สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 14 สิงหาคม 2563

” วีรันดา”ยื่นอุทธรณ์คดีพิพาทโฉนดที่ดินหัวหิน ย้ำครอบครองถูกกฎหมาย

วีรันดา ยื่นอุทธรณ์คดีพิพาทโฉนดที่ดิน เวอโซ และ วีรันดา เรสซิเด้นท์ หัวหิน ย้ำศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาชี้ขาด คดีถึงที่สุดแล้ว การฟ้องร้องออกโฉนดโดยมิชอบเป็นการฟ้องซ้ำ

นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด ( มหาชน ) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดิน และเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สาขาหัวหิน ออกโฉนดทับที่หรือทางสาธารณะ โดยมีบริษัทฯ เป็นผู้ร้องสอด ซึ่งศาลปกครองเพชรบุรีได้มีคำพิพากษาออกมาก่อนหน้านี้แล้วนั้น ทั้งผู้ถูกฟ้องและบริษัทฯ ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษา ด้วยคดีนี้เป็นการฟ้องซ้ำ ตามระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 ข้อ 97 ที่ว่า “คดีที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีถึงที่สุดแล้ว ห้ามมิให้คู่กรณีเดียวกันฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน” กล่าวคือ 1. คดีสิ้นสุดตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9131/2559 – “ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าการออกโฉนดที่ดินพิพาทเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย” 2. ผู้ฟ้องคดีที่ 1-4 ในคดีนี้ เป็นโจทย์ในคดีที่กล่าวถึงในข้อ 1. และ 3. เป็นการฟ้องเรื่อง “ออกโฉนดโดยไม่ชอบ” ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับที่เคยฟ้องต่อศาลปกครองกลาง และต่อมาถูกจำหน่ายไปศาลยุติธรรมทั้ง 3 ศาล (แพ่ง อุทธรณ์ ฎีกา) แล้ว และได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ (13 สิงหาคม 2563)

ทั้งนี้ โฉนดดังกล่าวออกเมื่อปี 2522 บริษัทฯ ซื้อมาในปี 2558 อย่างสุจริตและรอบคอบโดยมีการรังวัดตรวจสอบอีกหลายครั้ง นอกจากนี้ การปลูกสร้างได้ทำอย่างถูกต้องในโฉนดที่ได้มา

บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ยังเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 2/63 ว่า สามารถสร้างผลดำเนินงานได้ดีกว่าคาดการณ์และโดดเด่นในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยมีรายได้รวม 524.5 ลบ. กำไรสุทธิ 1.4 ลบ. ซึ่งเป็นผลมาจากการกระจายความเสี่ยงการลงทุนในธุรกิจที่บริษัทมีความถนัด (well-diversified) ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ในเมืองท่องเที่ยว และธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งบริษัทฯ ได้เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการ วีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน ในช่วงปลายไตรมาส 1/63 และโอนฯได้ต่อเนื่องมา นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีนโยบายลดค่าใช้จ่ายที่จริงจังและต่อเนื่อง จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลช่วยลดความผันผวนต่อผลดำเนินงานรวมได้ และทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้และกำไรแม้ว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากวิกฤต COVID-19 นอกจากนี้ บริษัทๆ ได้รับผลตอบรับและยอดจองห้องพักในระดับที่น่าพอใจจากโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “เราเที่ยวด้วยกัน” ซึ่งจะเป็นหนึ่งปัจจัยที่ช่วงส่งเสริมผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 โดยคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในครึ่งปีหลังของปี 2563 จะทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


คอนโดฯหรูกลางเมือง  เป้าหมายใหม่ คนต่างชาติ

ผ่ามุมคิด

การพัฒนาที่ดินเก่ากลุ่มดุสิตธานี พลิกโฉมเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” มูลค่ารวม 3.67 หมื่นล้านบาท บนพื้นที่ 23 ไร่ ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพ มหานคร โดยกำหนดแล้วเสร็จโซนแรก ช่วงปี 2566 นั้น นอกจากจะรื้อสร้างไอคอนใหม่ ในแง่โรงแรมดุสิตธานี ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และการจับไม้จับมือกับกลุ่มค้าปลีกใหญ่อย่าง ซีพีเอ็น สานต่อในธุรกิจรีเทลและออฟฟิศบิวดิ้งแล้ว การสร้างที่พักอาศัย (เรสซิเดนท์) เป็นครั้งแรกของกลุ่มดุสิตฯ เพื่อรองรับคนที่ต้องการใช้บริการของดุสิต ก็ยังเป็นอีกสปอร์ตไลท์ที่น่าจับตาในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไม่น้อย ตั้งแต่ในแง่สุดยอดทำเลที่ตั้ง ไปจนถึงรูปแบบ การตอบรับของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และการแข่งขันบนถนนพระราม 4 ท่ามกลางสภาวะที่ตลาดคอนโด มิเนียม ไม่ว่าเซ็กเมนต์ไหนก็ตามกำลังอิ่มตัว รอปรับฐานใหม่ 

