Blog Post

ส่องทำเลส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินบนถนนจรัญฯ ก่อนจะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้

หนึ่งพื้นที่ที่คนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทสนใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้นแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินบริเวณฝั่งธนฯ ที่ปัจจุบันก่อสร้างไปแล้วกว่า 97% และคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2562 โดยพื้นที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือบริเวณแนวถนนจรัญฯ อันเป็นที่ตั้งของสถานีเด่นอย่างสถานีบางขุนนนท์ที่เป็นจุด Interchange ของรถไฟฟ้า 3 สายด้วยกันคือ สายสีน้ำเงิน สายสีส้ม และรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อนที่ปัจจุบันมีผู้พัฒนาให้ความสนใจและเข้ามาปักหมุดโครงการในราคาไม่แพงมากค่อนข้างเยอะ

ที่ผ่านมาจะเห็นว่า 2 โครงการที่เข้ามาเช็คอินเปิดตัวโครงการก่อนเพื่อนอย่าง IDEO Mobi จรัญฯ Interchangeและ Life ปิ่นเกล้า ก็ถูก Sold Out ทุกยูนิตในเวลาอันรวดเร็วจากศักยภาพที่ตั้งโครงการใก้ลจุด Interchange สถานีบางขุนนนท์ แต่ทั้งนี้ความร้อนแรงของสองโครงการดังกล่าวถือเป็นเพียงน้ำจิ้มที่แสดงศักยภาพของทำเลบริเวณนี้เท่านั้น โดยบริเวณสถานีอื่นๆ บนถนนจรัญฯ กว่าอีก 4 สถานีที่สามารถเชื่อมต่อมาสู่บริเวณนี้ได้ง่ายก็ยังคงได้รับความนิยมไม่แพ้กัน

เส้นทางโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่วิ่งวนล้อมรอบตัวเมืองชั้นในเอาไว้

นอกจากจุด Interchange 3 สายบริเวณสถานีบางขุนนนท์แล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ซัพพอร์ทให้บริเวณแนวถนนจรัญฯ น่าสนใจมากที่สุดก็คือแนวการเดินรถไฟฟ้าของโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่วิ่งวนล้อมรอบตัวเมืองชั้นในเอาไว้ (Circle Line) ซึ่งการเดินรถด้วยรูปแบบดังกล่าวจะทำให้โครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเกิดจุดตัด (Interchange) กับโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ ทั้งหมด หากในอนาคตโครงข่ายรถไฟฟ้าเปิดใช้บริการหมดทุกสายคนที่ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเป็นหลักจะสามารถไปเชื่อมต่อเส้นทางการเดินทางรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย

ปัจจุบันนอกจากสถานีบางขุนนนท์ที่เป็นจุด Interchange 3 สายแล้ว บริเวณต้นถนนจรัญฯ ก็จะมีสถานีสิรินธรที่เป็นจุด Interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน อีกทั้งยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่ใกล้ที่สุดตอดกับสถานีเลยอย่างคือ Brix Condominium จรัญฯ 64 ที่สามารถทำการ Sold Out ได้ในเวลาไม่นานนับจากวันเปิดตัว

ราคาประเมินที่ดินบนถนนจรัญสนิทวงศ์จากกรมธนารักษ์

ปัจจุบันราคาของอสังหาริมทรัพย์แนวคอนโดมิเนียมที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้ายังคงมีราคาไม่สูงมากอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาทต้นๆ เนื่องจากพื้นที่แนวถนนจรัญฯ ยังเหลือพื้นที่ให้พัฒนาอยู่มากและราคาที่ดินยังอยู่ในระดับที่สามารถพัฒนาคอนโดฯ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทได้ โดยเฉพาะช่วงสถานีแยกไฟฉายที่ปัจจุบันได้เปลี่ยนโฉมจาก 3 แยกเป็น 4 แยกเต็มตัว ทำให้พื้นอณาเขตของการปักหมุดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ใกล้รถไฟฟ้าถูกขยายตัวไปบนแนวถนนถนนพระเทพตัดใหม่ที่เข้ามาเติมเต็มให้แยกไฟฉายนี้

ส่วนบริเวณสถานีแยกไฟฉายเองนั้น ก็จะมีโครงการที่น่าสนใจอย่าง ศุภาลัย Loft สถานีแยกไฟฉาย ที่มีราคาเปิดตัวประมาณ 2 ล้านต้นๆ บนตำแหน่งที่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าประมาณ 350 ม. แต่ถ้าหากถัดไปอีกสถานีที่สถานีจรัญฯ 13 จะเห็นว่าโครงการ Metro Sky Vogue จรัญฯ 13 ที่เข้ามาปักหมุดเมื่อปลายปี 2560 ก็ยังอยู่ใน Rate ราคาเริ่มต้นที่ใกล้เคียงกันที่ 100,000 บาทต้นๆ ต่อตารางเมตรหรือประมาณ 2 ล้านต้นๆ เช่นกัน แต่สิ่งที่ได้รับเพิ่มเข้ามาคือตัวโครงการจะอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้ามากกว่าหรือที่ประมาณ 150 ม.

ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าต่างๆ

ทั้งนี้เองจากผลสำรวจการตลาดอสังหาริมทรัพย์คอนโดมิเนียมในไตรมาสสุดท้ายที่ผ่านมาของปี 2560 ทำให้เห็นว่าภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมยังคงอยู่ในสภาวะที่ซบเซา คอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้นแต่ยอดขายและการรับโอนลดต่ำลง โดยเฉพาะโครงการตามแนวรถไฟฟ้าในเมืองที่มีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่ Over Supply เป็นที่เรียบร้อย แต่หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่ารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินบริเวณฝั่งธนฯ นั้นสามารถทำยอดขายได้ 79% จากยูนิตทั้งหมดเกือบๆ 19,000 ยูนิต โดยเหลือขายเพียงราวๆ 4,000 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งถือเป็นยอดการขายที่ใกล้เคียงกับโครงการบริเวณรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินหรือ MRT ในเมืองเลยก็ว่าได้ โดยหนึ่งในโครงการที่เข้ามารับส่วนแบ่งตลาดตรงนี้ไปเต็มๆ และปัจจุบันก็ Sold Out ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากยูนิตทั้งหมดกว่า 1,800 ยูนิตก็คือ The Parkland จรัญฯ – ปิ่นเกล้า

ทั้งนี้เองใครที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียม หรือ ที่อยู่อาศัยใหม่ แต่ตั้งงบประมาณไว้ที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท นอกจากทำเลแนวรถไฟฟ้าบนถนนจรัญฯ แล้วก็ยังมีทำเลอื่นๆ ให้เลือกสรรเพื่อประกอบการตัดสินใจอยู่ไม่ว่าจะเป็นบริเวณพระราม 9 อ่อนนุช จตุจักร ก็ยังคงมีคอนโดฯ ราคาดีใกล้แนวรถไฟฟ้าให้เลือกสรรอยู่ หรือ หากใครที่ตั้งงบประมาณและเลือกโครงการไว้ในใจแล้วแต่ไม่มั่นใจว่าจะกู้ซื้อคอนโดมิเนียมผ่านหรือผ่อนชำระไหวหรือไม่ก็สามารถเข้ามาเลือกใช้เครื่องมือคำนวณสินเชื่อจาก DDproperty ก่อนทำการกู้ซื้อได้ที่นี่

https://www.ddproperty.com

เศรษฐกิจ4.0 กับธุรกิจรับสร้างบ้าน

การดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านยุค 4.0 ที่ปัจจุบันเหล่าผู้ประกอบการต่างหันมาปรับตัว เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อชิงการได้เปรียบ ทั้งในเรื่องของการอำนวยความสะดวกสบาย การตอบสนองต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การบริการและความคุ้มค่าที่ผู้บริโภคจะ ได้รับ รวมถึงการนำเทคโนโลยีต่างๆเข้ามามีบทบาทในการก่อสร้างบ้านให้มากขึ้น

ในส่วนของกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ เองก็มีการปรับตัวตามเทรนด์ของผู้บริโภคอยู่แล้ว โดยได้ดำเนินแผนงานให้สอดรับกับเทรนด์ 4.0 ตามที่กล่าวแล้วข้างต้น แต่เหนือสิ่งอื่นใดกลับมองว่าเศรษฐกิจ 4.0 กับธุรกิจรับสร้างบ้าน ไม่ใช่แค่การนำเอาเทคโนโลยีดิจิตอลต่างๆ เข้ามาประยุกต์ใช้ในการเชื่อมโยงธุรกิจกับกลุ่มลูกค้า ให้เข้าถึงกัน ได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นเพียงแค่นั้น เพราะถ้ามองกันให้ลึกซึ้งแล้วอย่างที่ผู้ประกอบการกำลังนิยมอยู่ในขณะนี้ อย่างเช่น การนำเครื่องมือดิจิตอลมาช่วยในการดำเนินงานหรือการควบคุมการใช้งานต่างๆ ภายในบ้านผู้ที่ได้รับประโยชน์จริงๆ แล้วก็ยังคงเป็นผู้ประ กอบการ เพราะการอำนวยความสะดวกเหล่านี้ล้วนมีค่าใช้จ่ายที่ต้องสูงขึ้นตามมา ซึ่งก็เป็นภาระต้นทุนที่ผู้บริโภคต้องรับภาระเพิ่มขึ้นตามลำดับ

