สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2563

“ไตรมาส 3” ระอุ “มั่นคงฯ”อัดโปรรับ “New Normal ” ซื้อบ้านรับเงินคืน100เท่า

“ไตรมาส 3” ระอุ “มั่นคงฯ”ส่งแคมเปญ “โปรยกทัพ’’ ลุยตลาด มั่นใจบ้านแรวราบยังไปได้ ปลื้มยอดขาย สินค้ามุ่งสู่ “New Normal “ ผลตอบรับดี มี “Real Demand” ประกาศปรับเป้า ลุยเต็มสูบ

อสังหาริมทรัพย์ไตรมาส3 ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง สะท้อนจากแต่ละค่ายมีการอัดแคมเปญลดแลกแจกแถม ดึงลูกค้าแม้ สถานการณ์โควิดจะบรรเทา   นายศักดินา แม้นเลิศ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารโครงการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้พิจารณาแผนธุรกิจใหม่ โดยปรับเป้ายอดขายปี 2563 เป็น 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 430 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16% จากเป้ายอดขายเดิมที่วางไว้ 2,600 ล้านบาท  ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีบริษัท  มียอดขายและจอง Pre-Approve แล้ว คิดเป็น 55% ของเป้ายอดขายใหม่ที่วางไว้

“จากภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับแรงกระแทกจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แต่ในตลาดแนวราบถือว่าได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย เนื่องจากยังมีความต้องการซื้อที่แท้จริง (Real Demand) จากผู้บริโภค บวกกับ  ไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่ปรับไปสู่ New Normal  ไม่ว่าจะเป็น การทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ  ซึ่งช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง, การหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพอนามัยมากขึ้น , การเว้นระยะห่างทางสังคม ( Social distancing ) เป็นต้น ทำให้ผู้บริโภคเริ่มมองหาที่อยู่อาศัยที่มีฟังก์ชั่นหลากหลาย มีพื้นที่ใช้สอยกว้างและเป็นสัดส่วน สามารถตอบโจทย์ความต้องการ โดยเป็นได้ทั้งสถานที่พักผ่อน รองรับการทำงานและการทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างสะดวก ทำให้ทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างแท้จริง”

นายศักดินา กล่าวต่อไปว่า “ด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวตาม ไปด้วย ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ให้ความสำคัญในการพัฒนาสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเพิ่มฟังก์ชั่นห้องเอนกประสงค์ชั้นล่าง ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนผู้สูงอายุ, ห้องทำงาน, ห้องสันทนาการได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังได้มีการนำเอานวัตกรรม  Air Flow เข้ามาใช้กับโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด เพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทและประหยัดพลังงาน ได้อีกด้วย ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางมีการเพิ่มต้นไม้ที่มีคุณสมบัติช่วยดักจับฝุ่นในอากาศ เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกบ้าน มาใช้ในการออกแบบจัดสวน, เพิ่มพื้นที่ Pet Zone สำหรับสัตว์เลี้ยง, ปรับรูปแบบของห้องฟิตเนสเพื่อให้สอดคล้องกับเรื่อง Social distancing ตอบโจทย์ New Normal ”

สำหรับในช่วงไตรมาส 3 นี้ ทาง บมจ.มั่นคงเคหะการ จัดแคมเปญ “โปรยกทัพ” ยกทัพโปรแรง ยกขบวนลดจัดหนัก กับข้อเสนอสุดพิเศษ สำหรับลูกค้าทาวน์โฮม รับคืน 100 เท่าของเงินจอง* และ สำหรับลูกค้าบ้านเดี่ยว รับส่วนลดพิเศษสูงสุดกว่า 500,000 บาท โดยลูกค้าสามารถชมบ้านเสมือนจริงด้วยเทคโนโลยี Virtual Tour 360 องศา  ผ่านช่องทาง Line Official : munkongfamily ไม่ว่าจะเป็น “บ้านพร้อมอยู่” ทั้ง บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมไซส์ XL  บนทำเลศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ อาทิ  ชวนชื่น ไพร์ม วิลเลจ บางนา, ชวนชื่นซิตี้ วัชรพล รามอินทรา, ชวนชื่น ไพร์ม วิลล์ กรุงเทพ ปทุมธานี, ชวนชื่น ทาวน์ ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ, ชวนชื่น ทาวน์ วิลเลจ บางนา, ชวนชื่น ทาวน์ แก้วอินทร์-บางใหญ่, ชวนชื่น ทาวน์ บางใหญ่, ชวนชื่น ทาวน์ ราชพฤกษ์-345, ชวนชื่น ทาวน์ รังสิต-คลอง 1 ฯลฯ 

“ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัว 2 โครงการใหม่ บนทำเลศักยภาพ มูลค่าโครงการรวม1,700 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ ชวนชื่น พาร์ค ปิ่นเกล้า-กาญจนา และ ชวนชื่น ทาวน์ รังสิต-คลอง 3 โดยตัวโครงการยังคงมุ่งเน้นให้ความสำคัญในการพัฒนาสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค พร้อมทั้งมีการออกแบบพื้นที่ใช้สอย และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน โดยคำนึงถึงการสร้างสุขภาวะที่ดี (Well-being) ให้กับผู้อยู่อาศัยมากที่สุด” นายศักดินา กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เพอร์เฟค เดินหน้าปั๊มยอดขายครึ่งปีหลัง

บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เดินหน้าปั๊มยอดขายครึ่งปีหลัง หลังแนวโน้มอสังหาฯฟื้นตัว หวังคว้าตามเป้า 1.4 หมื่นล้านบาท ขณะธุรกิจโรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยอดจองกลับมาคึกคัก

นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลงานครึ่งปีแรกที่ผ่านมาว่า แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะมีผลต่อการดำเนินงานในปลายไตรมาสแรกและช่วงต้นไตรมาส 2 แต่หลังจากสถานการณ์ในประเทศมีแนวโน้มคลี่คลาย บริษัทสามารถกลับมาทำยอดขายเพิ่มขึ้นชัดเจน ทั้งจากความต้องการซื้อที่สะสมมา และกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนที่อยู่อาศัยให้มีพื้นที่มากขึ้น ส่งผลให้ครึ่งปีแรก บริษัทมียอดพรีเซลส์รวม 6,200 ล้านบาท เป็นยอดขายจากโครงการแนวราบถึง 72% หรือ 4,484 ล้านบาท สำหรับคอนโดมิเนียมครึ่งปีแรกทำยอดขายได้ 1,722 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดในประเทศ 1,290 ล้านบาท และคอนโดประเทศญี่ปุ่น 432 ล้านบาท

“เป้าขายรวมของบริษัทปีนี้วางไว้ที่ 14,000 ล้านบาท ดังนั้นในครึ่งปีหลัง จึงมีเป้าขายอีก 7,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากครึ่งปีแรก จากข้อมูลบิ๊กดาต้าของบริษัท เราพบว่าดีมานด์ในการซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะโครงการแนวราบยังมีแนวโน้มขยายตัว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมต่อเนื่องจนถึงต้นเดือนกรกฏาคมนี้ มีจำนวนการค้นหาข้อมูลด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น โดยอัตราผู้ค้นหาข้อมูลโครงการบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นถึง 42% ขณะที่มีผู้ค้นหาข้อมูลโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของ 3 ปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งคาดว่าตลาดโดยรวมในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก และบริษัทจะสามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้นทั้งจากโครงการในประเทศและต่างประเทศ”

บริษัทยังเดินหน้าพัฒนาโครงการให้มีความโดดเด่นมากขึ้น โดยมีการลงทุนก่อสร้าง “มาสเตอร์คลับ” คลับเฮ้าส์ใหม่รวม 8 แห่ง ในทำเลแจ้งวัฒนะ, รัตนาธิเบศร์, รามอินทรา-วงแหวน, รามคำแหง-สุวรรณภูมิ, ราชพฤกษ์-ปทุม, บางนา และ พระราม 5-กาญจนาภิเษก ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ด้วยงบลงทุนรวม 700 ล้านบาท พื้นที่รวม 9,480 ตารางเมตร รองรับสมาชิกในโครงการได้รวมกว่า 4,000 ครอบครัว โดยเป็นคลับเฮ้าส์ในสไตล์ที่หลากหลายไม่เหมือนกัน มีพื้นที่เพื่อการพักผ่อนออกกำลังกายครบครันทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส พร้อมเครื่องออกกำลังกายรุ่นใหม่ แอโรบิค โยคะ พร้อมคลาสต่างๆ สตรีม ซาวน่า เป็นต้น ซึ่งประเมินว่าหลังสถานการณ์ไวรัสระบาด คนส่วนใหญ่จะหันมาออกกำลังกายในคลับเฮ้าส์ภายในโครงการกันมากขึ้น จึงลงทุนพัฒนาคลับเฮ้าส์ให้เป็นศูนย์กลางการออกกำลังกายและสันทนาการอย่างครบวงจร กำหนดแล้วเสร็จเปิดให้บริการพร้อมกันทั้ง 8 แห่ง ในวันที่ 8 เดือน 8 นี้

ด้านธุรกิจโรงแรม ทั้งในกรุงเทพ ต่างจังหวัด และประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้สามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้ตามปกติ และมีบรรยากาศคึกคัก ซึ่งมาตรการของภาครัฐที่ออกมาสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ คาดว่าจะหนุนให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในครึ่งปีหลัง อยู่ในระดับที่เกินกว่า 50% กลุ่มบริษัทยังมีการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ จัดทำชุดบัตรกำนัลเพิ่มมูลค่า โดยบัตรกำนัลราคา 6,000 บาท สามารถแลกใช้ได้ในมูลค่า 10,000 บาท ใช้ได้ทั้งห้องพัก ห้องอาหาร และบริการสปา ในโรงแรมรีสอร์ทรวม 6 แห่ง คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวในประเทศ โดยลูกค้าที่ซื้อบ้านและคอนโดของบริษัทภายในเดือนนี้ ก็จะได้รับชุดบัตรกำนัลดังกล่าวด้วย

