สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 16 มกราคม 2561

‘อนันต์’ชี้อันตรายอสังหาฯเร่งโต

 

ปี2561 แม้ว่าแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ ยังอยู่ในทิศทางที่ดี แต่ขณะเดียวกันยังมีความท้าทายต้องจับตามองท่ามกลาง “โอกาสและพื้นที่” ที่ยังเหลือให้คนที่เห็นช่องทางเข้าไปพัฒนา แม้ว่า“ราคา”จะสูงขึ้นอย่างมากก็ตาม

ในการเสวนาภายใต้หัวข้อ “กลยุทธ์และการปรับตัวธุรกิจอสังหาริมทรัพย์2561” จัดโดย The Next Institue by SIU

อนันต์ อัศวโภคิน อดีตประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์  และผู้ก่อตั้งหลักสูตร The Next Real กล่าวด้วยประสบการณ์ในแวดวงอสังหาฯกว่า 43 ปี มองว่า ปัจจัยเฉพาะหน้าที่ต้องจับตามองในปีนี้ มี 4 เรื่องสำคัญ

จับตาอัตราดอกเบี้ย

อันดับแรก คือ “อัตราดอกเบี้ย” ที่น่าจะสูงขึ้นสังเกตจากหลายประเทศ ซึ่งปริมาณเงินในระบบ(มันนี่ ซัพพลาย) ไม่ได้มีสภาพคล่องเหมือนเดิม แต่ปัจจัยที่ 2 ซึ่งจะส่งผลในเชิงบวกแทน คือ ธนาคารพาณิชย์ของไทยจะเริ่ม“เรียนรู้เรื่องการปล่อยสินเชื่อ” และคุ้นเคยกับการปล่อยสินเชื่อรายย่อยมากขึ้น จากเดิมที่มียอดตีกลับไป 30-40% เชื่อว่าในปีนี้จะมีอัตราลดลงเพราะปรับตัวและเรียนรู้จากปัญหาที่ผ่านมา

ปัจจัยที่3 คือ“ปัญหาแรงงาน” ที่ยังมีการขาดแคลนต่อเนื่อง ส่งผลให้ที่ผ่านมาผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่หันมาใช้ระบบก่อสร้างแบบพรีแฟบกันหมดแล้ว และ ปัจจัยที่ 4 คือการหันมาใช้“เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต”ในการบริหารมากขึ้นสอดรับกับเทรนด์ Internet of Things (IoT) มาช่วยเชื่อมโยงการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เมื่อฉายภาพธุรกิจอสังหาฯในปีที่ผ่านมา อนันต์ กล่าวว่า หากสังเกตกำลังซื้อของผู้บริโภคผ่านบริษัทจดทะเบียน 10 อันดับแรกจะพบว่าไม่มีใครแย่ลง และมีผลงานดีขึ้นเกือบทุกบริษัทหรือหากไม่เติบโตก็ทรงตัวรักษาฐานของตัวเองไว้ได้

การเติบโตของธุรกิจอสังหาฯไทย เกิดจากรายใหญ่ขยายตลาดและไปกินตลาดรายกลางและเล็กมากขึ้น ที่ผ่านมาการเติบโตจากการแย่งลูกค้ากันเอง ซึ่งกำลังซื้อของคนก็ไม่ได้ตกไปมากมายในช่วง 2-3ปี อาจเปลียนแปลงไปบ้าง สังเกตได้ว่าราคาต่ำกว่าล้านบาทอาจขายไม่ได้ แต่ตลาดราคา 6-7 ล้านบาทกลับขายดีกว่าเก่า

“สถานการณ์ดังกล่าวบ่งบอกว่าตลาดบนนั้น รายได้ประชากรไม่ได้แย่ลง แต่ตลาดล่างอาจจะแย่ลง เมื่อดูตามสภาพที่เกิดขึ้นจริง”

สำหรับการพัฒนาในปัจจุบัน อีกปัญหาที่เกิดขึ้นคือ “ความรีบร้อนเกินไป” มีการเร่งซื้อที่ดินกันจำนวนมาก ทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้นแบบไม่มีเหตุมีผล เช่นกรณีของที่ดินย่านหลังสวน ที่ราคาขึ้นไปถึงตารางวาละกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งยังมองไม่ออกว่าจะนำไปพัฒนาโครงการประเภทใด

