สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 11 สิงหาคม 2563

สะดวก สบาย ตรวจสอบ ค่าใช้จ่ายการรังวัดทั่วไทยไปกับ “กรมที่ดิน”

กรมที่ดิน อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน -เน้นโปร่งใส นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาพัฒนาระบบการประกาศ “ค่าใช้จ่ายการรังวัด (serveyprice)” บนเว็บไซต์ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0

การรังวัด คือ การวัดปักเขตและทำเขต จดหรือคำนวณเนื้อที่ เพื่อให้ทราบที่ตั้งแนวเขตที่ดิน หรือทราบที่ตั้งและเนื้อที่ของที่ดิน มีความสำคัญในหลายด้าน อาทิ ป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ ป้องกันการถูกรอนสิทธิ์ในที่ดิน เช่น การถูกใช้ที่ดินเป็นทางเข้า – ออก จากบุคคลอื่น แก้ปัญหาการทับซ้อน ทำให้รับรู้แนวเขตการครอบครองที่ชัดเจน เป็นต้น

ในปัจจุบันหลายท่านที่ต้องการซื้อ – ขายที่ดิน จำเป็นต้องทำการรังวัดที่ดินเพื่อยืนยันขนาดที่ดินก่อนทำการซื้อขาย แต่ที่ดินนั้นตั้งอยู่ในต่างจังหวัด จะคำนวณค่าใช้จ่ายในการรังวัดที่ดินได้อย่างไร?

 กรมที่ดิน ให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและเสริมสร้างความโปร่งใสในการดำเนินงานโดยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาพัฒนาองค์การให้เกิดประสิทธิภาพตามยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล จึงได้พัฒนาระบบการประกาศ “ค่าใช้จ่ายการรังวัด (serveyprice)” บนเว็บไซต์กรมที่ดิน เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบและคำนวณค่าใช้จ่ายการรังวัดที่ดินได้ทั่วประเทศจากมือถือหรือเท็ปเล็ตได้ทันที  ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปตรวจสอบประกาศค่าใช้จ่ายการรังวัดในจังหวัดที่ที่ดินของตนเองตั้งอยู่ ทำให้ประชาชนเกิดความสะดวกสบาย ประหยัดค่าใช้จ่าย และสามารถเตรียมความพร้อมก่อนการยื่นขอรังวัดที่ดิน

ทั้งนี้ นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน ระบุว่า การประกาศค่าใช้จ่ายในการรังวัดดังกล่าว ดำเนินการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยค่าใช้จ่าย ในการรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน หรือพิสูจน์สอบสวน หรือตรวจสอบเนื้อที่เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดได้กำหนดค่าใช้จ่ายแล้ว ให้เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาให้ความเห็นชอบ เสร็จแล้วให้จัดทำเป็น

ประกาศจังหวัด โดยให้สำนักงานที่ดินจังหวัด และสำนักงานที่ดินจังหวัดสาขา ปิดประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานที่ดินนั้น ๆ เพื่อให้ประชาชนที่มาติดต่อทราบโดยทั่วกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สั่งลุย 3 เมกะโปรเจกต์ ก่อนส่งไม้ต่อ ว่าที่ ‘ปลัดคมนาคม’คนใหม่

กระทรวงคมนาคมจัดงานอำลาก่อนเกษียณ “นายชัยวัฒน์  ทองคำคูณ” มือขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ  หลังดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นเวลา 1 ปี 10 เดือน  ภายใต้กิจกรรม“ใต้ร่มหูกวาง : มุมมองสื่อมวลชน” 

