สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 21 กรกฎาคม 2563

พื้นที่ค้าปลีก ไตรมาส 2 ทรุด50%  ผู้เช่าแห่เลิกสัญญา

ตลาดพื้นที่ค้าปลีกในกทม.-ปริมณพล ไตรมาสที่ 2 เปิดใหม่แค่ 5 หมื่นตร.ม. พิษโควิดทุบ ติดลบ 50% ผู้เช่าบอกเลิกสัญญาเพียบ

การประกาศปิดโครงการพื้นที่ค้าปลีกชั่วคราวไปกว่า 1 เดือนกว่าๆ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อร้านค้าและผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของโครงการพื้นที่ค้าปลีก เพราะขาดรายได้ แม้ว่าร้านค้าและผู้เช่าต่างๆ จะมีสัญญาเช่าอยู่กับผู้ประกอบการเจ้าของโครงการแต่การที่ต้องปิดร้านตามคำสั่งหน่วยงานราชการนั้นสร้างผลกระทบแน่นอน และจำเป็นต้องมีการขอลดค่าเช่าจากเจ้าของโครงการ ซึ่งเจ้าของโครงการก็จำเป็นต้องลดค่าเช่าเพราะไม่อย่างนั้นผู้เช่าหลายรายอาจจะเลือกที่จะขอยกเลิกสัญญาเช่า เนื่องจากไม่มีเงินทุนหมุนเวียน ภาพรวมตลาดพื้นที่ค้าปลีกในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ จึงออกมาในรูปแบบที่เงียบเหงาโครงการเปิดใหม่มีน้อยมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ดัชนีค้าปลีกในไตรมาสที่ 1 ติดลบ 3-7% แต่ในไตรมาสที่ 2 มีความเป็นไปได้ที่จะติดลบ 20-50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่วิเคราะห์ว่าตลาดพื้นที่ค้าปลีกในกรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2563 มีพื้นที่ค้าปลีกเปิดให้บริการใหม่ 50,000 ตารางเมตร ดังนั้น ตลอดช่วงครึ่งแรกปีนี้ มีพื้นที่ค้าปลีกเปิดให้บริการใหม่เพียง 55,000 ตารางเมตรเท่านั้นน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในรอบหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีผลต่อเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวไม่ได้เป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากช่วง ปี 2563-2564 มีโครงการพื้นที่ค้าปลีกที่มีกำหนดการเปิดให้บริการไม่มากนัก เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ และโครงการส่วนใหญ่ที่มีกำหนดเปิดให้บริการในช่วงปี 2563 – 2564 เป็นศูนย์การค้ามากกว่าโครงการพื้นที่ค้าปลีกรูปแบบอื่นๆ โดยมีโครงการพื้นที่ค้าปลีกที่กำลังก่อสร้างและมีกำหนดเปิดให้บริการในช่วงปี 2563-2566 อีกประมาณ 900,000 ตารางเมตร พื้นที่ค้าปลีกสะสมในกรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบอยู่ที่ประมาณ 8,493,200 ตารางเมตรแต่ถ้าพิจารณาเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครเท่านั้นจะมีพื้นที่ค้าปลีกรวมประมาณ 6,496,700 ตารางเมตร

โครงการพื้นที่ค้าปลีกโดยเฉพาะคอมมูนิตี้มอลล์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครรอบนอกอาจจะประสบปัญหาในเรื่องของผู้เช่าที่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ในระยะยาว เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 1-2 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบแบบชัดเจนขึ้นหลังจากผ่านไตรมาสที่ 2 ไปแล้ว แม้ว่าโครงการพื้นที่ค้าปลีกจะกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่เป็นการเปิดให้บริการภายใต้ข้อจำกัดซึ่งเป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ ผู้เช่าบางรายจึงเลือกที่จะปิดกิจการชั่วคราวไปก่อนในช่วงนี้

โครงการพื้นที่ค้าปลีกที่เปิดให้บริการในกรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบส่วนใหญ่เป็นโครงการที่อยู่ในกรุงเทพมหานครมากกว่าแบบชัดเจน อาจจะมีบางปีที่มีโครงการพื้นที่ค้าปลีกขนาดใหญ่เปิดให้บริการในพื้นที่รอบกรุงเทพมหานคร แต่โครงการพื้นที่ค้าปลีกขนาดใหญ่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครรอบนอกหรือในจังหวัดปริมณฑล เนื่องจากราคาที่ดินที่ยังไม่สูงเกินไปสามารถพัฒนาโครงการพื้นที่ค้าปลีกได้

อัตราการเช่าในบางโครงการเริ่มเห็นพื้นที่ว่าง หรือการขอยกเลิกสัญญาเช่าบ้างแล้ว และอาจจะเห็นมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งมีผลต่อเนื่องให้ภาพรวมของอัตราการเช่าเฉลี่ยในบางพื้นที่ลดลง แม้ว่าในภาพรวมแล้วอัตราการเช่าของโครงการพื้นที่ค้าปลีกประเภทต่างๆ จะยังอยู่ในอัตราสูงกว่า 92% ขึ้นไป ผู้เช่าทั้งรายใหญ่ และรายเล็กในโครงการพื้นที่ค้าปลีกต่างๆ อาจจะยังคงพื้นที่เช่าของตนเองไว้ก่อนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

แต่หากภาวะการแพร่ระบาดรุนแรงขึ้นหรือภาวะเศรษฐกิจหลังจากผ่านพ้นวิกฤติไวรัสโควิด-19 ไปแล้วยังไม่ฟื้นตัวก็คงเห็นพื้นที่ว่างในโครงการพื้นที่ค้าปลีกมากขึ้นแน่นอน

ค่าเช่าเฉลี่ยของโครงการพื้นที่ค้าปลีกแต่ละประเภทจะแตกต่างกันรวมไปถึงทำเลที่ตั้งของโครงการก็มีผลต่อค่าเช่าด้วยเช่นกัน คอมมูนิตี้มอลล์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครรอบนอกหรือในจังหวัดปริมณฑลไม่สามารถเรียกค่าเช่าพื้นที่ได้สูงเมื่อเทียบกับโครงการที่อยู่ในพื้นที่ใกล้กับเมืองชั้นในมากกว่า โครงการพื้นที่ค้าปลีกเกือบทั้งหมดจำเป็นต้องลดค่าเช่าหรือยกเว้นค่าเช่าให้กับผู้เช่าในช่วงที่โครงการปิดการให้บริการตามคำสั่งของหน่วยงานราชการรวมไปถึงช่วงเวลาหลังจากที่โครงการพื้นที่ค้าปลีกกลับมาเปิดให้บริการแบบเต็มรูปแบบแล้ว เนื่องจากข้อจำกัดของการใช้บริการภายใต้เงื่อนไข Social Distancing ในโครงการพื้นที่ค้าปลีกมีผลให้การให้บริการของผู้เช่าหลายรายยังไม่สะดวกแบบก่อนหน้านี้โดยเฉพาะร้านอาหารจึงมีผลให้รายได้ของพวกเขาลดลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติไวรัส 

 ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


โควิดกระทบโรงแรม‘สิงห์ เอสเตท’หดเป้ารายได้ลง 50%

บมจ. สิงห์ เอสเตท รับสถานการณ์โควิด-19 กระทบธุรกิจภาคโรงแรมหนัก ทั่วโลกหดตัว 50-80% ฉุดเป้ารายได้รวมที่วางไว้ทั้งปี 1.8 หมื่นล้านบาท ถอยปรับลดรายได้ลงครั้งแรก 50% ขณะแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง ย้ำยังเดินหน้าลงทุนตามแผน 5 ปี ขยายตลาดและรุกธุรกิจรูปแบบใหม่ ผ่านเงินลงทุน 6.8 หมื่นล้านบาท ตามยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตยั่งยืนระยะยาว

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจกลุ่มสิงห์ เอสเตท ในช่วงครึ่งปีหลังว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 และสิงห์ เอสเตท ยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนธุรกิจเดิมในระยะเวลา 5 ปี (2020-2024) งบลงทุน 68,000 ล้าน ด้วยกลยุทธ์เติบโตอย่างยั่งยืน แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน บริษัทฯ ได้มีการปรับเป้ารายได้รวมในปี 2020 ลดลงประมาณ 50% โดยคาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 4 ธุรกิจโดยรวมจะสามารถฟื้นตัวได้

” ในภาพระยะสั้นเราได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 พอสมควร ตลอด ก.พ -เม.ย เป็น 3 เดือนที่ยากลำบาก โดยในธุรกิจที่อยู่อาศัย กระทบ10-15% ในแง่การขายและการโอนกรรมสิทธิ์  จากตลาดค่อนข้างเงียบ ส่วนธุรกิจอาคารสำนักงาน แม้ได้รับผลกระทบน้อยสุด 5-10%  แต่ก็ต้องช่วยเหลือเยียวยาผู้เช่าเพื่อให้ผ่านพ้นไปได้ หนักสุดคือ ธุรกิจโรงแรมกระทบจำนวนลูกค้า 50-80% ในตลาดโลก ส่วนในประเทศกระทบ 50% เราจึงปรับเป้าผลประกอบการลงมากกว่า 50% เหลือประมาณ 9 พันล้านบาท จาก 1.8 หมื่นล้านบาทที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว เราเชื่อมั่นว่ายังคงแข็งแกร่งพอในการก้าวตามยุทธศาสตร์ระยะยาว 5 ปี “

ทั้งนี้ บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าวิกฤตโควิด-19 จะผ่านพ้นไปโดยเร็ว และภายหลังวิกฤต เราเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ๆที่น่าสนใจพร้อมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเราจะพิจารณาลงทุนตามความเหมาะสมและมีเกณฑ์ที่เข้มงวดในการตัดสินใจลงทุน เพื่อให้ได้สินทรัพย์ที่มีคุณภาพและโอกาสเพิ่มมูลค่าในอนาคต เราจะเดินหน้าขยาย 3 ธุรกิจหลักตามแผน โดยธุรกิจที่พักอาศัยและอาคารสำนักงาน จะมีการขยายไปยังทำเลใหม่ๆ สร้างสรรค์โครงการคุณภาพตอบรับโจทย์ New Normal ด้วยรูปแบบธุรกิจ New Living and Working Cluster ส่วนธุรกิจโรงแรม เราจะสร้างรายได้เพิ่มพร้อมมองหาพันธมิตรที่เหมาะสม ด้วยกลยุทธ์ Smart M&A และ Asset Light Model  ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัวได้เร็วแล้ว ยังสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ผ่านวิกฤตไปด้วยกัน ซึ่งการดำเนินธุรกิจของสิงห์ เอสเตท ยังคงอยู่บนปรัชญาการดำเนินธุรกิจ สร้างคุณค่าให้ชีวิต มุ่งสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนควบคู่กับการสร้างสังคมที่มีคุณภาพ และดูแลสิ่งแวดล้อมให้สวยงาม

โดยในช่วงวิกฤตโควิด-19 บริษัทฯ มีการดูแลและบริหารจัดการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ และรักษาอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน (Net interest bearing debt to equity ratio) อยู่ในระดับต่ำ 0.86 เท่า ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมาจากการนำบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งขายสิทธิการเช่า 30 ปี ของอาคารสำนักงานซันทาวเวอร์สให้กับกอง ทรัสต์เพื่อการลงทุนสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (SPRIME REIT) จึงทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมและสามารถลงทุนขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินเพื่อรองรับโอกาสในอนาคต โดยจะนำอาคารสำนักงานเมโทรโพลิศและพื้นที่ค้าปลีกซันพลาซาเข้ากอง REIT รวมถึงการออกหุ้นกู้ต่อไป

นายนริศ ยังกล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าแผน การเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการลงทุนตามแผนเดิม 5 ปี ด้วยงบ 68,000 ล้านบาท โดยธุรกิจที่พักอาศัย ในปี 2020 บริษัทฯมีสินค้าคงเหลือเพียง 1,000-2,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่จัดการได้ จึงทำให้สามารถใช้นโยบายการขายในรูปแบบที่จะช่วยรักษาระดับอัตรากำไรของโครงการได้ โดยในครึ่งปีหลังโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 6,500 ล้านบาท ด้วยยอดขายราว 60% จะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ในไตรมาส 3 นี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะเปิดโครงการใหม่ 3 – 4 โครงการในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเน้นโครงการแนวราบ ส่วนปีต่อๆไป ยังคงเป้าหมายเดิมที่ 5-7 โครงการต่อปี

สำหรับธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก ยังคงตั้งเป้าขยายพื้นที่สำนักงาน 300,000 ตารางเมตร ในระยะเวลา 5 ปี โดยในช่วงโควิด-19 ธุรกิจนี้ได้รับผลกระทบไม่มากนัก และบริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงคุณภาพด้านสุขอนามัยโดยติดตั้ง Touchless Solution และ UV ในระบบปรับอากาศเพื่อตอบโจทย์ New Normal ให้กับผู้เช่าอาคารซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำ รวมถึงมองหาผู้เช่าใหม่ๆ ที่อยู่ในธุรกิจที่มีการเติบโตดี เช่น E-commerce, Technology และ Consumer Product

ในส่วนธุรกิจโรงแรม ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า จะเน้นการกระตุ้นยอดขายตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศ และประเทศในกลุ่มภูมิภาคเดียวกัน (Inter region ) โดยเรายังมีแผนลงทุนในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก ที่มีศักยภาพสูง ตั้งเป้าขยายธุรกิจจาก 39 โรงแรมเป็น 80 โรงแรม ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน 5 ปี

นายนริศ กล่าวเสริมว่า นอกเหนือจากการลงทุนตามแผนที่วางไว้แล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งขยายการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยและอาคารสำนักงานไปในทำเลรอบเมือง และพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ “New Living and Working” เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงความต้องการของกลุ่มลูกค้าในอนาคต

โดยสิงห์ เอสเตท เล็งเห็นโอกาสในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่จะขยายตัวออกจากเมืองไปยังทำเลใหม่ๆ ตามการขยายตัวของระบบขนส่งมวลชนและโครงข่ายถนน ซึ่งจะเป็นโครงการแนวราบในรูปแบบมิกซ์ยูส อันประกอบไปด้วย บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม รีเทล ออฟฟิศแนวราบ  ตลอดจนโครงการที่อยู่อาศัยแบบ Wellness จะเป็นสิ่งใหม่ๆ ที่มีโอกาสเกิด

ในส่วนธุรกิจอาคารสำนักงาน บริษัทฯ เชื่อว่าในอนาคตจะยังคงมีความต้องการพื้นที่สำนักงานอยู่ในรูปแบบต่างๆ โดยบริษัทฯ พร้อมนำเสนอพื้นที่สำนักงานรูปแบบใหม่ “Workspace Solution” โดยมีหลายรูปแบบและหลายทำเล ทั้งอาคารขนาดใหญ่ อาคารขนาดกลาง  ออฟฟิศแนวราบ ตลอดจน Co-Working Space ในทำเลใหม่  โดยเน้นเชื่อมโยงการทำงานผ่านระบบ IT ให้ลูกค้าในทุกที่ โดยบริษัทฯ จะเปิด Workspace ใน Concept ใหม่ ในปลายปีนี้ ที่อาคารซันทาวเวอร์ส เพื่อรองรับผู้เช่าที่ต้องการปรับพื้นที่การทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ส่วนในการขยายธุรกิจโรงแรมตามเป้าหมายระยะยาวที่กำหนดไว้ โดยเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะค่อยๆ ฟื้นตัวในไตรมาส 4 ของปีนี้ เริ่มจากในประเทศไทย และกลุ่มประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ดี และควบคุมอัตราผู้ติดเชื้อได้ดี ในช่วงวิกฤตแม้ว่าธุรกิจโรงแรมจะได้รับผลกระทบมาก แต่โอกาสทางธุรกิจก็ปรากฎชัดเจนมากขึ้นเช่นกัน บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามกลยุทธ์ Smart M&A โดยมุ่งลงทุนโรงแรมที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ปรับปรุงเพิ่มศักยภาพให้กับ Asset ตลอดจนการ Recycle Capital ผ่านการขายโรงแรมเข้ากอง REIT หรือผู้ซื้อที่ให้มูลค่าที่ดี รวมถึงการดำเนินกลยุทธ์ Asset Light Model ที่จะสร้างรายได้เพิ่มจากการรับจ้างบริหารโรงแรมผ่าน Home Grown Brand ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว และคาดว่าจะเริ่มได้อย่างจริงจังในช่วงปีนี้ต่อเนื่องปีหน้า ปัจจุบันนี้ SHR ได้พัฒนาแบรนด์ SAii เป็นแบรนด์โรงแรมแรกของบริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“SHR ตั้งเป้าที่จะขยายจำนวนโรงแรมเป็น 2 เท่า จาก 39 แห่ง ทั่วโลกในปัจจุบัน เป็น 80 แห่ง ภายในเวลา 5 ปีโดยมุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวในระดับบน (Upper Upscale Segment) และมอบประสบการณ์การพักผ่อน ในรูปแบบที่แตกต่างและสร้างสรรค์ให้กับลูกค้า นอกจากนี้ SHR ได้พัฒนาแบรนด์ใหม่ที่จะเปิดตัวในเร็วๆนี้ เป็นโมเดลธุรกิจในแบบ Asset Light Model ที่จะช่วยสร้างรายได้ประจำให้มากขึ้น และเพิ่มการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง” นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าว

ตอกย้ำการเป็น Global Holding Company รุกธุรกิจตอบโจทย์อนาคต พร้อมสร้างคุณค่าให้ชีวิต
สิงห์ เอสเตท เดินหน้าตามกลยุทธ์การเป็น Global Holding Company ตามแผนที่วางไว้ปี 2020 นอกจากนี้แล้วบริษัทฯ ยังเล็งเห็นโอกาสลงทุนในธุรกิจใหม่ คือ พลังงานทางเลือก (Renewable Energy) โดยโครงการแรกที่จะเริ่มอยู่ที่ประเทศมัลดีฟส์ มีขนาด 5 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทฯ ในธุรกิจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 

ทั้งนี้  บริษัท สิงห์ เอสเตท ปรับคาดการณ์รายได้ของ ปี 2563 รวมอยู่ที่ 9 พันล้านบาท  แบ่งเป็น ธุรกิจที่พักอาศัย ประมาณ 5  พันล้านบาท ที่เหลือเป็นธุรกิจโรงแรม และธุรกิจคอมเมอร์เชียลหรืออาคารสำนักงานให้เช่า 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ธ.ก.ส. จับมือ NIA หนุนสินเชื่อไร้ดอกเบี้ย 3 ปี พัฒนาเกษตรนวัตกรรม

ธ.ก.ส. จับมือ NIA หนุนสินเชื่อไร้ดอกเบี้ย 3 ปี พัฒนาเกษตรนวัตกรรม

ธ.ก.ส. ร่วม NIA หนุนเกษตรนวัตกรรม NIA รับชำระดอกเบี้ยแทน 3 ปีแรกสูงสุดถึง 5 ล้านบาทต่อโครงการ

