สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2560

คนขายมากกว่าคนซื้อ อสังหาฯ ปี 60 น่าห่วง

คนขายมากกว่าคนซื้อ จับตา อสังหาฯ ปี 60 ยังน่าห่วง

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA ได้เผยผลสำรวจทิศทางตลาดที่อยู่อาศัย ปี 2560 จากการสำรวจที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,905 โครงการ (โครงการเมื่อสิ้นปี 2559 จำนวน 1,837 โครงการ และโครงการที่เปิดใหม่ในครึ่งแรกของปี 2560 อีก 198 โครงการ) ในจำนวนนี้มี 1,350 โครงการ ที่ยังมีหน่วยขายเหลืออยู่ถึง 20 หน่วยขึ้นไป (จาก 1,246 โครงการ เมื่อสิ้นปี 2559) พบว่า ตลาดที่อยู่อาศัยยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากจำนวนอุปทานมากกว่าอุปสงค์ แต่ยังไม่ถึงขั้นที่จะเกิดวิกฤติ

ครึ่งปีแรก เปิดใหม่ 198 โครงการ 5.4 หมื่นหน่วย
ในครึ่งแรกของปี 2560 มีจำนวนหน่วยเกิดขึ้น 54,389 หน่วย รวมมูลค่า 184,493 ล้านบาท จากทั้งหมด 198 โครงการ แต่หากนับเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยอย่างเดียว จะมีทั้งหมด 54,281 หน่วย รวมมูลค่า 182,647 ล้านบาท จากทั้งหมด 193 โครงการ หรือโครงการหนึ่ง ๆ มีขนาดเฉลี่ยถึง 281 หน่วย ซึ่งสูงกว่าแต่ปี 2559 ที่มีขนาดโครงการเฉลี่ยเพียง 241 หน่วยเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าโครงการมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการบริหาร แต่ในทางกลับกันก็เพิ่มความเสี่ยงหากโครงการไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ในเดือนมิถุนายน 2560 มีการเปิดตัวโครงการใหม่มากถึง 34 โครงการ จำนวน 13,062 หน่วย รวมมูลค่าถึง 47,826 ล้านบาท

คอนโดฯ เปิดมากสุดกว่า 3 หมื่นหน่วย
ในจำนวนที่อยู่อาศัยที่เปิดใหม่ 54,281 หน่วย มีจำนวนถึง 30,647 หน่วย หรือ 57% เป็นห้องชุดพักอาศัย รองลงมาคือทาวน์เฮาส์ 17,556 หน่วย หรือ 32% และบ้านเดี่ยว 3,499 หน่วย หรือ 6% ส่วนบ้านแฝดมี 1,890 หน่วย หรือ 4% ถือเป็นสถิติสูงสุดที่เปิดตัวโดยเน้นห้องชุด และหากพิจารณาถึงภาวะการขายจะพบว่า สินค้าที่เปิดใหม่ทั้งหมดนี้ ขายได้ (มีคนจองซื้อ) เพียง 19,078 หน่วย หรือ 35% โดยกลุ่มห้องชุดมีสัดส่วนการขายได้สูงสุดคือ 48% ทั้งนี้ 33% ของทั้งหมด ขายในราคา 2-3 ล้านบาท ส่วนกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่ารวมมากที่สุดอยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท หรือ 26% ของทั้งหมด โดยทำเลที่มีโครงการเปิดตัวสูงสุด คือทำเลรัตนาธิเบศร์-เซ็นทรัล มีการเปิดตัวสูงสุดถึง 3,838 หน่วย หรือ 9% ของอุปทานทั้งหมดในตลาด แต่หากพิจารณาในแง่มูลค่ากลับพบว่า ทำเลสุขุมวิท-พระรามที่ 4 มาเป็นอับดับหนึ่งมีมูลค่าถึง 26,692 ล้านบาท หรือ 15% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด ส่วนทำเลรัตนาธิเบศร์-เซ็นทรัล อยู่อันดับที่ 4 มูลค่า 8,569 ล้านบาท หรือ 5%

