791 หน่วยหรือกว่า 92% ของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในปี 2561

อัตราการขายคอนโดมิเนียมในพื้นที่ตามแนวถนนรามคำแหงค่อนข้างสูงเนื่องจากมีอัตราการขายมากกว่า 85% ทั้งนี้หากพิจารณาเฉพาะโครงการที่เปิดขายในช่วงปี 2560 เป็นต้นมาจะมีอัตราการขายที่ประมาณ 80% ของจำนวนคอนโดมิเนียมที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี 2560 จำนวน 12,731 หน่วย ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีอาจจะเพราะว่าหลายโครงการมีราคาขายไม่สูงมากนัก บางโครงการเริ่มต้นที่ประมาณ 60,000 บาทต่อตารางเมตรท่านั้น แต่ก็มีบางโครงการที่มีราคาขายมากกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร และยังมีคอนโดมิเนียมอีกไม่น้อยกว่า 2,500 หน่วยรอเปิดขายใหม่ในพื้นที่โดยเฉพาะในพื้นที่รอบๆ สถานีรถไฟฟ้าลำสาลี ซึ่งเป็นสถานีรถไฟฟ้าร่วมของเส้นทางสายสีส้ม และสายสีเหลือง 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าบาทหวั่นโควิดสหรัฐระบาดไม่หยุด

ค่าบาทหวั่นโควิดสหรัฐระบาดไม่หยุด

กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 30.85-31.20 จับตาสถานการณ์โควิด-19 หลังผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.85-31.20 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 31.13 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 4.4 พันล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 900 ล้านบาท

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดยังกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่สูงขึ้นต่อเนื่องในสหรัฐฯ และแนวโน้มที่บางรัฐอาจต้องดำเนินมาตรการล็อคดาวน์รอบใหม่ แม้ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรปออกมาสดใสเกินคาด ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 4.8 ล้านตำแหน่งในเดือนมิถุนายนดีกว่าที่ตลาดคาดไว้และเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 11.1% จาก 13.3% ในเดือนพฤษภาคม อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวว่าเศรษฐกิจยังเผชิญกับความไม่แน่นอนสูงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่เฟดเปิดเผยรายงานผลการประชุม และระบุว่าเฟดสนับสนุนการส่งสัญญาณชี้นำทิศทางนโยบายล่วงหน้าแบบชัดเจน (Forward Guidance) ให้แก่สาธารณชน ทั้งเรื่องอัตราดอกเบี้ยและการซื้อพันธบัตร โดยเฟดประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และเฟดจะยังไม่ถอนมาตรการกระตุ้นในเร็วๆ นี้ เรามองว่าในภาวะที่ตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่ปรับตัวดีกว่าที่นักลงทุนคาดไว้และเฟดยังคงให้คำมั่นเรื่องการสนับสนุนเศรษฐกิจและตลาดการเงินอย่างเต็มที่อาจทำให้การปรับฐานของสินทรัพย์เสี่ยงล่าช้าออกไปและจำกัดการแข็งค่าของเงินดอลลาร์

สำหรับปัจจัยในประเทศ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ในเดือนมิถุนายนลดลง 1.57% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลงน้อยกว่าเดือนก่อนหน้า ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ให้เหตุผลว่าเกิดจากมาตรการบางส่วนของภาครัฐโดยเฉพาะการลดค่าไฟฟ้าและน้ำประปาสิ้นสุดลง รวมทั้งราคาสินค้าหมวดพลังงานและอาหารสดแม้จะลดลงต่อเนื่องแต่ลดลงในอัตราที่ช้าลง ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมอาหารสดและพลังงาน ลดลง 0.05% จากช่วงเดียวกันปี 2562 ซึ่งเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 10 ปี 8 เดือน เรามองว่าแม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วแต่เงินเฟ้อพื้นฐานที่ทรุดลงสะท้อนปัญหาด้านกำลังซื้อ โดยประสิทธิผลของมาตรการด้านการเงินและการคลังจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการพยุงเศรษฐกิจและคุณภาพการฟื้นตัวในระยะถัดไป

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


เวียดนามยังไม่ยกธงขาว หวังจัดศึก “เอฟวัน” ปลายปีนี้

กรุงฮานอยเตรียมพูดคุยกับฝ่ายจัดเอฟวันอีกครั้ง เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ สำหรับการจัดการแข่งขันในเดือนพฤศจิกายนนี้

วันที่ 8 ก.ค.63 ก่อนหน้านี้ เวียดนาม มีคิวจัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก หรือ ฟอร์มูลา วัน ฤดูกาล 2020 ในวันที่ 5 เมษายน แต่หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้แผนการดังกล่าวต้องถูกยกเลิกไป