นายจรูญเดช เจนจรัสสกุล กรรมการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วย “ความร่วมมือด้านการส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรม” ระหว่าง นายสุรชัย รัศมี รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. และ ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) เพื่อร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้โดยอาศัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตและผลักดันธุรกิจด้านนวัตกรรมทางการเกษตร ตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต ให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างความมั่นคงด้านอาหาร และความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ อันนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและพัฒนาภาคเกษตรไทย อย่างยั่งยืน

นายสุรชัย รัศมี รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า NIA และ ธ.ก.ส. ได้บูรณาการในการทำงานร่วมกันมา อย่างต่อเนื่อง โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยพัฒนาองค์ความรู้ การสร้างสรรค์นวัตกรรม ด้านการเกษตรตลอดห่วงโซ่การผลิตให้กับเกษตรกร ธุรกิจชุมชน ผู้ประกอบการภาคเกษตรและ Startup รวมถึงผลักดันให้เกิดธุรกิจเกษตรสมัยใหม่ที่นำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาใช้เพิ่มขีดความสามารถในการผลิต การจัดการสินค้าเกษตรและการพัฒนาทรัพยากรการเกษตรร่วมกับการสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยแนวทางความร่วมมือจะเน้นพัฒนาหลักสูตรการบ่มเพาะธุรกิจชุมชนที่สามารถนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร เพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร สร้างการเปลี่ยนแปลงจากเกษตรดั้งเดิมสู่เกษตรสมัยใหม่ตลอดห่วงโซ่การผลิต สอดคล้องกับนโยบายเกษตร 4.0 และการขับเคลื่อนด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า “BCG” คือ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล

นอกจากนี้ ธ.ก.ส. พร้อมให้การสนับสนุนสินเชื่อภายใต้โครงการ “นวัตกรรมดี…ไม่มีดอกเบี้ย” ให้กับผู้ประกอบการภาคเกษตรหรือผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมและ Startup นำไปใช้ในการพัฒนาต้นแบบหรือเทคโนโลยีที่สามารถนำไปสู่กระบวนการผลิตได้จริงหรือพัฒนาต่อยอดผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ สิทธิบัตรหรือเทคโนโลยีที่มีอยู่เดิม ในอัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน MLR + 2% (ปัจจุบัน MLR เท่ากับร้อยละ 4.875 ต่อปี) โดย NIA จะเป็นผู้สนับสนุนด้านดอกเบี้ยด้วยการชำระดอกเบี้ยแทนผู้ประกอบการธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการเป็นระยะเวลา 3 ปี วงเงินดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อโครงการอีกด้วย

โดยก่อนหน้านี้ ธ.ก.ส.และ NIA ได้ร่วมกันผลักดันให้เกิดการสร้างนวัตกรรมมีผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจใน วงกว้างและเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งมี 2 ตัวอย่างผู้ประกอบการ ได้แก่

1) บริษัท นิธิฟู้ดส์ จำกัด โครงการสถาบันวิจัยรสชาติอาหาร บริการวิจัย พัฒนา และผลิตเครื่องปรุงรสครบวงจรด้วยวิธีการผลิตแบบ Cellular Manufacturing ซึ่งเป็นนวัตกรรมระดับประเทศด้านรูปแบบธุรกิจและบริการวิจัย พัฒนา และผลิตเครื่องปรุงรสแบบครบวงจร โดยการแบ่งปันทรัพยากรและความเชี่ยวชาญของบริษัท ได้แก่ นักวิจัย วัตถุดิบเครื่องเทศ และเครื่องจักรประกอบกับการใช้วิธีการผลิตแบบ Cellular Manufacturing ซึ่งเน้นการผลิตขนาดเล็ก แต่เร็ว และยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถวิจัย พัฒนา และผลิตเครื่องปรุงรสรสชาติใหม่ ๆ ได้ในราคาถูก รวดเร็ว สามารถขยายกำลังการผลิตได้โดยรสชาติไม่ผิดเพี้ยน ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการและลดความเสี่ยงให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี

2) บริษัท ดำเนินฟู้ด จำกัด โครงการเครื่องบรรจุวุ้นมะพร้าวอินทรีย์แบบอัตโนมัติพร้อมอุโมงค์ลดอุณหภูมิแบบต่อเนื่อง ซึ่งเป็นนวัตกรรมระดับประเทศที่ใช้ระบบการดึงความร้อนผ่านตัวผลิตภัณฑ์ ที่สามารถลดอุณหภูมิจาก 80-90 องศาเซสเซียส เหลือ 50-55 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 10-20 นาที ซึ่งช่วยลดการเกิดฟองอากาศบริเวณผิวหน้าของวุ้น และเพิ่มกำลัง การผลิตได้ถึง 3 เท่าต่อวัน อีกทั้งยังใช้วัตถุดิบและส่วนผสมจากธรรมชาติ คือ ตัววุ้นผลิตจากสาหร่ายแดงและผงบุกผสมกับน้ำมะพร้าวอินทรีย์ เพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และช่วยส่งเสริมการเพาะปลูกมะพร้าวอินทรีย์ให้แก่เกษตรกรชาวสวนมะพร้าว

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า สำหรับการส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมการเกษตร และ โครงการนวัตกรรมดี…ไม่มีดอกเบี้ย ในครั้งนี้ NIA และ ธ.ก.ส. มีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมด้านเกษตรกรรมตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต ด้วยการพัฒนาองค์ความรู้ กระตุ้น สนับสนุน ส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรม และผลักดันธุรกิจนวัตกรรม เพื่อเอื้อให้การเกษตรของประเทศไทยมุ่งสู่การเกษตรแนวใหม่ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร การพัฒนาขีดความสามารถในการผลิต การจัดการสินค้าเกษตร และการพัฒนาทรัพยากรการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ สร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรและความมั่งคั่งด้านอาหาร