คอนโดฯ ซัพพลายสูง

จับตา 2 ทำเล น่าห่วง

1. ทำเลรัตนาธิเบศร์-เซ็นทรัล มีห้องชุดราคา 2-3 ล้านบาท เปิดตัวสูงสุด ถึง 3,143 หน่วย สามารถขายได้ 1,024 หน่วย หรือ 33% การที่ทำเลนี้ซึ่งเป็นแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงยังมีการเปิดตัวสูงมากจนเป็นอันดับหนึ่ง แสดงว่าไม่มีการควบคุมอุปทาน อาจมีปัญหาฟองสบู่ได้ในอนาคต
2. ทำเลรังสิต คลอง 1-7 มีโครงการห้องชุดราคา 1-2 ล้านบาท เปิดถึง 1,721 หน่วย แต่ขายได้น้อยมากเพียง 179 หน่วย หรือเพียง 10% ทำเลนี้คงถึงจุดอิ่มตัวจนไม่สมควรที่จะเปิดโครงการใหม่ได้ในระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปีนับจากกลางปี 2560 นี้

ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 60
อุปทานคงเหลือสะสมรวม ณ กลางปี 2560 เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2559 ประมาณ 5.1% จาก 184,329 หน่วย ณ สิ้นปี 2559 เพิ่มเป็น 193,820 หน่วย ณ กลางปี 2560 หรือเพิ่มขึ้น 9,491 หน่วย สรุปได้ว่า
1. จำนวนโครงการเปิดใหม่ครึ่งปีแรก 2560 จำนวน 193 โครงการ ลดลง 20 โครงการ (-9%) จากครึ่งปีแรก 2559
2. จำนวนหน่วยขายเปิดใหม่ครึ่งปีแรก 2560 จำนวน 54,281 หน่วย เพิ่ม 6,173 หน่วย (+13%) จากครึ่งปีแรก 2559
3. มูลค่าโครงการครึ่งปีแรก 2560 จำนวน 182,647 ล้านบาท เพิ่ม 24,886 ล้านบาท (+16%) จากครึ่งปีแรก 2559
4. ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วย 3.365 ล้านบาท เพิ่ม (2.6%) จากราคา 3.279 ล้านบาท จากครึ่งปีแรก 2559
5. ยอดซื้อ ครึ่งปีแรก 2560 จำนวน 44,790 หน่วย เพิ่มจากครึ่งปีแรก 2559 จำนวน 4,382 หน่วย หรือ (+11%) โดยมาจาก โครงการทาวน์เฮ้าส์ที่มียอดซื้อเพิ่มขึ้น 8% และห้องชุดที่มียอดซื้อเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนบ้านเดี่ยวมียอดซื้อลดลง 2%

คาดการณ์ครึ่งหลังปี 60-61
1. ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดสินค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น และมีบริษัทในเครือเพิ่มมากขึ้น (ปี 2560 มีสัดส่วนของจำนวนหน่วยมากถึง 77%) และมีการร่วมทุนกับต่างชาติมากขึ้น
2. การเข้ามาลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติมีมากขึ้น เช่น จีน ญี่ปุ่น และผู้ประกอบการบางรายมีการนำสินค้าไปขายตลาดต่างประเทศมากขึ้น
3. แผนการลงทุนเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐมีความชัดเจนขึ้น เปิดทำเลใหม่ ๆ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม รถไฟฟ้าสายสีเหลือง
4. ผู้ประกอบการบางราย กระจายการลงทุน ในพื้นที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor EEC) ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง
5. กลุ่มผู้ซื้อเพื่อเก็งกำไร-ลงทุน ลดลง เพราะต้นทุนในการลงทุนสูงขึ้น การปล่อยเช่าได้ยากขึ้น เนื่องจากมีอุปทานออกมาสู่ตลาดมากขึ้น การแข่งขันสูงและผลตอบแทนการลงทุนต่ำลง
6. ห้องชุดยังคงมีการพัฒนามากเป็นอันดับ 1 แต่เน้นพัฒนาในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง
7. การพัฒนาห้องชุดเน้นการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางรองรับการอยู่อาศัยจริง เช่น เพิ่มพื้นที่ส่วนกลาง มี Co-Working Space พื้นที่ปลูกผัก พื้นที่ปาร์ตี้
8. ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งเน้นการบริการหลังการขาย เพื่อเอาใจผู้ซื้อ และบอกต่อ
9. ปัญหาหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อรายย่อย