ทั้งนี้ ปลัดคมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า  “เราทำงานโดยไม่คิดถึงผลประโยชน์ ต้องตั้งใจทำและเต็มร้อยที่สุด หากเห็นรอยยิ้มประชาชน ถือว่ามีความสุข ที่ผ่านมา มีเมกะโปรเจกต์หลายโครงการที่สามารถดำเนินการแล้วเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาสัมปทานทางด่วน บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ซึ่งจะต้องใช้เหตุผลและความสามารถไปเจรจากับคู่สัญญา  รวมทั้งปัญหาบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่เข้าขั้นวิกฤตินั้น ต้องศึกษารายละเอียดการขาดทุนเป็นอย่างไร ประสิทธิภาพขององค์กรเป็นอย่างไร ซึ่งคำตอบที่ดีที่สุดคือการเข้าสู่กระบวนการตามแผนฟื้นฟู
ถือเป็นโครงการที่เราพยายามทำและดำเนินการแก้ปัญหาได้สำเร็จ”

ชง “แผนฟื้นฟู ขสมก.” เข้า ครม.

หลังจากนี้เหลือเวลาเพียง 2 เดือน วางแผนเร่งดำเนินงานทุกอย่างให้จบ ซึ่งขณะนี้มีหลายโครงการที่เร่งรัดผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเร็ว อาทิ แผนฟื้นฟูองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทำความเข้าใจกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เพื่อชี้แจงถึงประโยชน์ของแผนดังกล่าวให้ชัดเจน เช่น การคิดอัตราค่าโดยสาร ในราคา 30 บาทตลอดวัน ถือเป็นกลไกที่เราคิดเพื่อปฏิรูปเส้นทางเดินรถทั้งระบบขนส่งสาธารณะ ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าประชาชนได้ประโยชน์อย่างไร และพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถทำกำไรให้เป็นบวกได้จริง โดยจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ได้ภายในเดือนกันยายนนี้ แต่ความยากคือหากครม.เห็นชอบแล้วต้องดำเนินการให้ได้ตามแผนที่วางไว้

ตั้งเป้า 2 เดือน จบ “สายสีแดง” 

ด้านการแก้ไขปัญหาโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ขณะนี้โครงการมีความล่าช้า เนื่องจากเอกชนขอขยายเวลา 500 วัน ในการก่อสร้างช่วงสถานีกลางบางซื่อ รวมถึงการบริหารการเดินรถ โดยให้เอกชนร่วมลงทุนแบบ PPP ขณะนี้อยู่ระหว่างการของบประมาณส่วนเพิ่ม Variation Order (VO) วงเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเป็นค่างานระบบอาณัติสัญญาณ ค่าจ้างที่ดำเนินการแล้ว ทั้งนี้ต้องตอบ ครม.ให้ได้ว่างบประมาณดังกล่าวจะดำเนินการใช้ในด้านใดบ้าง โดยตั้งเป้าภายใน 2 เดือน (ส.ค.- ก.ย. 2563) ก่อนเกษียณจะเร่งดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อสรุป

ดัน “สายสีน้ำตาล – ด่วนขั้น 3”

ขณะความคืบหน้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี ซึ่งติดปัญหาเจรจากับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ขณะนี้ทางมก.ยอมรับการก่อสร้างรถไฟฟ้าแล้ว ซึ่งมีเสาตอม่อบางต้นที่จะต้องปักฐานลงในพื้นที่ของมก. ทั้งนี้ไม่ได้ขัดข้อง เนื่องได้เจรจาฐานะศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัย แต่เงื่อนไขกระทรวงฯระบุว่าต้องดำเนินการโครงการสายสีน้ำตาล  ควบคู่กับทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 

“เราต้องทำให้มก. ยอมรับ การก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือด้วยเช่นกัน เนื่องจากมก.มีความกังวลหลายเรื่อง อย่าง เสียง ฝุ่น อุบัติเหตุ ซึ่งกระทรวงฯ ได้ระบุเทคนิกป้องกัน  ซึ่ง มก.อยู่ระหว่างพิจารณา เราอยากให้สายสีน้ำตาลดำเนินควบคู่กับทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ซึ่งต้องเจรจาให้จบก่อนเกษียณ”  

