สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2560

แสนสิริเปิดกลยุทธ์’โตนอกบ้าน’

การรุกตลาดและสร้างการเติบโตของยอดขายในต่างแดนเป็นแนวทางที่ เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มองไว้ว่าจะให้เป็นอีกช่องทางสร้างการเติบโตให้กับภาพรวมธุรกิจ

หลังประเมินสภาพเศรษฐกิจในประเทศไทยช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ที่ยังขาดปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจขยายตัว “ที่ผ่านมายอดขายเรา 3 หมื่นล้านบาทและอยู่ระดับนี้มา ลองมานั่งคิดว่า ครั้งล่าสุดที่ประเทศพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเมื่อไหร่ น่าจะเป็น สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนหน้านั้นก็อีสเทิร์นซีบอร์ด ผมว่าเกือบๆ 30 ปีมาแล้ว ซึ่งเศรษฐกิจไทยจะบูมได้ต้องทำเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้นการจะสร้างการเติบโตได้ก็ต้องมาจากต่างประเทศ” เศรษฐา กล่าว นั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้แสนสิริ วางกลยุทธ์และรูปแบบการทำงาน พร้อมกับพัฒนาทีมงานที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

โดยมองศักยภาพของตลาดจีน ว่ายังเติบโตได้อีกมาก จาก 5 ปัจจัย คือ “สภาพอากาศ” ประเทศจีนมีอากาศหนาวเย็นทำให้มีความต้องการเลี่ยงอากาศหนาวด้วยการหาที่พักอาศัยอีกแห่ง ซึ่งไทยเป็นอีกตลาดที่คนจีนให้ความสนใจ “ราคา” และ “โอนกรรมสิทธิ์” เป็นอีก 2 ปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย  เพราะราคาในจีนแพงกว่า 3-4 เท่า ที่จีนจะเป็น lease hold แต่ไทย free hold ที่โอนเป็นสมบัติได้ชั่วลูกชั่วหลาน นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ “ผลตอบแทน” เฉลี่ย 5-7% จากการปล่อยเช่า และสุดท้าย บริการหลังการขาย ที่แม้จะอยู่ไกลแค่ไหนก็ออนไลน์ได้ง่ายๆ ด้วยโซลูชั่นต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นมารองรับ ปัจจุบันแสนสิริเปิดสำนักงานในจีนแล้ว 4 แห่ง ได้แก่ ปักกิ่ง เซินเจิ้น กวางโจว และเซี่ยงไฮ้ แต่ละเมืองจะมีกลยุทธ์ทางการตลาดจะแตกต่างกัน กรุงปักกิ่ง เป็นฐานของตลาดชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ ทั้งที่เป็นนักลงทุน และลูกค้าบุคคล กวางโจว และเซินเจิ้น สภาพทางสังคมวัฒนธรรมและที่ตั้งอยู่ใกล้กับฮ่องกง จึงสามารถใช้วิธีการทำตลาดในรูปแบบเดียวกันได้ นอกจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน กลุ่มลูกค้าในจีนยังมองหาบ้านพักตากอากาศ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยว อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ และพัทยา โมเดลการเติบโตทางธุรกิจของแสนสิริในช่วง 5 ปีมานี้และมองอนาคต มุ่งประสาน “จุดแข็ง” ที่ตัวเองมีกับพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตไปพร้อมกัน การจับมือกันระหว่างแสนสิริ กับ บีทีเอส กรุ๊ป ที่ร่วมกันพัฒนาโครงการในแนวรถไฟฟ้า เป็นอีกกำลังสำคัญที่ทำให้แสนสิริ เร่งการเติบโตได้อีกมากในทันทีที่ระบบโครงสร้างพื้นฐานพัฒนาได้อย่างเต็มรูปแบบและเศรษฐกิจในไทยขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้น “โตคิวกรุ๊ป” พันธมิตรอีกรายที่ร่วมลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียม “taka HAUS (ทากะ เฮ้าส์)” รองรับกำลังซื้อลูกค้าจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่นเป็นอีกกำลังสำคัญของแสนสิริในการทำตลาดลูกค้าญี่ปุ่น