ทั้งนี้ AREA คาดว่า ทั้งปี 2560 นี้ น่าจะมีจำนวนหน่วยทั้งหมด 110,557 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 365,293 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า จำนวนหน่วยลดลง 1.8% และมูลค่ารวมลดลง 4.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งการเปิดตัวโครงการที่ไม่ลดลง แต่การขายได้ที่ลดลง อาจกลายเป็นปัญหาได้ในอนาคตได้

http://www.ddproperty.com


“ตั๋วรถไฟฟ้าแพง” ทุบกำลังซื้อ โจทย์หินเชื่อม 1 สถานีฟันหลอสายสีม่วง

สมาคมคอนโดฯ แจงค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงแพง

สมาคมคอนโดฯโยนหินถามทาง เชื่อม 1 สถานีฟันหลอสายสีม่วงมีปัญหาค่าโดยสารแพง ทุบกำลังซื้อตลาดกลาง-ล่าง รายได้เดือนละ 2.7 หมื่น ซื้อบ้าน-ห้องชุดได้แค่ 1.5 ล้าน กางโมเดลค่าใช้จ่าย 3 รถไฟฟ้าเดินทางจากใจกลางเมืองย่านอโศกไปชานเมือง “บางใหญ่-สำโรง-บ้านทับช้าง” ค่าเดินทางสูงถึง 8% จี้รัฐบาลช่วยเหลือผู้บริโภค ด้านประธานบอร์ด รฟม.แจงโปรโมชั่นตั๋วสายสีม่วงเข้าเมือง 57 บาท/เที่ยว จัดยาวข้ามปี

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า รถไฟฟ้าสายสีม่วงที่รัฐบาลเตรียมเปิดให้บริการต่อเชื่อมการเดินทางที่ขาดหายไป 1 สถานี ช่วงเตาปูน-บางซื่อ ภายในต้นเดือนสิงหาคม 2560 นั้น สมาคมได้ทำการสำรวจค่าใช้จ่ายการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเปรียบเทียบ 3 เส้นทาง ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง, สายสีเขียวหรือบีทีเอส และสายแอร์พอร์ตเรลลิงก์ พบว่ายังมีปัญหาค่าตั๋วโดยสารมีราคาแพง

ค่าโดยสารแพง

http://www.bkkcitismart.com


 

เตรียมเปิด LINE TAXI บริการเรียกแท็กซี่ถูกกฎหมายผ่านแอพฯ ร่วมมือกับสหกรณ์แท็กซี่กรุงเทพฯ

เตรียมเปิด LINE TAXI บริการเรียกแท็กซี่ถูกกฎหมายผ่านแอพฯ ร่วมมือกับสหกรณ์แท็กซี่กรุงเทพฯ

LINE เตรียมเปิดให้บริการใหม่ปลายปี ในรูปแบบของ LINE TAXI กับการเรียกใช้งานรถแท็กซี่แบบถูกกฏหมายผ่านแอพฯ โดยความร่วมมือกับสหกรณ์แท็กซี่เขตกรุงเทพฯ และกรมการขนส่งทางบก ชูจุดเด่นคือเรียกรถง่ายผ่านแอพฯ ไม่มีการปฏิเสธผู้โดยสาร มีความปลอดภัยในการใช้บริการ และที่สำคัญคือเป็นบริการรถแท็กซี่ที่ถูกกฎหมาย นั่งแล้วสบายใจ

โดยอธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายสนิท พรหมวงษ์ กล่าว่า “บริการ LINE TAXI เป็นการยกระดับคุณภาพแท็กซี่ไทย และเป็นการทวงคืนศักดิ์ศรีคนขับแท็กซี่ด้วย และเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์แท็กซี่ไทยให้มีความทันสมัย ทันนวัตกรรม โดยบริการเรียกแท็กซี่ผ่านแอพ LINE TAXI เป็นส่วนเติมเต็ม โมเดล แท็กซี่ OK และ แท็กซี่ VIP ของกรมการขนส่งทางบก ที่จะเริ่มมีการให้บริการก่อนเดือน พ.ย. ปีนี้ โดยความพิเศษของทั้ง แท็กซี่ OK และ แท็กซี่ VIP คือ จะมีการติดตั้งระบบติดตามรถ หรือ GPS Tracking ไว้ในรถแท็กซี่ เพื่อติดตามเส้นทางการวิ่งของแท็กซี่แต่ละคันได้จากศูนย์ควบคุม และยังมีระบบการแสดงและยืนยันตัวตนของคนขับรถ ซึ่งระบบนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย และความอุ่นใจให้กับผู้ใช้บริการรถแท็กซี่แบบถูกกฎหมายได้เป็นอย่างดี โดยที่ แท็กซี่ VIP นั้น ภายในตัวรถจะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากกว่า แท็กซี่ OK และมีบริการ LINE TAXI เรียกรถแท็กซี่ผ่านแอพฯ มาเติมเต็มให้ผู้ใช้งาน สามารถเรียกใช้ทั้งรถ แท็กซี่ OK และ แท็กซี่ VIP ได้สะดวกสบายตั้งแต่ขั้นตอนการเรียกรถ การกำหนดจุดหมายปลายทาง และขั้นตอนในระหว่างการใช้บริการ”

