สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 22 กรกฎาคม 2563

คอนโดใหม่กรุงเทพฯ ไตรมาสที่ 2 ยอดร่วง 73.2%

ไนท์แฟรงค์ เผยตัวเลขตลาดคอนโดมิเนียม กรุงเทพฯ ไตรมาส 2 คอนโดเปิดใหม่กว่า 4,000 หน่วย ยอดขายลดลง 73.2% อุปทานคอนโดเปิดขายใหม่ 14,988 หน่วย และลดลงในอัตรา 35.6%

นางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานคร ไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2563 มีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ทั้งสิ้น 4,022 หน่วย จำนวนหน่วยเปิดขายใหม่ลดลงในอัตรา 73.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีก่อนหน้า โดยที่อุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่จำนวน 14,988 หน่วย และลดลงในอัตรา 35.6% หากเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ อุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 6,246 หน่วย 

คอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 ปี พ.ศ. 2563 ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมระดับเกรดซี ที่มีระดับราคาขายต่ำกว่าตารางเมตรละ 80,000 บาท คิดเป็นอัตราส่วน 71% รองลงมาได้แก่คอนโดมิเนียมระดับเกรดบี ที่มีระดับราคาขายอยู่ระหว่างตารางเมตรละ 80,000 – 100,000  บาท คิดเป็นอัตราส่วน 29% และไม่มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ที่มีระดับราคาขายสูงกว่า 100,000 บาท ต่อ ตารางเมตร  หากพิจารณาในแง่สถานที่ตั้งพบว่าคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ส่วนใหญ่มีตั้งอยู่บริเวณชานเมืองกรุงเทพมหานคร คิดเป็นอัตราส่วน 75% รองลงมาได้แก่คอนโดมิเนียมที่มีสถานที่ตั้งอยู่บริเวณรอบเขตศูนย์กลางธุรกิจ (City Fringe) คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 25 ไม่พบคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในบริเวณศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) 

ในส่วนของอุปสงค์ช่วงไตรมาสที่ 2 พ.ศ. 2563 เป็นช่วงที่ตลาดคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในกรุงเทพมหานครได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมากกว่าไตรมาสที่ 1 พ.ศ. 2563 จากการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ส่งผลให้กำลังซื้อลดลงอย่างชัดเจนในโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2563 โดยจำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีเพียง 581 หน่วย จากอุปทานที่เปิดขายใหม่จำนวนทั้งสิ้น 4,022 หน่วย ซึ่งเป็นอัตราการขายที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี 

ส่วนราคาเสนอขายของคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานคร ณ ไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2563 ปรับตัวลดลงในทุกพื้นที่ จากไตรมาสที่ 1 พ.ศ. 2563 และปีก่อนหน้าโดยราคาเสนอขายคอนโดมิเนียมในบริเวณศูนย์กลางธุรกิจอยู่ที่ 267,000 บาท ต่อ ตารางเมตร ปรับตัวลดลงในอัตรา 0.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 โดยราคาเสนอขายอยู่ที่ 268,300 บาท ต่อ ตารางเมตร ราคาเสนอขายคอนโดมิเนียมในบริเวณรอบเขตศูนย์กลางธุรกิจ (City Fringe) อยู่ที่ 147,356 บาท ต่อ ตารางเมตร ปรับตัวลดลงในอัตรา1.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว โดยราคาเสนอขายอยู่ที่ 149,600 บาท ต่อ ตารางเมตร ส่วนราคาเสนอขายของคอนโดมิเนียมในบริเวณชานเมืองกรุงเทพมหานครอยู่ที่ 80,000 บาท ต่อ ตารางเมตร ปรับตัวลดลงในอัตราร้อยละ 1.4 หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยราคาเสนอขายอยู่ที่ 81,150 บาท ต่อ ตารางเมตร ราคาซื้อขายจริงอาจมีราคาต่ำกว่าราคาเสนอขายเฉลี่ยในอัตราร้อยละ 7 – 10 หรือ มากกว่าครึ่งขึ้นอยู่กับแคมเปญ โปรโมชั่น ที่จัดให้มีแตกต่างกันไปของแต่ละโครงการ

นางสาวริษิณี ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯว่า ทิศทางตลาดคอนโดมิเนียมยังมีความท้าทายอยู่มาก ถึงแม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะมีแนวโน้มดีขึ้น และผู้ประกอบการได้เริ่มหันมาเปิดขายคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา คาดว่าในระยะเวลา 6 เดือนที่เหลืออยู่ของปีนี้ ผู้ประกอบการจะเริ่มกลับมาเปิดขายคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ 

คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะมีอุปทานใหม่คอนโดมิเนียมอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 20,000 หน่วย และคาดว่าจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่ของคอนโดมิเนียมในปีนี้จะมีประมาณ 25,000 – 30,000 หน่วย โดยหน่วยเปิดขายใหม่จะเป็นคอนโดมิเนียมที่มีระดับราคาขายต่อหน่วยอยู่ที่ประมาณ 1.5 – 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการมากที่สุด หรือระดับราคาขายต่อตารางเมตรอยู่ระหว่าง 60,000 – 80,000 บาท ต่อ ตารางเมตร และกลุ่มผู้ซื้อคือ ผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) และอาจมีนักลงทุนบ้าง 