กระทั่งล่าสุด สำนักข่าว reuters ระบุว่า เหงียน ดึ๊ก ชุง ผู้บริหารระดับสูงของกรุงฮานอย เผยถึงความเป็นไปได้ที่ศึก เวียดนาม กรังด์ปรีซ์ 2020 จะถูกโยกมาจัดในช่วงปลายปีนี้

“เรากำลังประเมินปัญหา ที่เกี่ยวข้องกับไวรัส (โควิด-19) ทั้งหมด และจะหารือกับฝ่ายจัดการแข่งขัน ซึ่งหวังว่าเวียดนาม กรังด์ปรีซ์ จะสามารถจัดได้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้”

สำหรับประเทศเวียดนาม มีการยืนยันผู้ติดเชื้อเพียงแค่ 369 คนเท่านั้น และไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด.

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


ไขข้อสงสัย ทำไม “การหาว” จึงเป็นโรคติดต่อ

ไขข้อสงสัย ทำไม “การหาว” จึงเป็นโรคติดต่อ

เคยได้ยินหรือไม่ว่า หากเราสงสัยว่าใครกำลังแอบมองเราอยู่ ให้ลองหาว หากใครหาวตามเรา แสดงว่าเขานั่นแหละที่กำลังแอบมองเราอยู่!

ข้อความข้างต้นอาจจะทำให้ใครหลายคนรู้สึกโรแมนติกอยู่ไม่น้อย แต่รู้หรือไม่ว่านั่นคือเรื่องจริง เพราะ “การหาวติดต่อกันได้” โดยการหาวตามคนอื่นทั้งที่เราไม่ได้ง่วงนั้น เป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่อธิบายได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ เรียกว่า “contagious yawning”

ปกติการหาวที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมักเกิดขึ้นในขณะที่เรากำลังรู้สึกเหนื่อย เมื่อยล้า หรือเบื่อ โดยในช่วงนี้ ระดับออกซิเจนในเลือดจะต่ำ ส่วนคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดนั้นเข้มข้นขึ้น ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอหรือมีคาร์บอนไดออกไซด์มากเกินไป จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย การหาวจะช่วยให้เราสามารถหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อนำออกซิเจนเข้าไปให้ได้มากขึ้น และในขณะที่หายใจออก ก็ยังนำคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาได้มากขึ้นเช่นกัน

หาวตามกันเพราะเลียนแบบกัน?

ข้อสันนิษฐานนี้ให้ข้อสังเกตว่า การหาวตามคนอื่นเป็นพฤติกรรมเลียนแบบโดยไม่รู้ตัว หรือที่เรียกว่า Chameleon Effect การศึกษานี้ได้ศึกษาการเลียนแบบการแสดงออกหรือพฤติกรรมอื่น ๆ ของผู้อื่น ว่ามนุษย์มีแนวโน้มที่จะทำตามคนที่เราอยู่ด้วยโดยไม่รู้ตัว เกิดขึ้นจากเซลล์สมองกระจกเงา (mirror neurons) เซลล์สมองส่วนนี้จึงใช้ในการเรียนรู้แบบลอกเลียนแบบพฤติกรรมของบุคคลอื่น อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่หาวติดต่อกันได้ แต่ยังพบว่าสุนัขและชิมแปนซีก็มีพฤติกรรมหาวตามกันด้วยเช่นกัน!

ปรากฏการณ์นี้ จะเกิดขึ้นเมื่อเวลาเราเห็นใครคนใดคนหนึ่งกำลังกระทำบางอย่าง เซลล์สมองกระจกเงาจะสั่งให้สมองทำงานราวกับว่าเรากำลังทำสิ่งเดียวกันนั้นอยู่ด้วย การกระทำที่มีลักษณะใกล้เคียงกับการหาว ก็อาจจะเป็นการนั่งไขว่ห้าง การก้มดูนาฬิกา การที่มีคนยื่นของให้แล้วเราก็ยื่นมือออกไปรับอัตโนมัติโดยที่ไม่ทันได้มองว่าคืออะไร ซึ่งนั่นก็รวมถึงการหาวด้วย ซึ่งเมื่อเราเห็นภาพกลไกการหาว เราจึงหาวตาม

หาวตาม เพราะเราเห็นใจผู้อื่น?