สำหรับ คิโรโระ รีสอร์ท ในประเทศญี่ปุ่น ครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างเป็นบวก อีกทั้งทางการจังหวัดฮอกไกโดได้มีมาตรการออกมากระตุ้นการท่องเที่ยวเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้การท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก และคิโรโระมียอดจองเพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่มลูกค้าคิโรโระกว่า 50% เป็นชาวญี่ปุ่นเป็นหลัก นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือนกรกฏาคมรัฐบาลญี่ปุ่นยังจะประกาศมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ คาดว่าจะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยคิโรโระยังมีแพ็คเกจพักผ่อนที่เน้นจุดขายในฤดูร้อน คือ พื้นที่ธรรมชาติกว้างใหญ่ อากาศสะอาด เดินทางสะดวก และแวดล้อมด้วยอาหารอร่อย รวมไปถึงกิจกรรมครอบครัว ในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียม ยู คิโรโระ หลังสถานการณ์คลี่คลาย ก็สามารถทำยอดขายต่อเนื่อง โดยรวมยอดขายคืบหน้าไปแล้วกว่า 80% ได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งนักลงทุนและแขกที่เข้าพัก โดยเตรียมความพร้อมในการเปิดช่วงฤดูหนาวซึ่งเป็นไฮซีซั่น

“มาสเตอร์คลับ” แห่งใหม่ในทำเลแจ้งวัฒนะ มูลค่า 147 ล้านบาท สำหรับโครงการเพอร์เฟค เพลส และ เพอร์เฟค พาร์ค

คลับเฮ้าส์แห่งใหม่ สไตล์ European Classic ในโครงการเพอร์เฟค เพลส รามอินทรา-วงแหวน มูลค่า 110 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


บาทเปิด 31.28 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่า

บาทเปิด 31.28 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่า

เงินบาทเปิดตลาด 31.28 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าตามภูมิภาคหลังดอลล์แข็ง มองกรอบวันนี้ 31.20-31.35บาทต่อดอลลาร์

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.28 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.18 บาท/ดอลลาร์

“บาทอ่อนค่าตามภูมิภาค หลังดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลหลักยกเว้นเงินเยน ขณะที่ราคาทองคำวันนี้ลงมา 16เหรียญฯ/ออนซ์ เพราะฉะนั้นวันนี้อาจจะมี Flow นำเข้าทองคำ”นักบริหารเงินกล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com

“เนวิลล์” วิเคราะห์หลังเกม “แมนยูฯ” บุกขยี้วิลลา เทียบ 3 แนวรุกกับลิเวอร์พูล

“แกรี เนวิลล์” กูรูลูกหนังชื่อดัง ออกมาวิเคราะห์เจาะลึกหลังเกมที่ทาง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” บุกขยี้ “แอสตัน วิลลา” 3-0 พร้อมเปรียบเทียบ 3 แนวรุกกับ “ลิเวอร์พูล”

วันที่ 10 ก.ค. 63 แกรี เนวิลล์ กูรูลูกหนังชื่อดัง ออกมาวิเคราะห์เจาะลึกหลังเกมที่ทาง “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ บุกไปเอาชนะ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลลา 3-0 พร้อมเปรียบเทียบ 3 แนวรุกของอดีตสโมสรต้นสังกัดเก่ากับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้ ภายใต้การนำทีมของ เยอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน

ซึ่งในเกมดังกล่าวทีมเยือนของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ กุนซือชาวนอร์เวย์ ได้ 3 ประตูจาก บรูโน เฟอร์นันเดส นาทีที่ 27 (จุดโทษ), เมสัน กรีนวูด นาทีที่ 45+5 และ พอล ป็อกบา ในนาทีที่ 58 ของเกมการแข่งขัน ทำให้เก็บ 3 คะแนนสำคัญมีเพิ่มเป็น 58 คะแนนจากการลงสนาม 34 นัด ตามหลัง “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 4 แค่ 1 คะแนน รวมถึงตามหลัง “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ทีมอันดับ 3 เพียง 2 คะแนนเท่านั้น

