สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2563

เสนาฯ ‘ลุยแนวราบ’ ลดเสี่ยง

เสนาฯ 'ลุยแนวราบ' ลดเสี่ยง

เสนาฯหวนรุกแนวราบรอบ 10 ปีรับนิวนอร์มอล บาลานซ์พอร์ตลดเสี่ยง จากปัจจุบันสัดส่วนยอดขายแนวราบ 15-16% จากรายได้รวม เผย 6 เดือนแรกยอดขายแนวราบ 500 ล้าน

นายประกิต อัครเสรีนนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนดำเนินการธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะหันมาให้ความสำคัญกับการเปิดโครงการแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์โฮมมากขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ10 ปีหลังจากที่หันไปทำตลาดแนวสูงเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ดีมานด์ตลาดแนวราบเพิ่มขึ้น เนื่องจากคนวิตกกังวลเรื่องการใช้พื้นที่ร่วมกัน ต้องเว้นระยะห่างทางสังคมมากขึ้นเพื่อลดความในการติดเชื้อ ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ส่วนใหญ่หันไปทำแนวราบมากขึ้น เช่นเดียวกับเสนาฯ เนื่องจากยังเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อ (เรียลดีมานด์) สวนทางกับตลาดแนวสูง ทำให้หลายค่ายชะลอโครงการออกไปก่อน เพราะพฤติกรรมความต้องการลูกค้าเปลี่ยนไปลูกค้าต้องการแนวราบมากกว่าคอนโด เพื่อตอบสนองกับวิถีการใช้ชีวิตแบบใหม่ เช่น ทำงานที่บ้านมากขึ้น

“จากก่อนที่เกิดโควิดบริษัทมีแผนที่จะหันมาขยายแนวราบมากขึ้น เพื่อบาลานซ์พอร์ตรายได้ระหว่าง แนวราบกับแนวสูง เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ จากสมัยก่อนที่เสนาฯเกิดมาจากแนวราบมาก่อนจึงมีความรู้ความเชี่ยวชาญที่สะสมมาใช้พัฒนาโครงการแนวราบที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งและออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม ล่าสุดยอดขายแนวราบมีสัดส่วน 15-16% จากรายได้รวมของบริษัท ในอนาคตเพิ่มขึ้นกว่านี้”

นายประกิต กล่าวว่า 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมียอดขายแนวราบ 500ล้านบาท คาดว่าตั้งเป้าสิ้นปี 1,800 ล้านบาท ซึ่งตามแผนที่ตั้งไว้ในปีนี้ บริษัทจะเปิดโครงการทั้งหมด 10 โครงการ มูลค่า 7,500 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะเปิด 7 โครงการ ดังนี้1.เดอะ คิทท์ พลัส พหลโยธิน – คูคต (เฟส 2) 2.เสนา วิลเลจ รังสิต –ติวานนท์ 3.เสนา เวล่า เทพารักษ์ – บางบ่อ 4.เสนา คิทท์ เทพารักษ์ – บางบ่อ 5.โครงการ ปีติ สมเด็จเจ้าพระยา 6. นิช ไพรด์ บางโพ และ 7. เสนา วีว่าเทพารักษ์

“โดย 3 โครงการหลัง ได้แก่ โครงการ ปีติ สมเด็จเจ้าพระยา นิช ไพรด์ บางโพ และเสนา วีว่าเทพารักษ์ ต้องดูสถานการณ์ตลาดอีกครั้ง และในช่วงปลายปี จะเปิดตัวโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ เสนา วีว่า พุทธมณฑล สาย7 จำนวน 100 ยูนิต โดยในปีนี้บริษัทยังคงตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 11,500 ล้านบาท และ เป้าโอน 10,600 ล้านบาท”

ล่าสุด ได้เปิดตัวโครงการ “เสนา วิลล์ ลำลูกกา คลอง 6” พัฒนาทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 เมตร ที่ดินเริ่ม 22 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 138 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พร้อมที่จอดรถ 1 คัน ราคาเริ่ม 2.49 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายพรีเซลล์ในวันที่ 18-19 ก.ค. นี้ว่าจะมียอดขาย 20 ล้านบาท โดยเฉพาะเมื่อมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายจากหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และถนนกาญจนาภิเษก หรือวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออกเป็นเส้นทางเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวเมืองได้ ทั้งนี้เนื่องจากเป็นทำเลใหม่ที่มีศักยภาพในอนาคตและตอบโจทย์การใช้ชีวิต เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการอยู่อาศัย ทั้งห้างสรรพสินค้า ตลาดสด สถานศึกษา สถานพยาบาล ตลอดจนเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อพื้นที่ต่างๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


มูลค่าอสังหาฯตกรูดต่อเนื่อง ‘คอนโด – บ้านจัดสรร’ ลดราคาขายสูงถึง 36%

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2563 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ประเทศ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค มีการปิดกิจการและลดการจ้างแรงงานในหลายธุรกิจ ส่งผลต่อกำลังซื้อที่อยู่อาศัยมีการชะลอตัวเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งระบายสต็อกหน่วยสร้างเสร็จเหลือขายด้วยการลดราคาขาย

สำหรับในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 โครงการอาคารชุด มีการลดราคาขายมากที่สุดถึง 36%  โครงการทาวน์เฮ้าส์มีการลดราคาขายมากที่สุดถึง 32% ขณะที่โครงการบ้านเดี่ยวมีการลดราคาขายมากที่สุดถึง 12% ซึ่งหากสถานการณ์การลดราคาขายที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง จนเกิดสงครามราคา อาจส่งผลกระทบต่อตลาดบ้านมือสองที่ต้องลดราคาขาย เพื่อแข่งขันกับที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ และจะมีผลต่อมูลค่าทรัพย์สินของสถาบันการเงิน และวงเงินกู้ของผู้ซื้อบ้านที่จะต้องลดลงตามราคาขาย

ขณะเดียวกันในไตรมาส 2 ปี 2563  ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 128.3 เพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.1 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ดัชนีราคาบ้านจัดสรรลดลงเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งศูนย์ข้อมูลฯ ได้เริ่มจัดทำดัชนีราคาบ้านจัดสรร
อย่างไรก็ตาม โครงการอาคารชุดที่ปรับลดราคาลงมากที่สุด เป็นโครงการอาคารชุดสร้างเสร็จเหลือขายทำเลปลายสายรถไฟฟ้าสายสีเขียวในจังหวัดสมุทรปราการ ส่วนทำเลที่โครงการอาคารชุดปรับราคาเพิ่มขึ้น เป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างทำเลแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีส้มที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในขณะนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก thailand-property-news.knightfrank.co.th


พาณิชย์เห่กล่อมทัพลงทุนสวีเดนบุก “อีอีซี” ชักแม่น้ำทั้งห้ายืนยันไทยไม่ได้ทารุณ “ลิง”

นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังนายสตัฟฟาน แฮร์สเตริม เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะเพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ซึ่งตนได้เชิญนักลงทุนสวีเดนมาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และขอให้ช่วยส่งเสริมสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ผัก ผลไม้ เข้าสู่ตลาดสวีเดนและกลุ่มนอร์ดิก และช่วยอำนวยความสะดวก ในการตรวจสอบคุณภาพสินค้าของไทย พร้อมเชิญชวนภาคเอกชนสวีเดน เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้าออนไลน์
“ทูตสวีเดนแจ้งว่า พร้อมสนับสนุนการฟื้นการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจระหว่างสองภูมิภาค และขอให้ไทยพิจารณาเปิดให้นักธุรกิจสวีเดนเดินทางเข้ามาในไทยได้โดยเร็วด้วย ผมยังได้ชี้แจงเรื่องอุตสาหกรรมกะทิว่า ไทยมีระบบการตรวจสอบที่มาของวัตถุดิบที่มีมาตรฐาน และเชิญผู้แทนทูตสวีเดนเข้าร่วมกับคณะทูต ลงพื้นที่ดูการเก็บเกี่ยวมะพร้าวเชิงอุตสาหกรรม และระบบตรวจสอบย้อนกลับของผู้ผลิตและส่งออกของไทยภายหลังจากองค์กรประชาชนเพื่อการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีจริยธรรม (พีตา) กล่าวหาว่า ไทยทารุณสัตว์ เพราะใช้ลิงเก็บมะพร้าว
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า กรมฯได้แพร่ประกาศสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร เรื่อง จะขีดชื่อห้างหุ้นส่วนบริษัทออกจากทะเบียนจำนวน 12,629 ราย มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯเนื่องจากไม่ส่งงบการเงินติดต่อกัน 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2559-2561 ซึ่งเป็นเหตุให้เชื่อว่ามิได้ทำการค้าขายหรือดำเนินธุรกิจแล้ว 9,393 ราย ที่เหลืออีก 3,236 รายได้จดทะเบียนเลิกแล้ว แต่ไม่มีตัวผู้ชำระบัญชีทำการอยู่ ฯลฯ นับแต่เลิกห้างหุ้นส่วนบริษัท สำหรับนิติบุคคลในต่างจังหวัด ได้ให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดช่วยตรวจสอบ เพื่อขีดชื่อออกจากทะเบียนเช่นกัน.
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th

ซีอาร์จี ผุด Every Foood คลาวด์ คิทเช่น รุกฟู้ดเดลิเวอรี่เต็มเหนี่ยว ตั้งเป้าปีแรก 100 ล้านบาท

ณัฐ วงศ์พานิช

นายณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ ซีอาร์จี เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัว Every Foood คลาวด์ คิทเช่น หรือ ครัวกลางที่รวบรวมร้านอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ เพื่อรุกขยายช่องทางเดลิเวอรี่ส่งตรงถึงกลุ่มลูกค้า โดยแห่งแรกเปิดที่ย่านนาคนิวาส เพราะเล็งเห็นว่าเป็นทำเลศักยภาพที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ  ด้วยเป็นแหล่งที่พักอาศัย สำนักงานหนาแน่น มีกำลังซื้อสูง และการเดินทางสะดวก

