สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 15 มกราคม 2561

คอนโดหรูกลางเมืองโต ดีมานด์‘ต่างชาติ’หนุน

ตลาดคอนโดหรูปี61 โตต่อเนื่อง “ซีบีอาร์อี“ชี้ทำเลกลางเมืองเปิดใหม่ลุ้นแตะ 1.5 หมื่นยูนิต แรงซื้อต่างชาติขยายตัว มั่นใจตลาดไม่โอเวอร์ ซัพพลาย ด้าน”คูเปอร์ สยาม”เปิดตัวคอนโดไฮไรส์ ทำเลปทุมวันเจาะกลุ่มเจนวาย รับย่านนวัตกรรมแห่งสยาม

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในกลุ่มที่อยู่อาศัย ประเภทคอนโดมิเนียม มีการเปิดตัวโครงการใหม่ในอัตราสูงตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2560 และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในปีนี้ จากปัจจัยบวกทั้งทิศทางเศรษฐกิจเติบโต รวมทั้งสถานการณ์การเมืองที่กำหนดการเลือกตั้งปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า สร้างความเชื่อมั่นและสัญญาณการลงทุนภาคเอกชน

สัญญาณบวกดังกล่าวส่งผลต่อทิศทางตลาดคอนโดมิเนียมหรู ในทำเลใจกลางเมือง มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปีนี้  ทั้งกลุ่มไฮเอนด์ ราคา  1.2-1.9 แสนบาทต่อตร.ม. กลุ่มลักชัวรี ราคา 2-3 แสนบาทต่อตร.ม. และกลุ่มซูเปอร์ลักชัวรี ราคามากกว่า 3 แสนบาทต่อตร.ม.

ปัจจุบันคอนโดหรู ถือเป็นตลาดที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวช่วงก่อนหน้านี้  เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อสูง อีกทั้งกลุ่มนักลงทุนต่างชาติสนใจซื้อคอนโดหรูเพื่อลงทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเป็นตลาดที่เข้ามารองรับซัพพลายที่มีการลงทุนจำนวนมากในปีที่ผ่านมา

“การออกไปทำตลาดต่างประเทศของผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่ ในปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ถือเป็นการสร้างการรับรู้การลงทุนคอนโดในประเทศไทย ที่เป็นตลาดให้ผลตอบแทนการลงทุนสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ”

คอนโดหรู“กลางเมือง”โต

จากการสำรวจของ”ซีบีอาร์อี” ในกลุ่มคอนโดหรูทำเลกลางเมือง “เปิดใหม่” ปี 2560 มีจำนวน 12,358  ยูนิต เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีจำนวน  8,325 ยูนิต  คาดการณ์ปี 2561 ยังขยายตัวต่อเนื่องด้วยจำนวนมากกว่าปีก่อน และอาจขึ้นไปแตะ 14,000-15,000 ยูนิต  โดยทำเลยอดนิยมที่มีการลงทุนสูง คือ สุขุมวิท ,ปทุมวัน , สีลม ,สาทร, ลุมพินี ,ริมน้ำ

นางสาวอลิวัสสา กล่าวว่าอัตราผลตอบแทนคอนโดหรูทำเลกลางเมืองในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ปรับขึ้นต่อเนื่อง เฉลี่ย 10-15% ต่อปี  เช่นเดียวกับผลตอบแทนการเช่าที่ 4-5%  จึงได้รับความสนใจจากคนไทยและต่างชาตเข้ามาลงทุน

ในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ เดิมนิยมซื้อที่ราคาห้องชุด 10 ล้านบาทขึ้นไป แต่จากการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทยเพิ่มขึ้นทุกปี ในปี 2560 อยู่ที่ 35 ล้านคน  และปีนี้คาดการณ์เพิ่มขึ้น 10% กลุ่มนักท่องเที่ยว ที่มีกำลังซื้อสูงและรู้จักสถานที่ต่างๆ ในไทย ทำให้มีความสนใจซื้อคอนโดไฮเอนด์ในทำเลต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่ระดับราคา 5-10 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีดีมานด์สูงมาก

“คอนโดหรูที่เปิดตัวจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังมีข้อจำกัดที่ดินกลางเมืองหายากและมีราคาสูง ทำให้ซัพพลายที่ออกมา ยังมีดีมานด์รองรับทั้งกำลังซื้อคนไทยและต่างชาติ เชื่อว่าจะไม่เกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลาย”

คูเปอร์สยามเจาะเจนวาย

นายธเนศ อรุณวณิชย์พร กรรมการบริหาร บริษัท คูน เอสเตท จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าได้เปิดตัวโครงการคอนโดพรีเมียม “คูเปอร์ สยาม”ทำเลย่านสยาม-ปทุมวัน ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ 700 เมตร ซึ่งเดิมเป็นโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ของบริษัทไทยยานยนตร์ จำกัด เป็นที่ดินฟรีโฮลด์ ขนาด 1 ไร่ 2 งาน 21.5 ตร.ว.