สำหรับการขยายผลธุรกิจนวัตกรรมผ่านโครงการนวัตกรรมดี… ไม่มีดอกเบี้ยนั้น NIA จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนดอกเบี้ยเงินกู้แทนผู้ประกอบการนวัตกรรม ในวงเงินสนับสนุนดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อโครงการ ระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี และ ธ.ก.ส. จะเป็นผู้รับผิดชอบวงเงินกู้ให้กับผู้ประกอบการนวัตกรรม เป็นการร่วมผลักดันให้เกิดการสร้างนวัตกรรมมีผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจในวงกว้างและเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ NIA และ ธ.ก.ส. ยังร่วมกันสร้างสะพานเชื่อมระหว่าง Startup ด้านการเกษตรกับเกษตรกร ทายาทเกษตรกร ผู้ประกอบการ SME และสถาบันเกษตรกร ให้เข้าถึงการรับรู้และสามารถใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างโอกาสการขยายผลนวัตกรรมการเกษตรสู่การใช้งานจริงของเกษตรกรไทย ดังนั้น จะเห็นได้ว่าความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่เข้มแข็งในการพัฒนานวัตกรรมในภาคเกษตรของไทยให้ยืนอยู่ได้ในสถานการณ์โลกที่ผันแปร ทั้งยังเป็นเครื่องมือและอาวุธสำคัญที่จะช่วยพลิกโฉมการเกษตรไทยให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และสร้างโอกาสการเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรระดับโลกในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อเปลี่ยนผ่านเกษตรกรไปสู่ Smart Farmer สอดคล้องกับนโยบายระดับชาติ และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนหรือSEP to SDG ส่งผลให้เกิดการพลิกโฉมของการเกษตร (AgTech Transformation) ของประเทศได้อย่างยั่งยืน

“การผลักดันให้เกิดธุรกิจนวัตกรรมและ Startup ด้านการเกษตรถือเป็นสาขาอุตสาหกรรมที่ NIA ให้ความสำคัญในลำดับต้น ๆ เนื่องจากปัจจุบันแม้ว่าจะประชากรหลายล้านคนของประเทศจะอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของอุตสาหกรรมการเกษตรทั้งเกษตรกร SME Startup หรือบริษัทขนาดใหญ่ แต่ยังไม่ได้มีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เท่าที่ควร ทำให้ธุรกิจที่มาช่วยแก้ปัญหาของเกษตรกรจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการและทำให้การเกษตรไทยเติบโตได้ในระดับปานกลางเท่านั้น ถัดมาคือต้องการสร้างธุรกิจที่ตรงกับโจทย์ความต้องการด้านการเกษตรของแต่ละพื้นที่ เช่น การเกษตรแบบแม่นยำ ธุรกิจหรือ Startup ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาราคาผลผลิต หรือแม้แต่กระทั่งลดปัญหาความ ไม่แน่นอนของสภาวะทางธรรมชาติ ฯลฯ ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ปัญหาของภาคเกษตรยังมีอีกจำนวนมาก จึงเป็นโอกาสสำหรับ Startup หรือคนที่สนใจให้สามารถหยิบนำปัญหาที่มีอยู่มากมายเหล่านี้มาต่อยอดเป็นธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมุ่งหวังที่จะพลิกโฉม หรือปรับภาพจากด้านการเกษตรแบบเดิม ๆ ที่คุ้นตากันเพียงในเรื่องของการเพาะปลูก การแปรรูป การผลิตสินค้าขั้นกลางต่อยอดไปสู่การผสมผสานกับแนวคิดธุรกิจที่มีความสร้างสรรค์ หรือบริการที่มีความเป็นนวัตกรรม ซึ่งหากทำได้มากขึ้นอุตสาหกรรมเกษตรไทยก็จะมีการเติบโต และสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าที่ผ่านมามากขึ้นเช่นกัน” ดร.พันธุ์อาจ กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


ยูเวนตุสอัดลาซิโอ 2-1 หนี 8 แต้ม “โรนัลโด” ทาบดาวซัลโวเซเรีย อา

ยูเวนตุส เฉือนชนะ ลาซิโอ 2-1 โดย คริสเตียโน โรนัลโด เหมาคนเดียว 2 ลูก ขึ้นมาเป็นดาวซัลโวร่วมกับ ชิโร อิมโมบิเล ที่ยิงจุดโทษตีตื้น ทำให้ “ม้าลาย” นำ 8 แต้มในศึกกัลโช เซเรีย อา อิตาลี

วันที่ 20 ก.ค. 63 ฟุตบอลกัลโช เซเรีย อา อิตาลี ฤดูกาล 2019-2020 นัดที่ 34 คู่สุดท้าย เป็นการพบกันระหว่าง 2 ทีมลุ้นแชมป์ โดย ยูเวนตุส จ่าฝูงที่มี 77 คะแนน แต่ไม่ชนะใครใน 3 นัดหลังสุด เปิดสนามยูเวนตุส สเตเดียม ต้อนรับ ลาซิโอ ที่ช่วงหลังฟอร์มแผ่วจนหล่นลงไปอยู่อันดับ 4 มี 69 คะแนน

เกมนี้ “ม้าลาย” เจ้าถิ่นได้ ฮวน กวาดราโด พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมอีกครั้งในตำแหน่งแบ็กขวาแทน ดานิโล โดยมีการเปลี่ยนทีมจากเกมล่าสุดที่เสมอ ซาสซูโอโล 3-3 ถึง 6 ตำแหน่ง โดยแดนกลาง อารอน แรมซีย์ และ อาเดรียง ราบิโอต์ ได้กลับมาทำเกมร่วมกับ โรดริโก เบนตันคูร์ ส่วนแนวรุกให้ ดักลาส คอสตา กับ เปาโล ดีบาลา ประสานงานกับ คริสเตียโน โรนัลโด

ส่วน “อินทรีฟ้าขาว” ทีมเยือน มีการปรับทีม 3 ตำแหน่งจากเกมที่แล้วซึ่งเสมอ อูดิเนเซ 0-0 โดย จาวาน แอนเดอร์สัน ได้ประเดิมตัวจริงครั้งแรกในซีซั่นนี้ ด้วยการถูกโยกจากแบ็กขวามาเล่นวิงแบ็กฝั่งซ้าย ขณะที่ตรงกลางยังมี เซอร์เกจ์ มิลินโควิช-ซาวิช ขับเคลื่อนร่วมกับ มาร์โก ปาโรโล ส่วนคู่หัวหอกยังเป็น ชิโร อิมโมบิเล กับ เฟลิเป ไซเซโด

