สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561

บิ๊กอสังหาแข่งกลยุทธ์ดักเทรนด์ขาขึ้น ชูไฮไลต์ใช้ชีวิตดิจิทัลในบ้าน-คอนโดลักเซอรี่

บิ๊กอสังหาฯแข่งประชันกลยุทธ์ท่วมตลาด เมกะเทรนด์มาครบทั้งคอนโดฯแพงทำเลแนวรถไฟฟ้า-สมาร์ทโฮมยุค IOT-ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งลิงก์ที่อยู่อาศัยเชื่อมไลฟ์สไตล์ “พฤกษาฯ-แสนสิริ” ยืนเด่นแผนเปิดตัวใหม่บริษัทละ 6 หมื่นล้าน “ศุภาลัย-เอพี-เอสซีฯ” ติดลมบนยอดพรีเซลกระฉูด “LPN” ปรับตัว 360 องศาวาดเป้าปี”62 กลับมายืนที่เดิมบนยอดขาย 1.5 หมื่นล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจแผนธุรกิจบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในรอบ 1 เดือนเศษ พบว่าส่วนใหญ่เป็นแผนบุกตลาดเชิงรุก มีการนำเสนออย่างเป็นระบบผ่านธีมในการทำธุรกิจ โดยมีมอตโต้จั่วหัวแสดงถึงทิศทางที่จะมุ่งไปในปี 2561 (ดูตารางประกอบ) จุดโฟกัสเป็นไปตามความถนัดและความเชี่ยวชาญของผู้ประกอบการแต่ละราย
 
แน่นอนว่าสินค้าเด่นยังคงเป็นคอนโดมิเนียมทำเลแนวรถไฟฟ้า เนื่องจากการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ภาครัฐมีความคืบหน้าในการก่อสร้างมากขึ้นเป็นลำดับ รวมทั้งให้น้ำหนักโครงการแนวราบที่หลายรายฟันธงสอดคล้องกันว่า “ทาวน์เฮาส์” มาแรงเบียดคอนโดฯในทำเลเดียวกัน
ศุภาลัยตั้งการ์ดสูง
ทั้งนี้ แผนธุรกิจปีนี้หลายบริษัทมีแผนเปิดตัวใหม่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด เหตุผลส่วนหนึ่งอาจมาจากการเลื่อนเปิดตัวในปี 2560 โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ระบุว่า โครงการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการเปิดตัวลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2559 มีสถิติทั้งหมด 25 โครงการ จำนวน 5,595 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 17,989 ล้านบาท โดยหลายโครงการเลื่อนเปิดไปเป็นเดือนมกราคม 2561
 
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้วางแผนเปิดตัวใหม่ 35 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท มาจากคอนโดฯ เท่ากับปีที่แล้วจำนวน 5 โครงการ แนวราบอีก 30 โครงการ เป้ายอดพรีเซล 33,000 ล้านบาท เป้ารับรู้รายได้ 26,000 ล้านบาท
 
“ปีที่แล้วจากเดิมตั้งเป้าเปิดตัวใหม่ 27 โครงการ แต่เปิดจริง 20 โครงการ และเลื่อนมาเปิดในปีนี้แทน ในส่วนตลาดต่างจังหวัดซึ่งศุภาลัยเป็นเจ้าตลาด ลงทุนแล้ว 11 จังหวัด ปีนี้ขยายเพิ่มเป็น 12 จังหวัดเข้าไปในเชียงราย โดยรายได้ต่างจังหวัดเดิมมีสัดส่วน 24% ต้องการเพิ่มเป็น 30%
 
“กลยุทธ์ปีนี้มีตั้งแต่โปรดักต์ดีไซน์เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้เปลี่ยนแปลงรุนแรงและชัดเจน สาเหตุจากเป็นยุคโซเชียลทำให้คนมีมุมมองของตัวเองชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ กลุ่มลูกค้าเดิมเน้น 3-5 ล้าน ปีนี้จะเห็นจับตลาด 10 ล้านมากขึ้น รวมทั้งเทรนด์พร็อพเทคที่จะมีการส่งมอบให้กับลูกบ้าน ควบคู่กับตลาดลูกค้าต่างชาติก็ให้ความสำคัญมากขึ้น ล่าสุดมีต่างชาติซื้อคอนโดฯ 1,000 กว่าล้านบาท” นายไตรเตชะกล่าว
 