อีกข้อสันนิษฐานที่น่าสนใจเกี่ยวกับเซลล์สมองกระจกเงา คือ การเข้าใจถึงอารมณ์และความรู้สึกของผู้อื่น หรือที่เรียกว่า empathy yawn โดยทั่วไป พัฒนาการด้านนี้จะเริ่มมีในเด็กปฐมวัย ช่วงอายุประมาณ 4-5 ปี เด็กวัยนี้จะเริ่มเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่น สอดคล้องกับการค้นพบที่ว่าเด็กวัยนี้มีการพัฒนาของเซลล์สมองกระจกเงาด้วยเช่นกัน

พัฒนาการในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นของเด็กปฐมวัยนั้น เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบ 2 องค์ประกอบ ได้แก่ ความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นด้านอารมณ์ และความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นด้านความคิด ซึ่งความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น เป็นความตระหนักรู้เกี่ยวกับอารมณ์และความคิดของผู้อื่น ตลอดจนสามารถตอบสนองความต้องการของผู้อื่นในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม โดยการสวมบทบาทความคิดและความรู้สึกของผู้อื่นให้เหมือนตนเองอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ ผ่านการเอาใจเขามาใส่ใจเรา

จากการศึกษาของ University of Connecticut พบว่าเด็กส่วนใหญ่จะไม่มีการหาวติดต่อกันจนกระทั่งจะเข้าสู่ช่วงปฐมวัย เนื่องจากพัฒนาการด้านการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นยังไม่มากพอ ในขณะที่การศึกษาจาก Duke University กลับพบข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าการหาวติดต่อกันนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวแปรในเรื่องของความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ทำให้นักวิจัยของ Duke University สนใจที่จะศึกษาเรื่องการหาวติดต่อกันต่อไป โดยมุ่งวิเคราะห์ไปถึงระดับพันธุกรรม

อย่างไรก็ตาม หากวิเคราะห์เซลล์สมองกระจกเงาในกลุ่มคนที่ไม่ได้มีความรู้สึกห่วงใยเข้าใจผู้อื่น หรือวิเคราะห์ในกลุ่มเด็กที่เป็นออทิสติก (พัฒนาการผิดปกติ) ได้ผลลัพธ์ว่าคนทั้ง 2 กลุ่มไม่ค่อยจะหาวตามกันสักเท่าไร

การหาวตามกันเป็นพฤติกรรม?

เป็นข้อสันนิษฐานของนักพฤติกรรมศาสตร์ที่ระบุว่า การหาวตามกัน เป็นรูปแบบของพฤติกรรมที่ถูกกำหนดไว้ หรือ fixed action pattern โดยการหาวนั้นเป็นปฏิกิริยาของสิ่งมีชีวิตที่จะตอบสนองต่อสิ่งเร้า โดย fixed action pattern ที่ว่านี้เป็นรูปแบบพฤติกรรมที่ง่ายที่สุด เป็นการตอบสนองแบบตรงไปตรงมาเหมือนๆ กันทุกครั้ง วงจรประสาทจะทำงานทันทีเมื่อได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้า ในลักษณะคล้ายกับโดมิโน ที่ตัวหนึ่งล้มตัวต่อๆ ไปก็จะล้มตาม ดังนั้น เมื่อมีใครคนใดคนหนึ่งเกิดหาวขึ้นมา จะเป็นสิ่งเร้าให้คนรอบข้างหาวตามนั่นเอง

ถึงอย่างนั้น “ปรากฏการณ์หาวตามกัน” ก็ยังเป็นปริศนาที่ยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ ถ้าคุณหาวเพราะง่วง หากนอนได้ก็ไปนอนเถอะ!

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ประโยค นัดพบ ชวนเที่ยว ภาษาอังกฤษ การตอบรับ ปฏิเสธ ตกลงเวลา สถานที่

ประโยคเกี่ยวกับการนัดพบเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อคุณต้องการเชิญใครบางคนไปสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง และคุยกันว่าจะพบกันที่ไหน เมื่อไร ภาษาอังกฤษพูดอย่างไร มาดูกันครับ สนทนาภาษาอังกฤษ สารบัญ การชวนใครสักคนออกมาข้างนอก เป็นภาษาอังกฤษการตอบรับ […]

ประโยคเกี่ยวกับการนัดพบเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อคุณต้องการเชิญใครบางคนไปสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง และคุยกันว่าจะพบกันที่ไหน เมื่อไร ภาษาอังกฤษพูดอย่างไร มาดูกันครับ

สนทนาภาษาอังกฤษ

การชวนใครสักคนออกมาข้างนอก เป็นภาษาอังกฤษ

Are you up to anything this evening?
= คุณมีอะไรทำไหมคืนนี้

Have you got any plans for …?
= คุณมีแผนการสำหรับ…ไหม
… this evening = เย็นนี้
… tomorrow = พรุ่งนี้
… the weekend = สุดสัปดาห์นี้