ศุภจี  สุธรรมพันธุ์ 

อย่างไรก็ตาม  นางศุภจี  สุธรรมพันธุ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุ เชื่อมั่นในฐานลูกค้าแฟนคลับทั้งคนไทยและคนต่างชาติ สบโอกาสโควิด-19 ดันมาตรฐานสาธารณสุขไทยขึ้นแท่น ขณะเมืองเป้าหมายลงทุน อสังหาฯอย่างฮ่องกง ระส่ำ กลายเป็นจังหวะตลาดซูเปอร์ลักชัวรีคอนโดฯของไทยคึกคัก นำร่องส่ง “รูฟพาร์ค” ดูดความสนใจคนทั่วโลก 

ตีตลาดคอนโดซูเปอร์ลักชัวรี

คอนเซ็ปต์ของโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ส่วนประกอบสำคัญของโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” จะอยู่ในรูปแบบของคอนโดมิเนียม ลีสโฮลด์ สัญญาเช่า 30 ปี (ต่ออีก 30 ปี) เน้นความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย และให้บริการมาตรฐานโรงแรมระดับสากลซึ่งเป็นจุดเด่นของเรา พื้นที่รวมทั้งสิ้น 8 หมื่นตารางเมตร ความสูง 69 ชั้น ผ่าน 2 แบรนด์ คือ ดุสิต เรสซิเดนเซส จำนวน 159 ยูนิต และ ดุสิต พาร์คไซด์ อีก 230 ยูนิต คาดกำหนดแล้วเสร็จ ในช่วงปี 2567 ต่อเนื่องจากส่วนโรงแรมที่จะเปิดให้บริการเป็นส่วนแรก โดยจะมีจุดแข็ง อยู่ที่โลเคชั่นที่ตั้ง หัวมุมถนนสีลม เปิดรับวิวมุมสูงของสวนลุมพีนีใจกลางเมือง ซึ่งหาได้ยาก มีห้องขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 60 ตร.มขึ้นไป ตีตลาดในเซกเม้นท์ซูเปอร์ลักชัวรีคอนโดฯ โดยถือว่ามีแนวโน้มการแข่งขันสูงในอนาคต จากซัพพลายเดิม และซัพพลายใหม่ที่จะเติมเข้ามาผ่านโครงการมิกซ์ยูสอื่นๆที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ตลอดแนวถนนพระราม 4 และใจกลางเมืองอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันมีราคาสูงสุดอยู่ที่ 7 แสนบาทต่อตร.ม แต่อย่างไรก็ตาม คาดทั้ง 2 แบรนด์ จะได้เปรียบ จากราคาที่อยู่ในระดับประมาณ 3 แสนกว่าบาทต่อตร.ม เท่านั้น พร้อมเชื่อมั่นว่า ตลาดคอนโดฯซูเปอร์ลักชัวรี ยังมีโอกาสไปต่อได้ จากดีมานด์ที่ไม่เคยตก ท่ามกลางความท้าทายของสภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อ และตลาดคอนโดฯโดยรวมชะลอตัวก็ตาม

“เป็นโครงการแรกที่เราบุกเบิกเรื่องอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายด้านที่อยู่อาศัย เพื่อต้องการให้ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด ซึ่งแม้คอนโดฯทั่วไป อาจไม่ใช่จังหวะในการเปิดใหม่ และท้าทายอยู่มาก แต่เชื่อว่าทั้ง 2 แบรนด์ จะตอบโจทย์ผู้ซื้อซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายได้ ผ่านดีไซน์รายละเอียดที่ลึก ขณะที่ตลาดซูเปอร์ลักชัวรีคอนโดฯ ศึกษาแล้ว ยังมีดีมานด์ จากทั้งกลุ่มคนไทย และคนต่างชาติ ที่เป็นทั้งเรียลดีมานด์ และซื้อเพื่อการลงทุน จึงไม่มีความกังวลมากนัก” 

โควิดพลิกโอกาส

ความน่าสนใจของตลาดซูเปอร์ลักชัวรีคอนโดฯ ของไทยในขณะนี้ ยังเกิดขึ้นจาก 2 กลุ่มผู้ซื้อใหญ่อย่างมีนัยยะน่าสนใจ คือ 1.ความต้องการที่มีมากขึ้นของกลุ่มผู้รักสุขภาพ (Health and  Wellness) หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของๆไวรัสโควิด-19 กลายเป็นจุดเปลี่ยนภาพลักษณ์ของประเทศไทย ในแง่การบริหารรับมือจัดการกับโรคได้อย่างดี จนทั่วโลกให้การยอมรับชื่นชม ทั้ง อันดับ 2 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชีย 2.ความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงในฮ่องกง กลายเป็นจังหวะและโอกาสของอสังหาฯไทย ในแง่ความต้องการย้ายถิ่นฐานที่อยู่อาศัย ซึ่งไทย ขณะนี้ ถือเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ที่ถูกมองว่าปลอดภัยในด้านสุขอนามัยและน่าอยู่อาศัยในระยะยาวมากที่สุด โดยเฉพาะ ในกลุ่มโปรดักต์ระดับบน โลเกชันใจกลางเมือง 