เอสซีฯวางโรดแมป 3 ปี
 
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีที่แล้วบริษัททำนิวไฮยอดพรีเซลรวมของบริษัทเกิน 15,000 ล้านบาท และนิวไฮยอดพรีเซลโครงการแนวราบเกิน 10,000 ล้านบาท เป็นบรรทัดฐานแผนธุรกิจในอนาคตว่าจะต้องไม่น้อยกว่านี้ โดยวางโรดแมป 3 ปี (2018-2020) มียอดขายรวมเกิน 60,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตปีละ 20%
 
จุดโฟกัสมีการปรับวิธีคิดจากการเป็นดีเวลอปเปอร์ก้าวสู่การเป็น living solutions provider โดยเปิดความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจทุกระดับมากขึ้น เป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตระยะยาวให้กับบริษัท
 
“เป้าหมายรักษาฐานผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว 8 ล้านบาท เพิ่มส่วนแบ่งตลาดบ้านเดี่ยวต่ำกว่า 8 ล้านบาท กับทาวน์โฮม 2-3 ล้าน ปีนี้เป็นครั้งแรกที่จะขยายลงทุนไปจังหวัดฉะเชิงเทรา รองรับโอกาสของ EEC ส่วนคอนโดฯภายในสามปีวางแผนลงทุนใหม่ 10 โครงการ และเป็นปีแรกที่พัฒนาบิ๊กไซซ์เกินร้อยไร่ โดยมี 2 ทำเล คือ บางกะดี 245 ไร่ กับกรุงเทพกรีฑา 115 ไร่ จากเดิมทำไซซ์ 50-60 ไร่”
 
เป้ายอดขายและรายได้ปีนี้ 17,000 ล้านบาท เตรียมเปิด 19 โครงการใหม่ มูลค่า 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 17 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท และแนวสูง 2 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ตั้งงบฯจัดซื้อที่ดิน 10,000 ล้านบาท
 
เอพีมุ่งมั่นขึ้นท็อป 3
 
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางดำเนินงานในปีนี้ยังคงมุ่งเป้าหมายนำเอพีก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 3 โดยวางแผนเปิดตัวใหม่ 34 โครงการ มูลค่ารวม 49,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ 4 โครงการ 19,000 ล้านบาท แนวราบ 30 โครงการ 30,000 ล้านบาท เป้ายอดขาย 33,500 ล้านบาท เป้ารายได้ 28,100 ล้านบาท
 
“ปีนี้มี 5 กลยุทธ์ 1.สานต่อความสำเร็จกับกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท 2.เปิดตัวสินค้า super luxury โดยฟื้นแบรนด์คอนโดฯ ดิแอดเดรส กับบ้านเดี่ยวลักเซอรี่ เดอะพาลาซโซ อีกครั้ง 3.รุกตลาดแนวราบ สร้างความต่างด้วยการออกแบบสินค้าตอบความต้องการเฉพาะกลุ่ม ปัจจุบันมีแบบบ้าน 70 กว่าแบบ 4.ขยายพอร์ตตลาดต่างประเทศ 5.พัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ปัจจุบันมีโครงการพัฒนาอยู่ 90 โครงการ” นายอนุพงษ์กล่าว
 
พฤกษาฯฟอร์มไม่ตก
 
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วิสัยทัศน์และพันธกิจก้าวไปสู่แบรนด์อันดับหนึ่งในใจคนไทย และเป็นที่หนึ่งในตลาดอสังหาฯ ปีนี้จึงเน้นศึกษาเมกะเทรนด์ตลาด มองว่า 5 ปีหน้ามูลค่าตลาดสมาร์ทโฮมเติบโต 13.65% จึงนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้พัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อเพิ่มคุณภาพและบริการ อาทิ การเยี่ยมชมโครงการใหม่ผ่านระบบ VR การสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านผ่าน AI เป็นต้น กลยุทธ์การตลาด digital marketing รองรับไลฟ์สไตล์ลูกค้า ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จ เว็บไซต์พฤกษาฯก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของธุรกิจอสังหาฯไทย ปีที่ผ่านมามียอดขายจากสื่อดิจิทัล 16,101 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 98%
 