โดยพัฒนาเป็นคอนโด ไฮไรส์ สูง 24 ชั้น  จำนวน 188 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็นโซน Combo Loft เพดานสูง 4.6 เมตร แบบ Single และ Double ขนาด 41-71 ตร.ม. วางกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ สตาร์ทอัพ กลุ่มเจนวาย ที่ต้องการสร้างธุรกิจ เพราะสามารถใช้เป็นพื้นที่สำนักงานและจดทะเบียนธุรกิจ โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวก โค-เวิร์คกิ้ง สเปซ  ห้องประชุมส่วนตัว และห้องอเนกประสงค์

ส่วนโซนพักอาศัยชั้นสูง หรือ Sky Residence แบบ 1 และ 2 ห้องนอน ขนาด 30 -67 ตร.ม. และเพนท์เฮ้าส์ดูเพล็กซ์ 3 ห้องนอน ขนาด 188 -220 ตร.ม. มี 2 ยูนิต โดยใช้ลิฟท์แยกโซน  โครงการมีราคาเฉลี่ย 140,000 บาทต่อตร.ม. เปิดขายในเดือน ก.พ.นี้ คาดเริ่มก่อสร้างไตรมาส2 ปีนี้ แล้วเสร็จไตรมาส 3ปี 2564

“โครงการออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ตลาดนิชพรีเมียม สอดคล้องกับผังเมืองใหม่ในย่านนวัตกรรมแห่งสยาม เพื่อยกระดับให้เป็นมหานครต้นแบบในด้านนวัตกรรม”

ย่านปทุมวันซัพพลายต่ำ-ขายสูง

นางสาวอลิวัสสา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริเวณโซนพื้นที่ย่านปทุมวัน โดยเฉพาะบนถนนรองเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่ชุมชนเก่าแก่ใจกลางเมือง ถูกจับจองพื้นที่มาเป็นเวลานาน แต่อยู่ใกล้กับสยามในระยะที่สามารถเดินได้ ซึ่งในอนาคตพื้นที่บริเวณนี้จะถูกพัฒนาให้มีโครงการต่างๆ เกิดขึ้นเพื่อรองรับย่านนวัตกรรม ไลฟ์สไตล์ของคนในพื้นที่จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป ตามเมืองที่เริ่มมีการขยายตัว

สำหรับคูเปอร์ สยาม ที่เปิดตัวในทำเลปทุมวัน เป็นโครงการแรกที่อยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งเปิดราคาขายที่ 140,000 บาทต่อตร.ม. หรือเริ่มต้นยูนิตละ 4 ล้านบาท เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากตลาดไทยและนักลงทุนต่างชาติ  ด้านซัพพลายย่านปทุมวัน ที่สร้างเสร็จแล้วมีเพียง 12,906 ยูนิต หรือคิดเป็น 10% ของซัพพลายคอนโดหรูกลางเมืองทั้งหมด และที่กำลังก่อสร้างมีเพียง 4,013 ยูนิต หรือคิดเป็น 13% ของซัพพลายทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำมาก ในขณะที่ความต้องการคอนโดในย่านนี้มีสูง โดยอัตราการขายของคอนโดในย่านนี้สูงถึง 86%

http://www.bangkokbiznews.com


อสังหากลาง-เล็กร่ายมนต์ต่อกรบิ๊กเนม ปีจอยุคปลาเร็วกินปลาช้างัดกลยุทธ์เร่งสปีดสู้

ผ่าทางตันยุคบิ๊กแบรนด์ครอบงำตลาด REIC เปิดข้อมูลบิ๊กอสังหาฯ 11 ราย ยึดส่วนแบ่งตลาดเกินครึ่งทั้งแนวราบ-แนวสูง “กานดากรุ๊ป” แนะท่องคาถา 4 ข้อ เริ่มจากทำเล-สินค้า-ราคา-แมเนจเมนต์กระชับสู้ได้ฉลุยแน่นอน “ลลิลฯ” ไม่สนยักษ์ใหญ่ยักษ์เล็ก ชี้การแข่งขันปีจอเป็นยุคปลาเร็วกินปลาช้า งัดกลยุทธ์เร่งสปีดทุกอณูในการทำธุรกิจ “ศุภาลัย” นำเสนอทฤษฎีมาร์เก็ตแชร์เกม เจาะสถิติสินค้าแนวราบ 6 ปีย้อนหลังรายใหญ่โตเร็ว ส่วนแบ่งตลาด 53% เพิ่มเป็น 72%

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากแนวโน้มที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ 32 บริษัท ครองส่วนแบ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์สัดส่วน 60-70% ขณะที่มีเพียง 11 บริษัทกินส่วนแบ่งตลาดรวมกันถึง 50% (ดูตารางประกอบ) แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ความได้เปรียบทางการแข่งขันเป็นของรายใหญ่ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นทิศทางของการแข่งขันในปีนี้ แต่เป็นเทรนด์ต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปีหน้าหัวใจอสังหาฯ คือ ทำเล
 
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ และนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา (2554-2560) ต้องยอมรับว่า ธุรกิจอสังหาฯมีผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงไม่กี่รายที่สามารถพลิกรายได้จากหลักพันล้านบาทเป็นระดับหมื่นล้านบาท แสดงถึงการเติบโตอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ในตลาดมีขนาดธุรกิจระดับกลาง-เล็ก ตัวเลขรายได้ตั้งแต่ต่ำพันล้านบาท ไปจนถึง 2-3 พันล้านบาท
 
