สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 19 ธันวาคม 2560

ตลาดอสังหาฯ เดือน พ.ย. คึกคัก แห่เปิดตัวกว่า 1.6 หมื่นหน่วย

ตลาดอสังหาฯ เดือน พ.ย. คึกคัก เปิด 49 โครงการ กว่า 1.6 หมื่นหน่วย

ในเดือนพฤศจิกายน อสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการเปิดตัวโครงการคึกคักมากเป็นพิเศษ หลังจากมีการชะลอการเปิดตัวไปในเดือนตุลาคม จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย หรือ AREA พบว่า มีจำนวนโครงการเปิดขายใหม่ทั้งหมด 49 โครงการ เป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัย 48 โครงการ และเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น ๆ อีก 1 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายทั้งหมด 16,368 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 82,226 ล้านบาท

คอนโดฯ เปิดสูงสุด 9.2 พันหน่วย
จำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นใหม่ในเดือนพฤศจิกายนมีทั้งหมด 16,368 หน่วย โดยประเภทที่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุดยังคงเป็นอาคารชุดเช่นเดือนที่ผ่านมา โดยมีจำนวนหน่วยเปิดขาย 9,251 หน่วย (56.5%) รองลงมาคือ ทาวน์เฮ้าส์ 4,052 หน่วย (24.8%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว 2,369 หน่วย (14.5%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด

ส่วนใหญ่ระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป
หากพิจารณาระดับราคาขายจะพบว่า ไม่มีการเปิดขายที่ระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท โดยระดับราคา 1-2 ล้านบาท มีจำนวน 3,163 หน่วย (19.3%) มีมูลค่าโครงการ 5,341 ล้านบาท (6.5%) ระดับราคา 2-3 ล้านบาท มีจำนวน 3,998 หน่วย (24.4%) มีมูลค่าโครงการ 10,011 ล้านบาท (12.2%) ที่ระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 4,546 หน่วย (27.8%) มีมูลค่าโครงการ 17,730 ล้านบาท (21.6%) ส่วนที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 4,661 หน่วย (28.5%) และมีมูลค่าโครงการ 49,145 ล้านบาท (59.8%) ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดขายใหม่ทั้งหมดในเดือนนี้

คอนโดฯ อัตราการขายได้มากที่สุด
โครงการที่เปิดขายในเดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนแรกมีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 35% ซึ่งเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 48% ต่อเดือน โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราการขายได้สูงสุด และมีจำนวนหน่วยขายเป็นส่วนใหญ่ของตลาดอันดับที่หนึ่งคือ อาคารชุดระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 2,957 หน่วย ขายได้แล้ว 2,395 หน่วย (81%) อันดับที่สองคือ ทาวน์เฮ้าส์ระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 656 หน่วย ขายได้แล้ว 292 หน่วย (46%) อันดับที่สามคือ อาคารชุดระดับราคา 10-20 ล้านบาท จำนวน 253 หน่วย ขายได้แล้ว 106 หน่วย (42%)

โครงการส่วนใหญ่เปิดตัวในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน
ในด้านทำเลที่ตั้งจะพบว่าในเดือนพฤศจิกายนมีโครงการที่เปิดตัวใหม่และตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน จำนวน 10 โครงการ ตั้งอยู่ในเขตเมืองชั้นกลางและส่วนต่อขยายของเมือง (intermediate area) จำนวน 37 โครงการ เช่น ถ.รามอินทรา ถ.วงแหวนตะวันออก ถ.อ่อนนุช-ลาดกระบัง ถ.ศรีนครินทร์ ถ.ประชาอุทิศ ถ.พระราม 2 ถ.เพชรเกษม ถ.ราชพฤกษ์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอีก 2 โครงการที่อยู่ในพื้นที่รอบนอก เช่น ถ.กรุงเทพฯ-ปทุมธานี และบางบ่อ เป็นต้น

โครงการส่วนใหญ่เปิดตัวในช่วงเดือนพฤศจิกายน อยู่ในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน

โครงการส่วนใหญ่เปิดตัวในช่วงเดือนพฤศจิกายน อยู่ในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน

บริษัทมหาชน ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด
ผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนพฤศจิกายนเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (มหาชน) จำนวน 15 บริษัท คือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) และบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ตามลำดับ นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัทในเครือ และบริษัททั่วไปอีกจำนวนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ในรอบ 11 เดือนแรกของปี 2560 มีจำนวนโครงการใหม่ 364 โครงการ ลดลง 15% จากในช่วงเวลาเดียวกัน มีจำนวนหน่วยเปิดใหม่แล้ว 107,353 หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่าสินค้าเปิดใหม่ 408,970 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 14% จึงคาดว่าตลอดทั้งปี 2560 จะมีโครงการเปิดตัวใหม่ 397 โครงการ น้อยกว่าปีก่อน 13% แต่มีจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 8% โดยมี 117,112 หน่วย และมีมูลค่ารวมสูงถึง 446,149 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนถึง 22% สินค้ามีราคาเฉลี่ย 3.81 ล้านบาท ในขณะที่ปีที่แล้วสินค้าราคาเฉลี่ย 3.365 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13% เนื่องจากสินค้าราคาถูก หรือราคาปานกลางค่อนข้างถูกขายได้ยาก แสดงให้เห็นว่ากำลังเริ่มเกิดฟองสบู่ชัดเจนแล้วในปี 2560 ในกลุ่มสินค้าระดับสูงที่มีคนซื้อไว้เก็งกำไรมากขึ้น

https://www.ddproperty.com


ตลาดรอง สินเชื่ออสังหา

เหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เงินกู้ซื้อบ้าน-คอนโดฯ ไม่ต้องพึ่งแบงก์ ปัญหาทุกวันนี้ยื่นกู้ไป 100 ราย เด้งกลับ กู้ไม่ผ่าน 40-50 ราย ตอนนี้มีโมเดลใหม่ ไม่ต้องพึ่งแบงก์ส่วนจะเป็นโมเดลใหม่ของใคร ? ระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบการ ยังต้องพิสูจน์

ในเมื่อตลาดหลักสินเชื่อ คือ การกู้กับสถาบันการเงิน หรือกู้กับแบงก์โดยตรง มีข้อจำกัด แบงก์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ กลุ่มตลาดล่างโดนหนักสุด ดีเวลอปเปอร์บางรายบอกว่า กู้ไม่ผ่านสูงถึง 70%
 
ก็เลยมีการพูดถึงตลาดรองสินเชื่อบ้านเพื่อเป็นทางเลือก ตลาดหลักมีข้อจำกัด หันมาพึ่งตลาดรองดีไหม
 
พระเอกในเรื่องนี้ “บตท.-ตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย” ตั้งขึ้นตามกฎหมายเมื่อปี 2540 มีหน้าที่ซื้อ “หนี้ดี” เข้าพอร์ตแล้วเอาไปออกบอนด์ เป็นแหล่งระดมทุนอีกต่อหนึ่ง
 
หลักการอยู่ที่ บตท.ให้สินเชื่อเองไม่ได้ รับซื้อได้แต่หนี้ดี ก็เลยต้องมีคนกลางที่มีหนี้จำนองอยู่ก่อนแล้ว
 
เดิม บตท.ซื้อหนี้ดีจากแบงก์เป็นหลัก แต่สภาพคล่องล้น ไม่มีแบงก์ไหนปล่อยหนี้ออกมาง่าย ๆ ทางเลือกใหม่ของ บตท. ก็เลยตัดตอนหาช่องทางมารับซื้อหนี้ดีจากบริษัทเจ้าของโครงการโดยตรง
 
อยู่ดี ๆ ดีเวลอปเปอร์ไม่เคยมีหนี้จำนองเป็นเรื่องเป็นราว เคยแต่ขายบ้านแล้วให้ลูกค้าไปกู้กับธนาคาร
 
วันนี้ บตท.เสนอไอเดียให้พัฒนาโครงการด้วย ปล่อยกู้ลูกค้าด้วย คัดคุณภาพเจ๋ง ๆ เพราะบริษัทต้องรู้จักลูกค้า มาแล้วระดับหนึ่ง แนวคิด คือ ลูกค้าซื้อบ้าน-คอนโดฯ เจ้าของโครงการให้กู้ สร้างประวัติหนี้ดี
 