นางสาวริษิณี ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯว่า ทิศทางตลาดคอนโดมิเนียมยังมีความท้าทายอยู่มาก ถึงแม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะมีแนวโน้มดีขึ้น และผู้ประกอบการได้เริ่มหันมาเปิดขายคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา คาดว่าในระยะเวลา 6 เดือนที่เหลืออยู่ของปีนี้ ผู้ประกอบการจะเริ่มกลับมาเปิดขายคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ 

คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะมีอุปทานใหม่คอนโดมิเนียมอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 20,000 หน่วย และคาดว่าจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่ของคอนโดมิเนียมในปีนี้จะมีประมาณ 25,000 – 30,000 หน่วย โดยหน่วยเปิดขายใหม่จะเป็นคอนโดมิเนียมที่มีระดับราคาขายต่อหน่วยอยู่ที่ประมาณ 1.5 – 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการมากที่สุด หรือระดับราคาขายต่อตารางเมตรอยู่ระหว่าง 60,000 – 80,000 บาท ต่อ ตารางเมตร และกลุ่มผู้ซื้อคือ ผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) และอาจมีนักลงทุนบ้าง 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


‘เมเจอร์’ งัดที่ดิน ‘สุขุมวิท-อารีย์’ ลุยตลาดบ้านแพง

เมเจอร์  สบโอกาส งัดที่ดินหายากใจกลางสุขุมวิท-อารีย์ ผุดบ้านแพง กระชากยอดขายสร้างรายได้ปี 2563 นอกจากระบายสต็อก  

นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท มีที่ดินจำนวนมากเข้ามาในมือ โดยบางแปลงอยู่ในทำเลศักยภาพหายาก แต่ติดข้อจำกัด โดยเฉพาะการนำมาพัฒนาคอนโดฯ ขณะเดียวกัน พบข้อมูลจากลูกค้าเก่า โดยมีบางส่วนต้องการสินค้าที่อยู่ในโลเกชันใจกลางเมือง พื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ 400 ตร.ม ขึ้นไป ประกอบกับ เล็งเห็นว่า ตลาดอสังหาฯ ยังมีโอกาส ในตลาดแนวราบระดับซูเปอร์ลักชัวรี เนื่องจากพบมีดีมานด์ความต้องการสูงทั้งสม่ำเสมอ ทั้งช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด หรือ มีโควิดแล้วก็ตาม เพราะกลุ่มลูกค้ามีความอ่อนไหวต่อปัจจัยเศรษฐกิจต่ำกว่าตลาดอื่นๆ และเป็นตลาดที่ไม่ค่อยมีซัพพลายใหม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในทำเลทองใจกลางเมืองหายาก อย่างย่านสุขุมวิท และอารีย์ จึงมองเป็นโอกาสสำคัญ ในการเปิดตัวแบรนด์บ้านแฟล็กชิพระดับซูเปอร์ลักชัวรี “Malton Private Residences” รวม 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.15 พันล้านบาท รวม 15 ยูนิต ราคามากกว่า 62 ล้านบาท (เฉลี่ย 1.5 แสนบาทต่อตารางเมตร)  ซึ่งจะเป็นเพียง 2 โครงการที่เปิดใหม่ในปีนี้ และนับเป็นการกลับมาพัฒนาแนวราบตลาดซูเปอร์ลักชัวรีในรอบ 20 ปีของบริษัทอีกด้วย โดยหวังจะเป็นส่วนในการช่วยผลักดันยอดขายและรายได้ของธุรกิจในปี 2563 อีกทาง

เพชรลดา พูลวรลักษณ์

“แบรนด์บ้านแพง เป็นอีก Ready to move in ทางรายได้ของบริษัท จากมูลค่าต่อยูนิตราคาสูง นอกจากแคมเปญกระตุ้นการปิดโครงการในกลุ่มคอนโดฯแล้ว 2 โครงการเปิดใหม่ดังกล่าว ก็คาดจะสามารถปิดการขายได้ภายในปีนี้ หลังจากล่าสุดมีการซื้อเซ็นสัญญาแล้วรวม 4 ยูนิต และอยู่ระหว่างพูดคุยอีกหลายหลัง ชูจุดเด่นความชำนาญ และทำเลที่ตั้ง ที่ไม่มีแม้แต่คู่แข่ง”