แต่ในยุค 4.0 ตามที่ผมคาดหวังไว้คือ การที่เราสามารถเพิ่มมูลค่าของคุณภาพบ้านให้แก่ลูกค้าได้มากกว่างบประมาณที่ลูกค้าจ่ายไป อย่างเช่น ลูกค้าปลูกสร้างบ้านกับเราในราคา 3 ล้านบาท แต่สามารถได้รับมอบบ้านที่มีคุณภาพคุ้มค่าเกินกว่าราคาที่ลูกค้าต้องจ่ายไป ทั้งในเรื่องของมาตรฐานการก่อสร้าง การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ ฯลฯ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าที่ ผ่านมาธุรกิจอสังหาฯ ยังมีจุดอ่อนอยู่มาก ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อถือและความไว้วางใจที่จะตัดสินใจซื้อหรือปลูกสร้าง รวมถึงผลกระทบหลังที่ลูกค้า เข้าอยู่อาศัยตามมา จึงอยากให้ผู้ประกอบการมุ่งเน้นที่จะให้ลูกค้าได้รับสินค้า และบริการในมูลค่าที่สูงกว่างบประมาณที่จ่ายไป

ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านยุค 4.0 คือ การสร้างประสบการณ์ทางด้านการตลาด หรือ Experience Marketing ให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งการสร้าง Experience Marketing ในที่นี้คือการสร้างประสบ การณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภคตั้งแต่ก้าวแรกที่ได้เข้ามาติดต่อเกี่ยวกับการสร้างบ้าน ตลอดจนการได้เห็นและเข้ามาสัมผัสในขั้นตอนการดำเนินงานต่างๆ เพราะเราเชื่อว่าผู้บริโภคอยากทราบรายละ เอียดในส่วนต่างๆ เหล่านี้เพื่อความมั่นใจและความสบายใจจนกว่าบ้านจะสร้างเสร็จ ซึ่งเรามองว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคมีประสบ การณ์ที่ดีกับบริษัท จนเกิดการจดจำ และผลที่ได้จะกลายเป็นการสร้างแบรนด์ อีกทั้งยังสร้างการบอกต่อ ซึ่งเป็นการทำธุรกิจได้อย่างยั่งยืนมากกว่า

http://www.thansettakij.com

กสิกรไทย คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเฟด ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25%จากระดับ 1.25-1.50% เป็น 1.50-1.75% ในการประชุมรอบที่สองของปีนี้ ในวันที่ 20-21 มีนาคม 2561 ทั้งนี้ ท่ามกลางปัจจัยที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวในระดับสูงกว่าระดับศักยภาพ โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่อัตราว่างงานมีโอกาสที่จะลดลงทำสถิติต่ำที่สุดในรอบกว่า 5 ทศวรรษ คงเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวlร้อนแรงเกินไป ขณะที่พัฒนาการของอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ค่อนข้างทรงตัวบ่งชี้ว่าเฟดยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งจังหวะของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้

สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในครั้งนี้อาจจะส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และไทยกว้างขึ้นอันอาจทำให้มีเงินทุนบางส่วนไหลออกไปอันส่งผลให้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ไทยปรับขึ้นตาม (ในขนาดที่น้อยกว่า) แต่สำหรับผลต่ออัตราดอกเบี้ยของไทยคงมีไม่มาก ในส่วนของทิศทางค่าเงินบาท การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจจะไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ทิศทางค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่า เนื่องจากปัจจัยกดดันค่าเงินบาทระยะนี้มาจากความเสี่ยงด้านการเมืองสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูง

http://www.bangkokbiznews.com

7-Eleven เตรียมสแกนใบหน้าลูกค้า ยกระดับบริการ-รักษาความปลอดภัย

ซีพี ออลล์ เตรียมใช้ระบบสแกนใบหน้าผู้ใช้บริการร้านเซเว่นอีเลฟเว่นนับหมื่นสาขาทั่วประเทศไทย โดยจะร่วมกันพัฒนากับบริษัทด้านเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ

ระบบสแกนหรือตรวจจับใบหน้าผู้ใช้บริการที่บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จะนำมาใช้กับร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในประเทศไทย จะอาศัยการประมวลผลของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและส่งเสริมการบริการในด้านต่าง ๆ

เว็บไซต์ บิสซิเนสอินไซเดอร์ รายงานว่า ซีพี ออลล์ ประกาศตั้งแต่เดือน ธ.ค.ปีที่แล้วว่าจะร่วมมือกับบริษัท รีมาร์ค โฮลดิงส์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐฯ เพื่อทดสอบและพัฒนาระบบตรวจจับหรือจดจำใบหน้าผู้ใช้บริการร้านเซเว่นอีเลฟเว่น

ความร่วมมือดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก บมจ.ซีพี ออลล์ ได้เห็นความสำเร็จของการใช้ AI ในการดำเนินงานต่าง ๆ ในจีน เช่น การตรวจสอบและป้องกันการเผยแพร่เนื้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ในสื่อออนไลน์ของจีน การใช้ระบบสแกนใบหน้าพนักงานร้านอาหารกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ เพื่อตรวจสอบว่าพนักงานสวมหน้ากากป้องกันและหมวกคลุมผมป้องกันเชื้อโรคอย่างเคร่งครัดทุกคนหรือไม่ ถือเป็นการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยรักษามาตรฐานความสะอาดและความปลอดภัยด้านสาธารณสุขได้เป็นอย่างดี

ขณะที่แถลงการณ์ของบริษัท รีมาร์ค โฮลดิงส์ ที่เผยแพร่ออกมาช่วงต้นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า ระบบสแกนใบหน้าที่จะนำมาใช้กับลูกค้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในประเทศไทย คือ ระบบ KanKan มีเป้าหมายเพื่อให้ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นจัดหาหรือนำเสนอสินค้าที่ลูกค้าต้องการได้ง่ายขึ้น เพราะระบบจะจดจำและเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคเอาไว้

ระบบ AI จะช่วยประเมินข้อมูลสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการ โดยอ้างอิงจากพฤติกรรมและข้อมูลการซื้อสินค้าของผู้ที่ใช้บริการเป็นประจำ รวมถึงประเมินอารมณ์ความรู้สึกของผู้ใช้บริการโดยวิเคราะห์จากสีหน้าและอากัปกิริยาที่ตรวจจับได้

นอกจากนี้ ระบบสแกนใบหน้ายังจะช่วยยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในร้าน เพราะกล้องวงจรปิดและระบบสแกนใบหน้าจะทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยแยกแยะระหว่างพนักงานกับบุคคลแปลกหน้า

บมจ.ซีพี ออลล์ ระบุว่า จะนำระบบดังกล่าวมาใช้กับร้านเซเว่นอีเลฟเว่นกว่า 11,000 แห่งทั่วประเทศ แต่ยังไม่ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่เมื่อใด

https://money.sanook.com

รับบริจาคยามือสอง เพื่อส่งมอบรพ.อุ้มผาง ปีที่ 2

เอ็กซ์ต้า พลัส ร่วมมือกับ ร้านเซเว่นฯเปิดรับบริจาคยามือสอง เพื่อส่งมอบ รพ.อุ้มผาง ปีที่ 2

เอ็กซ์ต้า พลัส ร้านยาเพื่อสุขภาพในชุมชน ร่วมมือกับเซเว่น อีเลฟเว่น สานต่อโครงการรับบริจาคยาเหลือใช้ ส่งมอบต่อให้กับโรงพยาบาลอุ้มผางต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

ดร.อนุรักษ์ วัฒนะถาวรวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการหน่วยงานเอ็กซ์ต้า พลัส กล่าวว่า จากผลสำเร็จความร่วมมือมอบยาให้โรงพยาบาลอุ้มผางในปีที่ผ่านมา มีประชาชนสนใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ทำให้โรงพยาบาลอุ้มผางสามารถประหยัดงบประมาณเบิกจ่ายค่ายาได้ไม่น้อย จึงได้มีการสานต่อโครงการเปิดรับยาเหลือใช้ผ่านช่องทาง ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ซึ่งตั้งอยู่ในร้านเซเว่นฯ กว่า 175 สาขาทั่วประเทศ และร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส Stand Alone อีก 9 สาขา เป็นปีที่ 2