“ราคาที่ดินมันไม่เมกเซนส์แล้ว เพราะดีเวลลอปเปอร์อยากจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงเร่งก่อสร้างกัน เร่งซื้อและเร่งขาย สุดท้ายก็เร่งมีปัญหากันหมด และเมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วก็อยากเติบโตเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องอันตราย ข้อเท็จจริงบริษัทดำเนินการเป็นอย่างไร ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น”

อย่างไรก็ตามยังเชื่อมั่นว่า“อสังหาฯ ไทยยังมีโอกาสเต็มไปหมด” อย่างเช่นบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์  มีโรงแรมในเครือที่เทอร์มินัล 21 อโศก แต่ก็เตรียมจะลงทุนสร้างสำนักงานขึ้นอีก เพราะตลาดยังมีราคาที่ไปได้รวมถึงกลุ่มชอปปิงมอลล์,ห้างค้าปลีก ขณะเดียวกันก็มองโอกาสพัฒนาไปยังประเทศอื่นๆ จุดหมายที่เป็นเป้าหมายน่าสนใจ ขณะนี้ได้แก่ อเมริกา ที่บริษัทไปลงทุนซื้ออพาร์ตเมนต์ไว้จำนวนมาก แต่ศูนนย์การค้าปัจจุบันราคาลดลง หากไปลงทุนไว้พัฒนาธุรกิจรีเทลได้ก็น่าจะไปได้ด้วยดี

อนันต์ กล่าวด้วยว่านักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ ยังเริ่มเร็วเกินไปและทำงานแบบไม่ละเอียดไม่มีแบบแผนในการทำงานที่เป็นระบบ แต่หากปรับตัวมาเน้นการสร้างมาตรฐาน สังเกตเห็นได้จากการปรับตัวของแลนด์แอนด์เฮ้าส์เองมาเน้นมาตรฐานงานก่อสร้างทำให้ขายบ้านได้ในราคาที่ดีและแนวโน้มผลประกอบการในปีที่ผ่านมาที่ดีมาก ทั้งที่ใช้งบโฆษณาน้อยมากแต่ยอดขายน่าจะดีที่สุดและสามารถทำกำไรดีที่สุด โดย 50% มาจากการบอกแบบปากต่อปากแนะนำกันเองของลูกค้า

“ตลาดทุกวันนี้เร่งมากเสียจนสินค้าออกมาไม่ดีเลย ถ้าตั้งใจทำจริงตลาดบ้านยังไปได้อีกไกล โอกาสยังมีอีกมาก”

ปัญหาที่ปรากฎชัด คือการร้องเรียนเรื่องบ้านยังขึ้นเป็นอันดับ 1 ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) ที่คนร้องเรียนทั้งที่จริงแล้วตลาดบ้านถือเป็นตลาดเฉพาะกิจตลาดไม่ได้ซับซ้อนยังเติบโตได้เรื่อยๆ รายเล็กและกลาง ก็ยังทำได้ดี เห็นได้จากโครงการที่มาเปิดใกล้ๆกัน ก็ยังมียอดขายไปได้

อนันต์ ทิ้งท้ายด้วยว่า ต้องการให้บริษัทในตลาดฯ มองบรรทัดสุดท้ายที่ “กำไร”ไม่ต้องมองที่บรรทัดแรก“ยอดขาย” อาจไม่ได้เน้นจำนวนเยอะ แต่หากมาเน้นที่ “คุณภาพ”โครงการก็จะทำให้ได้กำไรต่อหน่วยที่ดีกว่าแน่นอน

http://www.bangkokbiznews.com


อสังหาแหยง ที่ดินกระฉูด

ดีเวลอปเปอร์แหยง หลังเอสซี แอสเสทปั่นราคาที่ดินหลังสวนแพงเว่อร์ 3.1 ล้านบาทต่อตร.ว. หวั่นดันราคาทั้งเวิ้งพุ่งยกแผง ยํ้าจุดยืนช็อป ไม่เกิน 1-2 ล้านบาทต่อตร.ว. ทำคอนโดฯขายไม่เกิน 3 แสนบาทต่อตร.ม.