จีน-ฮ่องกงหนุนยอดจอง 22%

นางศุภจี  ยังกล่าวว่า ความร้อนแรงของดีมานด์ดังกล่าว นำมาซึ่งยอดจองวางเงินในคอนโดฯทั้ง 2 โครงการแล้วถึง 22 % จากจำนวนห้องทั้งหมด 389 ยูนิต แม้ เซลล์ แกลเลอรี่ ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ และยังไม่มีการเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ โดยส่วนใหญ่ ผู้ซื้อเป็นกลุ่มคนไทย ขณะอีกส่วนมาจากผู้ซื้อชาวจีน และ ฮ่องกง ซึ่งล้วนเป็นฐานแฟนคลับของโรงแรมดุสิตธานีมายาวนาน ผ่านความมั่นใจในมาตรฐานการบริการที่โครงการจะมอบให้และความชื่นชอบเป็นทุนเดิม ขณะสัดส่วนผู้พักอาศัยโครงการ 60 % วางกลุ่มเป้าหมาย เป็นคนไทย และอีก 40 % เจาะกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติ

“จากการสำรวจตลาด และข้อมูลที่ได้จากเอเยนซี่ พบทั้ง 2 โครงการ เป็นที่สนใจและได้รับการตอบรับสูงจากกลุ่มผู้ซื้อคนจีน และฮ่องกง  โดยมีการวางเงินจอง ติดต่อเข้ามามาก ส่วนโควิดเอง ได้กลายเป็น 1 ในปัจจัย ให้หันกลับมาดูในเรื่องฟังก์ชัน สุขอนามัย ความปลอดภัยที่รองรับผู้อยู่อาศัยมากขึ้น”

รูฟพาร์คเรียกแขก

ทั้งนี้ ล่าสุดจากการเปิดโฉมของรูฟพาร์ค สวนสาธารณะลอยฟ้า ซึ่งจะเป็นพื้นที่สีเขียวของโครงการ จากดาดฟ้าชั้น 3 ต่อเนื่องถึงชั้น 7 ความสูงรวม 20 เมตร พื้นที่รวมทั้งสิ้น 7 ไร่ เชื่อมต่ออาณาจักรของสวนลุมพีนี เชื่อว่า นอกจากจะทำให้โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ได้รับการจดจำในระดับสากลในฐานะตึกไอคอนิคแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานครแล้ว ยังจะเป็นอีกจุดขายสำหรับโครงการที่อยู่อาศัยด้วย จากความสามารถที่คาดว่า จะดึงดูดคนจากทั่วโลกให้ต้องมาเยือน เพราะเป็นได้ทั้งจุดหมายการท่องเที่ยว และเป็นพื้นที่สาธารณะที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ใหม่ของคนเมือง 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


บาทเปิด 31.06 บาทต่อดอลลาร์

บาทเปิด 31.06 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทเปิดตลาด 31.06 บาทต่อดอลลาร์ ตลาดรอความชัดเจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ มองกรอบวันนี้ 31.00-31.10 บาทต่อดอลลาร์

นักบริหารเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.06 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 31.04 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์กลับมาแข็งค่าโดยได้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าคาด

“บาทอ่อนค่าจากเย็นวานนี้ หลังดอลลาร์กลับมาแข็งค่าจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศเมื่อคืนนี้ออกมาดีกว่าคาด” นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบเงินบาทวันนี้ไว้ระหว่าง 31.00-31.10 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดรอดูความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการด้านการคลังของสหรัฐฯ

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


เปิดเส้นทางใหม่ “โค้ชหมี” กับขวบปีแรก ในฟุตซอลลีกแดนอิเหนา

เรียกได้ว่าผลงานไฉไลจนคนตกใจทั้งเกาะชวา เมื่อ “โค้ชหมี” รักษ์พล สายเนตรงาม พาทีมอย่าง “แบล็กสตีล” จากที่เกือบจะกลายเป็นทีมแพแตก ก้าวขึ้นมาเป็นเต้ยของลีกได้อย่างสุดเซอร์ไพรส์ นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม เอ ไร้พ่ายใน 14 นัดแรก

แต่ผลงานกว่าจะเป็นที่โจษจันขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่หลายคนคิด เพราะกว่าจะพาทีมเดินมาจนถึงจุดนี้ “โค้ชหมี” ต้องผ่านจุดพลิกผันหลายต่อหลายอย่าง ซึ่งวันนี้เราจะไปเจาะเส้นทางมาให้ได้รับทราบกัน

อดีตกุนซือโต๊ะเล็ก “ฉลามพลังเพลิง” ย้อนความหลังให้ฟังว่า การได้มาทำงานต่างแดนเริ่มต้นขึ้นจากความสนใจของผู้บริหารแบล็กสตีล ที่เดินทางมาทาบทามถึงเมืองไทย และเพียงแค่การเจรจาไม่นาน ทุกอย่างปิดดีลอย่างง่ายดาย เพราะความ “ท้าทาย” คือสิ่งที่เย้ายวนใจอยู่ในอนาคต
 “ดีลนี้เกิดขึ้นระหว่างฟุตซอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 ซึ่งทางแบล็กสตีลส่งผู้จัดการทีมมาติดต่อ และเราได้บอกกับประธานสโมสรพีทีที บลูเวฟ ชลบุรี ว่าต้องการไปหาประสบการณ์คุมทีมในต่างแดน ซึ่งทางผู้ใหญ่ก็รับไว้พิจารณา ก่อนที่จะสุดท้าย จะอนุญาตให้เราเดินทางไปคุมทีมที่อินโดนีเซีย”