ล่าสุด แกรี เนวิลล์ ออกมากล่าวว่า “สามแนวรุกของลิเวอร์พูล (โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต เฟอร์มิโน, ซาโอ มาเน) พวกเขามีความแน่นอนจากอายุที่พอเหมาะซึ่งพวกเขาเป็น 3 ประสานในแนวรุกที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก จริงๆ แล้วผมเคยพูดแบบนี้มาก่อนแล้วนะตั้งแต่ตอนที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์เมื่อฤดูกาลก่อน ขณะที่ 3 กองหน้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อองโตนี มาร์เชียล, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เมสัน กรีนวูด) ตอนนี้ยังไม่อยู่ในระดับเดียวกันกับ 3 แนวรุกของ ลิเวอร์พูล แต่พวกเขาที่อายุยังน้อยจะสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นไปได้อีกมากเพราะพวกเขามีทั้งความสามารถที่ยอดเยี่ยมและพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัว”

“มันเคยมีคำถามก่อนหน้านี้ว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด จะดีพอมั้ย อองโตนี มาร์เชียล จะดีพอหรือเปล่านะ รวมถึงตอนนั้นที่ เมสัน กรีนวูด ยังไม่ได้แจ้งเกิดแบบตอนนี้ แต่ทว่าในเวลานี้พวกเขากำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาจะดีขึ้นกว่านี้ได้อีก จริงอยู่ที่ 3 แนวรุกของ ลิเวอร์พูล นำหน้า 3 แนวรุกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ แต่ 3 แนวรุกของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ถือว่ามีความเร้าใจ น่าตื่นตาตื่นใจ หากมันเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้เล่นอายุน้อยพวกนี้ได้รับความเชื่อมั่นแน่นอนว่าทุกคนจะได้เห็นถึงความยอดเยี่ยมที่พวกเขาได้ทำอีกแน่”

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


เช็กสัญญาณ 4 อาการเสี่ยงเข้าข่าย ‘ต้อกระจก’

เช็กสัญญาณ 4 อาการเสี่ยงเข้าข่าย 'ต้อกระจก'

แพทย์ชี้ 4 สัญญาณเตือนเสี่ยงเป็น “โรคต้อกระจก” แนะตรวจสุขภาพตาปีละ1 ครั้ง รู้เท่าทันรีบป้องกันก่อนตาบอด

เราต่างทราบดีว่า ดวงตาและการมองเห็นมีความสำคัญกับชีวิต นอกจากการทำให้เราได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุขแล้ว ยังทำให้เราได้เห็นหน้าคนที่เรารัก ได้เห็นโลกกว้าง ได้อ่านหนังสือ ได้เดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเองโดยไม่ต้องเป็นภาระกับใคร  หลายคนจึงกลัวที่จะสูญเสียการมองเห็น  หลายคนกลัวหากต้องอยู่ในโลกมืด ดังนั้น การดูแลสุขภาพดวงตาให้ดีอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ  เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่บอบบาง และหากสูญเสียมันไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้

 โรคต้อกระจก เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้ตาบอด  โดยผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีภาวะเลนส์ตาขุ่น และจะมีอาการหลักคือตามัว มองเห็นภาพไม่ชัด สายตาเลือนราง ซึ่งลักษณะการมองเห็นภาพไม่ชัดนั้นมีหลายแบบ แต่ส่วนมากแล้วอาการต่างๆ จะค่อยเป็นค่อยไป ใช้เวลาเป็นเดือนหรืออาจเป็นปี เมื่อมีอาการมากขึ้นจะส่งผลทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

เรื่องนี้ แพทย์หญิงพรรักษ์ ศรีพล แพทย์เฉพาะทางจักษุ ด้านการผ่าตัดต้อกระจก ต้อหิน และจอประสาทตา โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ โรงพยาบาลในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ เผยข้อมูลที่น่าสนใจถึงวิธีสังเกตอาการและสัญญาณเตือนของโรคต้อกระจก รวมไปถึงแนวทางการรักษา ดังนี้

สาเหตุของการเกิดต้อกระจก

สาเหตุของการเกิดต้อกระจกมาจาก อายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะเป็นต้อกระจกได้ง่าย รวมไปถึงผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์ (Steroid) โดยกลุ่มที่มีโอกาสได้รับยา กลุ่มนี้ ได้แก่ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้, โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือโรคเอสแอลอี (SLE) นอกจากนี้ผู้ที่รับประทานยาต้ม ยาหม้อ ยาสมุนไพร ซึ่งอาจมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ การได้รับอุบัติเหตุทางตา และการได้รับแสงอัลตราไวโอเลต (UV) เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุของการเกิดต้อกระจกทั้งสิ้น

4 อาการเสี่ยงเข้าข่ายเป็นโรคต้อกระจก

  1. มองเห็นภาพไม่ชัด
  2. มองเห็นภาพซ้อน
  3. มองเห็นภาพมัวในที่ที่มีแสงจ้า  
  4. สายตาเปลี่ยนบ่อย ไปวัดแว่นทีไรไม่ชัดสักที  

เมื่อมีอาการดังกล่าวข้างต้น อย่านิ่งนอนใจควรรีบพบแพทย์ทันที  หรือแม้จะไม่มีสัญญาณเตือน แต่เราก็ควรที่จะตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อค้นหาภาวะผิดปกติ