จากนี้มีแผนจะเพิ่มจำนวนร้านอาหาร และขยายสาขา 10 สาขาภายในปีนี้ กระจายตามจุดต่างๆ และเพิ่มแบรนด์ร้านอาหารให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า ทั้งแบรนด์ในเครือซีอาร์จี และแบรนด์สตรีทฟู้ดชื่อดัง รวมถึงแบรนด์เอสเอ็มอีใหม่ๆ เข้ามาอยู่รวมกัน เพื่อเป็นหนึ่งปัจจัยขับเคลื่อนธุรกิจฟู้ดดีลิเวอรี่ให้เติบโตไปด้วยกัน สำหรับในของ Every Foood คลาวด์ คิทเช่น
เฟสแรกจะมี 9 ร้านอาหารดังยอดนิยมที่บริษัทคัดสรรมาจากหลากหลายพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ ร้านขาหมูฮ่องเต้ เฮียซ้ง, หมูทอดบ้านแขก, ร้านมะ ยอดผักราชวัตร และร้านสุกี้ ข้าวต้มปลา รพ.ธนบุรี 1 หรือ สุกี้เลิศรส ซึ่งตั้งเป้าขยายยอดขาย 100 ล้านบาทภายในปีแรก

“การเติบโตของธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ เป็นส่วนสำคัญสำหรับธุรกิจอาหารในอนาคต ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมความสะดวกสบาย และคลาวด์ คิทเช่น จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ให้เติบโตได้มากขึ้นและเร็วยิ่งขึ้น โดยจุดเด่นของคลาวด์ คิทเช่น คือ เป็นครัวกลางที่รวมหลากหลายร้านอาหารไว้ในที่เดียวกัน ใช้พื้นที่และเงินลงทุนน้อยทำให้สามารถกระจายสาขาได้ง่าย และด้วยสาขาที่อยู่ใกล้บ้าน ลูกค้าได้รับอาหารเร็วขึ้น คุณภาพอาหารจึงยังคงสดร้อนเหมือนทานที่ร้าน อีกทั้งยังสามารถสั่งอาหารได้หลายร้านในออร์เดอร์เดียว”

สำหรับ Every Foood คลาวด์ คิทเช่น สั่งผ่านแอพพลิเคชั่น Food Hunt และ Food Aggregators ซึ่งจะสามารถเพิ่มโอกาสให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายง่ายขึ้นและมากขึ้น ตามสไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และลดการเดินทาง ขณะเดียวกันต้องการบริโภคอาหารอร่อยและมีคุณภาพ โดยเป็นไปตามธุรกิจร้านอาหารยุค New Normal ที่จะเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เพราะผู้คนส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาปรับตัว จะเน้นซื้ออาหารกลับบ้านและเดลิเวอรี่ อย่างไรก็ดีในอนาคตจะเป็นช่องทางที่สร้างสัดส่วนรายได้สูงถึง 30% เมื่อคลาวด์ คิทเช่นเปิดตัวมากขึ้น และจะสามารถสร้างยอดขายมากกว่า 50% ของธุรกิจดีลิเวอรี่ของบริษัทได้ภายใน 5 ปี ส่วนในปี 2563 ตั้งเป้าเติบโตได้กว่า 10,000 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก  khaosod.co.th


เปิดเงื่อนไข “ลิเวอร์พูล” ยังมีลุ้นทุบ 1 สถิติสุดโหดตลอดกาลพรีเมียร์ลีก

เปิดเงื่อนไขที่ทาง “ลิเวอร์พูล” ยอดทีมแดนผู้ดีของ “เยอร์เกน คลอปป์” ยังมีลุ้นที่จะทุบ 1 สถิติสุดโหดตลอดกาลของ “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” ในซีซั่น 2019-20 นี้วันที่ 14 ก.ค. 63 เปิดเงื่อนไขที่ทาง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำทีม เยอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ยังคงมีลุ้นที่จะทุบ 1 สถิติสุดโหดตลอดกาลของ “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” ในส่วนของการทำคะแนนสูงสุดในฤดูกาลเดียว โดยที่สถิติดังกล่าว “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่เคยเก็บได้ถึง 100 คะแนนในฤดูกาล 2017-18สรุปตารางคะแนน “พรีเมียร์ลีก” หลังผ่านเกมลีกนัดที่ 35 “แมนยูฯ” ช้ำจมที่เดิม

จากสถานการณ์ตอนนี้ ยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์ มีอยู่ 93 คะแนนจากการลงสนาม 35 นัด ซึ่งหากพวกเขาต้องการจะทำลายสถิติดังกล่าวจำเป็นต้องชนะรวดในอีก 3 นัดสุดท้ายนั่นจะทำให้ทีมเก็บได้ 102 คะแนน แต่ถ้าหากชนะ 2 เสมอ 1 นัด จะทาบสถิติ 100 คะแนน แต่ถ้าผลงานต่ำลงกว่านี้จะหมดสิทธิ์ทั้งทำลายและทาบสถิติดังกล่าวสำหรับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมบุกไปเยือน “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ในเกมลีกนัดที่ 36 ประจำฤดูกาล 2019-20 ในค่ำคืนวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ 02.15 น. ตามเวลาประเทศไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก msn.com