“จริง ๆ เขาคาดหวังกับเราค่อนข้างสูงอยู่แล้ว เพราะเคยเห็นผลงานสมัยที่คุมบลูเวฟฯ ซึ่งถือว่าเขาให้เกียรติเรามาก และแน่นอนว่าความคาดหวังก็สูงตามไปด้วย”

“ถามว่ากดดันไหม มันก็เป็นความกดดันเหมือนกันนะ แต่แตกต่างจากที่เมืองไทย และที่ผ่านมาได้ เพราะเราพยายามทำมันอย่างเต็มที่ พยายามปรับตัวให้เข้ากับประเพณี วัฒนธรรม และแนวทางการเล่นของเขาให้ได้เร็วที่สุด”

ถึงแม้จะมีดีกรีความสำเร็จในเมืองไทย ที่พกข้ามน้ำข้ามทะเลไปเต็มกระเป๋า แต่สิ่งที่ “โค้ชหมี” เจอแล้วถึงกับช็อก ก็คือขุนพลหลักระดับทีมชาติ ย้ายออกไปเกือบหมด ทำให้กุนซือชาวไทยรายนี้ ต้องเริ่มตั้งต้นใหม่กับเด็กท้องถิ่น

“ตอนแรกที่มาบอกเลยว่าค่อนข้างช็อก เพราะตัวทีมชาติอินโดนีเซียย้ายออกไปประมาณ 80 เปอร์เซนต์ ส่วนตัวที่เข้ามาแทนคือนักเตะท้องถิ่นจากเมืองปาปัว ซึ่งคุณภาพและระบบต่างๆ ว่ากันตามตรงก็สู้นักเตะระดับทีมชาติไม่ได้อยู่แล้ว”

“ทำให้ตอนนั้น เรื่องจะเป็นแชมป์หรือไม่ เขาไม่ได้กดดันเราเท่าไหร่ ขอแค่เราเข้าไปพัฒนานักเตะท้องถิ่นให้ดีขึ้น ซึ่งผลงานที่ทำมาตลอดฤดูกาล ก็ค่อนข้างสร้างความพอใจให้กับผู้บริหาร และแฟนบอลเองก็เซอร์ไพรส์ เพราะเราทำทีมแบล็กสตีล ซึ่งใช้นักเตะท้องถิ่นส่วนใหญ่ ให้ขึ้นมาเป็นทีมชั้นแนวหน้าของประเทศได้ ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว”

“จริง ๆ ก่อนจะมาที่นี่ ก็มีการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเอาไว้พอสมควร แต่ว่าที่เรามาตอนแรก เพื่อนโค้ชชาวอินโดนีเซียที่รู้จักกัน เขาก็บอกว่าเรามาทำไม เพราะตอนนี้แบล็กสตีลไม่ดีเหมือนเดิมแล้ว”

“แต่ที่เราได้เจอกับตัวแล้วรู้สึกเซอร์ไพรส์คือ เด็กท้องถิ่นเขามีพัฒนาการเร็วมาก เวลาซ้อมเขามีความตั้งใจ ไม่คิดเลยว่าเวลาแค่ปีเดียว เขาพัฒนาได้ขนาดนี้ ก็รู้สึกดีใจกับผลงานตัวเอง และประทับใจกับลูกทีมทุกคน”

ถึงแม้จะเริ่มต้นได้ดี แต่น่าเสียดายที่ซีซั่นนี้ยังไม่จบ ก็มีปัญหาใหญ่มาขัดขวางทางสู่แชมป์ซะก่อน เมื่อโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก และอินโดนีเซียเอง ก็เป็นหนึ่งในชาติได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก

“ตอนแรกปัญหาที่คิดว่าจะเจอคือเรื่องภาษา เพราะโดยส่วนตัวภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่โชคดีที่ผู้ช่วยโค้ชซึ่งเป็นชาวอินโดนีเซีย เขาเป็นคนที่ปรับจูนกับเราได้ค่อนข้างเร็ว อีกอย่างฟุตซอลก็เป็นภาษาสากลอยู่แล้ว ทำให้การปรับตัวค่อนข้างง่าย”

“แต่ปัญหาใหญ่ที่เจอจริง ๆ คือ ตอนที่มีโควิด-19 แพร่ระบาดเข้ามาในอินโดนีเซีย ทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้เลย แถมยังเป็นอันตรายกับชีวิตด้วย ทำให้เราต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งถึงเป็นปัญหาใหญ่สุดที่เคยเจอมา”

เมื่อถามถึงความต่างและระยะห่างระหว่าง ไทย กับ อินโดนีเซีย ในปัจจุบัน “โค้ชหมี” รักษ์พล สายเนตรงาม ยอมรับแบบตรงไปตรงมาว่า ถึงช่องว่างจะค่อนข้างกว้าง แต่เราเองก็ไม่สามารถวางใจได้ เพราะถ้าทัพ “รันตูบอย” สามารถยกระดับแท็กติกของทีมขึ้นมาได้เมื่อไหร่ จะกลายเป็นทีมที่อันตรายขึ้นมาในทันที