ภาวะแทรกซ้อน อันตรายที่ต้องเฝ้าระวัง

ในผู้ป่วยที่เป็นต้อกระจกมานานจนสุกแล้ว อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน นั่นคือ ภาวะต้อหินจากต้อกระจกที่บวมเป่ง (Phacomorphic Glaucoma) เกิดจากเลนส์ตาสุกเต็มที่แล้วบวม จนปิดทางระบายน้ำในลูกตา ทำให้น้ำในลูกตาระบายไม่ได้ ทำให้ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตาเฉียบพลัน ตาแดง เมื่อส่องไฟจะเห็นเลยว่า ตาดำจะขาวผิดปกติ หากปวดในกรณีนี้ไม่มียาที่สามารถระงับอาการปวดได้และถือว่าอันตรายมาก

ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา วิธีรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

โรคต้อกระจก มีวิธีการรักษาเพียงวิธีเดียวคือ การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการรักษามาตรฐานในปัจจุบันทั่วโลก และวิธีที่นิยมมากที่สุดคือ การทำเฟโกอีมัลซิฟิเคชั่น (Phacoemulcification) ด้วยการใช้เครื่องเสียงความถี่สูงเข้าไปสลายเลนส์ตาเก่าให้มีขนาดเล็กแล้วใส่เลนส์ตาใหม่เข้าไป ทำให้มีแผลผ่าตัดขนาดเล็กมากเพียง 3 มิลลิเมตร ส่วนใหญ่จึงไม่ต้องมีการเย็บปิดแผล นับเป็นวิธีที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 10-30 นาทีเท่านั้น  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดและความยากของเคส

ปัจจุบันโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ มีการรักษาโรคต้อกระจกด้วยเครื่องมือทันสมัย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งคนไข้ที่เข้ามารับการผ่าตัดโรคตาต้อกระจกกับทางโรงพยาบาล ไม่เพียงแต่จะได้การรักษาที่มีประสิทธิภาพ สามารถกลับมามองเห็นได้ชัดขึ้น แต่ยังได้มีส่วนร่วมในการทำบุญอย่างยิ่งใหญ่ ในโครงการปันโลกสดใส ภายใต้โครงการแพทย์ผู้ให้  ด้วยการเปิดโอกาสในการมองเห็นให้กับผู้ที่ขาดโอกาสเข้าถึงการรักษาดวงตาอีก 1 คน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เปรียบเสมือนการผ่าตัด 1 ได้เห็น 2

ชีวิตใหม่หลังผ่าตัดต้อกระจก

หลังจากได้รับการผ่าตัดต้อกระจกแล้ว ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะรู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่  เนื่องจากสามารถมองเห็นได้ชัดมากขึ้นกว่าเดิม  ซึ่งการผ่าตัดต้อกระจกไม่เพียงแต่ทำให้กลับมามองโลกสดใส แต่ยังเป็นการแก้ไขภาวะสายตาสั้น ยาว เอียง หรือสายตามองใกล้ที่ผิดปกติได้  รวมทั้งช่วยลดความดันตาในผู้ป่วยต้อหินอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


การเติม s, es ท้ายคำกริยา

เรียนภาษาอังกฤษ เรื่อง การเติม s และ es ที่คำกริยา เราจะเติม s, es […]

เรียนภาษาอังกฤษ เรื่อง การเติม s และ es ที่คำกริยา

เราจะเติม s, es ที่ท้ายคำกริยา ของประธานเอกพจน์ บุรุษที่ 3 (คือคนที่เราพูดถึง และมีเพียงคนเดียว เทียบเท่ากับสรรพนามคือ he, she, it) สำหรับโครงสร้างประโยค  Present Simple Tense 

1. กริยาปกติทั่วไป เติม s เช่น

I / you / we / they love talk eat sleep
he / she / it loves talks eats sleeps

2. กริยาที่ลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, z, o เติม es เช่น

I / you / we / they pass kiss finish teach
he / she / it passes kisses finishes teaches

3. กริยาที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น

I / you / we / they study worry try marry
he / she / it studies worries tries marries

ข้อยกเว้น ในการเติม s, es

ถ้าตัวสุดท้ายเป็น y และหน้า y เป็นสระ (a, e, i, o, u) สามารถเติม s ได้เลย [ไม่ต้องเปลี่ยน y เป็น i แล้วค่อยเติม es]

I / you / we / they play say obey stay
he / she / it plays says obeys stays

ขอบคุณข้อมูลจาก tonamorn.com


ไพล สรรพคุณและประโยชน์ของไพล 42 ข้อ ! (ปูเลย)

ไพล

ไพล

ไพล หรือ ว่านไพล ชื่อสามัญ Phlai, Cassumunar ginger, Bengal root

ไพล ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber montanum (J.Koenig) Link ex A.Dietr. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Zingiber cassumunar Roxb., Zingiber purpureum Roscoe) จัดอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE)