จากปรากฏการณ์ราคาที่ดินทำเลหลังสวนแปลงใกล้กับโรงเรียนมาแตร์เดอี พุ่งทะยานแซงหน้าที่ดินสถานทูตอังกฤษ และสร้างสถิติใหม่ว่ามีราคาแพงที่สุดในเมืองไทย ซึ่งแวดวงอสังหาริมทรัพย์อ้างว่า บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชนะประมูลด้วยราคาสูงถึง 3.1 ล้านบาทต่อตารางวา เฉือนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำหลายรายที่ร่วมแข่งขัน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ดีเวลอปเปอร์ต่างผวาว่ากระทบต่อราคาที่ดินโดยรอบเขตใจกลางเมืองขยับตามจนไม่สามารถพัฒนาได้

ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)

ต่อเรื่องนี้ นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” สะท้อนว่า ราคาที่ดินใจกลางเมืองเป็นราคา เหมา จากการชนะประมูล 3.1 ล้านบาทต่อตารางวา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ ละดีเวลอปเปอร์จะเล็งเห็นถึงความ เหมาะสมและความต้องการใช้ประโยชน์บนที่ดินแปลงนั้นๆ เนื่อง จากที่ดินแต่ละแปลงจะมีจุดเด่นต่างกัน อย่างไรก็ดี ราคาที่ดินย่านหลังสวนถือว่าแพงที่สุดในประเทศ ไทย และปัจจุบันหายากมาก
 
“สำหรับที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย ทำเลสาทรใต้ ที่บริษัท ศุภาลัยฯประมูลได้ราคาอยู่ที่ 1.45 ล้านบาทต่อตารางวา ถือเป็นหนึ่งในทำเลที่ดีที่สุด ในย่านซีบีดีเช่นกันราคาดังกล่าวถือว่า เหมาะสมพัฒนาโครงการขายต่อตารางเมตรไม่สูงและมีดีมานด์จริง”
 
เช่นเดียวกับนายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ดินทำเลหลังสวนขณะนี้เนื้อหอม และราคาที่ประมูลครั้งล่าสุดถือเป็นนิวไฮ และยอมรับว่าที่ดินย่านนั้นหายากมากแล้ว และผู้ประกอบการยังมีความต้องการที่ดินใจกลางเมือง ติดรถไฟฟ้าบีทีเอส และเอ็มอาร์ทีที่เปิดให้บริการแล้ว โดยมักชิงไหวชิงพริบกันหากแปลงไหนมีกระแสข่าวว่าจะขาย ไม่นานก็มีคนชิงซื้อไป
 
อย่างไรก็ดีในส่วนของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคยังต้องการที่ดินใจกลางเมือง แม้ราคาสูงก็สู้ เพียงแต่ยังหาไม่ได้ แม้มีก็ราคาสูงเกินจริง ทำให้ต้องขยับจากใจกลางเมืองออกมา แต่ติดถนนใหญ่ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า 300-500 เมตรราคาขายต่อตารางเมตรอยู่ที่ 9 หมื่นบาท-1.5 แสนบาท เช่นทำเล จตุจักร อุดมสุข เป็นต้น
นายพีระพงศ์ จรูญเอก
ด้านนายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) สะท้อนราคาที่ดินทำเลหลังสวนขยับสูงถึง ตารางวาละ 3.1 ล้านบาท ว่าปัจจุบันเมื่อเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ไทยเป็นจุดศูนย์กลาง มีต่างชาติเข้ามาลงทุน ต่างจากกทม.ยุคก่อนส่งผลให้ มีความต้องการที่อยู่อาศัยดีๆสูง จาก ราคาที่ดินใจกลางเมืองเดิม สูงสุดอยู่ที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท ต่อตารางวา ต่อมาขยับเป็น 2 ล้านบาทต่อตารางวาและ 3 ล้านบาทต่อตารางวาถือว่าขยับเร็ว
 
เหตุที่ราคาขยับขึ้นเร็วเพราะเกิดจากการประมูล หากย้อนไปที่สถานทูตอังกฤษ ราคา 2.1 ล้านบาทต่อตารางวา แต่เป็นที่ดินแปลงใหญ่กว่า 1 หมื่นกว่าตารางวา จึงทำให้ราคาไม่สูงถึง 3 ล้านบาทต่อตารางวา เทียบกับที่ดินหลังสวน ที่ เอสซีแอสเสท ชนะประมูลทั้งที่ที่ดินอยู่ใกล้กัน แต่ราคาวิ่งไปที่ 3.1 ล้านบาทต่อตารางวา เนื่องจากเป็นที่ดินแปลงเล็กเพียง 2 ไร่ หรือกว่า 800 ตารางวา ประกอบกับผู้ประกอบการแต่ละคน มีเหตุผลอยากได้ที่ดิน แปลงนี้เพื่อเป็นแลนด์มาร์กของบริษัทตนเอง ทำให้คนที่อยากได้มากที่สุดสู้แม้ราคาจะสูง
 