ล่าสุดเป็นการจับมือระหว่าง แสนสิริ และ Luen Thai Group Limited กลุ่มบรรษัทข้ามชาติซึ่งมีฐานการดำเนินธุรกิจอยู่ในฮ่องกง ทั้งธุรกิจค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ การประมง การท่องเที่ยว โลจิสติกส์และซัพพลายเชน ในตลาดประเทศจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะเป็นอีกกำลังสำคัญในการเจาะกำลังซื้อกลุ่มลูกค้าชาวจีน

“การขยายเครือข่ายใน 4 เมืองก็เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่มตามเมืองต่างๆ ได้มากขึ้น และการมีพันธมิตรทำให้เรามีความสัมพันธ์และฐานข้อมูลลูกค้าที่แข็งแกร่งขึ้น สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่มีศักยภาพได้” เศรษฐา กล่าว ถึงตอนนี้ ตลาดจีนมาแรงแซงหน้า ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน ในฐานะตลาดต่างชาติหลักของแสนสิริในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยตั้งเป้าว่าจะมียอดขายที่ 3,500 ล้านบาทในปี 2560 และคาดว่าจะแตะ 4,500 ล้านบาทได้ในปี 2561

โดยภาพรวมของยอดขายตลาดต่างชาติเพิ่มขึ้นจาก 8,500 ล้านบาทในปี 2560 เป็น 12,000 ล้านบาทในปี2561

ตั้งแต่ปี 2559 ตลาดฮ่องกง จีน และไต้หวัน เป็นตลาดต่างชาติสำคัญของแสนสิริ จากข้อมูลการขายจนถึงวันที่ 31 มิ.ย.2560 แบ่งได้เป็นตลาดฮ่องกง 39%,จีน 32% สิงคโปร์ 18% และไต้หวัน 5%

http://www.bangkokbiznews.com


จุดตัดรถไฟฟ้าบูมสนั่น ‘บางซื่อ-มักกะสัน-หมอชิต’แห่ผุดคอนโด-โรงแรม-ช็อปปิ้ง

ไม่ว่าโครงข่ายรถไฟฟ้าไปทางไหน ที่นั่นจะเกิดการพลิกโฉมเมืองจากแนวราบสู่มหานครตึกสูง การแข่งขันชิงทำเลทองดุเดือด ส่งผลต่อราคาขายต่อหน่วยสูงจากราคาที่ดินขยับแรงแพงระยับโดยเฉพาะใจกลางเมือง และกำลังกระจายขุมทรัพย์ใหม่ออกไปยังกรุงเทพฯชั้นกลางและชั้นนอก
ต่อเรื่องนี้นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ เลขาธิการสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยเปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงทำเลที่มีพลังก่อให้เกิดการลงทุนจะเป็นบริเวณจุดตัดรถไฟฟ้า อนาคตจะมีมากถึงเกือบ 100 จุดตัดจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสารพัดสี 12 เส้นทาง แต่ที่มีพลังมากสุด ได้แก่ ทำเลอโศกซึ่งมีรถไฟฟ้าสายสีเขียว (บีทีเอส) กับ รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีนํ้าเงิน (เอ็มอาร์ที) ตัดกันเป็นฮับใหญ่ในเขตกรุงเทพฯชั้นในส่งผลให้เกิดการพัฒนาแบบผสมผสาน ทั้งคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงานและเชิงพาณิชยกรรม ประเมินว่าแม้ที่ดินมีจำกัดแต่ด้วยศักยภาพของการเชื่อมโครงข่าย มองว่าความต้องการที่ดินยังมีสูงขณะเดียวกันหากมีรถไฟฟ้า 3 สายตัดกันบริเวณดังกล่าวยิ่งมีพลังมากขึ้น
“จุดตัดทำให้เกิดการพัฒนาเชิงพาณิชยกรรม อาคารสำนักงาน โรงแรม เนื่องจากศักยภาพสูง จึงพัฒนาได้มากกว่าคอนโดมิเนียมเพียงอย่างเดียว ที่ผ่านมาทำเลแยกอโศกไม่มีใครพัฒนา แต่เมื่อมีจุดตัดสถานีรถ ไฟฟ้าขึ้น มีการลงทุนเกิดขึ้น อาทิ ห้างเทอร์มินอล 21 โรงแรมของกลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่น โครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทอนันดาฯ และค่ายสิงห์เอสเตทที่ผุดโครงการคอมเพล็กซ์ เกิดจากสายสีนํ้าเงินตัดสายสีเขียว”