“ระยะห่างระหว่าง ไทย กับ อินโดนีเซีย ในตอนนี้ ถ้านับแค่เรื่องความสามารถเฉพาะตัว เราอาจเหนือกว่าเขาอยู่เล็กน้อย แต่ในเรื่องของแท็กติกฟุตซอล เขายังสู้เราไม่ได้ ส่วนเรื่องระยะห่างระหว่างไทยกับอินโดฯ ก็ยังถือว่ายังมีช่วงว่างอยู่ระดับหนึ่ง”

“แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่สามารถประมาทเขาได้เลย เพราะตอนนี้ทีมชาติอินโดนีเซียมีโค้ชญี่ปุ่นเข้ามา (เคนซูเกะ ทากาฮาชิ) ช่วยให้ทีมพัฒนามากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งผมมองว่าถ้าเขามีแท็กติกที่ดีขึ้น บวกกับความสามารถเฉพาะตัวที่ดีอยู่แล้ว ก็จะเป็นทีมที่อันตรายในอาเซียนได้ในอนาคต”.

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


ภูมิแพ้อาหารแฝง…ภัยเงียบที่รอคุกคาม

ภูมิแพ้อาหารแฝง...ภัยเงียบที่รอคุกคาม

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเผยการแพ้อาหารชนิด “แฝง” มีความแตกต่างจากการแพ้อาหารแบบเฉียบพลัน พร้อมแนะวิธีการสังเกตและการตรวจหา

เมื่อพูดถึงการแพ้อาหาร โดยส่วนใหญ่มักนึกถึงอาการคันมีผื่นขึ้นตามตัว หายใจไม่ออก บวมที่ใบหน้า คลื่นไส้ อาเจียน อาการแพ้ดังกล่าวนี้เรียกว่า การแพ้อาหารแบบเฉียบพลัน ร่างกายจะสร้างภูมิ หรือ แอนติบอดี (antibody) ชนิด Immunoglobulin E (IgE) ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับอาหารที่แพ้อย่างรุนแรง แต่หากพูดถึงการแพ้อาหารชนิด “แฝง” จะมีความแตกต่างออกไปจากการแพ้อาหารแบบเฉียบพลัน

พญ.กฤดากร เกษรคำ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก Addlife Check-Up Center ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี) ให้ข้อมูลเรื่องภูมิแพ้อาหารว่า ภูมิแพ้อาหารแบบแฝงหรือเรียกอีกชนิดว่าแพ้อาหารแบบเรื้อรังนั้น จะเกิดจากการที่ร่างกายสร้างแอนติบอดี ชนิด Immunoglobulin G (IgG) โดยจะทำปฏิกิริยากับอาหารที่แพ้ ซึ่งจะยังไม่แสดงอาการผิดปกติในทันที มักแสดงตัวอย่างช้าๆ จะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป

กลไกของการแพ้อาหารแบบแฝงนั้น เริ่มจากเมื่อเราบริโภคอาหารที่แพ้เข้าไป เม็ดเลือดขาว (White blood cell) จะสร้าง Antibody ที่จำเพาะต่ออาหารชนิดที่เราแพ้นั้นๆ ในทางเดินอาหารของเรา สำหรับอาหารที่ไม่ได้แพ้ก็จะถูกดูดซึมผ่านผนังลำไส้เล็กเพื่อที่จะไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายผ่านตามกระแสเลือดตามปกติ แต่อาหารที่แพ้ จะมี Antibody จับกับอาหารที่แพ้ และเกิดเป็นอนุภาคที่ก่อให้เกิดการอักเสบ และอนุภาคเหล่านี้เองจะเดินทางไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย แล้วก่อให้เกิดการอักเสบที่ร่างกายตามจุดต่างๆ ซึ่งลักษณะอาการต่างๆที่เกิดขึ้น และชนิดของอาหารที่แพ้ จะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล

อาการของการแพ้อาหารแบบแฝง โดยคร่าวๆ ได้แก่ ท้องอืด มีลมในระบบทางเดินอาหาร ลำไส้ผิดปกติ ผื่นคันและผิวหนังอักเสบ รวมไปถึงอาจเกิดอาการวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า ปวดศีรษะ ไมเกรน เหนื่อยเพลีย ความดันโลหิตสูง ปวดข้อ ข้ออักเสบ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและน้ำหนักขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้น ควรหมั่นสังเกตตัวเองให้ดีว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่ เพื่อที่จะเริ่มตรวจและรักษาได้เร็ว 

นับว่าเป็นโชคดีที่อาการแพ้อาหารแฝงนี้สามารถตรวจหาด้วยการตรวจ “สารก่อภูมิแพ้อาหาร IgG ทั้งนี้การตรวจเลือดสามารถช่วยให้เรารู้ว่า การแพ้อาหารที่แอบแฝงอยู่นั้นเป็นอาหารชนิดใด หรือ IgG Food Allergy Test ซึ่งจะรายงานผลการตรวจออกมาเป็นระดับการแพ้อาหารแต่ละรายการ และสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยเซลล์บำบัด รักษาด้วยโอโซน รักษาด้วยออกซิเจนแรงกดอากาศสูง การรักษาด้วยการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต การักษาด้วยเลเซอร์พลังงานต่ำ การปรับสมดุลลำไส้