AIS ผลักดัน “DQ” ความฉลาดทางดิจิทัลหวัง เพิ่มทักษะเด็กไทยยุคใหม่ Not Bully

AIS

มี “IQ” กับ “EQ” ไม่พอแล้ว!! AIS ผลักดัน “DQ” ความฉลาดทางดิจิทัล ทักษะใหม่เด็กไทย ยุค New Normal เพราะเด็กไทยเกือบครึ่งเกี่ยวข้องกับการ Cyberbully!!…

AIS ผลักดัน DQ หยุด Cyberbully

เอไอเอส เผยผลสำรวจดัชนีชี้วัดความปลอดภัยบนสื่อออนไลน์สำหรับเด็ก ซึ่งจัดทำร่วมกับสถาบัน DQ (Digital Quotient) ระดับโลก โดยความร่วมมือกับ 30 ประเทศทั่วโลก พบเด็กไทยเกี่ยวข้องกับการรังแก และเคยถูกรังแกบนโลกออนไลน์สูงกว่าค่าเฉลี่ยของเด็กประเทศอื่น

โดย 48% ของเด็กไทย เคยเกี่ยวข้องกับการรังแกบนโลกออนไลน์ ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของทั่วโลกอยู่ที่ 33% แนะผู้ปกครอง โรงเรียน คุณครู ต้องร่วมกันสร้างความเข้าใจ และเร่งพัฒนาทักษะความฉลาดทางดิจิทัล หรือ DQ (Digital Quotient) ให้กับเด็ก ๆ อย่างเร่งด่วน

เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้เด็กรู้จักแยกแยะ และจัดการปัญหา อารมณ์ และทัศนคติ ในการรับมือกับการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ได้อย่างเหมาะสม

การกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ (Cyberbullying) เป็นการกลั่นแกล้งผ่านอุปกรณ์อย่าง โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์, หรือแท็บเล็ต โดยใช้การส่งข้อความทางโทรศัพท์, แอปพลิเคชั่นแชท, อีเมล, บล็อก หรือแม้แต่กระทั่งเกมออนไลน์ ที่เป็นที่สาธารณะ

เพื่อให้สามารถมองเห็นได้จากคนทั่วไป และยังสามารถแชร์ออกไปในวงกว้าง โดยเนื้อหาของการกลั่นแกล้งนั้น จะมีทั้งการส่งข้อความ การโพสต์ข้อมูลในแง่ลบ ซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลส่วนตัวเพื่อให้เกิดความอับอาย เนื่องจากโลกอินเทอร์เน็ต คือโลกแห่งเทคโนโลยีที่ปัจจุบันแข่งกันที่ความเร็ว

เพราะผู้ที่มีเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่เร็วกว่าย่อมดีกว่าเสมอ แต่ทว่าทุกวันนี้กลับใช้ความเร็วทาง Cyber มา Bullying คน ด้วยการเขียนข้อความในเชิงลบและส่งเสริมความเกลียดชังในสังคม ทำให้ เอไอเอส ในฐานะผู้ให้บริการเครือข่าย 5G รายแรกในประเทศไทย จึงขอยืนหยัดต่อต้านการกระทำ Cyberbullying ทุกกรณี 

AIS

นัฐิยา พัวพงศกร หัวหน้าแผนกงานพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน กล่าวว่า การถูกกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ (Cyberbullying) เป็นปัญหาสากลที่พบได้ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็ก ๆ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน และใช้สื่อดิจิทัลออนไลน์ในการเข้าถึงการเรียนรู้

สาระประโยชน์ ความบันเทิง และโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจทำให้เด็กไทยเสี่ยงภัยจากการรังแกบนโลกออนไลน์เพิ่มจากการใช้สื่อดิจิทัลที่ยาวนานขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่ได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง ก็จะยิ่งทำให้ขาดทักษะความฉลาดทางดิจิทัลในการตระหนักรู้ แยกแยะ และสามารถรับมือกับการรังแกบนโลกออนไลน์ได้

การกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ สามารถเกิดขึ้นกับคนทุกเพศ ทุกวัย ทั้งในฐานะของผู้กระทำ และผู้ถูกกระทำ โดยใช้สื่อโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้ง ทั้งนี้มีรูปแบบตั้งแต่การรังควาญผู้อื่น การแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม รวมไปถึงการล้อเลียน โดยการกลั่นแกล้งนั้น แม้อาจจะเกิดได้จากความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ล้วนส่งผลกระทบต่อผู้กระทำทั้งสิ้น            

ผลสำรวจดัชนีชี้วัดความปลอดภัยบนสื่อออนไลน์สำหรับเด็ก

AIS

ผลสำรวจดัชนีชี้วัดความปลอดภัยบนสื่อออนไลน์สำหรับเด็ก (COSI : Child Online Safety Index) ที่เอไอเอส และ สถาบัน DQ ระดับโลกร่วมกันจัดทำขึ้น โดยเก็บรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมเด็กไทยในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 44,000 คนจาก 450 โรงเรียนทั่วประเทศในปี 2562