จากนั้น บตท.จะเข้ามารับซื้อหนี้ดีไปบริหารต่อสร้างโอกาสให้ดีเวลอปเปอร์ ขายบ้าน 100 หลัง กู้ไม่ผ่านน้อยลง เท่ากับโอนบ้านได้มากขึ้น เรียกว่าโมเดลใหม่ของผู้ประกอบการแนวคิด คือ ลูกค้าสินเชื่อบ้านช่องทางปกติที่กู้กับแบงก์ มีปัญหาติดประวัติค้างชำระในเครดิตบูโร อาชีพอิสระไม่มีหลักฐานรายได้ประจำ แบงก์เซย์โนไม่อนุมัติ
 
ถ้าหันมากู้กับเจ้าของโครงการ โอกาสให้กู้น่าจะมากขึ้น ดอกเบี้ยคงที่ 4-5% นาน 10 ปี รับได้ไหม เรียกว่าโมเดลใหม่ของผู้บริโภค
 
มองต่างมุมแหล่งข่าวใน 3 สมาคมวงการพัฒนาที่ดินเมืองไทยบอกว่า ทาง บตท.เดินสายคุยมานานแรมปีแล้ว เคยให้ข้อสอบไป 4 ข้อ ยังไม่ได้รับคำตอบเป็นทางการ ดังนี้
 
1.ดีเวลอปเปอร์รับจำนองบ้าน ให้เงินกู้ จะต้องไม่ผิดกฎหมายธนาคาร ใช่หรือไม่
 
2.ขอให้ บตท.เขียนแผนผังธุรกรรม ขั้นตอนดำเนินการ
 
จุดเสี่ยง เพราะให้กู้ไปแล้ว บตท.ไม่รับซื้อหนี้ จะทำยังไง
 
“โมเดลนี้ ถ้าให้ดีเวลอปเปอร์รับจำนองอสังหาฯ เราต้องการให้จดจำนองแล้วข้าม (ไปหา บตท.) เลย ไม่ได้ต้องการเป็นเจ้าหนี้ตัวจริง transaction ตรงนี้ต้องป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยง เพราะเราไม่ได้รับฝากเงินเหมือนธนาคาร ไม่มีเงินมาปล่อยสินเชื่อต่อเนื่อง”
 
3.ถ้าให้กู้แล้วเป็นหนี้เสีย จะต้อง without recost ห้ามเช็กบิลกับดีเวลอปเปอร์
 
“มองว่าเป็นจุดเสี่ยง ถึงแม้โมเดลตลาดรองสินเชื่อทำให้ขายบ้าน-คอนโดฯได้มากขึ้น แต่กำไรที่ได้ไม่สามารถ cover กับหนี้เสีย ตรงนี้ต้องชัดเจนว่า cost หนี้เสียจะต้อง without recost มาหาดีเวลอปเปอร์”
 
และ 4.การจดจำนอง จะต้องไม่มีค่าใช้จ่ายดับเบิล หมายความว่าวันนี้ดีเวลอปเปอร์รับจำนองจากลูกค้า หากว่าต้องโอนการรับจำนองต่อไปยังแบงก์ จะต้องไม่มีค่าใช้จ่าย2 ครั้ง (โอนพอร์ตหนี้ไปยัง บตท. ไม่เสียภาษีจดจำนอง เป็นไปตาม พ.ร.ก.ตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย 2540)
 
ถ้าบริหารความสัมพันธ์ 3 เส้าได้ ทั้ง “ผู้บริโภค-เจ้าของโครงการ-บตท.”ตลาดรองสินเชื่อบ้านจึงจะนับเป็นเรื่องที่ดี และมีประโยชน์อย่างแท้จริง
http://www.bkkcitismart.com

เปิดราคาที่ดิน ปี 2561 สีลมแพงสุด ตารางวาละ 1 ล้านบาท

กรมธนารักษ์ ประกาศราคาประเมินที่ดิน ต้นปี 2561 พบย่านสีลม ราคาสูงสุดตารางวาละ 1 ล้านบาท ขณะที่ย่านบางขุนเทียน ต่ำสุด 500 บาทต่อตารางวา ส่วนต่างจังหวัดแพงสุดที่หาดใหญ่ 