ส่งต่อปลัดคนใหม่

ภารกิจต่อไปปลัดคมนาคมใหม่ จะสานต่อโครงการสำคัญ  ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายที่มีการเสนอรายชื่อว่าที่ปลัดฯใหม่ จำนวน 8 รายชื่อ โดยผู้ที่ถูกเสนอ รายชื่อนั้น เป็นข้าราชการระดับ 10 อาทิ อธิบดี  รองปลัดคมนาคม  ผู้ตรวจราชการ เพื่อเสนอต่อนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พิจารณา เบื้องต้นผู้ที่รับหน้าที่เป็นปลัดกระทรวงคมนาคมต้องมีคุณสมบัติทั้งด้านผลงาน ประวัติย้อนหลัง  ไม่จำเป็นต้องเก่งเรื่องงานหรือการบริหารคน แต่ต้องเก่งในการบริหารสถานการณ์ต่างๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ดัชนีการครองชีพของครัวเรือนไทยยังทรุดต่อเนื่อง

ดัชนีการครองชีพของครัวเรือนไทยยังทรุดต่อเนื่อง

ดัชนีการครองชีพของครัวเรือนไทยยังทรุดต่อเนื่อง ครัวเรือนห่วงหนี้ กลัวตกงาน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในเดือนก.ค. 2563 อยู่ที่ระดับ 35.3 ปรับตัวลดลงจากระดับ 36.0 ในเดือนมิ.ย. 2563 จากความกังวลที่เพิ่มขึ้นของครัวเรือนต่อประเด็นเรื่องภาระหนี้สิน ค่าใช้จ่าย รวมถึงระดับราคาสินค้าและบริการภายในประเทศ แม้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ระยะที่ 2 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนยังถูกจำกัดโดยประเด็นด้านรายได้และการมีงานทำ

ขณะที่ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทยอีก 3 เดือนข้างหน้า (3-month Expected KR-ECI) ปรับตัวลดลงจากระดับ 37.4 ในการสำรวจช่วงเดือนมิ.ย. 2563 มาอยู่ที่ระดับ 36.8 ในการสำรวจช่วงเดือนก.ค. 2563 โดยครัวเรือนไทยมีความกังวลเพิ่มขึ้นในทุกมิติการครองชีพในช่วง 3 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะในเรื่องระดับราคาสินค้าและบริการ หลังราคาอาหารสดและราคาพลังงานภายในประเทศปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในเดือนก.ค. 2563

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทยในช่วงที่เหลือของปี 2563 ยังเปราะบาง ในขณะที่การฟื้นตัวของกำลังซื้อภายในประเทศยังเป็นไปอย่างจำกัด ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากภาวะการจ้างงานในประเทศ ท่ามกลางภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


เปิดมุมมองล่าสุด “ฮาร์กรีฟส์” ถึงดีล “แมนยูฯ-ซานโช”

เปิดมุมมองล่าสุด “โอเวน ฮาร์กรีฟส์” ถึงดีลที่อดีตต้นสังกัดเก่าของเขาอย่าง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ที่มีข่าวเชื่อมโยงอย่างหนักกับ “เจดอน ซานโช”

วันที่ 11 ส.ค. 63 เปิดมุมมองล่าสุด โอเวน ฮาร์กรีฟส์ ถึงดีลที่อดีตสโมสรต้นสังกัดเก่าของเขาอย่าง “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มีข่าวเชื่อมโยงอย่างหนักกับ เจดอน ซานโช ปีกฟอร์มร้อนจากค่าย “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

ล่าสุด โอเวน ฮาร์กรีฟส์ ออกมากล่าวว่า “ด้วยความสัตย์จริงผมก็แค่คิดว่ามันคือการบลัฟกันเท่านั้น ทั้งสองสโมสรกำลังดึงเกมที่ประโยชน์ของตัวเอง ท้ายที่สุดแล้วยังไงผมก็คิดว่าเขา (เจดอน ซานโช) จะกลายมาเป็นนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แค่ต้องการตัวเลขที่พวกเขาต้องการ มันก็แค่เป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาเท่านั้น”