ทางฝั่งของผู้ให้บริการแอพฯ แชทชื่อดังอย่าง LINE นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “Pain point หรือสิ่งที่เป็นความยากลำบากของผู้ใช้บริการรถแท็กซี่คือ หารถแท็กซี่ยากในช่วงเวลา หรือจุดที่คนต้องการเดินทางกันเยอะ และเรื่องของการที่คนขับปฏิเสธผู้โดยสารในช่วงเวลาที่ต้องคืนรถ และเรื่องประเด็นความปลอดภัยในการเรียกใช้งานแท็กซี่ ทางฝั่งของคนขับแท็กซี่ ก็มี Pain point ในเรื่องของการที่ต้องทำงานหนัก ขับรถเป็นเวลา 12 ชั่วโมงต่อวัน และมีรายได้เพียงประมาณ 400 บาทต่อวัน และในเรื่องของความยุ่งยากกับการทำใบขับขี่สาธารณะ ซึ่งบริการ LINE TAXI ที่จะเริ่มให้บริการในช่วงปลายปีนี้ จะแก้ปัญหาเรื่อง Pain point ได้ทั้งในทางฝั่งของผู้ใช้บริการแท็กซี่ และทางฝั่งของคนขับแท็กซี่ อย่างแรกเลยก็คือ เป็นการผนวกรวมบริการนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแอพ LINE เลย ซึ่งเป็นแอพฯ ที่คนขับแท็กซี่ใช้งานกันอยู่แล้ว และจะออกแบบให้ใช้งานง่าย ซึ่งจะมีคนขับแท็กซี่กว่า 60,000 คน หรือคิดเป็นกว่า 60% ของรถแท็กซี่ที่วิ่งให้บริการอยู่ในกรุงเทพฯ จะเข้ามาอยู่ในระบบ LINE TAXI และนี่จะเป็นช่องทางที่ทำให้คนขับ สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ต้องการใช้บริการได้ง่ายขึ้น เป็นช่องทางที่ทำให้มีรายได้มากกว่าเดิม”

นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ LINE ประเทศไทย ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ทีมงาน LINE ประเทศไทย มีความตื่นเต้น เพราะอยากทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคมไทย นำฐานผู้ใช้งานชาวไทยที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก มาสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ หวังว่าจะทำให้คนขับแท็กซี่มีรายได้เพิ่มเติม และเป็นแอพฯ ที่สร้างโดยทีมงานไทย เพื่อคนไทยโดยเฉพาะ ทำให้เข้าใจปัญหา และความต้องการของคนไทยเป็นอย่างดี โดยในตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาระบบ คาดว่าจะพร้อมให้บริการปลายปีนี้ และบริการนี้จะเป็นแรงผลักดันให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ปัญหา พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน”

โดยดาดว่าบริการ LINE TAXI จะพร้อมให้บริการในช่วงปลายปีนี้ และยังไม่มีการเปิดเผยเรื่องอัตราค่าบริการแต่อย่างใดครับ

https://news.thaiware.com

 