พบว่า เด็กไทยมีโอกาสเผชิญกับอันตรายต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ การรังแกออนไลน์การใช้เทคโนโลยีอย่างไม่มีวินัยความเสี่ยงจากการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมความเสี่ยงจากการพบคนแปลกหน้าการถูกคุกคามในโลกไซเบอร์ รวมไปถึงความเสี่ยงต่อการเสียชื่อเสียง โดยในประเด็นของการถูกรังแกบนโลกออนไลน์ (Cyberbullying) พบว่า

  • 48% ของเด็กไทย เคยเกี่ยวข้องกับการรังแกบนโลกออนไลน์ ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของทั่วโลกอยู่ที่ 33%
  • 41% ของเด็กไทย เคยถูกรังแกบนโลกออนไลน์ ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของทั่วโลกอยู่ที่ 39%
  • เด็กผู้ชาย (56%) รู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการรังแกออนไลน์มากกว่าเด็กผู้หญิง (41%)
  • จำนวนเด็กผู้ชายและผู้หญิงที่เคยถูกรังแกมีสัดส่วนเท่า ๆ กัน โดยในกลุ่มของเด็กอายุ
    13 ปี ขึ้นไป พบว่าเด็กผู้หญิงที่เคยถูกรังแกบนโลกออนไลน์มีจำนวน 43% ในขณะที่เด็กผู้ชายอยู่ที่ 37%

ทักษะความฉลาดทางดิจิทัล (DQ : Digital Quotient)

AIS

เอไอเอส จึงถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องการส่งเสริมให้ครอบครัวและเด็กไทย เกิดการใช้สื่อดิจิทัลอย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ ไม่เป็นผู้ที่รังแกคนอื่น และรับมือการถูกรังแกได้อย่างเหมาะสม โดยในปีที่ผ่านมา เราได้ริเริ่มโครงการ “อุ่นใจไซเบอร์” ที่มุ่งสร้างความตระหนักรู้ถึงภัยไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นกับตนเอง หากใช้งานสื่อดิจิทัล

อย่างไม่ระมัดระวัง ด้วยการพัฒนาหลักสูตรแบบเรียนรู้ (Self Learning) เพื่อให้เด็กไทยและคนไทยเข้าไปเรียนรู้และสร้างความฉลาดทางดิจิทัลหรือ DQ (Digital Quotient) โดยมี 8 ทักษะพื้นฐานที่เป็นเกราะป้องกันภัยไซเบอร์ โดยในนี้ มีอย่างน้อย 4 ทักษะ ที่จะเป็นวัคซีนต่อต้านภัย Cyberbullying ได้แก่

ใจเขา ใจเรา

ทุกคนมีความรู้สึกและไม่มีใครอยากโดนทำร้าย แม้แต่ตัวเราเองก็ไม่อยากให้ใครมาทำร้ายความรู้สึกหรือชื่อเสียง ดังนั้น ความเห็นใจซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการอยู่ร่วมกันในสังคมทั้งบนโซเชียล และชีวิตจริง

ก่อนที่จะพูดอะไรออกไป และก่อนตัดสินใจทำอะไรลงไป ลองคิดถึงใจของอีกฝ่ายว่าถ้าเราไปเป็นเขาจะรู้สึกอย่างไร อย่าคิดแทนคนอื่น และอย่าตัดสินคนอื่น เพียงเพราะสิ่งที่เราเห็น

คิดก่อนโพสต์

เพียงความสนุกสนานในการโพสต์ข้อความแง่ลบต่อคนอื่นในโลกออนไลน์เพียงครั้งเดียว อาจทำให้ใครบางคนรู้สึกเจ็บปวดจากการ Cyberbullying ได้ตลอดไป มาเพิ่มความใส่ใจต่อคนอื่นในโลกออนไลน์ ทำได้ง่าย ๆ โดยไม่ระบายทุกอย่างลงบนโซเชียล โดยเฉพาะเวลาโกรธ,

โพสต์อะไรควรมีที่มาที่ไป ไม่กล่าวหาใครลอยๆ, สุภาพไว้ดีที่สุด เพื่อลดความขุ่นเคืองต่อกัน, คิดให้ดีก่อนโพสต์ว่าสิ่งเหล่านั้นสามารถส่งผลกระทบอะไรกับเราหรือคนอื่น หรือไม่

เช็กก่อนเชื่อ

หลายครั้งที่การกลั่นแกล้งออนไลน์เกิดขึ้นเพียงเพื่อความสนุก สะใจ หรือความผิดพลาด โดยไม่ทันไม่เช็กข้อมูลให้ดีก่อน แม้เป็นความไม่ได้ตั้งใจรังแกคนอื่่น แต่ก็กลายเป็นฝันร้ายของผู้ถูกกระทำจนยากจะลืมได้ ทักษะดิจิทัลDQ ในหัวข้อ “เช็กก่อนเชื่อ“ จึงเป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้เราไม่กลายเป็นผู้กระทำคนอื่นในโลกออนไลน์

เราสามารถวิเคราะห์ได้ แยกแยะเป็นระหว่างข้อมูลที่ถูกและข้อมูลที่ผิด ไม่รีบด่วนตัดสินใจ มีความรู้เท่าทัน และประเมินข้อมูลจากหลายแหล่งก่อนตัดสินใจเชื่อ

AIS

ทำอย่างไรเมื่อถูก Cyber–bully !!