สำหรับ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบอันในอันดับที่ 3 ของตารางและเกมล่าสุดเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาก็เพิ่งเฉือนเอาชนะ เอฟซี โคเปนเฮเกน 1-0 เข้ารอบรองชนะเลิศ ยูโรปาลีก ได้สำเร็จ

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


การแพทย์ทางไกล ลดแออัดโรงพยาบาล

การแพทย์ทางไกล ลดแออัดโรงพยาบาล thaihealth

การแพทย์ทางไกล หรือTelemedicine (เทเลเมดิซีน) ที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ในการรักษาคนไข้ ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล

องค์การอนามัยโลกได้กำหนดค่าเฉลี่ยแพทย์ 1 คน ต่อจำนวนประชากร 439 คน แต่ประเทศไทยมีค่าเฉลี่ยแพทย์ 1 คน ต่อจำนวนประชากรถึง 2,065 คน ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึง 4.7 เท่าส่งผลให้การเข้าถึงบริการสาธารณสุข โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ชนบทและพื้นที่ ห่างไกลยังขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์

กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้มีแนวทางในการนำระบบ Telemedicine (เทเลเมดิซีน) หรือการแพทย์ทางไกลที่มีการนำเทคโนโลยี มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งการบริการ และการรักษาคนไข้ ซึ่งคาดว่าถ้าทำได้จริง จะช่วยประหยัดงบประมาณรัฐได้กว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้มีการจัดทำประกาศเกี่ยวกับการแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine และคลินิกออนไลน์ เสร็จแล้วอยู่ในขั้นตอนของประชาพิจารณ์ ก่อนที่จะมีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ ซึ่งประกาศที่จะออกมานี้จะเป็นไป เพื่อการสร้างความมาตรฐานและคุ้มครองผู้ให้บริการผู้ป่วยเป็นหลัก

โดยกำหนดให้ผู้ที่จะทำ Telemedicine ได้จะต้องเป็นสถานพยาบาลที่เป็นของภาครัฐหรือเอกชน ที่จัดตั้งถูกต้องตามกฎหมาย มีที่ตั้งชัดเจน และผู้ที่จะให้บริการต้องผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งสถานพยาบาลที่จะทำต้องมาแจ้งเพื่อขออนุญาต ขณะเดียวกันไม่อนุญาตให้สถานพยาบาลทางการแพทย์ทางไกลออนไลน์ ต้องเป็นผู้ที่อยู่ในคลินิก มีสถานพยาบาลชัดเจน เพราะผู้ประกอบการหรือผู้ได้รับใบอนุญาต ต้องรับผิดชอบผู้ป่วยและผู้ให้บริการ ดังนั้นต้องเป็นแพทย์จริง บุคลากรทางการแพทย์จริง มีประวัติชัดเจนถึงจะดำเนินการได้

“Telemedicine ต้องเป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ มาตรฐานเดิมที่สอดคล้องกับวิธีการให้บริการแบบใหม่ และความรับผิดชอบ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคเป็นหลัก โดยใช้เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือเครื่องมือทางการแพทย์สมัยใหม่ที่ต้องผ่านการรับรองตามขั้นตอน และต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งกฎหมายแพทย์หรือกฎหมายยา ตอนนี้เมื่อเกิดโควิด-19 มีหลายโรงพยาบาลได้มีการนำการแพทย์ทางไกล มาใช้ในการให้บริการมากขึ้น

เพราะไม่ต้องการให้ผู้ป่วยเดินทางมาโรงพยาบาล ใช้เทคโนโลยีแพลตฟอร์มต่างๆ มาใช้ทั้งการพบแพทย์ออนไลน์ การตรวจติดตามทางออนไลน์ การรับยาที่บ้าน การชำระเงินผ่านโมบายแบงค์กิ้ง เป็นต้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คนไข้ และลดความเสี่ยงในการติดโรคโควิด-19” นพ.ธเรศ กล่าว