โดยในเบื้องต้นเภสัชกรของเอ็กซ์ต้าจะตรวจสอบพิจารณาคัดกรองยาที่ได้รับบริจาคมา เพื่อให้แน่ใจว่ายาทุกเม็ดสามารถนำมาใช้ได้และยังไม่หมดอายุ ส่วนยาที่หมดอายุแล้วจะถูกนำไปทำลายอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษ

ด้าน นายแพทย์วรวิทย์ ตันติวัฒนวิทย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตาก กล่าวขอบคุณเอ็กซ์ต้า พลัส และภาคประชาสังคม ที่เล็งเห็นปัญหาและอุปสรรคของการให้บริการของโรงพยาบาลอุ้มผาง ทำให้ปีที่ผ่านมาสามารถประหยัดงบประมาณได้กว่า 9 ล้านบาท ปัจจุบันโรงพยาบาลต้องดูแลรักษาผู้ป่วยกว่า 80,000 คน กว่าร้อยละ 50 เป็นบุคคลไร้สัญชาติ ไม่มีบัตรประชาชน ซึ่งยาที่ได้รับบริจาคจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับคนไข้โรงพยาบาลแห่งนี้ และอีกหลายแห่งในพื้นที่ใกล้เคียง เพราะได้มีการส่งมอบยาให้กับสถานบริการสาธารณะสุขที่เป็นลูกข่าย 27 หน่วยบริการสาธารณะสุข ทั้งยังมีกองทุนยาหมู่บ้านและกองทุนยาสำหรับห้องพยาบาลโรงเรียนอีกด้วย

นายเทวฤทธิ์ ประเพชร หัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรมโรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตาก กล่าวว่า มีความต้องการยาเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกล ตามแนวตะเข็บชายแดน ไทย-เมียนมาร์ อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจำเป็นต้องรักษาคนไข้เพื่อป้องกันการระบาดของโรค ไม่ว่าจะเป็นคนไทย กะเหรี่ยง ลาว มอญ ที่ผ่านมาได้รับบริจาคยาเหลือใช้ที่ยังไม่หมดอายุ   สามารถบริจาคยาได้ทุกประเภท โดยจะเน้นไปที่ กลุ่มยาแก้แพ้ ยารักษาไข้หวัด ยารักษาโรคตามอาการ กลุ่มยารักษาโรคเรื้อรัง เช่น ความดัน , เบาหวาน , ลดคอเลสเตอรอล ทั้งนี้ในช่วงฤดูร้อนก็ต้องเฝ้าระวังอหิวาตกโรคซึ่งจำเป็นจะต้องใช้ผงเกลือแร่แก้ปัญหาท้องเสียอย่างรุนแรง เป็นต้น

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถ ร่วมส่งต่อบริจาคยาเหลือใช้ แบ่งปันให้เพื่อนมนุษย์ร่วมกันได้ ผ่านช่องทางที่ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ซึ่งตั้งอยู่ในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น กว่า 175สาขา และร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส Stand Alone อีก 9 สาขา ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม – 30 กันยายน 2561

http://www.bangkokbiznews.com

ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 19/03/2561

 ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  19/03/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ หน่วย : บาท/ลิตร
	ปตท PTT	บางจาก BCP	เชลล์ Shell	เอสโซ่ Esso	คาลเท็กซ์ Caltex	ไออาร์พีซี IRPC	พีทีจี เอนเนอยี่ PTG	ซัสโก้ Susco	ระยองเพียว Pure	ซัสโก้ ดีลเลอร์ SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95	27.35	27.35	27.35	27.35	27.35	27.35	27.35	27.35	27.35	27.35
แก๊สโซฮอล E-20	24.84	24.84	24.84	24.84	24.84	–	24.84	24.84	24.84	24.84
แก๊สโซฮอล E-85	20.14	20.14	–	–	–	–	–	20.14	20.14	–
แก๊สโซฮอล 91	27.08	27.08	27.18	27.58	27.08	27.08	27.08	27.08	27.08	27.08
เบนซิน 95	34.46	–	–	–	34.91	–	34.96	34.46	34.46	34.46
ดีเซลหมุนเร็ว	26.59	26.59	26.59	26.59	26.59	26.59	26.59	26.59	26.59	26.59
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม	29.59	30.46	30.46	30.46	30.46	–	–	–	–	–
มีผลตั้งแต่	06 Mar 05:00	06 Mar 05:00	06 Mar 05:00	06 Mar 05:00	06 Mar 05:00	06 Mar 05:00	06 Mar 05:00	06 Mar 05:00	06 Mar 05:00	06 Mar 05:00