ปภ.แนะผู้ขับขี่เรียนรู้เทคนิคขับรถผ่านเส้นทางน้ำท่วม

ปภ.แนะผู้ขับขี่เรียนรู้เทคนิคขับรถผ่านเส้นทางน้ำท่วม thaihealth

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะข้อควรปฏิบัติในการขับรถผ่านเส้นทางน้ำท่วม โดยปิดเครื่องปรับอากาศ ใช้ความเร็วต่ำ รักษาความเร็วให้อยู่ในระดับเดียวกัน ไม่เร่งเครื่องยนต์ กรณีรถยนต์เกียร์ธรรมดา ให้ใช้เกียร์ 1 หรือเกียร์ 2 รถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ควรใช้เกียร์ L ลดการใช้เบรก โดยใช้แรงเฉื่อยของเครื่องยนต์ในการหยุด หรือชะลอความเร็วแทนการเบรก หลังขับรถผ่านเส้นทางน้ำท่วม ควรตรวจสอบระบบเบรกและคลัตช์ และขับรถต่อไปอีกประมาณ 20 นาที เพื่อไล่น้ำหรือความชื้นออกจากเครื่องยนต์ รวมถึงไม่ดับเครื่องยนต์ในทันที พร้อมเปิดเครื่องปรับอากาศ จะช่วยให้เครื่องยนต์แห้งเร็วขึ้น

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า การขับรถผ่านเส้นทางที่มีน้ำท่วมสูงมีความเสี่ยงต่อการได้รับอันตราย และเครื่องยนต์ชำรุดเสียหาย เพื่อความปลอดภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะข้อควรปฏิบัติในการขับรถผ่านเส้นทางน้ำท่วม ดังนี้

ปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะพัดลมจะพัดน้ำเข้าไปในห้องเครื่อง ทำให้เครื่องยนต์ดับ รวมถึงอาจพัดเศษวัสดุเข้าไปติดในมอเตอร์พัดลม หรือใบพัด ทำให้ระบบระบายความร้อนของครื่องยนต์ขัดข้อง ใช้ความเร็วต่ำ โดยรักษาความเร็วให้อยู่ในระดับเดียวกันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันคลื่นน้ำที่อาจกระเด็นบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง และกระแสน้ำอาจพัดเข้าห้องเครื่อง ทำให้เครื่องยนต์ดับ ส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมทิศทางรถ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ไม่เร่งเครื่อง เพราะทำให้ความร้อนสูง ใบพัดระบายความร้อนทำงานหนัก และน้ำเข้าเครื่องยนต์มากขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์ดับ

ใช้เกียร์ต่ำ หากเป็นรถยนต์เกียร์ธรรมดา ให้ใช้เกียร์ 1 หรือเกียร์ 2 พยายามเลี้ยงคลัตช์ พร้อมเร่งเครื่องยนต์ให้รอบเครื่องสูงกว่าปกติเล็กน้อย สำหรับรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ควรใช้เกียร์ L และรักษารอบเครื่องยนต์ให้คงที่ ลดการใช้เบรก โดยใช้แรงเฉื่อยของเครื่องยนต์ในการหยุด หรือชะลอความเร็วรถ เพื่อความปลอดภัย ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุกรณีรถคันหน้าขัดข้องหรือหยุดกะทันหัน หลังขับรถผ่านเส้นทางน้ำท่วม ควรตรวจสอบระบบเบรกและคลัตช์ โดยเหยียบย้ำเบรกและคันเร่งสลับกันอย่างช้าๆ โดยทำซ้ำๆ เพื่อไล่น้ำออกจากผ้าเบรก จะช่วยให้ระบบเบรกใช้งานได้ตามปกติ สำหรับรถยนต์เกียร์ธรรมดา ให้เหยียบย้ำคลัตช์ เพื่อป้องกันคลัตช์ลื่น ขับรถต่อไปอีกประมาณ 20 นาที เพื่อไล่น้ำหรือความชื้นที่ค้างอยู่ในระบบต่างๆ ของรถ และเครื่องยนต์ ไม่ดับเครื่องยนต์ในทันที โดยสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที พร้อมเปิดเครื่องปรับอากาศ จะช่วยให้เครื่องยนต์แห้งเร็วขึ้น