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท เปิดเผยว่า ปีนี้เน้นโครงการระดับกลาง-ล่าง เพื่อรักษาฐานลูกค้ากลุ่มเดิม และขยายฐานกลาง-บนมากขึ้น โดยนำนวัตกรรมพฤกษาฯ 4.0 มาใช้ในการก่อสร้างทุกโครงการ ทั้งยังมีแผนพัฒนาโครงการแนวราบ บนที่ดิน 300 ไร่ ถนนบางนา-วงแหวน มูลค่า 8,000 ล้านบาท
 
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมี่ยม กล่าวว่า ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายตลาดพรีเมี่ยม 6,800 ล้านบาท เป้ารายได้ที่ 3,500 ล้านบาท เปิดใหม่ 8 โครงการ มูลค่า 10,260 ล้านบาท เน้นพัฒนาจำนวนยูนิตไม่เยอะ ให้ความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัย
แสนสิริโกลบอลแบรนด์
 
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้แผนธุรกิจโชว์ความแข็งแกร่งโดยทุบสถิตินิวไฮเป้ายอดพรีเซล 45,000 ล้านบาท และนิวไฮมูลค่าเปิดตัวใหม่ 31 โครงการ 63,200 ล้านบาท หลังจากมีผลงานความสำเร็จในปี 2560 ที่เปิดตัวใหม่ 14 โครงการ 37,200 ล้านบาท ยอดพรีเซล 38,600 ล้านบาท เพิ่ม 24% จากปีก่อนหน้า
 
กลยุทธ์มี 7 ด้าน เริ่มจากรุกคืบตลาดต่างชาติ เป้ายอดขาย 12,000 ล้านบาท, เดินหน้าผนึกกำลังพันธมิตรไทยและระดับโลก, เพิ่มน้ำหนักตลาดทาวน์เฮาส์ เป้า 9,300 ล้านบาท, เปิดตัว Condo รูปแบบใหม่เพื่อสร้างประสบการณ์ฉีกกฎเกณฑ์เดิม ๆ, รุกพัฒนา digital transformation ในทุกด้าน, เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรด้วยวิธีการทำงานแบบ agile เพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด และผลักดันวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริงในทุกมิติ
LPN 2 ปีจะกลับไปยืนที่เดิม
 
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า ปีนี้วางแผนเปิดตัวใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท เน้นตลาดกลาง-บน ทำเลในเมืองเป็นหลัก เพราะต้องการเร่งสร้างรายได้ให้กลับมาอยู่ในจุดเดิม ตั้งเป้ายอดขาย 20,000 ล้านบาท
 
“ในปี 2562 เป้าหมายต้องการนำ LPN กลับไปยืนอยู่ในจุดเดิมที่เคยทำรายได้ขายสูงสุด 15,000 ล้าน เมื่อปี”58 สาเหตุเพราะตลาดกลาง-ล่างซึ่งเป็นฐานรายได้หลักมีปัญหาซื้อได้แต่โอนไม่ได้ ยอดกู้ไม่ผ่านสูงมาก ต้องอดทนรอให้เศรษฐกิจภาพใหญ่ดีขึ้นจริง ๆ เสียก่อน เพราะแบงก์จะเปลี่ยนมุมมองและยอมปล่อยกู้มากขึ้น”
 
เรื่องใหม่สำหรับ LPN มีทั้งลงทุนโครงการแนวราบระดับพรีเมี่ยม ประกอบด้วยบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม โดยตั้งสายงานใหม่ขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ ส่วนบริษัทพรสันติรับผิดชอบสินค้าแนวราบระดับกลาง-ล่าง ซึ่งปีนี้เตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “บ้าน 365” แนวคิดเป็นโครงการมิกซ์โปรดักต์ มีทั้งบ้านเดี่ยว 30-40 ล้านบาท กับทาวน์โฮม 10 ล้านบาทขึ้นไป รวมทั้งเตรียมลงทุนโครงการมิกซ์ยูสมีออฟฟิศบิลดิ้งกับคอนโดฯ ทำเลวิภาวดี-พหลโยธิน 18 มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท

http://www.bkkcitismart.com


แสนสิริผนึก 6 พันธมิตรชู‘สมาร์ทมูฟ’เสริมแกร่งที่อยู่อาศัย

การแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยปัจจุบัน ไม่เพียงโฟกัสที่“ทำเล”โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังมุ่งสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ แก่กับลูกบ้าน ผ่านเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคสมาร์ท ลิฟวิ่ง

ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยี บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าภายใต้แนวคิด”เติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ” (Complete Your Living Experience) ได้เปิดตัว Smart Move แพลตฟอร์มบริการยานพาหนะระบบเช่า รูปแบบ “คาร์แชริ่ง” ในโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ

โดยศึกษาจากความต้องการของลูกบ้าน ที่พบว่านอกจากบริการขนส่งสาธารณะ ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์การเดินทางของคนรุ่นใหม่ที่อาศัยอยู่ในโครงการคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าแล้ว ยังมีความต้องการใช้รถยนต์ จักรยานยนต์ หรือจักรยาน ในบางโอกาส เพื่อความสะดวกสบายและคล่องตัว

อีกทั้งสอดคล้องกับการขยายตัวของกระแส“เศรษฐกิจแบ่งปัน”(Sharing Economy) ซึ่งเป็นเทรนด์โลกที่สำคัญของปี 2561 จากการแบ่งปันทรัพยากรร่วมกันที่กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของคนทั่วโลก รวมทั้งเทรนด์รักษ์โลกด้วยการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่กำลังเป็นกระแสของคนรุ่นใหม่ รวมทั้งนโยบายการรณรงค์ในการประหยัดพลังงาน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจากทั้งภาครัฐและเอกชน

แพลดฟอร์ม“สมาร์ทมูฟ” ดำเนินการร่วมกับ 6 พันธมิตรในไทยและระดับโลก เพื่อให้บริการยานพาหนะระบบเช่าครบวงจรแก่ลูกบ้านแสนสิริ เป็นรายแรกของไทย โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาเข้าเป็นส่วนหนึ่งใน แอพพลิเคชั่น Sansiri Home Service ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตแก่ลูกบ้านแสนสิริ ในโครงการที่พักอาศัยทุกประเภท ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์

สำหรับ 6 พันธมิตร ที่ให้บริการยานพาหนะระบบเช่า ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ “ฮอนด้า” ที่จะนำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รุ่นใหม่ล่าสุดมาให้บริการ

บริการจาก “อูเบอร์” ผู้ให้บริการรถร่วมเดินทางผ่านแอพพลิเคชั่นจากสหรัฐ  เซอร์วิสจาก ofo ผู้ให้บริการเช่า จักรยานผ่านทางแอพมือถือรายแรกและรายใหญ่ที่สุดของโลก นำร่องให้บริการเช่ารถจักรยานใน 11 โครงการของแสนสิริ  บริการจาก Haupcar ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มให้บริการคาร์แชร์ริ่งรายแรกของไทย

นอกจากนี้ยังมีบริการจาก SHARGE ผู้ให้บริการเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ และ EA Anywhere ผู้ให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ที่จะดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์รุ่นใหม่พร้อมให้ชาร์จฟรีครั้งแรกสำหรับลูกบ้านแสนสิริ

“การให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าระบบเช่าครบวงจร ภายใต้แพลตฟอร์มสมาร์ทมูฟ ถือเป็นครั้งแรกในโครงการที่อยู่อาศัยของเมืองไทย แสนสิริมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเดินทางของคนรุ่นใหม่  รวมทั้งสร้างความแตกต่างและเสริมความแข็งแกร่งตลาดที่อยู่อาศัยของบริษัท”

ศิริภา จึงสวัสดิ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย อูเบอร์ ผู้ให้บริการร่วมเดินทางผ่านแอพพลิเคชั่น กล่าวว่าจากการวิจัยพบว่าคนไทยเสียเวลาหาที่จอดรถสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน  เฉลี่ย 72 นาทีต่อวัน หรือปีละ 20 วัน  ขณะที่ปัจจุบันมีตัวเลือกการเดินทางหลากหลาย โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของรถยนต์  อีกทั้งเทคโนโลยี สามารถช่วยใช้ประโยชน์จากการใช้รถยนต์ด้วยแนวคิด แชริ่ง อีโคโนมี ที่อูเบอร์ให้บริการทั่วโลก