ทั้งนี้ บริษัท ยังอยู่ระหว่างการเฟ้นหาที่ดินหายากในทำเลอื่นๆ โดยเฉพาะในไพร์มโลเกชันซึ่งมีการวางเงินและพิจารณาไว้บางส่วน เพื่อหวังต่อยอดพัฒนาสินค้าในกลุ่มดังกล่าว ในรูปแบบและแบรนด์ใหม่ๆ ควบคู่กับการวางแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมในอนาคตอีกด้วย นอกเหนือไปจากการเร่งระบายสต๊อกเก่าในขณะนี้ 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ธนาคารซิตี้แบงก์ คาดเศรษฐกิจโลกหนักหดตัวติดลบ 3.5%

ธนาคารซิตี้แบงก์ คาดเศรษฐกิจโลกหนักหดตัวติดลบ 3.5%

ธนาคารซิตี้แบงก์ คาดเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวกลับมาเป็นบวก 5.5% ในปี 64 แนะลงทุนกระจายความเสี่ยงในหลากหลายสินทรัพย์

นายบุญนิเศรษฐ์ ธัญวรอนันต์ ที่ปรึกษาทางการลงทุน ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า นักวิเคราะห์ซิตี้คาดการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ติดลบ 3.5% ก่อนที่ตลาดโลกจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว 5.5% ในปี 2564 ในขณะที่ระดับอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.8% และเพิ่มขึ้นเป็น 2.4% ในปี 2564 จากปัจจัยแนวโน้มความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก เช่น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ความไม่แน่นอนด้านภูมิศาสตร์การเมืองที่ยังคงตึงเครียด สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ผันผวนตลอดปีที่ผ่านมา ในขณะที่เศรษฐกิจระดับภูมิภาคคาดว่ากลุ่มตลาดเกิดใหม่ชะลอตัวลงเล็กน้อย -1.5% และคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวขึ้น 6.4% ในปี 2564 ในทางกลับกันด้านตลาดพัฒนาแล้วมีแนวโน้มการเติบโตชะลอตัว -5% ในปีนี้จากผลกระทบของโควิด-19 ตลอดจนความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ ส่งผลให้การลงทุนมีความความท้าทายสูง ถึงแม้ว่าตลาดทุนทั่วโลกกลับตัวบวก 40.6% จากจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม แต่ก็ยังติดลบ 4% เมื่อเทียบกับต้นปี (ข้อมูลเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2563 – วันที่ 23 มิถุนายน 2563)

นายบุญนิเศรษฐ์ กล่าวเพิ่มเติม ทั้งนี้นักวิเคราะห์ซิตี้คาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปีนี้อาจทำให้ระบบเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอยอย่างหนัก แต่ระบบเศรษฐกิจทั่วโลกจะเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากมาตรการคลายล็อคดาวน์ของหลายประเทศและการที่สามารถเริ่มควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ และโดยเฉพาะหากมีการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคได้สำเร็จ โดยจีดีพีของสหรัฐอเมริกาในปีนี้คาดว่าจะหดตัว 3.3% แต่เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้ง จากอัตราการว่างงานที่ลดลง รวมถึงยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินและคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับ 0% – 0.25% รวมทั้งรัฐบาลสหรัฐมีแผนอัดฉีดเงินมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของประเทศ

ในขณะที่คาดการณ์เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียในปีนี้จะโต 0.5% โดยเฉพาะประเทศจีนที่อาจโตแตะ 2.4% เนื่องจากความต้องการภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเห็นได้จากประเทศจีนที่แม้เป็นประเทศแรกที่เผชิญหน้ากับไวรัส แต่ก็เริ่มเห็นการกลับมาทำกิจกรรมในประเทศที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยไตรมาส 1 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ด้านเศรษฐกิจอื่น ๆ พบว่าช่วงไตรมาส 2 ส่วนใหญ่ยังคงเห็นการถดถอยอยู่ก่อนที่จะมีการค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มกลับมามีการฟื้นตัวใหม่อีกครั้ง แนวโน้มจะเป็นการฟื้นตัวแบบไม่เท่ากันในแต่ละภูมิภาค

ด้านน้ำมันยังคงเป็นที่น่าจับตา โดยน้ำมันดิบยังมีอุปสงค์สวนทางกับอุปทานจึงคาดว่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 42 และ 38 ดอลลาร์สหรัฐต่อบารร์เรลตามลำดับ ส่วนทองคำยังเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,600 -1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และมีแนวโน้มว่ามูลค่าเฉลี่ยจะขยับขึ้นในระดับประมาณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในปี 2564

ส่วนค่าเงินต้องจับตาเป็นพิเศษเพราะยังคงมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้คาดยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลงในระยะกลางถึงระยะยาวจากปัจจัยการขยายงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เพื่อตอบสนองสภาพคล่องต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนกรอบความเคลื่อนไหวเงินบาทไทยคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 31.0 – 31.3 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ นักวิเคราะห์ซิตี้ ยังคงมีมุมมองบวกต่อหุ้นวัฎจักรที่คาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมแนะนักลงทุนให้น้ำหนักในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ภูมิภาคเอเชียและกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี สุขภาพ กลุ่มโทรคมนาคมและเทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชั่น (Digitalization) รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา สกุลเงินเยน ตลอดจนการลงทุนในทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งจะสามารถช่วยเสริมความมั่นคงให้กับพอร์ทโฟลิโอการลงทุน พร้อมกันนี้แนะให้เฝ้าติดตามประเด็นสำคัญของสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาผลประโยชน์ในระยะยาวและลดความเสี่ยงจากการลงทุนท่ามกลางสภาวะผันผวน

นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทยกล่าวว่า ซิตี้แบงก์ได้มีการพัฒนาธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบนอย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น โดยวางกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าระดับบนและการพัฒนาการให้บริการด้านการบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจรสำหรับกลุ่มลูกค้าดังกล่าวผ่านกลยุทธ์ต่าง ๆ ล่าสุดร่วมกับพาร์ทเนอร์ UBS และ JP Morgan นำเสนอกองทุนรวมชั้นนำของโลกเพื่อเพิ่มทางเลือกการกระจายความหลากหลายการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถกระจายการลงทุนได้ในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้แก่ กองทุน UBS China A Opportunity fund, UBS China Opportunity fund, JP Morgan China Pioneer fund, JP Morgan US Technology fund นอกจากนี้ ธนาคารฯ ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลแบงก์กิ้งอย่างต่อเนื่อง เพื่อประสบการณ์การลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในสถานการณ์ช่วงนี้ที่ลูกค้าอาจจะไม่สะดวกในการเดินทางมาที่สาขาได้เช่นเคย อาทิเช่น พัฒนาฟีเจอร์ Authorization corner หรือ เอกสารการทำธุรกรรมในซิตี้โมบายล์แอปและซิตี้แบงก์ออนไลน์ เพิ่มเติมจากได้เปิดตัวไปในปีที่แล้ว ที่ให้ลูกค้าสามารถยืนยันรายการซื้อขายกองทุนและตราสารหนี้ได้ง่าย ๆ สะดวก รวดเร็ว หลังจากที่ลูกค้าสนทนาแจ้งความต้องการการลงทุนกับผู้ดูแลบัญชีส่วนตัวและเลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้ลูกค้าสามารถยืนยันการทำธุรกรรมการลงทุน โดยฟีเจอร์นี้ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ในปีนี้ทางธนาคารฯ ก็ได้มีการขยายบริการการยืนยันการธุรกรรมให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเพิ่มเติมบริการในการเปิดบัญชีเงินฝากและการทำธุรกรรมการโอนเงินผ่าน Authorization corner อีกด้วย รวมถึงในอนาคตเราก็มีแผนจะขยายการใช้งานของฟีเจอร์นี้ไปถึงเอกสารประเภทอื่น ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้นไปอีก

ทั้งการแลกเงินและโอนเงินไปต่างประเทศเป็นเรื่องง่ายกับซิตี้แบงก์ ลูกค้าสามารถโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารซิตี้แบงก์ได้ทั่วโลกผ่านช่องทางออนไลน์ โดยปลายทางได้รับเงินทันทีและไม่เสียค่าใช้จ่าย และเมื่อเร็วๆ นี้เราได้พัฒนาบริการโอนเงินไปต่างประเทศแบบผ่าน Swift ให้ครอบคลุมถึง 38 สกุลเงิน ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถรู้อัตราแลกเปลี่ยนและจำนวนเงินโอนในสกุลท้องถิ่นที่แน่นอนได้ทันที นอกจากนี้ เรามีบริการซิตี้แบงก์ โกลบอล วอลเล็ท ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถใช้จ่ายจากบัญชีสกุลเงินต่างประเทศได้โดยตรงผ่านบัตรซิตี้แบงก์ เดบิต มาสเตอร์การ์ด ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายออนไลน์หรือในต่างประเทศ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนเงินเพิ่มเติม ซึ่งลูกค้าสามารถแลกเงินไว้เพื่อใช้จ่ายได้มากถึง 8 สกุลเงินผ่านซิตี้โมบายล์แอป โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเช่นกัน

ธนาคารฯ ยังได้มีการปรับเปลี่ยนสิทธิพิเศษที่มอบให้กับกลุ่มลูกค้าที่เปิดบัญชีตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2563 และลูกค้าปัจจุบันที่ยืนยันตอบรับเอกสิทธิ์ใหม่ผ่านทาง SMS ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 เพื่อให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และลูกค้ายังคงสามารถใช้สิทธิพิเศษที่ทางธนาคารฯมอบให้ได้อย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น เครดิตสำหรับการสั่งอาหารส่งตรงถึงบ้านจากร้านอาหารชื่อดังระดับมิชลินสูงสุด 30,000 บาท/ปี เอกสิทธิ์สำหรับลูกค้าซิตี้โกลด์ อีลีท ที่มีเงินฝากและ/หรือเงินลงทุนกับธนาคารฯ ตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป เครดิตเงินคืนจากการชำระค่าบริการผ่าน Grab แอปพลิเคชันในประเทศไทยสูงสุด 1,500 บาท/เดือน และเครดิตเงินคืนสำหรับการใช้จ่ายที่ร้านสตาร์บัคส์ ประเทศไทย สูงสุด 500 บาท/เดือน เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