วันที่ 18 ธันวาคม 2560 นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมธนารักษ์ได้ทำการประเมินราคาที่ดินรายแปลงครบทั้งหมด 32 ล้านแปลง เตรียมประกาศบังคับใช้เพื่อเป็นราคาอ้างอิงตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ราคาปรับเพิ่มสูงสุด คือ ทำเลย่านสีลมราคา 1 ล้านบาทต่อตารางวา ต่ำสุด คือ ทำเลบริเวณเขตบางขุนเทียน แถวคลองโล่ง ราคา 500 บาทต่อตารางวา

ส่วนต่างจังหวัด อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา บริเวณถนนประชาธิปัตย์ ราคามาแรงขยับเพิ่มเป็น 400,000 บาทต่อตารางวา ส่วนราคาต่ำสุดแถวโคกเจริญ จ.ลพบุรี ราคา 90 บาทต่อตารางวา

ทั้งนี้ ราคาประเมินที่ดินทั้งหมดจะใช้อ้างอิงจัดเก็บภาษีดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาร่างกฎหมายของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลังสรุปเบื้องต้นว่าบ้านราคาไม่เกิน 20 ล้านบาท จะได้รับยกเว้นภาษี เริ่มบังคับใช้ปี 2562

https://money.kapook.com


ข่าวดี! ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ลุ้นรางวัลเงินล้านทุกเดือน

ข่าวดี! ผู้ถือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ลุ้นรางวัลเงินล้านทุกเดือน ตามโครงการแจกโชคจากการใช้บัตรเดบิตของกระทรวงการคลัง

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การแจกโชคจากการใช้บัตรเดบิตประจำเดือนธันวาคม 2560 (ข้อมูลการใช้จ่ายเดือนพฤศจิกายน 2560) ได้ขยายสิทธิ์เป็นครั้งแรกไปถึงผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 11.4 ล้านคน

ให้สามารถลุ้นโชคได้โดยการใช้จ่ายผ่านบัตร 1 ครั้ง เท่ากับ 1 สิทธิ์ สำหรับผู้ที่ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อซื้อสินค้าหรือวัตถุดิบการเกษตร (ไม่รวมค่าใช้จ่ายในสวัสดิการเดินทางผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) และเป็นที่น่ายินดีกับผู้มีรายได้น้อยที่ใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐคือ คุณเหน็ง คำจำรัส เป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลที่ 1 มูลค่า 1,000,000 บาท

ในส่วนของร้านค้าที่ได้รับรางวัลที่ 1 มูลค่า 1,000,000 บาท คือร้านคุณสมคิด แก่นนอก ซึ่งเป็นร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นอกจากนี้ ได้ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้รับรางวัลอื่นๆ บนเว็บไซต์ www.epayment.go.thโดยธนาคารจะติดต่อผู้มีสิทธิ์ได้รับรางวัลโดยตรงต่อไป

ทั้งนี้ โครงการแจกโชคจากการใช้บัตรเดบิตมีกำหนดการแจกโชคทุกเดือนเป็นระยะเวลา 1 ปี (เดือนมิถุนายน 2560 ถึงเดือนพฤษภาคม 2561) รวมเงินรางวัล 84 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งในแต่ละเดือนผู้ใช้บัตรเดบิตจะมีรางวัลสูงสุด 1,000,000 บาท 1 รางวัล

และรางวัลอื่น ๆ ลดหลั่นกันลงมาตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 2,000 บาท รวมทั้งสิ้น 1,001 รางวัล ในส่วนของร้านค้าจะมีรางวัลสูงสุด 1,000,000 บาท 1 รางวัล และมีรางวัลย่อยรางวัลละ 30,000 บาท อีก 5-30 รางวัลต่อเดือน ตรวจสอบรายชื่อผู้ได้รางวัลเดือน ธ.ค.60http://www.epayment.go.th/home/app/award_lists_november_2560