รศ.นพ.เชิดชัย นพมณีจำรัสเลิศ รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทางโรงพยาบาลศิริราชได้มีการบริการผู้ป่วยนอกแบบใหม่ โดยจะมีการให้บริการพบแพทย์ออนไลน์ ผ่านแอพพลิเคชั่น Siriraj Connect โดยคนไข้สามารถลงทะเบียน พบแพทย์ออนไลน์ ส่งเอกสารรับรองสิทธิ์ และสามารถรับยาได้ทางไปรษณีย์

ซึ่งโรงพยาบาลจะมีการนัดหมายพบแพทย์ทางโทรศัพท์ และแพทย์-พยาบาลจะโทรไปติดตามอาการ รักษาผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องผ่านการวีดิโอคอล และถ้ามีการจ่ายยา เภสัชกรก็จะวีดิโอคอลไปให้คำอธิบายถึงการใช้ยา เมื่อทำการบริการเสร็จสิ้นก็จะให้ผู้ป่วยชำระค่าใช้จ่าย ผ่านแอพพลิเคชั่นโมบายแบงค์กิ้ง ซึ่งผู้ป่วยสามารถไปรับยาที่บ้านได้ทันที ทั้งนี้ ประมาณปลายเดือนนี้ จะให้บริการ Drive Thru เจาะเลือด โดยผู้ป่วยสามารถขับรถมาถึงจุดที่กำหนดเจาะเลือดได้ ในบริเวณที่จอดรถทันทีโดยไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


นิทานภาษาอังกฤษ เรื่อง กวางตาเดียว

เรียนภาษาอังกฤษกับนิทานอีสป 2 ภาษา เรื่อง กวางตาเดียว The One-Eyed Doe A doe […]

นิทานสองภาษา อังกฤษ ไทย

เรียนภาษาอังกฤษกับนิทานอีสป 2 ภาษา เรื่อง กวางตาเดียว

The One-Eyed Doe

A doe blind in one eye used to graze as close to the edge of the cliff as she possibly could, in the hope of being safe. She turned her good eye towards the land so she might see the approach of hunter or hound, and her injured eye towards the sea, from where she did not expect danger. Some boatmen sailing by saw her, and taking a aim, shot and killed her. With her last breath, she said, “What a stupid deer I am to take such precaution against the land and discover that the sea is much more dangerous.”
The Moral Trouble comes from the direction we least expect it.

บทแปลภาษาไทย นิทานเรื่อง กวางตาเดียว

นางกวางตาบอดตัวหนึ่งซึ่งตาบอดหนึ่งข้าง ได้ยืนกินหญ้าอยู่หน้าผาริมทะเล หล่อนคิดว่าที่นี่จะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด นางกวางได้หันตาข้างที่ดีไปทางฝั่งพื้นดิน เพื่อที่หล่อนจะได้เห็นพวกนายพรานหรือหมาป่าล่าเนื้อ และหันตาข้างที่บอดออกไปทางทะเล ซึ่งหล่อนคิดว่าทางฝั่งทะเลจะไม่มีอันตราย แต่บังเอิญมีชาวเรือแล่นเรือผ่านมาพอดี พวกเขาเห็นกวางตัวนี้เข้า พวกเขาจึงเล็งปืนและยิงมัน ก่อนสิ้นใจตายกวางได้พูดขึ้นว่า “ข้าช่างเป็นกวางที่โง่เขลาเสียนี่กระไร มัวแต่คิดว่าบนพื้นดินเท่านั้นที่จะมีอันตราย ที่ไหนได้ทะเลกลับอันตรายมากกว่าเสียอีก”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ปัญหาใหญ่มักมาจากทิศทางที่เราคาดไม่ถึง

ขอบคุณข้อมูลจาก tonamorn.com


สตาร์ทอัพเจ๋ง ไทยติด 1 ใน 15 “Google for Startups”