 “การเป็นพันธมิตรกับแสนสิริ นำบริการร่วมเดินทางให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกการเดินทางสำหรับคนไทย ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาจราจรและปัญหาการหาที่จอดรถในกรุงเทพฯ และใช้เทคโนโลยีตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง”

ขณที่ สโรช บุญศิริพันธ์ รองประธานสายงานกลยุทธ์และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ฮอปคาร์ จำกัด กล่าวว่า Haupcar (ฮอปคาร์) เป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์มและให้บริการ Carsharing รายแรกของไทย ซึ่งการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในแพลตฟอร์มสมาร์ทมูฟ จะให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าระบบเช่าในโครงการที่อยู่อาศัยโดยตรง โดยแสนสิริได้มีจัดให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง BMW i3 โดยผู้เช่าสามารถจองและปลดล็อครถผ่านมือถือได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง

“ในอนาคตเราจะจับมือกับแสนสิริ เพื่อขยายการให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าระบบเช่าให้ครอบคลุมในทุกโครงการคอนโดมิเนียมของแสนสิริที่ติดรถไฟฟ้า เพราะมองว่าความต้องการใช้บริการประเภทนี้จะเพิ่มสูงขึ้นมากในอนาคต”

ทางด้าน พีระภัทร ศิริจันทโรภาส ผู้อำนวยการ บริษัท ชาร์จ โซลูชั่นส์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “SHARGE  เป็นผู้ให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าระบบเช่าของแพลตฟอร์มสมาร์ทมูฟ ซึ่งมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นถึง 50% ต่อปี  นอกจากนี้ยังเป็นพันธมิตรในระยะยาวกับแสนสิริในการให้บริการ EV Charger ในโครงการที่พักอาศัยอีกด้วย โดยได้นำร่องให้บริการไปตั้งแต่ปีที่ผ่านมา 3 โครงการและจะขยายอีกกว่า 10 โครงการในปีนี้

http://www.bangkokbiznews.com


แบงก์ลุยลดต้นทุน เล็งดึงเซเว่นฯ-โชห่วย รับฝาก-ถอนเงินแทนได้

แบงก์กิ้งเอเย่นต์

ภาพจาก Andrey Burkov / Shutterstock.com

แบงก์ชาติ เตรียมประกาศเกณฑ์เลือกร้านค้าเป็นตัวแทนธนาคาร รับเงิน ฝากเงิน ถอนเงินแทนได้ หวังคนเข้าถึงธุรกรรมได้ง่ายขึ้น ซ้ำช่วยลดต้นทุนแบงก์เปิดสาขาใหม่

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 นางสาวดารณี แซ่จู ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. ได้ลงนามในหลักเกณฑ์การเป็นตัวแทนธนาคาร หรือ แบงก์กิ้งเอเย่นต์แล้ว ซึ่งจะมีการประกาศออกมาในเร็ว ๆ นี้ เพื่อให้ประชาชนเข้ารับบริการทำธุรกรรมจากตัวแทนธนาคาร เช่น ร้านค้าโชห่วย หรือร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นอีเลฟเว่น เป็นต้น

นางสาวดารณี ระบุต่อว่า การมีแบงก์กิ้งเอเย่นต์จะช่วยให้ธนาคารสามารถขยายธุรกรรมทางการเงิน ทั้งรับเงิน ฝากเงิน ถอนเงิน ให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้นโดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่จะได้ประโยชน์มากเพราะเดินทางได้สะดวก อีกทั้งยังเป็นการลดต้นทุนการเปิดสาขาของธนาคารและลดต้นทุนการขนย้ายเงินไปยังจังหวัดต่าง ๆ 