นาทีที่ 11 ยูเว เกือบได้ประตูขึ้นนำก่อน จากจังหวะที่เปิดฟรีคิกเข้ามาลุ้นในเขตโทษ มาต์ไธส์ เดอ ลิกต์ กระดกบอลเข้ากลางให้ อเล็กซ์ ซานโดร ได้โขกบนเส้น 6 หลา แต่บอลไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 17 เป็นโอกาสลุ้นของ ลาซิโอ บ้าง มิลินโควิช-ซาวิช ไหลคืนให้ ดานิโล คาตัลดี สอดมายิงจากแถวสอง บอลแฉลบตัวบล็อกของเจ้าถิ่น หลุดเสาสองออกไปแค่นิดเดียว

ผ่านมาถึงนาทีที่ 35 “ม้าลาย” มีโอกาสจาก อาเดรียง ราบิโอต์ ที่กระชากบอลจากกลางสนามหนีมา 2-3 คน ก่อนยิงอัดไปที่เสาแรก แต่ยังไม่ผ่านมา โธมัส สตราโคชา และจังหวะเตะมุมต่อเนื่อง โรดริโก เบนตันคูร์ เปิดให้ โรนัลโด เทคตัวขึ้นโหม่ง แต่บอลผ่านหน้าประตูออกหลังไปแบบได้เสียว

นาทีที่ 44 “อินทรีฟ้าขาว” เกือบได้ประตูเหมือนกัน หลังจากแย่งบอลมาได้ก่อนที่ อิมโมบิเล จะกดบริเวณหน้าเขตโทษ บอลหนีมือ วอยเซียค เชสนี ไปแล้ว แต่ยังไปชนเสาอย่างจัง ทำให้จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกัน 0-0

อกาสลุ้นแชมป์ของ ลาซิโอ ตอนนี้แทบริบหรี่

ครึ่งหลัง เริ่มมาได้ไม่ถึง 1 นาที ดีบาลา พาบอลแหวกแนวรับเข้าไปยิงในเขตโทษ ติดเซฟ สตราโคชา ในจังหวะแรก โรนัลโด พยายามล้มตัวยิงซ้ำ แต่เบาเกินไป ทำให้ มานูเอล ลาซซาร์รี ยังตามมาหวดทิ้งออกไปได้ทัน

นาทีที่ 48 โรนัลโด ได้ยิงหน้าเขตโทษ บอลไปติดแขน บาสโตส ซึ่งจังหวะแรกผู้ตัดสินให้เป็นลูกฟรีคิก ก่อนตัดสินใจเดินไปดูที่จอวีเออาร์ ปรากฏว่าบอลโดนแขน บาสโตส ในเขตโทษ ผู้ตัดสินจึงเปลี่ยนมาให้จุดโทษ และ โรนัลโด ก็สังหารเข้าไปในนาทีที่ 51 ทำให้ ยูเว ออกนำ 1-0

จากนั้นนาทีที่ 54 ลุยซ์ เฟลิเป กองหลังลาซิโอดันขึ้นมาสูง แต่ถูกตัดบอลกลางสนาม ดีบาลา พาบอลโต้กลับเร็ว ก่อนโชว์ความใจกว้างไหลให้ โรนัลโด ตามมายิงโล่งๆ เป็น 2-0 และเป็นประตูที่ 30 ในเซเรีย อา ซีซั่นนี้ของซูเปอร์สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส แซงหน้า อิมโมบิเล ที่ยิงไป 29 ลูก ขึ้นมาเป็นดาวซัลโวสูงสุดแทน

นาทีที่ 66 โรนัลโด เกือบทำแฮตทริกได้ แต่จังหวะขึ้นโหม่งลูกเปิดจาก ดีบาลา นั้น บอลไปชนคานออกหลังอย่างน่าเสียดาย 

อิมโมบิเล (ฟ้า) ยังนำดาวซัลโวร่วมกับ โรนัลโด ที่ 30 ประตู

ลาซิโอ ยังไม่ถอดใจ นาทีที่ 82 อิมโมบิเล อาศัยความขยันวิ่งเข้าไปกดดัน เลโอนาร์โด โบนุชชี จนถูกหวดล้มในเขตโทษและได้จุดโทษ ซึ่ง อิมโมบิเล ก็ลุกขึ้นมาสังหารเองเข้าไปไล่มาเป็น 1-2 พร้อมกับเป็นประตูที่ 30 เทียบเท่า โรนัลโด ในตำแหน่งดาวซัลโวของ เซเรีย อา

นาทีที่ 89 มิลินโควิช-ซาวิช ได้ปั่นฟรีคิก แต่ก็ยังถูก เชสนี บินมาเซฟไว้ได้ ก่อนจบเกม ยูเวนตุส เฉือนชนะ 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 80 คะแนน รั้งจ่าฝูงต่อไป พร้อมกับนำ อินเตอร์ มิลาน อันดับ 2 อยู่ 8 แต้ม ส่วน ลาซิโอ มี 69 คะแนนเท่าเดิม ยังอยู่อันดับ 4 ตามหลัง “ม้าลาย” 11 คะแนน ในขณะที่เหลืออีกแค่ 4 นัด แทบหมดลุ้นแชมป์แล้ว 

รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม

ยูเวนตุส  (4-3-3) : วอยเซียค เชสนี (ผู้รักษาประตู), ฮวน กวาดราโด, มาต์ไธส์ เดอ ลิกต์, เลโอนาร์โด โบนุชชี, อเล็กซ์ ซานโดร, อารอน แรมซีย์, โรดริโก เบนตันคูร์, อาเดรียง ราบิโอต์, ดักลาส คอสตา, เปาโล ดีบาลา, คริสเตียโน โรนัลโด

ลาซิโอ  (3-5-2) : โธมัส สตราโคชา (ผู้รักษาประตู), บาสโตส, ลุยซ์ เฟลิเป, ฟรานเชสโก อแชร์บี, มานูเอล ลาซซาร์รี, เซอร์เกจ์ มิลินโควิช-ซาวิช, ดานิโล คาตัลดี, มาร์โก ปาโรโล, จาวาน แอนเดอร์สัน, เฟลิเป ไซเซโด, ชิโร อิมโมบิเล 

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


ปั้นสถานประกอบการต้นแบบ ปลอดภัยไร้โควิด

ปั้นสถานประกอบการต้นแบบ ปลอดภัยไร้โควิด thaihealth

สถานการณ์ของโควิด-19 ในฐานวิถีชีวิตใหม่ ทำให้สถานประกอบการทุกประเภท ต้องปรับแนวทางการทำงานและสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและไร้โควิด