นายเลิศมงคลกล่าวต่อว่า อีกจุดตัดใหญ่ที่น่าจับตา จะเป็นสถานีบางซื่อ ซึ่งเป็นชุมทางรถไฟฟ้า 5-6 สาย ที่ดินรอบสถานี กว่า 1,000 ไร่เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ต้องการเนรมิตพื้นที่บริเวณนี้เทียบชั้นประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น แหล่งรวมของการอยู่อาศัย แหล่งงานและช็อปปิ้ง ทำให้ทำเลนี้มีมูลค่ามหาศาล ขณะเดียวกัน พื้นที่รอบนอกซึ่งเป็นของเอกชนจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย รวมถึงหมอชิตที่มีสายสีเขียวตัดสีนํ้าเงินและอนาคตที่กรมธนารักษ์เตรียมพัฒนา
อีกทำเลคือ มักกะสันมีรถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงินตัดแอร์พอร์ตลิงค์ซึ่งเป็นที่ดินของการรถไฟฯเนื้อที่ 200-300 ไร่อยู่บริเวณจุดตัดพอดี และยังจะมีสายสีส้มเชื่อมต่อ นอกจากนี้ยังมี ที่พญาไท ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือบีทีเอส ตัดกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ และอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ทำเลศูนย์วัฒนธรรม รถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงินตัดสายสีส้มในอนาคตซึ่งเป็นฮับใหญ่ที่มีพลังเช่นกัน
อย่างไรก็ดีรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือบีทีเอสซึ่งเป็นสายแรก ที่วิ่งผ่ากลางเมืองและออกไปยังโซนเหนือสิ้นสุดที่คูคตลำลูกกา ซึ่งมีสายสีเหลืองตัดบริเวณสถานีพหลโยธิน 24 สายสีชมพูตัดบริเวณสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ และฝั่งแบริ่ง-สมุทรปราการซึ่งมีสายสีเหลืองตัดบริเวณสถานีสำโรง ทั้งนี้สายสีเขียวมีองค์ประกอบครบ มีจุดตัดร่วมกับสายสีแดงแอร์พอร์ตลิงค์ สายสีชมพู สายสีนํ้าเงิน และสายสีเหลืองส่งผลให้ราคาที่ดินยังวิ่งเรื่อยๆ จากความนิยมขณะที่สายสีนํ้าเงิน ตัดกับสายสีเหลืองบริเวณรัชดา-ลาดพร้าว สำหรับส่วนต่อขยายสายสีนํ้าเงิน คาดว่าจะเปิดปี 2563 ต่อไปยังฝั่งธนฯ ซึ่งจะเชื่อมครบการเดินทาง
ด้านนายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีที่ดินรอพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม 6-7แปลงรับรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ อาทิ สายสีชมพู บริเวณปากเกร็ด รัตนาธิเบศร์ 2แปลง ฝั่งธน 3 แปลง รับสายสีนํ้าเงินและสายสีเทา ทำเลสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่สมุทรปราการ 1 แปลง ส่วน สายสีเขียวเหนือ ขณะนี้เปิดขายแล้วที่ พหลโยธิน 32 และ พหลโยธิน 34 บริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เช่นเดียวกับนายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท โมเดิร์นพร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแทนส์ จำกัด วิเคราะห์ว่าฮับใหญ่รถไฟฟ้า 7-8 สาย จะเป็นพหลโยธิน-บางซื่อ อนาคตเป็นศูนย์กลางคมนาคม ซึ่งที่ดินเอกชนโดยรอบ มีศักยภาพพัฒนาแบบผสมผสาน ประกอบด้วยโรงแรม ศูนย์การค้าคอมเพล็กซ์ อาคารสำนักงาน ที่ไม่ใช่คอนโด มิเนียมเพียงอย่างเดียว ซึ่งปัจจุบันมีสวนจตุจักรดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงกว่า พหลโยธิน-รัชดา และทำเลรัชดา-ลาดพร้าวที่พัฒนาได้เฉพาะคอนโดมิเนียมอย่างเดียว
อีกทำเลที่น่าสนใจ คือ แยกฟอร์จูน-ห้วยขวาง สายสีนํ้าเงินกับสายสีส้ม ซึ่งกลุ่มนักลงทุนจีนอยู่อาศัยจำนวนมาก อีกจุดคือ นํ้าเงิน ตัดกับสายสีเหลืองทำเลรัชดา-ลาดพร้าว ส่วนทำเลอโศก-เพชรบุรี จะมี ศูนย์มักกะสันประตูนํ้า 2 ศูนย์การประชุมใหญ่ โรงแรม ฯลฯ ของการรถไฟเกิดขึ้น ซึ่งมองว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพในอนาคต ส่วนจุดตัดรองลงมา จะเป็นทำเล บางนา บางกะปิ
http://www.bkkcitismart.com