ถ้าคุณเข้าข่ายหรือมีอาการเหล่านี้ อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจและรักษาก่อนที่จะกลายเป็นโรคที่ร้ายแรงขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


50 ประโยคภาษาอังกฤษคุยกับเพื่อนต่างชาติ สร้างมิตรภาพที่ดี

รู้ประโยค วลี และสำนวนที่เป็นประโยชน์ในการสื่อสาร

ภาษาอังกฤษมีอิทธิพลอย่างมากในการเรียนรู้ เพราะเป็นภาษาที่มีการจัดการเรียนการสอนในทุกโรงเรียน ส่งผลให้นักเรียนคุ้นชินกับภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก แต่ในการพูดหรือการสนทนาภาษาอังกฤษ บางครั้งจำเป็นต้องมีรูปแบบประโยคหรือมีความคุ้นชินกับบทสนทนา เพื่อให้การสนทนาลื่นไหล 50 ประโยคภาษาอังกฤษจึงรวบรวมประโยค วลี หรือสำนวนที่ใช้บ่อยในการสนทนามาเป็นแนวทางในการฝึกพูด

การสนทนาภาษาอังกฤษ

การเลือกวลีและสำนวนมาด้วยเนื่องจากในการสนทนาจริง ประโยคอาจถูกลดทอนให้สั้นลง มีการละคำบางประเภท เช่น ละประธาน หรือละกรรม ประโยคที่ยกมาจึงเน้นการพูดได้ในสถานการณ์จริง และบางประโยคอาจจะมีความหมายเหมือนกัน แต่รู้ไว้เพื่อให้การสนทนาสามารถหลากคำได้ ผู้อ่านสามารถถามคำถามหรือตอบคำถามที่มีใจความเหมือนกัน แต่หยิบประโยคคำถามและประโยคคำตอบแบบอื่นมาใช้ได้ เพื่อลดความจำเจของประโยค

ประโยคที่ใช้ในการทักทาย

การทักทายเป็นประโยคเริ่มต้นการสนทนา การทักทายมีทั้งการกล่าวคำทักทาย การไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบอย่างคร่าว ๆ หรือเริ่มต้นบทสนทนาแบบทั่วไป เช่น

  1. Good morning/Afternoon/evening/night – อรุณสวัสดิ์/ทิวาสวัสดิ์/สายัณห์สวัสดิ์/ราตรีสวัสดิ์
  2. Hello/Hi – สวัสดี
  3. What’s up? – เป็นอย่างไร?
  4. How are you/How are you doing? – ช่วงนี้เป็นอย่างไร?
  5. What is the weather like today? – วันนี้อากาศเป็นอย่างไร?

ประโยคตอบกลับว่า “สบายดี”

ในการทักทายคำถามที่มักจะพบ คือ คุณเป็นอย่างไร? การตอบกลับก็มักจะเป็นคำว่าสบายดี แต่คำว่าสบายดีนี้สามารถพูดได้หลากหลายแบบ ซึ่งทุกคนมีความหมายว่าสบายดี หรือค่อนข้างดีทั้งสิ้น เช่น

  1. I am fine/good/well
  2. Awesome!
  3. All right!/Alright!
  4. Doing Fine
  • Pretty good

ประโยคถามข้อมูลทั่วไป

ข้อมูลทั่วไปเหมาะสำหรับการสนทนากันครั้งแรก หรือเป็นการสนทนาหลังจากไม่ได้พบกันนาน รวมไปถึงการถามถึงอารมณ์ ความรู้สึกที่เจาะจงกว่าการถามว่าสบายดีไหม?

  • What is your name? – คุณชื่ออะไร?
  • Where have you been? – คุณไปอยู่ที่ไหนมา?
  • Are you ok? – คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?
  • Are you serious right now?/Seriously?/really? – เรื่องจริงหรือ?/จริงจังหรือเปล่า?/จริงหรือ?
  • What are you up to? – คุณกำลังทำอะไร?

ประโยคขอโทษหรือแสดงความเสียใจในสถานการณ์ทั่วไป

การขอโทษหรือกล่าวคำว่าเสียใจบางครั้งในภาษาอังกฤษอาจจะไม่ได้หมายถึงการทำอะไรผิดร้ายแรงต่อใครครใดคนหนึ่ง แต่เป็นการใช้เพื่อแสดงความเสียใจหรือเพื่อความสุภาพ หากต้องรบกวนผู้อื่นในเรื่องเล็กน้อย

  • Sorry to bother you/sorry for bothering – ขอโทษที่รบกวน
  • I’m sorry to hear it – เสียใจที่ได้ยินอย่างนั้น (ใช้พูดเมื่อฟังเรื่องทุกข์ใจของผู้อื่น)
  • I’m sorry for your loss – ฉันเสียใจกับความสูญเสียของคุณ
  • Excuse me – ขอโทษนะ (ใช้เมื่อต้องการเรียกหรือสะกิดผู้อื่น)
  • Pardon me – ขอโทษนะ (ใช้เหมือน Excuse me)