“เห็ด” อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ

“เห็ด” อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ thaihealth

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยประโยชน์ของเห็ด อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ พร้อมย้ำช่วงหน้าฝนเลี่ยงกินเห็ดแปลกที่เป็นภัยถึงชีวิต

นายแพทย์สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า เห็ดเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีประกอบด้วยใยอาหาร โปตัสเซียมสูง โซเดียม และวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินบีที่จะช่วยควบคุมการทำงานของระบบย่อยอาหาร รวมทั้งซีลีเนียม ทำหน้าที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และโปตัสเซียม ที่ช่วยควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ ปรับสมดุลของน้ำในร่างกาย การทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทต่างๆ ที่ช่วยเสริมการทำงานของธาตุเหล็ก

นอกจากนี้ เห็ดชนิดต่างๆ เช่น เห็ดหอม เห็ดนางรม  เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหูหนู เห็ดแชมปิญอง เห็ดโคน เห็ดออรินจิและเห็ดเข็มทอง ยังประกอบด้วยโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide) ที่จะทำงานร่วมกับแมคโครฟากจ์ (macrophage) ทำหน้าที่ทำลายเซลล์แปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย รวมถึงช่วยเสริมภูมิต้านทานที่ดี ซึ่งก่อนนำเห็ดมาปรุงประกอบอาหาร ต้องล้างน้ำให้สะอาดหลายๆ ครั้ง และปรุงให้สุกร้อนก่อนกินทุกครั้ง

“ทั้งนี้ ในช่วงฤดูฝนของทุกปี มักพบผู้ป่วยและเสียชีวิตจากการกินเห็ดพิษที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยเห็ดที่มีพิษรุนแรงถึงชีวิตที่พบได้บ่อยคือ เห็ดระโงกหิน เห็ดระงาก หรือเห็ดสะงาก และเห็ดไข่ตายซาก ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับเห็ดระโงกที่กินได้ ประชาชนควรหลีกเลี่ยงเห็ดที่มีลักษณะสีน้ำตาล เห็ดที่ปลอกหุ้มโคน เห็ดที่มีวงแหวนใต้หมวก เห็ดที่มีโคนอวบใหญ่ เห็ดที่มีปุ่มปม เห็ดที่มีหมวกสีขาว เห็ดที่มีหมวกเห็ดเป็นรูๆ แทนที่จะเป็นช่องๆ คล้ายครีบปลา เห็ดตูมที่มีเนื้อในสีขาว เห็ดที่ขึ้นในมูลสัตว์หรือใกล้มูลสัตว์ รวมทั้งไม่ควรเก็บหรือซื้อเห็ดป่าที่ไม่รู้จักมาปรุงอาหาร หรือกินแบบดิบเด็ดขาด” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


Conjunctions วิธีใช้ คำเชื่อม ภาษาอังกฤษ มีอะไรบ้าง ใช้อย่างไร ตัวอย่างประโยค

ในการสื่อสาร หากเราไม่มีคำเชื่อมประโยค คงทำให้ดูแปลกๆ หรือต้องพูดจนเหนื่อย อย่างเช่น ฉันไปทำงาน เขาไปทำงาน พอใช้คำเชื่อม ก็พูดแค่ว่า ฉันและ(and)เขาไปทำงาน […]

ในการสื่อสาร หากเราไม่มีคำเชื่อมประโยค คงทำให้ดูแปลกๆ หรือต้องพูดจนเหนื่อย อย่างเช่น ฉันไปทำงาน เขาไปทำงาน พอใช้คำเชื่อม ก็พูดแค่ว่า ฉันและ(and)เขาไปทำงาน ก็รู้แล้วว่าไปทำงานกันทั้ง 2 คน โดยไม่ต้องพูดเนื้อเรื่องเดิมเดียวกันซ้ำๆ และยังมีคำอื่นๆ ที่ใช้แสดงความสอดคล้อง แสดงทางเลือก หรือแสดงความขัดแย้งกัน เรามาเรียนรู้กันครับว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว มีคำว่าอะไร และใช้อย่างไร

Conjunction สันธาน คำเชื่อม ในภาษาอังกฤษ ที่ควรรู้ มีดังต่อไปนี้

Conjunctive Adverb

Conjunctive Adverb  เป็น  Transitional words ที่ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่าง 2 ประโยค โดยเพิ่มเติมข้อมูลจากที่กล่าวมา เปรียบเทียบ อธิบาย

ตัวอย่าง Conjunctive Adverb เช่น

however     furthermore     accordingly
therefore     consequently     hence
moreover     then     meanwhile
otherwise     also     likewise
nevertheless     besides     thus

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Sue is pretty ; moreover, she is generous.
Sue held her cat ; meanwhile, her brother washed it.