ต่างชาติมองเศรษฐกิจไทย โตต่ำสุดในอาเซียน

ต่างชาติมองเศรษฐกิจไทย โตต่ำสุดในอาเซียน

แม้ว่าช่วงครึ่งหลังของปี 2560 ประเทศไทยจะมีแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่มีอัตราเติบโตอย่างเห็นได้ชัด โดยทางธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี จะอยู่ที่ 3.5% ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลวิจัยของต่างชาติหลาย ๆ สำนัก แต่ข้อมูลที่น่าเป็นห่วงคือ ประเทศไทยเติบโตต่ำสุดเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นในภูมิภาคอาเซียน

เอดีบี ประมาณการเศรษฐกิจไทยโต 3.5%
ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี ได้วิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจเอเชีย ในปี 2560 พบว่า แนวโน้มการเติบโตของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียกำลังอยู่ในขาขึ้น โดยมีปัจจัยหลักจากการค้าโลกที่กลับมาฟื้นตัวและเศรษฐกิจจีนที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

สำหรับประเทศไทย เอดีบีประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะมีการเติบโตของจีดีพีอยู่ที่ 3.5% แม้แนวโน้มการส่งออกในปีนี้จะสามารถเติบโตได้ดี แต่การลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวได้ต่ำมากในช่วงครึ่งปีแรกเพียง 1.1% จึงทำให้การลงทุนภาครัฐจากที่เคยเป็นพระเอกและมีผลต่อการเติบโตของจีดีพีมาตลอดในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้การเติบโตของจีดีพีลดลงในปีนี้ ส่วนด้านการส่งออกในปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% ขณะที่ปี 2561 คาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 7% ซึ่งสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จะกลับมาเป็นตัวชูโรงให้แก่ภาคการส่งออกของไทยในช่วงต่อจากนี้

ธนาคารโลกคาดเศรษฐกิจไทยโตต่ำสุดในอาเซียน
ด้าน ธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ ประเมินการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าปีนี้ 2560 จะเติบโตประมาณ 2.9% ซึ่งจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ให้เติบโตอยู่ที่ 6.4% จากที่คาดการณ์ว่าจะเติบโต 6.2%