อย่างไรก็ตาม ร้านค้าที่ต้องการเป็นตัวแทนจะต้องมีระบบควบคุมที่ดี เพราะเป็นการดำเนินงานที่มีความเสี่ยง ส่วนธนาคารจะเลือกตัวแทนอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับแผนธุรกิจของธนาคาร ซึ่งทาง ธปท. จะเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

https://money.kapook.com


ม.หอการค้าไทยคาดเงินสะพัดตรุษจีน 60,000 ล้านบาท

ม.หอการค้าไทยคาดเงินสะพัดตรุษจีน 60,000 ล้านบาท

นายวรพร ตั้งสง่าศักดิ์ศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วงเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน จะมีความต้องการใช้ธนบัตรของประชาชนในเกณฑ์ที่สูงกว่าปกติ โดย ธปท. ประมาณการว่า ธนาคารพาณิชย์จะเบิกจ่ายธนบัตรจาก ธปท. ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนเทศกาลเพิ่มขึ้นจากการเบิกจ่ายปกติ โดยคาดว่าจะมีมูลค่าสุทธิประมาณ 46,000 ล้านบาท ดังนั้น ธปท. จึงได้เตรียมสำรองธนบัตรชนิดราคาต่าง ๆ เพื่อรองรับอย่างเพียงพอ

ขณะที่ ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งประเมินการใช้จ่ายช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2561 อาทิ ธนาคารกสิกรไทย สำรองเงินสดไว้ช่วง 13-16 ก.พ. ทั้งสิ้น 48,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการสำรองผ่านช่องทางสาขา 21,000 ล้านบาท และสำรองผ่านตู้เอทีเอ็ม 27,000 ล้านบาท ทั่วประเทศ ขณะที่ ธนาคารกรุงเทพ จัดสรรเงินสดสำรองไว้บริการลูกค้า 35,000 ล้านบาท และเพิ่มความถี่เติมเงินที่ตู้เอทีเอ็มเป็นกรณีพิเศษ รวมถึงสำรองธนบัตรใหม่ เพื่อใช้สำหรับเป็นเงินอั่งเปามอบเป็นธรรมเนียมในเทศกาลปีใหม่จีนด้วย

ด้านธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำรองเงินสดไว้ 17,077 ล้านบาท แบ่งเป็นช่องทางตู้เอทีเอ็ม 10,054 ล้านบาท สาขาของธนาคาร 7,023 ล้านบาท ส่วนธนาคารกรุงไทย เตรียมธนบัตรใหม่ทุกชนิดไว้ตามสาขาและตู้เอทีเอ็มคิดเป็นมูลค่า 10,218 ล้านบาท เพื่อรองรับการใช้จ่ายของประชาชนช่วงวันที่ 8-16 ก.พ. และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เตรียมเงินสดสำรองไว้ให้บริการลูกค้าในช่วงดังกล่าว 1,111 ล้านบาท

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินเงินสะพัด 13,440 ล้านบาท

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า เม็ดเงินค่าใช้จ่ายช่วงเทศกาลตรุษจีนของคนกรุงเทพฯ ปีนี้ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 13,440 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่ม 4.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเม็ดเงินค่าใช้จ่ายปี 2561 ในเทศกาลนี้มีเพิ่มขึ้นในส่วนของค่าใช้จ่ายจากการทำบุญ การท่องเที่ยว และเงินแต๊ะเอีย ขณะที่เม็ดเงินค่าเครื่องเซ่นไหว้อาจอยู่ในภาวะทรงตัว เนื่องจากความเคร่งครัดในประเพณีที่ไม่เข้มแข็งเหมือนแต่ก่อน ทำให้แต่ละครอบครัวใช้เม็ดเงินในส่วนนี้เท่าที่จำเป็น ทั้งที่ราคาสินค้าก็ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาก

โดยคาดว่า เม็ดเงินค่าเครื่องเซ่นไหว้ของคนไทยเชื้อสายจีนในกรุงเทพฯ ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 5,970 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนค่าท่องเที่ยว ทำบุญ ประมาณ 3,540 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เงินแต๊ะเอีย ประมาณ 3,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7%