Correlation Conjunction

Correlation Conjunction เป็นสันธาน หรือตัวเชื่อมที่ใช้เป็นคู่ในการเชื่อมข้อความหรือประโยค
ตัวอย่าง Correlation Conjunction  เช่น

either…..or
neither…..nor
both…..and
not only…..but..also

การใช้ either กับ neither

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Sue is not only pretty, but she is also generous.
Both Bie and Gubgib  go to school by bus.

Coordinate Conjunctions

มักใช้เชื่อม 2 ส่วนที่เสมอภาคกัน
เช่น เชื่อมระหว่างนามกับนาม หรือ คำวิเศษณ์กับคำวิเศษณ์ หรือ  กริยากับกริยา หรือ ประโยคกับประโยค

ตัวอย่าง Coordinate Conjunctions ได้แก่

and  ใช้เชื่อมแสดงความคล้อยตาม และเพิ่มเติมข้อมูล
or, nor แสดงการเลือกหรือเปรียบเทียบ
so  มักนำหน้าผล
for  มักจะนำหน้าสาเหตุหรือ เหตุผล
but, yet  ใช้แสดงความขัดแย้ง

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Don and I always play tennis at school.
Sue went to bed but couldn’t sleep.
Jame didn’t study, so he failed the exam.

* การใช้ Prefer  และ Like….better than

การใช้ Prefer  และ  Like….better than  สรุปได้ดังนี้

การใช้ Prefer

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Sue prefers dogs to cats.
Jame prefers watching TV to studying.

การใช้  Like…..better than

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Sue likes dogs better than cats.
Jame likes watching TV better than studying.

* การใช้ like , alike , the same, similar, different

การใช้ like และ alike
การใช้ like ที่มีความหมายว่าเหมือน
จะใช้  to be + like + Noun

ส่วนการใช้ alike  จะไม่ต้องมี Noun ตามหลัง
ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
My car is like your pen.
My car and your car are alike.

การใช้ the same  จะตามด้วย as
ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
This pen is the same as that one.

การใช้ similar  จะตามด้วย  to
ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
This pen is similar to that one.

การใช้  different  จะตามด้วย  from
ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
This pen is different  from that one.

ขอบคุณข้อมูลจาก tonamorn.com


 ส่องสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า 2 รุ่นใหม่ ของเล่นไฮเทค“เสียวหมี่”

ในงาน Ecosystem Product Lounch 2020  ล่าสุดของเสียวหมี่  (Xiaomi) ยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีของจีน  ได้เปิดตัวของเล่นไฮเทคออกมาเป็นจำนวนมาก เพื่อเติมเต็มระบบนิเวศภายใต้แบรนด์ Mi

ของเล่นไฮเทคที่น่าสนใจในงานเปิดตัวครั้งนี้ เห็นจะเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ที่เสียวหมี่เคลมว่ามียอดขายมากที่สุดในโลก

โดยงาน งาน Ecosystem Product Lounch 2020 เสียวหมี่ ได้เปิดตัวสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า  2 รุ่น คือ Mi Electric Scooter Pro  ใช้มอเตอร์ 300 W พร้อมยางขนาด 8.5 นิ้ว สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 25 กม./ชม. วิ่งได้ไกล 45 กม. ด้านความปลอดภัยมาพร้อมระบบเบรกคู่ทั้ง eABS และดิสก์เบรก โดยที่มีเบรกทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ปลอดภัยกว่าสกู๊ตเตอร์หลายๆ รุ่นในท้องตลาดที่จะให้เบรกมาแค่ตัวเดียว  ฉนนราคาวางจำหน่ายประมาณ 17,900 บาท

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ว่านกีบแรด สรรพคุณและประโยชน์ของว่านกีบแรด 26 ข้อ !

กีบแรด

ว่านกีบแรด

ว่านกีบแรด ชื่อสามัญ Giant fern, Mule’s-foot fern[8]

ว่านกีบแรด ชื่อวิทยาศาสตร์ Angiopteris evecta (G. Forst.) Hoffm. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Polypodium evectum G. Forst.) จัดอยู่ในวงศ์ MARATTIACEAE[1]

สมุนไพรว่านกีบแรด มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า กีบแรด (แพร่), ปากูปีเละ ปียา (ปัตตานี), กีบม้าลม (ภาคเหนือ), ว่านกีบม้า (ภาคกลาง), ปากูดาฆิง (ภาคใต้), ดูกู (มลายู-ภาคใต้), โด่คเว่โข่ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน), เฟิร์นกีบแรด, กูดกีบม้า, ผักกูดยักษ์ เป็นต้น[1],[4],[6],[7]