โดยธนาคารโลก ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยใน 2560 เพิ่มเป็น 3.5% จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 3.2% พร้อมทั้งปรับคาดการณ์การเติบโตในปี 2561 เป็น 3.6% จากเดิม 3.3% เนื่องจากการท่องเที่ยวและการส่งออกไทยฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน พบว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำที่สุด โดยประเทศกัมพูชาได้รับการคาดการณ์ว่าจะโตสูงที่สุด 6.8% ตามมาด้วยลาว 6.7% ฟิลิปปินส์ 6.6% เมียนมา 6.4% เวียดนาม 6.3% มาเลเซีย 5.2% และอินโดนีเซีย 5.1%
นอกจากนี้ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ยังคงต้องระมัดระวังความเสี่ยงเรื่องการขาดดุลการคลัง เห็นได้จากนโยบายการคลังของหลายประเทศ คาดว่าจะมีการขาดดุลการคลังเพิ่มขึ้นในช่วงปี 2560-2562 หนี้ภาคเอกชนอยู่ในระดับสูง ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. มองว่า เศรษฐกิจไทยยังคงต้องพึ่งพาการส่งออก ซึ่งคาดว่าปีนี้จะขยายตัว 5.9% และการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจีนและอาเซียนเข้ามาจำนวนมาก รวมทั้งการลงทุนของภาครัฐ ที่คาดว่าปีนี้จะโตได้ 5.5% โดย ธปท. ยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย (ดอกเบี้ยต่ำ) ต่อไป เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยให้ต่อเนื่อง

http://www.ddproperty.com


ชี้ ปัจจัยเสี่ยง ศก.ไทย ห่วงเงินเฟ้อต่ำเป็นเวลานาน คนไม่กล้าใช้เงิน

“ออมสิน” ชี้ ปัจจัยเสี่ยง ศก.ไทย ห่วงเงินเฟ้อต่ำเป็นเวลานาน คนไม่กล้าใช้เงิน ทำให้การอุปโภคบริโภคของภาคเอกชนชะลอตัว

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจ และเศรษฐกิจฐานราก ของธนาคารออมสิน ได้ปรับการคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) หรือเศรษฐกิจไทยปี 2560 มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดิม 3.5% เพิ่มเป็น 3.6% ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวภาคการส่งออก ภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตที่ดีต่อเนื่อง การใช้จ่ายภาครัฐที่ขยายตัว ที่สำคัญโครงการสวัสดิการแห่งรัฐสำหรับผู้มีรายได้น้อยและโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวประชารัฐ ที่ออกมาจะส่งผลต่อบรรยากาศการใช้จ่ายให้กลับมาคึกคักในช่วงท้ายของปี

“ปัจจัยสนับสนุนมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขยายตัวตามเป้าหมาย อีกทั้งการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงปลายปี ส่งผลดีต่อภาคการผลิตและบริการที่เกี่ยวข้อง การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและเม็ดเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเข้าสู่ระบบในช่วงไตรมาสสุดท้าย”นายชาติชาย กล่าว

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับต่ำเป็นเวลานาน และอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น จะส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว,ความไม่ต่อเนื่องของการขยายตัวในภาคการส่งออก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากผลกระทบของนโยบายด้านแรงงานต่างด้าวของไทยและมาตรการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) “เงินเฟ้อที่ต่ำมาเป็นเวลานานเพราะคนเริ่มรู้สึกไม่อยากใช้เงิน ทำให้การอุปโภคบริโภคของภาคเอกชนชะลอตัว”

นอกจากนั้นต้องจับตาผลสำเร็จจากการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐ จะส่งผลต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย ตลอดจนปัญหาภูมิรัฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศทั้งกรณีเกาหลีเหนือ และการลงประชามติแยกตัวเป็นอิสระของชาวเคิร์ตในประเทศอิรัก และชาวคาตาลันในประเทศสเปน ซึ่งอาจพัฒนาไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงได้ นายชาติชายกล่าวว่า อย่างไรก็ตามเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี จากดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลจากการเกินดุลการค้าและบริการที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง รวมถึงการดำเนินนโยบายแบบผ่อนคลายเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

https://mgronline.com


9 คำพ่อสอน

1. ความเพียร

          การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทน เสียสละ แต่สำคัญที่สุดคือความอดทนคือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันครึทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดีไม่ครึต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตนเอง

พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย์ในโอกาสเข้าเฝ้าฯวันที่ 27 ตุลาคม 2516
2. ความพอดี