พร้อมกับคาดว่าในอนาคต เม็ดเงินค่าใช้จ่ายในส่วนของการไหว้ตรุษจีน อาจมีแนวโน้มปรับลดลง ตามจำนวนคนจีนรุ่นก่อนที่มีบทบาทนำด้านการจัดเตรียมพิธีไหว้ที่มีแนวโน้มลดลง และถูกทดแทนด้วยคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคร่งครัดประเพณี ซึ่งปัจจัยดังกล่าว นับเป็นโจทย์ที่ท้าทายของธุรกิจในการวางกลยุทธ์ ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมการตลาดที่อาจเปลี่ยนไป โดยเฉพาะการดึงคนรุ่นใหม่ที่มีความหลากหลายและไม่ยึดติดกับประเพณีเดิม รวมถึงบางกลุ่มก็พร้อมที่จะไม่สืบทอดต่อไปให้มาใช้บริการ

ม.หอการค้าชี้ใช้จ่ายซื้อสินค้า-ท่องเที่ยวเฉียด 60,000 ล้านบาท สาเหตุเพราะของแพงขึ้น

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุุถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคช่วงเทศกาลตรุษจีน 2561 พบว่า มีผู้ตอบว่าตรุษจีนปีนี้จะคึกคักมากกว่าปีก่อน 63% คึกคักเท่าเดิม 24.4% และ คึกคักน้อยลง 12.6% โดยส่วนใหญ่วางแผนไหว้เจ้า/บรรพบุรุษ และเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะปีนี้เดินทางไปต่างประเทศมากกว่าปีก่อนค่อนข้างมาก

ในส่วนการใช้จ่ายซื้อสินค้า ส่วนใหญ่ 45.9% ระบุซื้อปริมาณเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ 57.6% ระบุใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจดีขึ้น ของแพงขึ้น มีรายได้และโบนัส

42.6% ระบุใช้จ่ายเท่าเดิมและลดลง เพราะจำเป็นต้องลดการใช้จ่ายตามรายได้ที่ลดลง มองภาวะเศรษฐกิจแย่ลง และวิตกเรื่องเสถียรภาพทางการเมือง โดยคาดว่าเงินใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนทั้งการซื้อสินค้าและท่องเที่ยวประมาณ 56,860 ล้านบาท เป็นมูลค่าสูงสุดที่เคยทำการสำรวจมา 10 ปี แต่ขยายตัวเพียง 3.52% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 6 ปี

“สาเหตุหลักที่มูลค่าใช้จ่ายตรุษจีนปีนี้สูงสุด เป็นผลมาจากราคาสินค้าสูงขึ้น โดยผู้บริโภค 67.8% ระบุราคาสินค้าตรุษจีนปีนี้แพงขึ้น ขณะที่มีเพียง 15.7% ระบุราคาไม่เปลี่ยนแปลง สอดรับกับคำถามว่าสิ่งที่เป็นห่วงมากในตรุษจีนนี้อันดับแรกคือ การขึ้นราคาสินค้าที่จำเป็นสำหรับตรุษจีน ส่วนกลุ่มที่ใช้จ่ายลดลงเพราะกังวลเรื่องรายได้และเห็นว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ทำให้ระมัดระวังการใช้จ่าย หากไม่กังวลเรื่องเศรษฐกิจและเศรษฐกิจไม่ได้ฟื้นตัวแบบกระจุกตัวอย่างตอนนี้ การใช้จ่ายตรุษจีนน่าจะขยายตัวได้ราว 5-6% เมื่อรวมการใช้จ่ายวันวาเลนไทน์และตรุษจีนปีนี้จะมีมูลค่าเกือบ 60,000 ล้านบาท ส่งผลให้จีดีพีดีขึ้น 0.3%” นายธนวรรธน์ กล่าว

https://money.sanook.com


ประโยชน์ของมะละกอ ผลไม้เพื่อสุขภาพ ต้านโรคได้

ประโยชน์ของมะละกอ ผลไม้เพื่อสุขภาพ ต้านโรคได้

มะละกอ ผลไม้ที่สามารถทานได้ทั้งดิบและสุก ซึ่งก็มีรสชาติอร่อย และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทานแบบสดๆ นำมาทำส้มตำ หรือเป็นส่วนประกอบของอาหารก็ตาม และนอกจากการนำมาใช้ประโยชน์แล้ว มะละกอก็ยังมีประโยชน์อีกมากมายที่จะช่วยบำรุงสุขภาพให้แข็งแรงและต้านโรคร้ายได้อีกด้วย โดยประโยชน์ของมะละกอก็มีดังนี้