Are you free …?
= คุณว่างไหม…
… this evening = เย็นนี้
… tomorrow afternoon = บ่ายพรุ่งนี้
… tomorrow evening = เย็นพรุ่งนี้

What would you like to do this evening?
= คุณอยากจะทำอะไรในคืนนี้

Do you want to go somewhere at the weekend?
= คุณอยากจะไปที่ไหนในสุดสัปดาห์นี้

Would you like to join me for something to eat?
= คุณอยากจะมาร่วมรับประทานอาหารกับฉันไหม

Do you fancy going out tonight?
= คืนนี้คุณอยากออกเที่ยวกลางคืนไหม

การตอบรับ และปฏิเสธ

Sure
= แน่นอน

I’d love to
= ฉันก็อยากมาร่วมด้วย

Sounds good
= ก็ฟังดูดีนะ

That sounds like fun
= ฟังดูน่าสนุกนะ

Sorry, I can’t make it
= ขอโทษนะ, ฉันไปไม่ได้

I’m afraid I already have plans
= ฉันเกรงว่าฉันมีแผนอื่นเรียบร้อยแล้ว

I’m too tired
= ฉันเหนื่อยแล้ว

I’m staying in tonight
= ฉันจะอยู่บ้านคืนนี้

I’ve got too much work to do
= ฉันมีงานมากมายที่ต้องทำ

I need to study
= ฉันอยากเรียน

I’m very busy at the moment
= ฉันยุ่งมากเลยตอนนี้

การพูดคุยตกลงเรื่องเวลา และสถานที่นัดหมาย

What time shall we meet?
= เราควรจะพบกันตอนกี่โมง

Let’s meet at …
= พบกันตอน…
eight o’clock = แปดโมง

Where would you like to meet?
= เจอกันที่ไหนดี

I’ll see you … at ten o’clock
= เจอกันที่… เวลาสี่ทุ่ม
… in the pub = ในผับ
… at the cinema = ที่โรงภาพยนต์

I’ll meet you there
= ฉันจะไปพบคุณที่นั่น

See you there!
= แล้วเจอกันที่นั่น!

Let me know if you can make it
= บอกฉันด้วยถ้าคุณมาได้

I’ll call you later
= ฉันจะโทรหาคุณภายหลัง

What’s your address?
= ขอทราบที่อยู่คุณหน่อย

ประโยคสนทนาที่ควรรู้

I’m running a little late
= ฉันมาช้าไปหน่อย

I’ll be there in … minutes
= ฉันจะไปถึงที่นั่นในอีก…นาที
… five = ห้า
… ten = สิบ
… fifteen = สิบห้า

Have you been here long?
= คุณมานานแล้วหรือ

Have you been waiting long?
= คุณรอนานแล้วหรือ

ขอบคุณข้อมูลจาก tonamorn.com


จับตา 3 กระแสเปลี่ยนโลกหลังยุคโควิด-19

เอบีม คอนซัลติ้ง เผยท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากผลกระทบ  โควิด-19 ภาคธุรกิจจำเป็นต้องเตรียมพร้อมฝ่ากระแส “ความไม่แน่นอน” เพื่อลดความรุนแรงของความท้าทายเฉพาะหน้า และสร้างอนาคตที่ดีกว่าในระยะยาวพร้อมความสามารถในการยืดหยุ่น ชี้ให้เห็น 3 กระแสหลักที่มีความสำคัญอันดับต้น ๆ ในยุคโลกหลังโควิด-19

นายอิชิโร ฮาระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทที่ปรึกษาระดับโลก ซึ่งเป็นผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญด้านการปรับเปลี่ยนองค์กรธุรกิจในรูปแบบดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน ในเครือบริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ระบุว่าการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 มีผลกระทบทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ ในด้านสังคม โรคระบาดดังกล่าวได้เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต การมีปฏิสัมพันธ์ การทำงาน การสื่อสารกับผู้อื่น รวมทั้งการเดินทางและการท่องเที่ยวของผู้คน  ขณะเดียวกันในด้านเศรษฐกิจ วิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้การเติบโตเศรษฐกิจชะลอตัวลง ส่งผลให้ตัวเลขคนว่างงานเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นภาคธุรกิจที่กำลังเริ่มเปิดให้บริการอีกครั้งต้องเผชิญกับความท้าทายว่าจะกลับมาดำเนินธุรกิจ ในขณะที่ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างไร