สมุนไพรไพล มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ปูขมิ้น มิ้นสะล่าง (ฉาน-แม่ฮ่องสอน), ว่านไฟ ไพลเหลือง (ภาคกลาง), ปูเลย ปูลอย (ภาคเหนือ), ว่านปอบ (ภาคอีสาน) เป็นต้น

ลักษณะของไพล

  • ต้นไพล ลักษณะไพลเป็นไม้ล้มลุกมีความสูงประมาณ 0.7-1.5 เมตร มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เปลือกมีสีน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อด้านในมีสีเหลืองถึงสีเหลืองแกมเขียว แทงหน่อหรือลำต้นเทียมขึ้นเป็นกอ โดยจะประกอบไปด้วยกาบหรือโคนใบหุ้มซ้อนกันอยู่ เหง้าไพลสดฉ่ำน้ำ รสฝาด เอียด ร้อนซ่า มีกลิ่นเฉพาะ ส่วนเหง้าไพลแก่สดและแห้งจะมีรสเผ็ดเล็กน้อย ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด แง่ง หรือเหง้า แต่โดยทั่วไปแล้วจะใช้ส่วนของเหง้าเป็นท่อนพันธุ์ในการเพาะปลูก พรรณไม้ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเอเชียแถบประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ปลูกกันมากในจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ปราจีนบุรี และสระแก้ว

ต้นไพล

  • ใบไพล ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนานแกมรูปหอก ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ กว้างประมาณ 3.5-5.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 18-35 เซนติเมตร
  • ดอกไพล ออกดอกเป็นช่อ แทงจากเหง้าใต้ดิน กลีบดอกมีสีนวล มีใบประดับสีม่วง