GIZTIX สตาร์ทอัพจากไทยสร้างชื่อ ได้รับคิดเลือกร่วม โครงการระดับภูมิภาค “Google for Startups Accelerator: Southeast Asia

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  Google ประกาศรายชื่อสตาร์ทอัพที่ได้รับการคัดเลือกจากโครงการ “Google for Startups Accelerator: Southeast Asia” จำนวน 15 ราย และเป็นที่น่ายินดีที่ GIZTIX สตาร์ทอัพจากประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 15 สตาร์ทอัพในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ Google ให้ความสำคัญและสนับสนุนสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสตาร์ทอัพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีส่วนช่วยสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโตในภูมิภาคนี้ และในวันนี้สตาร์ทอัพเหล่านั้นมีบทบาทที่สำคัญไม่แพ้กันในการร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดใหญ่ทั่วโลกของไวรัส COVID-19 และร่วมรับมือกับความท้าทายที่หนักหนาที่สุดที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประสบในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา สาธารณสุข อี-คอมเมิร์ซ การขนส่ง และเทคโนโลยีด้านการเงิน

ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Google ได้เปิดตัวโครงการ Google for Startups Accelerator: Southeast Asia ซึ่งเป็นโครงการออนไลน์ระยะเวลา 3 เดือน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพที่ได้ทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาทางสังคม เศรษฐกิจ และปัญหาด้านสุขภาพในภูมิภาคนี้ โดยมีทีมสตาร์ทอัพสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการมากกว่า 600 ราย และในวันนี้ Google ขอประกาศและร่วมแสดงความยินดีกับ 15 สตาร์ทอัพกลุ่มแรกที่ผ่านการคัดเลือก ซึ่งมีรายชื่อดังนี้

ตลอดระยะเวลา 3 เดือนข้างหน้านี้ สตาร์ทอัพทั้ง 15 รายที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับคำปรึกษาในการรับมือกับปัญหาที่ท้าทายด้านเทคนิคและธุรกิจจากทีมงานของ Google และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และได้เข้าร่วมเวิร์คช็อปด้านการออกแบบสินค้า การให้บริการลูกค้า และการพัฒนาความเป็นผู้นำของผู้ก่อตั้งองค์กร

และนี่คือรายชื่อของสตาร์ทอัพทั้ง 15 รายที่ Google พร้อมที่จะช่วยผลักดันไอเดียของพวกเขาไปข้างหน้า และสนับสนุนให้พวกเขาร่วมพัฒนาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปตลอดทศวรรษหน้าและอีกหลาย ๆ ปีต่อจากนั้น

1.Advance (ฟิลิปปินส์) เป็นแพลตฟอร์มเครดิตที่ให้บริการการเบิกค่าจ้างล่วงหน้าให้กับพนักงานในฟิลิปปินส์

2.DeafTawk (ปากีสถาน) สร้างแพลตฟอร์มสำหรับบริการการแปลภาษามือเพื่อช่วยลดช่องว่างในการสื่อสาร

3.GIZTIX (ประเทศไทย) แพลตฟอร์มขนส่งสินค้าแบบรวมศูนย์เพื่อช่วยลูกค้าขยายธุรกิจและลดต้นทุนในการดำเนินงาน

4.Hacktiv8 (อินโดนีเซีย) ช่วยฝึกอบรมนักพัฒนารุ่นใหม่ สนับสนุนพวกเขาในการหางาน และให้บริการเงินกู้เพื่อการศึกษาในรูปแบบใหม่ที่เป็นธรรมมากขึ้น

5.Kata.ai (อินโดนีเซีย) ได้พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Technology) ด้านการสนทนาที่สามารถทำการสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

6.MHub (มาเลเซีย) แพลตฟอร์มการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ช่วยให้การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ง่ายขึ้นด้วยการเชื่อมโยงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นายหน้า และลูกค้าเข้าด้วยกัน