“สภาพเศรษฐกิจย่อมมีผลต่อภาคธุรกิจ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในรูปแบบใด ธุรกิจจะต้องเตรียมพร้อมดำเนินธุรกิจฝ่าความไม่แน่นอนต่าง ๆ  หรืออาจกล่าวได้ว่าองค์กรธุรกิจจำเป็นต้องปรับโครงการสร้างการดำเนินงานเพื่อตอบสนองอย่างต่อเนื่องต่อสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ ซึ่งสามารถทำให้ธุรกิจเกิดภาวะชะงักงัน นอกจากนี้ องค์กรธุรกิจยังจะต้องบรรเทาความรุนแรงของความท้าทายเฉพาะหน้าด้วยการจัดการให้มีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ปลอดภัยและมั่นคง เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในยามที่ไวรัสยังคงแพร่ระบาดอยู่ ที่สำคัญที่สุดคือองค์กรธุรกิจต้องปรับตัวให้เข้ากับวิถีการทำงานแบบใหม่ในระยะยาว และต้องมีการปรับธุรกิจครั้งใหญ่เพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้น ถือเป็นช่วงเวลาที่องค์กรธุรกิจต้องกลับไปย้อนดูองค์กรทั้งหมดในภาพรวม และคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพื่อมุ่งเน้นความสามารถในการฟื้นตัวและเตรียมความพร้อมรับมือกับภาวะอื่น ๆ ที่อาจจะทำให้ให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักอีกครั้ง” นายฮาระย้ำ

ทั้งธุรกิจและองค์กรได้เข้ามาสู่ยุค “ความปกติใหม่” ที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคหลากหลายประการ สำหรับวงการสินค้าสำหรับผู้บริโภค พฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากคนเริ่มหันไปจับจ่ายใช้สอยบนช่องทางอิเล็กทรอนิกส์แทนการซื้อของที่ร้านค้า รวมถึงความต้องการอาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลบ้านที่เพิ่มมากขึ้น  นอกจากนี้ ด้านห่วงโซ่อุปทานต้องพบกับภาวะชะงักงันเพราะความต้องการส่งของตรงไปยังผู้บริโภคสูงขึ้น ทั้งยังมีข้อกังวลด้านสุขภาพของแรงงานและข้อจำกัดด้านการขนส่งอีกด้วย สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ผู้บริโภคหันมานิยมประสบการณ์แบบเฉพาะตัวมากขึ้น ในขณะที่ตัวแทนจำหน่ายและผู้จัดหาสินค้ากำลังประสบปัญหาในแง่ความมั่นคงทางธุรกิจและการเงิน ยิ่งไปกว่านั้น องค์กรธุรกิจเริ่มมีวัฒนธรรมใหม่ในการทำงาน เช่น การทำงานระยะไกล รวมถึงความปลอดภัยส่วนบุคคล และการคำนึงถึงความมีสุขภาพกายควบคู่กับสุขภาพใจที่ดี

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคดังกล่าวนำไปสู่โอกาสขององค์กรธุรกิจในการทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่เพื่อประสิทธิภาพและการสร้างคุณค่าทั้งภายในและภายนอกองค์กร เอบีมได้จัดทำเทคโนโลยี  13 รายการตัวช่วยให้ธุรกิจมองหาส่วนที่เป็นโอกาสในการทรานส์ฟอร์ม ดังนี้ 

ตัวช่วยเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพ:

1.         Quick Cost Optimization: เน้นดูแลรายงานทางการเงินแบบระยะสั้นเพื่อจัดทำโครงสร้างต้นทุนที่จะช่วยให้องค์กรอยู่รอดในช่วงธุรกิจฝืดตัว

2.         SAP Acceleration: ครอบคลุม SAP Resilience (Remote Implementation), SAP Signature Management, SAP i-RPA และ SAP SuccessFactors (Quick Implementation) เพื่อกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติ เน้นความคล่องตัวและความรวดเร็วในการดำเนินงาน

3.         Remote Working Security Assessment: ลดความเสี่ยงด้านภัยคุกคามให้อยู่ในระดับต่ำสุด สร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ รองรับการทำงานระยะไกล

4.         RPAssA หรือ RPA as a Service: ปรับกระบวนการทางธุรกิจให้เป็นระบบอัตโนมัติโดยใช้ซอฟต์แวร์หุ่นยนต์ ลดการทำงานแบบซ้ำ ๆ โดยคน เพื่อเพิ่มประสิทธิผลการปฏิบัติงานแบบโดยที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดในทันที

5.         AI Debt Collection: ปรับปรุงประสิทธิภาพการติดตามรับชำระหนี้ด้วยปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ออกแบบสำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่มและตอบสนองความจำเป็นทางเศรษฐกิจปัจจุบัน

ตัวช่วยด้านการสร้างมูลค่า:

1.   SAP IBP Starter Pack: เพิ่มความสามารถทางการผลิตด้วยการตอบสนองต่ออุปสงค์และอุปทานอย่างสมดุล เพื่อเป้าหมายทางผลกำไรท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

2.         Virtual Showroom Customer Experience: ส่งมอบประสบการณ์ใหม่ ในการให้บริการแนวใหม่แบบผสมผสานเทคโนโลยี Extended Reality โดยไม่มีเงื่อนไขทางกายภาพ

3.         Product Portfolio Analysis: วิเคราะห์ตำแหน่งของผลิตภัณฑ์จากข้อมูลภายในและข้อมูลภายนอกเพื่อกำหนดนิยามใหม่ให้แก่ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ด้วยวัตถุประสงค์ในการยกระดับแบรนด์และเสริมสร้างผลกำไร

4.         Work Style Transformation:  ดำรงไว้ตลอดจนเพิ่มความสามารถในการทำงานระยะไกล ซึ่งสามารถทำงานจากที่ไหนและเมื่อใดก็ได้

5.   Elastic Business Redesign: พัฒนา ปรับระดับและประคองธุรกิจท่ามกลางความไม่แน่นอนและ     ปูทางให้มีการปรับตัวทางธุรกิจครั้งใหญ่ในระยะยาวมากขึ้น

6.         New Customer Journey: โมเดลการขายและการตลาดแบบใหม่ที่เฉพาะตัวมากขึ้น เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

7.         DX Maturity Assessment: ประเมินความพร้อมด้านการปรับองค์กรเข้าสู่เส้นทางดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน ตลอดจนส่งมอบแนวทางในการจัดอันดับความสำคัญของงานและการเตรียมความพร้อม

8.         Agile System Development Assessment: พัฒนาระบบงานที่ยืดหยุ่นและมีความคล่องตัวสูงให้สอดคล้องกับการปรับวัฒนธรรม องค์กร แนวทาง กระบวนการทำงานและเทคโนโลยี

สำหรับ 3 กระแสหลักที่จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในโลกยุคหลังโควิด-19 คือการเปลี่ยนแปลงคุณค่าองค์กร แม้ว่าลัทธิบริโภคนิยมจะดำเนินต่อไปในอนาคต แต่จะมีการมุ่งเน้นเรื่องคุณค่าทางสังคมเพื่อตอบสนองชุมชน ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มอื่น ๆ ด้วย กระแสที่สอง คือความเร่งด่วนในการเข้าสู่ระบบดิจิทัลเนื่องจาก   โควิด-19 สะท้อนให้เห็นโลกแห่งอนาคต ดิจิทัลจะเป็นศูนย์กลางของการมีปฏิสัมพันธ์ทั้งหมด การเข้าสู่ระบบดิจิทัลจะเป็นเรื่องเร่งด่วนมากยิ่งขึ้น กระแสที่สาม คือการปรับองค์กรเข้าสู่ยุคดิจิทัล ที่เป็นการรวมผลของการเร่งดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน กับการปรับกระบวนทัศน์เพื่อดำเนินงานในรูปแบบ “ความปกติใหม่” เป็นตัวกำหนดมาตรฐานใหม่ที่จะนำมาใช้ประเมินบริษัทต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ องค์กรธุรกิจจะต้องออกแบบการดำเนินธุรกิจใหม่และสร้างคุณค่ารองรับความต้องการของกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก การสร้างสิ่งใหม่และเตรียมความพร้อมเหล่านี้ ต้องมีขึ้นไม่ใช่สำหรับรับมือกับ “ความปกติใหม่” เท่านั้น แต่ยังใช้สำหรับจัดการกับการที่ธุรกิจหยุดชะงักจากเหตุที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ในอนาคตอีกด้วย” นายฮาระกล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ไข่เน่า สรรพคุณและประโยชน์ของต้นไข่เน่า 23 ข้อ ! (ฝรั่งโคก)

ไข่เน่า

ไข่เน่า

ไข่เน่า ชื่อวิทยาศาสตร์ Vitex glabrata R.Br. ปัจจุบันจัดอยู่ในวงศ์กะเพรา (LAMIACEAE หรือ LABIATAE)

สมุนไพรไข่เน่า มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ขี้เห็น (เลย, อุบลราชธานี), ปลู (เขมร-สุรินทร์), คมขวาน ฝรั่งโคก (ภาคกลาง) เป็นต้น[1],[2],[6]