https://news.mthai.com


7เทคนิคขับรถปลอดภัยในช่วงปีใหม่

7เทคนิคขับรถปลอดภัยในช่วงปีใหม่ thaihealth

ช่วงเทศกาลหลายคนวางแผนจะกลับภูมิลำเนาหรือออกท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แม้ระยะทางแสนไกลก็ไม่หวั่น ยิ่งสถานที่สวยงามก็เป็นแรงจูงใจชั้นดีในการออกเดินทางในช่วงเทศกาลได้ถ่ายรูปเก๋ๆ ลงโซเชียล แค่คิดก็สนุกแล้วใช่ไหมคะ แต่สิ่งสำคัญสำหรับการเดินทางทุกครั้งคือเรื่อง “ความปลอดภัย” ใครที่ต้องขับรถเดินทางไกลๆ หรือต้องผ่านเส้นทางที่เสี่ยงอันตรายโค้งเยอะๆ ไม่ชำนาญเส้นทางห้ามประมาทโดยเด็ดขาด เพราะอุบัติเหตุส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นล้วนมาจากความประมาทของผู้ใช้รถใช้ถนน

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในหลายๆ ประเทศที่มีแนวโน้มการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบจากข่าวหรือสื่อออนไลน์ที่นำเสนออยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสาเหตุหลักมาจาก “พฤติกรรมการหลับในและการขับรถเร็ว” ถือเป็น 2 พฤติกรรมเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมา ทั้งนี้ยังมีสถานการณ์อุบัติเหตุอันตรายข้างทางที่เกิดขึ้นในประเทศไทยโดยเฉลี่ยที่รวบรวมได้ 510 ข้อมูลในช่วงปี พ.ศ. 2556-2560 พบว่ามีผู้ประสบเหตุเสียชีวิตโดยประมาณ 784 คน และบาดเจ็บสาหัสโดยประมาณ 994 คน การหลับในขณะขับขี่ พบที่ร้อยละ 30 ขับรถเร็ว พบที่ร้อยละ 25  ซึ่งการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งมีจำนวนผู้บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตจากปัจจัยเสี่ยงใน 1 ครั้ง จะมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแต่ละครั้งโดยเฉลี่ย 1-2 คน ดังนั้นการปฏิบัติตามกฏจราจรสามารถช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ คำว่า ” ปลอดภัยไว้ก่อน ” กลายมาเป็นเทคนิคในการขับรถให้ปลอดภัย

สิ่งที่ผู้ขับขี่ไม่ควรลืมในการขับขี่อย่างปลอดภัย

1.คาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง หรือสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง

2.ควรหยุดพักรถเป็นระยะ หากต้องเดินทางไกล

3.เคารพกฎจราจร ไม่ฝ่าไฟแดง ไม่ขับรถย้อนศร

4.เตรียมร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการง่วงหรือหลับใน

5.เมาไม่ขับ

6.ไม่ขับรถเร็ว

7.งดการใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่

7เทคนิคขับรถปลอดภัยในช่วงปีใหม่ thaihealth

อย่าเปลี่ยนทริปท่องเที่ยวแสนสนุกเป็นการสูญเสีย เพราะความประมาทในการขับขี่และเรื่องความปลอดภัยทางถนนไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะส่งผลกระทบมากมาย เช่น การขาดเสาหลักครอบครัวหรือพิการตลอดชีวิต ดังนั้นควรปฏิบัตรอย่างเคร่งครัดและขอเน้นย้ำเรื่อง “เมาไม่ขับ” เนื่องจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์แล้วขับรถเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำโดยเด็ดขาด

ในกรณีที่พบเห็นเหตุการณ์อุบัติเหตุ สามารถโทร 1669 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ โดยระหว่างนั้นห้ามเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บเด็ดขาด ให้รอทีมหน่วยกู้ชีพเป็นผู้เคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บแทน

http://www.thaihealth.or.th


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 19/12/2560​

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,500.00 19,600.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,263.00 19,147.08 20,100.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,136.70 17,232.37 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 568.00 8,610.88 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 442.00 6,700.72 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,309.00 19,844.44 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  19/12/2560

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.85 27.85 27.85 35.41 27.85
27.85
27.85
27.85
27.85
แก๊สโซฮอล E-20
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
แก๊สโซฮอล E-85 20.64 20.64 20.64 20.64
แก๊สโซฮอล 91 27.58 27.58 27.58 27.58 27.58 27.98 27.58 27.58 27.58 27.58
เบนซิน 95 34.96 35.41 35.46 34.96 34.96 34.96
ดีเซลหมุนเร็ว 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 29.39 30.07 30.26 30.26 30.26
มีผลตั้งแต่ 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 10 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00

 

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า