 ทั้งนี้ หลังขับรถผ่านเส้นทางน้ำท่วม ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบเครื่องยนต์ หากรถมีอาการผิดปกติ เช่น เครื่องยนต์สั่น เดินไม่เรียบ มีเสียงดัง เร่งเครื่องไม่ขึ้น      น้ำมันเกียร์มีสีคล้ายสีชาเย็น เป็นต้น ควรนำรถไปให้ช่างผู้ชำนาญการตรวจสอบสภาพก่อนนำรถไปใช้งาน เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

http://www.thaihealth.or.th


‘อาหารเช้า’ สำคัญไฉน

‘อาหารเช้า’ สำคัญไฉน thaihealth

“วันนี้คุณกินมื่อเช้าแล้วหรือยัง” ใน 1 อาทิตย์ คุณเคยนับหรือไม่ว่าเรากินอาหารเช้าไปกี่วัน หรือแทบไม่กินเลย ในยุคที่หนุ่มสาวปัจจุบันหรือคนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตเหมือนมีจรวจติดหลังอยู่ตลอดเวลา ในเช้าแต่ละวันหมดไปกับการเตรียมตัวไปออกทำงานหรือต้องรีบไปโรงเรียน จนบางครั้งทำให้เราละเลยที่จะกินมื่อเช้าไป

อาหารเช้าสำคัญอย่างไร

อ.สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย และผู้ทรงคุณวุฒิด้านโภชนาการ สสส. ได้อธิบายว่า อาหารทุกมื้อล้วนมีความสำคัญ แต่ในบรรดาอาหารแต่ละมื้อที่เรากิน มื้อที่มีความสำคัญที่สุดคือ ‘อาหารเช้า’ เนื่องจากร่างกายอดอาหารมาตลอดทั้งคืน อาหารเช้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานจากอาหารมื้อเย็น ไปเลี้ยงหัวใจให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย  พอตื่นเช้ามา หลังจาก 9-10 โมง เราจะเริ่มหิว ดังนั้นจึงต้องกินอาหารเช้าเข้าไปทดแทนพลังงานที่เสียไป อีกทั้งอาหารเช้ายังช่วยเติมพลังงานให้กับร่างกายและสมอง ทำให้สมองของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งวัน การกินอาหารเช้ายังช่วยป้องกันโรคเบาหวาน ป้องกันโรคหัวใจ และป้องกันโรคด้วนได้อีกด้วย

‘อาหารเช้า’ สำคัญไฉน thaihealth

และยังมีอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไม่กินมื่อเช้า เพราะมีความเข้าใจผิดคิดว่าการจะลดน้ำหนักต้องอดอาหาร แท้จริงแล้วคนที่ไม่กินอาหารเช้ายิ่งจะทำให้อ้วน เพราะเมื่อไม่กิน ในช่วง 10-12 โมงก่อนเวลาอาหารกลางวันยิ่งจะทำให้ร่างกายโหย สมองจะหลั่งสารเคมีเพื่อให้เรากินอาหารมากขึ้น ทำให้กินจุกกินจิบ และจะกินมื้อเที่ยงและมื้อเย็นมากทำให้อ้วนได้ เพราะได้รับพลังงานส่วนเกิน และคนที่ไม่กินมื้อเช้าการเผาผลาญพลังงานจะลดลงถึง 10% ฉะนั้นการอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักจึงไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ถ้าเราอดอาหารมื้อใดสักมื้อหนึ่งเพื่อลดน้ำหนัก จะทำให้เกิดการโยโย่ เอฟเฟค (YOYO Effect)  ดังนั้นการลดน้ำหนักจึงควรที่จะกินอาหารให้ครบสามมื้อ แต่ให้ควบคุมปริมาณอาหารแทน

ถ้าไม่กินอาหารเช้าเป็นระยะเวลานานทำให้เสี่ยงต่อโรคต่างๆ ตามมา ดังนี้

1. โรคอ้วน เพราะการอดอาหารมื้อเช้าจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ อาจส่งผลให้มื้อต่อๆ ไปกินหนัก กินของหวานเข้าไป แถมอัตราการเผาผลาญยังลดลงอีกด้วย

2. โรคเบาหวาน การงดมื้อเช้าทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งหากกินอาหารเช้าเป็นประจำ จะช่วยลดภาวะผิดปกติดังกล่าวที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานได้ถึงร้อยละ 35-50

3. โรคอัลไซเมอร์ การรับประทานอาหารเช้าจะช่วยไปกระตุ้นพลังให้กับสมองและทำให้มีความจำที่ดีได้ แต่ในทางตรงกันข้ามหากเราอดอาหารมื้อเช้าจะทำให้ร่างกายไม่สดชื่น กระปรี้กระเปร่า หลงลืม ความจำไม่ดี ไม่มีสมาธิ หากทำเป็นประจำต่อเนื่องนานๆ อาจนำมาซึ่งโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างแน่นอน