อย่างไรก็ตาม บริษัทอสังหาฯรายกลาง-เล็กแม้เสียเปรียบบางด้าน เช่น แหล่งเงินทุน โนว์ฮาว ฯลฯ แต่ก็ยังสามารถแข่งขันได้ เนื่องจากธุรกิจอสังหาฯมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว แม้แบรนด์เป็นเรื่องสำคัญ แต่องค์ประกอบสำคัญที่สุด คือ ทำเลที่ตั้งที่ทำให้ผู้ประกอบการกลาง-เล็กประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอดได้ตลอดมาทุกยุคทุกสมัย
 
“สินค้าบ้านและคอนโดมิเนียมเปรียบเหมือนรถยนต์ ผู้บริโภคซื้อเพราะนิยมในแบรนด์ แต่อย่าลืมว่ารถยนต์ซื้อที่กรุงเทพฯ นำไปใช้ที่เชียงใหม่ได้ แต่อสังหาฯซื้อที่กรุงเทพฯ ต้องใช้ที่กรุงเทพฯ เรื่องทำเลที่ตั้งคือหัวใจ แลนด์แบงก์ในการพัฒนาที่ดินมีจำกัด อยู่ที่ใครคว้าที่ดินแปลงสวยได้ก่อน”
 
4 คาถาสู้ศึกบิ๊กแบรนด์
 
สำหรับกลยุทธ์รับมือการแข่งขันกับบิ๊กแบรนด์ รายกลาง-เล็กต้องโฟกัสเฉพาะเจาะจงทุกเรื่องทั้ง 1.นิชโลเกชั่น (niche location) พัฒนาโครงการในทำเลที่ตัวเองถนัดและชำนาญ เช่น ย่านเทพารักษ์ มีบางซอยที่เข้าไปแล้วเห็นหมู่บ้านเฟื่องฟ้านับ 10 โครงการ โดยมีหมู่บ้านบิ๊กแบรนด์เพียง 3-4 โครงการ ในขณะที่หมู่บ้านเฟื่องฟ้าอาจไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ในซอยเดียวกันถือเป็นเจ้าตลาด
 
2.นิชโปรดักต์ (niche products) พัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้า 3.นิชไพรซ์ (niche price) นำเสนอราคาตอบโจทย์ตลาดแต่ละเซ็กเมนต์ แข่งขันกับบิ๊กแบรนด์และรายกลาง-เล็กด้วยกัน
 
และ 4.นิชแมเนจเมนต์ (niche management) ต้องลงลึกรายละเอียดในเรื่องการบริหารจัดการ จุดเน้นคือห่วงโซ่ของการบริหารไม่ควรยาว ซึ่งเป็นโมเดลการทำธุรกิจเหมือนรายใหญ่ เช่น งานขาย บริหารการขาย การตลาด ก่อสร้าง ใช้วิธีจ้างเหมาเอาต์ซอร์ซมาทำให้ ในขณะที่การทำธุรกิจทุกวันนี้ รายใหญ่ทำกลับหัวกลับหาง กล่าวคือหันกลับมาทำเองมากขึ้น เพื่อให้สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีที่สุด ตัวอย่างชัดเจนที่สุดคือทำระบบก่อสร้างสำเร็จรูปเองมากขึ้น
 
“โดยทั่วไปผู้ประกอบการรายกลางรายเล็กไม่ควรทำห่วงโซ่บริหารจัดการให้ยาว ตัวอย่างชัด ๆ เรื่องไซต์ก่อสร้างควรบริหารจัดการเองได้ ไม่ใช่เอาต์ซอร์ซจ้างผู้รับเหมาสร้างให้ตารางเมตรละ 1 หมื่นกว่าบาท แบบนี้ก็แข่งขันไม่ได้แล้ว” นายอิสระกล่าว
 
ชี้ยุคปลาเร็วกินปลาช้า
 
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแข่งขันทุกวันนี้สูงมาก ช่วงที่ผ่านมาเคยลงทุนพัฒนาคอนโดฯ แต่ได้หยุดลงทุนตั้งแต่ปี 2559-2560 คาดว่าปีนี้ยังไม่มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เช่นกัน
 
แผนลงทุนปีนี้เตรียมเปิดตัวใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่ารวม 4,500-5,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนสินค้าทาวน์เฮาส์ 60% บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 40% ตั้งเป้ายอดขาย (พรีเซล) 4,400 ล้านบาท เป้ารับรู้รายได้ 4,000 ล้านบาท หรือเท่ากับตั้งเป้าเติบโต 15% โดยนโยบายหลักยังยืนยันการสร้างบ้านหลังแรกให้กับลูกค้า เพราะต้องการโฟกัสลูกค้าเป้าหมายกลุ่มเรียลดีมานด์ ซื้อแล้วอยู่จริง ราคา 2-5 ล้านบาท ฐานลูกค้าหลักครอบครัวใหม่จะซื้อบ้านให้นึกถึงลลิลฯ เป็นสินค้าบ้านหลังแรก
 