ประโยคตอบกลับคำขอโทษแบบทั่วไป

เมื่อมีผู้กล่าวขอโทษในเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่มากนัก การตอบกลับจะไม่เหมือนการตอบกลับคำขอโทษเมื่อมีผู้กระทำผิดด้วย เช่น

  • Your welcome – ด้วยความยินดี
  • Don’t mention it – อย่าพูดถึงเรื่องนั้น
  • No problem – ไม่มีปัญหา
  • All cool – ไม่เป็นไร
  • No big deal – ไม่ใช่เรื่องใหญ่

ประโยคขอโทษเมื่อทำผิด

การขอโทษเมื่อทำผิดจะเป็นการกล่าวที่แสดงความเสียใจของผู้พูดต่อผู้ที่ถูกกระทำ โดยคำที่แสดงความเสียใจโดยมากจะใช้คำว่า Sorry และ Apologize แต่มักจะมีการเติมคำคุณศัพท์เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเสียใจที่มากขึ้น เช่น

  • Please forgive me. – โปรดให้อภัยฉัน
  • I am really sorry. – ฉันรู้สึกเสียใจจริง ๆ
  • It’s my fault. – ความผิดของฉันเอง
  • Deeply apologize. – ขอโทษอย่างสุดซึ้ง
  • I made mistakes. – ฉันทำผิดพลาดไป

ประโยคที่แสดงถึงการให้อภัย

การให้อภัยเมื่อมีผู้กล่าวขอโทษมักจะพูดอย่างตรงไปตรงมา โดยสีหน้าและโทนเสียงจะบอกให้ผู้ฟังทราบถึงระดับการให้อภัยว่ามากน้อยเพียงใด ประโยคที่ใช้ เช่น

  • Apology accepted – ยอมรับคำขอโทษ
  • I forgive you. – ฉันให้อภัยคุณ
  • Don’t do it again. – อย่าทำแบบนั้นอีก
  • That’s all right. – ไม่เป็นไร
  • Don’t worry about it. – อย่ากังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น

ประโยคแสดงความยินดีหรือชื่นชม

ประโยคที่แสดงความยินดีหรือชื่นชมเป็นประโยคที่มักจะใช้เพื่อให้กำลังใจ ปลอบใจ หรือชื่นชมเมื่อคู่สนทนาทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ดี เป็นประโยคหรือคำที่มีความหมายบวก เช่น

  • Well done – ทำดีมาก
  • Good job – ทำดีมาก
  • You are amazing! – คุณสุดยอดที่สุด
  • You did great! – คุณทำได้ยอดเยี่ยมแล้ว
  • That is good . – มันดีแล้ว

ประโยคแสดงความเป็นห่วง

การแสดงความเป็นห่วงอาจจะเป็นประโยคคำถามหรือประโยคบอกเล่าก็ได้ โดยมักจะบอกให้ผู้ฟังทราบถึงความวิตกกังวลของผู้พูดที่มีต่อเรื่องของผู้ฟัง เช่น

  • I am worry about you – ฉันเป็นห่วงคุณ
  • Are you alright? – คุณสบายดีใช่ไหม?
  • Anything I can help you? – มีอะไรที่ฉันสามารถช่วยคุณได้?
  • What happened to you? – เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?
  • May I help you? – ขอให้ฉันช่วยคุณได้ไหม?

ประโยคบอกลา

การสนทนาจะต้องจบด้วยการบอกลา ซึ่งการบอกลามีทั้งการกล่าวคำลา และการอวยพรให้คู่สนทนาพบเจอสิ่งดี ๆ ระหว่างวัน เป็นการบอกลาที่ให้พลังบวก เช่น

  • Goodbye – ลาก่อน
  • See you later. – เจอคุณครั้งต่อไป
  • Have a good day. – ขอให้เป็นวันที่ดีนะ
  • Talk later – คุยกันทีหลัง
  • Take care! – ดูแลตัวเองด้วย

การดำเนินบทสนทนาให้ราบลื่น

การรู้ประโยคที่ใช้ในการสนทนาช่วยให้ผู้พูดสามารถเลือกใช้ประโยคได้หลากหลาย ตรงกับสถานการณ์ ซึ่งประโยคเหล่านี้ต้องอาศัยการฝึกฝน เพื่อให้สามารถสนทนาได้อย่างคล่องแคล่ว และ Tueetor ก็มีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่สนใจ สามารถเลือกบทเรียน เลือกเวลา และเลือกผู้สอนได้เอง จึงเหมาะสำหรับทุกคนที่กำลังมองหาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ดี ๆ ไว้เรียนรู้

ขอบคุณข้อมูลจาก tueetor.com


“True Catalog”มอบสุขภาพที่ดีเป็นของขวัญวันแม่

•   เครื่องวัดสุขภาพหัวใจส่วนบุคคล Portable ECG ทำหน้าที่ประมวลผลส่งข้อมูลมายังแอปในมือถือ เพื่อที่จะให้ทราบถึงสถานะสุขภาพของหัวใจได้ทันที แสดงความดันโลหิต ระดับความเครียดและอ่อนล้าของร่างกาย จังหวะการเต้นของหัวใจ มีความแม่นยำสูง วิเคราะห์ผลในรูปแบบ pdf/jpg. ที่สามารถส่งต่อให้แพทย์ได้อย่างสะดวก ในราคาเพียง 8,990 บาท (จากปกติ 11,900 บาท) 