4. โรคเส้นเลือดในสมอง และโรคหัวใจ เพราะตอนเช้าหลังจากที่เราตื่นนอนเลือดของเราจะมีความเข้มข้นสูง ซึ่งจะทำให้เส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงสมอง หรือหัวใจอุดตันได้ ซึ่งจากผลการวิจัยจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจในอเมริกาเมื่อปี 2003 พบว่า การรับประทานอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าวได้

5. โรคกรดไหลย้อน โรคนี้ปัจจัยหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม และการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลาก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น บางรายไม่ชอบรับประทานอาหารเช้า แต่หันไปพึ่งพาเครื่องดื่มคาเฟอีน อย่าง กาแฟ ชา เครื่องดื่มชูกำลัง ฯลฯ เพียงอย่างเดียว ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้น้ำย่อยหลั่งออกมามากขึ้น

6.โรคนิ่ว การไม่รับประทานอาหารนานกว่า 14 ชั่วโมง จะทำให้คอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีจับตัวกัน และหากปล่อยทำเป็นประจำไปนานๆ จะทำให้กลายเป็นก้อนนิ่วได้ ซึ่งการรับประทานอาหารเช้าเป็นประจำจะช่วยให้ตับปล่อยน้ำดีออกมาละลายไม่ให้คอเลสเตอรอลจับตัวกัน สามารถป้องกันการเกิดโรคนิ่วได้

อาหารอะไรที่เราควรรับประทานในมื้อเช้า

แนะนำว่าต้องเป็นอาหารที่ได้คุณค่าทางโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่ และหลากหลาย พยายามเลือกกินธัญพืชไม่ขัดสี เสริมโปรตีนในอาหารเช้า นม ไข่ เนื้อสัตว์ เนื้อปลา และกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงมีกากใยสูง

อาหารเช้าเป็นสิ่งที่เราควรกินเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นถ้าเรากินมื้อเช้าในวัยทำงานจะทำให้เรากระฉับกระเฉงในการทำงานมากขึ้น ร่างกายแข็งแรง  แต่ถ้าเป็นเด็กวัยเรียนก็จะทำให้มีสมาธิในการเรียน มีภูมิคุ้มกันที่ดี เพราะฉะนั้นอาหารเช้าควรกินให้เป็นประจำสม่ำเสมอ หันมากินอาหารเช้าทุกวันกันนะคะ เพราะอาหารเช้ามีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเราอย่างมากหมาย หากไม่มีเวลาก็ลองทำอาหารเช้าตั้งแต่ตอนเย็น พอตื่นมาเราก็จะได้รับประทานได้เลย

http://www.thaihealth.or.th


สวัสดีตอนเช้าวันอังคาร พร้อมธรรมะสอนใจ

http://สวัสดีตอนเช้า.com


 

ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 26/07/2560

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,950.00 20,050.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,292.00 19,586.27 20,550.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,162.80 17,628.05 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 581.00 8,8807.96 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 452.00 6,852.32 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,339.00 20,299.24 n/a

 

 

 

 

 

 

 

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  26/07/2560


ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 26.05 26.10 30.30 26.05 26.05 26.05 26.05 26.05 26.10 26.05
แก๊สโซฮอล E-20 23.54 23.59 23.59 23.54 23.54 23.54 23.54 23.59 23.54
แก๊สโซฮอล E-85 19.54 19.59 19.54 19.59
แก๊สโซฮอล 91 25.78 25.83 25.83 25.78 25.78 25.78 25.78 25.78 25.78 25.78
เบนซิน 95 33.16 33.16 33.16 33.66 33.16 33.16
ดีเซลหมุนเร็ว 24.49 24.49 24.49 23.99 23.99 23.99 23.99 23.99 23.99 23.99
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 27.79 28.52 28.47 28.47 28.57
มีผลตั้งแต่ 22 Jul 05:00 22 Jul 05:00 22 Jul 05:00 22  Jul 05:00 22  Jul 05:00 22 Jul 05:00 22  Jul 05:00 22 Jul 05:00 22  Jul 05:00 22  Jul 05:00

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บทความทั้งสิ้นสามารถเข้าไปอ่านย้อนหลังได้ที่ www.enlighten.co.th ใน Blog — News ค่ะ
ภาพในบรรทัด 1

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า