ลักษณะของว่านกีบแรด

  • ต้นว่านกีบแรด จัดเป็นพรรณไม้จำพวกเฟิร์น มีความสูงได้ประมาณ 60-180 เซนติเมตร โคนต้นพอง อยู่ติดกับพื้นผิวดิน มีหัวลักษณะเป็นกีบอยู่ใต้ดิน[1] ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการแยกหน่อ พรรณไม้ชนิดนี้ปลูกเลี้ยงยาก มีเขตการกระจายพันธุ์กว้าง ตั้งแต่ไต้หวัน ภูมิภาคมาเลเซีย โพลีนีเซีย จนถึงออสเตรเลีย ในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ มักพบขึ้นเองตามสภาพของเขา ตามป่าชื้น ป่าดิบเขาที่มีร่มเงาและมีความชื้นสูง ใกล้แหล่งน้ำ ตามที่รกร้างทั่วไป หรือภายในสวนพฤกษศาสตร์ โดยเฉพาะตามห้วยต่าง ๆ[5],[8]

ต้นว่านกีบแรด

เฟิร์นกีบแรด

  • หัวว่านกีบแรด หัวมีลักษณะคล้ายกับกีบเท้าของแรดหรือกระบือ หัวเป็นสีน้ำตาลแก่ เมื่อนำมาหักดูภายในจะเป็นสีเหลืองคล้ายขมิ้น และมีรสเย็นฝาด[3]

ว่านกีบแรด

  • ใบว่านกีบแรด ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก 2 ชั้น ใบรวมทั้งหมดยาวประมาณ 1.8-4.5 เมตร และกว้างได้ถึง 2 เมตร ใบย่อยมีลักษณะเป็นรูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบมนไม่เท่ากันหรือเป็นรูปหัวใจตื้น ๆ และเบี้ยว ส่วนขอบใบจักมน จักเป็นฟันเลื่อย หรือจักถี่ ๆ ตลอดทั้งขอบใบ ใบย่อยมีขนาดกว้างประมาณ 1-4 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร หลังใบและท้องใบเรียบ เนื้อใบค่อนข้างหนา อวบน้ำ มีเมล็ดสีน้ำตาล หลังใบด้านบนเป็นสีเขียวเข้มเป็นมัน ส่วนด้านล่างเป็นสีเขียวอ่อน เส้นแขนงใบอิสระแยกสาขาเป็นคู่ จำนวนมาก ก้านใบย่อยบวม ยาวประมาณ 3-8 มิลลิเมตร ก้านใบร่วมมีขนาดใหญ่ ลักษณะอวบกลม ตามใบแก่จะมีอับสปอร์สีน้ำตาล เรียงติดกันเป็นแถวอยู่ใกล้กับขอบใบตรงด้านท้องใบ กลุ่มอับสปอร์จะอยู่ห่างจากขอบใบประมาณ 1 มิลลิเมตร ลักษณะเป็นรูปรี ประกอบด้วย 7-12 อับสปอร์ ผนังเชื่อมติดกัน ไม่มีเยื่อคลุมกลุ่มอับสปอร์[1],[8]