ขณะที่บริษัทเองได้ถูกเชิญ ไปประมูลที่ดินหลายแปลง และแปลงหลังสวนก็เช่นกัน แต่ตั้งราคาต่อตารางวาไม่เกิน 2.5 ล้านบาท เพราะมองว่า เป็นราคาที่รับได้ และมีกำลังซื้อจริง แต่หากราคา ต่อตารางวาสูงถึง 3 ล้านบาท จะต้องขายต่อตารางเมตร 5 แสนบาท ขึ้นไป ซึ่งมองว่า คนที่ซื้อจะเป็นต่างชาติ และคนไทยที่ต้องการซื้อไว้เป็นเครื่องประดับ แต่โดยส่วนตัว ราคาที่รับได้และขายได้ ที่ดินจะอยู่ที่ 1 ล้านบาท ขายราคา 2 แสนบาทต่อตารางเมตร ราคาที่ดิน 2 ล้านบาทต่อตารางวา ต้องขาย 3 แสนบาทต่อตารางเมตร
สุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
จากการวิเคราะห์ของ นายสุรเชษฐ กองชีพ นักวิเคราะห์อสังหาริมทรัพย์ ที่ระบุว่า ที่ดินใจกลางเมืองเหลือน้อย ทำให้ราคา ที่ดินเริ่มสูง ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่อยากมีใครขายเพราะเป็นที่ดินมรดก ของตระกูล ที่ผ่านมา เอสซีแอสเอท เคยทำสถิติ ซื้อที่ดินชิดลม ราคา 1.9 ล้านบาทต่อตารางวา กว่า 1 ไร่ ต่อมาคนที่จะขายมองว่าราคาสูงขึ้นจึงเกิดแรงกระตุ้นอยากขาย ที่ดินแปลงนี้เกิดการประมูลมีการเพิ่มถีบขึ้นอีก 1 ล้าน ในเวลาไม่ถึง 2 ปี
http://www.bkkcitismart.com

เฮ!! ไทยหลุดบัญชีตลาดขายสินค้าละเมิดระดับโลก

“รมว.พาณิชย์” เฮ!! ศูนย์การค้า-ตลาดของไทยหลุดจากรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงทั่วโลก ครั้งแรกในรอบ 10 ปี

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 61 สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกาได้ออกรายงานทบทวนรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงทั่วโลก ประจำปี 60 ทั้งตลาดที่มีการขายสินค้าละเมิดและตลาดออนไลน์ พบว่าในปีนี้ไม่มีชื่อย่านการค้าหรือศูนย์การค้าในประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการละเมิดสูงแม้แต่แห่งเดียว ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีหลังจากช่วงปี 50 – 59 มีย่านการค้าหรือศูนย์การค้าที่เคยถูกระบุว่าเป็นตลาดที่มีการละเมิดสูงจำนวน 13 แห่ง

“รายชื่อ 13 แห่ง ประกอบด้วยศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า, คลองถม, สะพานเหล็ก, บ้านหม้อ, ตลาดนัดจตุจักร, ศูนย์การค้าเอ็มบีเค, ตลาดนัดถนนวิทยุ, ถนนสุขุมวิท ซอย 3 ถึง 19,  พัฒน์พงษ์, หาดกะรน (จังหวัดภูเก็ต), หาดป่าตอง (จังหวัดภูเก็ต), ศูนย์การค้าไอทีซิตี้ (พัทยา) และตลาดโรงเกลือ (จังหวัดสระแก้ว)”

ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้ตลาดของไทยหลุดจากตลาดละเมิดลิขสิทธิ์สูงมาจากรัฐบาลดำเนินการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เคยถูกระบุว่าเป็นตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงมีการจับกุมกว่า 700 คดี ยึดของกลางเกือบ 150,000 ชิ้น ในช่วงเดือนม.ค.-ก.ย. 60

http://www.bangkokbiznews.com


คนกรุงเตรียมใจ ! ขสมก. เล็งปรับขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ 1.50 บาท

ขสมก. เตรียมเสนอแผนขอปรับขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ธรรมดา 1.50 บาท รถเมล์ปรับอากาศปรับเพิ่มขึ้นระยะละ 2 บาท 