“ปี’61 แผนธุรกิจใช้ธีม Year of Competitiveness and Innovation for LALIN 4.0 ผมมองว่าเป็นยุคปลาเร็วกินปลาช้า ไม่ใช่ปลาใหญ่กินปลาเล็กเหมือนในอดีต เพราะฉะนั้น ลลิลฯเน้นกลยุทธ์ economy of speed ในการทำธุรกิจทุกเรื่อง ตั้งแต่สปีดของการลดยอดปฏิเสธสินเชื่อ เดิมมียอดกู้ไม่ผ่าน 20% ปีนี้ต้องการลดให้เหลือ 10% ต้น ๆ สปีดในเรื่องการสร้างให้เสร็จใน 2 เดือนจากเดิม 5 เดือน สปีดการขายการโอน เพื่อให้รายได้เติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้”
 
จุดชี้ขาด “แบงก์คุมเงินกู้”
 
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเมินผลประกอบการตลาดอสังหาฯในภาพรวมพบว่า มี 11 รายใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งระดับสูงเกิน 50% ซึ่งเป็นเทรนด์หลักของปีนี้และต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปีหน้า มาจาก 3 เหตุผลหลักที่ผลักดันให้บิ๊กแบรนด์เติบโตรวดเร็ว
 
1.อัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับต่ำ เทียบกับอัตราเติบโตภาวะเศรษฐกิจประเทศ หรือ GDP growth 2.การเติบโตของจีดีพี เป็นตัวหนุนหลังให้ภาคอสังหาฯเติบโตล้อกันไปด้วย 3.การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ธุรกิจอสังหาฯเติบโตได้ดี ไม่ว่าจะเป็นถนน ทางด่วนตัดใหม่ รถไฟฟ้าสายหลัก
 
“มีมาร์เก็ตแชร์เกมที่ทำให้ 11 รายใหญ่โต สถิติปี’55-60 ตลาดแนวราบมีส่วนแบ่งรวมกัน 53% เพิ่มเป็น 72% ในขณะที่ภาพรวมปี’55-58 เติบโตไม่มากนักในแต่ละปี ถัดมาปี’59-60 ผมเรียกว่าเป็นช่วงเผาจริง เห็นการเติบโตของรายใหญ่ชัดเจน ส่วนหนึ่งเพราะสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อโครงการหรือพรีไฟแนนซ์ให้รายเล็กลดลงชัดเจน” นายไตรเตชะกล่าว
http://www.bkkcitismart.com

‘รฟม.’ รับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสีม่วงใต้ช้ากว่าเป้าหมาย

“รฟม.” รับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสีม่วงใต้ช้ากว่าเป้าหมาย เหตุต้องเจรจา ADB เรื่องเงื่อนไขการประมูล หลังแสดงท่าทีว่าไม่อยากได้บริษัทไทย

นายฤทธิกา สุภารัตน์ รักษาการผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) หรือรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ระยะทาง 23.6 กิโลเมตร วงเงิน 101,112 ล้านบาทว่า ขณะนี้โครงการล่าช้ากว่าเป้าหมายเล็กน้อย เพราะ รฟม. ต้องเจรจาเงื่อนไขทีโออาร์กับธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asia Development Bank: ADB) ซึ่งให้เงินกู้ 10% ของโครงการ หรือประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยจากนี้จะเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างเอกสารการประมูล (TOR) ในเดือน ก.พ.นี้ และเริ่มเปิดประมูลงานโยธาในไตรมาสที่ 1

ทั้งนี้ เอดีบีได้ยื่นข้อกำหนดในการปล่อยกู้หลายประเด็น เช่น ขอให้ทีโออาร์เปิดกว้างมากขึ้น ขอให้พิจารณาบริษัทที่เอดีบีขึ้นบัญชีดำ (Blacklist) เป็นพิเศษ ซึ่งปัจจุบัน รฟม. และเอดีบีอยู่ระหว่างเจรจาเงื่อนไขต่าง ๆ ซึ่งเอดีบีก็ยอม รฟม. ในบางประเด็น แต่บางประเด็นก็ยืนยันให้ รฟม. รับหลักการไว้

“เราก็ยังมีเงื่อนไขบางข้อ เช่น ที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายจะสนับสนุนบริษัทไทย เราจึงต้องการให้ joint venture มีบริษัทไทย ซึ่งตรงนี้ต้องมาคุยกันอีกที เพราะเอดีบีแสดงท่าทีว่าไม่อยากได้บริษัทไทย” นายฤทธิกา กล่าว

อย่างไรก็ตามคณะทำงานของ รฟม. จะเร่งสรุปผลการเจรจาและเสนอให้ฝ่ายบริหารพิจารณาภายในเดือนนี้ ก่อนจะเสนอเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง เพื่อขอยกเว้น พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ในบางประเด็น เนื่องจากต้องปรับการประมูลให้สอดคล้องกับเงื่อนไขเจ้าของเงินกู้