ที่สำนักงานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวความร่วมมือระหว่าง กรมควบคุมโรคและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในโครงการพัฒนาต้นแบบ “สถานประกอบการ ต้านโควิด-19 ในฐานวิถีชีวิตใหม่ : New Normal” เพื่อให้เกิดแนวทาง และรูปแบบในการดำเนินงานในการพัฒนาสถานประกอบการ ให้เป็นสถานประกอบการต้นแบบต้านโควิด-19 ในฐานวิถีชีวิตใหม่ ซึ่งพนักงานสามารถทำงานได้อย่าง “ปลอดภัย และ ไร้โควิด”

นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ของ โควิด-19 ที่กระจายเป็นวงกว้างทั่วโลก นั้น กรมควบคุมโรค ได้เห็นความสำคัญของผู้ประกอบอาชีพในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่มีการรวมกลุ่มกันทำงาน จึงร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปรับแนวทางการทำงาน และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้สถานประกอบการสามารถดำเนินกิจการได้ ซึ่งหากไม่มีมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพแล้ว อาจเกิดการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว ได้ในวงกว้าง จนส่งผลกระทบในระดับประเทศได้

สำหรับแนวทางในการดูแลกลุ่มแรงงานให้ปลอดภัยต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น เริ่มต้นจากการจำแนกการทำงานเป็นรายกิจกรรม เพื่อทำการประเมินโอกาสติดเชื้อโควิด และพัฒนาเป็นข้อกำหนด ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน สำหรับผู้ประกอบการ ตามแนวคิด New Normal อนึ่ง โครงการภายใต้ความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงานนี้ แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 คัดเลือกสถานประกอบการขนาดเล็ก กลาง ใหญ่เพื่อรวบรวมข้อมูล สรุปวิเคราะห์ จัดทำแนวปฏิบัติในการลดการติดเชื้อสำหรับสถานประกอบการ และข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับหน่วยงานกำกับดูแลสถานประกอบการ และ ระยะที่ 2 คือ การขยายผลไปยังสถานประกอบการอื่นๆ ที่เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมฯ

ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมฯ ได้ประสานความร่วมมือกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อร่วมดำเนินการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาต้นแบบ “สถานประกอบการต้านโควิด-19 ในฐานวิถีชีวิตใหม่ : New Normal” ซึ่งจะมีบทบาทในการช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์ต่อภาพลักษณ์ขององค์กร สร้างความเชื่อมั่นในธุรกิจ และการขับเคลื่อนงานในมิติความเชื่อมโยงในพื้นที่และสังคมโดยรวม นำไปสู่การขยายผลไปสู่สถานประกอบการอื่นๆ ในการพัฒนาดูแลสุขภาพของประชากรวัยทำงาน ในสถานประกอบการได้อย่างมีประสิทธิผล

ทั้งนี้ ตั้งแต่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สภาอุตสาหกรรมฯ ได้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ COVID-19 ภาคอุตสาหกรรมขึ้น เพื่อช่วยเหลือสมาชิกและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยมีการกำหนดแนวทางและมาตรการป้องกันด้านสาธารณสุข และเศรษฐกิจระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งกำหนดแนวทางการเยียวยาเพื่อเสนอต่อภาครัฐมาอย่างต่อเนื่อง โดยสถานประกอบการต่างให้ความร่วมมือในการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวดมาโดยตลอด ส่วนใหญ่มีความพร้อมในการป้องกันที่ดีอยู่แล้ว ขอให้ภาครัฐออกมาตรการที่ชัดเจนและให้ความช่วยเหลือ เช่น ลดหย่อนภาษีให้กับสถานประกอบการณ์ที่ใช้งบประมาณในการจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกันเพื่อโควิด-19 เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


ดอกไม้ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่าน คำแปล (Flowers)

รวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ รายชื่อดอกไม้ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่าน ดอกไม้ต่างๆ เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร อ่านว่าอะไร แปลว่าอะไร สามารถดูได้จากรายการคำศัพท์ดอกไม้ภาษาอังกฤษต่อไปนี้ flower (เฟลา’เออะ) […]

รวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ รายชื่อดอกไม้ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่าน ดอกไม้ต่างๆ เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร อ่านว่าอะไร แปลว่าอะไร สามารถดูได้จากรายการคำศัพท์ดอกไม้ภาษาอังกฤษต่อไปนี้