วันที่ 12 มกราคม 2561 มีรายงานว่า นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถและรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ชี้แจงถึงกรณีที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าว ขสมก. เตรียมปรับขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ธรรมดาและรถปรับอากาศ ว่า การดำเนินงานที่ผ่านมา ขสมก. จัดเก็บค่าโดยสารตามอัตราที่คณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง กำหนด ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าต้นทุนที่แท้จริง ส่งผลให้ ขสมก. มีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่องมาโดยตลอด แม้ในอดีตที่ประชุมคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางจะเคยมีมติให้ ขสมก. ปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร แต่ ขสมก. ได้ชะลอการปรับขึ้นราคา เพราะต้องการให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม เนื่องจากไม่ต้องการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางแก่ประชาชน

ทว่า อัตราค่าโดยสารดังกล่าว ก็ยังต่ำกว่าอัตราค่าโดยสารรถเอกชนร่วมบริการ ทาง ขสมก. จึงได้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพบริการ เพื่อที่จะยังสามารถเลี้ยงตัวเองได้โดยไม่เป็นภาระของภาครัฐ โดยในระยะแรกจะขอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารตามมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง คือ รถโดยสารธรรมดาปรับเพิ่มอีก 1.50 บาท และรถโดยสารปรับอากาศปรับเพิ่มขึ้นอีกระยะละ 2 บาท

อย่างไรก็ตาม การขอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารในครั้งนี้ ขสมก. จะต้องนำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการ เข้าสู่ที่ประชุมสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เพื่อขอความเห็นชอบก่อน จากนั้นส่งเรื่องต่อกระทรวงคมนาคม เพื่อนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอความเห็นชอบต่อไป

หากที่ประชุม ครม. เห็นชอบ ขสมก. จึงจะปรับอัตราค่าโดยสารภายในปี 2561 ทั้งนี้การขอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารดังกล่าว ขสมก. จะดำเนินการภายหลังจากที่ได้มีการนำรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) 489 คัน เข้ามาให้บริการประชาชนแล้ว

https://money.kapook.com


6 เรื่องน่ารู้ ก่อนตรวจสุขภาพ

6 เรื่องน่ารู้ ก่อนตรวจสุขภาพ

พูดถึงเรื่องตรวจสุขภาพ หลายคนคงเคยตรวจมาแล้ว บางคนอาจตรวจกับที่ทำงาน หรือตรวจที่โรงพยาบาล แม้ว่าเรื่องการตรวจสุขภาพจะมีมานานแล้ว แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่กล้า หรือไม่ทราบว่าทำไมต้องตรวจ ตรวจแล้วได้อะไร แล้วหากอยากจะไปตรวจจะต้องทำอย่างไร

เว็บไซต์ สสส. มีแนวทางให้ทุกคนได้เรียนรู้ และทำความเข้าใจก่อนตรวจสุขภาพ มาฝากกันค่ะ

“การตรวจสุขภาพ” แบ่งเป็น 2 เรื่อง ได้แก่ การค้นหาโรคที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา โดยที่เรายังไม่มีอาการผิดปกติที่สังเกตได้เรียกได้ว่า “ภัยเงียบ” เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือด มะเร็งปากมดลูกระยะแรก เป็นต้น ส่วนการค้นหาพฤติกรรมเสี่ยง และปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ โดยหากพบว่ามีความเสี่ยง แพทย์ก็จะให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมา

มาดูกันดีกว่าว่า 6 เรื่องน่ารู้ ก่อนตรวจสุขภาพ จะมีอะไรบ้าง

1. การตรวจสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมีโรคหลายชนิดที่เป็นภัยเงียบการตรวจตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม หากพบจะทำให้รักษาได้ง่าย และมีโอกาสหายขาดได้

2. การตรวจสุขภาพเด็กก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยเน้นให้วัคซีนเพื่อป้องกันโรค รวมทั้งมีการตรวจการเจริญเติบโตและพัฒนาการว่าสมวัยหรือไม่ เพื่อป้องกันความผิดปกติต่างๆ ที่สำคัญการตรวจสุขภาพตั้งแต่เด็กจะทำให้แพทย์ได้ตรวจสอบปัจจัยเสี่ยงแทรกซ้อนที่จะเกิดกับเด็ก และทำการรักษาได้ทันท่วงที

3. การตรวจสุขภาพต้องตรวจให้เหมาะสมกับตัวเรา หากตรวจเกินจำเป็นก็ทำให้สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ และการตรวจบางอย่างอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายแก่ชีวิตได้