ทั้งนี้ รฟม. ยังไม่สามารถระบุชัดเจนว่า จะเริ่มจำหน่ายเอกสารประกวดราคาเมื่อใด เพราะเอดีบีและพ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ มีกำหนดระยะเวลาประกาศเชิญชวนและจำหน่ายทีโออาร์ไม่เท่ากัน อีกทั้งการประมูลการก่อสร้างรถไฟฟ้าต้องอ้างอิง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2543 ด้วย ดังนั้นจึงต้องหาจุดร่วมระหว่างเงื่อนไข 3 ข้อนี้ก่อน จึงให้คำตอบที่ชัดเจนได้

http://www.bangkokbiznews.com


สวนไผ่เกษตร จุดสตาร์ทความยั่งยืน

“ผงชาร์โคล-น้ำส้มควันไม้”เพื่อกิจการปศุสัตว์ เป็นเข็มทิศทางธุรกิจใหม่ของเกษตรกรชาวไร่อ้อยและมันสำปะหลัง ที่ปรับตัวหนีปัญหาราคาสินค้าเกษตรผันผวน

“ผงชาร์โคล-น้ำส้มควันไม้”เพื่อกิจการปศุสัตว์ เป็นเข็มทิศทางธุรกิจใหม่ของเกษตรกรชาวไร่อ้อยและมันสำปะหลัง ที่ปรับตัวหนีปัญหาราคาสินค้าเกษตรผันผวน หลังจากหน่วยงานรัฐเปิดคอร์สอบรมและส่งเสริม ควบคู่กับการศึกษาแนวทางเกษตรธรรมชาติของญี่ปุ่นที่นิยมใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่ ล่าสุดเตรียมวิจัยบนฐานวิทยาศาสตร์ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เสริมความเชื่อมั่นก่อนป้อนเป็นวัตถุดิบให้กับโรงงานผลิตอาหารสัตว์

จากปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ กระทั่งรัฐต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งมาตรการรับจำนำและการชดเชยต้นทุนการผลิต แต่ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในการแก้ปัญหา ส่งผลให้ “นิพนธ์ จิระเสวี” ผู้จัดการทั่วไปบริษัท เอสเอสพี ออร์แกนิค จำกัด ตัดสินใจหันมาปลูกไผ่รวกแทนอ้อยและมันสำปะหลัง บนที่พื้นที่ 300 ไร่ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี หลังจากปลูกได้ 5 ปี เริ่มมองเห็นโอกาสในการนำไม้ไผ่รวกมาแปรรูป

นวัตกรรมของดำมาแรง

นิพนธ์เริ่มต้นพัฒนาเตาเผาถ่านแบบญี่ปุ่นมาใช้เผาไม้ไผ่ ทำให้ได้ถ่านกัมมันต์ที่มีคุณสมบัติดูดซับสารพิษ และสามารถนำมาแช่ในน้ำดื่ม ส่วนน้ำส้มควันไม้ซึ่งเป็นสารที่ให้กลิ่นควันไฟนำมาใช้แต่งกลิ่นให้กับผลิตภัณฑ์ไส้กรอกและแฮม ชาร์โคลนำมาบดผสมน้ำแช่ผักและผลไม้เพื่อล้างสารเคมี หากนำไปบดละเอียดสามารถผสมในอาหารเพื่อให้สีแทนการใช้ผงหมึก ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในขนมต่างๆ อาทิ ไอศกรีมสีดำจากชาร์โคล รวมทั้งนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องสำอาง เช่น สบู่ ผงมาสก์หน้า

ปัจจุบันได้ส่งน้ำส้มสกัดจากควันไม้ไผ่ให้กับผู้ผลิตไส้กรอกรายใหญ่เพื่อนำไปใช้แต่งกลิ่น ล่าสุดกำลังพัฒนาเป็นวัตถุดิบป้อนโรงงานอาหารสัตว์ เนื่องจากผงถ่านและน้ำส้มควันไม้ไผ่สามารถเป็นวัตถุดิบในอาหารเสริมสำหรับสัตว์ มีคุณสมบัติช่วยปรับระดับแบคทีเรียในลำไส้และการดูดซึมสารอาหาร ทำให้เนื้อสัตว์มีคุณภาพดีขึ้น

“ผมมีแนวคิดพัฒนาผงถ่านกับน้ำส้มควันไม้ เพื่อนำไปใช้ในกิจการปศุสัตว์ เช่น ผสมในอาหารสัตว์ ทำให้ลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์และเพิ่มคุณภาพซากสัตว์เมื่อนำมาชำแหละ ยกตัวอย่าง ปริมาณไขมันในหมูลดลงและลดกลิ่นในมูลสัตว์ ซึ่ง อยู่ระหว่างการศึกษาและปรึกษากับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ฯ เพื่อทำการวิจัย ให้เห็นว่า นวัตกรรมดังกล่าวว่าดีต่อการเลี้ยงสัตว์จริง โดยใช้หลักทางวิทยาศาสตร์เข้ามาพิสูจน์ให้เห็นเป็นรูปธรรม หากได้รับการรับรองจะป้อนเป็นวัตถุดิบให้กับโรงงานผลิตอาหารสัตว์”