รูปไพล

ดอกไพล

  • ผลไพล ลักษณะของผลเป็นผลแห้งรูปกลม

สรรพคุณของไพล

  1. ดอกไพล สรรพคุณช่วยขับโลหิตและกระจายเลือดเสีย กระจายเลือดที่เป็นลิ่มเป็นก้อน (ดอก)
  2. ช่วยแก้ธาตุพิการ (ต้นไพล)
  3. สรรพคุณสมุนไพรไพล ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
  4. ช่วยแก้อาเจียน อาการอาเจียนเป็นโลหิต (หัวไพล)
  5. ช่วยแก้อาการปวดฟัน (หัวไพล)
  6. ไพลกับสรรพคุณทางยา เหง้าช่วยขับโลหิต (เหง้า)
  7. ช่วยแก้เลือดกำเดาไหลออกทางจมูก (ราก)
  8. ช่วยรักษาโรคที่บังเกิดแต่โลหิตออกทางปากและจมูก (เหง้า)
  9. เหง้าไพล ใช้เป็นยารักษาหอบหืด ด้วยการใช้เหง้าแห้ง 5 ส่วน / ดีปลี 2 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน / กานพลู 1/2 ส่วน / พิมเสน 1/2 ส่วน นำมาบดผสมรวมกัน ใช้ผงยา 1 ช้อนชาชงกับน้ำร้อนแล้วรับประทาน หรือจะปั้นเป็นยาลูกกลอนด้วยการใช้น้ำผึ้ง ขนาดเท่าเม็ดพุทรา แล้วรับประทานครั้งละ 2 ลูก โดยต้องรับประทานติดต่อกันเรื่อย ๆ จนกว่าอาการจะดีขึ้น (เหง้าแห้ง)
  10. ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ท้องขึ้น ท้องเดิน ช่วยขับลมในลำไส้ ด้วยการใช้เหง้าแห้งนำมาบดเป็นผงแล้วรับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา ด้วยการนำมาชงกับน้ำร้อนและผสมเกลือด้วยเล็กน้อยแล้วนำมาดื่ม (เหง้าแห้ง)
  11. ช่วยแก้อาการปวดท้อง ท้องเสีย แก้บิด บิดเป็นมูกเลือด ด้วยการใช้เหง้าสดประมาณ 4-5 แว่น นำมาตำให้ละเอียด แล้วคั้นเอาแต่น้ำ เติมเกลือครึ่งช้อนชาแล้วนำมารับประทาน หรือจะฝนกับน้ำปูนใสรับประทานก็ได้เช่นกัน (เหง้าสด)
  12. ช่วยแก้อาการท้องผูก (เหง้า)
  13. ช่วยสมานแผลในลำไส้ แก้ลำไส้อักเสบ (เหง้า)
  14. ช่วยแก้อุจจาระพิการ (ต้นไพล)
  15. ช่วยขับระดู ประจำเดือนของสตรี ขับเลือดร้ายทั้งหลาย และแก้มุตกิดระดูขาว (หัวไพล, เหง้า)
  16. ช่วยทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ (เหง้า)
  17. ช่วยรักษาอาการเคล็ดขัดยอก ฟกช้ำบวม ข้อเท้าแพลง ด้วยการใช้หัวไพลนำมาฝนแล้วทาบริเวณที่มีอาการฟกช้ำบวมหรือเคล็ดขัดยอก / หรือจะใช้เหง้าสด 1 แง่ง นำมาฝานเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วต้มรวมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ เนื่องจากไพลจะมีน้ำมันหอมระเหย (เหง้าสด) ช่วยแก้อาการเคล็ดขัดยอก ฟกช้ำบวม ข้อเท้าแพลง ด้วยการใช้เหง้า 1 เหง้า นำมาตำคั้นเอาแต่น้ำมาทานวดบริเวณที่มีอาการ / หรือจะนำมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับเกลือเล็กน้อย นำมาห่อเป็นลูกประคบ แล้วอังไอน้ำให้ความร้อน นำมาใช้ประคบบริเวณที่มีอาการฟกช้ำบวมและบริเวณที่ปวดเมื่อย เช้า-เย็น จนกว่าจะหาย / หรือจะใช้ทำเป็นน้ำมันไพล ด้วยการใช้ไพลหนัก 2 กิโลกรัม นำมาทอดในน้ำมันพืชร้อน ๆ 1 กิโลกรัม ให้ทอดจนเหลืองแล้วเอาไพลออก และใส่กานพลูผงประมาณ 4 ช้อนชา และทอดต่อไปด้วยไฟอ่อน ๆ ประมาณ 10 นาที เสร็จแล้วนำมากรองรอจนน้ำมันอุ่น ๆ และใส่การบูรลงไป 4 ช้อนชา ใส่ภาชนะปิดให้มิดชิด รอจนเย็นแล้วจึงเขย่าการบูรให้ละลาย แล้วนำน้ำมันไพลมาทาถูนวดวันละ 2 ครั้งเวลามีอาการปวด เช้า-เย็น (สูตรของคุณวิบูลย์ เข็มเฉลิม) (เหง้า, หัว)
  18. ช่วยลดอาการอักเสบ แก้ปวด บวม เส้นตึง เมื่อยขบ (เหง้า)
  19. ช่วยแก้เมื่อย แก้อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดตามร่างกาย (ใบ)
  20. ช่วยรักษาโรคผิวหนัง (เหง้า)
  1. ไพล สรรพคุณของเหง้าช่วยรักษาฝี (เหง้า)
  2. ช่วยดูดหนอง (เหง้า)
  3. ช่วยแก้ผดผื่นคัน ด้วยการใช้เหง้านำมาบดทำเป็นผงผสมกับน้ำ หรือจะใช้เหง้าสดนำมาล้างให้สะอาด ฝนแล้วทาบริเวณที่เป็นก็ได้เช่นกัน (เหง้า)
  4. เหง้าใช้ทาเคลือบแผลเพื่อป้องกันอาการติดเชื้อได้ (เหง้า)
  5. ช่วยแก้อาการครั่นเนื้อครั่นตัว (ใบ)
  6. ช่วยรักษาโรคเหน็บชา (เหง้า)
  7. ใช้เป็นยาชาเฉพาะที่ (เหง้า)
  8. ใช้เป็นยาสมานแผล ด้วยการใช้เหง้าสด 1 แง่ง นำมาฝานเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วต้มรวมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ เนื่องจากไพลจะมีน้ำมันหอมระเหย (เหง้าสด)
  9. เหง้าใช้เป็นยาแก้เล็บถอด ด้วยการใช้เหง้าสด 1 แง่ง (ขนาดเท่าหัวแม่มือ) นำมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับเกลือและการบูร อย่างละครึ่งช้อนชา แล้วนำมาใช้พอกบริเวณที่เป็นหนอง โดยควรเปลี่ยนยาที่ใช้พอกวันละ 1 ครั้ง (เหง้าสด)
  10. เหง้าไพลสามารถนำมาใช้ต้มกับน้ำอาบหลังคลอดของสตรีได้ (เหง้า)
  11. เหง้าของไพลมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งจากการทดลองพบว่ามันมีฤทธิ์ช่วยลดอาการอักเสบได้ (เหง้า)
  12. ไพลมีฤทธิ์ช่วยคล้ายกล้ามเนื้อเรียบ ช่วยลดการบีบตัวของมดลูกและลำไส้ รวมไปถึงกระเพาะอาหารในหนูทดลอง
  13. ไพลมีฤทธิ์ในการช่วยต้านเชื้อรา เชื้อจุลินทรีย์ และเชื้อแบคทีเรีย
  14. ไพลมีฤทธิ์ช่วยต้านฮีสตามีนในผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคหอบหืด โดยสามารถช่วยลดขนาดของตุ่มนูนจากการฉีดน้ำยาฮีสตามีนเข้าใต้ผิวหนังได้อย่างมีนัยสำคัญ และยังช่วยทำให้ผู้ป่วยที่มีอาการหอบเกิดอาการหอบน้อยลง การทำงานของปอดทำงานได้ดีขึ้น
  15. เหง้าไพลจัดอยู่ในตำรับยา “ยาประสะกานพลู” ซึ่งเป็นตำรับยาที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการอาการปวดท้อง จุกเสียด แน่นเฟ้อจากอาหารไม่ย่อยเนื่องจากธาตุ
  16. เหง้าไพลจัดอยู่ในตำรับยา “ยาประสะไพล” ซึ่งมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือมาน้อยกว่าปกติ และช่วยขับน้ำคาวปลาในสตรีหลังคลอดบุตร