          ในการสร้างตัวสร้างฐานะนั้นจะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังและความพอเหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง หรือทำด้วยความเร่งรีบ เมื่อมีพื้นฐานแน่นหนารองรับพร้อมแล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญก้าวหน้าในระดับสูงขึ้น ตามต่อกันไปเป็นลำดับผลที่เกิดขึ้นจึงจะแน่นอน มีหลักเกณฑ์ เป็นประโยชน์แท้และยั่งยืน

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 18 ธันวาคม 2540

3. ความรู้ตน

          เด็กๆ ทำอะไรต้องหัดให้รู้ตัว การรู้ตัวอยู่เสมอจะทำให้เป็นคนมีระเบียบและคนที่มีระเบียบดีแล้ว จะสามารถเล่าเรียนและทำการงานต่างๆ ได้โดยถูกต้องรวดเร็ว จะเป็นคนที่จะสร้างความสำเร็จและความเจริญ ให้แก่ตนเองและส่วนรวมในอนาคตได้อย่างแน่นอน

พระบรมราโชวาท พระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือ วันเด็ก ประจำปี 2521

4. คนเราจะต้องรับและจะต้องให้

          คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไป และเดี๋ยวนี้ด้วยเมื่อรับสิ่งของใดมา ก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้น ให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความสามัคคีให้หมู่คณะและในชาติ ทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลายมีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วยที่ไหนได้ก็ช่วย ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่โดยแท้

พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 20 เมษายน 2521

5. อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ

          ในวงสังคมนั้นเล่า ท่านจะต้องรักษามารยาทอันดีงามสำหรับสุภาพชน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่แข็งกระด้าง มีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ พร้อมจะเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 25 มิถุนายน 2496

6. พูดจริง ทำจริง

          ผู้หนักแน่นในสัจจะพูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธาเชื่อถือและความยกย่องสรรเสริญ จากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือ พูดจริง ทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด และสร้างเสริมความดี ความเจริญ ให้เกิดขึ้นทั้งแก่บุคคลและส่วนรวม

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 10 กรกฎาคม 2540

7. หนังสือเป็นออมสิน

          หนังสือเป็นการสะสมความรู้และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้สร้างมา ทำมา คิดมา แต่โบราณกาลจนทุกวันนี้ หนังสือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เป็นคล้ายๆ ธนาคารความรู้และเป็นออมสิน เป็นสิ่งที่จะทำให้ มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้

พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะสมาชิกห้องสมุดทั่วประเทศ ในโอกาสที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท วันที่ 25 พฤศจิกายน 2514

8. ความซื่อสัตย์

          ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง เด็กๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้เกิดมีขึ้นในตนเอง เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีมีประโยชน์ และมีชีวิตที่สะอาด ที่เจริญมั่นคง

พระบรมราโชวาท พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ปี พุทธศักราช 2531

9. การเอาชนะใจตน

          ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่าชั่วว่าเสื่อม เราต้องฝืนต้องต้านความคิดและความประพฤติทุกอย่างที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดี เป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ ให้ได้จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ

พระราชดำรัส พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่าน ในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่
12  
ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ 12 ธันวาคม 2513
https://writer.dek-d.com

ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 16/10/2560​

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 20,300.00 20,400.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,315.00 19,935.40 20,900.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,183.50 17,941.86 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 592.00 8,974.72 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 460.00 6,973.60 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,363.00 20,663.08 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  16/10/2560

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05
27.05
27.05
27.05
27.05
แก๊สโซฮอล E-20
24.54
24.54
24.54
24.54
24.54
24.54
24.54
24.54
24.54
แก๊สโซฮอล E-85 20.04 20.04 20.04 20.04
แก๊สโซฮอล 91 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78
เบนซิน 95 34.16 34.16 34.66 34.66 34.66 34.66
ดีเซลหมุนเร็ว 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 28.79 28.79 28.79 28.79 28.79
มีผลตั้งแต่ 12 Oct 05:00 12 Oct 05:00 12 Oct 05:00 12 Oct 05:00 12 Oct 05:00 12 Oct 05:00 12 Oct 05:00 12 Oct 05:00 12 Oct 05:00 12 Oct 05:00

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า