กูดกีบม้า

ใบว่านกีบแรด

สรรพคุณของว่านกีบแรด

  1. หัวว่านกีบแรดมีรสจืดเย็นฝาด มีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ และบำรุงกำลัง (หัว)[1],[6],[8] คนเมืองจะใช้หัวว่านกีบแรดนำมาสับแล้วตากให้แห้ง นำมาบดผสมกับน้ำผึ้งเดือนห้า ดีปลี และพริกไทย ปั้นเป็นลูกกลอน กินเป็นยาบำรุงกำลัง (หัว)[4]
  2. ตำรับยาบำรุงเลือดและบำรุงกำลัง ระบุให้ใช้หัวว่านกีบแรดหั่นตากดองกับเหล้าหรือต้มกับน้ำกิน (หัว)[6]
  3. หมอยาพื้นบ้านในสามจังหวัดภาคใต้จะใช้สมุนไพรชนิดนี้เป็นยารักษาโรคมะเร็งและโรคหัวใจ ด้วยการใช้หัวว่านกีบแรดและหัวกระทือหั่นตากแห้ง นำมาต้มกับน้ำดื่ม ส่วนแบนุ หมอยาปัตตานี ก็ใช้หัวว่านกีบแรดเป็นยารักษาโรคมะเร็งเช่นเดียวกัน โดยจะใช้หัวนำมาต้มกับแก่นขี้เหล็ก แล้วนำน้ำที่ได้มาดื่มกินเป็นประจำ (หัว)[6]
  4. หมอยาภาคใต้จะใช้หัวตากแห้งใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นประจำจะช่วยควบคุมน้ำตาลในโรคเบาหวาน (หัว)[6]
  5. ใช้เป็นยาลดความดัน ด้วยการใช้หัวนำมาหั่นตากแห้ง ต้มกับน้ำกิน (หัว)[6]ตำรับยาแก้อาการนอนไม่หลับ ระบุให้ใช้ว่านกีบแรด รากหญ้าคา รากหญ้านาง และเนระพูสี อย่างละพอสมควร นำมาต้มให้เดือด ใช้ดื่มก่อนนอน 1 แก้ว จะช่วยทำให้หลับสบายดี (หัว)[9]
  1. ตำรับยาแก้อาการนอนไม่หลับ ระบุให้ใช้ว่านกีบแรด รากหญ้าคา รากหญ้านาง และเนระพูสี อย่างละพอสมควร นำมาต้มให้เดือด ใช้ดื่มก่อนนอน 1 แก้ว จะช่วยทำให้หลับสบายดี (หัว)[9]
  2. หัวใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ไข้ตัวร้อน แก้ไข้พิษ ไข้กาฬ (หัว)[1],[3]
  3. หัวใช้ปรุงเป็นยาแก้พิษตานซางในเด็ก (หัว)[1],[3]
  4. หัวใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้กำเดา (หัว)[1]
  5. ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (หัว)[1],[2]
  6. ช่วยแก้ตาเจ็บ (หัว)[1]
  7. หัวใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้แผลในปากและในคอ ด้วยการใช้หัวว่านกีบแรด นำมาฝนกับน้ำหรือต้มเคี่ยว ใช้เป็นยาทาหรืออมไว้ให้ตัวยาสัมผัสกับแผล (หัว)[1],[6]
  8. ช่วยแก้น้ำลายเหนียว แก้อาเจียน (หัว)[1],[2]
  9. ใบสดทั้งอ่อนและแก่ ใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ไอ (ใบแก่)[1],[3],[8]
  10. หัวมีสรรพคุณเป็นยาฝาดสมาน ใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ท้องร่วง (หัว)[1],[2],[3]
  11. หัวมีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะ (หัว)[1],[2],[6]
  12. รากว่านกีบแรดมีรสจืดเย็นฝาด มีสรรพคุณเป็นยาห้ามเลือด (ราก)[1],[2],[3]
  13. ใช้เป็นยาแก้ฝีหัวคว่ำ (หัว)[1]
  14. ใช้เป็นส่วนผสมอย่างหนึ่งในตำรับยา โดยใช้ทั้งต้นนำมาต้มหรือแช่กับน้ำไว้ครึ่งวัน ใช้อาบแก้ผื่นคัน (ทั้งต้น)[7]
  15. ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนจะใช้โคนก้านใบที่อยู่ใต้ดิน นำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้อาการตัวบวม (โคนก้านใบ)[4]
  16. ใบอ่อนนำมาทุบ แล้วนำไปต้ม ใช้ประคบหัวเข่า เป็นยาแก้อาการปวด (ใบอ่อน)[4]
  17. หมอยาจังหวัดเลย (ตาเพ็ง สุขนำ) จะใช้ว่านกีบแรดเป็นยาลดบวม แก้อาการปวดเมื่อย (หัว)[6]
  18. หัวนำมาหั่นตากดองกับเหล้าหรือต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้อาการปวดหลัง ปวดเอว (หัว)[6]
  19. ว่านกีบแรดจัดอยู่ในตำรับยา “ยาเขียวหอม” ซึ่งเป็นตำรับยาที่มีส่วนประกอบของว่านกีบแรดร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ อีกในตำรับ โดยมีสรรพคุณเป็นยาบรรเทาอาการไข้ ร้อนในกระหายน้ำ แก้พิษหัด พิษอีสุกอีใส (หัว)[10]

วิธีใช้ : การใช้หัวตาม [1] ให้นำมาต้มกับน้ำกินเป็นยา ส่วนมากจะใช้คู่กับว่านร่อนทอง (Globba malaccensis Ridl.)[1],[3]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของว่านกีบแรด

  • จากการศึกษาในห้องทดลองพบว่า สารในว่านกีบแรดมีฤทธิ์ในการยับยั้งมะเร็ง แต่มีฤทธิ์น้อย นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อ HIV (HIV-1reverse transcriptase) อีกด้วย (สมจินตนา ทวีพานิชย์)[6]

ประโยชน์ของว่านกีบแรด

  • ใบมีรสเฝื่อน ใบอ่อนสามารถนำมารับประทานเป็นผักได้[1],[2] ด้วยการนำมาลวกกินกับน้ำพริก ลาบ ป่น แจ่ว[4],[7]
  • นิยมนำมาปลูกใส่กระถางเป็นไม้ประดับทั่วไป[5]

ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 27,550.00 27,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,785.00 27,060.60 28,150.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,606.50 24,354.54 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,428.00 21,648.48 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 803.00 12,173.48 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 625.00 9,475.00 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,850.00 28,046.00 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 22/07/2563

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 21.55 21.55 21.85 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55
แก๊สโซฮอล์ 91 21.28 21.28 21.58 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28
แก๊สโซฮอล์ E20 20.04 20.04 20.34 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04 20.04
แก๊สโซฮอล์ E85 17.99 17.99
เบนซิน 95 28.96 29.41 29.46 28.96 28.96
ดีเซล 22.19 22.19 22.49 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19 22.19
ดีเซล B10 19.19 19.19 19.49 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19 19.19
ดีเซล B20 18.94 18.94 19.24 18.94 18.94 18.94 18.94 18.94
ดีเซลพรีเมี่ยม 26.64 26.66 28.94 28.64
แก๊ส NGV 15.31 15.31
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า