ลักษณะของไข่เน่า

  • ต้นไข่เน่า เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณ 10-25 เมตร ผิวลำต้นเกลี้ยงเป็นสีหม่นและมีด่างเป็นดวงสีขาว ๆ[1],[2],[4] ส่วนอีกข้อมูลระบุว่าเปลือกมีสีเทาหรือสีน้ำตาลแกมสีเหลือง ลักษณะผิวเรียบหรือแตกเป็นสะเก็ด หรือเป็นร่องตื้นตามความยาวของลำต้น ส่วนกิ่งอ่อนและยอดอ่อนจะมีขนนุ่ม กิ่งอ่อนมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม ส่วนต้นเป็นทรงเรือนยอดรูปกรวยแตกกิ่งต่ำ[8] เจริญเติบโตได้ดีในที่แห้งแล้ง โดยจะเริ่มให้ผลผลิตเมื่อมีอายุประมาณ 3-4 ปีหลังการปลูก[7] โดยสามารถพบได้ตามป่าเบญจพรรณและป่าดิบทั่วไป และขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด[3],[8]

ต้นไข่เน่า

  • ใบไข่เน่า มีใบเป็นใบประกอบแบบนิ้วมือ อยู่เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ใบย่อยมี 3-5 ใบ ใบมีสีเขียวเข้ม (คล้ายใบงิ้ว) ลักษณะคล้ายรูปไข่กลับ หรือเป็นรูปรีแกมรูปไข่กลับ ใบมีขนาดไม่เท่ากัน ปลายใบแหลมเป็นติ่ง ส่วนโคนใบสอบแหลมหรือมน ขนาดของใบกว้างประมาณ 3-10 เซนติเมตรและยาวประมาณ 9-22 เซนติเมตร ผิวใบด้านบนเกลี้ยงมีสีเขียวเข้มและเป็นมัน ส่วนท้องใบมีสีอ่อนกว่า และมีขนสั้นอยู่ประปราย ก้านใบย่อยยาวประมาณ 1-7 เซนติเมตร ส่วนก้านช่อใบจะยาวประมาณ 7-20 เซนติเมตร[1],[2],[3],[4],[5],[7]

ใบไข่เน่า

  • ดอกไข่เน่า ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็กและมีกลิ่นหอม กลีบดอกมีสีม่วงอ่อน (หรือสีม่วงอมชมพู สีขาวมีแดงเรื่อ ๆ[7]) กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดกว้าง และมีขนละเอียดที่ดอก[1],[2],[3],[4] ดอกเมื่อบานเต็มที่จะมีความกว้างประมาณ 0.8-1 เซนติเมตร[8] โดยดอกจะเป็นดอกแบบสมบูรณ์เพศผสมตัวเองหรือต่างต้นต่างดอกก็ได้ และจะออกดอกในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์[7]

 ดอกไข่เน่า

รูปดอกไข่เน่า

  • ผลไข่เน่า หรือ ลูกไข่เน่า ผลมีลักษณะเป็นรูปไข่หรือรูปไข่กลับ ผลมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-2 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1.5-3 เซนติเมตร ขั้วผลเป็นรูปกรวยกว้าง ผลอ่อนมีสีเขียว ส่วนผลสุกจะเป็นสีม่วงดำ ผลมีเนื้ออ่อนนุ่ม และมีรสหวานอมเปรี้ยวและเหม็น ส่วนเมล็ดไข่เน่าจะมีขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย และยังมีการสันนิษฐานว่า ชื่อไข่เน่านี้คงมาจากลักษณะและสีของผลนั่นเอง[1],[2],[3],[4] โดยผลแก่จะเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม[7]