ทั้งนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแนวคิด ถ้าเราทำอะไรแบบยั่งยืน มันก็จะยั่งยืน อย่างไผ่ปลูกครั้งหนึ่งอยู่ยาวสามารถตัดได้เรื่อยๆ ฉะนั้น เกษตรกรควรหันมาปลูกพืชสร้างความยั่งยืน 40-50% เพื่อลดความเสี่ยงแทนการปลูกแบบเดิมๆ

ทรัพยากรวัตถุดิบศตวรรษ 21

นิพนธ์ กล่าวว่า ข้อดีของการปลูกไผ่คือ ไม่มีความเสี่ยงเรื่องภัยธรรมชาติ ต้นทุนต่ำเพราะเติบโตได้ดีในทุกสภาวะอากาศ ไม่มีปัญหาเรื่องโรคแมลง ทั้งยังเติบโตเร็ว บางชนิดสูงได้เกือบ 1 เมตรต่อวัน และสามารถปลูกเป็นสวนป่าที่ใช้งานได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี โดยไม่ทำลายดิน จึงเป็นทรัพยากรที่สามารถจัดการได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากปลูกหมุนเวียนในพื้นที่จำกัดได้เร็ว สามารถแปรรูปได้ครบวงจรมากกว่าอ้อยและมันสำปะหลัง ทำให้มีรายได้สม่ำเสมอ ไผ่จึงตอบโจทย์การใช้ทรัพยากรได้อย่างยั่งยืน

“เหตุผลที่ตัดสินใจปลูกไผ่ เพราะพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ปริมาณฝนไม่มาก จึงเกิดไอเดียว่า ปลูกพืชที่ยั่งยืนดีกว่า โดยเลือกไผ่รวกซึ่งเป็นไผ่พื้นบ้านแถบกาญจนบุรี ส่วนเหตุผลที่ธุรกิจมีความต่อเนื่องเพราะการสร้างเตาของตนเอง มีกระบวนการแปรรูปเพื่อต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกมา ซึ่งเกิดจากการศึกษาข้อมูลจากประเทศญี่ปุ่น พบว่า มีการใช้น้ำส้มควันไม้มานานแล้ว ในระยะแรกได้รับการส่งเสริมจากกรมป่าไม้ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และสวทช. ให้งบวิจัย”

นิพนธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันเตาเผาไม้ไผ่ 1 เตาสร้างรายได้ประมาณ 2 แสนบาท เฉลี่ยแต่ละปีมีรายได้ขั้นต่ำ 1 ล้านบาท หากเทียบกับการปลูกอ้อยและมันสำปะหลังดีกว่า เพราะมีรายได้สม่ำเสมอและไม่ขาดทุน

http://www.bangkokbiznews.com

นิทานสอนใจ

นิทานเรื่องนี้ดีนะ…#อ่านเถอะคุ้มค่าจริงๆ…

กาลครั้งหนึ่ง มีขอทานคนหนึ่งออกขอทานทุกวัน เขาอยากจะมีชีวิตเหมือนคนปกติ เพราะฉะนั้น เขาจึงมักจะขอทานเสบียงกรังและตุนไว้ แต่ว่าเขากักตุนเสบียงมาหลายปี ยุ้งฉางของเขาก็มีเพียงข้าวสารนิดหน่อย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นเช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจค้นหาสาเหตุ

คืนวันหนึ่ง เขาแอบอยู่มุมหนึ่งของบ้านและจ้องไปที่เสบียง ในที่สุด เขาเห็นหนูตัวใหญ่มาขโมยกินเสบียงของเขา เขาโกรธมาก ตะโกนไปที่เจ้าหนูว่า “บ้านคนรวยมีอาหารเยอะแยะ แกทำไมไม่ไปกินทำไมเจาะจงมากินอาหารข้าที่กักตุนมาด้วยความลำบาก” เจ้าหนูพูดขึ้นว่า “ชะตาของเจ้ามีข้าวสารได้แค่8ส่วน เดินให้ทั่วหล้า ก็ไม่สามารถมีข้าวได้ครบถัง” ขอทานถามเจ้าหนู “ทำไมเป็นเช่นนั้น” เจ้าหนูตอบว่า “ข้าก็ไม่รู้ เจ้าไปถามพระพุทธองค์สิ

ขอทานจึงตัดสินใจ เดินทางไปทางทิศตะวันตกเพื่อถามพระพุทธองค์ ว่าเหตุผลอันใดถึงมีชะตาชีวิตเช่นนี้