ต้านมะเร็ง

จากการวิจัยพบว่า มะละกอมีสารไลโคปีน ที่จะช่วยในการต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก จึงควรทานมะละกอให้มากขึ้น นอกจากนี้ก็พบว่าเมล็ดมะละกอสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็งได้อีกด้วย จึงมีการนำเมล็ดมะละกอมาสกัดเพื่อเป็นยาบรรเทาอาการมะเร็งนั่นเอง

บำรุงหัวใจ

มะละกอ มีส่วนช่วยในการบำรุงหัวใจให้แข็งแรง และสามารถป้องกันการเกิดไขมันอุดตันเส้นเลือด หรือโรคหัวใจขาดเลือดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในคนที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว การทานมะละกอบ่อยๆ ก็สามารถบรรเทาอาการของโรคหัวใจได้เหมือนกัน แม้จะไม่สามารถทำให้หายขาดได้ แต่เมื่อทานควบคู่ไปกับการรักษาทางแพทย์ ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ดีไม่น้อย

ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น

เนื่องจากมะละกอเป็นผลไม้ที่ย่อยง่าย จึงทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสารอาหารและวิตามินในมะละกอ ก็สามารถถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย จึงให้ประโยชน์ต่อร่างกายได้เต็มที่สุดๆ

เสริมสร้างความจำและบำรุงสมอง

มะละกอ อุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารมากมาย ที่จะช่วยเสริมสร้างความจำและบำรุงสมองได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ความจำดีขึ้น แถมลดความเสี่ยงการเป็นอัลไซเมอร์และช่วยให้สมองเกิดความผ่อนคลายอีกด้วย โดยเฉพาะวัยเรียนและวัยทำงานที่ต้องใช้สมองและความคิดมากเป็นพิเศษไม่ควรพลาดที่จะทานมะละกอเด็ดขาด

บรรเทาอาการท้องผูก

มะละกอมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ และมีเส้นใยสูง จึงสามารถบรรเทาอาการท้องผูกได้ดี แถมยังลดความเสี่ยงการเป็นโรคริดสีดวงทวารอีกด้วย ดังนั้นสำหรับใครที่มีปัญหาท้องผูกเป็นประจำ การทานมะละกอก็จะช่วยแก้อาการท้องผูกได้อย่างดีเยี่ยม และสามารถปรับระบบการขับถ่ายให้เป็นปกติได้ดี

แค่ทานมะละกอเป็นประจำ ก็จะช่วยบำรุงสุขภาพให้แข็งแรงขึ้นได้ และสามารถต้านโรคร้ายต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะโรคมะเร็ง และเพื่อให้ได้ประโยชน์ของมะละกอมากที่สุด ควรทานมะละกอสุกมากกว่ามะละกอดิบ เนื่องจากจะมีวิตามินและสารอาหารสูงกว่า แถมทานง่าย ย่อยง่ายและอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารอีกด้วย ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดี หันมาทานมะละกอบ่อยๆ กันเถอะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

https://www.sanook.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 15/02/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,950.00 20,050.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,292.00 19,586.72 20,550.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,162.80 17,628.05 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 581.00 8,807.96 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 452.00 6,852.32 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,339.00 20,299.24 n/a

 ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  15/02/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55
แก๊สโซฮอล E-20 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04
แก๊สโซฮอล E-85 20.44 20.44 20.44 20.44
แก๊สโซฮอล 91 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28
เบนซิน 95 34.66 35.11 35.66 34.66 34.66 34.66
ดีเซลหมุนเร็ว 26.69 26.69 26.69 26.69 26.69 26.69 26.69 26.69 26.69 26.69
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 30.19 30.19 30.19 30.19 30.19
มีผลตั้งแต่ 14 Feb 05:00 14 Feb 05:00 14 Feb 05:00 14 Feb 05:00 14 Feb 05:000 14 Feb 05:00 14 Feb 05:00 14 Feb 05:00 14 Feb 05:00 14 Feb 05:00

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า