4. “ตรวจสุขภาพประจำปี” เป็นคำที่เข้าใจผิด เพราะการตรวจสุขภาพไม่จำเป็นต้องตรวจทุกปี แต่เป็นการตรวจตามระยะ ตามความจำเป็นของแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับ เพศ อายุ และโอกาสเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง

5. ประชาชนมักเข้าใจผิดว่าการตรวจสุขภาพ คือ การค้นหาโรคโดยการตรวจห้องแล็บ และมุ่งเน้นการรักษาจากหมอจนละเลยการดูแลสุขภาพของตนเอง ซึ่งแท้จริงการตรวจสุขภาพที่ถูกต้องให้ความสำคัญกับการซักประวัติเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยง เมื่อรู้ปัจจัยเสี่ยง ขั้นตอนต่อไปคือการให้แพทย์ตรวจร่างกาย โดยจะตรวจแล็บเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งบางครั้งไม่จำเป็นต้องตรวจเลยก็ได้

6. เราสามารถตรวจสุขภาพด้วยตนเองได้ โดยการตรวจสังเกตพฤติกรรม น้ำหนัก การวัดเส้นรอบเอวว่าอยู่ในภาวะลงพุงหรือไม่ โดยวัดในแนวสะดือ นำค่าที่ได้ไปหารด้วยส่วนสูง ซึ่งคนปกติจะมีค่าเส้นรอบเอวไม่เกินครึ่งหนึ่งของส่วนสูง ถ้าเกินแสดงว่าลงพุงมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิต และโรคหลอดเลือดหัวใจหรือสมองตีบตัน

วิธีการเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพ

1. ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมง ก่อนรับการตรวจสุขภาพ หากอดนอนจะทำให้ผลการตรวจผิดปกติ โดยเฉพาะความดันโลหิต การเต้นของหัวใจ อุณหภูมิของร่างกาย อาจทำให้แพทย์ไม่สามารถประเมินได้ว่ามีความผิดปกติจริงหรือไม่

2. งดอาหารและเครื่องดื่ม หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อย่างน้อย 8-10 ชั่วโมงก่อนตรวจ งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนตรวจสุขภาพ เนื่องจากยาและแอลกอฮอล์ อาจมีผลต่อการตรวจบางอย่าง ควรแจ้งให้แพทย์หรือพยาบาลทราบก่อนตรวจ

3. หากมีโรคประจำตัวหรือประวัติสุขภาพอื่นๆ กรุณานำผลการตรวจหรือรายงานจากแพทย์มาด้วยเพื่อประกอบการวินิจฉัย

4. สำหรับสตรี ไม่ควรอยู่ในช่วงก่อนและหลังมีประจำเดือน 7 วัน หากมีประจำเดือนให้งดตรวจปัสสาวะ เพราะเลือดจะปนเปื้อนในปัสสาวะ มีผลต่อการแปลผลการตรวจ

5. การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเอกซเรย์เต้านม (Mammogram) หลีกเลี่ยงการตรวจในช่วงมีประจำเดือน ซึ่งเต้านมมีความคัดตึง ควรตรวจหลังมีประจำเดือน

จะเห็นได้ว่าการตรวจสุขภาพมีความสำคัญ และมิได้ทำให้เราเสียเวลาอย่างที่เข้าใจ ในทางตรงกันข้ามกลับมาช่วยรักษาเวลาของเราอีกด้วย เพราะการพบความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มแรกการรักษาให้หายก็สามารถทำได้ และจะไม่มีคำว่า “สายเกินแก้”

https://www.sanook.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 16/1/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 20,150.00 20,050.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,305.00 19,783.80 20,750.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,174.50 17,805.42 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 587.00 8,898.92 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 457.00 6,928.12 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,352.00 20,496.32 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  16/1/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.95 27.95 27.95 27.95 27.95
27.95
27.95
27.95
27.95
แก๊สโซฮอล E-20
25.44
25.44
25.44
25.44
25.44
25.44
25.44
25.44
25.44
แก๊สโซฮอล E-85 20.64 20.64 20.64 20.64
แก๊สโซฮอล 91 27.68 27.68 27.68 27.68 27.68 27.68 27.68 27.68 27.68 27.68
เบนซิน 95 35.06 35.51 35.56 35.06 35.06 35.06
ดีเซลหมุนเร็ว 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 30.59 30.59 30.59 30.59 30.59
มีผลตั้งแต่ 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00 09 Jan 05:00

 

 

 

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า