นี่อาจเป็นคำถามที่เกิดขึ้นกับหลายคน เมื่อโดนกระทำให้รู้สึกอับอายหรือเสื่อมเสียบนโลกออนไลน์ อย่าปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้ สะสมจนมาบั่นทอนจิตใจจนส่งผลกระทบไปถึงด้านอื่นๆ ในชีวิต ด้วยวิธีรับมือดังนี้

  • ไม่โต้ตอบ : ยิ่งเราเลือกตอบโต้ จะเป็นการทำให้เรื่องราวบานปลายได้
  • บล็อกไปเลย : ปิดช่องทางไม่ให้เขามายุ่งวอแวกับเราได้
  • ไม่เก็บเอาไว้คนเดียว : จะสร้างความเครียดให้ตัวเอง ให้ขอความช่วยเหลือจากคนรอบตัวดีกว่า
  • เก็บหลักฐานเอาไว้ : รวบรวมหลักฐานของคนที่มาโพสต์กลั่นแกล้งของเราไว้ ถ้าสิ่งนั้นส่งผลกระทบกับจิตใจ และชีวิตมากเกินไป สามารถนำหลักฐานไปแจ้งความได้

โดย เอไอเอสได้นำเข้าแบบเรียนรู้ DQ ซึ่งมีทั้งบททดสอบวัด DQ ในตัวคุณ และบทเรียนออนไลน์ที่มีประโยชน์ เสริมสร้างทักษะทางดิจิทัลที่จำเป็นทั้ง 8 ทักษะ ในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟมัลติมีเดีย และแอนิเมชันสนุกๆ ให้คนไทยทุกคน ทุกเครือข่าย เรียนรู้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ที่เว็บไซต์  www.ais.co.th/dq

AIS

เนื่องในวันต่อต้านการกลั่นแกล้งทางออนไลน์สากล ปี 2020 (Stop Cyberbullying Day) เอไอเอสจึงตั้งใจอย่างยิ่งที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้สังคม ตระหนักถึงการแก้ปัญหาเรื่อง Cyberbullying อย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน ดังนั้นนอกเหนือจากการรณรงค์ผ่านแบบเรียน DQ แล้ว

จึงได้จัดกิจกรรม Live Social Sharing ในหัวข้อ “Empathy is the key ใจเขา ใจเรา คิดถึงความรู้สึกคนอื่น และไม่ด่วนตัดสินใคร” จากกลุ่มคนรุ่นใหม่ ได้แก่ ติช่า กันติชา, ซูซี่ ณัฐวดี, ญา ปราชญา, ลูกกอล์ฟ คณาธิปและ ต้น นรพันธ์ ที่มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ พฤติกรรม มุมมอง และสภาพจิตใจ

ที่เคยพบกับการถูกกลั่นแกล้ง (Bully) เพื่อร่วมกันส่งต่อแนวคิดที่จะช่วยเสริมสร้างทักษะการรับมือกับการ Bully ในระยะยาว โดยสามารถรับชมย้อนหลัง ผ่าน AIS PLAY ทุกช่องทาง ได้แก่ แอปพลิเคชัน AIS PLAY, กล่อง AIS PLAYBOX และเว็บไซต์ https://aisplay.ais.co.th

“เราหวังในพลังจากทุกเครือข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครอบครัว คุณครู ที่จะช่วยบ่มเพาะทักษะและสร้างภูมิคุ้มกันการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลให้แก่เด็กไทยในทุกด้าน เพราะเทคโนโลยีนั้นหากใช้อย่างถูกวิธีก็จะนำมาซึ่งประโยชน์มหาศาล แต่หากใช้อย่างไม่รู้เท่าทันย่อมนำมาซึ่งโทษที่รุนแรงเช่นกัน” น.ส.นัฐิยา กล่าว   

ขอบคุณข้อมูลจาก itday.in.th


อาการไขกระดูกบกพร่อง

อาการไขกระดูกบกพร่อง thaihealth

โรงพยาบาลเลิดสิน ชี้กลุ่มอาการไขกระดูกบกพร่องหรือ MDS ไขกระดูกอยู่บริเวณแกนกลางของของกระดูกชิ้นใหญ่ทั่วร่างกาย มีหน้าที่สร้างเม็ดลือดทุกชนิด ได้แก่ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกร็ดเลือดโดยภาวะปกติไขกระดูกจะสร้างเม็ดเลือดออกมาตลอดเวลา กลุ่มอาการไขกระดูกบกพร่องหรือ MDS เป็นกลุ่มโรคที่เกิดจากความผิดปกติของไขกระดูกทำให้ไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดออกมาได้ ส่วนใหญ่พบในคนไข้ที่อายุมากกว่า 60 ปี และพบได้น้อยมากในคนไข้ที่อายุน้อยกว่า 40 ปี เมื่อร่างกายไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดชนิดต่างๆได้จะเกิดความผิดปกติ ได้แก่ โลหิตจางทำให้มีอาการซีด เม็ดเลือดขาวทำให้ร่างกายภูมิคุ้มกันลดลง เกร็ดเลือดต่ำทำให้เลือดออกง่าย