ข้อควรระวัง

  • การรับประทานในขนาดสูงหรือการใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดพิษต่อตับได้ และยังไม่มีความปลอดภัยที่จะนำมาใช้เป็นยารักษาโรคหืด และไม่ควรนำมารับประทานแบบเดี่ยว ๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน นอกจากจะมีการขจัดสารที่พิษต่อตับออกไปเสียก่อน
  • การใช้ครีมไพลห้ามใช้ทาบริเวณขอบตา เนื้อเยื่ออ่อน และบริเวณผิวหนังที่มีบาดแผลหรือมีแผลเปิด
  • ไม่แนะนำให้ใช้สมุนไพรชนิดนี้กับสตรีมีครรภ์ หรืออยู่ระหว่างการให้นมบุตรและเด็กเล็ก
สมุนไพรไพล
เหง้าไพล

ประโยชน์ของไพล

  1. ช่วยทำให้ผิวหนังชุ่มชื่น ด้วยการใช้เหง้าสด 1 แง่ง นำมาฝานเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วต้มรวมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ เนื่องจากไพลจะมีน้ำมันหอมระเหย (เหง้าสด)
  2. ประโยชน์ไพลช่วยไล่แมลง ฆ่าแมลง (เหง้า)
  3. ช่วยกันยุงและไล่ยุง น้ำมันจากหัวไพลผสมกับแอลกอฮอล์นำมาใช้ทาผิวสามารถช่วยกันยุงและไล่ยุงได้ (หัวไพล)
  4. สามารถนำมาทำเป็น ครีมไพลน้ำมันไพลไพลผงไพลขัดผิวไพลทาหน้าได้

ไพลกับความงาม

  1. ไพลขัดผิว เหง้าสามารถนำมาใช้ทำเป็นแป้งไว้สำหรับขัดผิวได้ โดยจะช่วยทำให้ผิวดูผุดผ่อง ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ ช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำและไม่ทำให้เกิดสิว ซึ่งวิธีการทำไพลขัดผิว ก็ให้นำเหง้าไพลมาหั่นแบบหยาบ ๆ ประมาณ 4 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในโถปั่น แล้วตามด้วยดินสอพอง 3 ถ้วยตวง นำมาทุบให้พอแตกแล้วใส่ลงไปในเครื่องปั่นและปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน หลังจากนั้นให้เติมน้ำต้มสุก 1 ถ้วยตวง และปั่นให้เข้ากันอีกครั้ง เมื่อได้ครีมเป็นเนื้อเดียวกันแล้วให้นำมาปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิทเก็บไว้ใส่ขวด ก็จะได้แป้งไพลที่สามารถนำมาใช้ขัดผิวได้แล้ว ซึ่งวิธีการใช้ก็นำมาผสมกับน้ำเย็นแล้วนำมาพอกบริเวณผิวทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีแล้วค่อยล้างออก
  2. ไพลทาหน้าหรือการพอกหน้าด้วยไพล ด้วยการใช้แป้งไพลจำนวน 2-3 ก้อนนำมาผสมกับน้ำเย็นแล้วนำมาพอกหน้าก่อนเข้านอน ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยทำให้ผิวหน้าดูอ่อนนุ่ม ในสูตรสามารถเติมนมสดหรือโยเกิร์ตประมาณ 2 ช้อนชาลงไปด้วยก็ได้

ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 26,550.00 26,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,720.00 26,075.20 27,150.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,548.00 23,467.68 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,376.00 20,860.16 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 774.00 11,733.84 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 602.00 9,126.32 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,782.00 27,015.12 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/07/2563

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 21.55 21.55 21.80 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55
แก๊สโซฮอล์ 91 21.28 21.28 21.53 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28
แก๊สโซฮอล์ E20 20.04 20.04 20.29 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04
แก๊สโซฮอล์ E85 17.99 17.99
เบนซิน 95 28.96 29.41 29.46 28.96 28.96
ดีเซล 22.19 22.19 22.44 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19
ดีเซล B10 19.19 19.19 19.44 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19
ดีเซล B20 18.94 18.94 19.19 18.94 18.94 18.94 18.94 18.94
ดีเซลพรีเมี่ยม 26.64 26.66 28.89 28.64
แก๊ส NGV 15.31 15.31
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า