เจ้าขอทานก็ออกเดินทาง เขาขอทานระหว่างทาง เดินทางไปไกลมาก วันหนึ่ง เขาเดินจนฟ้ามืดถึงจะพบบ้านคนหลังหนึ่ง รีบไปเคาะประตู มีพ่อบ้านเดินออกมาถามว่ามีเรื่องอะไร เขาบอกขอข้าวกินหน่อย พอดีเศรษฐีเจ้าของบ้านออกมาเห็นเข้า เลยถามขอทานว่า มืดอย่างนี้แล้วทำไมยังเดินทางอยู่อีก ขอทานจึงเล่าชะตาชีวิตให้เศรษฐีฟัง
บอกว่าจะไปถามเหตุผลกับพระพุทธองค์ เศรษฐีได้ยินดังนั้น รีบเชิญขอทานเข้าไปนั่งในบ้าน ให้เสบียงกรังและเงินกับเขาจำนวนหนึ่ง ขอทานถามว่าทำไมทำเช่นนั้น เศรษฐีจึงเล่าเหตุผลให้ฟังว่า ลูกสาวข้าอายุ16แล้ว ยังพูดไม่ได้ ขอร้องให้เจ้าช่วยถามเหตุผลกับพระพุทธองค์ด้วย
เศรษฐีเคยสาบานว่าใครก็ตามที่ทำให้ลูกสาวพูดได้ เขาก็จะให้ลูกสาวแต่งงานกับคนนั้น ขอทานได้ฟังเช่นนั้น คิดว่าไหนๆก็จะไปหาพระพุทธองค์อยู่แล้ว เราก็ถือโอกาสช่วยถามให้เขาก็ได้ ขอทานจึงรับปากจะถามให้

ขอทานเดินทางต่อไปผ่านภูเขาลูกแล้วลูกเล่า เดินถึงเขาลูกหนึ่ง เห็นวัดแห่งหนึ่งตั้งอยู่ ก็เลยเข้าไปขอน้ำดื่ม เห็นพระแก่รูปหนึ่งถือไม้เท้าดีบุก ท่าทางแก่มาก แต่ดูกระฉับกระเฉง พระชราให้น้ำเขาดื่มและบอกให้เขาพักผ่อนสักครู่ แล้วถามเขาว่าจะไปไหน ขอทานบอกจุดหมายที่จะไป พระชรารีบจับมือขอทานไว้และพูดว่า ขอร้องเจ้าต้องช่วยถามพระพุทธองค์ให้หน่อย ข้าเข้าฌานฝึกฝนมา 500 กว่าปีแล้ว ตามหลักควรจะขึ้นสวรรค์แล้ว ทำไมยังบินขึ้นไปไม่ได้ ขอทานก็เลยรับปากพระชรา

เดินไปข้างหน้า ผ่านหนทางทั้งห้วยหนองคลองบึง ขอทานมาถึงริมแม่น้ำสายหนึ่ง ในแม่น้ำไม่มีเรือสักลำ ขอทานร้อนรนใจ จะทำอย่างไรดี จะข้ามไปยังไง ขอทานร้องไห้และพูดว่า หรือว่าชีวิตข้าจะต้องลำบากเช่นนี้หรือ ทันใดนั้น เต่ายักษ์แก่ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นเหนือน้ำ เต่าแก่พูดภาษาคนได้ ถามขอทานว่ามาร้องไห้ที่นี่ทำไม ขอทานเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เต่าแก่พูดกับเขาว่า ข้าได้เข้าฌานปฏิบัติตนมา 1000 ปีแล้ว ตามหลักน่าจะกลายเป็นมังกรบินไปแล้ว ทำไมยังเป็นแค่เต่าแก่ๆตัวหนึ่ง ถ้าเจ้าไปพบพระพุทธองค์ช่วยถามให้ข้าด้วย ข้าจะให้เจ้าขี่ข้ามแม่น้ำไปฝั่งตรงข้าม ขอทานรับปากด้วยความดีใจ

ขอทานเดินไปจำไม่ได้ว่าอีกกี่วัน แต่ก็หาพระพุทธองค์ไม่เจอ คิดในใจว่าพระพุทธองค์อยู่ไหนนะ แดนสุขาวดีน่าจะถึงแล้ว ขอทานเสียใจมาก เลยผลอยหลับไปแบบงุนงง

ทันใดนั้นพระพุทธองค์ปรากฏองค์ขึ้น ขอทานดีใจมาก พระพุทธองค์ถามขอทานว่า เจ้ามาไกลขนาดนี้ น่าจะมีคำถามอะไรที่สำคัญมากใช่ไหม ใช่เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะถามคำถามหลายคำถาม หวังว่าท่านจะอธิบายให้ข้าน้อยเข้าใจได้ พระพุทธองค์ตอบว่า ได้สิ แต่มีเงื่อนไขหนึ่งนะเจ้าถามได้สูงสุดแค่ 3 คำถามเท่านั้น เพราะว่าไม่เคยมีใครถามเกิน 3 คำถามมาก่อน ขอทานตอบตกลง คิดในใจว่า ข้าจะถามคำถามไหนดีขอทานรู้สึกว่าคำถามของตนเองช่างไม่มีความสำคัญเลย

เต่าแก่เข้าฌานมา1000ปีแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่าย คำถามเขาน่าจะลองถามดู

พระชราปฏิบัติมา500ปี ก็ลำบากมาก คำถามเขาก็น่าจะถามดู

ลูกสาวเศรษฐีช่างน่าสงสารนัก พูดไม่ได้แล้วจะแต่งงานได้ยังไง

คำถามของเขาก็น่าจะถามดู และแล้วขอทานจึงไม่ลังเลที่จะถามคำถามที่1

พระพุทธองค์ตอบเขาว่า เต่าแก่ไม่ยอมสละกระดองของมัน ก็เลยไม่สามารถกลายเป็นมังกรได้ ในกระดองของเต่ามีไข่มุกราตรีอยู่24เม็ด ถ้ามันยอมสละกระดอง มันก็จะกลายเป็นมังกรได้