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า อาการไขกระดูกบกพร่อง ส่วนหนึ่งเกิดได้เองโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน อีกส่วนหนึ่งเกิดหลังจากผู้ป่วยเคยได้รับยาเคมีบำบัดหรือการฉายรังสีมาก่อนในอดีต หรือได้รับสารเคมีบางอย่าง เช่น เบนซีน อย่างไรก็ตามกลุ่มโรคไขกระดูกบกพร่องนี้ไม่ได้เป็นโรคที่ติดต่อทางพันธุกรรม จึงไม่ติดต่อสู่คนในครอบครัว การดำเนินโรคกรณีที่โรคเป็นไม่รุนแรง จะมีอัตราการรอดชีวิตอยู่ได้เกิน 6 ปี มักเริ่มจากสร้างเม็ดเลือดตั้งแต่ 1-3 ชนิดได้น้อยลงจนมีอาการโลหิตจาง เม็ดเลือดขาวต่ำและเกร็ดเลือดต่ำ หลังจากนั้นประมาณ 1ใน 3 ของผู้ป่วยจะมีการพัฒนาของโรคกลายเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันได้ซึ่งเป็นชนิดรุนแรง มีอัตราการรอดชีวิตอยู่ที่ประมาน 5 เดือน

ด้านนายแพทย์ศักรินทร์ วงศ์เลิศศิริ ผู้อานวยการโรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การรักษาในกรณีที่โรคเป็นไม่รุนแรงและไม่ได้เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขวาเฉียบพลัน โดยทั่วไปจะให้การรักษาโดยให้เลือด เกร็ดเลือด และยาฉีดกระตุ้นเม็ดเลือดขาวหรือเม็ดเลือดแดงขึ้น กับชนิดของเม็ดเลือดผู้ป่วยที่ต่ำ ซึ่งเป็นการรักษาแบบประคับประคอง แต่ในกรณีที่โรคเป็นรุนแรงหรือเริ่มกลายเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน การรักษาคือการปลูกถ่ายไขกระดูกหรือปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ซึ่งสามารถทำให้หายขาดได้  อย่างไรก็ตามจะสามารถทำได้เฉพาะผู้ป่วยบางรายเท่านั้น ในกรณีที่ไม่สามารถปลูกถ่ายไขกระดูกได้ อาจให้ยากลุ่มเคมีบำบัดแบบฉีดบางชนิด ร่วมกับการรักษาแบบประคับประคองเพื่อให้เม็ดเลือดกลับมาใกล้เคียงกับปกติมากที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


แก้ปัญหา ฝ้าบนแว่นตา เมื่อใส่หน้ากากอนามัย

แก้ปัญหา ฝ้าบนแว่นตา เมื่อใส่หน้ากากอนามัย

โรคระบาดอย่างควิด 19 ในประเทศไทยมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น จนรัฐบาลออกมาตรการผ่อนปรน และ คลายล็อก เฟส 5 ไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องจากไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศมานานกว่า 36 วัน แต่อย่างไรก็ดีการป้องกันตัวเองจากเชื้อ COVID-19 ยังคงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญมาเป็นอันดับแรก หรือที่เราเรียกกันว่า New Normal  ไม่ว่าจะเป็น การรักษาระยะห่างทางสังคม การล้างมือด้วย ทิชชูเปียกแบบฆ่าเชื้อAlcohol Pad แผ่นฆ่าเชื้อแอลกอฮอล์เจลล้างมือแอลกอฮอล์สเปรย์ และ สบู่เหลวล้างมือ ทุกครั้งที่มีการหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ และที่สำคัญที่สุดก่อนออกจากบ้านคุณจำเป็นจะต้องใส่ หน้ากากอนามัย ไม่ว่าจะเป็น หน้ากากผ้าหน้ากากผ้าสาลู หรือ หน้ากาก N95 เพื่อความปลอดภัยต่อทั้งตัวเองและสังคม

ทั้งนี้หลายคนที่ใส่แว่นก็อาจจะพบเจอกับปัญหากวนใจเหมือน ๆ กัน นั่นคือ การเกิดฝ้าบนแว่นตา เมื่อใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งปัญหานี้อาจมองดูเป็นปัญหายิบย่อย ที่ไม่จำเป็นต้องสนใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นปัญหาที่น่ารำคาญและยังทำให้การมองเห็นของเราแย่ลงไปด้วย อย่างไรก็ดีปัญหาดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เกินจะแก้ไข เพราะวันนี้ผมมีเคล็ดลับน่าดี ๆ ในการแก้ปัญหาฝ้าบนแว่นมาฝากกัน

พับหน้ากากอนามัย

วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในญี่ปุ่นครับ เพราะมันเป็นวิธีง่าย ๆ โดยไม่ต้องลงทุนหรือลงแรงอะไรมากมาย ซึ่งการพับหน้ากากอนามัยเพื่อแก้ปัญหาฝ้าบนแว่น มีขั้นตอนดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 หยิบหรือเตรียมหน้ากากอนามัยที่จะสวมใส่ออกมา 