7.Riliv (อินโดนีเซีย) พัฒนาแอพพลิเคชันที่ให้คำปรึกษาและการทำสมาธิทางออนไลน์ เพื่อช่วยผู้ใช้ดูแลสุขภาพจิต

8.Rumarocket (ฟิลิปปินส์) พัฒนาเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ที่นำเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมมาช่วยองค์กรในการตัดสินใจจ้างงาน

9.Sehat Kahani (ปากีสถาน) กำลังพัฒนาเครือข่ายหมอสตรีประจำบ้านเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการแพทย์ในราคาถูกผ่านเทคโนโลยี

10.SenzeHub (สิงคโปร์) ออกแบบอุปกรณ์สวมใส่ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ที่คอยตรวจตำแหน่งที่ตั้งของผู้ป่วยและตรวจสอบค่าวัดต่าง ๆ บนร่างกาย รวมถึงภาวะฉุกเฉิน

11.ShopLinks (สิงคโปร์) ให้บริการเครื่องมือแก่ลูกค้าที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อโปรโมทสินค้าและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าผ่านระบบดิจิทัล

12.Smart Future (สิงคโปร์) แพลตฟอร์มการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) และจุดตรวจอาการด้วยตัวเองที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจอาการสุขภาพที่สำคัญต่าง ๆ ได้

13.Thuocsi.vn (เวียดนาม) แพลตฟอร์มสำหรับการซื้อยา ชุดปฐมพยาบาล และของใช้ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา

14.TopCV (เวียดนาม) แพลตฟอร์มหางานที่ทำการเชื่อมโยงผู้ว่าจ้างและผู้หางานได้ดีขึ้น

15.Walee (ปากีสถาน) แอพพลิเคชันซื้อขายที่เชื่อมโยงธุรกิจที่ต้องการขายสินค้าออนไลน์กับผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์ที่สนใจร่วมงานกับพวกเขา

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สรรพคุณและประโยชน์ของว่านพญาท้าวเอว !

พญาท้าวเอว

พญาท้าวเอว

พญาท้าวเอว ชื่อวิทยาศาสตร์ Oxyceros bispinosus (Griff.) Tirveng. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Randia bispinosa (Griff.) Craib) จัดอยู่ในวงศ์เข็ม (RUBIACEAE)[1]

สมุนไพรพญาท้าวเอว มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ขบเขี้ยว สลักเขี้ยว (สุราษฎร์ธานี) ส่วนทางภาคตะวันตกเฉียงใต้เรียก “พญาท้าวเอว” เป็นต้น[1]

ลักษณะของพญาท้าวเอว

  • ต้นพญาท้าวเอว จัดเป็นไม้พุ่มพาดพันไปบนต้นไม้อื่น ตามลำต้นมีหนามแหลมโค้ง พอแก่แล้วหนามจะโค้งหาลำต้นในลักษณะที่หนามไปล็อกลำต้นไว้ เป็นไม้ป่าของไทยที่ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด[1]

ต้นหญาท้าวเอว

รูปพญาท้าวเอว

  • ใบพญาท้าวเอว ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปวงรีแกมขอบขนานหรือรูปขอบขนานแกมรูปใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 4-6 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร มีเส้นแขนงใบประมาณ 6-9 คู่ มีหูใบอยู่ระหว่างก้านใบ[1]

ใบหญาท้าวเอว

  • ดอกพญาท้าวเอว ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ แต่ละช่อดอกจะมีดอกย่อยหลายดอก กลีบดอกเป็นสีขาว 5 กลีบ มีกลิ่นหอม [1]
  • ผลพญาท้าวเอว ผลเป็นผลสด ออกเป็นพวง ๆ ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม[1]