คำถามที่2 ท่านตอบว่า พระชราถือไม้เท้าวิเศษทั้งวัน ในใจพะวงแต่ไม้เท้าว่าเป็นของวิเศษ ใช้ไม้เท้าเคาะบนพื้น1ที บนพื้นก็จะกลายเป็นธารน้ำใส ถ้าหากพระชรายอมโยนไม้เท้าทิ้ง เขาก็จะขึ้นสวรรค์ได้แล้ว

ขอทานดีใจมาก จึงถามคำถามที่3 ท่านตอบว่า ถ้าเด็กสาวได้พบคนที่เธอรัก เธอก็จะพูดได้เอง และทันใดนั้นพระพุทธองค์ก็หายไป?

ขอทานรู้สึกว่า ปัญหาของตัวเองไม่มีอะไรสำคัญ กลับไปขอทานตามเดิมดีกว่า แล้วจึงรีบเดินทางกลับ ขอทานกลับมาถึงริมแม่น้ำ เต่าแก่คำนวนว่าขอทานน่าจะมาถึงแล้ว จึงรีบถามว่าพระพุทธองค์ตรัสว่ายังไง ขอทานพูดว่า เจ้าพาข้าข้ามแม่น้ำไปก่อน ข้าจะเล่าให้ฟัง เต่าพาขอทานข้ามแม่น้ำไป ขอทานเล่าสาเหตุให้ฟัง เต่าฟังแล้วเข้าใจทันที จึงถอดกระดองออกยกให้ขอทานและพูดว่า ในนี้มีไข่มุกราตรี24เม็ด เป็นของที่หาค่ามิได้ สำหรับข้าไม่มีประโยชน์แล้ว ข้าขอยกให้เจ้า เต่าแก่จึงกลายเป็นมังกร บินหายไป

ขอทานเอาไข่มุกราตรี24เม็ด รีบเดินทางกลับมาถึงบนเขาพบกับพระชรา พระชรารีบถามว่าพระพุทธองค์ท่านตรัสว่าอย่างไร ขอทานเล่าสาเหตุให้ฟัง พระชราได้ฟังดีใจมาก จึงมอบไม้เท้าวิเศษให้แก่ขอทาน พระชราจึงขี่เมฆบินขึ้นท้องฟ้าหายไป

ขอทานเดินทางมาถึงหน้าบ้านเศรษฐี ทันใดนั้น มีหญิงสาววิ่งออกมาและตะโกนเสียงดังว่า คนที่ไปถามพระพุทธองค์กลับมาแล้ว เศรษฐีก็วิ่งออกมา เขาตกใจมากที่อยู่ๆลูกสาวเขาพูดได้ ขอทานถ่ายทอดคำตรัสพระพุทธองค์ เศรษฐีดีใจมาก จึงให้ลูกสาวแต่งงานกับขอทาน

ความรักที่ให้ออกไป ความรักก็จะย้อนกลับคืนมา

ความสุขที่ให้ออกไป ความสุขก็จะย้อนกลับคืนมา

คิดเผื่อคนอื่น ย่อมจะต้องมีคนคิดถึงคุณ

นี่คือเหตุและผล นี่คือกฏเกณฑ์

เมื่อท่านอ่านบทความนี้จบ ท่านมี2ทางเลือก

  1. ท่านเผยแพร่ออกไปเต็มความสามารถ ทำให้โลกนี้มีความรักเพิ่มขึ้น
  2. ท่านสามารถไม่สนใจ เสมือนหนึ่งท่านไม่เคยเห็นมันเลย

การแบ่งปันเล็กๆของท่าน อาจสามารถส่องสว่างให้แก่ชีวิตคนมากมาย คนมีความฝันจึงทำให้ยิ่งใหญ่ การกระทำยิ่งทำให้ประสบความสำเร็จ การเรียนรู้ของท่านทำให้ท่านเปลี่ยนแปลง

ขอให้ท่านกระจายความรักของท่านจะช่วยให้คนส่วนมากเติบใหญ่ขึ้น ขอบคุณการสนับสนุนของท่าน ข้าพเจ้าได้เลือกทำข้อที่1แล้ว

IMG_1235.JPG

https://steemit.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 15/1/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 20,150.00 20,050.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,305.00 19,783.80 20,750.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,174.50 17,805.42 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 587.00 8,898.92 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 457.00 6,928.12 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,352.00 20,496.32 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  15/1/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.95 27.95 27.95 27.95 27.95
27.95
27.95
27.95
27.95
แก๊สโซฮอล E-20
25.44
25.44
25.44
25.44
25.44
25.44
25.44
25.44
25.44
แก๊สโซฮอล E-85 20.64 20.64 20.64 20.64
แก๊สโซฮอล 91 27.68 27.68 27.68 27.68 27.68 27.68 27.68 27.68 27.68 27.68
เบนซิน 95 35.06 35.51 35.56 35.06 35.06 35.06
ดีเซลหมุนเร็ว 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 30.59 30.59 30.59 30.59 30.59
มีผลตั้งแต่ 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า