ขั้นตอนที่ 2 พับขอบด้านบนของหน้ากากอนามัยเข้ามาด้านใน 1 ทบ (พับเข้าหาหน้าของเรา) 

ขั้นตอนที่ 3 รีดและกดขอบที่พับลงมาให้อยู่ทรง

ขั้นตอนที่ 4 สวมใส่หน้ากากตามปกติ

กระดาษทิชชู่

การใช้กระดาษทิชชู่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ง่ายไม่ต่างจากการพับหน้ากากอนามัยเลยครับ ซึ่งการใช้ทิชชู่แก้ปัญหาฝ้าบนแว่น มีขั้นตอนดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 หยิบหรือเตรียมหน้ากากอนามัยที่จะสวมใส่ออกมา 

ขั้นตอนที่ 2 นำกระดาษทิชชู่มาพับโดยให้ความยาวของทิชชู่พอดีกับหน้ากากอนามัยหรืออาจยาวกว่าเล็กน้อย 

ขั้นตอนที่ 3 วางกระดาษทิชชู่ที่พับไว้ด้านในให้พอดีกับขอบบนของหน้ากากอนามัย

ขั้นตอนที่ 4 สวมใส่หน้ากากตามปกติ

ผูกเชือกหน้ากากอนามัย

วิธีการแก้ปัญหาฝ้าบนแว่นตาแบบนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ใส่หน้ากากอนามัยผ่าตัดแบบเชือก 4 เส้น ซึ่งมีขั้นตอนการทำดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 นำหน้ากากอนามัยมาสวมใส่โดยให้ขอบบนอยู่เหนือจมูกและให้ใกล้กับขอบตาล่าง

ขั้นตอนที่ 2 นำเชือก 2 เส้นบนผูกไว้ด้านหลังศีรษะส่วนบน

ขั้นตอนที่ 3 นำเชือก 2 เส้นล่างมาผูกไว้บริเวณส่วนหลังคอ 

ขั้นตอนที่ 4 กดและรีดขอบบนของหน้ากากให้แนบกับผิวหน้าของเรา

ทั้งนี้หากยังมีละอองน้ำหรือฝ้าขึ้นบนแว่นก็สามารถใช้เทปมาติดบริเวณของบนของหน้ากากได้

ใส่หน้ากากอนามัยใต้แว่นตา

การใส่แบบนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจเลยทีเดียว โดยหากลวดในบริเวณขอบด้านบนของหน้ากากอนามัยไม่แนบสนิทไปกับบริเวณผิวหน้าของคุณ แน่นอนว่ามันจะมีพื้นที่ว่างให้อากาศและไอน้ำจากการหายใจของเราขึ้นมาจนเกิดฝ้าบริเวณกระจกแว่นของเราได้ ดังนั้นวิธีการดึงขอบบนของหน้ากากให้สูงขึ้นมาอยู่ตรงบริเวณขอบล่างของตาหรือให้อยู่ใต้แว่นของเรานั้นก็จะช่วยลดช่องว่างทางเดินอากาศ ทำให้ไม่เกิดฝ้าได้นั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีผลลัพธ์ของการใช้วิธีนี้ก็จะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับรูปร่างและลักษณะของแว่นตาที่เราใส่

เห็นไหมละครับว่าการแก้ไขปัญหาฝ้าบนแว่นตาไม่ใช่เรื่องยากอะไรมากมาย ทำเพียงไม่กี่ขั้นตอนก็สามารถป้องกันและลดปัญหาฝ้าบนแว่นที่เกิดจากการใส่หน้ากากได้แล้ว ทั้งนี้ก่อนการหยิบจับหน้ากากอนามัยมาสวมใส่ก็อย่าลืมที่จะ ล้างมือให้ปราศจากเชื้อโรคต่าง ๆ ก่อน

ขอบคุณข้อมูลจาก bestreview.asia


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 26,700.00 26,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,730.00 26,226.80 27,300.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,557.00 23,604.12 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,384.00 20,981.44 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 779.00 11,809.64 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 606.00 9,186.96 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,793.00 27,181.88 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 14/07/2563

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 21.85 21.85 21.85 21.85 21.85 21.85 21.85 21.85 21.85 21.85
แก๊สโซฮอล์ 91 21.58 21.58 21.58 21.58 21.58 21.58 21.58 21.58 21.58 21.58
แก๊สโซฮอล์ E20 20.34 20.34 20.34 20.34 20.34 20.34 20.34 20.34 20.34
แก๊สโซฮอล์ E85 18.14 18.14
เบนซิน 95 29.26 29.71 29.76 29.26 29.26
ดีเซล 22.49 22.49 22.49 22.49 22.49 22.49 22.49 22.49 22.49 22.49
ดีเซล B10 19.49 19.49 19.49 19.49 19.49 19.49 19.49 19.49 19.49 19.49
ดีเซล B20 19.24 19.24 19.24 19.24 19.24 19.24 19.24 19.24
ดีเซลพรีเมี่ยม 26.94 26.96 28.94 28.94
แก๊ส NGV 15.31 15.31
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า