สรรพคุณของพญาท้าวเอว

  1. ลำต้นใช้ฝนกับเหล้าทารักษาแผลในปาก (ลำต้น)[1]
  2. หากปวดฟันหรือเป็นรำมะนาด ให้ใช้เหล้าเป็นกระสาย นำมาฝนแล้วทาบริเวณที่ปวด อาการก็จะบรรเทาลง (ลำต้น)[2]
  3. ตำรับยาพื้นบ้านจะใช้ลำต้น นำมาฝนกับน้ำปูนใสกินเป็นยาแก้อาการท้องเดิน (ลำต้น)[1]
  4. ใช้ลำต้นนำมาฝนกับน้ำปูนใสกินเป็นยาแก้งูสวัด ไฟลามทุ่ง (ลำต้น)[1]
  5. ลำต้นใช้ฝนทาแก้พิษสัตว์กัดต่อย ขบ โดยใช้น้ำมะนาวหรือน้ำซาวข้าวเป็นกระสาย แล้วเอาว่านนี้มาฝนเข้าด้วยกันกับน้ำกระสาย แล้วเอาไปปิดที่แผล (ลำต้น)[2]
  6. ตำรับยาพื้นบ้านล้านนาจะใช้ลำต้นพญาท้าวเอวผสมกับหัวยาข้าวเย็น นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาการปวดเมื่อย (ลำต้น)[1] แต่บางข้อมูลก็ระบุว่าให้นำไม้ท้าวเอวไปแช่ในน้ำให้เปียกชุ่มก่อน จะทำให้ตัวยาของไม้ซึมออกมา จากนั้นจึงนำมาประคบบริเวณที่มีอาการปวดเมื่อยไม่นานก็จะหาย
  7. นอกจากนี้ว่านพญาท้าวเอวยังมีสรรพคุณอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาอีก (ข้อมูลไม่มีแหล่งอ้างอิง) เช่น แก้เด็กเป็นทราง ฟันเป็นแมง เจ็บคอ ตกเลือด เลือดทำพิษ แก้โรคผิวหนัง เป็นหันฝีหัวพิษ แก้เล็บขบ (ใช้ลำต้นนำมาฝนกับเหล้า) หรือถ้ากินยาเบื่อ ยาพิษ ผิดสำแดง ปวดท้อง ลงท้อง เป็นบิด ให้นำมาฝนกับน้ำซาวข้าว (ลำต้น)[3]

ประโยชน์ของพญาท้าวเอว

  1. หากนำมาปลูกเป็นไม้ประดับก็สวยและแปลกตาไปอีกแบบที่มีหนามล็อกลำต้น
  2. ในด้านของความเชื่อ พญาท้าวเอวถือเป็นไม้มงคล เป็นว่านเมตตามหานิยมทางแคล้วคลาด ทางเขี้ยวงา ฯลฯ มีไว้ใช้ป้องกันตัว เชื่อว่าป้องกันสัตว์ร้ายและอสรพิษกัด รวมถึงคนที่จะมาลอบทำร้าย (งู ตะขาบ แมงป่อง ปลาดุกยักษ์แทง )[3]

ว่านพญาท้าวเอว

ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 29,600.00 29,700.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,917.00 29,061.72 30,200.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,725.30 26,155.55 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,533.60 23,249.38 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 863.00 13,083.08 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 671.00 10,172.36 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,987.00 30,122.92 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 11/08/2563

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 21.65 21.65 21.65 21.65 21.65 21.65 21.65 21.65 21.65 21.65
แก๊สโซฮอล์ 91 21.38 21.38 21.38 21.38 21.38 21.38 21.38 21.38 21.38 21.38
แก๊สโซฮอล์ E20 20.14 20.14 20.14 20.14 20.14 20.14 20.14 20.14 20.14
แก๊สโซฮอล์ E85 18.04 18.04
เบนซิน 95 29.06 29.51 29.56 29.06 29.06
ดีเซล 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29
ดีเซล B10 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29
ดีเซล B20 19.04 19.04 19.04 19.04 19.04 19.04 19.04 19.04
ดีเซลพรีเมี่ยม 26.74 26.76 28.74 28.74
แก๊ส NGV 15.31 15.31
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า