ผลไข่เน่า

สรรพคุณของไข่เน่า

  1. ผลใช้รับประทาน กินแล้วหัวดี ช่วยบำรุงสมองได้ (ผล)[7]
  2. ผลอุดมไปด้วยแคลเซียม จึงช่วยบำรุงกระดูก แก้กระดูกผุสำหรับผู้สูงอายุได้ดี (ผล)[7]
  3. รากไข่เน่าช่วยทำให้เจริญอาหาร (ราก, เปลือกต้น)[1],[2],[3],[4],[7]
  4. ผลสุกใช้รับประทานช่วยรักษาโรคเบาหวาน (ผล, เปลือกต้น)[1],[4],[7]
  5. ช่วยแก้ตานขโมย (โรคพยาธิในเด็กที่มีอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ผอมแห้ง ซูบซีด มีอาการท้องเดิน ก้นปอด) (ราก, เปลือกต้น, ผล)[1],[2],[4],[7]
  6. ช่วยรักษาพิษตานซาง (เปลือกต้น)[7]
  7. เปลือกต้นช่วยแก้ไข้ (เปลือกต้น)[1],[3],[7]
  8. ช่วยแก้โรคเกล็ดกระดี่ขึ้นนัยน์ตา (ผล[1],[4], เปลือกผล[7])
  9. เปลือกต้นมีรสฝาด ช่วยแก้อาการท้องเสียได้ (ราก, เปลือกต้น)[1],[2],[3],[4],[7]
  10. รากและเปลือกต้นช่วยแก้บิด (ราก, เปลือกต้น)[1],[2],[3],[4],[7]
  11. ช่วยรักษาอาการท้องร่วง (ราก)[7]
  12. ช่วยแก้เด็กถ่ายเป็นฟอง (เปลือกต้น)[2],[7]
  13. เปลือกต้นไข่เน่าช่วยขับพยาธิในเด็กที่มีอาการเบื่ออาหาร (เปลือกต้น)[3],[7] รากใช้ขับพยาธิไส้เดือน (ราก)[7]
  14. ช่วยรักษาโรคกระเพาะหรือโรคลำไส้อักเสบของเด็กทารก (เปลือกผล)[7]
  15. ช่วยในระบบขับถ่าย (ผล)[7]
  16. ช่วยบำรุงระบบเพศ (ผล)[7]
  17. ช่วยบำรุงไต (ผล)[7]
  18. ช่วยแก้เลือดตกค้าง (เนื้อไม้)[1],[4]
  19. นอกจากนี้หมอยาโบราณยังนิยมใช้เปลือกของต้นไข่เน่ามาต้มรวมกับรากเต่าไห้ เพื่อปรุงเป็นยารักษาโรคซางในเด็กและเป็นยาขับพยาธิ (เปลือกต้น)[3]

ข้อมูลไข่เน่า : เปลือกต้นไข่เน่า จะมีสารจำพวกสเตีอรอยด์ (Steroid)ที่มีชื่อว่า -sitosterol และ ecdysterone และ anguside (p-hydroxybenzoic ester of aucubin

ประโยชน์ของไข่เน่า

  1. ผลสุกใช้รับประทานสดเป็นผลไม้ได้ แต่จะมีรสหวานเอียน ไม่อร่อยนัก หากใส่เกลือป่นหรือจิ้มเกลือก็จะทำให้มีรสชาติดีขึ้น[3] หรือจะคลุกเคล้ากับเกลือแล้วนำไปผึ่งแดดเก็บไว้รับประทาน หรือจะรับประทานแบบสด ๆ หรือนำไปดองน้ำเกลือก็ได้เช่นกัน[7]
  2. ผลไข่เน่ายังสามารถนำไปทำเป็นขนมที่เรียกว่า “ขนมไข่เน่า” ได้ด้วย โดยวิธีการทำก็คล้ายกับการทำขนมกล้วย แต่เปลี่ยนจากกล้วยเป็นไข่เน่า ด้วยการหยอดใส่ใบตองทรงกรวยแหลม แล้วเอามะพร้าวขูดโรยหน้าก่อนจะนำไปนึ่ง[7]
  3. ต้นไข่เน่าเป็นไม้ยืนต้นที่มีอายุยืนยาวนับร้อยปี เป็นไม้ที่น่าปลูกสะสม เพราะในปัจจุบันเริ่มหายากลงทุกที โดยจะนิยมปลูกไว้เพื่อเป็นร่มเงาเนื่องจากไม่ผลัดใบ[7]
  4. เนื้อไม้ของต้นไข่เน่ามีความแข็งแรง สามารถนำมาใช้ทำเป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องเรือน หรือเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ได้[3]

ลูกไข่เน่า

ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 26,450.00 26,550.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,713.00 25,969.08 27,050.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,541.70 23,372.17 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,370.40 20,775.26 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 771.00 11,688.36 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 600.00 9,096.00 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,775.00 26,909.00 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 08/07/2563

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55
แก๊สโซฮอล์ 91 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28
แก๊สโซฮอล์ E20 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04
แก๊สโซฮอล์ E85 17.99 17.99
เบนซิน 95 28.96 29.41 29.46 28.96 28.96
ดีเซล 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19
ดีเซล B10 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19
ดีเซล B20 18.94 18.94 18.94 18.94 18.94 18.94 18.94 18.94
ดีเซลพรีเมี่ยม 26.64 26.66 28.64 28.64
แก๊ส NGV 15.31 15.31
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า