•   เครื่องวัดความดันโลหิต แบบข้อมือ ที่วัดความดันอัตโนมัติ ปรับแรงบีบลมตามความเหมาะสมของการตรวจจับแรงดันและชีพจรของบุคคลนั้นๆ หน้าจอและตัวเลขขนาดใหญ่ง่ายต่อการมองเห็น ระบบจับความเคลื่อนไหว เมื่อเครื่องพบว่าผู้ใช้มีการเคลื่อนไหว จะขึ้นแจ้งเตือน ให้ทำการวัดใหม่  มาพร้อมกล่องเก็บสำหรับพกพา ใช้งานสะดวก ราคาเพียง 1,600 บาท (จากปกติ 1,900 บาท)

พิเศษ!!! เฉพาะวันแม่แห่งชาติปีนี้กับ “Exclusive for Mom Set” แกดเจ็ตสุขภาพ 2 ชิ้น (เครื่องวัดสุขภาพหัวใจส่วนบุคคล Portable ECG พร้อมเครื่องวัดความดันโลหิตแบบข้อมือในราคาที่ดีสุด เพียง 9,900 บาท (จากปกติ 13,800 บาท) พร้อมรับฟรี ปรอทวัดความเค็มในอาหาร (มูลค่า 1,560 บาท) ใช้ในการวัดค่าโซเดียมในอาหารที่รับประทานและแสดงค่าออกมาเป็นระดับ % (0.1%-5%) บ่งบอกความเข้มข้นว่าควรทานหรือไม่  ในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ วันเดียวเท่านั้น

ติดต่อรับ Code ส่วนลดสุดพิเศษ พร้อมสั่งซื้อและรับสินค้าได้ทันทีที่ TrueSphere  4 สาขา ดังนี้ 

TrueSphere Central World https://lin.ee/jpF68ew

TrueSphere EmQuartier https://lin.ee/4nlcCf9

TrueSphere Central Eastville https://lin.ee/b85ws1F

TrueSphere Future Park Rungsit https://lin.ee/vZ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


จริงหรือมั่ว! น้ำมันมะกอกผสมน้ำมะนาว ล้างพิษตับ กำจัดนิ่วในถุงน้ำดี

จริงหรือมั่ว! น้ำมันมะกอกผสมน้ำมะนาว ล้างพิษตับ กำจัดนิ่วในถุงน้ำดี

แชร์กันเยอะ!! ล้างพิษตับ กำจัดนิ่วในถุงน้ำดี ด้วยน้ำมันมะกอกผสมน้ำมะนาว เป็นไปได้จริงๆ หรืออิงนิยาย

มีหลายเรื่องในโซเชียลมีเดียวที่เชื่อไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวที่ถูกแชร์ต่อกันจนเกิดเป็นกระแสมาๆ หายๆ ในหลายๆ ช่องทาง สำหรับเรื่องการล้างพิษตับ ล้างนิ่วในถุงน้ำดี ด้วยการกินน้ำมันมะกอกผสมน้ำมะนาว แต่กระแสที่ออกมานั้น เช็ก แชร์ ชัวร์ โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย) กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันแล้วว่า…ไม่ใช่เรื่องจริง

เหตุที่เป็นแบบนี้เพราะ “นิ่วในถุงน้ำดี” เกิดจากภาวะไม่สมดุลของสารประกอบในน้ำดี บางรายไม่มีอาการ บางรายมีอาการ ท้องอืด อาหารไม่ย่อย บางครั้งมีอาการปวดแบบปวดดิ้น หรือถ้านิ่วตกลงไปอุดท่อน้ำดีใหญ่ จะทำให้มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง

ส่วนทางด้าน “ตับ” เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่กำจัดสารพิษออกจากร่างกาย สร้างน้ำดีช่วยย่อยไขมันในลำไส้ สร้างภูมิคุ้มกันเพื่อช่วยกำจัดเชื้อโรคต่างๆ ออกจากร่างกาย และสร้างโปรตีนให้หลอดเลือดแข็งตัว

จะเห็นได้ว่า หน้าที่ของตับไม่ได้เกี่ยวกับการกำจัดนิ่วเลย ดังนั้น หากเป็นนิ่วควรเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ถุงน้ำดีอักเสบจนอาจกระตุ้นการเกิดมะเร็งถุงน้ำดีได้

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 28,500.00 28,600.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,846.00 27,985.36 29,100.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,661.40 25,186.82 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,476.80 22,388.29 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 831.00 12,597.96 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 646.00 9,793.36 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,913.00 29,001.08 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 14/08/2563

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95
แก๊สโซฮอล์ 91 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68
แก๊สโซฮอล์ E20 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44
แก๊สโซฮอล์ E85 18.19 18.19
เบนซิน 95 29.36 29.81 29.86 29.36 29.36
ดีเซล 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29 22.29
ดีเซล B10 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29 19.29
ดีเซล B20 19.04 19.04 19.04 19.04 19.04 19.04 19.04 19.04
ดีเซลพรีเมี่ยม 26.74 26.76 28.74 28.74
แก๊ส NGV 15.31 15.31
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า