flower (เฟลา’เออะ) ดอกไม้

คำศัพท์ชื่อดอกไม้ภาษาอังกฤษ คำอ่าน คำแปล

ดอกไม้ภาษาอังกฤษ คำอ่าน ดอกไม้ภาษาอังกฤษ แปลไทย
allamanda แอละแมน’ดะ ดอกบานบุรี
bauhinia โบฮิเนีย ดอกชงโค
bougainvillea บูเกนวิเลีย ดอกเฟื่องฟ้า
bullet wood บูล’ลิท วูดฺ ดอกพิกุล
butterfly pea บัทเทอะฟลาย พี ดอกอัญชัน
canna lily แคนนา ลิลี่ ดอกพุทธรักษา
cape jasmine เคพ จัซเมิน ดอกพุดซ้อน
chinese rose ไช’นิส โรส ดอกชบา
chrysanthemum คริสเซนทีมัม ดอกเบ็ญจมาศ
cockcomb ค็อคโคม ดอกหงอนไก่
cotton rose คอท’เทิน โรส ดอกพุดตาน
croton ครอท’เทิน ต้นโกสน
dahlia แดล’เลีย ดอกรักเร่
damask rose ดามาคส โรส ดอกกุหลาบมอญ
desert rose เดส’เซิร์ท โรส ดอกชวนชม
eagle wood อี’เกิล วู้ด ดอกกฤษณา
ericaceae เอริคาซี ดอกกุหลาบพันปี
flame flower เฟลม เฟลา’เออะ ดอกพวงแสด
flamingo plant ฟละมิง’โก พลานทฺ ดอกหน้าวัว
four o’clock flower โฟ โอ-คลอค เฟลา’เออะ ดอกบานเย็น
globe amaranth โกล๊บ แอมมาแรน ดอกบานไม่รู้โรย
ilang-ilang อิแลง อิแลง ดอกกระดังงา
indian cork อินเดี้ยน คอร์ค ดอกกาสะลอง
ixora ไอโซร่า ดอกเข็ม
jasmine จัซเมิน ดอกมะลิ
kalanchoe คาลันโช ดอกกุหลาบหิน
lotus โลเถิซฺ ดอกบัว
marigold แม’ริโกลดฺ ดอกดาวเรือง
mexican diasy แมคซิเคิน เดลซี่ ดอกดาวกระจาย
night jasmine ไนทฺ จัซเมิน ดอกราตรี
olender โอเลนเดอร์ ดอกยี่โถ
orange jasmine ออ’รินจฺ จัซเมิน ดอกแก้ว
orange trumpet ออ’รินจฺ ทรัม’พิท ดอกพวงแสด
orchid ออขิด ดอกกล้วยไม้
padauk พะเด่าคฺ ดอกประดู่
pimrose พิมโรส ดอกพิมโรส
rainbow shower เรนโบว์ เชา’เออะ ดอกชัยพฤกษ์
rose โรส ดอกกุหลาบ
saraphi แซราพิ ดอกสารภี
scrophulariaceae สโครพูลาเรียซี ดอกแววมยุรา
sesban เซซ’แบ็น ดอกแค
shoe flower ชู เฟลา’เออะ ดอกชบา
siam tulip ไซ’แอ็ม ทิวลิบ ดอกกระเจียว
sunflower ซันเฟลาเออะ ดอกทานตะวัน
torch ginger ทอร์ช กิงเกอ ดอกดาหรา
tuberose ทิวบฺ โรส ดอกซ่อนกลิ่น
tulip ทิวลิพฺ ดอกทิวลิบ
verbena เวอร์บีน่า ดอกเวอร์บีน่า
veronica เวโรนีค่า ดอกเวโรนีก้า
violet ไวโอเลทฺ ดอกไวโอเลต
viscaria เวสกาเรีย ดอกเวสกาเรีย
wallflower วอลเฟลาเออะ ดอกวอล์ฟลาวเวอร์
water-lily วอเทอะ ลิลี่ ดอกบัวแดง ดอกบัวทอง
white champaka ไวทฺ แชมพฺพากา ดอกจำปี
wild water plum ไวลฺด์ วอเทอะ พลัมฺ ดอกโมก
wisteria วิซที’เรียะ ดอกวิทเทเรีย
zinnia ซินเนีย ดอกบานชื่น

ขอบคุณข้อมูลจาก tonamorn.com


ถอดบทเรียนแฮกบัญชีทวิตเตอร์

ถอดบทเรียนจากกรณีการแฮกบัญชี Twitter ช่องโหว่เกิดจากคนใน และการให้สิทธิ์แอดมินมากเกินจำเป็น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย (ไทยเซิร์ต)  ได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับกรณีการแฮกบัญชีทวิตเตอร์ 

เมื่อช่วงวันที่ 15-16 กรกฏาคม 2563 บัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์ จำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ได้ถูกผู้ไม่หวังดีเข้าถึงและนำบัญชีดังกล่าวไปโพสต์ข้อความหลอกลวงให้โอนเงินผ่าน Bitcoin จนก่อให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก ในเวลาต่อมาทาง ทวิตเตอร์ ได้ออกมาชี้แจ้งสาเหตุและความคืบหน้าของการสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มผู้ที่อ้างว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีก็ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลรวมถึงให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเกี่ยวกับแรงจูงใจและช่องทางการโจมตี จากข้อมูลทำให้สามารถสรุปบทเรียนสำคัญจากเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ 2 ข้อ คือช่องโหว่เกิดจากคนใน และการให้สิทธิ์แอดมินมากเกินจำเป็น

สำนักข่าว Motherboard และ The New York Times ได้รายงานบทสัมภาษณ์ของกลุ่มที่อ้างว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีที่เกิดขึ้น จากรายงานมีการเปิดเผยว่าก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุนั้นได้มีผู้ที่อ้างว่าเป็นพนักงานของ ทวิตเตอร์โพสต์ในกลุ่มสนทนาแห่งหนึ่ง ระบุว่าตนเองมีสิทธิ์เข้าถึงระบบบริหารจัดการบัญชีผู้ใช้ ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถดูข้อมูลแก้ไขการตั้งค่าความมั่นคงปลอดภัย หรือดำเนินการอื่น ๆ กับบัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์ได้โดยได้มีการแนบตัวอย่างหน้าจอของระบบดังกล่าวด้วย ทั้งนี้มีรายงานว่ากลุ่มผู้โจมตีได้จ่ายเงินให้กับพนักงานของทวิตเตอร์เพื่อมีส่วนร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ด้วย

จากกรณีศึกษาในครั้งนี้มีบทเรียนสำคัญ 2 ประเด็น คือช่องโหว่เกิดจากคนใน และปัญหาการให้สิทธิ์แอดมินมากเกินความจำเป็น โดยประเด็นแรกนั้นเป็นความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกองค์กร เพราะการโจมตีทางไซเบอร์นั้นอาจไม่ได้มาจากนอกองค์กรเพียงอย่างเดียวแต่คนในองค์กรเองก็อาจเป็นสาเหตุได้ด้วย กระบวนการตรวจสอบและป้องกันการโจมตีจากคนในจึงสำคัญไม่แพ้การป้องกันจากคนนอก ส่วนประเด็นหลังนั้นเกิดจากการที่ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบแอดมินของทวิตเตอร์แล้วสามารถดำเนินการในสิ่งที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ หรือชื่อเสียงขององค์กรได้ ซึ่งช่องโหว่ในลักษณะนี้อาจป้องกันได้โดยการแบ่งระดับสิทธิ์ตามความจำเป็น รวมถึงการดำเนินงานที่อาจมีความเสี่ยงหรือมีผลกระทบสูงควรมีกระบวนการป้องกันที่รัดกุม เช่น ต้องมีผู้ตรวจสอบและอนุมัติเพื่อยืนยันการดำเนินการ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 27,150.00 27,250.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,759.00 26,666.44 27,750.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,583.10 23,999.80 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,407.20 21,333.15 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 792.00 12,006.72 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 616.00 9,338.56 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,823.00 27,636.68 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/07/2563

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55
แก๊สโซฮอล์ 91 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28
แก๊สโซฮอล์ E20 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04
แก๊สโซฮอล์ E85 17.99 17.99
เบนซิน 95 28.96 29.41 29.46 28.96 28.96
ดีเซล 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19
ดีเซล B10 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19
ดีเซล B20 18.94 18.94 18.94 18.94 18.94 18.94 18.94 18.94
ดีเซลพรีเมี่ยม 26.64 26.66 28.64 28.64
แก๊ส NGV 15.31 15.31
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า